อัจฉริยะสมองเพชร 1738-1743

 ตอนที่ 1738 โจมตีนักปราชญ์โบราณ

ฟึ่บ!


เกิดแสงสว่างวาบบนฉนวนที่ปิดกั้นหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ จางเซวียนกับจ้าวหย่ากระเด็นออกมา


“พวกคุณจะไปไหน?”


เด็กวัยรุ่นทั้ง 8 พร้อมกับกลุ่มคนจำนวนหนึ่งจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์เข้าตีวงล้อมจางเซวียนกับจ้าวหย่าทันทีที่ทั้งคู่ปรากฏตัว


“อะไรกัน? คุณยังอยากถูกซ้อมหรือ?” จางเซวียนคำราม


เขาอุตส่าห์ไว้ชีวิตเด็กพวกนี้ ยังไม่รู้จักสำนึกบุญคุณอีก คิดว่าจะเล่นงานเขาได้ง่ายๆหรือไง?


“พวกเราอยากท้าดวลอย่างชอบธรรมกับคุณ หนึ่งต่อหนึ่ง แต่คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธหรืออสูร คุณกล้ารับคำท้าของพวกเราไหม?” เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งคำราม


“ท้าดวลอย่างชอบธรรม? แล้วเดิมพันคืออะไร?” จางเซวียนมองหน้าทั้งกลุ่มอย่างไม่แยแส


ถ้าไม่มีเดิมพัน เขาก็ไม่คิดจะเสียเวลาต่อสู้อย่างไร้ประโยชน์กับคนพวกนี้


ยังไม่ทันที่กลุ่มเด็กวัยรุ่นจะได้ตอบ เสียงนักปราชญ์โบราณคนหนึ่งก็ดังกึกก้อง “ก่อนหน้านี้ พี่หงเทียนได้มอบหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณให้คุณ 5 หยด ถ้าคุณเอาชนะพวกเขาในการดวลได้ ผมก็จะมอบหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณ 5 หยดให้คุณเป็นเดิมพัน!”


“นี่คือเดิมพันที่พวกเราพร้อมมอบให้ แล้วคุณมีอะไรจะเสนอ?”


“ผมมีอะไรจะเสนอ?” จางเซวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “ผมจะไว้ชีวิตพวกเขา!”


“….” นักปราชญ์โบราณรู้สึกเจ็บแปลบในอก


ถึงตอนนี้ ก็ยังไม่แน่นอนว่าใครจะชนะดวล แถมผมยังเสนอจะมอบหยดเลือด 5 หยดของนักปราชญ์โบราณให้คุณด้วย แล้วนี่คือสิ่งที่คุณเสนอให้ผมหรือ? แน่ใจใช่ไหมว่าตัวเองจะชนะ?


“ถ้าคุณแพ้ คุณต้องมอบผืนผ้าใบสี่ฤดูให้พวกเรา!”


“จริงด้วย! คุณต้องนำผืนผ้าใบสี่ฤดูมาเป็นเดิมพัน!”


…..


เด็กวัยรุ่นคนอื่นๆตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน


แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเสียง ก็เห็นจางเซวียนมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาราวกับกำลังมองคนโง่เง่า “พวกคุณฝันไปหรือเปล่า? คิดว่าหยดเลือดของบรรพบุรุษเก่าแก่ของคุณเพียงไม่กี่หยดจะล้ำค่าพอให้ผมนำผืนผ้าใบสี่ฤดูออกมาเป็นเดิมพันหรือ?”


“ถะ-ถ้าอย่างนั้น…เราก็ไม่รับเดิมพันของคุณเหมือนกัน เพราะถ้าคุณแพ้ดวล พวกเราก็ไม่ได้อะไรจากการดวลครั้งนี้เลย!”


กลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ประท้วงอย่างโกรธเกรี้ยว


นักปราชญ์โบราณของ100 สำนักแห่งนักปราชญ์ยิ่งเจ็บปวดหัวใจกว่าเดิม


“มันไม่ใช่กงการอะไรของผมเลยนี่ จริงไหม? ผมไม่ได้สนใจอยากดวลกับพวกคุณสักหน่อย ถ้าคุณไม่อยากสู้กับผม ก็ยกเลิกการดวลซะ” จางเซวียนพึมพำขณะยืดหลังบิดขี้เกียจ


เขาไม่เคยคิดจะดวลกับกลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น จะได้ดวลหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่


“เอาอย่างนี้ดีไหม พวกเราจะแลกหยดเลือด 5 หยดกับการได้รับโอกาสให้เข้าไปฝ่าด่านวรยุทธในผืนผ้าใบสี่ฤดูของคุณ” นักปราชญ์โบราณจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์เสนอแนะ


“อืมมม…ก็ยังไม่น่าฟังสำหรับผมอยู่ดี ผมเป็นแค่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติโลกจารึก ขณะที่เหล่าทายาทของคุณล้วนเป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก ห่างกันถึง 2 ขั้นเต็มๆนะ มันไม่เป็นการเอาาเปรียบผมไปหน่อยหรือหากไม่อนุญาตให้ผมใช้ของล้ำค่าและอสูร?” จางเซวียนถาม


“ผมจะให้พวกเขาลดระดับวรยุทธให้เท่ากับคุณ” นักปราชญ์โบราณจาก100 สำนักแห่งนักปราชญ์ตอบ


ก็ถือว่าไม่ยุติธรรมจริงๆที่พวกเขาจะกำหนดกฎเกณฑ์เข้มงวดเกินไปกับอีกฝ่าย แถมยังส่งคู่ต่อสู้ที่มีวรยุทธสูงกว่าไปดวลกับเขาด้วย


“ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมเลย เริ่มกันเถอะ!” จางเซวียนพยักหน้าก่อนจะก้าวออกมา เขาหัวเราะหึๆ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เพื่อให้เราทั้งสองฝ่ายไม่เสียเวลา พวกคุณเข้ามาหาผมทีเดียวพร้อมๆกันเลย เพราะถ้าคุณเข้ามาทีละคน ผมอาจยั้งมือไม่ทัน ต้องขออภัยไว้ด้วยหากพวกคุณสองสามคนจะต้องเสียชีวิตในการดวลครั้งนี้!”


“คุณอยากสังหารพวกเราหรือ? ก็ลองดู!” เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งคำราม


เขาลดระดับวรยุทธลงไปเป็นขั้นร่างอันทรงเกียรติโลกจารึก ก่อนจะพุ่งเข้าใส่จางเซวียนและเปิดการโจมตีก่อน


ด้วยการใช้ศาสตร์ลับอันน่าทึ่งบางอย่าง การเคลื่อนไหวของเด็กวัยรุ่นคนนั้นรวดเร็วมาก ในชั่วพริบตา เขาก็มาอยู่ตรงหน้าจางเซวียน พลังฝ่ามือพุ่งลงจากด้านบนเข้าใส่ศีรษะของเขา


ในตอนนั้น เด็กวัยรุ่นคิดว่าเขาได้แต้มต่อ แต่ยังไม่ทันที่พลังฝ่ามือจะถึงตัวอีกฝ่าย ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกราวกับมีลมรั่วออกจากปอดทั้งสองข้างของเขา เมื่อก้มลงมอง ก็เห็นว่าฝ่ามือของอีกฝ่ายพุ่งตรงเข้าใส่แผงอกของเขาแล้ว


พลั่ก!


เด็กวัยรุ่นกระเด็นไปไกลก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง เขาไอและกระอักเลือดออกมากองใหญ่


เขาประหลาดใจเพราะยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจางเซวียนเล่นงานเขาตอนไหน ราวกับฝ่ามือของอีกฝ่ายพุ่งทะลุมิติเข้าใส่เขา!


“เข้ามาหาผมพร้อมๆกันเลย หนึ่งต่อหนึ่งน่ะพวกคุณสู้ผมไม่ได้หรอก!” จางเซวียนชำเลืองมองกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่เหลือ


“พวกเราลุยพร้อมกันเลย!”


เมื่อทั้งกลุ่มเห็นการต่อสู้ ก็รู้ทันทีว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของอีกฝ่ายเหนือชั้นกว่านักรบคนอื่นที่มีวรยุทธระดับเดียวกัน ไม่มีทางที่พวกเขาจะเอาชนะได้ด้วยการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง ต่างคนจึงไม่ลังเล พวกเขาพยักหน้าให้กันขณะพุ่งเข้าใส่จางเซวียนอย่างพร้อมเพรียง


ตุ้บ! พลั่ก! ปึ้ก!


ยังไม่ทันที่ทั้งกลุ่มจะถึงตัวจางเซวียน อีกฝ่ายก็พุ่งเข้าใส่พวกเขาแล้ว ราวกับเสือที่เล่นงานฝูงแกะ ไม่มีเด็กวัยรุ่นแม้แต่คนเดียวที่ต้านทานพละกำลังของจางเซวียนได้


ทุกคนล้วนแต่เป็นอัจฉริยะชั้นยอดของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ และภาคภูมิใจในประสิทธิภาพการต่อสู้ของตัวเองที่เหนือชั้นกว่านักรบรุ่นเดียวกัน แต่เมื่อเผชิญกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ความแข็งแกร่งที่พวกเขาเคยภาคภูมิใจนั้นกลับช่างน่าสมเพชและน่าหัวเราะ ราวกับพวกเขาเป็นเด็กน้อยที่กำลังเดินแถวต่อหน้าผู้ใหญ่คนหนึ่ง


“เขาทรงพลังขนาดนั้นได้อย่างไร?”


นักปราชญ์โบราณจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่รู้ทันทีว่าเหล่าทายาทของเขาต้องพ่ายแพ้การดวลแน่


แม้อีกฝ่ายจะเป็นแค่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติโลกจารึก แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาเทียบชั้นได้กับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานเลยทีเดียว!


ในบรรดาลูกศิษย์ลูกหามากมายของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ผู้เดียวที่มีความสามารถระดับนี้ก็คือขงซือเหยาเท่านั้น


เมื่อเฝ้าดูการต่อสู้อีกระยะหนึ่ง นักปราชญ์โบราณก็ได้เห็นความจริงอันน่าเจ็บปวดที่ว่าแม้จะสู้รบกันเป็นกลุ่ม พวกเขาก็ยังเทียบชั้นกับจางเซวียนไม่ได้เลยสักนิด


เขาไม่อยากยอมรับ แต่นักปราชญ์โบราณจาก100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็ถอนหายใจเฮือกและแนะนำว่า “พวกคุณสู้เขาไม่ได้หรอก…ยอมแพ้เถอะ!”


แต่ทันทีที่เขาพูดจบ เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น


ด้วยการโจมตีอย่างไม่ลดละของกลุ่มเด็กวัยรุ่นจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ จางเซวียนพลาดพลั้งทำเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวง เปิดช่องโหว่ไว้ชั่วขณะ เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งมีสายตาเฉียบแหลมมองเห็นโอกาสนี้และใช้นิ้วจิ้มเข้าที่จุดอ่อนของจางเซวียนทันที


ในช่วงเวลาของเหตุการณ์อันคาดไม่ถึงนั้น บางทีอาจเป็นเพราะจางเซวียนคิดว่าสายเกินไปแล้วที่เขาจะหลบเลี่ยงการโจมตี จึงยกมือขึ้นปล่อยพลังเล่นงานศีรษะของเด็กวัยรุ่นคนนั้นแทน


มันคือกระบวนท่าที่อาจสร้างความพินาศให้ทั้งสองฝ่าย เด็กวัยรุ่นอาจใช้นิ้วแทงทะลุหัวใจของจางเซวียนได้ แต่ศีรษะของเขาก็จะต้องแตกเป็นเสี่ยงๆและตายทันที


ที่สำคัญกว่านั้น เมื่อพิจารณาจากพละกำลังอันน่าสะพรึงในการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ ก็ถือว่าสายไปแล้วที่ทั้งสองฝ่ายจะถอนการโจมตี


“หยุดนะ!” นักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์คำรามอย่างร้อนรน กระแสพลังงานเข้มข้นโอบล้อมพื้นที่ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว สกัดกั้นมิติบริเวณนั้นไว้ ดูเหมือนนักปราชญ์โบราณจาก100 สำนักแห่งนักปราชญ์จะตัดสินใจเปิดการโจมตีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรม


แต่หลังจากปล่อยพลังงานไปได้เพียงครู่เดียว ชายหนุ่มที่อยู่ด้านล่างซึ่งเมื่อครู่นี้เกือบจะถูกแทงทะลุหัวใจก็เคลื่อนไหวอย่างเงอะงะและหลบเลี่ยงกระบวนท่าที่อาจทำให้เขาถึงแก่ความตายไปได้อย่างหวุดหวิด


จากนั้น กระบี่เล่มหนึ่งก็มาอยู่ในมือของเขา


ฟึ่บ!


นักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเป้าหมายของกระบี่เล่มนั้นไม่ใช่เหล่าทายาทของเขา แต่เป็นตัวเขาเอง!


“นี่มัน…อาวุธของนักปราชญ์โบราณ!” นักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์หรี่ตาด้วยความตกใจ


เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะจงใจเปิดเผยจุดอ่อนเพื่อยั่วยุให้เขาเปิดการโจมตี และจะได้ค้นหาตำแหน่งที่ซ่อนของเขา


นักปราชญ์โบราณพยายามหลบหนีทันที แต่ก็สายไป กระบี่แผ่รังสีโอบล้อมร่างของเขาไว้ ตรึงเขาให้หยุดนิ่งอยู่กับที่


วิ้งงงง!


ประกายคมปลาบสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ เลือดสดๆพุ่งออกมา


“ฮ่าฮ่า! คุณได้รับความสำนึกในบุญคุณอย่างสูงสุดจากผมนะสำหรับความใจกว้างของคุณ!” จางเซวียนหัวเราะหึๆขณะรีบเก็บหยดเลือดเหล่านั้นเข้าสู่น้ำเต้าที่เขาเตรียมไว้


รวมแล้วก็ได้หยดเลือดราว 20 หยด


หยดเลือด 5 หยดของนักปราชญ์โบราณไม่เพียงพอสำหรับการต่อสู้ของเขาอีกต่อไป นี่คือสิ่งที่จางเซวียนหมายตาไว้ตั้งแต่แรก!


ดูเผินๆ นักปราชญ์โบราณของ100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็มีทีท่าสุภาพดี แต่กลับเลือกที่จะมองข้ามพฤติกรรมโหดร้ายของเหล่าทายาทของตัวเอง ไม่ใส่ใจกับการที่เด็กกลุ่มนี้ลักพาตัวลูกศิษย์ของเขามาหาผลประโยชน์ ไม่เพียงเท่านั้น ยังใช้พละกำลังของตัวเองกดข่มจางเซวียนเพื่อยับยั้งไม่ให้เขาได้ตัวจ้าวหย่าด้วย


ไม่มีทางที่จางเซวียนจะยอมพลาดโอกาสที่จะได้เอาคืน!


“คุณ…”


เพราะเสียเลือดมากเกินไป นักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ถึงกับหน้าซีดด้วยความอ่อนเพลีย เขาเกิดความโกรธเกรี้ยวจากการถูกโจมตีอย่างกะทันหันและกำลังจะตอบโต้ ก็พอดีกับที่รู้สึกได้ถึงรังสีงามสง่าที่แผดกล้าออกมา


นั่นคือรังสีของบรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจาง, จางหงเทียน ซึ่งปรามเขาไม่ให้โจมตีทายาทตระกูลจาง รู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองมีพละกำลังไม่พอจะสู้รบปรบมือกับจางหงเทียน นักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จึงกล้ำกลืนความโกรธเกรี้ยวไว้และยั้งมือ


ไม่น่าเชื่อว่านักปราชญ์โบราณอย่างเขาจะถูกนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติล่อลวงจนถึงขั้นที่ตัวเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงแค่คิดก็เหลือเชื่อแล้ว!


“หัวหน้าตระกูลจางคนใหม่ช่างน่าทึ่งเสียจริง! ผมประทับใจมาก, 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ของพวกเรายอมรับความพ่ายแพ้ ลาก่อน”


ฟิ้ววววว!


เกิดพายุหอบใหญ่ แล้วนักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็ฉุดเหล่าทายาทของเขากลับสู่ฐานที่มั่นของตัวเอง ก่อนจะหันหลังกลับและเตรียมตัวจากไป


“รอเดี๋ยว แล้วเลือดนักปราชญ์โบราณ 5 หยดที่คุณสัญญาว่าจะมอบให้ผมหากคุณแพ้ดวลน่ะ มันอยู่ไหน? คิดจะผิดสัญญาหรือ?” จางเซวียนตะโกนไล่หลังนักปราชญ์โบราณจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์


นักปราชญ์โบราณถึงกับเซเมื่อได้ยินคำนั้น เขาแทบกระอักเลือดกองใหญ่


เขาระงับความเจ็บแปลบที่หน้าอกไว้ จากนั้นก็สะบัดข้อมือและนำขวดหยกใบหนึ่งออกมาก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว เกรงว่าจะโมโหจนขาดใจตายเสียก่อนหากยังต้องพูดจากับชายหนุ่มคนนี้!


ตอนที่ 1739 มิติยาพิษ

“ต้องอย่างนี้สิ!”


จางเซวียนรับขวดหยกไว้และพยักหน้าด้วยความพอใจ


ใครก็ตามที่บีบบังคับให้เขาเข้าสู่การดวลจะต้องชดใช้การกระทำของตัวเองอย่างสาสม ต่อให้เป็นนักปราชญ์โบราณก็ไม่ได้รับการละเว้น!


“กระบี่ของคุณฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้แล้วใช่ไหม?” บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางถามด้วยความตกใจ เขาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น


“ใช่!” จางเซวียนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น


“เยี่ยม เยี่ยมจริงๆ!”


เกิดความเงียบงันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางจะหัวเราะลั่น


หลายปีที่ผ่านมา เขาต้องรับภาระอุ้มชูตระกูลจาง ซึ่งเป็นความเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส และรู้ดีว่าหากเขาเสียชีวิตไปแล้ว ตระกูลจางจะต้องเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเห็น การฝ่าด่านวรยุทธของกระบี่เล่มนั้นก็หมายความว่าตระกูลจางยังมีนักปราชญ์โบราณให้พึ่งพาได้


อีกอย่าง ของล้ำค่าก็มีอายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์ และแน่นอนว่าการมีอยู่ของมันจะช่วยรับประกันความปลอดภัยให้ตระกูลจางได้อีกยาวนาน


“ผมยังมีลูกศิษย์อีกจำนวนหนึ่งอยู่ในเงื้อมมือของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ เพราะฉะนั้นต้องขอตัวก่อน!” จางเซวียนประสานมือ


เมื่อนักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และเผ่าพันธุ์ปีศาจจากไปแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นภัยคุกคามอีก


“ไปเถอะ” บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางโบกมือ


ถ้าไม่ใช่เพราะบรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางเข้ามาขัดจังหวะไว้ การโจมตีก่อนหน้านี้ของเขาคงไม่สำเร็จ ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุด เขาก็อาจต้องตายเพราะถูกนักปราชญ์โบราณที่เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจเล่นงาน ดังนั้น จางเซวียนจึงโค้งคำนับอย่างงามให้บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางก่อนจะร้องเรียกจ้าวหย่าและนำทางไป


ทั้งคู่บินไปอีกไกลแสนไกลจนกระทั่งมองไม่เห็นหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อยู่ในสายตา ถึงตอนนั้น จ้าวหย่าก็หยุด


“ฉันเข้าสู่มิติแห่งนี้พร้อมกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จากจุดนี้แหละ” จ้าวหย่าพูด


จางเซวียนพิจารณาดู และเห็นว่ามันคือสถานที่ที่ตัวเขากับหูเหยาเหย่าเข้ามา ดูเหมือนจะเป็นจุดเดียวกันกับคนอื่นๆด้วย


“จัดการ!”


จางเซวียนเข้าสู่อาณาเขตรอบนอกของหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้จากการเปิดทางของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น แต่เมื่อกระบี่เปลวเพลิงสีดำยกระดับวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคนิคแบบนั้นอีก


ฟึ่บ!


ด้วยการตวัดของกระบี่เปลวเพลิงสีดำ เกิดรอยแยกสีดำสนิทขึ้นกลางอากาศ


จางเซวียนดึงตัวจ้าวหย่าและกระโจนเข้าสู่รอยแยกสีดำนั้น


ครู่ต่อมา ทั้งคู่ก็กลับเข้าสู่มิติแห่งฤดูกาลทั้ง 4 แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่ทุ่งหิมะ มีดอกไม้บานอยู่มากมายท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวอ่อน แทนที่ความขาวโพลนที่เคยมี


ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าผู้อาวุโสซึ่งมีวรยุทธขั้นการพักฟื้นภายในยังคงอยู่ในพื้นที่นั้น จางเซวียนคงจะสงสัยว่าตัวเองเข้ามาสู่โลกอีกใบหนึ่ง


เพราะเคยอยู่ในมิติแห่งนี้มาก่อน เขาจึงใช้เวลาไม่นานในการค้นหาทางออก ทั้งคู่ดำดิ่งเข้าสู่ฉนวนแห่งมิติอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง


ฟึ่บ!


ยังไม่ทันจะรู้ตัว จางเซวียนกับจ้าวหย่าก็มายืนอยู่ท่ามกลางภูเขาและผืนป่าที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศที่เป็นพิษ


จ้าวหย่ามองไปรอบๆ “เว่ยหรูเหยียนน่าจะอยู่ในหอบริวารที่เชื่อมโยงกับมิตินี้แหละ”


จางเซวียนพยักหน้ารับ เขาสะบัดข้อมือ แล้วยาเม็ดหนึ่งก็ปรากฏ “กลืนยานี้เสีย!”


“ได้” จ้าวหย่าโยนยาเม็ดใส่ปากก่อนจะตั้งคำถาม “ท่านอาจารย์ นี่คือยาถอนพิษหรือ?”


“ทั้งอากาศและน้ำที่นี่ล้วนมีพิษ คุณตรวจสอบสภาวะร่างกายให้ดีและระวังด้วย” จางเซวียนอธิบาย


เพราะสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดของเขา เขาจึงทุ่มเทเวลาไปไม่น้อยในการศึกษาเรื่องยาพิษ เพียงแค่มองแวบเดียว จางเซวียนก็บอกได้ว่าผืนป่าและภูเขาบริเวณนี้ไม่ได้ดูธรรมดาอย่างที่เห็น ความเงียบครอบงำทั่วบริเวณนั้น ไม่มีอสูรทรงพลังที่จะเข้ามาทำอันตรายแม้แต่ตัวเดียว เรื่องจริงก็คือพื้นที่บริเวณนี้อบอวลไปด้วยยาพิษที่อาจส่งผลถึงตาย


จ้าวหย่าตามท่านอาจารย์ของเธอไปติดๆ “ท่านอาจารย์ ตอนนี้เราจะทำอย่างไร?”


“หาทางออกจากมิติแห่งนี้ให้ได้ก่อน ถ้าผมเดาไม่ผิด ที่ตั้งของหอบริวารน่าจะอยู่บริเวณทางออก” จางเซวียนพูด


เพราะผ่านมาหลายมิติแล้ว เขาจึงคุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ของมันเป็นอย่างดี


จางเซวียนหาทิศทางโดยใช้หอกสวรรค์กระดูกมังกร รวมทั้งอาศัยความช่วยเหลือของจ้าวหย่า ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง


มีแมงป่องพิษและงูพิษอยู่ทั่วทั้งผืนป่า แต่เพราะมีพลังปราณเทียบฟ้า จางเซวียนจึงไม่หวาดกลัว ทั้งคู่เดินทางต่อไปโดยไม่ได้พบเจออันตรายมากนัก


หลังจากเดินทางมาได้ราว 1 ชั่วโมง พวกเขาก็พบปรมาจารย์กลุ่มหนึ่งที่มีสีหน้าซีดเผือดจนน่าตกใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกยาพิษเล่นงาน


จางเซวียนมอบยาเม็ดจำนวนหนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดพลังปราณเทียบฟ้าเอาไว้เพื่อรักษาพิษของคนเหล่านั้น จากนั้นก็ตั้งคำถาม 2-3 ข้อเพื่อกะประเมินตำแหน่งของทางออก ก่อนจะรีบมุ่งหน้าไป


…..


“ต้องอย่างนี้สิ!”


ราว 2 ชั่วโมงต่อมา ทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่หน้าสระน้ำขนาดกลางแห่งหนึ่ง


“ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นสระธรรมดา ท่านอาจารย์…ทำไมคุณถึงคิดว่ามันคือทางออก?” จ้าวหย่าถามด้วยความสงสัย


เธอก็ได้ยินคำตอบที่ปรมาจารย์กลุ่มนั้นให้ข้อมูลมา แต่ก็ยังไม่รู้ตำแหน่งที่แท้จริงของทางออกอยู่ดี แล้วท่านอาจารย์แน่ใจเรื่องนี้ได้อย่างไร?


“ง่ายมาก!”


จางเซวียนไม่เสียเวลาอธิบาย เขาวาดมือกลางอากาศและใช้ปลายนิ้วคีบมดตัวหนึ่งไว้


มดตัวนั้นสีแดงก่ำ มีขนาดราวเมล็ดถั่ว แค่มองแวบเดียวก็เห็นชัดแล้วว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายแรง


จางเซวียนหัวเราะหึๆ จากนั้นก็วางมดไว้บนหลังมือของเขา


มดตัวนั้นกัดจางเซวียนโดยไม่ลังเลและปล่อยพิษเข้าสู่กระแสเลือด ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็ไม่ใช้พลังปราณเทียบฟ้าเพื่อเจือจางพิษ เขาปล่อยให้พิษไหลเวียนในร่างกายอย่างอิสระ


ในชั่วพริบตา หลังมือของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ เกิดตุ่มพุพองขึ้นหลายตุ่ม


“ท่านอาจารย์…”


จ้าวหย่าถึงกับตระหนกเพราะไม่เข้าใจเจตนาของจางเซวียน


เธอรู้ว่าพิษที่ถูกถ่ายทอดเข้าสู่ร่างของท่านอาจารย์นั้นมีอานุภาพร้ายแรงถึงตาย หากมันไหลผ่านกระแสเลือดเข้าสู่หัวใจล่ะก็ ย่อมหมายถึงความตายอย่างเฉียบพลันแน่นอน!


“ใจเย็นๆ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก” จางเซวียนพูดอย่างสุขุม


เขาโบกมือ แล้วน้ำในสระก็กระฉอกขึ้นมา ซัดเข้าใส่บาดแผลของเขา


ซรืดดดดด!


ราวกับว่าพิษร้ายแรงถึงตายที่อยู่บนหลังมือของจางเซวียนได้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ควันขาวโพลนลอยโขมงขึ้นสู่ท้องฟ้า ปื้นสีดำและตุ่มพุพองที่เคยมีอยู่ได้รับการเยียวยาอย่างรวดเร็ว ไม่ช้ามือของเขาก็กลับสู่สภาพเดิม เหมือนไม่เคยถูกยาพิษมาก่อน


“เอ่อ…” จ้าวหย่าถึงกับผงะ “น้ำในสระนี้…แท้ที่จริงแล้วคือยาถอนพิษหรือ?”


“ใช่” จางเซวียนพยักหน้า “มิตินี้ดูอันตรายและไม่น่าไว้ใจ แต่ก็เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้เพื่อทดสอบคนรุ่นหลังว่าจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับการถ่ายทอดมรดกของเขาหรือไม่ เป้าหมายของปรมาจารย์ขงไม่ใช่การปล่อยให้คนเหล่านั้นต้องตาย ดังนั้นจึงน่าจะมียาถอนพิษบางชนิดอยู่ในบริเวณใกล้กับทางออก เพราะถ้าไม่มี การที่ปรมาจารย์ขงจะทิ้งมรดกตกทอดไว้ก็คงไร้ความหมาย เพราะไม่มีใครสักคนที่มีชีวิตอยู่เพื่อได้รับมัน!”


จ้าวหย่าพยักหน้า


“ผมถามปรมาจารย์กลุ่มที่เราพบเมื่อครู่นี้ว่าดินแดนที่อันตรายที่สุดอยู่ที่ไหน ซึ่งสถานที่ที่มีสิ่งมีชีวิตมีพิษจำนวนมากที่สุดนั้นก็คือมิติแห่งนี้ พวกเขาชี้มาที่นี่ เทคนิควรยุทธที่ปรมาจารย์ขงฝึกฝนนั้นเน้นความกลมกลืนกับธรรมชาติ ที่ใดที่มีพลังหยิน ก็ย่อมมีพลังหยางอยู่เช่นกัน ที่ใดก็ตามที่มีสิ่งมีชีวิตมีพิษอยู่จำนวนมาก ยาถอนพิษก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย นั่นคือเหตุผลที่ผมแน่ใจว่าที่นี่คือทางออก” จางเซวียนพูดอย่างมั่นใจ


เขารู้ว่าปรมาจารย์กลุ่มที่ได้พบก่อนหน้าไม่มีทางรู้ว่าทางออกอยู่ที่ไหน เพราะหากคนพวกนั้นรู้ ก็คงจะหนีไปจากมิติยาพิษแห่งนี้เสียแล้ว แทนที่จะมัวเร่ร่อนอย่างไร้จุดหมาย


ในเมื่อพวกนั้นไม่รู้ว่าทางออกอยู่ที่ไหน ในระยะยาวที่พวกเขาใช้เวลาอยู่ที่นี่ ก็น่าจะพอรู้ว่าบริเวณใดคือพื้นที่ที่อันตรายที่สุด


หลังจากทั้งคู่มาถึง สิ่งแรกที่จางเซวียนรับรู้ก็คือในอาณาบริเวณรอบนอกของสระน้ำแห่งนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่มีพิษอยู่เลย ซึ่งนั่นก็มากพอจะสนับสนุนข้อสันนิษฐานของเขาแล้ว


เมื่อรู้ว่ามาถึงทางออก จ้าวหย่าตั้งคำถามอีก “ท่านอาจารย์ เราควรฉีกกระชากมิติเสียตอนนี้เพื่อช่วยชีวิตเว่ยหรูเหยียนไหม?”


ตามที่ท่านอาจารย์พูด หอบริวารที่เว่ยหรูเหยียนถูกนำตัวไปน่าจะอยู่บริเวณเดียวกันกับสระน้ำ


“เราจะต้องไปช่วยเธอ แต่ก่อนหน้านั้นยังมีอีกอย่างที่ต้องทำ คุณรอผมที่นี่ก่อน ผมจะลงไปดูในสระ การที่ยาถอนพิษสามารถเจือจางพิษของสิ่งมีชีวิตในมิตินี้ได้ ก็หมายความว่าหัวใจของมิติน่าจะอยู่ในสระเช่นกัน เราต้องนำมันมาให้ได้ก่อน” จางเซวียนพูด


หัวใจของมิติผืนป่าคือ 5 อสูรผู้ยิ่งใหญ่ ส่วนหัวใจของมิติผืนทรายคือไม้ทรายเหลืองวิปลาส สำหรับมิติแห่งฤดูกาลทั้ง 4 นั้นคือคริสตัลเยือกแข็ง ดังนั้น จึงแน่นอนว่าน่าจะมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกันอยู่ในมิติยาพิษแห่งนี้


ก็เหมือนกับคริสตัล มันน่าจะเป็นของล้ำค่าที่มีบทบาทสำคัญเมื่อพวกเขาได้เข้าสู่หอบริวาร


ถึงอย่างไร เตรียมการไว้ก่อนก็ย่อมดีกว่า


หลังจากพูดจบ จางเซวียนก็กระโจนลงสู่สระน้ำโดยไม่ลังเล


ตอนที่ 1740 ตกปลา

สระน้ำนั้นไม่ลึกมากนัก มีความลึกราว 10 เมตร และที่ลึกลงไปกว่านั้นคือฉนวนแห่งมิติซึ่งนำไปสู่มิติต่อไป


แทนที่จะเข้าสู่ฉนวนแห่งมิติ จางเซวียนเลือกที่จะว่ายสำรวจโดยรอบเพื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน


แต่หลังจากว่ายวนได้รอบหนึ่ง เขาก็ไม่พบอะไรเลย อย่าว่าแต่สิ่งมีชีวิต จางเซวียนไม่พบแม้กระทั่งก้อนหิน สินแร่ หรือสิ่งอื่นใดที่ดูใกล้เคียงกับของล้ำค่า ทั้งหมดมีแต่น้ำใส


“เราเดาผิดหรือ? หรือว่าหัวใจของมิติไม่ได้อยู่ที่นี่? หรือมีใครบางคนฉกฉวยมันตัดหน้าเราไปแล้ว?” จางเซวียนขมวดคิ้ว “ไม่ใช่หรอก อย่างนั้นไม่ถูก ถ้ามีใครนำหัวใจของค่ายกลไป พิษที่อบอวลอยู่ในอากาศตอนนี้จะต้องเสื่อมลง…”


ในมิติผืนทราย ทะเลทรายหายวับไปทันทีหลังจากที่เขานำไม้ทรายเหลืองวิปลาสมา ในมิติผืนป่า ทันทีที่เขาออกมาพร้อมกับ 5 อสูรผู้ยิ่งใหญ่ ก็ไม่ชัดเจนนักว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อไม่มีอำนาจของ 5 ผู้ยิ่งใหญ่ เหล่าอสูรที่อยู่ในมิตินั้นก็คงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบแบบเดิม


มิติยาพิษก็เป็นแบบเดียวกัน ในเมื่อพิษยังคงอบอวลอยู่ในอากาศและสระน้ำยังคงมีคุณสมบัติเป็นยาถอนพิษ ก็น่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่หัวใจของมิติยังไม่ถูกค้นพบ


“ดวงตาหยั่งรู้!”


จางเซวียนสำรวจทุกอณูภายในสระน้ำ ไม่ช้าก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ


สสารที่ทำหน้าที่เจือจางพิษที่อยู่โดยรอบดูเหมือนจะลดน้อยถอยลงทุกที


จางเซวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโผขึ้นจากสระน้ำ เขารออยู่ 2-3 นาทีก่อนจะตรวจสอบสสารนั้นอีกครั้ง และพบว่ามันยังคงอยู่เต็มเปี่ยมภายในสระ


“ท่านอาจารย์ คุณพบมันหรือยัง?” จ้าวหย่าถาม


“ยังเลย แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่าหัวใจของค่ายกลคืออะไร นำต้นไผ่มาให้ผมที” จางเซวียนสั่งการพร้อมกับยิ้มให้


จ้าวหย่าออกจากบริเวณนั้นไป ไม่ช้าก็กลับมาพร้อมกับต้นไผ่ในมือ


จางเซวียนนำต้นไผ่มาเขย่าเบาๆเพื่อให้ใบไผ่ร่วงหลุดไป เขาขับเคลื่อนพลังปราณเข้าสู่ต้นไผ่และแปรสภาพพลังปราณให้กลายเป็นเส้นด้ายบางๆ ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของต้นไผ่ ก่อนจะเพิ่มความเข้มข้นของพลังปราณที่ปลายเส้นด้ายนั้น ราวกับเตรียมเหยื่อล่ออันโอชะให้ผู้โชคร้ายมาติดกับ


“นี่มัน…เบ็ดตกปลา? ท่านอาจารย์ คุณคิดจะตกปลาในสระนี้หรือ?” จ้าวหย่าชะงัก


“ตกปลาด้วยเบ็ด ไม่ใช่ด้วยแห ไม่ตามล่าเหยื่อที่นอนรัง ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด หัวใจของมิติแห่งนี้จะถูกนำขึ้นมาได้ด้วยการตกมันเท่านั้น หากใช้วิธีอื่นก็มีแต่จะผลักดันให้มันหนีไป” จางเซวียนอธิบาย


ก่อนหน้านี้ เขาเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับปรมาจารย์ขง และมีข้อความหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า ‘ตกปลาด้วยเบ็ด ไม่ใช่ด้วยแห ไม่ตามล่าเหยื่อที่นอนรัง’ ซึ่งหมายความว่าปรมาจารย์ขงตกปลาโดยใช้เบ็ดตกปลา ไม่ได้ใช้แห และแม้จะใช้คันธนูกับลูกธนูเพื่อล่าสัตว์ ก็จะไม่พยายามยิงสัตว์ที่กำลังพักผ่อนอยู่


นี่เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงความเมตตากรุณาของปรมาจารย์ขง แต่ดูเหมือนจะมีความหมายล้ำลึกกว่านั้น การใช้พละกำลังจะไม่ทำให้จางเซวียนได้สิ่งที่เขาอยากได้ซึ่งอยู่ในสระ มีวิธีเดียวก็คือต้องตกมันขึ้นมา


จางเซวียนนำเหยื่อมีพิษล่อไว้ในสระน้ำก่อนจะนั่งรออย่างเงียบๆ


การตกปลาสามารถบ่มเพาะสภาวะจิตใจ คลายความว้าวุ่นและความกังวลของผู้นั้นได้ ทำให้เข้าถึงธรรมชาติได้มากขึ้น


แม้แต่มนุษย์ธรรมดาสามัญก็สามารถหลอมรวมตัวเองเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ในขณะตกปลา สามารถรังสรรค์ทัศนียภาพที่มีชีวิตชีวาราวกับภาพวาดได้ นับประสาอะไรกับนักรบที่มีวรยุทธระดับจางเซวียน


ขณะที่สายตกปลาที่จางเซวียนทำจากพลังปราณส่ายไปมาอยู่ในสระน้ำ เขาก็พลันรู้สึกว่ามิติยาพิษไม่ได้น่าสะพรึงอย่างที่ดูเหมือนจะเป็น มันเป็นแค่การรังสรรค์อีกรูปแบบหนึ่งของธรรมชาติ ทั้งสมจริงและน่าทึ่ง


ในยุคดึกดำบรรพ์ เมื่อครั้งที่โลกยังเปี่ยมด้วยพลังจิตวิญญาณ ไม่มีมนุษย์คนไหนกล้าย่างกรายเข้าสู่ป่าดึกดำบรรพ์ สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษมีอยู่ทั่วไปในผืนป่า สิ่งมีชีวิตมีพิษเพ่นพ่านไปทั่ว พร้อมจะปล่อยพิษเข้าสู่จิตวิญญาณดวงไหนก็ตามที่ขาดความระมัดระวัง ก็เหมือนกันกับมิติยาพิษที่เขาอยู่ในตอนนี้


มันไม่ใช่ของปลอม ไม่ใช่ของทำเลียนแบบ แต่เป็นหนึ่งในป่าดึกดำบรรพ์ที่อยู่คงทนยาวนาน ผ่านการทดสอบของกาลเวลา


ในป่าแห่งนี้ นักรบทุกคนจะได้สัมผัสถึงธรรมชาติที่แท้จริงของธรรมชาติ


จางเซวียนขับเคลื่อนเทคนิควรยุทธที่เขาได้ฝึกฝนระหว่างการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ดูเหมือนเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติไปด้วย โดยหลอมรวมเข้ากับก้อนหิน ต้นไม้ และฝุ่นละอองที่อยู่โดยรอบ


ภายใต้ความสุขุมเยือกเย็นสูงสุด ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของจางเซวียนค่อยๆเพิ่มขึ้น


29.91!


29.92!


…..


ขณะที่จางเซวียนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ผืนน้ำที่อยู่ตรงหน้าเขาก็กระเพื่อม จากนั้น เสียงร้องอย่างตื่นเต้นก็ดังขึ้น


“ท่านอาจารย์ ปลาฮุบเหยื่อแล้ว!”


จางเซวียนก้มลงมอง และเห็นปลาคาร์ฟสีแดงสดตัวหนึ่งห้อยต่องแต่งอยู่ที่ปลายเส้นด้ายพลังปราณของเขา มันกำลังดิ้นรนสุดชีวิต น้ำกระเซ็นไปทั่ว


“น่าเสียดายจริง!”


การที่เขาตกปลาได้ก็เป็นเรื่องดี แต่มันก็ทำให้เขาต้องออกจากภวังค์


ถ้าไม่อย่างนั้น ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของจางเซวียนก็จะแตะ 30.0 บรรลุเงื่อนไขหนึ่งของการจะได้เป็นนักปราชญ์โบราณ!


ฟึ่บ!


จางเซวียนลดข้อมือลงต่ำ ก่อนจะเหวี่ยงเบ็ดกลับมาอย่างแรง ปลาคาร์ฟสีแดงสดกระเด็นขึ้นจากสระน้ำ


เมื่อออกมาพ้นน้ำ ปลาคาร์พดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งขณะอ้าปากสลับกับหุบปากอย่างสิ้นหวัง ดูเหมือนจะหายใจไม่ออก ครู่ต่อมา มันก็พลิกตัวหงายท้อง นัยน์ตาถลนออกจากเบ้า ดูเหมือนกำลังจะสูญเสียลมหายใจเฮือกสุดท้าย


“ท่านอาจารย์ ปลาตัวนี้…ตายหรือเปล่า?” จ้าวหย่าถามด้วยความไม่แน่ใจ


สิ่งนี้คือหัวใจของมิติไม่ใช่หรือ?


ทำไมถูกตกขึ้นมาปุ๊บ ก็ตายปั๊บ?


มันไม่ได้มีไว้ให้ถูกตกขึ้นมาหรืออย่างไร?


“เอาล่ะ พอได้แล้ว!” จางเซวียนเตะตัวปลาคาร์พเบาๆ มันกระเด้งกระดอน 2-3 ครั้ง ก่อนจะร่วงลงไปกองกับพื้นอีกรอบ คราวนี้ดูเหมือนจะตายจริง


จางเซวียนไม่รู้จะพูดอย่างไร เขากระดิกนิ้วและปล่อยลูกไฟสีดำพร้อมกับสายฟ้าเขาใส่ปลาคาร์พและขู่ “แกเล่นสนุกพอหรือยัง? หรืออยากถูกย่าง?”


ปลาคาร์พที่นอนอยู่กับพื้นพลิกตัวตั้งตรงและยืนด้วยหางของมัน “ขออภัยด้วย มันก็แค่นิสัยหนึ่งของผม ผมไม่ค่อยได้อยู่บนฝั่งนานนัก จึงมีปัญหาเรื่องการหายใจ และคิดว่าอาจจะตายได้…”


จ้าวหย่าอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำพูดนั้น


ปลาตัวหนึ่งลุกขึ้นยืนและกำลังพูด


แถมปลาตัวนี้ยังมีนิสัยที่ออกจะแปลกประหลาดมาก


“อย่าประมาทเจ้านี่นะ มันมีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก อย่าว่าแต่ขึ้นมาอยู่บนฝั่งเลย ต่อให้ถูกโยนลงไปในหม้อน้ำมันเดือดๆก็ไม่ตาย!” จางเซวียนอธิบาย


ความตกตะลึงในตอนแรกของจ้าวหย่าแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยขณะที่เธอตั้งคำถาม “ถ้ามันมีพละกำลังแข็งแกร่งขนาดนั้น ทำไมถึงถูกตกขึ้นมา?”


ปลาที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกน่าจะเฉลียวฉลาดมาก แต่กลับถูกตกขึ้นมาอย่างง่ายๆโดยใช้คันเบ็ดไม้ไผ่…ไม่น่าเชื่อเลย


“ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร มันเป็นนิสัยน่ะ เมื่อครั้งอดีต ปรมาจารย์ขงมาตกผมอยู่บ่อยๆ เขาจะตกผมขึ้นมา และทุกครั้งก็จะปล่อยผมไป ในแต่ละครั้งที่ปรมาจารย์ขงมา ผมจะถูกตกหลายสิบรอบ ลงท้ายผมก็เลยเคยชินกับมัน” ปลาคาร์พอธิบาย


จ้าวหย่ายังคงอ้าปากค้าง


ทั้งที่มีพละกำลังขนาดนี้ มันก็ยังปล่อยให้ตัวเองถูกตกขึ้นมาวันแล้ววันเล่า และเท่าที่เห็น ก็ดูเหมือนมันจะสนุกสนานกับกระบวนการนี้ด้วย จะดูน่าเบื่อไปหน่อยไหม?


ที่สำคัญกว่านั้น ตกปลาตัวเดิมทุกวี่วัน ปรมาจารย์ขงคงเบื่อแย่!


“อย่าไปฟังคำพูดเลอะเทอะของเจ้านี่ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ปรมาจารย์ขงใช้พลังปราณของเขาแทนสายเบ็ดและเหยื่อล่อ และสิ่งที่เจ้านี่สนใจน่ะ ไม่ใช่เฉพาะเหยื่อล่อ แต่เป็นสายเบ็ดด้วย ผมพูดถูกไหม?” จางเซวียนส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะหึๆก่อนจะหันมาจ้องปลาคาร์พ


“เอ่อ…ทั้งหมดก็คือ…หมู่เมฆลอยละล่อง!” ปลาคาร์พพูดอย่างกระอักกระอ่วน


“ฉันเข้าใจแล้ว” จ้าวหย่าตาโตเมื่อนึกได้


ไม่น่าแปลกใจแล้วที่ปลาธรรมดาตัวหนึ่งจะฝึกฝนวรยุทธจนมีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก เรื่องของเรื่องก็คือตลอดเวลาที่ผ่านมา มันได้ซึมซับพลังปราณของปรมาจารย์ขง


จึงเป็นธรรมดาที่มันจะไม่มีวันปล่อยโอกาสงามแบบนี้ให้ตกไปถึงปลาตัวอื่น


“ผมก็ว่าก่อนหน้านี้ผมซ่อนตัวอย่างดีแล้วนะ คุณหาผมเจอได้ไงน่ะ?” ปลาคาร์พถามจางเซวียนด้วยความสงสัย


วิธีการที่มันใช้ซ่อนตัวนั้นจัดว่าแนบเนียนมาก แทบเป็นไปไม่ได้ที่นักรบคนไหนจะหาเจอ ต่อให้มีดวงตาหยั่งรู้ก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็มีนักรบ 2-3 กลุ่มที่มาถึงก่อนหน้าชายหนุ่ม แต่ก็ไม่พบตัวมัน


ชายหนุ่มคนนี้รู้วิธีที่จะใช้คันเบ็ดเพื่อตกมัน และทำให้มันกระหายที่จะติดเบ็ด ด้วยเหตุนี้ มันจึงอดไม่ได้ที่จะฮุบเหยื่อและปล่อยให้ตัวเองถูกนำตัวขึ้นมา


“ยาถอนพิษที่คุณทิ้งไว้ในน้ำน่ะมีอานุภาพเหมือนกันกับพลังปราณของผม ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสร้างมันขึ้นมาก็ได้” จางเซวียนอธิบาย “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด มันมีต้นกำเนิดจากปรมาจารย์ขงใช่ไหม?”


ตอนที่ 1741 พบหลัวฉีฉีอีกครั้ง

เหตุผลที่จางเซวียนปล่อยให้สิ่งมีชีวิตมีพิษปล่อยพิษเข้าสู่ร่างของเขา ก็เพื่อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานให้จ้าวหย่าเห็น รวมทั้งรับรู้ว่ายาถอนพิษที่อยู่ในสระน้ำสามารถเจือจางพิษของสิ่งมีชีวิตได้


จางเซวียนเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่ายาถอนพิษชนิดนี้ออกฤทธิ์แบบเดียวกันกับพลังปราณเทียบฟ้า


นอกเสียจากปรมาจารย์ขง เขาไม่คิดว่าจะมีใครที่มีความสามารถแบบนี้ นั่นคือเหตุผลที่จางเซวียนใช้พลังปราณของเขาทำเป็นสายเบ็ด พูดตามตรง เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลหรือไม่!


“มันคือพลังปราณชนิดพิเศษของปรมาจารย์ขงจริงๆ ว่าแต่…ทำไมคุณถึงมีความสามารถแบบเดียวกับเขาล่ะ?” ปลาคาร์พตั้งคำถาม


“ก็เพราะผมคือปรมาจารย์ฟ้าประทานคนหนึ่งเหมือนกัน” จางเซวียนตอบพร้อมกับหัวเราะหึๆ


“คุณคือปรมาจารย์ฟ้าประทาน? เรื่องนั้นอธิบายได้มากทีเดียว…” ปลาคาร์พตาโต “ผมตัดสินใจแล้ว นับจากนี้ไปผมจะอยู่กับคุณ ในครั้งนั้น ปรมาจารย์ขงกำชับให้ผมเฝ้าที่นี่ และบอกว่าผมจะออกไปได้ก็ต่อเมื่อปรมาจารย์ฟ้าประทานคนใหม่มาถึง ซึ่งด้วยวิธีนั้น ผมจะถูกตกขึ้นมาทุกวัน!”


“ถูกตกขึ้นมาทุกวัน?” จางเซวียนทวนคำด้วยความรู้สึกหนาวๆร้อนๆ


ปลาคาร์พตัวนี้เป็นมาโซคิสต์แน่ๆ อยากถูกตกขึ้นมาทุกวี่วัน


“ตอนนี้คุณเข้าไปอยู่ในมิติลี้ลับของผมก่อน ผมจะเรียกตัวคุณเมื่อผมต้องการ” จางเซวียนพูดพร้อมกับโบกมือ


“รับทราบ” ปลาคาร์พตอบอย่างตื่นเต้น


พริบตาต่อมา มันก็เข้าสู่รังนางพญามดของจางเซวียน และพบอิฐก้อนใหญ่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้า


“ว้าว! อิฐก้อนนี้ถูกหลอมขึ้นอย่างงดงามจริงๆ…” ปลาคาร์พชื่นชม


ชั่วชีวิตของมัน มันเคยเห็นก้อนอิฐมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยเจอก้อนไหนที่หลอมขึ้นจากวัสดุชั้นดีขนาดนี้


“คุณนั่นแหละที่เป็นอิฐ เป็นอิฐกันทั้งตระกูลเลย! ผมคือหม้อต้นกำเนิดทองคำนะ หม้อตัวจริงเสียงจริง!” หม้อต้นกำเนิดทองคำฟึดฟัด


“คุณคือหม้อ?” ปลาคาร์พพ่นลมอย่างดูถูก “ถ้างั้นคุณก็จุดไฟได้สิ ใช่ไหม? ทำไมไม่ย่างผมเสียเลยล่ะ? ใครๆก็บอกผมว่าผมน่ะรสชาติอร่อยมากเมื่อถูกย่าง คุณไม่อยากชิมผมสักหน่อยหรือ? เร็วๆเข้า ผมรอไม่ไหวแล้ว…”


“….” หม้อต้นกำเนิดทองคำ


“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก แล่เป็นชิ้นดิบๆก็ใช้ได้!” กระบี่เปลวเพลิงสีดำคำรามขณะปล่อยประกายเย็นวาบออกจากคมกระบี่


“เอ่อ…ผมขอโทษ” ปลาคาร์พพรั่นพรึงกับการปรากฏตัวของของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ มันรีบก้มศีรษะคำนับ ไม่กล้าพูดพล่ามอีก


…..


จางเซวียนไม่รู้ว่ามีดราม่าเกิดขึ้นในรังนางพญามด เขานำจ้าวหย่าเข้าสู่พื้นที่ที่อยู่เหนือสระน้ำ


ก็เหมือนคราวก่อน จางเซวียนบินสูงขึ้นไปได้ไม่เกิน 30 เมตร เขาจึงนำกระบี่เปลวเพลิงสีดำออกมาและกรีดชั้นบรรยากาศที่อยู่เหนือศีรษะ


ฟึ่บ!


มิติถูกฉีกกระชาก รอยแยกของมิติปรากฏ ทั้งคู่โผขึ้นไป ไม่ช้าก็มาอยู่บนพื้นราบแห่งหนึ่ง


ก็เหมือนกับที่ผ่านมา พระราชวังขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นจากระยะไกล


“นี่คงเป็นหอบริวาร” จางเซวียนพูด “เราไปที่นั่นกันเถอะ!”


ทั้งคู่รีบมุ่งหน้าไป


“มันคือ…หอสงบใจ? สถานที่ที่ปรมาจารย์ขงเคยพักอยู่ใช่ไหม?”


บนป้ายขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือทางเข้าหอบริวาร คำว่า ‘หอสงบใจ’ ถูกจารึกไว้ น่าจะเป็นสถานที่ที่ปรมาจารย์ขงเคยพักอาศัยในยุคสมัยของเขา


“ท่านอาจารย์ ประตูเข้าสู่หอบริวารเปิดแล้วนะ รีบเข้าไปเถอะ!” จ้าวหย่าเร่ง


ในเมื่อหอสงบใจเปิดแล้ว ก็แปลว่าน่าจะมีใครบางคนเข้าไปก่อนหน้า พวกเขาจึงต้องรีบ ไม่อย่างนั้นอาจพลาดโอกาสที่จะได้พบเว่ยหรูเหยียน


“ไปกันเถอะ”


จางเซวียนนำเครื่องรางน้อยออกมา เครื่องรางปล่อยลำแสงโอบล้อมทั้งคู่ไว้ จากนั้นพวกเขาก็ผ่านประตูบานใหญ่และเข้าสู่หอสงบใจ


ก็เหมือนคราวก่อน มีปราการที่มองไม่เห็นปิดกั้นหอบริวารไว้ ผู้ที่ไม่มีเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานหรือปราศจากสภาวะพิเศษจะไม่สามารถผ่านปราการนั้นได้ แต่ด้วยอำนาจของเครื่องรางน้อย จางเซวียนจึงเข้าสู่หอบริวารได้โดยปราศจากปัญหาใดๆ


สิ่งหนึ่งที่จางเซวียนไม่อาจทำอะไรได้ก็คือการที่กระบี่เปลวเพลิงสีดำสามารถผ่านปราการเข้าสู่หอสงบใจได้เช่นกันทั้งที่เป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณ เท่าที่เขารู้ นักปราชญ์โบราณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่หอบริวารและหอลำดับแรก ซึ่งเขาก็พร้อมจะทิ้งกระบี่เปลวเพลิงสีดำไว้ข้างนอกหากมันถูกฉนวนตีกลับ


แต่มาคิดดู ก็น่าจะเป็นเพราะกฎเกณฑ์นี้ไม่ได้มีไว้ใช้กับผู้ที่ฝ่าด่านวรยุทธได้ในอาณาบริเวณของวิหารแห่งขงจื๊อ หรือไม่ก็อาจไม่เข้มงวดกับของล้ำค่า


แต่ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นข่าวดีสำหรับจางเซวียน เพราะมันหมายถึงความปลอดภัยที่จะเพิ่มขึ้น


การตกแต่งภายในหอสงบใจนั้นต่างจากหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่มาก ถ้าหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เป็นสิ่งปลูกสร้างโอ่อ่าหรูหรา หอสงบใจก็คือสัญลักษณ์ของความมัธยัสถ์


สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าหอสงบใจมีขนาดเล็กและไม่แข็งแรง กลับตรงกันข้าม มันกว้างใหญ่มาก แต่ก็ว่างเปล่าอย่างน่าประหลาด สิ่งเดียวที่สะดุดตาก็คือโครงสร้างของเตียงนอนแบบเรียบง่ายที่อยู่ด้านในสุดของห้อง


ไม่มีทั้งอักษรจารึกหรือภาพวาด มีแต่ผนังสีขาว ปราศจากรูปปั้นหรือเครื่องตกแต่งใดๆที่จะเพิ่มความสดใสให้กับห้องนั้น หอสงบใจมีเพียงสีขาวสะอาดและไม่มีสิ่งอื่นใดเลย


“นี่คือสถานที่ที่ปรมาจารย์ขงเคยพักอยู่หรือ?” จ้าวหย่าตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ


แม้แต่ตัวเธอก็แทบไม่เชื่อว่านี่คือสถานที่ที่ปรมาจารย์ขงผู้ยิ่งใหญ่เคยพักอยู่


ปรมาจารย์ขงได้รับความเคารพยกย่องในฐานะครูบาอาจารย์ของโลก บ่มเพาะผู้เชี่ยวชาญมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วนตลอดช่วงชีวิตของเขา โดยเฉพาะ 72 นักปราชญ์ ใครจะไปคิดว่าที่อยู่ของเขาจะเรียบง่ายขนาดนี้?


“ปรมาจารย์ขงมองเห็นภาพมายาของอำนาจและความมั่งคั่ง” จางเซวียนตั้งข้อสังเกตขณะตรวจสอบห้องนั้นอย่างถี่ถ้วน


ก็เหมือนกับมิติยาพิษ โครงสร้างของทุกสิ่งที่อยู่ในห้องนี้ดูเป็นธรรมชาติมาก ราวกับสภาพแวดล้อมที่เห็นช่วยขจัดความกังวลและความท้อแท้ของผู้ได้เข้ามา ทำให้พวกเขาสดชื่นและกลับคืนสู่ความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง


การฝึกฝนวรยุทธในสภาพแวดล้อมแบบนี้จะส่งผลดีมากต่อการยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ


“ในเมื่อประตูเปิดแล้ว เว่ยหรูเหยียนกับคนอื่นๆก็ต้องผ่านเข้ามาแล้วเช่นกัน พวกเขาอยู่ที่ไหน?” จ้าวหย่าสำรวจพื้นที่โดยรอบด้วยความสงสัย


ทั้งห้องดูโล่งโปร่ง ไม่มีพื้นที่ให้หลบซ่อน เห็นชัดว่าตอนนี้มีคนเพียงสองคนยืนอยู่ ซึ่งนั่นดูไม่สมเหตุสมผลเลย ที่นี่ควรจะมีผู้คนอยู่ไม่น้อย


บึ้มมมมม!


ขณะที่จ้าวหย่ากับจางเซวียนกำลังงงงันกับสถานการณ์แปลกประหลาดตรงหน้า ทั้งคู่ก็พลันรู้สึกได้ถึงคลื่นรบกวนของพลังจิตวิญญาณที่อยู่ห่างออกไป


“พวกเขาต้องอยู่ที่นั่นแน่!” จางเซวียนพูด


จางเซวียนแกะรอยตามทิศทางของคลื่นรบกวนของพลังจิตวิญญาณ เขารีบออกจากห้องและมุ่งหน้าไปโดยใช้ประตูหลัง


ทันทีที่ทั้งสองเดินออกไป กระแสพลังปราณเข้มข้นก็พุ่งเข้าใส่พวกเขา สร้างแรงกดดันมหาศาล


ถัดจากประตูหลังของหอสงบใจคือสวนแห่งหนึ่ง


“พวกเราจับจองกรรมสิทธิ์ในผลโพธิ์ที่อยู่บนต้นแล้ว ผมคงต้องขอให้คุณกลับไปยังที่ที่คุณจากมา!” เสียงคำรามเย็นเยียบดังขึ้น


“ในโลกนี้ ไม่มีใครหรอกที่ไม่ปรารถนาทรัพย์สมบัติล้ำค่า แต่นี่คือสิ่งที่พวกเราลงทุนลงแรงไปมากเพื่อให้ได้มันมา เราไม่อาจมอบมันให้คุณได้”


“ทรัพย์สมบัติในโลกนี้จะตกเป็นของผู้ที่เก่งกาจพอจะครอบครองมัน พวกเราเตรียมการยาวนานเพื่อเข้าครอบครองสิ่งนี้ เพราะฉะนั้นก็แน่นอนว่ามันย่อมเป็นของเรา!”


…..


จางเซวียนมองไปทางต้นเสียง และเห็นนักรบ 2 ฝ่ายกำลังยืนประจันหน้ากัน บรรยากาศระหว่าง ทั้ง 2 ฝ่ายตึงเครียดเล็กน้อย


กลุ่มที่อยู่ฝั่งขวามือมีสมาชิก 10 คน และเว่ยหรูเหยียนเป็นหนึ่งในนั้น อีก 9 คนสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกัน ซึ่งบ่งบอกว่าพวกเขาคือทายาทของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์


ส่วนอีกด้านหนึ่ง ผู้ที่อยู่ทางซ้ายยืนอยู่ตามลำพัง ลูกทรงกลมหมุนติ้วอยู่ตรงหน้าเธอพร้อมกับส่งเสียงฮัมเบาๆ


เครื่องเก็บงำมิติ!


ผู้นั้นคือหลัวฉีฉี!


เมื่อจางเซวียนกับจ้าวหย่าปรากฏตัว ทุกคนก็หันขวับมามองผู้มาใหม่


“ปรมาจารย์จาง!” หลัวฉีฉีตาโต นัยน์ตาของเธอเปล่งประกายของความคาดหวัง


จางเซวียนพยักหน้าให้หลัวฉีฉี ก่อนจะหันไปมองกลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์


ในบรรดาคนกลุ่มนี้ มีเว่ยหรูเหยียนคนเดียวที่ไม่รับรู้การปรากฏตัวของเขา เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์เหมือนที่จ้าวหย่าเคยเป็น สองมือของเธอชี้ตรงไปยังต้นโพธิ์ซึ่งยืนต้นอยู่ไม่ห่างนัก ผลของมันกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆด้วยอานุภาพจากพลังปราณของเธอ ดูเหมือนผลโพธิ์นั้นใกล้แก่จัดเต็มที


“นี่ไม่ใช่ต้นโพธิ์ธรรมดา มันมีวรยุทธขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่” หลัวฉีฉีพูดขึ้นเมื่อเห็นแววตาแสดงความกังขาของจางเซวียน “มันไม่เหมือนกับต้นโพธิ์ที่อยู่ในจักรวรรดิหงหย่วน หากใครได้กินผลโพธิ์จากต้นโพธิ์นี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้นักรบผู้นั้นยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณให้แตะ 30.0 ได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นนักปราชญ์โบราณ!”


“มันช่วยยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณให้แตะ 30.0?” จางเซวียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตาโตด้วยความตกใจ


เป็นที่รู้กันทั่วไปในหมู่ปรมาจารย์ว่าระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ยากที่สุด และนั่นคือสิ่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเขา


ไม่ว่าจะเป็นพลังปราณ กายเนื้อ หรือวรยุทธของจิตวิญญาณ ขอแค่เขามีเทคนิควรยุทธที่เหมาะสม ก็สามารถยกระดับมันได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่อาจทำแบบเดียวกันได้กับสภาวะจิต


ผ่านมาก็หลายวันแล้ว แต่จางเซวียนเพิ่งยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณจาก 28.1 เป็น 29.99 เท่านั้น ยังไม่แตะ 30.0


มันอาจห่างกันแค่ 0.01 แต่ก้าวสุดท้ายนี้คือปราการที่ข้ามผ่านไปได้ยากที่สุด ใครจะไปรู้ว่าเขาต้องใช้เวลาและความพยายามอีกเท่าไหร่ถึงจะเอาชนะความท้าทายครั้งนี้ได้?


ถ้าผลโพธิ์สามารถยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณให้แตะ 30.0 ได้จริง โอกาสที่ผู้นั้นจะฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จก็จะเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก!


ตอนที่ 1742 ผลโพธิ์

“ถูกแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเขาคงไม่ลงทุนพาเว่ยหรูเหยียนมาถึงที่นี่หรอก” หลัวฉีฉีตอบ


จางเซวียนหรี่ตาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น


เขาต้องยอมรับว่า 100 สำนักแห่งนักปราชญ์มีความเข้าใจในวิหารแห่งขงจื๊อล้ำลึกกว่าสภาปรมาจารย์มาก


อย่างแรกก็คือผืนผ้าใบสี่ฤดูที่อบอวลไปด้วยนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณ ต่อมาก็ผลโพธิ์ซึ่งช่วยยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณให้แตะ 30.0 ได้ เทียบเท่ากับเงื่อนไขของการเป็นนักปราชญ์โบราณ


ดูเหมือนคนเหล่านี้จะได้ศึกษาวิหารแห่งขงจื๊อมาอย่างถี่ถ้วนและเตรียมการพร้อมทุกเรื่อง


ด้วยการถ่ายทอดพลังปราณอย่างไม่ลดละของเว่ยหรูเหยียน ผลโพธิ์ที่อยู่บนต้นส่ายไปมาเล็กน้อย ส่งกลิ่นหอมอบอวลออกมา


นี่คือสัญญาณว่าผลโพธิ์แก่จัดแล้ว!


ฟึ่บ!


ในที่สุดเว่ยหรูเหยียนก็ระงับการปลดปล่อยพลังปราณ เห็นได้ชัดว่าเธอใช้พละกำลังเกินพิกัดเพื่อเร่งผลโพธิ์ให้สุกเต็มที่ ใบหน้าของเธอซีดเผือดเล็กน้อยขณะหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย


“เว่ยหรูเหยียน!” จ้าวหย่ารีบส่งโทรจิตหา


“ศิษย์พี่จ้าวหย่า?” เว่ยหรูเหยียนเพิ่งตื่นจากภวังค์ เธอเหลียวไปรอบๆด้วยสีหน้างงงันเพื่อหาใบหน้าที่คุ้นเคย ไม่ช้าก็พบจ้าวหย่าและในเวลาเดียวกันก็เห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ นัยน์ตาของเธอเบิกโพลงขึ้นช้าๆด้วยความประหลาดใจก่อนจะพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ “ท่านอาจารย์…”


“ใช่!” เห็นเว่ยหรูเหยียนไม่ได้รับอันตราย แถมยังมีระดับวรยุทธสูงขึ้นเล็กน้อย จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก


“ท่านอาจารย์”


เมื่อรู้แล้วว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง เว่ยหรูเหยียนรีบเข้ามายืนเคียงข้างจางเซวียนกับจ้าวหย่า แต่เดินออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ถลันเข้าขวางทางเธอไว้


“คุณยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น จะต้องเก็บผลโพธิ์ให้พวกเราก่อน”ชายหนุ่มพูด


เว่ยหรูเหยียนกัดฟันอย่างหงุดหงิด “ไปให้พ้นนะ!”


“อย่าลืมสิ่งที่คุณให้สัญญาไว้กับพวกเราล่ะ” ชายหนุ่มหน้าดำคร่ำเครียดขณะตอบโต้


“คุณกล้าขู่ฉันหรือ?” เว่ยหรูเหยียนหรี่ตาอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมกับแผ่รังสีเจิดจ้าออกจากร่าง เธอพร้อมจะระเบิดอารมณ์หากถูกกดดันหนักเกินไป


แต่ยังไม่ทันที่เว่ยหรูเหยียนจะได้ทำอะไร เสียงท่านอาจารย์ก็ดังขึ้น“ลูกศิษย์ของผมช่วยพวกคุณเร่งการสุกของผลโพธิ์แล้ว คุณยังจะให้เธอเก็บมันให้คุณด้วยหรือ? หรูเหยียน, มานี่!”


จางเซวียนไม่ใส่ใจกลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ เขามองเว่ยหรูเหยียนและเร่งให้เธอเดินเข้ามา


“ได้ ท่านอาจารย์!” เว่ยหรูเหยียนรีบเดินผ่านชายหนุ่มเพื่อมายืนเคียงข้างจางเซวียน


“คุณคือจางเซวียน, อาจารย์ของเว่ยหรูเหยียนหรือ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ


“ผมเอง” จางเซวียนตอบหนักแน่น


“คุณมาได้เวลาพอดี ในเมื่อเว่ยหรูเหยียนเชื่อฟังคุณ ผมก็อยากให้คุณสั่งการให้เธอเก็บผลโพธิ์ จากทั้ง 6 ผลที่อยู่ที่นี่ พวกเรายินดีจะมอบให้คุณผลหนึ่งเป็นสิ่งตอบแทน” ชายหนุ่มพูดเสียงห้วน


ราวกับสงสัยในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน จางเซวียนตั้งคำถาม “คุณบอกว่าจะมอบผลโพธิ์ผลหนึ่งให้เว่ยหรูเหยียนเพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับการลงทุนลงแรงของเธอหรือ?”


“ก็ใช่น่ะสิ” ชายหนุ่มพยักหน้า “100 สำนักแห่งนักปราชญ์ของพวกเราต้องการผลโพธิ์ทั้ง 5 ผลที่เหลือ เราจะนำมันกลับไปด้วยเหตุผลเดียวที่เราเต็มใจจะมอบผลโพธิ์ผลหนึ่งให้คุณก็เพื่อเห็นแก่ความเหนื่อยยากของเธอตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ถ้าคุณไม่อยากได้ผลโพธิ์ เลือกสิ่งอื่นที่มีมูลค่าทัดเทียมกันก็ได้”


“มอบให้ผลหนึ่ง?” เห็นชายหนุ่มยังคงจองหอง จางเซวียนส่ายหน้า “ในเมื่อคุณรู้ว่าเว่ยหรูเหยียนลงทุนลงแรงไปมาก ก็ขอผมพูดอะไรสักนิดเพื่อความยุติธรรมนะ”


“พูดมาเลย!”


“คุณเข้าสู่หอบริวารแห่งนี้ได้ก็เพราะสภาวะพิเศษของเว่ยหรูเหยียน ถูกไหม?”


“ถูกต้อง”


“ผลโพธิ์เหล่านี้แก่จัดและพร้อมให้เก็บก็เพราะเว่ยหรูเหยียนใช้พลังปราณของเธอเร่งการเจริญเติบโตของพวกมัน ใช่ไหม?”


“ก็ใช่”


“ถ้าอย่างนั้นก็ง่ายนิดเดียว ในเมื่อคุณไม่ได้ทำอะไรสักนิด ผลโพธิ์ทั้ง 6 ผลก็ควรจะเป็นของเว่ยหรูเหยียน มีอะไรให้ต้องถกเถียงกันอีก? เอาล่ะ หรูเหยียน! ไปเก็บผลโพธิ์พวกนั้นมา” จางเซวียนสั่งการอย่างหนักแน่น


“คุณ…คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?” นึกไม่ถึงว่าจางเซวียนจะตลบหลังด้วยวิธีนี้ ชายหนุ่มถลึงตาอย่างโกรธจัด


“ผมไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งนั้น ก็แค่พูดในสิ่งที่เป็นความยุติธรรม” จางเซวียนตอบ ในเมื่อคุณไม่ได้มีส่วนช่วยเหลืออะไรในการเข้าสู่หอบริวารและการเร่งผลโพธิ์ให้แก่จัด แล้วคุณจะเอาสิทธิ์ที่ไหนมาอ้างเพื่อการครอบครองผลโพธิ์ล่ะ?”


“บังอาจนัก! คุณคิดว่ากำลังพูดอยู่กับใคร?” ชายหนุ่มคำรามกร้าวโมโหเดือดกับความอาจหาญของจางเซวียน


กลุ่มคนที่เหลืออีก 8 คนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์เข้าตีวงล้อมทั้งสามไว้และปลดปล่อยรังสีของพวกเขาออกมา พยายามสร้างความกดดันที่ถาโถมเข้าใส่อีกฝ่ายให้ยอมจำนน ก็เหมือนกับอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ที่หอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ พวกเขาล้วนเป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก


“ท่านอาจารย์…” เว่ยหรูเหยียนหน้าดำคร่ำเครียดเมื่อเห็นคนเหล่านั้นข่มขู่อาจารย์ของเธอ


แต่ขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ท่านอาจารย์ก็ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ปล่อยเป็นภาระของผม”


“ได้ ท่านอาจารย์” เว่ยหรูเหยียนพยักหน้า


เธอรู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของท่านอาจารย์เป็นอย่างดี ในเมื่อเขาบอกว่าไม่ต้องห่วง ก็หมายความว่าไม่มีอะไรที่เธอต้องกังวล


จางเซวียนมองกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ตีวงล้อม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้า เขาก้าวออกไปก้าวหนึ่ง


กลุ่มวัยรุ่นจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์อาจไร้เทียมทานก็จริง แต่กระบี่เปลวเพลิงสีดำก็เพิ่งยกระดับวรยุทธไปเป็นขั้นนักปราชญ์โบราณ แถมเขายังมีของล้ำค่ากับอสูรอีกมากมายอยู่กับตัว หากเขาต้องการ ก็สามารถเล่นงานคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย


ขณะที่จางเซวียนกำลังจะเปิดการโจมตีเพื่อสั่งสอนเด็กจองหองกลุ่มนั้น หลัวฉีฉีก็ขัดขึ้น “ให้ฉันจัดการเองเถอะ!”


เธอพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายโดยไม่รอคำตอบจากจางเซวียน


ทันทีที่หลัวฉีฉีสำแดงกระบวนท่า พละกำลังอันน่าทึ่งที่เธอครอบครองอยู่ก็ถูกปล่อยออกมา


ไม่ต่างจากจ้าวหย่า เธอสำเร็จวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกแล้ว!


“….” จางเซวียนรู้สึกปวดหัวตึ้บ


ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่เขาจงใจสร้างความปั่นป่วนให้กับตระกูลหลัวและจากมา เธอยังเป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 9


แต่ภายในระยะเวลาอันสั้น เธอกลับยกระดับวรยุทธไปสู่ขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกได้แล้ว


ความรวดเร็วในการฝ่าด่านวรยุทธของเธอช่างเหลือเชื่อ!


ทุกคนที่อยู่รอบตัวจางเซวียนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาฝึกฝนวรยุทธได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมองไปยังลูกศิษย์ จางเซวียนก็รู้สึกว่าตัวเองยังต้องเดินทางอีกยาวไกล


ฟิ้ววววว!


เครื่องเก็บงำมิติหมุนติ้วพร้อมกับส่งเสียงฮัมเล็กน้อย สกัดกั้นมิติที่อยู่โดยรอบเอาไว้ หลัวฉีฉีพุ่งตัววนรอบอีกฝ่ายราวกับผีเสื้อที่อยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้


แน่นอนว่ากลุ่มเด็กวัยรุ่นจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์นั้นทรงพลัง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่อาจเทียบชั้นกับหลัวฉีฉีได้


“ดูเหมือนความสามารถในการควบคุมเครื่องเก็บงำมิติของเธอจะพัฒนาขึ้นอีก” จางเซวียนพยักหน้า


เขาเคยเห็นสาวน้อยใช้เครื่องเก็บงำมิติยับยั้งเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลหลัวมาก่อน ในครั้งนั้น ความสามารถในการควบคุมเครื่องเก็บงำมิติของเธอยังไม่ได้รับการขัดเกลา และดูเหมือนเธอจะควบคุมมันได้เพียงคร่าวๆ แต่ตอนนี้การควบคุมของเธอเป็นไปอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ จนถึงขั้นที่ทุกกระบวนท่าของเธอไม่ต่างอะไรกับงานศิลปะ


ในเวลานี้ คงไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะกล่าวว่าเธอกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเครื่องเก็บงำมิติไปแล้ว!


“หลัวฉีฉีไม่เพลี่ยงพล้ำให้พวกนั้นหรอก เก็บผลโพธิ์กันเถอะ”จางเซวียนพูดยิ้มๆขณะหันกลับไปมองต้นโพธิ์


ต้นโพธิ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาค่อนข้างจะคล้ายคลึงกับต้นโพธิ์ที่สถาบันปรมาจารย์หงหย่วน แต่พุ่มใบของมันดกหนากว่า รังสีที่แผ่ออกมาก็ล้ำลึกกว่ามาก


พวกนั้นบอกว่าการฝึกฝนวรยุทธใต้ต้นโพธิ์จะช่วยยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณและสภาวะจิตใจ จางเซวียนคิดอย่างตื่นเต้น


ต้นโพธิ์เซียนทั่วไปจะมีอานุภาพในการสงบจิตใจของนักรบและขับไล่ปีศาจใต้สำนึกของพวกเขา แต่ในเมื่อต้นโพธิ์ที่อยู่ตรงหน้ามีวรยุทธถึงขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ อานุภาพของมันก็ย่อมโดดเด่นกว่ามาก


ถ้าเราฝึกฝนวรยุทธใต้ต้นโพธิ์นี้ บางที อาจยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณให้แตะ 30.0 ได้!


ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาอยู่ที่ 29.99 อีกเพียงเสี้ยวเดียวก็จะเข้าถึงระดับของนักปราชญ์โบราณแล้ว ซึ่งมันคงจะเป็นความสูญเปล่าใหญ่หลวงหากเขาจะกินผลโพธิ์เพียงเพื่อยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณอีกแค่ 0.01 ดังนั้น หากเขาทรุดตัวลงนั่งปรับสภาวะจิตใต้ต้นโพธิ์ ก็น่าจะฝ่าด่านวรยุทธได้ในไม่ช้า


ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิด เว่ยหรูเหยียนก็เดินไปที่ต้นโพธิ์และเก็บผลโพธิ์ผลหนึ่งมา


บึ้มมม!


กระแสพลังงานระเบิดออกจากต้นโพธิ์ มันคือกลไกการป้องกันตัวโดยธรรมชาติของต้นโพธิ์เพื่อขับไล่ผู้ที่หมายปองผลของมันไม่ให้เข้าใกล้


แต่กระแสพลังงานนั้นก็ถูกเว่ยหรูเหยียนปราบอย่างง่ายดายโดยใช้ศาสตร์ลับชนิดหนึ่ง


ฟึ่บ!


ผลโพธิ์หลุดออกจากกิ่ง


ซรืดดดด!


ทันทีที่มันถูกเด็ด ควันสีดำก็ลอยโขมงขึ้นจากกิ่งที่ผลโพธิ์งอกออกมา ควันนั้นตรงเข้าโอบล้อมเว่ยหรูเหยียน


“นั่น…แก๊สพิษหรือ?” จางเซวียนชะงัก


เขานึกไม่ถึงว่าต้นโพธิ์จะมีกลไกการป้องกันตัวแบบนี้


ไม่น่าแปลกใจแล้วที่เด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นไม่ยอมเก็บเองและยืนกรานให้เว่ยหรูเหยียนเป็นคนเก็บ เพราะหากพวกเขาพยายามลงมือเองก็มีโอกาสสูงที่จะถูกวางยาจนตาย


ตอนที่ 1743 ความเก่งกาจของปลาคาร์พ

แก๊สพิษที่ต้นโพธิ์ปล่อยออกมาสามารถเล่นงานนักรบคนไหนก็ได้แต่สำหรับเว่ยหรูเหยียน มันไม่ต่างอะไรกับน้ำทิพย์ ขณะที่เธอซึมซับควันเข้าสู่ร่างกาย นัยน์ตากลมดำราวลูกปัดก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น


“คุณใช้ควันสีดำนี้ยกระดับวรยุทธได้?” จางเซวียนชะงัก


เว่ยหรูเหยียนพยักหน้า


“สมแล้วที่เป็นสภาวะกายพิษแต่กำเนิด” จางเซวียนตั้งข้อสังเกตด้วยความยำเกรง


สภาวะพิเศษนี้ช่างทรงพลังจริงๆ


หากนักรบคนอื่นถูกควันพิษนี้รม คงตายภายในไม่กี่นาที แต่เว่ยหรูเหยียนสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อการยกระดับวรยุทธของตัวเองแม้แต่จางเซวียนก็ยังอดอิจฉาความสามารถข้อนี้ของเธอไม่ได้


เว่ยหรูเหยียนใช้เวลาไม่นานก็ซึมซับพลังงานที่อยู่ในควันสีดำได้สำเร็จ เธอรีบนำกล่องหยกใบหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติและนำผลโพธิ์ใส่เข้าไปในนั้น เมื่อเสร็จเรียบร้อย เธอก็ตรงเข้าเก็บผลโพธิ์ผลต่อไปและดำเนินกระบวนการเดิมซ้ำ


ควันสีดำพวยพุ่งออกมาและโอบล้อมเว่ยหรูเหยียนไว้ แต่คราวนี้ดูเหมือนจะเข้มข้นกว่าเดิมมาก เมื่อเจอกับการโจมตีของมัน ร่างของสาวน้อยถึงสั่นสะท้าน ใบหน้าซีดเผือด


“เกิดอะไรขึ้น?” จางเซวียนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


“แก๊สพิษนี้รุนแรงเกินไป มันมากเกินกว่าที่ฉันจะซึมซับได้” เว่ยหรูเหยียนตอบตามตรง


ต่อให้เป็นผู้ที่มีสภาวะกายพิษแต่กำเนิด แต่ปริมาณยาพิษที่เธอรับไว้และซึมซับได้นั้นก็ยังมีจำกัด หากพยายามนำยาพิษเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป ก็เสี่ยงกับอันตราย


แก๊สพิษที่ผลโพธิ์ผลที่สองปล่อยออกมานั้นเข้มข้นกว่าผลแรกมากและนั่นเป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง


เว่ยหรูเหยียนใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะกดข่มแก๊สพิษที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายได้สำเร็จ เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็หันกลับไปเพื่อเก็บผลโพธิ์ผลที่สาม


ซรืดดดดด!


คราวนี้ ควันสีดำที่ต้นโพธิ์ปล่อยออกมารุนแรงกว่าเก่า เมื่อต้องซึมซับแก๊สพิษปริมาณมากเข้าไปในคราวเดียว ร่างของเว่ยหรูเหยียนสั่นสะท้านไม่หยุด ใบหน้าซีดเผือดลงเรื่อยๆ แต่ขณะที่ใกล้จะหมดความอดทนเต็มแก่ ก็รู้สึกได้ว่าใครคนหนึ่งทาบฝ่ามือเข้ากับแผ่นหลังของเธอ


จากนั้นท่านอาจารย์เอ่ยขึ้น “ใช้ควันสีดำนี้เพื่อการฝ่าด่านวรยุทธ!”


“ได้ ท่านอาจารย์”


รู้ดีว่าอาจารย์ตั้งใจช่วยเธอยกระดับวรยุทธ เว่ยหรูเหยียนรีบเพ่งสมาธิกับการส่งแก๊สพิษเข้าทำลายด่านคอขวดของเธอ


แก๊สพิษที่ต้นโพธิ์ปล่อยออกมานั้นมีอานุภาพเป็นพิษถึงตาย แต่ถือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาอันทรงพลังในการยกระดับสภาวะจิตใจ จางเซวียนใช้พลังปราณเทียบฟ้าของเขากำจัดสิ่งอุดตันที่อยู่ในทางเดินพลังปราณของเว่ยหรูเหยียน เพื่อเธอจะได้ควบคุมพลังปราณให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น


เมื่อเว่ยหรูเหยียนเก็บผลโพธิ์เพิ่มอีกหนึ่งผล แก๊สพิษที่ต้นโพธิ์ปล่อยออกมาก็มีฤทธิ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อเธอเก็บผลที่หก แก๊สพิษนั้นก็ทรงพลังเสียจนแทบจะกัดกร่อนได้แม้แต่มิติที่อยู่โดยรอบ


จางเซวียนดูแลการไหลเวียนของพลังงานในร่างของเว่ยหรูเหยียนอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าการขับเคลื่อนพลังปราณของเธอจะเป็นไปอย่างราบรื่น


ครู่ต่อมา เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางเดินพลังปราณของเว่ยหรูเหยียน เป็นสัญญาณว่าเธอทำลายด่านคอขวดได้สำเร็จแล้ว รังสีของเว่ยหรูเหยียนแผ่ซ่านออกมา ไม่ช้าระดับวรยุทธของเธอก็เข้าสู่ขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกเหมือนกับจ้าวหย่า


หลังจากขัดเกลาพละกำลังส่วนเกินที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายแล้ว เว่ยหรูเหยียนก็ประสานมือและโค้งคำนับด้วยความตื่นเต้น“ขอบคุณ ท่านอาจารย์!”


ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์คอยช่วยเหลือ เธอคงต้องสูญเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์แก๊สพิษไปกว่าครึ่ง และหากมีบางอย่างผิดพลาดเธออาจต้องถึงกับได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะร่างกายไม่อาจต้านทานอานุภาพของมันได้


ด้วยวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกและสภาวะกายพิษแต่กำเนิดอันทรงพลัง แน่นอนว่าแทบไม่มีนักรบคนไหนที่มีวรยุทธต่ำกว่าขั้นนักปราชญ์โบราณที่จะเอาชนะเว่ยหรูเหยียนได้


จางเซวียนที่กำลังเต็มตื้นพยักหน้ารับ จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชาขณะที่หันไปมองกลุ่มเด็กวัยรุ่นทั้ง 9 ที่กำลังสู้รบปรบมือกับหลัวฉีฉี


ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาอยู่ด้วย เว่ยหรูเหยียนคงได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้วเพราะแก๊สพิษของต้นโพธิ์ที่เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผลโพธิ์เพียงผลเดียวจะชดเชยได้!


เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ต้องการให้เว่ยหรูเหยียนเก็บผลโพธิ์ให้ แต่กลับไม่มีมาตรการป้องกันใดๆเพื่อปกป้องเธอเลย เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้เห็นเว่ยหรูเหยียนไม่ต่างกับลูกไก่ในกำมือที่จะบีบให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้หากไร้ประโยชน์แล้ว


ในตอนนั้น การสู้รบระหว่างหลัวฉีฉีกับเด็กวัยรุ่นทั้ง 9 จาก 100สำนักแห่งนักปราชญ์ก็สิ้นสุดลง ประสิทธิภาพการต่อสู้ของหลัวฉีฉีที่ผนวกเข้ากับเครื่องเก็บงำมิตินั้นถือว่าทรงพลังมาก แม้อีกฝ่ายจะผนึกกำลังกันก็ยังสู้ไม่ไหว ทุกคนหน้าซีดเผือดและต่างก็ได้รับบาดเจ็บ สีหน้าของพวกเขาดูย่ำแย่


ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาได้รับเลือกให้เข้าสู่หอบริวารเพื่อตามหาผลโพธิ์ ก็หมายความว่าสถานภาพของคนเหล่านี้ใน 100 สำนักแห่งนักปราชญ์คงจะสูงส่งไม่น้อย


พวกเขาได้รับความเคารพจากคนรอบข้าง แต่ลงท้ายกลับมาถูกซ้อมจนหมดสภาพในภารกิจสำคัญ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะยอมรับได้


“จางเซวียนกับเว่ยหรูเหยียน, ผลโพธิ์เหล่านี้มีความสำคัญสูงสุดต่อ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ผมหวังว่าคุณจะมอบมันให้พวกเรา”ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่มกัดฟันพูด


แต่จางเซวียนโบกมืออย่างไม่แยแสและเอ่ยว่า “หักแขนขาของคนพวกนี้และจับโยนออกไป!”


ไม่ว่าพวกเขาจะจงใจหรือไม่ จางเซวียนก็ไม่อาจยอมรับความจริงที่ว่าคนเหล่านี้ทำให้ลูกศิษย์ของเขาต้องตกอยู่ในอันตราย เพราะฉะนั้นก็ต้องยอมรับผลจากการกระทำของตัวเอง


“ได้เลย!” หม้อต้นกำเนิดทองคำกระโจนออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่เด็กวัยรุ่นทั้ง 9


ไม่ช้า แขนขาที่ถูกหม้อต้นกำเนิดทองคำหักเป็นท่อนๆก็ถูกโยนออกไปจากหอสงบใจอย่างไร้ความปรานี


สำหรับเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่เกรงกลัวหม้อต้นกำเนิดทองคำ แต่หลังจากถูกหลัวฉีฉีเล่นงาน ก็ไม่เหลือพละกำลังมากพอจะตอบโต้


“ท่านอาจารย์ ฉันจะมอบผลโพธิ์เหล่านี้ให้คุณตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อนะ” เว่ยหรูเหยียนพูดขณะมอบผลโพธิ์ทั้งหมดให้


“อือ” จางเซวียนรับผลโพธิ์มาและเก็บทุกผลเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ เหลือไว้แค่ผลเดียว เขายื่นผลโพธิ์นั้นให้เว่ยหรูเหยียนและพูดว่า “คุณคือผู้เก็บผลโพธิ์ได้มากมาย เพราะฉะนั้นควรจะได้ไว้ 1 ผล แต่อย่ารีบร้อนใช้มันนะ ผมมีวิธีที่จะช่วยยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณให้คุณได้ ผมอยากให้คุณฝึกฝนวรยุทธใต้ต้นโพธิ์และยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณให้แตะ 29.9 ก่อน เมื่อทำสำเร็จแล้ว ก็ค่อยใช้ผลโพธิ์เพื่อฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณ”


“ได้” เว่ยหรูเหยียนพยักหน้า


จางเซวียนกระดิกนิ้ว จากนั้นก็ถ่ายทอดศาสตร์ลับเพื่อการบ่มเพาะสภาวะจิตใจให้เว่ยหรูเหยียน


“จ้าวหย่า ผลนี้ของคุณ”


จางเซวียนยื่นผลโพธิ์อีกผลหนึ่งให้จ้าวหย่าพร้อมกับศาสตร์ลับ


เพราะสภาวะพิเศษของทั้งคู่ จ้าวหย่ากับเว่ยหรูเหยียนจึงสามารถยกระดับวรยุทธของพลังปราณได้อย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ส่งผลให้ระดับวรยุทธของสภาวะจิตใจยังคงล้าหลัง ผลโพธิ์เป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้ทั้งคู่ปิดช่องว่างนี้ได้


“ฉีฉี ผลนี้ของคุณ…”


หลังจากดูแลลูกศิษย์ทั้งสองของเขาแล้ว จางเซวียนก็มอบผลโพธิ์อีกผลหนึ่งให้หลัวฉีฉี


หลัวฉีฉีมาถึงหอสงบใจก่อนหน้าพวกเขา ซึ่งต่อให้เขาไม่อยู่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเธอก็สูงพอจะแย่งชิงผลโพธิ์ผลหนึ่งมาเป็นของตัวเองได้อยู่แล้ว


“ขอบคุณมาก” หลัวฉีฉีรับผลโพธิ์มา แต่นัยน์ตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่จางเซวียน ความสับสนปรากฏในดวงตาคู่นั้นขณะที่เอ่ยว่า “ปรมาจารย์จาง…”


ดูเหมือนจะรู้ว่าเธอคิดจะพูดอะไร จางเซวียนโบกมือและพูดว่า “ผมเคยสอนคุณเรื่องการหลอมยามาก่อน ซึ่งนั่นหมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราในฐานะอาจารย์กับศิษย์ การฝืนความรู้สึกนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ความเหมาะสมก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรละเลยเช่นกัน ไม่มีทางที่เราสองคนจะเป็นแบบนั้นได้ การหมั้นหมายระหว่างเราทั้งคู่เป็นความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ตั้งแต่แรก และผมเชื่อว่าคุณคงรู้ดีว่าผมมีคนที่ผมรักอยู่ เพราะฉะนั้น…ผมเสียใจ”


ในเมื่อเขาไม่อาจมอบความสุขให้เธอได้ พูดจาออกไปให้เด็ดขาดก็ย่อมดีกว่า


การขุดคุ้ยมันขึ้นมามีแต่จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดมากขึ้น แต่เขาก็ไม่อยากให้หลัวฉีฉีต้องใช้ชีวิตที่เหลือวนเวียนอยู่กับความสูญเปล่า


“ฉัน…” หลัวฉีฉีหน้าเสียขณะร่างสั่นเทา


เธอรู้ดีว่าความปรารถนาของเธอนั้นแทบไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้


ส่วนจ้าวหย่าก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเมื่อได้ฟัง


อย่างคำพูดที่ว่ากันว่า “1 วัน เป็นอาจารย์, เคารพดั่งบิดาชั่วชีวิต!”


ลูกศิษย์ไม่ได้รับอนุญาตให้มีความสัมพันธ์รูปแบบอื่นใดกับอาจารย์ของตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็จะถือเป็นความไม่เหมาะสมอย่างรุนแรง สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ทวีปแห่งปรมาจารย์ไม่ยอมรับ


เธอเองก็อยากตามหาความสุข แต่ก็รู้ดีว่าความพยายามของเธอมีแต่จะทำให้ชื่อเสียงของท่านอาจารย์แปดเปื้อน นี่เป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ทำให้จ้าวหย่ารู้สึกขัดแย้งอย่างล้ำลึกอยู่ในใจตลอดมา


เห็นสีหน้าหม่นหมองของหลัวฉีฉีกับจ้าวหย่า จางเซวียนแอบถอนหายใจเฮือกขณะยิ้มให้ “สำหรับตอนนี้ พวกคุณควรใช้สมาธิกับการยกระดับวรยุทธเสียก่อน พวกคุณอายุยังน้อย ยังมีชีวิตและประสบการณ์อีกมากที่ยังไม่ได้พบเจอ วันหนึ่งคุณจะต้องพบใครสักคนที่เหมาะสมกับคุณมากกว่าผมแน่!”


หากมีทางเลือก เขาก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจของทั้งคู่ แต่หากเขายังคงแสดงทีท่าแบบเดิม ก็มีแต่จะเป็นการมอบความหวังลมๆแล้งๆซึ่งไม่มีอะไรที่เจ็บปวดไปกว่าการไขว่คว้าสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้


รู้ดีว่าทั้งคู่ของต้องการเวลาระยะหนึ่งเพื่อระงับจิตใจ จางเซวียนโบกมือและพูดว่า “ผมจะปล่อยพวกคุณให้ฝึกฝนวรยุทธที่นี่นะพยายามเต็มที่ที่จะยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็แล้วกัน ระหว่างนี้ ผมจะไปตามหาหยวนเทา”


ขณะที่จางเซวียนกำลังจะจากไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัว “นายท่านผมขุดรากถอนโคนต้นไม้ต้นนี้ให้คุณได้นะ คุณอยากนำมันไปด้วยไหม?”


“คุณขุดมันขึ้นมาได้หรือ?” จางเซวียนชะงัก


“ฮ่า ผมน่ะคือหัวใจของมิติแห่งนี้นะ คุณก็รู้นี่นา แน่นอนว่าต้นไม้แค่ต้นเดียวน่ะ ผมถอนได้อยู่แล้ว!” ปลาคาร์พคุยโว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)