คัมภีร์วิถีเซียน 1735-1736
ตอนที่ 1735 สู้รบกับศัตรูที่แข็งแกร่ง...
หานลี่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม เงาสีขาวบินออกมาจากร่าง เปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นหญิงสาวสวมชุดสีขาว แต่แค่พลิ้วไหว ก็จมหายไปกลางอากาศ
เขาทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง แล้วถึงได้สำแดงยันต์ชำระพิสุทธิ์ออกมา ร่างกายมีอักขระยันต์สีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วหายวับไป
ร่างล่องหนบินไปยังทางเดินสายหนึ่งอย่างรวดเร็ว หานลี่มีสีหน้าไร้ความรู้สึก
หักเลี้ยวที่ทางเลี้ยงตรงทางเดินสองสามครั้ง ในที่สุดสุดทางเดินถ้ำหินสีขาวนวลก็ปรากฏขึ้น
กลิ่นอายจางๆ ทั้งสี่แผ่ออกมาจากในถ้ำ
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ร่างกายกลับลอยนิ่งไม่ขยับเลยสักนิด
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาก็มาอยู่ใกล้ทางเข้าถ้ำ แล้วกวาดสายตาไปด้านใน
ถ้ำแห่งนี้ใหญ่มโหฬารเป็นพิเศษ มีขนาดร้อยกว่าจั้งราวกับจัตุรัสเล็กๆ สองสามแห่งก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น
ตรงใจกลางจัตุรัสม่านมีแสงครึ่งวงกลมสีเงินราวกับชามใบยักษ์คว่ำอยู่ ด้านในมีกำแพงหินอักขระจ้วนทองเหมือนกับก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น
สี่มุมของจัตุรัสกลับมีชาวเผ่าหรงนั่งสมาธิอยู่
พวกเขานั่งกันเป็นมุมแหลม บ้างก็ก้มหน้าลงครุ่นคิด
บ้างก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น จ้องเขม็งไปยังม่านลำแสงสีเงินนิ่ง…
ทว่าที่ทำให้หานลี่กวาดตามองแล้วใจหายวาบกลับเป็นชายร่างใหญ่ชาวเผ่าหรงที่นั่งเอามือวางอยู่บนหัวเข่าหลับตาทั้งสองข้างสนิท สีหน้าเขียวคล้ำเล็กน้อย
ชายร่างใหญ่ผู้นั้นสวมชุดคลุมยาวสีเทาธรรมดาๆ แต่กลับสะพายดาบยักษ์นิรนามเอาไว้เล่มหนึ่ง
ตัวดาบถูกหนังอสูรสีเหลืองห่อหุ้มเอาไว้ แค่เผยด้ามสีดำสนิทหนาๆ ออกมา
ส่วนทั้งดาบยักษ์นั้นดูเหมือนว่าจะสูงกว่าร่างของชายร่างใหญ่เท่าหนึ่ง ดูแล้วสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งที่ทำให้หานลี่มองอีกฝ่ายอีกสองสามครากลับเป็นลำแสงโลหิตจางๆ ที่แผ่ออกมาราวกับมีของอยู่
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นกลิ่นอายสังหารที่หนาแน่นมาก
ชาวเผ่าหรงอีกสามคน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มสวมชุดเกราะหนังสีเขียวเปิดไหล่ อีกสองคนกลับเป็นชายชราและหญิงชราผมสีดอกเลา
นอกจากบนเรือนร่างของชนต่างเผ่าทั้งสี่จะมีขนยาวๆ แล้ว ศีรษะกลับแตกต่างกับชาวเผ่าหรงที่อยู่ด้านนอก คาดไม่ถึงว่าจะคล้ายคลึงกับเผ่ามนุษย์ธรรมดาๆ
หานลี่แววตาเปล่งประกายเย็นชา ลอยไปยังตำแหน่งที่ชายร่างใหญ่อยู่อย่างไม่ต้องขบคิด
เห็นได้ชัดว่าชนต่างเผ่าผู้นี้จัดการได้ยากกว่าที่เหลืออีกสามคนมาก เขาคิดจะสังหารอีกฝ่ายก่อน จากนั้นค่อยจัดการกับคนที่เหลืออีกสามคน
ร่างล่องหนที่ดูเหมือนอากาศธาตุ อยู่ห่างจากชายร่างใหญ่ไปไม่ถึงยี่สิบจั้งเศษ ก็ค่อยๆ เข้ามาใกล้
ชายร่างใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน ไม่พบดาวสังหารที่กำลังเข้ามาประชิดเลยสักนิด
สีหน้าของหานลี่ค่อยๆ เย็นชาขึ้น พลังปราณในร่างเริ่มหมุนวนโคจรไม่หยุด
แต่ในยามนั้นเองเรื่องที่คิดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้น
เมื่อหานลี่อยู่ห่างจากชายร่างใหญ่ไปได้สิบจั้งเศษ ดาบยักษ์ที่แผ่นหลังของชายร่างใหญ่ก็สั่นเทาแล้วส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา
แม้ว่าเสียงจะไม่ดังนัก แต่ที่นี่เดิมทีก็เงียบสงัดอยู่แล้ว แน่นอนว่าเสียงนี้จึงดังเสียดแก้วหูนัก
ชาวเผ่าหรงที่เหลืออีกสามคนพลันตกตะลึง เสียง “สวบ” ดังขึ้น สายตามองไปที่ชายร่างใหญ่เป็นตาเดียว
ชายร่างใหญ่เบิกตาทั้งสองข้างขึ้น รูม่านตาเปล่งแสงสีเหลืองทองสว่างวาบ ตะปบไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
มีดยักษ์ปรากฏขึ้นในมือเพราะเหตุใดก็ไม่รู้ มันสั่นเทา ผิวอสูรปริแตกออกเป็นชิ้นๆ
ส่วนใบมีดยักษ์พลันกลายเป็นพายุหมุนสีดำ กวาดไปด้านหน้า
พายุสีดำเกิดเสียง “ตูมๆ” ดังขึ้น ราวกับห่อหุ้มอสูรประหลาดที่แยกเขี้ยวตะปบเล็บเอาไว้ ท่าทางน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี ร้องว่าซวยแล้วในใจ คาดไม่ถึงว่าจะพบกับสมบัติวิญญาณที่มีการเตือนภัยโดยอัตโนมัติที่หาได้ยาก ใบมีดยักษ์คงจะเป็นหนึ่งในสมบัติหุ้นตุ้น
ผิวเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ร่างปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันก็ชูมือทั้งสองข้างขึ้น
มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ ในมือมีไม้สั้นสีเงินปรากฏขึ้น มันพลิ้วไหวแล้วลอยมาที่พายุหมุนสีดำ
เงาไม้จำนวนนับไม่ถ้วนทะลักเข้ามา แล้วเปล่งแสงสว่างวาบ รวมตัวกันกลายเป็นเงาไม้ขนาดยักษ์ เปล่งเสียงฟ้าผ่าดังออกมาเป็นระลอกๆ
เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น
ลำแสงสีเงินและพายุสีดำระเบิดออกในเวลาเดียวกัน ไอคลื่นสาดกระเซ็นไปรอบด้าน ไม้สีเงินและใบมีดยักษ์ราวกับบานประตูปะทะเข้าด้วยกันในพริบตา
ผิวของทั้งสองมีอักขระยันต์กะพริบวาบๆ แผ่พลังแรงกดที่น่าตกตะลึงออกมา และเปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมาเป็นระยะๆ คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทีต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
หานลี่ใช้อีกมือหนึ่ง ตบไปกลางอากาศ
สำแดงภูเขาสีดำออกมา หลังจากกะพริบวาบ ก็จมหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาเหนือศีรษะของชายร่างใหญ่พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ยอดเขาสีดำสูงสองสามจั้งปรากฏขึ้น และทุบลงมาอย่างรุนแรง
“เอ๋”
เสียงตกตะลึงดังขึ้นเบาๆ ในที่สุดชายร่างใหญ่เผ่าหรงก็มีสีหน้าตกตะลึง ทว่ามุมปากพลันเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมออกมา มือหนึ่งร่ายอาคม ไอสังหารสีโลหิตหนาๆ ทะลักออกมาจากเรือนร่าง
ไอสังหารเหล่านี้พวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า หลังจากรวมตัวกันก็กลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีแดงโลหิตข้างหนึ่ง นิ้วทั้งห้ากางออกพลางรองภูเขาเล็กๆ สีดำเอาไว้
เสียงอึกทึกพลันดังขึ้น!
นิ้วทั้งห้าบนฝ่ามือใหญ่สัมผัสกับตีนยอดเขา ฉับพลันนั้นพลันหนักอึ้ง มีท่าทีต้านทานไว้ไม่อยู่
เห็นได้ชัดว่าน้ำหนักของภูเขาเทวะดูดปราณเหนือกว่าที่ชายร่างใหญ่เผ่าหรงคาดการณ์เอาไว้
ชายร่างใหญ่หน้าเปลี่ยนสี ฉับพลันนั้นพลันยืนขึ้น ต่อยไปที่เหนือหัวอย่างแรงโดยไม่พูดอันใด
เสาลำแสงสีโลหิตทะลักออกมาจากกำปั้น เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไปจมหายเข้าไปในฝ่ามือยักษ์สีโลหิต
ชั่วขณะนั้นผิวของฝ่ามือสีโลหิตพลันเปล่งแสงระยิบระยับ ขยายขนาดใหญ่ขึ้นสองสามเท่า นิ้วทั้งห้าออกแรง ปลายนิ้วมีดอกบัวสีโลหิตปรากฏขึ้น
ดอกบัวห้าดอกหมุนคว้างกลางอากาศ อักขระยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ผสมกับฝ่ามือสีโลหิต คาดไม่ถึงว่าจะรองยอดเขาสีดำเอาไว้ ทำให้มันไม่อาจร่อนลงมาได้อีก
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ แววตาพลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ แผ่นหลังมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ชั่วขณะนั้นพลันมีปีกสีสันแวววาวคู่หนึ่งปรากฏออกมา
ปีกทั้งสองสยายออก คนหายวับไปหลังเสียงฟ้าผ่า
ชายร่างใหญ่เผ่าหรงเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ รูม่านตาพลันหดเล็กลง อ้าปากออก พ่นลำแสงสีทองออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไปวับจากกลางอากาศ
หลังจากเสียงระเบิดทุ้มต่ำดังขึ้น หานลี่ก็โซซัดโซเซ ร่างกายมาปรากฏตัวขึ้นตรงนั้น
ฝ่ามือหยกสีขาวบริสุทธิ์ เปลวเพลิงห้าสีเปล่งแสงสว่างวาบ ตะปบไปที่อสรพิษสีทองที่มีปีกที่แผ่นหลัง
อสรพิษตัวนี้ยังคงแลบลิ้นออกมาท่ามกลางเปลวเพลิงลำแสง สะบัดหัวสะบัดหางไปมาไม่หยุด ท่าทางจะต่อสู้ดิ้นรนในทันใด
หลังจากที่หานลี่แค่นเสียง‘หึ’ออกมา ฉับพลันนั้นเปลวเพลิงลำแสงห้าสีก็เปล่งแสงสว่างวาบในฝ่ามือ แล้วเปลี่ยนเป็นเจิดจ้าเป็นอย่างยิ่ง
อสรพิษบินสีทองที่ติดอยู่ด้านใน พลันเผยสีหน้าตกตะลึงระคนหวาดกลัวออกมา แต่ครู่ต่อมาความเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นบนตัวของอสรพิษ
ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองพลันพุ่งออกมากลายเป็นน้ำแข็งแกะสลักห้าสี
อานุภาพของเปลวเพลิงห้าสีเพิ่มขึ้นตามพลังยุทธ์ของเขา แน่นอนว่าย่อมไม่เหมือนกับในวันวานแล้ว
สองมือถูกันไปมาอีกครั้งอย่างไม่ลังเล เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองดีดตัวออกมาจากฝ่ามือ
น้ำแข็งแกะสลักแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นผลึกลำแสงแล้วสลายหายไป
ชายร่างใหญ่ชาวเผ่าหรงเห็นเช่นนั้น ใบหน้าอดที่จะเผยสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมาไม่ได้
เขาเลี้ยงดู ‘อสรพิษล่องหน’ ตัวนี้มาหลายปี เชี่ยวชาญอิทธิฤทธิ์ล่องหนโดยธรรมชาติ และยิ่งไปกว่านั้นร่างก็แข็งแกร่งมาก สมบัติอาคมไม่อาจทำอันตรายได้
คิดไม่ถึงเลยว่าแค่ปล่อยออกมา แม้จะทำลายเคล็ดวิชาหลีกหนีของอีกฝ่ายได้ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายสังหารไปอย่างง่ายดาย
ชายร่างใหญ่ชาวเผ่าหรงร้องตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมาในทันที ตะปบมือไปกลางอากาศ ในมือมีฉาบทรงกลมปรากฏขึ้น
ผิวของมันมีอักขระยักษ์วิจิตรงดงาม ตรงขอบแหลมคม มีลำแสงสีโลหิตแผ่ออกมา
สะบัดข้อมือ ฉาบทรงกลมเปล่งเสียงกรีดร้องแล้วพุ่งออกมา
เสียงแหวกอากาศดัง “สวบๆ” คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นใบมีดโลหิตเกลื่อนท้องฟ้า สับลงมาหาหานลี่
หานลี่มองใบมีดโลหิตเหล่านี้ ใบหน้ากลับเผยสีหน้าแปลกประหลาดใจออกมา คาดไม่ถึงว่าจะไม่หลบหลีก แต่กลับใช้มือหนึ่งร่ายอาคม
ไอสีดำหมุนวนทั่วเรือนร่าง เกราะสงครามสีดำสนิทปรากฏขึ้น
เมื่อลำแสงสีโลหิตเหล่านั้นสัมผัสกับด้านหน้าของหานลี่ห่างออกไปสองสามจั้ง ก็ถูกอักขระยันต์สีดำที่แผ่ออกมาจากเกราะสงครามต้านทานเอาไว้ ไม่อาจเข้าประชิดได้เพียงนิด
และหานลี่จึงถือโอกาสนี้สยายปีกทั้งสองข้าง กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ชายร่างใหญ่มีสีหน้าเคร่งขรึมดุจสายน้ำ ร่างกายหมุนคว้างอย่างไม่ต้องขบคิด กลิ่นอายโลหิตแผ่ออกไปรอบด้าน ชั่วพริบตาก็กลายเป็นดอกบัวสีโลหิตยักษ์ คุ้มครองเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
ทว่าชายร่างใหญ่เองก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา จึงถือโอกาสนี้มองไปที่สหายร่วมวิถีอย่างรวดเร็ว ในใจพลันรู้สึกประหลาดใจ เหตุใดจนถึงยามนี้ก็ยังไม่เห็นกองกำลังสนับสนุนคนอื่นๆ
ผลคือเมื่อมองไป ชายร่างใหญ่พลันใจหายวาบ
เห็นเพียงชายหนุ่มสวมเกราะหนังผู้นั้นรวมทั้งชายชราและหญิงชราทั้งสามคน กำลังต่อสู้กับเงาสีขาวหนึ่งสายและสีเงินสองสายที่ปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ แม้ว่าจะดูเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่กลับไม่อาจหนีออกมาได้ในยามนี้
เงาสีขาวและเงาสีเงินย่อมเป็นหุ่นเชิดสะท้านฟ้าและหุ่นเชิดเงาที่สร้างขึ้นจากยันต์เกราะปราณสองแผ่นที่แอบตามหานลี่เข้ามา
พอพลังยุทธ์ของหานลี่เพิ่มขึ้นสองขั้น หุ่นเชิดเงาที่ลอกเลียนแบบมาก็มีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้น นี่ถึงได้พัวพันกับสิ่งมีชีวิตระดับหลอมสุญตาขั้นปลายสองคนได้ มิเช่นนั้นตามหุ่นเชิดเงาเดิม เกรงว่าพบหน้าสองสามครา ก็ถูกชายชราและหญิงชราที่พวกมันกำลังต่อสู้ใช้สมบัติทำลายจนพังย่อยยับแล้ว
ส่วนหญิงสาวชุดขาว “หวาหวา” พลันใช้มือถือพัด ลำแสงสีฟ้าทะลักออกมาจากพัด อีกมือหนึ่งกลับโบกสะบัดแขนเสื้อ ไอเย็นเยียบกลายเป็นเส้นไหมสีขาวพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง และรัดชายหนุ่มเอาไว้แน่น
ชายร่างใหญ่พลันรู้สึกตกตะลึง ไม่ทันได้ขบคิดอันใด เหนือศีรษะกลับมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้นเหนือยอดเขาสีดำ และใช้เท้าข้างหนึ่งแตะลงไป
ภูเขาขนาดย่อมเปล่งแสงสีเทาเจิดจ้า ขยายใหญ่ขึ้น จนมีขนาดสิบจั้งเศษ อักขระยันต์สีเงินเคลื่อนไหว เสียง “ตูม” ดังขึ้น ทำให้ฝ่ามือสีโลหิตด้านล่างแตกออกเป็นชิ้นๆ
ยอดเขาสีดำเปล่งเสียงกรีดร้อง
ชายร่างใหญ่เผ่าหรงหน้าเปลี่ยนสี พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งอย่างไม่ต้องขบคิด
ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ขวานเล็กๆ สีเงินขนาดสองสามชุ่นปรากฏขึ้นในมือ และสะบัดออกสำแดงออกไปกลางอากาศ
เสียงอึกทึกดังขึ้น!
ขวานยักษ์ความยาวสองสามจั้ง ปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกลำแสงสีเงิน และเปล่งแสงสว่างวาบ ราวกับว่าสายฟ้าสายหนึ่งฟาดลงมาที่ยอดเขาสีดำ
รูม่านตาของหานลี่หดเล็กลง ในใจพลันร่ายคาถากระตุ้น
ยอดเขาเทวะดูดปราณพลันรางเลือน พลิ้วไหวแล้วหายวับไป
ขวานยักษ์สับลงมากลางอากาศ
แต่ทันใดนั้นเสียง “พรึ่บ” พลันดังขึ้นเบาๆ
ร่างของหานลี่และยอดเขาสีดำปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของชายร่างใหญ่เผ่าหรง กดลงมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ตอนที่ 1736 กวาดล้างศัตรู
ชายร่างใหญ่เผ่าหรงหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ คิดไม่ถึงเลยว่ายอดเขาที่ใหญ่มโหฬารเช่นนี้จะสามารถทำการโจมตีด้วยการเคลื่อนย้ายภายในพริบตาได้ ด้วยอารามร้อนใจก็ร้องตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง
ชั่วขณะนั้นดอกบัวสีโลหิตที่กำลังผลิกลีบข้างกายของชายร่างใหญ่พลันหุบลง ก่อนรวมตัวกันกลายเป็นลำแสงสีโลหิตเป็นชั้นๆ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นม่านลำแสงสีโลหิตเจ็ดชั้น
ในเวลาเดียวกันชายร่างใหญ่ยังใช้มือหนึ่งปรบไปที่หน้าผากของตัวเอง ไอสังหารสีโลหิตกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากศีรษะของเขา กลายเป็นพยัคฆ์ยักษ์สีโลหิตที่กำลังแยกเขี้ยวตะปบเล็บตัวหนึ่ง พุ่งเข้าไปหายอดเขาที่กำลังร่อนลงมา
ยอดเขาสีดำกดลงมาพร้อมกับเสียง “ครืน” แทบจะวินาทีเดียวกันที่สัมผัสกับพยัคฆ์ยักษ์ก็ถูกพลังมหาศาลกดจนแหลกละเอียด
ยอดเขาเปล่งแสงสว่างวาบ ทุบลงมาที่ม่านลำแสงสีโลหิต
ลำแสงสีดำหนักอึ้ง ส่งเสียงปริแตกดัง “ปัง” ออกมา
ม่านลำแสงสีโลหิตถูกยอดเขายักษ์ทำลายอย่างต่อเนื่องห้าชั้น ยามถึงชั้นที่หกก็เปล่งแสงสีโลหิตสว่างวาบ ถึงได้พอฝืนให้ยอดเขาเทวะดูดปราณที่กำลังร่อนลงมาหยุดชะงักลงได้
ชายร่างใหญ่เผ่าหรงเผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมา มือหนึ่งตะปบไปทางขวานยักษ์ที่อยู่กลางอากาศ
ขวานยักษ์สีเงินด้ามนั้นหมุนคว้างแล้วกลายเป็นสายฟ้าสายหนึ่งสับลงมา
เป้าหมายก็คือหานลี่ที่อยู่เหนือยอดเขาสีดำ
หางตาของหานลี่กระตุก ทว่ายืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่หลบหลีก
อากาศรอบด้านส่งเสียง “พรึ่บ” ออกมา ดวงแสงเพลิงสีเงินขนาดเท่าศีรษะพุ่งออกมาจากอากาศบริเวณใกล้เคียง เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วโจมตีไปที่ขวานยักษ์ซึ่งกลายเป็นสายฟ้าอย่างไม่ผิดเพี้ยน
เสียง “ปัง” ดังขึ้น เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน ขวานยักษ์ก็ปรากฏคืนร่างเดิมทันที และถูกเปลวเพลิงสีเงินที่กำลังหมุนติ้วๆ กลืนกินเข้าไป
ชายร่างใหญ่พลันตกตะลึง ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอีกครั้ง อากาศที่แผ่นหลังพลันบิดเบี้ยว เงาสีทองสามเศียรหกกรเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น ฝ่ามือทั้งหกมีลำแสงสีทองกลุ่มหนึ่งหมุนคว้างไปมาไม่หยุด
นั่นคือร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ของหานลี่
เมื่อมันปรากฏตัว แขนทั้งหกก็ประสานกันที่หน้าอกในเวลาเดียวกัน ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองทั้งหกพลันรวมร่างเป็นหนึ่ง กลายเป็นระลอกคลื่นสีทองขนาดเท่าศีรษะ
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น เศียรสีทองสองเศียรพลันลืมตาทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็บริกรรมคาถาที่แตกต่างกันสองชนิดออกมาในเวลาเดียวกัน
กลางระลอกคลื่นมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น เสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตดังแว่วมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วขยายขนาดจนมีขนาดยักษ์สองสามจั้ง
สถานการณ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ชายร่างใหญ่เผ่าหรงจะไม่พบได้อย่างไร ยามนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี สะบัดแขนเสื้อไปด้านหลังอย่างไม่ต้องขบคิด
เส้นไหมแวววาวสีโลหิตปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของเขาและสั่นเทา ก่อนพากันพุ่งไปหาร่างสีทอง
ลำแสงสีโลหิตทั่วท้องฟ้าเป็นแสงสว่างวาบ ท่าทางน่าตกตะลึงยิ่ง!
เส้นไหมสีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนโจมตีไปที่ร่างทอง กลับทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไปไม่อาจทำร่างทองได้ราวกับเป็นร่างวัชระ
ยามนี้กลางระลอกคลื่นสีทองพลันมีพลังมหาศาลที่ไร้รูปร่างปรากฏขึ้น ชั่วครู่ก็ม้วนเอาชายร่างใหญ่เผ่าหรงที่อยู่ใกล้แค่คืบเข้าไปข้างใน
เขารู้สึกเพียงว่าอากาศรอบด้านตึงแน่น แขนขาทั้งสี่ไม่อาจขยับได้เลยสักกระผีกริ้น
“อ๊าก”
ชายร่างใหญ่เผ่าหรงใจหายวาบ ในใจร้องอุทานว่าแย่แล้ว ความคิดเคลื่อนไหว หมายจะเรียกใบมีดยักษ์ที่กำลังต่อสู้พัวพันกับไม้บรรทัดเงาสีเงินจนแยกแยะไม่ออกกลับมา
แต่หานลี่ที่อยู่กลางอากาศพลันแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชา ไม้บรรทัดเงาสีเงินพลันแผ่ออกไปราวกับเทพธิดาโปรยบุปผา กลายเป็นลำแสงสีเงินหมุนวนไปทางใบมีดยักษ์
แม้ว่าใบมีดยักษ์สีดำจะมีอานุภาพที่น่าตกตะลึง แต่ภายใต้การโจมตีที่บ้าคลั่งเช่นนี้ ยามนั้นก็ไม่อาจถอนตัวได้เลยสักนิด
พลังแรงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้ระเบิดออกมาที่แผ่นหลังของชายร่างใหญ่
เสียง “สวบ” ดังขึ้น เขาถูกดูดเข้าไปในระลอกคลื่นยักษ์ด้านหลังอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู
เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงระเบิดสะเทือนเลื่อนลั่น
หลังจากที่ระลอกคลื่นสีทองสั่นคลอนเล็กน้อย ชั่วขณะกลิ่นอายของชายร่างใหญ่เผ่าหรงก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ร่างสีทองหยุดบริกรรมคาถา ยื่นนิ้วชี้ออกมาชี้ไปที่ระลอกคลื่นยักษ์อย่างแผ่วเบา
ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ระลอกคลื่นหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็มีขนาดเท่าเดิม และสุดท้ายก็เป็นแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ยามนี้ใบมีดยักษ์สีดำที่สูญเสียเจ้านายพลันเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา ฉับพลันนั้นกลายเป็นมังกรวารีสีดำตัวหนึ่ง พ่นม่านหมอกออกมาอย่างบ้าคลั่ง คาดไม่ถึงว่าจะทะลวงไม้บรรทัดเงาสีเงินที่กลายเป็นเขตอาคมทับซ้อนกันหลายๆ ชั้นออกมากลางอากาศ
หานลี่กลับดูเหมือนว่าจะคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว ปีกทั้งสองที่แผ่นหลังกระพือเบาๆ ใบมีดยักษ์สีดำปรากฏขึ้นกลางอากาศท่ามกลางเสียงฟ้าร้องราวกับภูตผี
อ้าปากออกพ่นลำแสงสีเขียวออกมา ด้านในห่อหุ้มหม้อใบเล็กสีเขียวใบหนึ่งเอาไว้
หานลี่ชี้นิ้วไปที่หม้อใบเล็กอย่างรวดเร็ว
ฝาหม้อกระเด็นออก ด้านในมีเสียงอึกทึกดังขึ้น พ่นเส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งข้ามอากาศมาราวกับเคลื่อนย้ายกาย ชั่วครู่ก็รัดมังกรวารีสีดำเอาไว้แน่น
หานลี่ตบไปที่ฝาหม้อใบเล็กอีกครั้ง
เสียง “เคร้ง” ดังกังวานขึ้น เส้นไหมบนผิวของมังกรวารีรัดแน่น กลับคืนร่างเป็นใบมีดยักษ์อีกครั้งท่ามกลางลำแสงสีเขียวที่เปล่งแสงเจิดจ้า
หานลี่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคมอีกครั้ง เส้นไหมสีเขียวหดเล็กลง ดูดใบมีดยักษ์เข้าไปในหม้อ
หม้อใบเล็กหมุนคว้าง กลายเป็นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งอีกครั้ง
หานลี่สะบัดแขนเสื้อไปทางนั้น ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
หานลี่กลอกตาไปมา แล้วมองไปทางที่เหลือแวบหนึ่ง
ขวานยักษ์สีเงินที่ถูกเพลิงกลืนวิญญาณทำให้กลายเป็นน้ำสีเงินตั้งนานแล้ว ถูกกลืนกินทีละนิดๆ ท่ามกลางเปลวเพลิง ทันใดนั้นก็สลายหายไป
ส่วนชาวเผ่าหรงที่เหลืออีกสามคน พบว่าชายร่างใหญ่เผ่าหรงถูกหานลี่สังหาร
ทั้งสามก็หน้าถอดสีแทบจะพลิ้วกายละทิ้งคู่ต่อสู้พร้อมกันในพริบตา ร่างต่างๆ พลันเปล่งแสงหลีกหนีออกมา กลายเป็นสายรุ้งสีสายหนึ่งพุ่งไปยังทางเข้าพลางหนีเตลิดไป
พวกเขาสามคนล้วนรู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตที่สามารถสังหารชายร่างใหญ่เผ่าหรงได้ในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาทั้งสามคนแน่ พวกเขามีแต่ต้องไปรวมตัวกับคนที่เหลือถึงจะพอสู้ได้
แต่หานลี่จะยอมปล่อยให้พวกเขาสมปรารถนาได้อย่างไร ใบหน้ามีไอสังหารฉายแวบผ่าน ปีกที่แผ่นหลังกระพือ กลายเป็นเส้นไหมลำแสงสีเขียวขาวสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศ
ร่างทองสามเศียรหกกรสาวเท้ายาวๆ เข้ามา ร่างกายพลิ้วไหว แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หุ่นเชิดเงาสองตัวและหุ่นเชิดสะท้านฟ้า “หวาหวา” พวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศแล้วไล่ตามไปเช่นกัน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ด้านนอกถ้ำก็มีเสียงร้องคร่ำครวญของชายหนุ่มดังขึ้น จากนั้นกลิ่นอายของเขาก็สลายหายไป
เสียงระเบิดพลันดังขึ้น อีกทั้งเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ด้านนอกถ้ำมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากผ่านไปเพียงชั่วครู่ ชายชราและหญิงชราพลันกรีดร้องอย่างน่าเวทนาอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นก็ไม่มีสุ้มเสียงใดๆ อีก
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา ห่างจากทางที่ตัดไขว้กันในถ้ำไป พลันมีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น เสียงรบราฆ่าฟันดังขึ้นอีกครั้ง…
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปพลันเงียบกริบไปอีกครั้ง
ด้านนอกถ้ำมีลำแสงหลีกหนีเปล่งแสงสว่างวาบ หานลี่เดินเข้ามาพร้อมไอสังหาร ใบหน้าไร้ซึ่งความโศกเศร้าและไร้ซึ่งความดีใจ กวาดสายตาออกไป มองที่ม่านลำแสงสีเงินที่อยู่ตรงกลางถ้ำ
การต่อสู้ด้านนอกถ้ำเมื่อครู่ เขารวมร่างทองและหุ่นเชิดเข้าด้วยกัน ใช้สังหารชาวเผ่าหรงที่เหลืออีกสามคนในอึดใจเดียว แล้วก็รีบกลับมาที่เขตอาคมตรงทางเข้าที่ตัดไขว้กันในทันที
ผลคือชาวเผ่าหรงที่เหลืออีกสี่คน ก็ถูกยันต์เก้าวิมานสวรรค์กักเอาไว้ข้างใน
แน่นอนว่าหานลี่ย่อมเข้าไปข้างในในทันที และทำการต่อสู้กับชาวเผ่าหรงทั้งสี่คนรอบหนึ่ง
ผลลัพธ์อยู่เหนือที่เขาคาดการณ์เอาไว้เล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะสังหารทั้งสามคนอย่างต่อเนื่องไปแล้ว แต่ชาวเผ่าหรงผิวสีดำสนิทคนสุดท้าย กลับถือโอกาสแค่ชั่วอึดใจ แสดงเคล็ดวิชาหลีกหนีประหลาดที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน ระเบิดกายเนื้อพุ่งออกไปจากเขตอาคม แล้วกลายเป็นลำแสงสีโลหิตสิบกว่าสายพุ่งเตลิดไป
แม้ว่าเขาจะไล่ตามลำแสงสีโลหิตกว่าครึ่งทันและสังหารทิ้งไปได้ แต่ก็ยังมีอีกสองสายที่หนีไปได้ค่อนข้างไกล จิตสัมผัสและเนตรวิญญาณไม่อาจไล่ตามไปได้อีก และทำได้เพียงกลับมาอย่างจนปัญญา
แม้ว่าจะปล่อยให้คนผู้นี้หนีเอาชีวิตรอดไปได้ แต่จิตวิญญาณสองสายไม่มีกายเนื้อ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกอสูรเหี้ยมอันใดกลืนกินลงไปก็เป็นได้ จึงไม่จำเป็นต้องสนใจมากนัก
และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่มีเจตนาจะรั้งอยู่ที่นี่นานนัก ขอแค่เปิดเขตอาคมตรงหน้าได้ ได้อักขระจ้วนทองส่วนสุดท้าย ก็จะจากไปในทันที
ทว่าม่านลำแสงสีเงินที่อยู่ตรงหน้าทำให้ชาวเผ่าหรงสิบกว่าคนจนปัญญาได้ เขาจะทำลายเขตอาคมได้หรือไม่ ก็ไม่มั่นใจเท่าใดนัก
หานลี่หรี่ตาลง รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ แล้วเดินไปที่ม่านลำแสงอย่างช้าๆ
เขตอาคมนี้ดูเหมือนไม่ธรรมดานัก ผิวของมันดูเหมือนจะมีลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียด ในม่านลำแสงกลับมีอักขระหลากสีสันทะลักออกมาไม่หยุด ส่วนร่างที่ห่อหุ้มด้วยม่านลำแสงก็หนามาก ลำแสงรวมตัวกันไม่ยอมสลายออก ให้ความรู้สึกแวววาวราวกับของจริงก็ไม่ปาน
ทว่าชาวเผ่าหรงไม่อาจทำลายเขตอาคมนี้ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำไม่ได้
เขาขมวดคิ้วมุ่น ดีดนิ้วในแขนเสื้อ กระบี่ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบพุ่งออกไป ปรากฏอยู่บนม่านลำแสง
เสียง “ปัง” ดังขึ้น กระบี่ลำแสงดีดตัวออกมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ไม่อาจทะลวงผ่านม่านลำแสงได้
ใบหน้าของหานลี่ไม่มีสีหน้าประหลาดใจอันใด อ้าปากออกโดยไม่ปริปาก พ่นดวงแสงเพลิงสีเงินออกมา
เสียงอึกทึกดังขึ้น เพลิงกลืนวิญญาณโจมตีไปที่ม่านลำแสงแล้วไถลออก ไม่มีผลอันใดเช่นกัน
เขาไม่ได้หยุดยั้งเพราะเหตุนี้ ในมือเปล่งแสงสว่างวาบ ไม้บรรทัดสั้นสีเงินปรากฏขึ้น พลิ้วไหวแล้วมีไม้บรรทัดเงาทะลักออกมาจำนวนนับไม่ถ้วน…
เช่นนั้นเขาจึงเปลี่ยนไปใช้อิทธิฤทธิ์และสมบัติอาคมต่างๆ อีกสองสามชนิด แต่ก็ไม่อาจทำอันใดม่านลำแสงสีเงินได้
หลังจากที่หานลี่กัดฟันแล้ว ก็ควบคุมร่างทองให้ใช้ใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬครั้งหนึ่งอย่างไม่เสียดาย
กลับเริ่มถอดใจที่จะใช้พลังมหาศาลทลายเขตอาคมนี้แล้ว
แม้ว่าม่านลำแสงสีเงินจะไม่อาจต้านทานพลังของสมบัติสวรรค์ทมิฬได้ แต่หลังจากที่ถูกสับออกจนเกิดช่องโหว่ ชั่วขณะนั้นกำแพงหินในม่านลำแสงพลันส่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะมีรอยแตกเป็นสายๆ ปรากฏขึ้นเช่นกัน
หลังจากที่หานลี่ตกใจจนสะดุ้งโหยง รีบถอนการโจมตีด้วยใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬออก กลับทำให้ร่างของเขาถูกแว้งกัดระลอกคลื่น จนปราณแท้เกือบจะได้รับบาดเจ็บ
เช่นนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะใช้แมลงกลืนวิญญาณ แล้วนั่งขัดสมาธิลงเสียเลย เริ่มศึกษาเขตอาคมใต้ม่านลำแสงสีเงินและอักขระที่เปล่งแสงเรืองๆ อยู่
โชคดีที่หานลี่นั้นมีความรู้ด้านเขตอาคมไม่น้อย ประกอบกับได้ยินชาวเผ่าหรงพูดคุยกันถึงแผ่นป้ายกว้างเย็น
ดังนั้นหลังจากที่เขาขบคิดอย่างหนักหนึ่งวันหนึ่งคืนอยู่ภายในถ้ำ จึงหาเค้าโครงที่พอจะทลายมันได้สองสามส่วน
หานลี่ส่งเสียงหัวเราะอย่างยินดีออกมา หลังจากที่หยัดกายลุกขึ้น ก็สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองและเงินพลันบินออกมา
หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็กลายเป็นแผ่นป้ายโบราณความยาวครึ่งฉื่อ ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศไม่ไหวติง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น