คัมภีร์วิถีเซียน 1726-1727
ตอนที่ 1726 มัจฉาสายรุ้งเหิน
แม้ว่าหานลี่ในยามนี้จะไม่อาจมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของอสูรมิคาทนได้ กลับรู้ว่าจะทำอย่างไรให้เขาในยามนี้รู้สึกถึงสิ่งที่คุกคามได้ แน่นอนว่าย่อมไม่ธรรมดา
น่าเสียดายยามนี้ไม่มีเวลาจะศึกษาอย่างละเอียด และทำได้เพียงรอให้ออกจากแดนกว้างเย็น ค่อยตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของอสูรตัวนี้ให้ละเอียด
หานลี่ขบคิดในใจ ใช้จิตสัมผัสเชื่อมโยงกับอสูรมิคาทน หลังจากที่ออกคำสั่งตักเตือน ก็นั่งขัดสมาธิ สองตาพลันปิดลงแล้วเริ่มนั่งสมาธิ
พลังปราณที่ฟื้นฟูในครั้งที่แล้วไม่มากนัก ประกอบกับพบกับการต่อสู้กับชาวเผ่าแมลงมีเขา พลังปราณในร่างจึงเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่
ดังนั้นหานลี่อยู่ในโพรงใต้ต้นไม้เป็นเวลาเจ็ดวัน ถึงจะฟื้นฟูพลังปราณมาได้เก้าส่วน
ตามความคิดเดิมของเขา แน่นอนว่าย่อมคิดจะฟื้นฟูพลังปราณทั้งหมด แล้วค่อยออกจากที่นี่
แต่ยามเที่ยงวันที่แปด ฉับพลันนั้นข้างหูพลันมีเสียงคำรามต่ำๆ ของอสูรมิคาทนดังขึ้น
หานลี่มีปฏิภาณไหวพริบเฉียบแหลม ได้สติตื่นขึ้นมาจากการฝึกฝน และเบิกตาขึ้นอีกครั้ง
ไอวิญญาณที่สับสนวุ่นวายปรากฏขึ้นรางๆ ในบริเวณใกล้เคียง และมีเสียงระเบิดดังแว่วมาจากที่ไกลๆ
ราวกับว่ามีผู้ใดกำลังต่อสู้กันกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่พลันใจเต้น แผ่จิตสัมผัสออกมาโดยไม่พูดอันใด แล้วกวาดสายตาไปด้านนอกโพรงต้นไม้
ผลคืออดที่จะมีสีหน้าแปลกประหลาดใจไม่ได้
เห็นเพียงกลางอากาศเหนือป่าลับ มีสงครามไล่สังหารระหว่างอสูรโหดเหี้ยม
อสูรประหลาดขนาดใหญ่สองตัวก็กำลังต่อสู้กันอยู่กลางอากาศเหนือขึ้นไปสองสามพันจั้ง แล้วไล่ล่ากันไปมาไม่หยุด
ตัวหน้ามีขนาดแค่สองสามจั้ง แต่เรือนกายเป็นสีทองเรืองรอง แววตาดำสนิท คาดไม่ถึงว่าจะเป็นอสูรลับระดับราชาที่เคยถูกพวกเดียวกันไล่ล่าซึ่งหานลี่เคยพบในป่าลับ
แต่ในยามนี้อสูรลับระดับราชาตัวนี้มีท่าทีจนตรอก ไม่เพียงขนบนร่างจะมีจุดไหม้เกรียมไม่น้อย ด้านหลังหางที่เคยยาว ก็หายไปกว่าครึ่ง
แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ อสูรตัวนี้ก็ยังคงมีท่าทีโหดเหี้ยมไม่ลดลงเลยสักนิด กลายเป็นเงาสีทองสายหนึ่งพุ่งหนีไปพลาง พ่นพายุใบมีดสีทองออกมาเป็นสายๆ ไม่หยุดไปพลาง
เมื่อพายุใบมีดสีทองออกห่างจากปากของอสูรลับสีทอง ก็มีขนาดสองสามฉื่อ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป มาอยู่กลางอากาศห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง แล้วสับลงมาอย่างรุนแรง
อสูรประหลาดอีกตัวด้านหลังกลับทำเป็นมองไม่เห็นพายุใบมีดสีทอง ผิวเปล่งแสงสว่างวาบ ดีดการโจมตีเหล่านี้ออกไป
ความแข็งแกร่งของอิทธิฤทธิ์ป้องกันช่างน่าตกตะลึงจริงๆ!
ส่วนอสูรประหลาดตัวนี้มีความยาวถึงสิบจั้ง เป็นอสูรประหลาดลึกลับ หัวเป็นสุกรตัวเป็นมังกรวารี
หัวเป็นสีขาวหิมะ ร่างกายเปล่งแสงสีฟ้า กลิ่นอายแข็งแกร่งกว่าอสูรลับสีทองหลายส่วน
มิน่าล่ะอสูรลับระดับราชาถึงไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ แค่บินหนีไปพลาง ต่อสู้กันไปพลาง
หานลี่เก็บอสูรมิคาทน ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลั้นลมหายใจ
สมาธิของอสูรสองตัวจดจ่ออยู่กับร่างของศัตรูที่แข็งแกร่งตรงหน้า ไม่ได้สนใจหานลี่ที่อยู่ด้านล่างเลยสักนิด
ชั่วครู่ทั้งสองตนที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลังพลันแฉลบผ่านไปเหนือป่าลับ จมหายเข้าไปในขอบฟ้าอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่พลันขมวดคิ้ว ลำแสงสีเขียวหม่นแสงลงแล้วกลับเป็นเหมือนเดิม
“อสูรลับระดับราชาตัวนี้หนีมาที่นี่ได้อย่างไร!”
แน่นอนว่าเขาย่อมรู้สึกตกตะลึง
ทว่าเขาในยามนี้เผชิญหน้ากับอสูรสองตัวกลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวนัก แน่นอนว่าก็ไม่มีทางหาเรื่องยุ่งยากให้ตนเองอย่างเปล่าประโยชน์ ถึงได้หลบซ่อนอยู่ในนี้ไม่ออกมา
แม้ว่าอสูรลับระดับราชาจะปรากฏตัวอย่างกะทันหัน แต่เป็นเพราะไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง หานลี่จึงไม่ได้ขบคิดอันใด
หลังจากผ่านความวุ่นวายไป เขาก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อ
ถึงอย่างไรเสียยามที่อสูรทั้งสองผ่านป่าลึกไปแล้วทิ้งกลิ่นอายที่แข็งแกร่งเอาไว้ จะดึงดูดอสูรโหดเหี้ยมตนอื่นๆ ในบริเวณนี้ได้
โชคดีที่ทิศทางที่อสูรทั้งสองไล่ตามกันไป คนละทางกับทางที่เขาจะไป จึงไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก
หลังจากที่เขาถอนอาคมที่ประตูแล้ว ก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งบินออกมาจากโพรงต้นไม้ แล้วออกเดินทางต่อ
ระหว่างที่กลายเป็นลำแสงหลีกหนี มือก็กุมศิลาวิญญาณระดับสุดยอดเอาไว้ ดูดซับไอวิญญาณบริสุทธิ์จากมันไม่หยุด
เชื่อว่าแม้เขาจะไม่ได้นั่งสมาธิ หลังจากนี้ไม่นาน ก็จะชดเชยพลังปราณในร่างได้จนหมด
หานลี่เดินทางทั้งวันทั้งคืน การเดินทางครั้งนี้กินเวลาหนึ่งเดือนเต็ม
ระหว่างทางนอกจากพบกับอสูรโหดเหี้ยมระดับต่ำที่ตาไร้แววแล้ว ก็ไม่ได้พบกับความยุ่งยากอันใดหรือพบกับกลุ่มคนชนต่างเผ่าอื่นๆ
แน่นอนว่าเขาย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
วันนี้หานลี่ที่อยู่ในลำแสงหลีกหนี มองเห็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่กว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตาอยู่ไกลๆ
ผิวน้ำเป็นสีฟ้าราวกับมหาสมุทร กลางอากาศที่กว้างไกลเป็นหมื่นลี้มีเมฆสีดำ เป็นภาพที่งดงามมาก
หานลี่มองเห็นทะเลสาบ มุมปากพลันหยักรอยยิ้มออกมา ในเวลาเดียวกันก็แผ่จิตสัมผัสออกไปกวาดบนผิวของทะเลสาบอย่างระมัดระวัง
หากแผนที่ชี้ไม่ผิดล่ะก็ การเดินทางครั้งนี้จะถึงเป้าหมายแล้ว
ชั่วครู่เขาก็ดึงจิตสัมผัสกลับมา
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น สายรุ้งสีเขียวทะยานไปเหนือผิวน้ำ และพุ่งไปยังส่วนลึก
หลังจากผ่านไปสองสามชั่วยาม หานลี่ก็หน้าเปลี่ยนสี ความมหึมาของทะเลสาบนี้เหนือกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ จากความเร็วที่น่ากลัวของเขาประกอบกับระยะเวลายาวนานขนาดนี้ รอบด้านก็เป็นทัศนียภาพที่กว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตาเช่นกัน
หากไม่ใช่เพราะการเดินทางครั้งนี้ แผนที่ที่พามาไม่เคยผิดพลาดเลยสักนิด เขาก็คิดว่าเข้ามาในมหาสมุทรนิรนามแล้ว
สิ่งที่ทำให้หานลี่ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจก็คือ ตั้งแต่ที่เข้ามาในเกาะทะเลสาบนี้ นอกจากมัจฉาธรรมดาๆ ที่อยู่ก้นบ่อ คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นอสูรอื่นๆ ที่หาได้ยาก
บางครั้งก็มีสองสามตัว และทั้งหมดล้วนเป็นอสูรทะเลสาบระดับต่ำที่เชี่ยวชาญการอำพรางกาย ล้วนหลบซ่อนอยู่ก้นทะเลสาบไม่เคลื่อนไหว
หากไม่ใช่เพราะจิตสัมผัสของเขาเหนือกว่าคนธรรมดา ก็คงไม่อาจพบร่องรอยของพวกมันได้ง่ายๆ
แววตาของหานลี่เปล่งประกาย ในใจเกิดความรู้สึกกังวลขึ้นมา ในเวลาเดียวกันความคิดก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์เช่นนี้เขาไม่ใช่ไม่คุ้นเคย ทะเลสาบนี้น่าจะเป็นที่มั่นของอสูรที่ร้ายกาจแปดเก้าส่วน ถึงได้มีอสูรระดับต่ำอื่นๆ ตกใจจนเตลิดหนีไป
แม้ตอนแรกเผ่าศิลารังไหมจะกำชับเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ที่นี่ปลอดภัยมาก และไม่มีอสูรโหดเหี้ยมที่แข็งแกร่งอันใด
แต่สิ่งที่พูดมันเป็นเรื่องตั้งแต่ที่แดนกว้างเย็นเปิดครั้งที่แล้ว ผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้ ที่นี่อาจจะถูกอสูรโหดเหี้ยมที่แข็งแกร่งอันใดยึดครองก็ไม่แปลก
เขาขบคิดเช่นนั้น แล้วอดที่จะรู้สึกลังเลขึ้นมาหลายส่วนไม่ได้
เพื่อวัตถุดิบหลอมอาวุธของเผ่าศิลารังไหม จะคุ้มค่ากับการเสี่ยงอันตรายหรือไม่ ดูเหมือนว่าจะต้องคิดทบทวนอีกครั้ง
ถึงอย่างไรเสียแม้ว่าเขาจะไม่ได้หนีไป ต้วนเทียนเริ่นก็เคยบอกเอาไว้ว่าจะช่วยเรื่องเขตอาคมส่งตัวขนาดใหญ่
จากตำแหน่งของเขาในเผ่าศิลารังไหม น่าจะไม่มีทางโกหก แต่เขากลัวว่าจะมีเรื่องที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น
และยิ่งไปกว่านั้นเขาใช้เวลานานเพื่อวิ่งมาที่นี่ แล้วจะหันหลังจากไปทันที แน่นอนว่าย่อมไม่ยินยอม
หานลี่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสอยู่ชั่วครู่ ความเร็วเริ่มลดลงเป็นอย่างมากอย่างไม่รู้ตัว
ในยามนั้นเองที่มองเห็นจุดสีดำอยู่อีกด้านหนึ่งของทะเลสาบ ยิ่งเข้าไปใกล้เรื่อยๆ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเกาะกลางทะเลสาบขนาดยักษ์
หานลี่เห็นเช่นนั้น แววตาพลันหรี่ลง หยุดลำแสงหลีกหนีลงเสียเลย แล้วมองออกไปยังจุดที่ไกลออกไป
เกาะนี้ดูเหมือนจะมีความกว้างพันกว่าลี้ และยิ่งไปกว่านั้นด้านบนยังมียอดเขาสูงหนึ่งยอดและเตี้ยหนึ่งยอดเรียงติดกันอยู่
ยอดเขาที่สูงหน่อยมีความสูงประมาณหมื่นจั้ง ผิวเป็นสีเทาขมุกขมัว กว่าครึ่งของยอดเขาไม่มีต้นหญ้าเลยสักนิด ยอดเขาที่เตี้ยน้อยมีความสูงสามถึงสี่พันจั้ง แต่เป็นสีเขียวมรกต มีต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่น
“ดูแล้วคงเป็นที่นั่น!” หานลี่เอ่ยพึมพำ สายตาตกไปที่ยอดเขาสีเทาลูกนั้นอย่างรวดเร็ว จ้องเขม็งไม่ยอมเลื่อนสายตาไปไหน
ภายนอกของเกาะแห่งนี้เหมือนกับในบันทึกบนแผนที่อย่างไรอย่างนั้น วัตถุดิบล้ำค่าที่เผ่าศิลารังไหมเอ่ยถึง ก็คือแร่ศิลาที่มีเฉพาะในยอดเขาสูง
แร่ศิลานี้มีแค่ในแดนกว้างเย็น และยิ่งไปกว่านั้นยังสำคัญต่อเผ่านี้เป็นอย่างมาก
ยามที่หานลี่มองอย่างใจลอยนั้น ฉับพลันนั้นก็หน้าเปลี่ยนสี สะบัดแขนเสื้อลงไปด้านล่างทันที
กระบี่เล่มเล็กสีเขียวเล่มหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพ่นออกมา
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นด้านล่างของผิวน้ำที่ดูเงียบสงบราวกับกระจกพลันมีเสียง “ปัง” ดังขึ้น เสาน้ำต้นหนึ่งพ่นออกมา ตรงมาหาหานลี่
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ เสาน้ำถูกกระบี่เล่มเล็กที่กลายเป็นลำแสงกระบี่แบ่งออกเป็นสองส่วน
“แควก” เสียงประหลาดดังขึ้น มัจฉาประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในเสาน้ำ ถูกกระบี่ลำแสงสับออกเป็นสองส่วนเช่นกัน โลหิตสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนสาดกระจายไปทั่วผิวน้ำ
หานลี่ก้มหน้าลงมอง แววตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ แล้วมองเห็นร่างของมัจฉาประหลาดอย่างชัดเจน
มัจฉาตัวนี้มีความยาวแค่สองสามฉื่อ แต่ตัวมันเป็นสีเขียวมรกต แผ่นหลังมีปีกงอกออกมา และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพิจารณาอย่างละเอียด คาดไม่ถึงว่าจะหัวจะดูคล้ายกับอสรพิษ ส่วนท้องดูเหมือนจะมีกรงเล็บบางๆ ที่ไม่อาจมองเห็นได้งอกออกมา
หานลี่หางตากระตุก คาดไม่ถึงว่าจะรู้สึกว่าเหมือนเคยได้ยินชื่อของมัจฉาประหลาดชนิดนี้มาจากที่ไหนมาก่อน ทว่ายามนั้นกลับไม่อาจนึกออก
แต่ครู่ต่อมาฉากที่ทำให้เขาตกใจจนสะดุ้งโหยงก็ปรากฏขึ้น
เมื่อซากของมัจฉาประหลาดตัวนั้นจมลงสู่ทะเลสาบ ในระยะสองสามลี้ก็มีเสียงหวีดร้องดังขึ้น
เสาน้ำพ่นออกมาจากทะเลสาบพร้อมกันมองปราดเดียวก็หนาแน่นไปหมด ไม่รู้ว่ามีกี่เสากันแน่
หลังจากที่เสาน้ำกระจายตัวออก มัจฉาประหลาดขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และใช้สายตาที่ไร้ความรู้สึกจ้องเขม็งมายังหานลี่
รูปร่างของมัจฉาประหลาดเหล่านี้และมัจฉาประหลาดที่ตายไปเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว แต่ผิวกลับเปล่งแสงห้าสีสัน และยิ่งไปกว่านั้นลำแสงวิญญาณอันสวยงามที่แผ่ออกมา ก็เผยความลึกลับออกมา
“มัจฉาสายรุ้งเหิน”
หานลี่มองเห็นฉากนี้กลับร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง ในที่สุดก็นึกประวัติความเป็นมาของมัจฉาประหลาดเหล่านี้ออก
ตอนนั้นที่เขาอยู่ในเผ่าเทียนเผิง ได้อ่านประวัติของมัจฉาชนิดมาจากในตำราโบราณเล่มหนึ่ง
อย่ามองว่าชื่อของมัจฉาประหลาดชนิดนี้ดูเหมือนน่าฟัง แต่ในอดีตชนเผ่าต่างที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรล้วนเอ่ยชื่อของมัจฉาชนิดนี้ด้วยความรู้สึกทั้งรักและเกลียด
รักก็คือแก่นดวงจิตของอสูรประหลาดชนิดนี้เป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงยาโบราณที่หายากอย่าง ‘ยาลูกกลอนเจ็ดสี’
แต่ยาลูกกลอนเจ็ดสีก็ใช้เลี้ยงดูแมลงวิญญาณโบราณโดยเฉพาะ
ว่ากันว่าหากแมลงวิญญาณกินเจ้าสิ่งนี้เข้าไปบ่อยๆ ไม่เพียงจะเพิ่มการเจริญเติบโตได้ แม้ว่าหลังจากที่โตเต็มวัยแล้ว ก็อาจจะบรรลุระดับขั้นได้อีกครั้ง ในอดีตเป็นสิ่งที่หายากเป็นอย่างมาก
สิ่งที่เกลียดก็คืออสูรประหลาดชนิดนี้ตัวมันไม่เพียงจะมีพิษประหลาด พิษที่พ่นออกมาแทบจะไม่มีสิ่งใดต้านทานได้ และยิ่งไปกว่านั้นยังชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ขอแค่พบตัวหนึ่ง อย่างน้อยก็น่าจะมีสองสามพันตัว หรือสองสามหมื่นตัว
ผู้ที่อยู่ลำพังหากพบกับฝูงอสูรนี้ นอกจากจะมีอิทธิฤทธิ์วิเศษ แปดเก้าส่วนก็ต้องเพลี่ยงพล้ำไป
ทว่าอสูรประหลาดชนิดนี้หายสาบสูญไปตั้งแต่อดีตแล้ว และอยู่แค่เพียงในบันทึกในตำราของเผ่าต่างๆ
หานลี่คิดไม่ถึงเลยว่า ยามนี้ที่อยู่ในแดนกว้างเย็นจะพบกับมัจฉาประหลาดชนิดนี้
เขาในยามนี้พลันเข้าใจชัดแจ้งขึ้นมา เหตุใดถึงไม่เห็นร่องรอยของอสูรระดับสูงในทะเลสาบ กว่าครึ่งคงถูกพิษของมัจฉาสายรุ้งเหินเหล่านี้กินไปจนหมด แล้วตกใจจนหนีเตลิดไปแล้ว
ตอนที่ 1727 เพลิงเที่ยงแท้ควบคุมศัตรู
แน่นอนว่าแม้ว่ามัจฉาสายรุ้งเหินตัวนี้จะร้ายกาจ แต่เทียบกับการหายากของมันแล้วก็ไม่นับว่ามีค่าอันใด
มิเช่นนั้นคงไม่มีทางถูกคนที่มีอิทธิฤทธิ์ในแดนวิญญาณสังหารจนหมดอย่างรวดเร็วเช่นนั้น
ยามนี้เขามาพบกับอสูรประหลาดชนิดนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ
แม้ว่าพิษของมัจฉาสายรุ้งเหินในตำนานจะบอกว่าน่ากลัวสุดๆ หานลี่ก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ทันใดนั้นก็โบกมือข้างหนึ่ง
ม่านลำแสงสีเทาชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นมาตรงหน้า มืออีกข้างหนึ่งพลิกฝ่ามือ เปลวเพลิงลำแสงห้าสีหมุนวนทะลักออกมา
ทั้งสองหมุนวนไปมา กลายเป็นม่านลำแสงห่อหุ้มร่างกายเอาไว้
จากนั้นหานลี่ก็สะบัดแขนเสื้ออย่างไม่ลังเลเลยสักนิด กระบี่สีเขียวยี่สิบสามสิบเล่มทะลักออกมาจากแขนเสื้อ หลังจากหมุนโคจรรอบด้าน เสียงกรีดร้องก็ดังออกมาแยกออกเป็นกระบี่ลำแสงสองสามร้อยสาย
ทุกสายล้วนเป็นลำแสงสีเขียว ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ ปกคลุมไปทั่วด้าน
มัจฉาสายรุ้งเหินเหล่านั้นเห็นฉากนี้ ก็ไม่รู้ว่ามัจฉาสายรุ้งเหินตัวไหนเปล่งเสียงร้องแหลมสูงออกมา
ชั่วขณะนั้นมัจฉาเหาะทั้งหมดพลันเปล่งแสงสว่างวาบ บินมาทางหานลี่ กระโจนเข้ามาอย่างดุเดือด
“ควับ”
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งพลันร่ายอาคม ปากก็ร้องคำโกนต่ำๆออกมา
กระบี่ลำแสงสองสามร้อยสายพลันสั่นเทา พ่นออกไปรอบทิศทาง ลำแสงสีเขียวหนาๆ กวาดไปทางฝูงมัจฉา
ทุกแห่งที่กระบี่ลำแสงกวาดผ่านไป มัจฉาเหาะทั้งหมดจะทยอยกันเป็นสองส่วน ซากศพกลายเป็นห่าฝนสีเขียวโปรยปรายลงมา
ชั่วพริบตามัจฉาบินพันกว่าตัวก็ถูกฟันจนตาย รอบด้านมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง!
แม้ว่ากระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาจะแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง มัจฉาบินที่กระโจนมารอบด้านก็ยังคงกระโจนมาข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่อาจฟันให้หมดไปได้
มัจฉาบินตนอื่นๆ บินมาใกล้ ปากก็ร้องออกมา ทยอยกันพ่นของเหลวสีเขียวขนาดเท่ากำปั้นออกมา โถมกันเข้ามาหาหานลี่
กระบี่ลำแสงที่กวาดออกไปรอบด้านพลันหดเล็กลง กลายเป็นดอกบัวสีเขียวยักษ์ท่ามกลางเสียงร้องอันไพเราะเพราะพริ้ง เมื่อหมุนตัว หานลี่ที่อยู่ตรงใจกลางก็ถูกบดบังด้วยม่านกระบี่
กระบี่ลำแสงสองสามร้อยสายรวมตัวกัน แล้วก่อตัวเป็นรูปร่างป้องกันตัว!
หานลี่รู้ดี ขอแค่ต้านทานการโจมตีจากพิษของมัจฉาสายรุ้งเหินได้เท่านั้น การสังหารมันทั้งหมดย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ถึงอย่างไรเสียมัจฉาสายรุ้งเหินก็มีที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นก็คือพิษที่พ่นออกมา
แม้ว่าเขาจะมีพลังยุทธ์เพิ่มขึ้น แต่จะต้านทานพิษในตำนานได้หรือไม่ ก็ไม่มั่นใจเช่นกัน
ทว่าหากไม่ลองดู แน่นอนว่าย่อมไม่ยินยอม
ว่ากันว่ายาลูกกลอนเจ็ดสีนั่นมหัศจรรย์มาก มีประโยชน์กับแมลงกลืนทองเป็นอย่างมาก ทำให้แมลงกลืนทองมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้นขั้นหนึ่ง บางทีก็คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงอันตรายดู
เขามั่นใจว่าจะมีอาวุธในการป้องกันอยู่หลายชนิด ประกอบกับอิทธิฤทธิ์ติดตัว ต่อให้สถานการณ์ผิดปกติ ก็หนีได้อย่างแน่นอน
ยามนี้กลีบชั้นนอกสุดของดอกบัวยักษ์สีเขียวพลันบานออก กลีบสีเขียวกลายเป็นม่านกระบี่สีเขียว ดูแล้วงดงามเป็นอย่างยิ่ง
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น!
ของเหลวสีเขียวทยอยกันโจมตีไปยังกลีบดอกบัว ดูเหมือนการป้องกันตัวที่ไร้ช่องโหว่ คาดไม่ถึงว่าจะพ่นควันสีเขียวออกมา จากนั้นก็ปรากฏรูขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันขึ้น
ม่านกระบี่สีเขียวพลันเปลี่ยนเป็นรูพรุน!
พิษที่มัจฉาเหาะเหล่านี้พ่นออกมา แม้แต่กระบี่ลำแสงที่สร้างขึ้นจากกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาก็ยังถูกหลอมละลายได้อย่างง่ายดาย ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
หานลี่พลันตกตะลึง ใบหน้ากลับไม่ได้เผยความหวาดผวาอันใดออกมา
แม้ว่ากระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาจะได้รับความเสียหาย แต่จากอิทธิฤทธิ์ที่มหัศจรรย์ของกระบี่เล่มนี้ แน่นอนว่าย่อมฟื้นฟูกลับคืนได้
แต่หลังจากที่ของเหลวสีเขียวและเปลวเพลิงห้าสีสัมผัสกัน คาดไม่ถึงว่าจะหมุนวนแล้วหลอมละลาย ในที่สุดแววตาของเขาก็เผยแววเคร่งขรึมออกมา อาคมในมือเปลี่ยนไปอีกครั้ง
เปลวเพลิงลำแสงห้าสีเปล่งแสงสว่างวาบ เริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นพายุหมุนห้าสี ของเหลวสีเขียวจำนวนไม่น้อยที่พุ่งเข้ามาทยอยกันดีดตัวออก
แต่มัจฉาสายรุ้งเหินรอบด้านมีมากเกินไป พิษที่พ่นออกมาก็มีมากมายจนนับไม่ถ้วน
แม้ว่าอานุภาพของเปลวเพลิงลำแสงห้าสีจะถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด แต่ก็ยังถูกกวาดออกไป เผยม่านลำแสงสีเทาชั้นในสุดออกมา
ของเหลวสีเขียวที่พ่นออกมาเปล่งเสียง “พรึ่บๆ”
หางตาของหานลี่กระตุก ฉับพลันนั้นพลันแค่นเสียงอย่างเย็นชา อ้าปากออก พ่นเปลวเพลิงสีเงินขนาดเท่ากำปั้นออกมาจากปาก
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น เปลวเพลิงสีเงินเปล่งแสงเจิดจ้า จนมีขนาดสองสามจั้ง หมุนวนแล้วกลายเป็นวิหคเพลิงยักษ์ตัวหนึ่ง
“ไป” หานลี่ชี้นิ้วอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
วิหคเพลิงสีเงินสยายปีกออก เงยหน้าขึ้นเปล่งเสียงร้องอันไพเราะ สยายปีกทั้งสองข้างออก แล้วกระโจนเข้ามาในม่านลำแสงสีเทา
ผลคือเปลวเพลิงสีเงินพลันเปล่งแสงสว่างวาบ พิษประหลาดเหล่านั้นไม่อาจเทียบกับการโจมตีด้วยของเหลวสีเขียวของวิหคเพลิงสีเงินได้ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นหมอกหลากสีสันราวกับมีฤทธิ์ต้านทานกัน กระจายตัวออก คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจทำอันใดกับวิหคเพลิงขนาดยักษ์ได้
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ก็รู้สึกดีใจ ยามที่กำลังคิดจะกระตุ้นวิหคเพลิงสีเงิน
มัจฉาเหาะส่วนหนึ่งก็เปล่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา จากนั้นของเหลวที่พ่นออกมาก็ถูกกระตุ้นแล้วรวมตัวกันที่ตรงกลาง
ชั่วพริบตาของเหลวพิษสายหนึ่งก็กลายเป็นงูเหลือมยักษ์สีเขียว มีความยาวเจ็ดแปดจั้ง ท่าทางดูเสมือนจริง
ร่างของงูเหลือมพิษโค้งงอ แล้วพาวิหคยักษ์สีเงินกระโจนเข้ามาพร้อมกับกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ส่วนวิหคเพลิงนั้นแน่นอนว่าย่อมไม่สำแดงความอ่อนแอออกมา กระพือปีกสองสามครั้ง แล้วอ้าปากออกพ่นเปลวเพลิงลำแสงสีขาวนวลแสบตาออกมา
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นวิหคเพลิงกลืนวิญญาณที่กลืนกินเพลิงเที่ยงแท้สีทองดำจากชีพจรภูเขามารสีทองเข้าไปในตอนแรก
เมื่อเพลิงนี้โจมตีเข้ากับงูเหลือมพิษ คาดไม่ถึงว่าจะขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าราวกับน้ำมัน แล้วกลืนกินงูเหลือมยักษ์เข้าไปในทะเลเพลิง
ชั่วพริบตานั้นงูเหลือมพิษก็ร้องคร่ำครวญอยู่กลางเปลวเพลิงสีขาวแล้วหายวับไป
ยามนี้หานลี่พลันร้องตะโกนออกมาอีกครั้ง มือหนึ่งร่ายอาคม ชี้ไปทางวิหคเพลิงสีเงิน
ผิวของวิหคเพลิงขนาดยักษ์มีขนนกเปลวเพลิงหมุนวน คาดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนจากสีเงินกลายเป็นสีขาวนวล
ครู่ต่อมาเสียง “ตูม” ก็ดังสนั่นขึ้น!
วิหคเพลิงจะระเบิดตัวออก เพลิงบางๆ จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
ของเหลวที่เดิมกระจายไปทั่วทุกสารทิศ ถูกเส้นไหมเปลวเพลิงเหล่านี้ทะลวงผ่าน ก็ทยอยกันกลายเป็นดวงเพลิงระเบิดตัวออก
ชั่วพริบตาพิษการโจมตีของมัจฉาสายรุ้งเหินก็หยุดชะงัก!
และม่านลำแสงสีเทาที่ถูกหลอมละลายไปกว่าครึ่ง ก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิมในชั่วพริบตา
ในที่สุดหานลี่ก็ถือโอกาสนี้ผ่อนมือลง นิ้วทั้งสิบร่ายอาคมชี้ไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่บินยาวสองสามฉื่อพลันหายวับไป ครู่ต่อมาก็มาปรากฏตัวขึ้น
จากนั้นก็ถูกหานลี่ใช้พลังทั้งหมดกระตุ้น ล้วนกลายเป็นกระบี่ลำแสงเป็นชั้นๆ และพุ่งไปทุกๆ ด้าน
แม้ว่าปากของมัจฉาสายรุ้งเหินเหล่านั้นจะยังคงพ่นพิษออกมาไม่หยุด แต่ภายใต้การเริงระบำของเส้นไหมเพลิงสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วน ก็ไม่อาจคุกคามกระบี่ลำแสงสีเขียวได้
หลังจากที่ไม่มีความน่ากลัวของพิษ กระบี่ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ขวางเป็นแนวนอนท่ามกลางฝูงมัจฉาเหาะ พลังยุทธ์ของมัจฉาเหาะระดับที่สูงหน่อยก็ยังพอต้านทานได้ครั้งสองครั้ง มัจฉาสายรุ้งเหินที่ระดับต่ำน้อยล้วนไม่อาจหลบหลีกได้ ทยอยกันกลายเป็นซากศพร่อนลงมาเป็นชิ้นๆ
เช่นนั้นเพลิงเที่ยงแท้กลืนวิญญาณที่กลายเป็นเส้นไหมเพลิงและกระบี่ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนที่คอยช่วยเหลือ หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยน้ำชา มัจฉาสายรุ้งเหินสี่ห้าหมื่นตัวก็ถูกหานลี่สังหารไปจนเกลี้ยง
แต่เขาพลันใช้มือหนึ่งกวักเรียกกระบี่ลำแสงและเพลิงเที่ยงแท้กลืนวิญญาณกลับมา กลางอากาศพลันว่างเปล่า แต่หลังจากกวาดสายตาไปด้านล่าง เขากลับอดที่จะตกตะลึงไม่ได้!
บนผิวน้ำนอกจากซากของมัจฉาสายรุ้งเหินแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะมีซากศพของมัจฉาชนิดอื่นหงายท้องลอยอยู่บนผิวน้ำด้วย
มองจากไกลๆ ผิวน้ำในบริเวณรอบมีแต่สีขาวเผยความแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่งออกมา!
หานลี่กะพริบตาปริบๆ หลังจากมองไปยังสีเขียวอ่อนในทะเลสาบใกล้ๆ ก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
แม้ว่าพิษที่มัจฉาสายรุ้งเหินพ่นออกมาก่อนหน้าส่วนใหญ่จะถูกเพลิงเที่ยงแท้กลืนวิญญาณทำให้หายไป แต่ก่อนหน้านั้นก็มีจำนวนไม่น้อยที่ถูกดีดออก ผลคือตกลงสู่ทะเลสาบ คาดไม่ถึงว่าพิษจะทำให้มัจฉาทั้งหมดในบริเวณรอบจบชีวิตลงไม่น้อย
แม้ว่าเขาจะเข้าใจความแข็งแกร่งของพิษเหล่านั้น แต่ฉากบนผิวน้ำก็ยังทำให้เขาใจหายวาบ
หากไม่ใช่เพราะเขาฝึกฝนเพลิงเที่ยงแท้กลืนวิญญาณ แม้ว่าจะมีวิธีอื่นกำจัดมัจฉาเหาะเหล่านี้ แต่ขั้นตอนก็ไม่ได้ง่ายดายเหมือนก่อนหน้า กว่าครึ่งก็ต้องไม่เสียดายจิตสัมผัสควบคุมแมลงกลืนทองหรือใช้ใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬอีกครั้ง ผลลัพธ์จากการใช้ทั้งสองวิธีนี้ ไม่น้อยเลยจริงๆ
หากไม่ถึงตาจนจริงๆ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่นำออกมาใช้ง่ายๆ
หานลี่ขบคิดในใจ พลันสะบัดแขนเสื้อไปด้านล่าง
ชั่วขณะนั้นลำแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งพลันพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลายเป็นเด็กผู้หญิงถักเปียเล็กๆ คนหนึ่ง
“คารวะนายท่าน! ไม่ทราบว่านายท่านมีรับสั่งอันใด?”
เด็กหญิงย่อมเป็น “ฉวี่เอ๋อร์” เมื่อปรากฏตัวขึ้นก็หัวเราะคิกคักพลางคารวะหานลี่แล้วเอ่ยถาม
“เจ้าไปเก็บแก่นดวงจิตในหัวของมัจฉาประหลาดเหล่านี้มา ยามที่ลงมือเมื่อครู่ ข้าตั้งใจไม่ทำให้มันได้รับความเสียหาย หลังจากทำเสร็จแล้ว ก็มาหาข้าที่เกาะ” หานลี่ออกคำสั่งอย่างราบเรียบ
“เจ้าค่ะ”
ฉวี่เอ๋อร์รับปากแล้วสั่นหัวไหล่ พุ่งแหวกอากาศไป
ใบมีดเย็นเยียบจำนวนนับไม่ถ้วน เปล่งเสียง “พรึ่บๆ” ออกมาจากแผ่นหลังของเด็กหญิง จากนั้นก็หมุนวนโคจรแล้วทยอยกันพุ่งลงไปในผิวน้ำ
เด็กหญิงเองก็เคลื่อนไหวร่างกาย พุ่งไปที่ผิวน้ำด้านล่าง
หานลี่กลายเป็นลำแสงหลีกหนี เป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งไปยังเกาะที่อยู่ไกลออกไป
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ลำแสงหลีกหนีพลันหม่นแสงลง ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือยอดเขาสีเทา
หรี่ตาทั้งสองข้างลง เขากวาดมองยอดเขาด้านล่าง
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ถึงได้พลิกฝ่ามือ ในมือมีจานทรงกลมเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ
หานลี่ก้มหน้าลงมองแวบหนึ่ง นี่คือยุทธภัณฑ์ที่เผ่าศิลารังไหมมอบให้เขาก่อนออกเดินทาง แล้วพลันเลิกคิ้วเล็กน้อย
อ้าปากออกพ่นไอสีเขียวออกมา ห่อหุ้มจานทรงกลมสีทองเอาไว้
เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไป ไอสีเขียวจมหายเข้าไปในจานอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นเขาพลันชูมือขึ้นอีกข้าง อาคมสีขาวสายหนึ่งโจมตีออกไปยังอาวุธเช่นกัน
ความเปลี่ยนแปลงพลันปรากฏขึ้น!
จานทรงกลมสีทองเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ เสียงอึกทึกดังขึ้น อักขระสีเงินเป็นสายๆ ปรากฏขึ้นในจาน
จากนั้นอาวุธนี้ก็สั่นคลอน คาดไม่ถึงว่าจะหลุดออกจากนิ้วทั้งห้าของหานลี่ กลายเป็นลำแสงสีทองร่อนลงมายังยอดเขาด้านล่าง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น