ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1726-1737
ตอนที่ 1726 โอหยางซานซานที่แปลกไป
คนสุดท้ายที่ลงจากรถก็คือโอหยางซานซานนั่นเอง เธออยู่ในชุดกระโปรงสั้นลูกไม้สีดำที่ขับให้ผิวเธอยิ่งดูขาวราวกับหิมะน่าเย้ายวน
ความรู้สึกประหลาดถาโถมเข้ามาในใจของเหมยเหมย ทำไมโอหยางซานซานถึงกลายเป็นแบบนี้?
รู้สึกเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน บุคลิกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
สิ่งสำคัญก็คือแค่เธอเห็นโอหยางซานซาน ราวกับร่างกายเจองูพิษ ส่งสัญญาณเตือนเธอว่าผู้หญิงที่ตรงหน้าเธอนั้นอาฆาตเธออย่างมาก อันตรายมาก
ความรู้สึกแบบนี้มันแย่มาก!
โอหยางซานซานเองก็เห็นพวกเหมยเหมยเลยเดินตรงดิ่งเข้ามาพร้อมอมยิ้มน้อย ๆ เสียงที่ติดแหบหรือบอกได้ว่าเป็นเสียงแหบทรงสเน่ห์ แม้จะฟังไม่ลื่นหูนักแต่กลับน่าเย้ายวนใจ
“จ้าวเหมย ไม่เจอกันนานเลย!”
เหมยเหมยเหมือนโดนผึ้งต่อยเข้าที่หลังทีหนึ่งจนชาวาบไปทั้งหนังศีรษะ ความรู้สึกแปลก ๆรุนแรงกว่าเดิม เธอเองก็ยิ้มแล้วพูดตอบ “นานจริง ๆ”
โอหยางซานซานสยายผมยาวแล้วปรายตามองอู่เชากับสยงมู่มู่แวบหนึ่งด้วยสายตาประหลาด แต่ไม่นานก็มองมาทางเหมยเหมย “ไม่คิดว่าเราจะได้ร่วมรายการเดียวกัน เดี๋ยวฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ!”
“ไม่หรอก ต่างดูแลกันและกันดีกว่า!” เหมยเหมยหน้ายิ้มตาไม่ยิ้ม ความรู้สึกประหลาดหนักหน่วงกว่าเดิม
เมื่อก่อนโอหยางซานซานมองเธอด้วยท่าทีเยาะเย้ยแดกดัน นี่เรียนรู้การพูดตามมารยาทตั้งแต่เมื่อไร?
จะว่าไปเธอกลับชอบโอหยางซานซานคนเก่ามากกว่า แม้จะน่ารังเกียจแต่โง่ซื่อ ไม่เหมือนโอหยางซานซานในตอนนี้ที่ราวกับเหวลึกทำเอามองไม่ออก คาดเดาความคิดไม่ถูก
“อาเมย์ เพื่อนเธอเหรอ?” แขกรับเชิญอีกสามคนเดินมา เมื่อเห็นเหมยเหมยกับสยงมู่มู่ก็ดวงตาเป็นประกาย เดิมทีคิดว่าโอหยางซานซานสวยมากแล้วแต่กลับไม่คิดว่าเพื่อนของเธอจะเย้ายวนใจยิ่งกว่า!
แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งตัวสูงเกินไปหน่อย ไม่เหมาะกับการจูบเลยสักนิด!
โอหยางซานซานรู้ทันความคิดพวกเขาดีก็เกิดอิจฉาชั่วขณะ แสร้งเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “เป็นเพื่อนเก่าตอนที่อยู่แผ่นดินใหญ่น่ะ”
“มาจากแผ่นดินใหญ่เหรอ…” บนใบหน้าของชายทั้งสามฉายแววดูถูกอย่างชัดเจนและไม่คิดจะปิดบัง
สายตาประเมินของพวกเขาก่อนหน้านี้ยังพอมีขอบเขตอยู่บ้างแต่ตอนนี้กลับแสดงท่าทีออกไปอย่างเถรตรง เอ่ยเสียงยียวน “เดี๋ยวเราจะต้องถ่ายรายการ รอถ่ายเสร็จคุณไปดื่มเหล้ากับเราไหม?”
โอหยางซานซานแอบสะใจเลยจงใจพูดเติมเชื้อเพลิงว่า “จ้าวเหมย พวกเขาเป็นอัจฉริยะตระกูลเศรษฐีเชียวนะ เป็นชายในฝันของหญิงนับไม่ถ้วนเลย!”
ชายหนุ่มทั้งสามยืดอกอย่างภาคภูมิ รู้สึกดีกับคำยกยอปกปั้นของโอหยางซานซานอย่างมาก
แน่นอนว่าพวกเขามีอภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่นตั้งแต่เด็ก ภูมิหลังครอบครัวที่ไม่ธรรมดา ไหนจะยังเป็นนักศึกษามากความสามารถจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐอเมริกา หน้าตาก็นับได้ว่าหล่อเหลาเอาการ ได้ชื่อว่าเป็นลูกบ้านอื่นที่พ่อแม่คนอื่นชอบยกมาเปรียบเปรยตั้งแต่เด็ก
เพียงแต่พวกเขากลับเป็นสมาชิกกลุ่ม GD อย่างหนักแน่น ไหนจะใช้ชีวิตส่วนตัวเสเพลเล่นสนุกกับหญิงสาวมานับไม่ถ้วน
เหมยเหมยตรงหน้าได้กลายเป็นเป้าหมายของพวกเขาไปโดยปริยาย ทั้งสามคนมั่นอกมั่นใจ ก็แค่สาวจากจีนแผ่นดินใหญ่แค่ให้เงินก็ยอมขึ้นเตียงแล้ว สาวจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่งดงามขนาดนี้พวกเขาไม่รังเกียจหรอก!
“อัจฉริยะจากตระกูลเศรษฐี? เหอะ โอหยางซานซาน มาตรฐานอัจฉริยะของเธอต่ำไปหน่อยนะ ไก่อ่อนสามตัวนี้เธอเก็บไว้ดื่มด่ำเองเถอะ!”
ไม่ผิดคาด โอหยางซานซานคนนี้ยังน่ารังเกียจเหมือนเดิม ทำให้ความรู้สึกอันประหลาดแต่เดิมของเหมยเหมยจางหายไปเล็กน้อย เมื่อพูดประชดไประลอกหนึ่งก็หมุนตัวเดินเข้าสถานีโทรทัศน์ไป
ชายทั้งสามแปรเปลี่ยนความอับอายเป็นความโกรธ ตามไปหมายจะสั่งสอนเหมยเหมย ผู้หญิงจากจีนแผ่นดินใหญ่คนนี้ช่างกล้านัก ไม่ดูเลยว่าอยู่ในถิ่นของใคร?
“คิดจะทำอะไร?” เสียวหลี่ที่อยู่เงียบมาตลอดพุ่งเข้ามาขวางไว้พลางมองทั้งสามคนอย่างเย็นชา เผยความอาฆาตออกมาเงียบ ๆ
ทั้งสามสะดุ้งตกใจจนขาอ่อน ยืนตัวสั่นเทิ้ม
เสี่ยวอวิ๋นแค่นเสียงทีหนึ่งอย่างนึกดูถูก คุณหนูพูดไม่ผิด สมแล้วที่เป็นไก่อ่อนสามตัวดูอ่อนแอไม่สมกับเป็นผู้ชาย
ยังเป็นชายในฝันของหญิงนับไม่ถ้วนอีกเหรอ?
สมองผิดปกติไปแล้วหรือไง!
………………………….
ตอนที่ 1727 พูดจาโอ้อวด
เซียวเซ่อสองแขนกอดอกกดสายตาลงมองชายตัวเตี้ยหนึ่งในสามคนนั้นที่อย่างมากก็สูงเพียงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร เตี้ยกว่าเธอไปเกือบคืบเสียด้วยซ้ำ สวมกรอบแว่นสีทองหุ่นผอมกระร่อง
“ที่บ้านไม่มีเงินกินข้าวหรือไง? ตัวเตี้ยกว่าไก่อีก อุ๊บ!”
เธอยื่นมือเทียบส่วนสูงของชายตัวเตี้ยด้วยสายตาที่ฉายแววดูถูกอย่างเปิดเผย สยงมู่มู่ที่อยู่ด้านหลังหลุดขำออกมา “เธอต้องบอกว่าเตี้ยกว่าแม่ไก่ บางทีไก่ตัวผู้อาจจะสูงกว่าเขาก็ได้นะ!”
ผู้ชายทั้งสามมองสองคนที่ยากจะแยกเพศตรงหน้าอย่างตะลึงทั้งก่นด่าคำหยาบอยู่ภายในใจ สาวงามกลายเป็นผู้ชาย ผู้ชายกลายเป็นผู้หญิง นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?
อีกอย่างกลุ่มคนจากจีนแผ่นดินใหญ่กลุ่มนี้แต่ละคนชักเหิมเกริมใหญ่ล่ะ นี่พวกเขาไปเอาความกล้ามาจากไหน?
ทั้งสามคนหวาดกลัวต่อเสียวหลี่เลยไม่กล้าขยับตัว ได้แต่จับจ้องพวกเขาอย่างแค้นใจ
อีกเดี๋ยวถ่ายรายการค่อยสั่งสอนคนบ้านนอกจากจีนแผ่นดินใหญ่พวกนี้เอง พวกเขาจะไม่ปรานีเลยเด็ดขาด!
พวกเขาทั้งสามไม่เห็นพวกเหมยเหมยอยู่ในสายตาแต่อย่างใด จีนแผ่นดินใหญ่ยากจนแร้นแค้นแทบไม่มีเงินซื้อข้าวกิน แล้วจะมีกะจิตกะใจเล่าเรียนหนังสือได้อย่างไรอีก เกรงว่าคงไม่เคยแม้แต่จะเห็นเครื่องดนตรีตะวันตกมาก่อนเลยสินะ?
อีกอย่างได้ยินมาว่าหญิงชาวจีนแผ่นดินใหญ่มีสถานะต่ำต้อย มีผู้หญิงเพียงจำนวนหยิบมือเท่านั้นที่เคยได้รับการศึกษามาก่อน ต่อให้หญิงจากจีนแผ่นดินใหญ่สองคนนี้จะเคยร่ำเรียนหนังสือมาแต่คงไม่มีความรู้กว้างขวาง ที่มาร่วมรายการได้เกรงว่าทางช่องสถานีโทรทัศน์จะเห็นแก่ความงามบนใบหน้าของพวกเธอสินะ?
โอหยางซานซานกัดปาก นางแพศยาจ้าวเหมยไม่เห็นใครอยู่ในสายตาขึ้นเรื่อย ๆ เหอะ ชอบทำตัวกดขี่ข่มเหง ตระกูลจ้าวเองก็ตกอับไปแล้ว เธอไม่เชื่อหรอกว่าเหยียนหมิงซุ่นจะอยู่ตามใจจ้าวเหมยไปตลอดชีวิต?
ใช้ความงามยั่วยวนผู้ชาย มีสักกี่คนที่จะมีจุดจบที่ดี?
เกรงว่ารอผ่านไปอีกสักพักหนึ่งเหยียนหมิงซุ่นก็คงจะเบื่อหน่ายจ้าวเหมยแล้วสินะ?
ผู้ชายมักได้ใหม่ลืมเก่าไม่ใช่หรือ?
ใต้หล้านี้สาวงามไม่ได้มีเพียงจ้าวเหมยคนเดียวหรอกนะ!
โอหยางซานซานกลอกลูกตาไปมาพลางหัวเราะอย่างได้ใจคนเดียวก่อนจะเรียกชายทั้งสามเข้าไปข้างใน
“อาเมย์ คนพวกนั้นเป็นใครมาจากไหน?” มีคนถาม
“ก็มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ไง พวกนายกลัวหรือไง?” โอหยางซานซานหัวเราะเสียงเบาพลางถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะดูถูกสักหน่อย
“จะเป็นไปได้ไง? เราหรือจะกลัวคนจากจีนแผ่นดินใหญ่!” ทั้งสามปฏิเสธเสียงแข็ง ต่อให้พวกเขานึกกลัวเสียวหลี่จริง ๆก็เถอะแต่จะทำตัวอ่อนแอต่อหน้าสาวงามไม่ได้
โอหยางซานซานเหยียดยิ้มมุมปากไม่พูดอะไรแต่สายตากลับฉายแววเหยียดหยาม!
ไม่นานรายการก็เริ่มขึ้น พิธีกรก็คือพิธีกรอันดับหนึ่งคนนั้นนั่นเอง เขาตัวไม่สูงมากนัก หน้าตาก็เรียบเฉยธรรมดาแต่ฝีปากกลับไม่เป็นรองใคร พูดจาเสียงฉะฉานคมคาย
พิธีอันดับหนึ่งแนะนำแขกรับเชิญทั้งแปดคนให้ผู้ชมรู้จัก พวกโอหยางซานซานไม่ใช่คนดังอะไรนักผู้ชมเลยปรบมือให้ตามมารยาทประปราย แต่พอแนะนำพวกสยงมู่มู่กลับมีเสียงปรบมือดังกึกก้องสนั่น ถึงขั้นมีคนตะโกนร้องเรียกจึงทำให้บรรยากาศภายในห้องส่งครึกครื้นเป็นอย่างมาก
แขกรับเชิญผู้ชายทั้งสามรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก มิน่าคนพวกนี้ถึงได้ใจนัก ที่แท้ก็ไม่ใช่คนธรรมดานี่เอง!
แต่พวกเขายังเชื่อมั่นในตัวเองอย่างเคย ไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขาพ่ายแพ้คนจากจีนแผ่นดินใหญ่เลยสักนิด!
“เครื่องดนตรีพื้นบ้านไว้เล่นสนุกหยอกเอินบอกรักกันก็เหมาะอยู่หรอกนะ แต่ถ้าจะพูดถึงความสูงส่งต้องเป็นเครื่องดนตรีตะวันตกแน่นอน ยกตัวอย่างแล้วกัน เครื่องดนตรีพื้นบ้านก็เหมือนสาวน้อยจากตระกูลเล็ก ๆที่เหมาะไว้สำหรับสร้างความสุขในห้องนอน เครื่องดนตรีตะวันตกเป็นภรรยาหลวงที่ฐานะสูงศักดิ์สง่างาม รับมืกับสถานการณ์ได้อยู่หมัด…”
หนึ่งในชายหนุ่มพูดหยอกเย้าด้วยสีหน้าที่ดูน่าซ้อมเสียจริง
เหมยเหมยพูดขัดเขาเสียงเย็นชา “จะพูดอะไรก็ต้องมีหลักฐานกันหน่อย คุณมีสิทธิ์อะไรหาว่าเครื่องดนตรีพื้นบ้านเป็นสาวน้อยจากตระกูลเล็ก?”
“นี่ยังต้องให้พูดอีกเหรอ? ดูจากวงดนตรีระดับโลกสิมีใครใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านบ้าง? ถ้าให้พูดไม่น่าฟังสักหน่อยเครื่องดนตรีพื้นบ้านก็มีประโยชน์แค่ในงานแต่งงานหรืองานศพเท่านั้นแหละ!” อีกคนพูดเชิงดูถูกซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากผองเพื่อนของเขา
“พูดบ้าอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเครื่องดนตรีพื้นบ้านคืออะไรกลับกล้าพูดโอ้อวดในรายการแบบนี้ วันนี้จะให้พวกนายได้เห็นว่าอะไรคือเครื่องดนตรีพื้นบ้านอย่างแท้จริง!” สยงมู่มู่อดไม่ได้ที่จะลุกพรวดตบโต๊ะ
ตอนที่ 1728 กับหมาไม่จำเป็นต้องเกรงใจ
สยงมู่มู่ทนไก่อ่อนพวกนี้ไม่ไหวมาตั้งแต่แรกแล้วแต่ด้วยมารยาทถึงทนมาตั้งห้านาที ทว่าคนพวกนี้ยิ่งพูดเกินจริงขึ้นเรื่อย ๆ ส่อเจตนาเหยียดหยามฮวาเซี่ยอย่างเปิดเผย อีกทั้งพิธีกรยังพูดคล้อยตามไปด้วย ทำเอาเขาฟังจนควันออกหูเกลียดที่ข้าง ๆไม่มีก้อนอิฐสักก้อน ไม่อย่างนั้นคงจับเขวี้ยงไปแล้ว
“แขกท่านนี้ดูจะมีน้ำโหมากไปหน่อยนะ ทุกคนแค่ต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่เห็นต้องพ่นคำหยาบคายเลยนี่นา!”
โอหยางซานซานพูดเสียงเบาแล้วยังใช้มือสางผมยาวโปรยเสน่ห์ ดึงดูดสายตาผู้ชมเพศชายในห้องส่งจำนวนไม่น้อยให้เผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
แม้แขกรับเชิญผู้หญิงคนนี้ไม่สวยเท่าอีกคนแต่ความเย้ายวนมันเรียกให้ทนไม่ไหวจริง ๆ!
หนำซ้ำพอโอหยางซานซานว่าเช่นนี้ผู้ชมก็เริ่มผุดความคิดขึ้นมาในใจ นั่นสิ ต่างฝ่ายต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ความคิดเห็นไม่ตรงกันก็ด่ากันไม่ได้สิ!
สยงมู่มู่พ่นคำหยาบออกมาช่างไร้มารยาทเหลือเกิน!
สำหรับวัยรุ่นส่วนใหญ่ในที่นี้แล้วไม่มีความรักชาติใด ๆเลยจริง ๆ พวกเขาชอบใครคนหนึ่งล้วนมาจากความชื่นชอบส่วนตนไม่เกี่ยวกับประเทศชาติแต่อย่างใด ฉะนั้นวัยรุ่นพวกนี้ไม่มีวันเข้าใจถึงความขุ่นเคืองของพวกสยงมู่มู่กับเหมยเหมยได้หรอก
เหมยเหมยลอบก่นด่าโอหยางซานซานใจดำอำมหิตอยู่ในใจเงียบ ๆ ผู้ชายสามคนนั้นต่อต้านยังอ้างได้ว่าเพราะไม่ได้รับการศึกษาให้รักชาติอย่างถูกต้องตั้งแต่เด็ก แต่เธอโอหยางซานซานอย่างไรเสียก็มาจากครอบครัวผู้เป็นหนึ่งในขบวนการปฏิวัติ กำเนิดเติบโตภายใต้ธงสีแดง เห็นชักธงขึ้นสู่ยอดเสาตรงประตูเทียนอันเหมินทุกวี่วันกลับยังคล้อยตามไอ้สารเลวที่ต่อต้านพวกนี้เสียได้ ไร้หัวใจจริง ๆ!
“คนที่ลืมชาติลืมบรรพบุรุษ ฉันคิดว่าไม่จำเป็นต้องเกรงใจ” เหมยเหมยเอ่ยเสียงเย็นชา
“ใช่ อีกฝ่ายที่ต้องให้ความเกรงใจคือคน ไม่ใช่หมา!” เซียวเซ่อปากร้ายยิ่งกว่า แม้เธอไม่ถือว่าเป็นคนฮวาเซี่ยโดยแท้แต่ระหว่างประเทศจีนกับอังกฤษ ความรู้สึกของเธอย่อมเอนเอียงมาทางฮวาเซี่ยมากกว่า!
อาหารของฮวาเซี่ยอร่อยกว่าที่อังกฤษเยอะเลย!
อู่เชาที่ปกติคงบทบาทคนดีโดยเสมอมาขณะนี้ไม่มีการสงบเสงี่ยมอีกต่อไป แค่นเสียงกล่าว “ต่อให้พวกนายจะส่ายหางดีใจแค่ไหนก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าพวกนายเป็นชาวจีนคนผิวเหลืองกลุ่มผมดำไม่ได้หรอก จะว่าไปในสายตาคนฝรั่งพวกนายยังเทียบกับหมาไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
เซี่ยเข่ออิ๋งกับหลินฮั่นเหวินที่อยู่ใต้เวทีได้ฟังก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก ปรบมือรัวด้วยกันกับเฉินเจียจนมือปูดบวม คนเรามักไหลไปตามคนหมู่มาก เธอปรบมือฉันปรบมือทุกคนก็ปรบมือ บรรยากาศกลับดูอบอุ่นดี
พิธีกรอันดับหนึ่งฟังแล้วก็จับผิดสังเกตได้ หรือว่าแขกรับเชิญจากจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งสี่คนนี้จงใจมาหาเรื่องกันนะ!
รู้อยู่แล้วเชียวว่ายายแพศยาเซี่ยเข่ออิ๋งนั่นมีเจตนาปองร้าย จงใจหาคนจีนแผ่นดินใหญ่สี่คนนี้มาป่วนรายการเขา หึ!
คิดว่าพิธีอันดับหนึ่งอย่างเขาได้ชื่อมาง่าย ๆงั้นหรือ?
“ในเมื่อทุกท่านต่างมีความเป็นของตัวเอง โต้เถียงกันไปก็ไม่มีความหมาย สู้เชิญแขกรับเชิญแต่ละท่านแสดงให้พวกเราได้ดูที ให้กลุ่มผู้ชมเป็นกรรมการตัดสินดูว่าเครื่องดนตรีตะวันตกกับเครื่องดนตรีพื้นบ้านอันไหนดีกว่ากัน!” พิธีกรอันดับหนึ่งเอ่ยอย่างมีเจตนาแอบแฝง
พวกโอหยางซานซานทั้งสี่คนล้วนเป็นแขกรับเชิญจากการคัดสรรของเขาที่จะไม่พูดถึงเรื่องคะแนนการเรียนอันสูงลิ่ว แต่ผลงานด้านวาดรูปศิลปะ เล่นดนตรี เต้นรำต่าง ๆไม่ใช่สิ่งที่จะปลอมแปลงขึ้นมาได้ ส่วนคนจากจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งสี่คนนี้…
เหอ ๆ…ลำพังที่ยากจนแร้นแค้นอย่างจีนแผ่นดินใหญ่นั่นน่ะหรือจะฝึกฝนคนมีความสามารถอย่างไรได้?
เหมยเหมยหยิบไมค์ขึ้นพูดเสียงดัง “พิธีกรพูดแบบนี้ไม่ถูกนะ เครื่องดนตรีตะวันตกกับเครื่องดนตรีพื้นบ้านต่างมีจุดเด่นต่างกัน จะอวยอย่างหนึ่งแล้วเหยียบย่ำอย่างหนึ่งไม่ได้ เหตุผลที่เราโต้แย้งข้อคิดเห็นของอีกฝ่ายเพราะพวกเขาดูถูกเครื่องดนตรีพื้นบ้านเพื่ออวยเครื่องดนตรีตะวันตก ถ้าคุณพิธีกรพูดแบบนี้แล้วจะต่างจากพวกเขาสี่คนอย่างไรคะ?”
อย่าคิดว่าเธอฟังไม่ออกว่าพิธีอันดับหนึ่งคนนี้กำลังวางกับดักพวกเขา หากตกลงกับข้อเสนอของเขาไปเกรงว่าพรุ่งนี้บนหน้าหนังสือพิมพ์ฮ่องกงคงมีข่าวประโคมหาว่าพวกเขาดูถูกเครื่องดนตรีตะวันตก แล้วจงใจดูถูกดูหมิ่นเครื่องดนตรีตะวันตกอีกด้วย!
……………………………….
ตอนที่ 1729 ซุ่มโจมตีจากสิบทิศ
พิธีกรอันดับหนึ่งหน้าดำแดงด้วยความโกรธ เป็นพิธีกรมาหลายสิบปีเป็นครั้งแรกที่โดนแขกรับเชิญตอกกลับ
เขายิ้มเก้ออยากพูดกู้หน้าให้ตัวเองสักหน่อยแต่เซียวเซ่อกลับขัดเขาแล้วยังสะบัดมือใส่ด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ “คุณไปอยู่ข้าง ๆไป ตรงนี้ไม่ต้องการคุณแล้ว!”
พิธีกรอันดับหนึ่ง “…”
ให้ตายเถอะ ฉันต่างหากที่เป็นพิธีกร!
โอหยางซานซานแสร้งเอ่ย “พวกเธอไร้มารยาทต่อพิธีกรมากนะ นี่เป็นรายการของพิธีกร เราจะชิงเป็นเจ้าบ้านไม่ได้!”
“โอหยางซานซาน อย่าคิดว่าไปอยู่ต่างประเทศมาสองปีก็คิดว่าตัวเองเป็นฝรั่งไปแล้วนะ? พื้นเพของเธอใคร ๆก็รู้ดี จะว่าไปพ่อของเธอเพิ่งตายยังไม่พ้นเจ็ดวันด้วยซ้ำเธอก็มาออกรายการแบบนี้ไม่น่าเหมาะมั้ง!”
เหมยเหมยไม่ชินกับถ้อยคำยุยงปลุกปั่นของเธอเลยคร้านจะสนใจเลือกเปิดโปงจุดอ่อนของเธอกลางรายการ
คนฮ่องกงเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ยิ่งกว่าคนฮวาเซี่ยเสียอีก โดยเฉพาะคนประเภทที่เพิ่งมีคนเสียชีวิตที่บ้านมายิ่งเป็นสิ่งต้องห้าม
ตามคาดเมื่อเจ้าไก่อ่อนสามตัวกับพิธีกรอันดับหนึ่งได้ยินว่าพ่อของโอหยางซานซานยังเสียไปพ้นเจ็ดวันก็เผลอขยับหนีออกห่างตามสัญชาตญาณ จงใจตีตัวออกห่างโอหยางซานซานเพื่อไม่ให้ความอับโชคกระเด็นติดตัว
โอหยางซานซานทำหน้ามึนงง โอหยางเซี่ยงหมิงอยู่เมืองจินดิบดีไม่ใช่หรือ ไหนจะแต่งงานใหม่อย่าให้ต้องพูดเลยว่ามีชีวิตอิ่มหนำสำราญแค่ไหน แต่ไม่นานเธอก็รับรู้ได้ว่าเหมยเหมยหมายถึงใครเลยลอบด่าอีกฝ่ายว่านางแพศยาในใจ!
เรื่องที่โอหยางปินเพิ่งตายเมื่อไม่กี่วันก่อนแน่นอนว่าเธอก็เพิ่งได้รับข่าวเช่นกัน แต่เกี่ยวอะไรกับเธอกันล่ะ?
“พ่อฉันสุขภาพแข็งแรงดี จ้าวเหมยเธอพูดอะไรให้เกียรติกันหน่อย!” โอหยางซานซานกล่าวเสียงเย็น
เหมยเหมยอมยิ้มน้อย ๆ “ฉันหมายถึงพ่อแท้ ๆของเธอโอหยางปินต่างหาก เรื่องนี้ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ เสแสร้งไปทำไมกัน!”
เหล่าผู้ชมรวมถึงแขกรับเชิญอื่น ๆมองโอหยางซานซานด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป คนเรามักมีจินตนาการอย่างไร้ขีดจำกัด เพียงประโยคเดียวจากเหมยเหมยก็ทำให้พวกเขาจินตนาการถึงสถานะของโอหยางซานซานไว้นับไม่ถ้วน ซึ่งคนส่วนมากต่างคิดว่าเธอน่าจะเป็นบุตรสาวนอกสมรส!
ลูกนอกสมรสเป็นเรื่องน่าอับอาย แขกรับเชิญสามคนที่แต่เดิมยังรู้สึกสนใจในตัวโอหยางซานซานเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน ไม่ได้เชิดชูโอหยางซานซานราวกับเทพธิดาอย่างเคยอีกแล้ว
เป็นแค่บุตรสาวนอกสมรสเท่านั้นเอง!
“ไม่เสียเวลาพูดแล้วกัน ในเมื่อพวกนายยกยอเครื่องดนตรีตะวันตกอย่างกับบรรพบุรุษ งั้นก็แสดงฝีมือให้เราดูหน่อยสิ ใครเริ่มก่อน?” เหมยเหมยพูดท้าทาย
พวกเขามาร่วมรายการก็เพื่อต่อสู้ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาลับฝีปาก!
“ฉันแสดงเปียโนก่อน” โอหยางซานซานรีบร้อนที่จะกู้หน้าตัวเองคืนเลยไม่คิดจะทำตัวนอบน้อมอีกต่อไป แต่เลือกจะแสดงท่าทีแข็งกร้าวออกมาแทน
เปียโนอยู่กลางเวที โอหยางซานซานมองเหมยเหมยแวบหนึ่งอย่างได้ใจก่อนจะนั่งลงเริ่มบรรเลงดนตรี เสียงเปียโนที่แสนไพเราะเสนาะหูดังขึ้น ไม่นานก็เรียกให้ทุกคนตกอยู่ในห้วงภวังค์เคลิบเคลิ้ม ขจัดซึ่งความหงุดหงิดและความเป็นปรปักษ์ในห้วงอากาศอย่างที่เคยมีไป
“นี่เป็นเพลง ‘Arabesque No.1’ ของ Claude Debussy เป็นเพลงที่อ่อนโยนมาก ๆ” สยงมู่มู่อธิบายและนึกทึ่งในตัวของโอหยางซานซานขึ้นมาบ้าง
ไม่มีเพลงไหนจะเหมาะกับบรรยากาศที่แสนประหม่าตื่นเต้นในเวลานี้ไปมากกว่าเพลงนี้อีกแล้ว!
หลังจบการบรรเลงหนึ่งเพลงก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด ทุกคนฟังจนเคลิ้มดื่มด่ำกันไม่น้อย โอหยางซานซานอมยิ้มเล็กน้อย สองปีมานี้เธอใช้ชีวิตหนึ่งวันให้เสมือนสามวัน นางแพศยาจ้าวเหมยหรือจะสู้เธอได้?
“เล่นไม่แย่ แต่ฟังอออกว่าระยะเวลาที่เธอเล่นปียโนมันสั้น นิ้วมือไม่คล่องแคล่วเอาเสียเลย” เหมยเหมยจงใจกล่าว ความจริงระดับฝีมืออย่างโอหยางซานซานก็นับว่าไม่เลวจริง ๆ
โอหยางซานซานสีหน้าเย็นยะเยือกขึ้นมาเล็กน้อย ยังคิดจะพูดประชดประชันอีกสักหน่อยแต่เหมยเหมยกลับไม่ให้โอกาสเธอ กู่เจิงก็ถูกยกขึ้นมาบนเวที เหมยเหมยสวมปลอกนิ้วมือก่อนจะลองดีดทดลองเสียง จากนั้นถึงค่อยเริ่มบรรเลงเพลง ‘ซุ่มโจมตีจากสิบทิศ’
ตอนที่ 1730 เสียงปี่โหวดังสนั่น ใครเล่าจะถือตนเป็นใหญ่
เสียงดนตรีเพิ่งบรรเลงขึ้น จากบรรยากาศที่แต่เดิมเงียบสงัดบัดนี้กลับเร่าร้อนฮึกเหิม อารมณ์ของเหล่าผู้ชมเองก็ถูกจุดประกายให้ฮึกเหิมเช่นกัน มีคนจำนวนไม่น้อยที่เผลอกำหมัดอย่างไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
เสียงบรรเลงเปียโนของโอหยางซานซานเพิ่งจะปลอบประโลมจิตใจผู้ชมให้สงบลง แต่เพลง ‘ซุ่มโจมตีจากสิบทิศ’ ของเหมยเหมยกลับจุดประกายเปลวไฟแห่งสงครามขึ้นอีกครั้ง อากาศร้อนระอุเหมือนน้ำที่ต้มเดือดก็ไม่ปาน
“น่าโมโหนัก!”
โอหยางซานซานลอบสบถเองเงียบ ๆ ก่อนที่เธอจะผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาแล้วกระซิบกระซาบกับไก่อ่อนสามตัวนั่น โดยสามคนนี้เผยสีหน้าได้ใจรอเหมยเหมยบรรเลงจบหนึ่งเพลงพวกเขาทั้งสี่คนก็เริ่มประสานเสียงดนตรีกัน
เครื่องดนตรีสามชนิดอย่างเปียโน ฟลูต ไวโอลินไม่ได้เสนาะหูอย่างก่อนหน้านี้ เนื่องด้วยจังหวะที่ค่อนข้างไวทำให้ทั้งสี่คนเล่นกันมือเป็นระวิงเหมือนตะคริวกินไหนจะทำให้คนมองรู้สึกตาลายไปด้วย
แต่เพลงกลับไม่ผิดจังหวะสักนิด แถมยังเล่นไหลรื่นที่พอจะดูออกว่าพวกเขาทั้งสี่คนผ่านการฝึกซ้อมระดับมืออาชีพมาก่อน
“โอ้โห นี่กล้าเล่นเพลง ‘Flight of the bumblebee’ อวดความเร็วของนิ้วมือต่อหน้าฉันเหรอ?” สยงมู่มู่ทำหน้าดูถูกดูแคลนก่อนจะพยักพเยิดคางให้อู่เชา “เจ้าอ้วน โชว์เพลง ‘Song of the phoenix’ ให้พวกเขาหน่อย”
เหอะ กล้าเล่นเพลง ‘Flight of the bumblebee’ ต่อหน้าเขาถ้าอย่างนั้นเขาก็จะเล่นเพลง ‘Song of the phoenix’ กำราบพวกตัวดีจองเหลิงพวกนี้ให้ดี!
“ได้เลย!”
อู่เชาหยิบปี่โหววาววับจากกระเป๋าข้างตัวขึ้นมา นี่เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่เขาชื่นชอบมากที่สุด เวลาอยู่บ้านว่าง ๆก็จะเป่าเล่น ๆเป็นครั้งคราว เขาเช็ดตรงลิ้นปี่หน่อย ๆ แล้วกระแอมไอเตรียมพร้อม สูดอากาศเข้าเฮือกลึกก่อนจะเริ่มโดยการพองลมตรงข้างแก้ม
พวกโอหยางซานซานเห็นเหมยเหมยไม่มีปฏิกิริยาใด ๆจึงหลงคิดว่าคงตกตะลึงในการแสดงของพวกเขาเลยทำท่าได้ใจ พอเห็นอู่เชาหยิบปี่โหวขึ้นมานั้นก็ยิ่งเผยสีหน้าดูถูกดูแคลน
“เครื่องดนตรีที่น่าอับอายแบบนี้เก็บไว้เป่าตอนทุกท่านจัดโต๊ะจีนเลี้ยงเหล้ามงคลเถอะ!” มีแขกรับเชิญผู้ชายคนหนึ่งพูดเย้ยหยันออกมาประโยคหนึ่งก่อนที่สามคนที่เหลือจะหัวเราะเสียงร่วนตามมา แต่มือกลับเพิ่มความเร็วยิ่งกว่าเดิมหมายจะสกัดอู่เชาเอาไว้
แต่ไม่นานพวกเขาก็หัวเราะไม่ออก อย่าเห็นว่าปี่โหวมีรูปร่างกะทัดรัดแต่ความกว้างของเสียงมันกลับเป็นสิ่งที่เครื่องดนตรีชนิดอื่นไม่อาจทัดเทียมได้ เปรียบดั่งเป็นราชาในบรรดาเครื่องดนตรี
เสียงปี่โหวดังสนั่น ใครเล่าคิดจะถือตนเป็นใหญ่อีก!
อู่เชาเป็นคนอ้วนจึงมีปอดใหญ่และกระพุ้งแก้มก็มีแรงอยู่ไม่น้อย เพลง ‘song of the phoenix’ ถูกบรรเลงอย่างมีชีวิตชีวา พวกโอหยางซานซานเองก็เร่งมือให้เร็วกว่าเดิมคิดจะสกัดอู่เชาไว้แต่กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมในไม่ช้า
จังหวะเร็วขึ้นก็จริงแต่กลับสะเปะสะปะเละไม่เป็นท่า กลายเป็น ‘Flight of bumblebee’ อย่างแท้จริง เหล่าผู้ชมรีบเอามือปิดหู ใครจะอยากฟังเสียงรบกวนโสตประสาทหูกันล่ะ!
พอถูกเสียงปี่โหวอันน่าทึ่งของอู่เชาบดขยี้เข้าไป โอหยางซานซานก็ไม่อาจเล่นต่อไปได้ จำต้องหยุดมือคอยมองอู่เชาบรรเลงเพียงคนเดียว
เหมยเหมยส่งสายตาให้อู่เชาแวบหนึ่ง เพื่อส่งสัญญาณให้อู่เชาหยุดเป่าปี่โหวทำให้บรรยากาศเงียบฉี่ลงอีกครั้ง ทว่าไม่นานก็ทดแทนด้วยเสียงปรบมือราวกับคลื่นซัดฝั่ง
“เมื่อกี้เพื่อนของฉันบรรเลงเพลง ‘song of the phoenix’ ที่เป็นเพลงพื้นบ้าน เป็นเพลงสำหรับปี่โหวที่ได้รับความนิยมจากชาวบ้านในวงกว้าง ซึ่งชัดเจนแล้วว่าเครื่องดนตรีตะวันตกไม่สามารถสกัดกั้นเสียงปี่โหวได้ ถ้าพูดถึงเรื่องเสียงสูงของเครื่องดนตรี ปี่โหวคู่ควรสมตำแหน่งแล้ว!”
เหมยเหมยปรายตามองพวกโอหยางซานซานอย่างเย้ยหยันก่อนเอ่ยต่อ “ฮวาเซี่ยเป็นประเทศเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เครื่องดนตรีพื้นบ้านมีเยอะจนนับกันไม่หวาดไม่ไหว เพลงก็มีมากจนล้น จะว่าไปแล้วเสียงของเครื่องดนตรีตะวันตกไม่น้อยเลยที่ใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านแสดงได้เหมือนกัน แค่อาจจะต่างจากเดิมไปสักหน่อย”
เธอพยักหน้าให้สยงมู่มู่ก่อนที่สยงมู่มู่จะหยิบกีตาร์ออกมาบรรเลงเพลงหนึ่งตามใจชอบพร้อมทั้งร้องคลอไปด้วย ซึ่งนั่นเป็นเพลง ‘พเนจรทั่วทุกทิศ’ เพลงของเขานั่นเอง ทำเอาเหล่าผู้ชมส่งเสียงลุกฮือขึ้นมาในชั่วขณะและอดเรียกให้เขาร้องมากกว่านี้อีกสักนิดไม่ได้
“เวลามีจำกัด ถ้าพวกคุณอยากฟังเพลงของสยงมู่มู่ ไว้คราวหน้าเขาเปิดคอนเสิร์ตแล้วค่อยไปฟังแล้วกันนะคะ”
เหมยเหมยยิ้มพูดหยอกเย้า หยิบผีผาจากด้านหลังออกมากล่าว “กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีตะวันตกที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี สิ่งที่ฉันอยากบอกก็คือความจริงผีผาที่บรรพบุรุษเราคิดค้นขึ้นมาใช้แทนกีตาร์ได้เช่นเดียวกันค่ะ”
……………………………
ตอนที่ 1731 แข่งเต้นรำ
เหมยเหมยจับผีผาวางไว้ในแนวนอนเหมือนถือกีตาร์ ปรับเสียงแล้วบรรเลงเพลง ‘พเนจรทั่วทุกทิศ’ ที่สยงมู่มู่เพิ่งเล่นเมื่อครู่นี้ เธอบรรเลงท่วงทำนองออกมาได้เหมือนกันทุกประการ ผู้ชมรับชมกันอย่างเพลิดเพลิน และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นคนใช้ผีผาเล่นเป็นกีตาร์!
“ตอนนี้ฉันจะใช้ผีผาบรรเลงเพลง ‘ปาอ๋องถอดเกราะ’ อีกเพลงนะคะ”
เหมยเหมยอุ้มผีผาขึ้นมาตั้งแนวตรงและบรรเลงเพลง ‘ปาอ๋องถอดเกราะ’ ที่สำหรับใช้ผีผาเล่น ซึ่งแตกต่างจากเพลงซุ่มโจมตีสิบทิศอย่างสิ้นเชิง เพลงนี้สื่อถึงโศกนาฏกรรมของซีฉู่ปาอ๋องเซี่ยงอวี่ที่เชือดคอฆ่าตัวตายในแม่น้ำอู่เจียงอย่างเศร้าโศกและโดดเดี่ยว ดังนั้นแม้ว่าท่วงทำนองจะเป็นเชิงปลุกใจแต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเศร้าจับใจ
เธอไม่ได้เล่นให้จบทั้งเพลง เล่นแค่เพียงครึ่งเพลงแล้วก็หยุดลง
“เมื่อครู่ฉันใช้ผีผาบรรเลงเพลงแทนกีต้าร์ งั้นขอเชิญพวกเธอใช้กีต้าร์เล่นเพลงปาอ๋องถอดเกราะด้วยแล้วกัน!” เหมยเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้ม มอบโจทย์ยากให้กับพวกโอหยางซานซานทั้งสี่คน
ผีผาเป็นเครื่องดนตรีที่เรียนยากที่สุดเครื่องหนึ่ง ระยะห่างของสายกีต้าร์สั้น ซึ่งยากจะถ่ายทอดเพลงผีผาออกมาได้ พวกโอหยางซานซานไม่สามารถทำได้อย่างสิ้นเชิง
“นี่คือโน้ตเพลงปาอ๋องถอดเกราะ พวกเราเปลี่ยนเป็นโน้ตกีตาร์แล้ว เชื่อว่าพวกเธอคงอ่านเข้าใจใช่ไหม?” เหมยเหมยโยนโน้ตเพลงออกไป ไม่ให้พวกเขาหาข้ออ้างปฏิเสธ
เชอะ วันนี้จะต้องเหยียบพวกทรยศทั้งสี่คนนี้ให้จมดินให้ได้!
ทั้งสี่คนรับโน้ตเพลงไปพลันทำสีหน้าลำบากใจเป็นอย่างมาก อยากจะพูดเหลือเกินว่าพวกเขาเล่นไม่ได้ แต่พวกเขาไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าพวกเหมยเหมยจึงดันทุรังลองเล่นดูสักตั้ง แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ทำได้แค่เพียงยอมแพ้!
ไร้หนทางจะบรรเลงเป็นเพลงได้เลย!
“เล่นไม่ได้ใช่ไหมล่ะ จุ๊ ๆเห็นพวกเธอคุยโวตั้งขนาดนั้น ฉันยังนึกว่าพวกเธอจะเก่งกาจมากเสียอีก!” เหมยเหมยส่ายหัว ไม่ปกปิดความเหยียดหยามของเธอเลยสักนิด
สยงมู่มู่และเซียวเซ่อกลับไม่ปกปิดสักนิด หัวเราะเยาะเหน็บแนม ดูถูกเหยียดหยามเป็นอย่างมาก
ต่อจากนั้นสยงมู่มู่และอู่เชาก็ทำการแสดงเป่าขลุ่ยและเอ้อร์หู โดยเฉพาะเอ้อร์หูที่ดัดแปลงได้หลากหลายมาก ถึงแม้ว่าพวกผู้ชมจะไม่รู้จักเอ้อร์หูแต่กลับฟังกันอย่างเพลิดเพลิน
แค่หัวข้อดนตรี พวกเหมยเหมยก็บดขยี้พวกโอหยางซานซานอย่างสมบูรณ์แบบ ดนตรีพื้นบ้านชนะไป
พวกโอหยางซานซานไม่ยอมแพ้เสนอแข่งเต้นรำ เหมยเหมยส่งเสียงฮึเบา ๆเพราะการเต้นรำเป็นสิ่งที่เธอถนัดที่สุด ทั้งสี่คนรนหาที่ตายเองจริง ๆ อย่างนั้นอย่ามาโทษว่าเธอไม่เกรงใจก็แล้วกัน!
โอหยางซานซานและแขกรับเชิญผู้ชายอีกคนหนึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย การเต้นละตินที่ไม่ได้ตระเตรียมมาก่อน กลับเข้ากันได้ดีทั้งสองฝ่ายจนเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมได้ไม่น้อย จากนั้นพวกเขายังแสดงการเต้นพาโซโดเบลและแทงโก้
“เต้นได้ไม่เลว แต่ว่าพวกนี้ก็ไม่ได้เรียกว่ามีฝีมืออะไร ตอนแรกฉันยังคิดว่าจะได้ดูบัลเล่ย์เสียอีกนะเนี่ย!”
เหมยเหมยยักไหล่ด้วยท่าทีเกินจริง โอหยางซานซานอดไม่ได้ที่จะพูดเสียดสีว่า “มีฝีมือเธอก็แสดงสิ!”
เดิมทีแขนขาของเธอแข็งทื่อ แต่เพื่อฝึกเต้นไม่รู้ว่าทรมานมากแค่ไหนกว่าจะมาถึงระดับนี้ได้ แม้จะเทียบไม่ได้กับนักเต้นมืออาชีพ แต่สำหรับมือสมัครเล่นนั้นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
“ไม่มีปัญหา!”
เหมยเหมยยื่นมือไปทางเซียวเซ่อทำท่าเชิญชวน เซียวเซ่อยิ้มเล็กน้อยแล้วก็ออกไปจับมือเหมยเหมย เริ่มทำการแสดงเต้นระบำละติน แน่นอนว่าเธอเต้นเป็นผู้ชาย
เมื่อก่อนตอนที่ทั้งสองว่าง ๆมักจะเต้นละตินกันเล่น ๆ พวกเธอสองคนจึงเต้นเข้ากันได้เป็นอย่างดี
พวกเธอเต้นติดต่อกันหลายจังหวะ ทั้งจังหวะชะชะช่า รุมบ้า แซมบ้า แทงโก้ ต่างทำการแสดงทั้งหมด ถึงแม้ว่าผู้ชมจะเป็นคนนอกวงการแต่ถึงอย่างไรก็พอมองออก เห็นได้อย่างชัดว่าพวกเหมยเหมยเต้นได้ดีกว่า
“ต่อไปฉันจะแสดงการเต้นรำแบบฮวาเซี่ยดั้งเดิมให้ทุกคนได้รับชมกัน เริ่มด้วยระบำผ้าแล้วกันค่ะ”
เหมยเหมยโบกมือส่งสัญญาณให้อู่เชาและสยงมู่มู่ อู่เชาดีดฉินโบราณ สยงมู่มู่เป่าขลุ่ย พอเพลงบรรเลงขึ้นเหมยเหมยก็เริ่มเต้นอย่างสวยสง่าคล่องแคล่ว วันนี้เธอตั้งใจสวมชุดกระโปรงสีขาวมาเป็นพิเศษเพื่อง่ายต่อการเต้น
มือโบกสะบัดเอวก็ขยับส่ายตาม ระบำไปตามท่วงท่า สายตาของผู้ชมต่างจับจ้องมาที่เธอ
“ฉันจะแสดงการฟ้อนรำจิงหงให้ทุกคนได้รับชมกันนะคะ” เหมยเหมยเปลี่ยนท่าเต้น จังหวะการบรรเลงเพลงของพวกสยงมู่มู่ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ลื่นไหลไม่มีสะดุด
ตอนที่ 1732 ฆ่าให้หมด
ในระยะเวลาสั้น ๆสิบนาที เหมยเหมยแสดงการเต้นรำฉบับดั้งเดิมของฮวาเซี่ย เช่นระบำหูเสวียน ระบำตัวอ่อน ระบำพัดและอื่น ๆติดต่อกัน ถึงแม้ผู้ชมจะเป็นคนนอกวงการแต่พอดูออกว่าทักษะการเต้นของเหมยเหมยลึกซึ้งมาก ไม่ใช่สิ่งที่ระดับมือสมัครเล่นของพวกโอหยางซานซานคนจะเทียบได้
“ระบำโบราณของฮวาเซี่ยมีหลายร้อยชนิดแต่ฉันรู้แค่เพียงผิวเผิน วันนี้จึงแสดงฝีมือให้ได้รับชมเพียงเท่านี้”
เหมยเหมยหอบหายใจเล็กน้อย ท่าทางถ่อมตัวมาก ตรงกันข้ามกับความหยิ่งผยองของพวกโอหยางซานซานทั้งสี่คน แน่นอนว่าใจของผู้ชมด้านล่างเวทีก็ต้องเอนเอียงไปทางพวกเหมยเหมยอยู่แล้ว
พวกโอหยางซานซานทั้งสี่คนยังไม่ยอมแพ้ ยังเสนองานศิลปะ คณิตศาสตร์อีกอย่างต่อเนื่อง มีความคิดที่จะกอบกู้หน้าตาศักดิ์ศรีกลับมา แต่ว่า ——
วาดภาพมีเซียวเซ่อและเหมยเหมยอยู่ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มีเซียวเซ่อและสยงมู่มู่ บทกลอนกวีโบราณก็มีอู่เชาอยู่ ทั้งสี่คนต่างก็ส่งเสริมซึ่งกันและกัน แสดงถึงอารยธรรมอันยาวนานห้าพันปีของฮวาเซี่ยได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“สามพันกว่าปีก่อนฮวาเซี่ยได้เริ่มใช้การบวกลบคุณหารตัวเลขแล้ว และสองพันห้าร้อยปีก่อนตำราคณิตศาสตร์เก้าบทก็ได้ปรากฏขึ้น ซึ่งก็คือสูตรคูณที่ท่องจำกันในปัจจุบัน และยังมีการคำนวณหาค่าพายของจู่ชงจือที่คำนวณได้เร็วกว่ายุโรปเป็นพันปี…
มาพูดถึงวิทยาศาสตร์ ในเชิงลึกฉันขอไม่พูดแล้วกันพูดไปก็กลัวว่าพวกเธอจะฟังไม่เข้าใจ พูดถึงจตุรประดิษฐ์หรือก็คือสิ่งประดิษฐ์ทั้งสี่ก็แล้วกัน มีใครรู้บ้างครับว่าสิ่งประดิษฐ์ทั้งสี่มีอะไรบ้าง?”
สยงมู่มู่หันไปถามกับผู้ชมด้านล่างเวที ทันใดนั้นก็มีผู้ชมกระตือรือร้นลุกขึ้นยืน เป็นเด็กผู้ชายใส่แว่น น่าจะยังเรียนอยู่ เขาพูดเสียงดังว่า “ดินปืน การผลิตกระดาษ แท่นพิมพ์ เข็มทิศ”
“ใช่ คะแนนการเรียนของคุณจะต้องดีมากแน่เลย สู้ ๆ!”
สยงมู่มู่หันไปยกนิ้วโป้งให้กับเขา เด็กชายตื่นเต้นเป็นอย่างมาก สิวหนุ่มบนใบหน้าแดงซ่านไปหมด
เซียวเซ่อพูดต่อว่า “ไม่ใช่แค่เพียงสิ่งประดิษฐ์ทั้งสี่ จักรพรรดิเจงกิสข่านในราชวงศ์หยวน พระองค์ตะลุยตีเมืองขยายอาณาเขตไกลที่สุดถึงยุโรปเสียด้วยซ้ำ ในเวลานั้นพื้นที่ของประเทศฮวาเซี่ยมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีเจิ้งเหอแห่งราชวงศ์หมิงได้เดินทางไปทางแถบตะวันตกประเทศต่าง ๆถึงเจ็ดครั้ง เขาไปไกลสุดถึงทวีปอเมริกาและแอฟริกาตะวันออกก่อนโคลัมบัสหนึ่งศตวรรษเสียอีก”
“ฉันขอนอกเรื่องพูดถึงอาหารแล้วกัน แม้แต่พิซซ่าที่เอร็ดอร่อยนั้น อันที่จริงก็ต่อยอดมาจากพายของฮวาเซี่ย พวกคุณเคยได้ยินชื่อมาร์โค โปโลมาตลอดใช่ไหม? ผู้ชายคนนี้เป็นคนนำเอาพายของฮวาเซี่ยไปที่อิตาลี แล้วค่อย ๆพัฒนามาเป็นพิซซ่าในปัจจุบัน”
เหมยเหมยพูดเรื่องขบขันออกมาทำเอาผู้ชมด้านล่างเวทีต่างหัวเราะกันใหญ่ เสียงปรบมือดังกึกก้อง
หากพูดถึงเรื่องอาหาร ฮ่องกงนับว่าเป็นสวรรค์ด้านอาหารที่ไม่เป็นรองใคร เรื่องรักชาติบ้านเมืองพวกเขาอาจไม่เท่าไร แต่มีความภาคภูมิใจเรื่องอาหารอย่างลึกซึ้ง พวกเขารู้สึกว่าไม่ว่าอาหารที่ไหนก็เทียบกับอาหารท้องถิ่นไม่ได้
ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกประทับใจสิ่งที่เหมยเหมยพูดอย่างมาก
นอกจากนี้ทั้งสี่คนยังให้คำอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับวัฒนธรรมของฮวาเซี่ย คนรุ่นใหม่หลายคนเพิ่งเคยได้ฟังเป็นครั้งแรก หากจะบอกว่าไม่เคยสัมผัสคงจะเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรท้ายที่สุดพวกเขาต่างก็เป็นลูกหลานของชาวฮวาเซี่ย!
แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มุมมองทัศนคติสิ่งเหล่านี้ต้องปลูกฝังตั้งแต่อายุยังน้อย คงเป็นเรื่องยากหากจะให้เปลี่ยนแปลงไปเลยในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ
แขกรับเชิญทั้งสองฝั่งปะทะฝีปากกันเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดว่าฝั่งเหมยเหมยจบได้อย่างสวยงามสมบูรณ์ พวกโอหยางซานซานทำสีหน้าบึ้งตึงคอตกอย่างเสียศักดิ์ศรี แต่จะทำอย่างไรได้?
ในเมื่อความสามารถสู้ไม่ได้นี่นา!
ชายคนหนึ่งที่เกือบจะถูกลืมเลือนไปฝืนฉีกยิ้มออกมา เขาคิดอยากจะพูดสักสองสามคำเพื่อแสดงตัวตน เหมยเหมยกลับไม่คิดจะให้โอกาสผู้ชายคนนี้พูด จึงพูดเสียงดังขึ้นมาว่า “ลูกไม่รังเกียจหน้าตาอัปลักษณ์ของแม่ รังทองรังเงินสวรรค์วิมานจากไหนก็ไม่ดีเท่ากระท่อมมุงจากของตัวเอง แม้ว่าตอนนี้ฮวาเซี่ยจะไม่ร่ำรวยและแข็งแกร่งมากนักแต่ก็พยายามก้าวไปข้างหน้าตลอด ปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ในทุกวัน”
เธอชะงักลงแล้วก็พูดต่อว่า “สิบปากว่ายังไม่เท่าตาเห็น ฉันขอแนะนำพวกคุณอาศัยช่วงวันหยุดไปดูแม่น้ำภูเขาของแผ่นดินใหญ่ประเทศของตัวเอง ทิวทัศน์ที่สวยงาม มันแตกต่างจากที่คุณเคยได้ยินมาอย่างแน่นอน ใครบางคนก็อย่าได้แฝงเจตนาร้ายจงใจสร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศเลย หึ…เส้นผมสามารถย้อมสีเหลือง ผิวหนังสามารถฟอกสีขาว แต่คุณสามารถเปลี่ยนเลือดที่หลั่งในร่างกายของคุณได้เหรอ?”
…………………………………………..
ตอนที่ 1733 การตัดต่อที่ชั่วร้าย
คำพูดประโยคสุดท้ายเหมยเหมยพูดกับพวกโอหยางซานซาน ทุกคนต่างก็มองออกว่าเธอกำลังถากถางเหน็บแนมพวกเขาสี่คนอยู่ ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างแน่นอนว่าก็ไม่ได้นิ่งเฉยไปทั้งหมด แต่ก็ยังมีพวกรักชาติอยู่บ้างอย่างเช่นคู่สามีภรรยาเซี่ยเข่ออิ๋ง พอได้ฟังคำพูดของเหมยเหมยก็ซาบซึ้งใจจนปรบมืออยู่นาน
พวกโอหยางซานซานพ่ายแพ้กลางรายการอย่างยับเยิน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงแค้นใจเหมยเหมยจึงเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา
รายการนี้เป็นรายการที่ถ่ายทำไว้ก่อน แต่ตอนออกอากาศกลับมีปัญหาเล็กน้อย ทางสถานีโทรทัศน์ตัดฉากพวกเหมยเหมยออกเป็นจำนวนมาก รายการเต็มมีหนึ่งชั่วโมง แต่สี่สิบนาทีกลับเป็นการแสดงของพวกโอหยางซานซาน
อีกทั้งคนตัดต่อก็น่ารังเกียจมาก จงใจตัดต่อพวกเหมยเหมยสี่คนให้ดูเป็นคนหยิ่งผยองและหยาบคาย และตัดต่อพวกโอหยางซานซานให้ดูเหมือนไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมเป็นฝ่ายยอมพวกเหมยเหมย
เซี่ยเข่ออิ๋งโมโหเป็นอย่างมาก แต่จนปัญญาเพราะเธอไม่ได้มีอิทธิพลในสถานีโทรทัศน์ ทำได้แค่วิ่งแจ้นไปหาเหมยเหมยเพื่อบอกเรื่องนี้
“ตอนนี้จะทำอย่างไรดี? ถ้าหากออกอากาศไปแบบนี้ พวกคนดูจะต้องถูกหลอกลวงแน่นอน” เซี่ยเข่ออิ๋งกังวลเป็นอย่างมาก
ถึงอย่างไรเหมยเหมยและสยงมู่มู่ต่างก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก รายการนี้จงใจทำให้พวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียง ชาวฮ่องกงที่ไม่รู้ความจริงคงจะต้องเข้าใจทั้งสามคนผิด ๆแน่ พวกข่าวลือข่าวโคมลอยก็มีที่มาแบบนี้แหละ
“เจ้าของสถานีโทรทัศน์รู้เรื่องนี้ไหมคะ?” เหมยเหมยถาม
“น่าจะไม่รู้ เจ้าของไม่สนใจการดำเนินงานของบริษัท” เซี่ยเข่ออิ๋งตอบ
เซียวเซ่อส่งเสียงหึ “ฉันขอตัวโทรศัพท์ก่อน”
ถึงเวลาอาศัยบารมีของคุณย่าแล้ว!
เซียวเซ่อโทรหาผู้ปกครองชั้นสูงสุด เพราะก่อนที่เขาจะเข้ารับการเลื่อนตำแหน่งบารอนจากราชินี เธอและคุณย่าวิกตอเรียก็ได้มาร่วมงานเลี้ยงอำลาด้วย ซึ่งขณะนั้นเขาให้ความเคารพเธอและคุณย่ามาก
ถึงอย่างไรคุณย่าของเธอก็มีบรรดาศักดิ์เป็นเคานท์ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชินี เขายังมีศักดิ์เป็นแค่เพียงบารอนเท่านั้น มีการแบ่งลำดับยศอย่างชัดเจน
มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่รู้หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาแต่เซียวเซ่อรู้ เธอพูดภาษาอังกฤษเสียงเบา ๆออกมายาวเป็นพรวนซึ่งทุกคนต่างก็ฟังออก ฟังเซียวเซ่อแสดงอิทธิพลของเธอทางโทรศัพท์ มันก็ช่างสะใจเบา ๆ
“เอาเป็นว่า ฉันไม่ต้องการให้เรื่องการตัดต่อที่เป็นภัยเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ถ้าหากรายการออกอากาศไปแล้วทำให้ฉันไม่พอใจล่ะก็ ฮึ ฉันจะบอกคุณย่า และส่วนคุณย่าจะกล่าวกับองค์ราชินีว่าอย่างไร ฉันก็ไม่รู้ด้วยแล้ว” เซียวเซ่อใช้อำนาจคุกคามขู่อย่างแข็งกร้าว
สำหรับคนที่มีอำนาจมียศถาบรรดาศักดิ์อย่างเธอ คำพูดอ่อนหวานไม่ใช่วิธีการแสดงออกที่เธอต้องการ มันไม่จำเป็น!
ผู้ปกครองสูงสุดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอให้ผู้ช่วยไปแก้ปัญหาเรื่องนี้ ทำเอาสถานีโทรทัศน์ตกใจกันยกใหญ่ แค่เพียงรายการเล็ก ๆเท่านั้นกลับรบกวนไปถึงผู้ปกครองสูงสุด พอเจ้าของสถานีโทรทัศน์รู้เรื่องนี้เข้าก็รีบเข้าสถานีโทรทัศน์ไปหาผู้ควบคุมการผลิตและเจ้าหน้าที่ตัดต่อด้วยตัวเอง
เหมยเหมยคิด ๆแล้วก็ให้เสี่ยวอวิ๋นออกไปหาเจ้าพ่อมาเฟียที่เคยแย่งคนงามกับเฉินหมิงในตอนนั้น เหยียนหมิงซุ่นต่อยตีกับเขาจนได้เป็นเพื่อนกันบวกกับผลประโยชน์ ความสัมพันธ์จึงไม่เลว
เจ้าพ่อมาเฟียคนนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าของสถานีโทรทัศน์ ขอเพียงแค่เขาออกปาก เจ้าของสถานีโทรทัศน์ก็ต้องกุลีกุจอจัดการให้อยู่แล้ว
คนแรกคือผู้ปกครองสูงสุด ต่อมาคือเจ้าพ่อมาเฟีย เจ้าของสถานีโทรทัศน์ไหนเลยจะกล้าดูแคลนจึงรีบออกคำสั่งพนักงาน เขาตัดต่อเอาพวกโอหยางซานซานสี่คนนั้นออกและใส่ฉากพวกเหมยเหมยเพิ่มเข้าไปไม่น้อย
เขาจะหาเรื่องใครไม่ได้ทั้งนั้น!
รายการออกอากาศสำเร็จ แน่นอนว่าสถานีโทรทัศน์ไม่ได้ตัดฉากของพวกโอหยางซานซานทั้งสี่คนออกจนหมด ยังคงเก็บภาพไว้ประมาณยี่สิบนาที สำหรับภาพของพวกเหมยเหมยทั้งสี่คนส่วนใหญ่จะเก็บเอาไว้
อีพีนี้ได้รับกระแสตอบรับจากคนในท้องถิ่นดีมาก แน่นอนว่าคนฮ่องกงไม่ใช่สมาชิก GD ทั้งหมด มีวัยแก่วัยชราหลายคน โดยเฉพาะผู้อพยพในสมัยแรก ๆที่อยากให้ประเทศรวมเป็นปึกแผ่นเดียวกัน เพราะพวกเขาจะได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน
และเพราะรายการนี้ชื่อเสียงของพวกเหมยเหมยก็ยิ่งไปไกลกว่าเดิม ข้อดีก็คือหนังสือของเธอและอู่เชาขายดีมาก เพลงของสยงมู่มู่ทะยานติดอันดับชาร์ตอีกด้วย
แต่ก็มีผลกระทบด้านลบตามมาเช่นกัน
ตอนที่ 1734 ให้พวกมันได้เลือด
เพิ่งจะผ่านไปหนึ่งคืนบ้านพักของพวกเหมยเหมยก็ถูกรายล้อมเบียดเสียดไปด้วยผู้สื่อข่าว อันนี้ก็ก็ยังช่างมันได้แต่ที่โมโหที่สุดก็คือไม่รู้ว่าใครโยนผักเน่าและไข่เน่าเต็มรอบบ้าน กลิ่นหมักบูดในวันอากาศร้อน ๆส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่ว
คนพวกนี้ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ เสี่ยวอวิ๋นและเสี่ยวหลี่จะกำจัดอย่างไรก็กำจัดไม่หมด และคนพวกนี้ก็เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมาก โยนแล้วก็หนีลื่นอย่างกับปลาไหล แม้ว่าจะจับพวกเขาได้แต่ให้ตายอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีวันยอมรับ ตำรวจท้องถิ่นไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้อยู่แล้ว และไม่เห็นจะโผล่มาช่วยพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
“คืนนี้คอยดูฉันไว้ให้ดีเถอะ!”
เหมยเหมยกัดฟันกรอดด้วยความโมโห ในใจก็พลันนึกแผนขึ้นมาได้
เธอให้เสี่ยวอวิ๋นไปซื้อตะปูที่ยาวที่สุดมา ทุกอันต้องยาวสามนิ้ว ตอนที่ฟ้าใกล้จะมืดก็ฝังไว้รอบ ๆบ้านแล้วปิดทับด้วยทราย ถ้าไม่เหยียบก็จะไม่เป็นไรแต่ถ้าเหยียบเข้าครั้งเดียวละก็…
“แบบนี้จะทำร้ายถึงชีวิตหรือเปล่า?” อู่เชามีความกังวลใจอยู่บ้าง
ถึงอย่างไรมังกรที่แข็งแกร่งก็ยากที่จะต่อสู้กับงูท้องถิ่นได้นะ!
“ไม่กลัวหรอก แค่แผลถลอกภายนอกเท่านั้นเอง แล้วนี่ก็ที่ของฉันจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ตำรวจจะเข้ามายุ่งวุ่นวายได้เหรอ?”
เหมยเหมยถามเสี่ยวอวิ๋นนานแล้ว ตอนนั้นเหยียนหมิงซุ่นซื้อทั้งชายหาดและถนนบริเวณโดยรอบบ้านพักพร้อมกันทั้งหมด นี่เป็นอสังหาริมทรัพย์ส่วนบุคคล ขอเพียงแค่ไม่อันตรายถึงชีวิต ต่อให้เป็นผู้ปกครองสูงสุดก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งวุ่นวาย
เซียวเซ่อพูดโพล่งออกมาว่า “ไม่เป็นไร ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นฉันรับผิดชอบเอง”
อาศัยแค่ตำแหน่งของคุณย่าเธอ ฮ่องกงที่ใหญ่แค่ฝ่ามือก็พอจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ได้เต็มที่พอ
ตกดึกเหมยเหมยให้พวกเสี่ยวอวิ๋นไปนอน เธอและฉิวฉิวอยู่เฝ้า
พอถึงเที่ยงคืนก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังมาจากนอกบ้าน เหมยเหมยปีนขึ้นรั้วกำแพงก็เห็นคนจำนวนหนึ่งเดินมาด้วยท่าทีลับ ๆล่อ ๆ พวกนั้นถึงกับถือถังมาด้วย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นสีน้ำมันสีแดงมาด้วยแน่นอน
เชอะ!
กล้าสาดสีน้ำมันใส่บ้านเธอเหรอ วันนี้เธอจะทำให้พวกมันได้เลือด!
เหมยเหมยแสยะยิ้ม ยืนอยู่บนรั้วกำแพงเพื่อรอจับผู้ร้ายโดยไม่ต้องออกแรง
“โอ๊ย!”
คนที่เดินอยู่ข้างหน้ากรีดร้องออกมาแล้วล้มลงกับพื้น คนข้างหลังที่เหลือต่างก็ตกใจ เมื่อได้ยินคนข้างหน้าบอกว่ามีตะปูอยู่ที่พื้น ไหนเลยจะกล้าเดินต่อจึงหยุดยืนนิ่งไม่กล้าขยับ
เหมยเหมยแค่นเสียงฮึแล้วตบฉาฉาเบา ๆ เจ้าตัวน้อยไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป แค่บิดตัวนิดเดียวก็พุ่งไปที่คอของหนึ่งในกลุ่มนั้น เขารู้สึกแค่ว่าคอของเขาเย็น ๆก็เลยยื่นมือสัมผัส เย็น ๆนุ่ม ๆอีกทั้งยังเคลื่อนไหวได้ด้วย…
ทันใดนั้นเขาก็ตกใจและวิ่งวุ่นหนีอุตลุด ไม่นานเขาก็โดนของดีเข้าให้จนนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้นดิน
คนอื่น ๆก็มีผลลัพธ์เหมือนกันต่างก็ถูกฉาฉาน้อยหยอกเอินจนใจเสียววาบ ส่งเสียงกรีดร้องปลุกเพื่อนบ้านละแวกนั้นและมีคนโทรแจ้งตำรวจ
ตำรวจมาค่อนข้างเร็วในไม่ช้าก็มาถึง เหมยเหมยส่งเสียงยิ้มเยาะสองสามครั้งในความมืด แสร้งทำเป็นว่าถูกปลุกด้วยเสียงเรียก เปิดประตูก็เห็นพวกย่องเบาที่กำลังร้องโอดโอยก็ยิ่งแสร้งทำท่าทางหวาดกลัว
“นี่…นี่มัน…เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ตำรวจเห็นเหมยเหมยเป็นแค่สาวสวยตัวเล็ก ๆคนหนึ่ง ท่าทางก็ดีขึ้น ชี้ไปที่ตะปูยาว ๆบนพื้นแล้วถามว่า “ตะปูพวกนี้บ้านพวกคุณเป็นคนฝังไว้ใช่ไหม?”
“ฉันฝังไว้เอง” เสี่ยวอวิ๋นเดินออกมา ดันเหมยเหมยไปด้านหลังเพื่อปกป้อง
“ทำไมถึงต้องฝังตะปูยาว ๆพวกนี้ไว้ด้วย? พวกคุณทำแบบนี้เป็นการจงใจทำร้ายผู้อื่นรู้ไหม?” ภาษาจีนกลางของตำรวจนั้นแย่มาก เหมยเหมยเปลืองแรงในการพยายามฟังมาก เสี่ยวอวิ๋นอยู่ที่นี่มาสองสามเดือนจึงเรียนรู้ภาษาท้องถิ่นมาบ้าง แถมยังแปลให้เหมยเหมยฟังอีก
“ใครใช้ให้คนพวกนี้มาโยนไข่เน่าและผักเน่าที่บ้านฉันกันล่ะ พวกเราก็มีสิทธิ์ปกป้องตัวเองตามกฎหมาย” เหมยเหมยพูดด้วยเสียงใสกังวาน
“พวกเราแค่เดินผ่านมาเท่านั้น คุณตำรวจ…” แน่นอนว่าพวกย่องเบาบนพื้นนั้นไม่มีทางยอมรับ
เหมยเหมยชี้ไปที่ถังข้าง ๆพวกเขา พูดเหน็บแนมว่า “ถ้าอย่างนั้นของพวกนี้คืออะไร? หรือว่าคุณตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วเกิดอารมณ์สุนทรีย์ขึ้นมาจึงวิ่งมาละเลงสีถึงบ้านฉันงั้นเหรอ?”
…………………………………………..
ตอนที่ 1735 ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
สีน้ำมันแดงสดส่วนใหญ่ยังอยู่ในถังพลาสติกและยังมีแปรงขนาดใหญ่อยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่าต้องการทำสิ่งชั่วร้ายบนกำแพง อีกทั้งยังมีกระเป๋าใบใหญ่ พอเปิดออกมาก็มีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว มันคือไข่เน่าและปลาตายกุ้งเน่า ลำบากพวกเขาจริง ๆที่ต้องแบกของส่งกลิ่นเหม็นมากขนาดนี้แล้วยังไม่เป็นลมตาย
ถึงแม้ว่าตำรวจมีใจต้องการจะปกป้องทั้งสามคนนี้แต่พยานหลักฐานพยานบุคคลก็มีครบ อีกทั้งยังถูกจับได้ตอนที่กำลังจะลงมือ ต่อให้พวกเขามีใจจะช่วยแค่ไหนแต่ก็ไม่มีกำลังพอ
พวกอันธพาลหันมาสบตากันแล้วชี้ไปที่เท้าเปื้อนเลือด ตะโกนขึ้นว่า “คุณตำรวจ ผมต้องการฟ้องเธอข้อหาทำร้ายร่างกายโดยเจตนา ตะปูยาวขนาดนี้ ไม่แน่ว่าเท้าของเราอาจจะใช้การไม่ได้อีก สาวแผ่นดินใหญ่คนนี้จงใจที่จะทำสิ่งชั่วร้ายในฮ่องกง ใจร้ายอำมหิต”
เสี่ยวอวิ๋นถลึงตามองไปที่เท้าอีกข้างของเขาอย่างดุดัน “อยากจะให้ขาอีกข้างใช้การไม่ได้ด้วยไหมล่ะ?”
ตำรวจมองเสี่ยวอวิ๋นอย่างตกใจ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสาวแผ่นดินใหญ่กำแหงเช่นนี้!
ชาวแผ่นดินใหญ่ที่เคยพบมามีใครบ้างที่ไม่วิ่งหนีห่างจุกตูด?
“คุณผู้หญิงครับ นี่ถือเป็นการข่มขู่ พวกเรามีสิทธิ์จับกุมคุณนะ!” ตำรวจเตือน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบอันธพาลทั้งสามคนบนพื้นดิน แต่พวกเขาไม่ชอบคนแผ่นดินใหญ่มากกว่า
“พวกคุณคงไม่ใช่พวกเดียวกันหรอกใช่ไหม? คนเลวสามคนนี้วางแผนทำเรื่องชั่วที่บ้านฉัน พวกเราก็แค่ปกป้องตัวเองตามกฎหมาย ทำไมถึงได้กลายเป็นคนทำเรื่องผิดกฎหมายไปได้ล่ะ?” เหมยเหมยถามด้วยเสียงเยาะเย้ย
“พวกเรายังไม่ได้เข้าประตูบ้านเธอเลย จะวางแผนทำเรื่องชั่วที่บ้านคุณได้อย่างไร?” พวกอันธพาลร้องโวยวาย นัยน์ตามีความลำพองใจ
เหมยเหมยส่งเสียงฮึเบา ๆหันไปส่งซิกให้เสี่ยวอวิ๋น เสี่ยวอวิ๋นรีบกลับเข้าไปในบ้านและหยิบโฉนดบ้านออกมา เอกสารหลักฐานเขียนไว้อย่างชัดเจน ถนนภายในสามเมตรรอบบ้านพักรวมถึงชายหาดด้านหลังล้วนถูกบันทึกในเอกสารอย่างชัดเจนว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัว
“มองเห็นเต็มตาหรือยัง? ที่ที่พวกคุณยืนอยู่คือบ้านของฉัน ฉันฝังตะปูไว้ในบ้านของฉันแล้วมันจะทำไม? หรือว่ากฎหมายของฮ่องกงแม้กระทั่งความเป็นส่วนตัวก็ยังต้องเข้ามายุ่งด้วยงั้นเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ เป็นพวกเราเองที่ไม่เข้าใจความเป็นมาชัดเจนพอ” ตำรวจเปลี่ยนคำพูดทันทีพยายามฝืนยิ้มออกมา แต่ในใจรู้สึกเสียววาบ
ให้ตายเถอะ!
พวกเขายังอาศัยอยู่ในบ้านพักราคาถูกอยู่เลย!
สาวแผ่นดินใหญ่คนนี้ทำไมถึงได้มีเงินเยอะขนาดนี้?
ว่ากันว่าจีนแผ่นดินใหญ่ยากจนถึงขนาดจะกินให้อิ่มท้องยังไม่มีไม่ใช่เหรอ?
“คุณตำรวจคะ ฉันอยากจะแจ้งความทั้งสามคนนี้ในข้อหาบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลและข่มขู่คุกคามทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา ทนายความของฉันจะติดต่อพวกคุณในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้มันดึกแล้วขออภัยที่ไม่สะดวก!”
เหมยเหมยไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางดี ๆใส่ตำรวจสองคนนี้ หากไม่ใช่ว่าเธอเตรียมการไว้อยู่แล้ว ไม่แน่คนที่จะต้องไปสถานีตำรวจก็คือเธอ!
เชอะ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่!
จะต้องส่งพวกอันธพาลสามคนนี้เข้าไปใช้ชีวิตในคุกให้ได้!
อันธพาลทั้งสามทำสีหน้าแตกตื่น พวกเขาเพียงแค่ต้องการรายได้พิเศษ ไม่ได้อยากติดคุกสักหน่อยนี่นา!
“คุณตำรวจ…พวกเราแค่ผ่านมาเฉย ๆจริง ๆนะครับ…ยังไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ…”
“คุณผู้หญิง…ผมยังมีแม่แก่ ๆอายุแปดสิบ…แล้วยังมีลูกชายที่เพิ่งครบเดือน…ขอความเมตตาด้วยเถอะ…”
พวกอันธพาลต่างก็ร้องไห้ฟูมฟายยกใหญ่ หันไปก้มคำนับเหมยเหมยอย่างน่าสงสาร
“คนอย่างพวกคุณยังหาภรรยาได้อีกเหรอ? หรือว่าผู้หญิงฮ่องกงจะตาบอดกันหมดแล้ว?” เหมยเหมยเหน็บแนมเย้ยหยัน หันไปพูดกับเสี่ยวอวิ๋นว่า “ปิดประตู พรุ่งนี้ให้คนเอาหมาที่กินเนื้อดิบมาให้ฉัน ใครกล้ามาเพ่นพ่านวุ่นวายอีกล่ะก็ปล่อยหมาออกมากัดให้ตายไปเลย!”
ตำรวจและอันธพาลต่างก็สะดุ้งโหยงตัวสั่นสะท้านอย่างแรง หัวใจเกิดความหวาดกลัวเหมยเหมย สาวงามแผ่นดินใหญ่คนนี้ลงมือโหดเหี้ยมและไร้ความปรานีมาก!
พวกอันธพาลทั้งสามคนถือว่ายังพอมีโชคอยู่บ้าง ยังดีที่พวกเขาโดนแค่ตะปูแทงเท้า หากเปลี่ยนเป็นหมาดุตัวใหญ่ ชีวิตน้อย ๆของพวกเขายังจะรักษาได้อยู่อีกเหรอ?
“ปัง”
ประตูใหญ่ปิดลง ตำรวจก็พาตัวพวกอันธพาลทั้งสามคนไป มีไฟกระพริบอยู่ในความมืดซึ่งเป็นพวกปาปารัสซี่ที่ทำงานไม่หยุดหามรุ่งหามค่ำ
ตอนที่ 1736 มีคนอยากเจอคุณ
วันต่อมาหนังสือพิมพ์ตอนเช้าก็ได้รายงานเรื่องนี้ เหมยเหมยคร้านจะดู เธอขอให้เสี่ยวอวิ๋นหาทนายความชื่อดังในฮ่องกง ทนายความที่มีความเที่ยงธรรมมากที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นคนแผ่นดินใหญ่หรือเป็นคนแอฟริกัน ขอเพียงแค่คุณสามารถจ่ายได้ พวกเขาจะทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ปาน
ทนายชื่อดังก็สมคำร่ำลือจริง ๆ เพิ่งได้รับเงินมัดจำก็เริ่มลุยทำงานไม่หยุด คดีเล็ก ๆแบบนี้สำหรับทนายชื่อดังแล้วง่ายยิ่งกว่าการตบแมลงวันเสียอีก
นอกจากนี้ทางด้านเหมยเหมยยังมีเหตุผลมีหลักฐาน หลักฐานพิสูจน์แน่นอน ผู้พิพากษาในพื้นที่ไม่สามารถหาช่องโหว่ได้เลย แม้ว่าพวกเขาต้องการจะช่วยปกปิดก็ตาม ไม่ถึงสามวันอันธพาลทั้งสามก็ถูกส่งตัวเข้าคุก
บุกเข้าไปในพื้นที่บ้านส่วนตัว การข่มขู่ที่เป็นอันตราย การปล้นและการพยายามทำร้ายที่ไม่สำเร็จ…
บวกกับก่อให้เกิดความสะเทือนใจอย่างรุนแรงต่อเจ้าของบ้านอย่างเหมยเหมย เกรงว่าจะนอนไม่หลับไปตลอดชีวิต…
ผลลัพธ์ที่ตามมาเลวร้ายขนาดนี้ แม้แต่สวรรค์ยังทนไม่ได้ ช่างเป็นการกระทำที่ร้ายแรงมาก!
ดังนั้น——
ภายใต้ฝีปากของทนายความชื่อดังอันธพาลผู้โชคร้ายทั้งสามคนนี้ก็ถูกผู้พิพากษาตัดสินจำคุกถึงหกปี ทั้ง ๆที่เพียงแค่อยากสาดสีและโยนปลาตายกุ้งเน่าก็เท่านั้น!
สิ่งที่โชคร้ายที่สุดก็คือเท้าของพวกเขายังถูกแทงด้วยตะปูขนาดสามนิ้ว ต่อให้ใช้เวลาเป็นเดือนก็ไม่ดีขึ้นแน่นอน อยู่ในคุกด้วยอาการขาเดี้ยง เกรงว่าถ้าสองขานี้ใช้การไม่ได้จริง ๆ รูก้นก็ไม่อาจจะรักษาไว้ได้
“คุณหนูจ้าว พอใจกับผลลัพธ์นี้ไหม?” ทนายชื่อดังยิ้มอย่างจริงใจ อารมณ์ก็ดีไม่น้อยเพราะเขาเพิ่งได้รับเงินงวดสุดท้าย ศูนย์ไม่กี่ตัวเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนได้สัมผัสลมเบาสบายในฤดูใบไม้ผลิรอบที่สอง
วันหลังหากใครบอกเขาว่าคนแผ่นดินใหญ่นั้นยากจน เขาจะต้องใช้แปรงห้องน้ำเสียบปากคน ๆนั้นแน่นอน!
“พอใจมาก ลำบากทนายจินแย่เลย วันหลังมีโอกาสเรามาร่วมงานกันใหม่นะคะ!” เหมยเหมยพูดอมยิ้ม
ทนายจินอายุสี่สิบ ชื่อจินป๋อเหวิน เขาดูเป็นที่คนที่มีความรู้กว้างขวาง เรื่องกฎระเบียบกฎหมายต่าง ๆแค่อ้าปากก็ไหลพรั่งพรูออกมาแล้ว อีกอย่างเขายังเป็นทนายความอันดับต้น ๆของฮ่องกง มาจนถึงตอนนี้เขาเคยแพ้คดีแค่เพียงคดีเดียว อีกทั้งยังมีข่าวลือบอกว่าเขาเป็นคนยอมแพ้ด้วยตัวเอง
เพราะว่าทนายความจินคนนี้พบว่าลูกความที่เปลือกนอกดูเหมือนบริสุทธิ์ดันเป็นฆาตกรตัวจริง ทุก ๆคนถูกเขาหลอกกันหมด พอสุดท้ายทนายจินค้นพบความจริงเขาจึงจงใจแพ้คดี ลูกความของเขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
ถึงแม้ว่าจะพ่ายแพ้คดีในครั้งนี้ แต่ในทางตรงกันข้ามชื่อเสียงของทนายจินกลับโด่งดังยิ่งขึ้น
แต่ว่าทนายจินคนนี้หน้าตาธรรมดาพื้น ๆ รูปร่างสันทัดไม่สูงไม่เตี้ย ไม่อ้วนไม่ผอม ผิวดำ หากเดินท่ามกลางฝูงชนคงไม่เป็นที่เตะตา แต่ทนายจินเป็นคนนิสัยใจคอดีมาก สดชื่นร่าเริงทุกวันบวกกับความสำเร็จในหน้าที่การงานจึงทำให้มีเสน่ห์ในแบบฉบับผู้ชายขึ้นมาบ้าง
“ไม่มีปัญหา…ผมชอบทำงานกับคนใจกว้างอย่างคุณหนูจ้าว นี่คือนามบัตรของผม คุณหนูจ้าวมีเรื่องอะไรก็เรียกได้เลย ตราบใดที่คุณหนูจ้าวไม่ไปลอบสังหารผู้ปกครองสูงสุด เรื่องเล็กน้อยอื่น ๆก็พึ่งผมได้หมดเลย!”
ทนายจินยื่นนามบัตรสีทองไปให้อย่างกระตือรือร้น เขาสั่งทำเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าวีไอพี เขาชุบด้วยทองคำแท้และเสียเงินไปไม่น้อยเลย!
เหมยเหมยยื่นมือไปรับนามบัตรมา เธอไม่นึกรังเกียจคนอย่างทนายจิน ใครต่างก็รักในทรัพย์สินและเงินทอง หากแต่ต้องหามาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต พวกนี้น่าเกรงขามกว่าพวกที่ดีแต่พูด คนหน้าซื่อใจคดที่ให้ร้ายอยู่ลับหลัง แบบนี้แข็งแกร่งกว่าตั้งหลายร้อยเท่า
จินป๋อเหวินมีสีหน้าลังเลอยู่บ้าง กัดริมฝีปากอยู่หลายครั้งจึงตัดสินใจพูดว่า “คุณหนูจ้าว ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่อยากเจอคุณหนู เขาและแม่ของคุณเป็นคนรู้จักกัน”
เหมยเหมยเลิกคิ้วอย่างปละหลาดใจ เหยียนซินหย่ามีคนรู้จักอยู่ที่ฮ่องกงด้วยเหรอ?
เป็นใครกัน?
ทนายจินนิ่งชะงักไปชั่วครู่ แล้วก็พูดว่า “อันที่จริงแล้วคดีเล็ก ๆอย่างของคุณหนูจ้าวเนี่ย สำนักงานทนายความของผมไม่รับนานแล้ว เหตุผลในการรับก็เพราะเห็นแก่หน้าเพื่อน แต่การได้ทำงานกับคุณหนูจ้าวก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ”
ถึงแม้ว่าเขาจะรักในทรัพย์สินเงินทองแต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นทนายความชั้นนำที่มีฐานะ คดีไร้สาระอย่างสาดสีและโยนปลาเน่ากุ้งตายแบบนี้ ถ้าเขารับมาก็เป็นการลดฐานะตัวเองเสียเปล่า ๆ ถ้าคนรอบข้างรู้เข้ายังไม่รู้ว่าจะถูกหัวเราะเยาะลับหลังขนาดไหนเลย!
…………………………………………..
ตอนที่ 1737 ไปเจอกันที่ทะเล
“ทนายจินเพื่อนคนนี้เป็นผู้ชายหรือว่าผู้หญิงกันคะ? อายุเท่าไหร่?” เหมยเหมยนึกถึงคน ๆหนึ่งขึ้นมาจึงรีบถามอย่างร้อนใจ
“เป็นผู้หญิง เป็นเพื่อนที่ผมเจอตอนผมเรียนอยู่ที่อังกฤษ” คำตอบของจินป๋อเหวินทำให้หัวใจของเหมยเหมยเย็นลงทันที
ไม่ใช่คน ๆนั้นที่เธอนึกถึง!
แต่เธอก็ยังอยากรู้ อีกทั้งดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายต่อเธอ ไปเจอหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร
“ถ้าอย่างนั้นก็วันพรุ่งนี้ตอนบ่ายแล้วกัน ส่วนสถานที่ก็แล้วแต่เพื่อนของคุณเลย”
“ถ้าอย่างนั้นวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายสองผมจะไปรับคุณหนูจ้าว เพื่อนของผมจะรอเจอคุณหนูบนเรือสำราญกลางทะเล”
เหมยเหมยเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เรือสำราญกลางทะเลงั้นเหรอ?
“ทำไมถึงไม่หาโรงน้ำชาสักแห่งล่ะ?”
ใจของเธอเกิดอาการหวาดระแวงขึ้นมาเพราะถึงอย่างไรก็เป็นคนแปลกหน้า เธอไม่กล้าที่จะเชื่อใจ หากอีกฝ่ายขับเรือไปกลางทะเล เธอก็จะกลายเป็นเนื้อบนเขียงของฝ่ายตรงข้าม ถึงตอนนั้นเขาจะทำลูกชิ้นหรือเนื้อนึ่งก็ไม่จำเป็นต้องหารือกับเธอ
จินป๋อเหวินเห็นถึงความไม่เต็มใจของเหมยเหมย ก็อธิบายว่า “สถานะของเพื่อนผมนั้นค่อนข้างจะพิเศษหน่อย ไม่เหมาะที่จะปรากฏตัวในฮ่องกง คุณหนูจ้าววางใจได้ เพื่อนของผมแค่อยากคุยกับคุณ ไม่ได้มีเจตนาปองร้าย”
เหมยเหมยคิดไตร่ตรอง ลังเลเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้วจะตอบตกลงหรือไม่ตกลงดีนะ?
ฮ่องกงไม่ใช่ถิ่นของเหยียนหมิงซุ่น เธอจะต้องระวังทุกเรื่อง แต่เธอก็อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร วุ่นวายชะมัด!
อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ก็ดูลึกลับยิ่งกระตุ้นความอยากรู้ของเธอมากขึ้น
จินป๋อเหวินเข้าใจความกังวลของเหมยเหมย หากเปลี่ยนเป็นเขาเองก็ลังเลเช่นกัน แต่เมื่อเร็ว ๆนี้สถานการณ์ในฮ่องกงค่อนข้างตึงเครียด ลี่ลี่อันมาฮ่องกงก็เสี่ยงมากแล้วจึงไม่เหมาะที่จะปรากฏตัวในเมือง
เขาคิด ๆแล้วจึงพูดว่า “มีหมอกู้คนหนึ่งไม่ทราบว่าคุณหนูจ้าวรู้จักไหม?”
หมอกู้?
ดวงตาของเหมยเหมยเป็นประกาย จะว่าไปแล้วสุขภาพร่างกายเธอและเหยียนซินหย่าก็เป็นเพราะหมอกู้คนนี้แหละช่วยรักษาให้!
เพียงแต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาชายชราผู้นี้เดินทางไปทั่วโลก ผลุบ ๆโผล่ ๆเดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย ไม่คิดว่าเขาจะอยู่ที่ฮ่องกงด้วย!
“เพื่อนของผมก็เป็นเพื่อนกับหมอกู้เช่นกัน พรุ่งนี้หมอกู้จะไปรับคุณหนูจ้าวกับผมด้วย แบบนี้คุณหนูจ้าวคงจะวางใจได้ใช่ไหมครับ?” จินป๋อเหวินพูดยิ้ม ๆ
“ได้ พรุ่งนี้ฉันจะรอทนายจินอยู่ที่บ้านนะคะ” เหมยเหมยตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
หลังจากทนายความจินจากไป เสี่ยวอวิ๋นมีท่าทีไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง “คุณหนู คุณหนูไม่ควรตอบรับไป สถานการณ์ที่นี่วุ่นวายมาก หากว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ทะเล พวกเราจะบอกกับคุณชายหมิงว่าอย่างไร!”
ลูกน้องที่ฮ่องกงมีไม่พอ อีกทั้งเธอและเสี่ยวหลี่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ดี พวกเขาไม่กลัวความตายเพราะชีวิตของพวกเขาได้ถูกคุณหนูช่วยไว้ หากไม่มียาวิเศษที่คุณหนูให้พวกเขาคงตายในป่าเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้แล้ว
แต่ก็กลัวว่าแม้พวกเขาจะตายแล้วก็ยังไม่สามารถปกป้องคุณหนูได้ นี่คือสิ่งที่เธอกังวลที่สุด!
เหมยเหมยยิ้มและปลอบโยนเธอเบา ๆ “วางใจเถอะ หมอกู้คนนั้นเป็นเพื่อนเก่าแก่ของฉันเอง เขาไม่ทำร้ายฉันหรอก และฉันก็ยังมีฉิวฉิวอีกด้วยนะ!”
“จิ๊ดๆ”
ฉิวฉิวโผล่หัวออกมาจากกระเป๋าเป๋ของเหมยเหมย อุ้งเท้าอ้วนๆตบแขนของเสี่ยวอวิ๋น เหมือนจะให้เธอวางใจ ทำให้เสี่ยวอวิ๋นรู้สึกขบขัน ทั้งยังรู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะจริงๆ
คุณชายฉิวเก่งกาจขนาดไหนเธอพอจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว อีกอย่างหากเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ อย่างมากเธอและเสี่ยวหลี่ก็ถวายชีวิตปกป้องคุณหนูก็แค่นั้น!
จินป๋อเหวินไม่ได้กลับไปที่สำนักงานทนายความและก็ไม่ได้กลับบ้านเช่นกัน แต่ไปที่ชายหาด ขับเรือออกทะเลไปคนเดียว ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงทะเลหลวงใกล้เรือสำราญใหญ่หรูหรามาก
“ป๋อเหวิน เป็นอย่างไรบ้าง?”
รอจินป๋อเหวินขึ้นเรือ ลี่ลี่อันก็ไถ่ถามอย่างร้อนใจ ด้านข้างคือเซี่ยทิงเทาที่รอฟังอย่างร้อนใจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น