อัจฉริยะสมองเพชร 1736-1737

 ตอนที่ 1736 ฝ่าด่านวรยุทธสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณ

ฟึ่บ!


ในที่สุด จางเซวียนก็หยุด


“เป็นอย่างไรบ้าง?” เซียนดาบชิงเหมิงถามด้วยความอยากรู้


ทั้งสองรู้ว่าลูกชายของพวกเขาเป็นหัวหน้าตระกูลเจียงและมีลูกศิษย์เป็นผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ จึงแน่นอนว่าเขาย่อมมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์ของจิตวิญญาณเช่นกัน แต่ก็ยังไม่แน่ใจนักว่าสำเร็จถึงขั้นไหน จึงอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ผลการทดลอง


“เอ่อ…” จางเซวียนเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน “โลกใบนี้เล็กเกินไป เส้นด้ายจิตวิญญาณของผมไปจนถึงสุดขอบโลกแล้ว”


แม้ที่นี่จะเป็นโลกที่ปรมาจารย์ขงสร้างขึ้นด้วยวิธีการอันไม่ธรรมดา แต่ลงท้ายมันก็เป็นแค่มิติลี้ลับ ไม่มีทางที่จะไร้ขอบเขตอย่างทวีปแห่งปรมาจารย์ ถึงอย่างไรโลกใบนี้ก็มีอัตราส่วนที่น้อยกว่าหนึ่งในล้านกิโลเมตร ซึ่งไม่ได้กว้างใหญ่พอที่จะเกินขีดจำกัดของจางเซวียน


แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือ หากเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ เขาเทียบชั้นได้กับเหล่านักปราชญ์โบราณเลยทีเดียว!


แต่ก็แน่นอนว่าจางเซวียนเทียบชั้นกับเหล่านักปราชญ์โบราณได้ในแง่ของปริมาณเท่านั้น หากเป็นคุณภาพ เขาก็ยังอ่อนด้อยอยู่ อย่างมากที่สุดเขาก็แค่ปกป้องตัวเองจากการโจมตีจิตวิญญาณของนักปราชญ์โบราณได้เท่านั้น ยังมีพละกำลังไม่เพียงพอที่จะเข้าโจมตี


“ถึงโลกในภาพวาดจะมีขนาดเล็ก แต่การที่ลูกสามารถขยายอาณาเขตของจิตวิญญาณไปจนถึงสุดขอบโลกก็บ่งบอกแล้วว่าลูกมีอาณาเขตของจิตวิญญาณที่ไม่ธรรมดา ขอแค่ลูกยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณและฝึกฝนวรยุทธให้ถึงขั้น ก็จะก้าวไปสู่วรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณได้” เซียนดาบชิงตั้งข้อสังเกตด้วยความอัศจรรย์ใจ


ลูกชายของเขาช่างปราดเปรื่องเหนือชั้นจริงๆ


ขณะที่นักรบคนอื่นเพียรพยายามจะรักษาอาณาเขตของจิตวิญญาณไว้หลังจากที่พวกเขาสำเร็จวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกแล้ว แต่จางเซวียนกลับทำสำเร็จทั้งที่เป็นแค่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติ โลกจารึก


บางที ด่านคอขวดที่ขวางกั้นนักรบส่วนใหญ่ไม่ให้ก้าวไปสู่วรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณได้อาจเป็นเพียงปราการขนาดเล็กสำหรับเขา เหมือนกับวรยุทธขั้นอื่นๆที่ผ่านมา


“อันที่จริง การขยายอาณาเขตของจิตวิญญาณนั้นไม่ได้ยากเกินไป ผมมีหนังสือเทคนิควรยุทธการฝึกฝนจิตวิญญาณที่ท่านพ่อกับท่านแม่สามารถใช้ฝึกฝนได้” จางเซวียนสะบัดข้อมือและนำหนังสือเล่มหนึ่งออกมา


ในฐานะผู้สำเร็จแก่นสารของจิตวิญญาณและได้รับการถ่ายทอดมรดกของเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ จางเซวียนได้สร้างแนวคิดเกี่ยวกับจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง ซึ่งหนังสือเทคนิคเกี่ยวกับการฝึกฝนจิตวิญญาณที่เขากำลังจะมอบให้เซียนดาบชิงนั้นก็ถูกปรับให้เหมาะสมกับสภาวะร่างกายของสมาชิกตระกูลจาง และในเมื่อมันไม่มีความเชื่อมโยงกับมรดกตกทอดของตระกูลเจียง จึงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการนำความลับของตระกูลเจียงมาเปิดเผย


“เทคนิควรยุทธนี้มีประสิทธิภาพสูงมากในการขยายอาณาเขตของจิตวิญญาณ ขอแค่เราขยันหมั่นเพียรฝึกฝน ก็จะขยายอาณาเขตของจิตวิญญาณไปเป็น 1 ล้านกิโลเมตรได้ภายในเวลาเดือนเดียว” เซียนดาบชิงตั้งข้อสังเกตด้วยความตื่นเต้นขณะพิจารณาหนังสือ


“ดีเลย ผมจะรอวันที่ท่านพ่อท่านแม่ได้เป็นนักปราชญ์โบราณนะ” จางเซวียนพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ


“พ่อดีใจที่ลูกให้ความใส่ใจเราทั้งคู่ แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก” เซียนดาบชิงส่ายหน้า “นอกจากเงื่อนไขหลักทั้ง 3 ประการแล้ว ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากที่ส่งผลต่อการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณ อย่างเช่นความเข้าใจเรื่องวรยุทธ ความสามารถในการปรับตัวให้กลมกลืนกับโลก สภาวะจิต…ถึงอย่างไร การฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณก็ไม่ใช่ภารกิจง่ายดาย ต่อให้เทคนิควรยุทธการฝึกฝนจิตวิญญาณของลูกจะทรงพลัง แต่ก็เพิ่มโอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จได้เพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น!”


“แค่ 10 เปอร์เซ็นต์หรือ?” จางเซวียนชะงัก


“ใช่แล้ว การก้าวไปสู่วรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณหมายถึงการก้าวข้ามขีดจำกัดพื้นฐานไปสู่ระดับที่สูงกว่า หากจะเปรียบเทียบ ก็ไม่ต่างอะไรกับปลาคาร์ฟที่พยายามกระโจนข้ามประตูมังกร การที่สภาวะร่างกายของคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงนั้นย่อมรวมถึงทางเดินพลังปราณด้วย ไม่มีทางที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายแน่…” เซียนดาบชิงอธิบาย


แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ เขาก็พลันรู้สึกว่าโลกรอบตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง กระแสพลังจิตวิญญาณพวยพุ่งเข้าสู่ทิศทางหนึ่ง


จากนั้น พลังงานหนักหน่วงก็ระเบิดขึ้นสู่สวรรค์ แบ่งโลกออกเป็น 2 ส่วน


“นี่…ใครบางคนฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จแล้วหรือ?” เซียนดาบชิงนัยน์ตาเบิกโพลงอย่างไม่อยากเชื่อ


เขารู้สึกเหมือนศีรษะจะระเบิด เมื่อครู่นี้เองที่เขาเพิ่งพูดว่าการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณนั้นเป็นเรื่องยากแสนยาก


แล้วคนผู้นั้นเป็นใคร?


เซียนดาบชิงหันขวับไปมองที่ใจกลางพลังงานวน และเห็นกระบี่ที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวเล่มหนึ่งลอยอยู่อย่างเงียบเชียบ กำลังกลืนกินพลังจิตวิญญาณและนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณที่อบอวลอยู่ในอากาศอย่างตะกละตะกราม พละกำลังของมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว


ราวกับแม่น้ำของพลังจิตวิญญาณกำลังเติมเต็มมหาสมุทร กระแสพลังงานนั้นรวดเร็วเสียจนทำให้กระบี่สั่นสะท้านไม่หยุด


“นั่น…อาวุธของลูกหรือ?” เซียนดาบชิงกลืนน้ำลาย


จางเซวียนที่กำลังจังงังพยักหน้ารับ เขาเองก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น


สิ่งที่กำลังฝ่าด่านวรยุทธในตอนนี้คือกระบี่เปลวเพลิงสีดำ


เขาไม่ได้เก็บมันเข้าสู่แหวนเก็บสมบัติหลังจากที่เล่นงานเด็กวัยรุ่นทั้ง 8 คนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์แล้ว มันจึงติดตามเขามายังผืนผ้าใบสี่ฤดูด้วย


ตอนแรก กระบี่เปลวเพลิงสีดำเป็นของล้ำค่าระดับกึ่งนักปราชญ์โบราณ และได้ดื่มเลือดและสูบจิตวิญญาณของพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจกว่า 110,000 ตัว มันสะสมพลังงานไว้มากพอสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธแล้ว แต่ยังขาดตัวเร่งปฏิกิริยาขั้นสุดท้าย นิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณที่อยู่ในภาพวาดดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มันยังขาดอยู่ สุดท้ายมันจึงยกระดับวรยุทธของตัวเองเข้าสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จ


ฟิ้ววววว!


พลังจิตวิญญาณปริมาณมหาศาลพวยพุ่งเข้าสู่พื้นที่ราวกับพายุเฮอริเคน ทำให้พื้นดินสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ขณะที่กระบี่เปลวเพลิงสีดำซึมซับพลังจิตวิญญาณจากภาพวาดอย่างดุเดือด พื้นที่โดยรอบก็ดูเหมือนจะค่อยๆสลายตัว


“พลังจิตวิญญาณในบริเวณนี้ไม่เพียงพอสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป พ่อเกรงว่าโลกในภาพวาดจะถูกทำลาย” เซียนดาบชิงหรี่ตาด้วยความพรั่นพรึง


โดยทั่วไป เมื่อนักรบคนหนึ่งฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จ พวกเขาจะจัดเตรียมทรัพยากรขั้นสูงสุดสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ เพื่อที่จะได้ไม่ขาดแคลนพลังงานกะทันหันในระหว่างกระบวนการ


แต่กระบี่เปลวเพลิงสีดำเป็นเพียงอาวุธ จึงแน่นอนว่ามันย่อมไม่ได้จัดเตรียมสิ่งเหล่านั้น จางเซวียนเองก็นึกไม่ถึงว่ามันจะฝ่าด่านวรยุทธได้ตอนนี้ จึงไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าเช่นกัน


หากพวกเขาอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ก็ยังคงมีพลังจิตวิญญาณอยู่ในอากาศมากพอที่จะรักษาระดับการฝ่าด่านวรยุทธไว้ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในภาพวาด ในเมื่อรากฐานไม่มั่นคงตั้งแต่แรกแล้ว มิติที่อยู่โดยรอบก็พร้อมจะแตกสลายได้ทันทีที่อยู่ภายใต้แรงกดดัน หากเป็นอย่างนี้ต่อไป ภาพวาดทั้งหมดจะต้องถูกทำลายแน่


กว่าเขาจะได้พบนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณที่จำเป็นต่อการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คงเป็นความสูญเปล่าอย่างใหญ่หลวงหากภาพวาดต้องมาถูกทำลายแบบนี้


“กระบี่เปลวเพลิงสีดำ ซึมซับสิ่งนี้!”


รู้ดีว่าไม่มีเวลาจะเสีย จางเซวียนกระดิกนิ้ว


ฟิ้วววว!


เลือดหยดหนึ่งที่มีพลังงานเข้มข้นลอยตรงเข้าหากระบี่เปลวเพลิงสีดำ มันคือหยดเลือดของตาเฒ่าหยูเมื่อตอนที่อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ


บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางได้เก็บหยดเลือดเหล่านี้ไว้และมอบให้จางเซวียน หากจะมีอะไรที่มีพลังจิตวิญญาณมากพอจะทำให้กระบี่เปลวเพลิงสีดำฝ่าด่านวรยุทธได้ ก็ย่อมเป็นสิ่งนี้


ทันทีที่กระบี่เปลวเพลิงสีดำสัมผัสกับเลือด มันก็ซึมซับหยดเลือดเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนพลังจิตวิญญาณที่อยู่ในเลือดเพียงหยดเดียวจะยังไม่พอสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธของมัน


จางเซวียนจึงส่งเลือดไปหยดแล้วหยดเล่า ไม่ช้าเขาก็ใช้หยดเลือดห้าหยดของตาเฒ่าหยูไปจนหมด


เมื่อได้ซึมซับเลือดหยดที่ห้า กระบี่เปลวเพลิงสีดำจึงสงบลง รังสีไร้เทียมทานแผ่ออกจากร่างของมัน ราวกับว่ามันสามารถกรีดภาพวาดให้แยกเป็น 2 ส่วนได้ด้วยการตวัดเพียงครั้งเดียว


ฟึ่บ!


รอยแยกแห่งมิติปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าที่อยู่ในภาพวาด หมู่เมฆดำพวยพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว


มันคือการทดสอบวรยุทธ การทดสอบนักปราชญ์โบราณ!


โดยทั่วไป เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่นักรบสักคนจะเรียกการทดสอบวรยุทธมาเมื่ออยู่ภายในมิติลี้ลับ แต่เพราะการทดสอบนักปราชญ์โบราณนั้นทรงพลังเสียจนแม้แต่โลกที่อยู่ในภาพวาดก็ไม่อาจยับยั้งมันได้


ฟิ้ววววว!


สายฟ้าและเปลวเพลิงสวรรค์พุ่งลงมาจากกลางอากาศและโอบล้อมกระบี่เปลวเพลิงสีดำไว้ กระบี่เปลวเพลิงสีดำรีบปล่อยพลังงานที่ยังหลงเหลืออยู่จากหยดเลือดของตาเฒ่าหยูเข้าเล่นงานพละกำลังจากการทดสอบวรยุทธอย่างรวดเร็ว ทำให้มันซึมซับพลังงานได้อย่างปลอดภัย สีแดงก่ำค่อยๆปรากฏขึ้นบนคมกระบี่


ด้วยการบ่มเพาะจากสายฟ้าและเปลวเพลิงสวรรค์ กระบี่เปลวเพลิงสีดำดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่มองมันแวบเดียว ก็มากพอที่จะทำให้จิตใจของผู้พบเห็นสั่นคลอน


ฟึ่บ!


เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เมฆดำเริ่มสลายตัว เหลือไว้แต่กระบี่เปลวเพลิงสีดำที่ลอยอย่างเงียบๆกลางอากาศ ด้วยการตวัดเบาๆ มิติที่อยู่ในภาพวาดก็แยกออกเป็น 2 ส่วนอย่างง่ายดายราวกับเต้าหู้


“ผมสำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า!” กระบี่เปลวเพลิงสีดำหัวเราะลั่น จากนั้นก็หันมามองจางเซวียนและทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น “ขอบคุณมาก นายท่าน!”


ตอนที่ 1737 ซึมซับหยดเลือดนักปราชญ์โบราณ

“ลุกขึ้นเถอะ!”


จางเซวียนโบกมือ แล้วกระบี่เปลวเพลิงสีดำก็ลอยเข้าสู่มือของเขา เขารู้สึกได้ทันทีถึงพละกำลังทำลายล้างที่อยู่ในตัวมัน


ก่อนหน้านี้ จางเซวียนจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกให้ได้ แต่เมื่อมีกระบี่เปลวเพลิงสีดำอยู่ในมือ เขาจะสามารถสังหารนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกจำนวนหลายสิบคนได้อย่างง่ายดายด้วยการกวัดแกว่งเพียงครั้งเดียว


แม้วรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณกับขั้นชั่วกัลปาวสานจะห่างกันเพียงหนึ่งขั้น แต่ช่องว่างของมันก็ยิ่งใหญ่ราวกับสวรรค์กับโลก ความแตกต่างนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะเอื้อมถึงได้โดยง่าย


“ในที่สุดเราก็สามารถปกป้องตัวเองจากเหล่านักปราชญ์โบราณได้แล้ว…” จางเซวียนตาโตด้วยความตื่นเต้น


แม้หน้าหนังสือสีทองจะทำให้เขาสังหารนักปราชญ์โบราณได้ แต่ก็มีขีดจำกัด ยกตัวอย่าง ถ้าตาเฒ่าหยูยังคงหลบซ่อนและเก็บตัวเงียบ เขาก็ไม่มีทางทำอะไรได้ ต่อให้มีหน้าหนังสือสีทองอยู่กับตัว แต่สถานการณ์จะพลิกผันทันทีเมื่อกระบี่เปลวเพลิงสีดำสำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ!


ถ้าตาเฒ่าหยูโจมตีเขาอีกครั้ง กระบี่เปลวเพลิงสีดำจะต้องแกะรอยจากรังสีของอีกฝ่ายได้ และเล่นงานจนหมอนั่นได้รับบาดเจ็บแน่


นี่คือวิธีการที่บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางใช้เล่นงานตาเฒ่าหยูให้ล่าถอย


สิ่งนี้จะเป็นไม้ตายล้ำค่าอีกอันหนึ่งที่จางเซวียนมีอยู่ในครอบครอง หากเขาใช้มันพร้อมกับศพของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณ ก็คงสามารถสังหารนักปราชญ์โบราณได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!


เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเฉพาะหน้าหนังสือสีทองอีกต่อไปแล้ว


“เอาล่ะ แกควรขัดเกลาวรยุทธเสียก่อน” จางเซวียนสั่งการ


กระบี่เปลวเพลิงสีดำพยักหน้า มันลอยไปหาพื้นที่เงียบๆเพื่อทำการฝึกฝนวรยุทธ แต่ยังไม่ทันจะไปได้ไกล มันก็พุ่งเข้าใส่หอกสวรรค์กระดูกมังกรที่กำลังลอยเข้ามาและรีบโค้งคำนับอย่างงามให้อีกฝ่าย ก่อนจะมุ่งหน้าไปตามทางของตัวเอง


เมื่อสำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณแล้ว กระบี่เปลวเพลิงสีดำถึงได้รู้ว่าฉนวนที่อยู่บนหอกสวรรค์กระดูกมังกรนั้นทรงพลังแค่ไหน หากฉนวนได้รับการปลดปล่อยพลังออกมา ก็แน่นอนว่ามันย่อมไม่มีโอกาสรับมือกับหอกสวรรค์กระดูกมังกรได้เลย


“เซวียนเอ๋อ หอกของลูก…”


เห็นภาพนั้น เซียนดาบชิงตาโตด้วยความประหลาดใจ


ลำดับขั้นระหว่างของล้ำค่าแต่ละชิ้นถูกแบ่งไว้อย่างชัดเจน มันจะโค้งคำนับให้กับของล้ำค่าที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองเท่านั้น ถ้ากระบี่เปลวเพลิงสีดำแสดงความเคารพต่อหอกสวรรค์กระดูกมังกร นั่นก็หมายความว่าหอกสวรรค์กระดูกมังกรแข็งแกร่งกว่าของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณอย่างนั้นหรือ?


เขารู้ว่าหอกสวรรค์กระดูกมังกรมีพละกำลังเหนือชั้นกว่าอาวุธทั่วไป แต่ยังไม่แน่ใจว่ามันทรงพลังขนาดไหน


“ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ความโชคดีเล็กน้อยอีกอย่างหนึ่งเท่านั้น” จางเซวียนอธิบายยิ้มๆ


“แค่ความโชคดีเล็กน้อยอีกอย่าง?” เซียนดาบชิงถึงกับเซและแทบทรุดฮวบลงกับพื้น


ลูกเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับคำว่า ‘ความโชคดีเล็กน้อย’ หรือเปล่า?


ถ้าหอกสวรรค์กระดูกมังกร กระบี่เปลวเพลิงสีดำ และของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดที่ลูกมีอยู่เป็นแค่ความโชคดีเล็กน้อย แล้วอะไรในโลกนี้ที่จะเรียกว่าเป็นความโชคดีใหญ่หลวง?


“รอตรงนี้สักครู่นะ ผมจะทำให้ภาพวาดยอมจำนน…” จางเซวียนไม่อธิบายอะไรต่อ เขามุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางหนึ่ง


ไม่ช้า จางเซวียนก็มาถึงถ้ำ เขาคว้ามือกลางอากาศ แล้วม้วนกระดาษม้วนหนึ่งก็ปรากฏ


มันคือภาพวาดฉบับดั้งเดิมของผืนผ้าใบสี่ฤดู จางเซวียนพบมันตอนที่แผ่อาณาเขตของจิตวิญญาณออกไปไกลแสนไกล


ด้วยการเคาะ 2-3 ครั้ง ภาพวาดนั้นก็ยอมรับเขาเป็นเจ้านาย จางเซวียนเก็บมันเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ


ครืนนนน!


เกิดการกระตุกครั้งหนึ่ง แล้วเซียนดาบชิงเหมิงก็พบว่าพวกเขากลับมายังห้องโถง ทั้งคู่หันขวับไปมองบริเวณที่ภาพวาดเคยติดตั้งอยู่ แต่ก็พบว่ามันหายไปแล้ว


อึดใจต่อมา จางเซวียนก็ออกจากภาพวาดและมาปรากฏตัว “ท่านพ่อท่านแม่อยากฝึกฝนวรยุทธที่นี่หรือตามผมไป?”


ทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่คือผืนผ้าใบสี่ฤดู แต่ทั้งรูปปั้นของ 72 นักปราชญ์ พลังจิตวิญญาณอันเข้มข้น และอักษรจารึกที่อยู่บนผนังก็ล้วนแต่เป็นทรัพยากรล้ำค่าสำหรับการฝึกฝนวรยุทธเช่นกัน


ทั้งคู่จะยกระดับวรยุทธได้เร็วขึ้นอีกเป็น 10 เท่าหากฝึกฝนวรยุทธในห้องโถงแห่งนี้ แทนที่จะไปที่อื่น


เซียนดาบชิงเหมิงสบตากันก่อนจะพร้อมใจส่ายหน้า “พวกเราไม่ตามลูกไปหรอก ที่นี่เงียบสงบดี เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณและสภาวะจิตใจ รวมทั้งซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณด้วย พ่อกับแม่จะพยายามฝ่าด่านวรยุทธที่นี่แหละ!”


ทั้งคู่รู้ดีว่าหากติดตามจางเซวียนไปก็มีแต่จะเป็นภาระ ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น อยู่ฝึกฝนวรยุทธที่หอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่จะดีกว่า หากสามารถฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้ ก็จะได้มีส่วนช่วยเหลือลูกชายในการปฏิบัติภารกิจของเขา


“ฉันก็จะอยู่ที่นี่ด้วย” หูเหยาเหย่าพูด


เธอเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธไปสู่การเป็นนักรบการพักฟื้นภายใน และยิ่งจะเป็นภาระหนักขึ้นอีกหากยังยืนกรานที่จะติดตามจางเซวียน


จ้าวหย่าก้าวออกมาแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์ ฉันขอตามไปด้วย ฉันรู้ว่าพวกนั้นนำเว่ยหรูเหยียนกับหยวนเทาไปไว้ที่ไหน!”


“อือ” จางเซวียนพยักหน้า เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระดิกนิ้ว แล้วหยดเลือดหยดหนึ่งของนักปราชญ์โบราณก็ลอยเข้าหาจ้าวหย่า “ซึมซับเลือดหยดนี้เสียก่อน!”


อันตรายมากมายรออยู่ข้างหน้า ถึงหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณทุกหยดจะเป็นทรัพย์สมบัติที่ประเมินค่ามิได้ แต่ก็ไม่ได้สำคัญกับจางเซวียนมากไปกว่าความปลอดภัยของลูกศิษย์ของเขา


“ได้!”


จ้าวหย่าทรุดตัวลงนั่งและซึมซับหยดเลือดเข้าสู่ร่างกาย พลังงานพลุ่งพล่านไปทั่วร่างของเธอ แต่เพียงไม่ถึง 10 นาที เธอก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยนัยน์ตาเป็นประกายเจิดจ้า


“คุณ…ซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณสำเร็จแล้วหรือ?” จางเซวียนถามอย่างประหลาดใจ


เหตุที่เขาซึมซับหยดเลือดได้เร็วก็เพราะมันเป็นหยดเลือดของบรรพบุรุษเก่าแก่ที่มีต้นกำเนิดมาจากตัวเขา แต่ทำไมจ้าวหย่าถึงซึมซับได้รวดเร็วเหมือนกัน?


“ใช่แล้ว ท่านอาจารย์” จ้าวหย่าพยักหน้า “หลังจากที่คุณปรับเปลี่ยนทางเดินพลังปราณให้ฉันใหม่ ฉันก็รู้ตัวว่าสามารถแปรเปลี่ยนพลังงานใดๆก็ตามให้กลายเป็นพลังปราณของฉันได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แม้หยดเลือดหยดนี้จะมีพลังงานมาก แต่การซึมซับมันก็ไม่ใช่ปัญหา”


“ทางเดินพลังปราณ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


เขากระดิกนิ้วและส่งกระแสพลังปราณสายหนึ่งเข้าสู่ร่างของจ้าวหย่าเพื่อตรวจสอบสภาวะของเธอ ดูเหมือนว่าหลังจากที่จ้าวหย่าได้รับการปรับเปลี่ยนทางเดินพลังปราณ ความสามารถในการซึมซับ พลังงานเข้าสู่ร่างของเธอก็เหนือชั้นกว่านักรบทั่วไปมาก


พูดกันตามตรง แม้แต่จางเซวียนก็ยังอ่อนด้อยกว่า


ในเมื่อเครือข่ายทางเดินพลังปราณของเธอเหนือชั้นเสียยิ่งกว่านักปราชญ์โบราณ ก็ไม่น่าแปลกที่เธอจะซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณได้อย่างรวดเร็ว


“ไปกันเถอะ”


ข้อเท็จจริงที่ว่าจ้าวหย่าซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณได้อย่างรวดเร็วนั้นหมายความว่า อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เธอก็มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตอยู่ในมือแล้วหากเกิดเหตุร้าย ทั้งคู่กล่าวอำลาเซียนดาบชิงเหมิง จากนั้นจางเซวียนก็มุ่งหน้าออกจากหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ไปพร้อมกับจ้าวหย่า


เซียนดาบชิงยิ้มเจื่อนๆขณะเฝ้ามองทั้งสองที่กำลังจากไป พร้อมกับเปรยว่า “เขาอาจเป็นลูกชายของเรา แต่ก็ต้องบอกว่าทั้งตัวเขาและลูกศิษย์ของเขานั้นทรงพลังเหลือเกิน…”


เพียงแค่การซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณ เซียนดาบชิงเหมิงต้องเก็บหยดเลือดไว้ในจุดตันเถียนและซึมซับมันทีละน้อย โดยอาจต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนหรือยาวนานกว่านั้น แต่ในทางกลับกัน จางเซวียนกับจ้าวหย่าสามารถซึมซับหยดเลือดเข้าสู่ร่างกายของพวกเขาได้ทันที ช่างเป็นวีรกรรมที่น่าทึ่งเหลือเกิน


“เราต้องฝึกฝนให้หนักกว่าเดิมแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้น ถ้าลูกชายของเรากับลูกศิษย์ของเขาล้ำหน้าเราไป เราคงไม่อาจรักษาเกียรติยศของผู้อาวุโสเอาไว้ได้” เซียนดาบเหมิงพูด


“จริง จริงด้วย!” เซียนดาบชิงพยักหน้า


ทั้งคู่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นและตั้งต้นฝึกฝนวรยุทธ


…..


“บรรพบุรุษเก่าแก่ คุณต้องชดเชยความเสียหายให้พวกเรานะ!”


ที่ด้านนอกหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เด็กวัยรุ่นทั้งแปดซึ่งถูกขับไล่ออกมากำลังร่ำร้องด้วยน้ำตานองหน้า


พวกเขาทุ่มเทเวลาและความพยายามมากมายเพื่อเตรียมการเข้าสู่หอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะถูกซ้อมอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะถูกจับโยนออกมาจากหอบริวารโดยที่ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาเลย


“ความแข็งแกร่งของพวกคุณยังอ่อนด้อย พวกคุณต้องโทษตัวเองเท่านั้นแหละ!” นักปราชญ์โบราณที่ซ่อนตัวอยู่ตอบโต้ด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความไม่แยแส


“ไม่ใช่เพราะพวกเราอ่อนด้อย แต่หมอนั่นทำให้ทั้งอสูรและของล้ำค่ามากมายยอมจำนนได้ ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งเหล่านั้น ไม่มีทางที่เขาจะสู้กับพวกเราได้หรอก” เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งกัดฟันด้วยความจงเกลียดจงชัง


หมอนั่นมีอะไรดี?


ทั้งหมดที่หมอนั่นมีก็แค่อสูรกับของล้ำค่า หากปราศจากสองอย่างนี้ ก็ไม่มีทางที่จะสู้รบปรบมือกับพวกเขาได้เลย!


“ใช่แล้ว บรรพบุรุษเก่าแก่ พวกเราขอวิงวอนให้คุณจัดการให้เราได้ดวลกันอย่างชอบธรรมกับเขา!”


“ถ้าเขาสามารถเอาชนะพวกเราได้โดยไม่พึ่งพาความช่วยเหลือจากสิ่งอื่นใด พวกเราก็จะเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้”


วัยรุ่นอีกคนหนึ่งรีบพยักหน้ารับ


“เอ่อ…” บรรพบุรุษเก่าแก่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “พี่หงเทียน ทายาทของผมอยากทำการดวลอย่างชอบธรรมกับทายาทของคุณ คุณจะอนุญาตไหม?”


“คุณหารือเรื่องนี้กับทายาทของผมได้เลย วางใจเถอะ ขอแค่คุณไม่ทำอะไรที่ขัดกับหลักการ ผมจะไม่เข้าไปก้าวก่าย” บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางตอบ


ขณะที่จางเซวียนกับคนอื่นๆเข้าสู่หอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เขาก็ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณใกล้เคียง


“ค่อยยังชั่วหน่อย…” บรรพบุรุษเก่าแก่ของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ถอนหายใจเฮือก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)