คัมภีร์วิถีเซียน 1723-1725
ตอนที่ 1723 เฉียนคุนกลับตาลปัตร
ชายหนุ่มเผ่าแมลงมีเขาย่อมไม่รู้ว่าหานลี่นั้นดีใจเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าหลังจากที่ร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ถูกพลังลึกลับหลอมไปแล้วจะต้องไม่เหมือนกับอดีต แต่ก็คิดไม่ถึงว่าแค่ลองทดสอบ ร่างทองก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ออกมา
คาดไม่ถึงว่าจะสามารถชิงสมบัติของอีกฝ่ายได้!
แม้ว่าการแย่งชิงนี้จะเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ และยิ่งไปกว่านั้นที่แย่งชิงมาก็ไม่ใช่สมบัติประจำกายของอีกฝ่าย แต่ก็ทำให้ตกตะลึงได้ไม่น้อยแล้ว
หานลี่ฝืนระงับความดีใจเอาไว้ มือหนึ่งตบไปที่หน้าผาก
เสียง “สวบ” ดังขึ้น ลำแสงสีดำลูกหนึ่งบินออกมาจากศีรษะของเขา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างทอง
ใบหน้าของร่างทองเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นร่างกายพลันพลิ้วไหว แล้วจมหายเข้าไปในม่านลำแสงสีเขียวพลางหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่พลันเอ่ยปากตอบรับ พ่นเปลวเพลิงสีเงินออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป จมหายวับเข้าไปในม่านลำแสง
ชายหนุ่มเขาทองในเขตอาคมกระบี่ที่เดิมมีสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวพลันร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว หมายจะเรียกไม้สีเงินนั้นกลับมา แต่หลังจากพบการกระทำของร่างทองและหานลี่ ใบหน้าพลันซีดขาว ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเย็นชาดังเดิม
เขาพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา กระจายอาคมในมือออก เสียงร้องตะโกนดังขึ้น สั่นหัวไหล่ แผ่นหลังมีเทวรูปยักษ์สีฟ้าปรากฏออกมา
เทวรูปนี้สูงห้าหกจั้ง แต่เรือนกายกลับเต็มไปด้วยเกล็ด สองตาแดงสดดุจโลหิต เหนือศีรษะและแขนขาทั้งมีกระดูกแหลมราวกับเขาวัวงอกออกมาเต็มไปหมด ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ!
สองมือของเทวรูปจะถือสมบัติประหลาดๆ เอาไว้ข้างละชิ้น
ชิ้นหนึ่งคือค้อนประหลาดด้ามยาวมีหัวอสูรประหลาดสามหัวสลักอยู่
อีกชิ้นหนึ่งคือกระจกใสแจ๋ว แต่พลันมีป้ายโล่สามเขาม้วนวนออกมาจากเปลวเพลิงสีแดงสด
ชายหนุ่มหรี่ตาทั้งสองข้างลง มือหนึ่งร่ายอาคมประหลาดๆ ออกมา พลางบริกรรมคาถาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มเผ่าแมลงมีเขาผู้นี้ เห็นอิทธิฤทธิ์ของหานลี่เหนือกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ ในที่สุดก็โยนความดูแคลนแต่เดิมทิ้งไปอย่างไร้ร่องรอย
ในที่สุดก็เริ่มจะเอาจริงเอาจังแล้ว
ทว่าในเมื่อเขาถูกเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ล้อมเอาไว้ หานลี่จะปล่อยให้เขาสำแดงออกมาง่ายๆ ได้อย่างไร
หลังจากที่หานลี่มีสีหน้าเย็นชาฉายแวบผ่าน ก็กระตุ้นคาถากระบี่ในใจอีกครั้ง
ท่ามกลางม่านลำแสงสีเขียวรอบๆ เขตอาคมกระบี่ ลำแสงพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ดอกบัวสีเขียวทยอยกันทะลักออกมา จากนั้นก็กลายเป็นเงาดอกบัวจำนวนนับไม่ถ้วนบินเข้าไปในเขตอาคมกระบี่
ยามนั้นทั้งเขตอาคมกระบี่ล้วนเต็มไปด้วยดอกบัวสีเขียวที่กำลังเริงระบำ ดอกบัวน้อยใหญ่ บางดอกตูม บางดอกบาน และบางดอกกำลังผลิกลีบ สิ่งที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือชั่วพริบตาที่ดอกบัวสีเขียวปรากฏตัว กลิ่นอายเข้มข้นก็ตลบอบอวลไปทั่วเขตอาคมกระบี่ และทำให้ทัศนียภาพตรงหน้าดูเหมือนภาพลวงตา หากไม่ระวังก็อาจจะตกอยู่ในทัศนียภาพอันงดงามจนไม่อาจถอนตัวได้
ทว่าชายหนุ่มเขาสีทองมองดอกบัวสีเขียวเหล่านั้น ก็ไม่ได้ถูกทัศนียภาพอันงดงามหลอกลวง กลับกลอกตามองเครื่องมือสังหารที่ซ่อนอยู่ในดอกบัวสีเขียวเหล่านั้นออก สีหน้าเคร่งขรึม เทวรูปสีฟ้าที่ปรากฏตัวขึ้นที่แผ่นหลังทำให้ดอกบัวสีเขียวที่กำลังร่อนลงมาสั่นเทา
หัวของอสูรประหลาดสามหัวฝังอยู่บนค้อน สองตาลืมขึ้นอ้าปากออกอีกครั้ง
พายุหมุนสีขาว ทะเลเพลิงสีแดงสด ประจุไฟฟ้าสีเงินทะลักออกมาจากค้อน
เพลิงอาศัยพลังพายุ พายุอาศัยหางอัสนี ชั่วพริบตาทั้งสามก็กลายเป็นคลื่นยักษ์สามสี ม้วนวนไปกลางอากาศอย่างดุดัน
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ดอกบัวสีเขียวที่กำลังเริงระบำเหล่านั้นก็เปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ กลายเป็นเงากระบี่สีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
กระบี่ลำแสงและระลอกคลื่นลำแสงสามสีโจมตีเข้าด้วยกัน
แม้ว่าด้ามค้อนยาวเหล่านี้จะเป็นสมบัติวิเศษที่หายากมาก แต่กระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาทั้งเจ็ดสิบสองเล่มก็มีอานุภาพที่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาขั้นต้นไม่อาจเทียบเทียมได้ เมื่อพลังยุทธ์ของหานลี่เพิ่มขึ้นในยามนี้และได้อาศัยพลังของเขตอาคมกระบี่ช่วยเหลือ
แม้ว่าจะเป็นแค่เงากระบี่ที่ปล่อยออกมาจากกระบี่บินทั้งหมด แต่ทุกสายก็มีอานุภาพไม่ด้อยไปกว่ากระบี่บินที่แท้จริง หลังจากที่กระหน่ำลงมาราวกับพายุฝน คาดไม่ถึงว่าจะทำให้ระลอกคลื่นยักษ์ทั้งสามสีล่าถอยไป ยามนั้นไม่อาจต้านทานได้
ชายหนุ่มพลันตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา
เทวรูปสีฟ้าขยับแขน โยนโล่สามเขาไปกลางอากาศ
สมบัติที่แค่มองก็รู้ว่าคือธาตุเพลิง หมุนวนรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นเพลิงเมฆาขนาดสองสามหมู่ รองด้านบนเอาไว้
ภายใต้เมฆาเพลิงที่กำลังหมุนวน กำปั้นเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนและหมอกลำแสงสีแดงสดก็ม้วนวนเข้าด้วยกัน
เงากระบี่จำนวนนับไม่น้อยสัมผัสกัน ชั่วพริบตาก็ถูกพลังของเมฆาเพลิงทำให้หายวับไป
อุณหภูมิของเขตอาคมกระบี่เปลี่ยนไป ราวกับทำให้คนตกอยู่ในเตาหลอมอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเมฆาเพลิงร่วมมือกันระลอกคลื่นสามสีที่ปล่อยออกมาจากค้อนประหลาด ก็ปกป้องชายหนุ่มเอาไว้อย่างแน่นหนา ปล่อยให้พายุหมุนกระบี่ลำแสงกระหน่ำลงมา แต่กลับไม่ต้านทานเอาไว้ไม่ปล่อยให้ตกลงมาเลยสักสาย
ราวกับแข็งแกร่งมากจนไม่สามารถทำให้แตกได้อย่างไรอย่างนั้น!
และในยามนั้นเองม่านลำแสงสีเขียวด้านหลังของชายหนุ่มก็แยกออก มือยักษ์สีทองข้างหนึ่งตะปบออกมาราวกับพัด
มือยักษ์ไม่ทันได้ตะปบไป นิ้วทั้งห้าก็เปล่งเสียง “สวบ” ดังออกมา พลังมหาศาลไร้รูปร่างห่อหุ้มมาที่ชายหนุ่มเผ่าแมลงมีเขา
ชายหนุ่มรู้สึกเพียงว่าอากาศตึงแน่น รอบด้านเปลี่ยนเป็นเหมือนกับเหล็กกล้าอย่างไรอย่างนั้น รัดร่างกายของเขาเอาไว้แน่น ภายใต้การดิ้นรนนั้นกลับไม่ขยับเลยสักนิด
มือสีทองพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วมาอยู่เหนือศีรษะของเขา และตะปบลงมาอย่างไม่เกรงใจ
ในเวลาเดียวกัน ม่านลำแสงสีเขียวอีกด้านก็เปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ วิหคเพลิงสีเงินขนาดสองสามจั้ง สยายปีกออกแล้วพุ่งออกมา อ้าปากออก พ่นเปลวเพลิงสีเงินออกมา
เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ ชายหนุ่มเผ่าเขาแมลงกลับมีสีหน้าไม่ร้อนรนเลยสักนิด แม้กระทั่งมุมปากยังเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา ปากพลันบริกรรมคาถาไม่หยุด พ่นเปลวเพลิงเจ็ดสีออกมา
ลำแสงวิญญาณเจ็ดสีหมุนวนโคจร ระฆังโปร่งใสสีขาวหิมะปรากฏขึ้น
เสียง “เคร้ง” ราวกับเสียงวิหคเพรียกดังขึ้น เรื่องที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏออกมา
ชั่วพริบตาที่หานลี่ซึ่งอยู่นอกเขตอาคมกระบี่ ได้ยินเสียงเพรียกนั้น สติสัมปชัญญะก็สั่นคลอน จากนั้นทัศนียภาพรอบด้านก็รางเลือน ไม่รู้เพราะเหตุใด คาดไม่ถึงว่าหัวจะตกลงพื้น สองเท้าชี้ขึ้นฟ้า
ไม่ใช่แค่นั้นทั้งเขตอาคมกระบี่รวมทั้งทุกอย่างในเขตอาคมกระบี่ล้วนมีเรื่องประหลาดเช่นนี้เกิดขึ้น
กระบี่ลำแสงที่เดิมพุ่งลงไปด้านล่าง พลันเอียงไป กลับพุ่งไปด้านข้างม่านลำแสงสีเขียว ระเบิดเสียงดังสนั่นออกมา
และเมื่อเห็นมือยักษ์สีทองร่อนลงมาที่หน้าผากของอีกฝ่าย อากาศด้านหลังก็บิดเบี้ยวอย่างไม่รู้สาเหตุ ชายหนุ่มเขาสีทองหายวับไป กลับมีวิหคเพลิงสีเงินปรากฏขึ้นด้านล่างห่างออกไปสิบกว่าจั้งแทน
มือสีทองตะปบไปที่ขนนกเพลิงยาวสองสามเส้นของวิหคยักษ์สีเงิน
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น เปลวเพลิงสีเงินม้วนวนมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ห่อหุ้มฝ่ามือสีทองเอาไว้ข้างใน
ส่วนวิหคตัวนี้พลันพ่นเปลวเพลิงสีเงินออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปที่ใดก็สุดจะรู้ได้
หานลี่อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ ไม่ทันได้ขบคิดร่างกายพลันพลิ้วไหว ทันใดนั้นก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
ในยามนั้นเองเสียงกรีดร้องพลันดังขึ้น เขตอาคมกระบี่ทั้งเขตราวกับได้รับผลกระทบจากพลังลึกลับ ม่านลำแสงสีเขียวบิดเบี้ยว ทันใดนั้นก็ปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ลำแสงสีเขียวหม่นแสงลง หลังจากที่บรรยากาศรอบด้านพลิ้วไหว ก็เผยกระบี่บินสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มออกมา
คาดไม่ถึงว่าเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์จะถูกสับออกอย่างง่ายดายเช่นนี้
ร่างทองและวิหคเพลิงสีเงินกลับนิ่งงันอยู่ที่เดิมอย่างตกตะลึง ยามนั้นล้วนมีท่าทีทำอันใดไม่ถูก
ฉากนี้ทำให้หานลี่พลันตกตะลึง
ระฆังใบนั้นเป็นสมบัติอันใด คาดไม่ถึงว่าจะมีอิทธิฤทธิ์เฉียนคุนกลับตาลปัตรในตำนาน ยามที่ระฆังดังขึ้น เขาดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงพลังของหลักเกณฑ์แฝงอยู่
“หรือว่าสมบัติชิ้นนี้จะเป็น…”
หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปสองสามครั้ง ทว่าถึงอย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนธรรมดา รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ กวาดมองอากาศรอบด้านในรัศมีสองสามร้อยจั้งทันที
ผลคือสายตาพลันหดเล็กลง จ้องเขม็งไปยังจุดที่ไร้ผู้คน หว่างคิ้วมีไอสีดำปรากฏขึ้น เทวรูปสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกปรากฏขึ้นในทันที
เสาลำแสงขนาดเท่าหัวแม่มือเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพ่นออกมา พลางพลิ้วไหวแล้วจมหายไปกลางอากาศ
หลังจากเสียง “ตูม” ดังขึ้น ชายหนุ่มเขาสีทองก็ซวนเซไป ร่างที่ค่อนข้างจนตรอกปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
“เนตรทำลายล้าง”
เมื่อชายหนุ่มเห็นดวงตาปีศาจที่สามตรงหว่างคิ้วของหานลี่ ก็ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
ร่างของเขามีเกราะสงครามสีฟ้าปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ เมื่อยืนได้อย่างมั่นคง ก็สะบัดแขนเสื้อ
ลำแสงสีฟ้าที่แผ่นหลังเปล่งแสงสว่างวาบ เทวรูปยักษ์ถือสมบัติสองชิ้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ชายหนุ่มตะปบมือไปกลางอากาศ ลำแสงวิญญาณเจ็ดสีเปล่งแสงสว่างวาบ ระฆังสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏขึ้น และถูกมันใช้มือรองเอาไว้
ชั่วพริบตาที่ระฆังอยู่ในมือของเผ่าแมลงมีเขาผู้นี้ สีหน้าตกตะลึงพลันหายไป กลับมองหานลี่ด้วยแววตาที่เปล่งประกายไม่หยุด
หานลี่มีสีหน้าไร้ความรู้ ร่างทองและวิหคเพลิงกลืนวิญญาณกวักมือ ชั่วขณะนั้นทั้งสองพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ล้วนมาปรากฏตัวข้างกายอย่างแปลกประหลาด
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น กระบี่บินสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มที่ลอยอยู่กลางอากาศก็สั่นเทา ฉับพลันนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวยี่สิบสามสิบสายอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน ตรงไปหาชายหนุ่มเผ่าแมลงมีเขา
เสียงแหวกอากาศดัง “สวบๆ” ดังขึ้น กระบี่ลำแสงเจ็ดสิบสองเล่มย้ายมาอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มในทันที และสับลงมาอย่างรุนแรง
ความเร็วของกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาทำให้ชายหนุ่มเขาทองตากระตุก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ลำแสงจำนวนมากขนาดนี้กลับไม่คิดจะรออันใด แค่ยื่นนิ้วออกไปดีดระฆัง
เสียง “เคร้ง” ดังขึ้น ระลอกคลื่นสีขาวทะลักออกมาจากระฆัง พุ่งไปหากระบี่ลำแสงยี่สิบสามสิบสาย
เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน กระบี่ลำแสงยี่สิบสามสิบสายพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วทยอยกันหยุดชะงักกลับคืนร่างเป็นกระบี่บินยาวสองสามฉื่อดังเดิม จากนั้นก็สยายระลอกคลื่นออกมาอีกครั้ง กระบี่บินทั้งหมดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างเงียบเชียบ สุดท้ายก็หายวับไป
หานลี่มองเห็นทุกอย่างก็มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่รูม่านตากลับหดเล็กลง
เมื่อครู่เขาใช้อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณมองเห็นอย่างชัดเจน
ตั้งแต่ที่ระฆังปล่อยระลอกคลื่นสีขาวอันใดนั่นออกมา นั่นเกิดจากลำแสงในรอยแยกของห้วงมิติเวลาจำนวนนับไม่ถ้วนเท่านั้น
รอยแยกเหล่านี้และรอยแยกห้วงมิติเวลาธรรมดาๆ นั้นไม่เหมือนกัน ภายใต้การควบคุมของระฆังนั้นมันปรากฏขึ้นแล้วหายวับไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่ากระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาจะแหลมคมมาก แต่จะต้านทานความแหลมคมของพลังห้วงมิติเวลาได้อย่างไร ชั่วพริบตาก็ถูกสับออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ตอนที่ 1724 อานุภาพของวานรยักษ์
แค่โจมตี กระบี่บินทั้งหมดก็พังทลาย ชายหนุ่มเขาสีทองไม่มีเจตนาจะหยุด หลังจากระฆังสีขาวเปล่งเสียงร้องกังวานอีกสองครั้ง ระลอกคลื่นสีขาวโพลนที่หมุนวนก็ปรากฏขึ้น
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น เทวรูปที่แผ่นหลังของชายหนุ่มก็สำแดงสมบัติสองชิ้นในมือออกมา อ้าปากออกพ่นไอสีดำวนล้อมรอบร่างกายของเขาเอาไว้
เสียงกรีดร้องโหยหวนของภูตผีดังขึ้น เส้นไหมสีเขียวมรกตจำนวนนับไม่ถ้วนในไอสีดำปรากฏขึ้นรางๆ แผ่กลิ่นอายคละคลุ้งออกมา
การลงมือของชายหนุ่มเขาสีทองในครั้งนี้ คาดไม่ถึงว่าจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ออกมาในเวลาเดียวกัน ส่วนใหญ่ล้วนมีเจตนาสังหารหานลี่
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็พลันใจหายวาบ
สำหรับการโจมตีอื่นๆ ยังไม่ทันวางใจ แต่การโจมตีด้วยอิทธิฤทธิ์ห้วงเวลาที่ระฆังสีขาวส่งออกมา เขากลับรู้สึกหวาดกลัว
ทว่าเป็นเพราะพลังปราณยังไม่ฟื้นฟูกลับมา เขาจึงไม่มีเจตนาจะต่อสู้พัวพันอยู่ที่นี่นานนักเช่นกัน เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ร่ายคาถาทันที
ร่างทองที่อยู่ด้านข้างเปล่งแสงสีม่วงทองออกมา เปล่งเสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤต อักขระสีม่วงลอยโคจรอยู่ท่ามกลางลำแสงสีทอง
แขนข้างหนึ่งเริ่มรางเลือน แล้วตะปบไปกลางอากาศ ใบมีดสั้นสีทองปรากฏขึ้นในมือของเขา
ใบมีดชำรุดเปล่งเสียงครวญออกมา!
พลังปราณฟ้าดินในรัศมีสองสามลี้เปล่งเสียง “ตูม” ออกมา ราวกับถูกเรียกหาจนระเบิดออก ทยอยกันกลายเป็นหมอกลำแสงห้าสีปรากฏขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นม่านลำแสงห้าสีปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า
และเป็นเพราะที่นี่อยู่ในแดนกว้างเย็น ถึงได้ทำให้ไอวิญญาณฟ้าดินมีปรากฏการณ์ที่น่าตกตะลึงเช่นนี้
ม่านลำแสงมีไอวิญญาณที่น่าตกตะลึงผสมอยู่ ทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอดที่จะหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้
แต่ไม่รอให้เขาได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใด ร่างทองก็มีไอวิญญาณหมุนวนโคจรไปมาไม่หยุด หมอกลำแสงสีทองไล่ไปตามแขนแล้วทะลักเข้าไปในใบมีดสีทอง
เดิมร่างทองมีความสูงประมาณสองจั้ง หลังจากกะพริบวาบๆ คาดไม่ถึงว่าจะเตี้ยลง
ใบมีดสั้นชำรุดที่เดิมเปล่งแสงสีทองออกมา พลันรางเลือน คาดไม่ถึงว่าจะสร้างภาพลวงตาใบมีดที่สมบูรณ์แบบออกมา
ข้อมือที่ถือใบมีดสั่นเทาเล็กน้อย เสียงร้องที่ดังออกมาจากใบมีดสีทองหยุดชะงัก แต่ม่านลำแสงห้าสีกลางอากาศกลับหมุนคว้าง ทะลักลงมาด้านล่าง แล้วทยอยกันจมหายเข้าไปในใบมีดสีทอง
แค่สองสามชั่วลมหายใจ ใบมีดสีทองก็ดูเหมือนจะถูกดูดเข้าไปในม่านลำแสงจนเกลี้ยงราวกับหลุมที่ไม่มีบ่อ
ใบมีดสีทองที่เดิมมีขนาดสองสามฉื่อ พลันยืดยาวขึ้นจนมีขนาดสองสามจั้ง ผิวของมันมีอักขระเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วสับลงมาที่ฝั่งตรงข้ามอย่างเงียบเชียบ
ลำแสงสีทองสายหนึ่งบินออกมาจากใบมีดสีทอง แรกเริ่มมีขนาดสองสามฉื่อ แต่หลังจากกะพริบวาบ ก็กลายเป็นลำแสงสีทองที่ไม่มีที่สิ้นสุด พุ่งตรงไปฝั่งตรงข้าม
เมื่อชายหนุ่มเห็นกระแสน้ำสีเหลืองก็พลันตกตะลึง แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่อาจพูดให้หานลี่ยั้งมือได้
ทันใดนั้นเขาก็ผิวปาก ในเวลาเดียวกันนิ้วชี้ก็ชี้มาทางหานลี่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ชั่วขณะนั้นระลอกคลื่นสีขาว เพลิงเมฆา เปลวเพลิงลำแสงสามสี ไอสีดำพลันหมุนวน แล้วทยอยกันพุ่งไปหาระลอกคลื่นยักษ์สีทอง
เมื่อเพลิงเมฆา ไอสีดำ เปลวเพลิงลำแสงสัมผัสกับระลอกคลื่นสีทอง ก็ระเบิดเสียงดังสนั่นออกมา แต่จากนั้นก็กะพริบวาบแล้วทยอยกันสลายหายไป ไม่อาจต้านทานได้เลยสักกระผีก
กลับเป็นระลอกคลื่นสีขาวที่เข้ามาประชิดลำแสงสีทอง ต่างก็เปล่งเสียงระเบิดประหลาดๆ ออกมา ลำแสงทั้งสองตัดสลับกันไปมา ท่าทางยืนหยัดไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
“อาวุธสวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์!”
ชายหนุ่มที่เดิมกำลังรู้สึกสงสัย เห็นฉากนี้ทันใดนั้นก็รู้สึกจิตใจหนักอึ้ง
คาดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬและระฆังใบเล็กอยู่ในระดับเดียวกัน
ทว่าเมื่อคิดเช่นนั้น ก็ไม่นับว่าแตกต่างกันมาก
หากว่ากันตามอานุภาพบริสุทธิ์ของใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬที่แยกออกเป็นหลายส่วน ย่อมคล้ายคลึงกับอาวุธสวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์
ไม่อาจกระตุ้นอานุภาพของสมบัติสวรรค์ทมิฬได้ มีเพียงใช้อิทธิฤทธิ์ลอกเลียนแบบส่วนหนึ่งของสมบัติสวรรค์ทมิฬเท่านั้น
ยามนี้ชายหนุ่มพลันขยับข้อมือ โยนระฆังสีขาวบริสุทธิ์ในมือไปกลางอากาศ บีบนิ้วเข้าหากัน แล้วร่ายคาถาไปทางระฆังอย่างช้าๆ
เสียงเพรียก “เคร้งๆ” ดังออกมาจากระฆัง
นิ้วมีลำแสงสีโลหิตปรากฏขึ้นรางๆ ทุกการร่ายคาถา ใบหน้าของเขาพลันซีดขาวขึ้นส่วนหนึ่ง
หลังจากที่เสียงระฆังดังขึ้นสองสามครั้ง ใบหน้าของชายหนุ่มก็ไร้สีโลหิต
เห็นได้ชัดว่าเสียงสูงของระฆัง ทำลายปราณแท้ไปมหาศาลกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้ แม้ว่าผู้นี้จะมีพลังยุทธ์อยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นสุดยอด หลังจากร่ายไปสองสามครั้งก็มีสีหน้าไม่อาจรับไหวเช่นกัน
ทว่าผลจากเสียงร้องของระฆังจำนวนมาก ก็ทำให้รู้สึกหูอึ้ง ทัศนียภาพรอบด้านรางเลือน ถูกพลังของหลักการลากไปกลางอากาศ
แน่นอนว่าเขาย่อมตกใจจนสะดุ้งโหยง แต่ทันใดนั้นก็ร่ายอาคม เกราะมารสีดำบนร่างมีอักขระสีดำปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ
อักขระเหล่านี้หมุนวนไปมา ทยอยกันระเบิดออก
ชั่วพริบตาพายุหมุนสีดำพลันปรากฏขึ้น เกิดเป็นพลังมหาศาลที่ไร้รูปร่าง ห่อหุ้มเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
แม้ว่าพลังของหลักการจะแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็แค่ทำให้พายุหมุนบิดเบี้ยว และลดอานุภาพของพลังมหาศาลไร้รูปร่าง แต่กลับไม่อาจทำอันใดหานลี่ที่อยู่ตรงใจกลางได้
ทว่าหลังจากที่เสียงระฆังที่สองดังขึ้น พายหมุนก็เปล่งเสียงดัง “ปัง” ไม่อาจต้านทานผลกระทบได้อีก แล้วพลันสลายหายไป
หลังจากที่เสียงระฆังครั้งที่สามดังขึ้น เกราะมารของหานลี่ก็เปล่งแสงสีดำเจิดจ้าออกมา ลำแสงสีดำรอบๆ พลิ้วไหวอยู่กลางอากาศ เปล่งเสียงกรีดร้องออกมา
พลังของหลักการมีผลกับเกราะมารเหนือฟ้าแล้ว ทำให้ลำแสงสีดำสั่นคลอน
หานลี่เคยควบคุมสมบัติสวรรค์ทมิฬอยู่สองสามครั้ง จะไม่รู้ความร้ายกาจของพลังหลักการได้อย่างไร หน้าเปลี่ยนสีไปหลายครั้ง รีบร้อนใช้มือหนึ่งร่ายคาถา
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น แผ่นหลังมีลำแสงสีเขียวขาวเปล่งแสงสว่างวาบ ปีกขนนกแวววาวคู่หนึ่งปรากฏออกมา
และในยามนั้นเองเสียงระฆังที่สามก็ดังมา ลำแสงสีดำที่แผ่ออกมาจากเกราะมารแข็งตัว คาดไม่ถึงว่าจะปริแตกราวกับของจริง
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น มุมปากพลันกระตุก ไม่ลังเลใดๆ อีก กระพือปีกที่แผ่นหลัง
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น หานลี่กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวหายวับไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมาจุดเดิมที่เขายืนอยู่นั้น บรรยากาศพลันบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่ามีหลุมดำราวกับอากาศพลังทลายลงปรากฏขึ้น
คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะหลบหลีกได้ เสียงระฆังครั้งที่สามกลายเป็นพลังของอากาศโจมตีไป
แต่ชั่วพริบตาที่เสียงระฆังครั้งที่สี่ดังขึ้น อากาศที่ห่างออกไปยี่สิบกว่าจั้งพลันปรากฏขึ้น ลำแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งระเบิดออก ด้านในมีเงาร่างคนที่มีประจุไฟฟ้าปกคลุมโซซัดโซเซออกมา
นั่นก็คือหานลี่ที่เพิ่งจะจมหายไปกลางอากาศ
คาดไม่ถึงว่าเคล็ดวิชาอัสนีหลีกหนีจะถูกเสียงระฆังทำลายได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่เสียงเคร้งๆ ดังขึ้นอีกครั้ง หานลี่ก็รู้สึกเพียงว่าบรรยากาศรอบด้านตึงแน่น ร่างทั้งร่างหมุนวน ถูกพลังของหลักเกณฑ์ห่อหุ้มลงมาจนไม่อาจหลบหลีกได้
พลังของหลักเกณฑ์กลายเป็นพลังมหาศาลแล้วร่อนลงมาที่ตัวของเขา
จากนั้นพลังนี้ก็รีดแน่นแล้วดึงไปรอบด้าน คาดไม่ถึงว่าจะฉีกร่างของหานลี่เป็นชิ้นๆ
แต่ในยามนั้นเอง หานลี่พลันเบิกตาขึ้น ร้องตะโกนราวกับเสียงฟ้าผ่ากลางวันแสก!
ลำแสงสีทองบนร่างเปล่งแสงเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ เกิดเป็นขนยาวสีเหลืองทองจำนวนนับไม่ถ้วน ในเวลาเดียวกันเขี้ยวยาวๆ ก็เผยออกมาจากปาก ชั่วพริบตาก็กลายเป็นวานรยักษ์สีเหลืองทอง
ความสูงประมาณห้าหกจั้ง หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แขนขาหนาใหญ่ ราวกับมีพลังมหาศาล
วานรยักษ์เปล่งเสียงร้องคำรามออกมา แขนขาทั้งสี่โบกสะบัดไปในเวลาเดียวกัน
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้นในทันใด บรรยากาศรอบด้านราวกับถูกของอันใดสักอย่างโจมตีจนพังทลาย
จากนั้นวานรยักษ์ก็ดูเหมือนจะฉีกยิ้มอย่างโหดเหี้ยม สาวเท้ายาวๆ ร่างอันใหญ่โตพลิ้วไหว จากเดิมอยู่ห่างกว่าสามสิบจั้ง ชั่วครู่ก็มาอยู่ใกล้กับชายหนุ่มเขาสีทอง มือใหญ่ที่มีขนปกคลุมข้างหนึ่งกางนิ้วทั้งห้าออก ตะปบลงมาอย่างไม่เกรงใจ
พายุน่าสะอิดสะเอียนพัดไปทางชายหนุ่มแล้วกดลงมา
ส่วนชายหนุ่มเขาสีทองเมื่อเห็นตนเองที่สูญเสียพลังปราณแท้ไปจากการกระตุ้นการโจมตีของระฆังสองสามครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผลลัพธ์ ก็ตกตะลึงจนตาค้าง เมื่อเห็นหานลี่กลายร่างเป็นวานรยักษ์อีก ก็ยิ่งไม่เชื่อสายตาของตนเอง
สำหรับวานรยักษ์ที่มาอยู่ข้างกายนั้น หลังจากโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ชายหนุ่มกลับทำอันใดไม่ถูก ไม่ทันได้ร่ายคาถาอันใดใส่ระฆังให้ออกมาต้านทาน
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจการแปลงกายเป็นวานรยักษ์ของหานลี่เลยสักนิด แต่จากกายเนื้อของวานรที่แข็งแกร่งจนต้านทานพลังของหลักเกณฑ์ได้ กลับเห็นอย่างชัดเจน และไม่กล้าดูแคลนเลยสักนิด
ดังนั้นภายใต้ความจนปัญญาของชายหนุ่ม จึงทำได้เพียงใช้มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว เทวรูปสีฟ้าที่แผ่นหลังเปล่งแสงเจิดจ้า สองมือตะปบลงมา คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นใบมีดยักษ์สีฟ้า
ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ เล่มหนึ่งพุ่งไปยังแขนที่มีขนปุกปุยซึ่งกำลังตะปบลงมา อีกเล่มหนึ่งกลับสับไปทางทรวงอกของวานรยักษ์ มีเจตนาจะใช้วรยุทธ์รวมพลังกันไว้
ทว่าเมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าของวานรยักษ์กลับไร้ความรู้สึก ไม่สนใจใบมีดสีฟ้าที่กำลังสับลงมาหาตนเองเลยสักนิด กลับนำพลังปราณทั้งหมดในร่างรวมตัวกันอยู่ที่กรงเล็บที่กำลังตะปบลงมา
เสียงราวกับธาตุทองกระทบกันดังสนั่นขึ้น!
ใบมีดสีฟ้าจะไปต้านทานได้อย่างไร เมื่อสัมผัสกับกรงเล็บยักษ์ ก็ระเบิดจนสั่นสะเทือน ถูกโจมตีจนแหลกละเอียดราวกับกรงล้อตั๊กแตนตำข้าว
ส่วนใบมีดสีฟ้าอีกเล่มหนึ่งก็สับลงมาที่ร่างของวานรยักษ์ แต่กลับเปล่งแสงสีทองออกมา แล้วถูกดีดออกไป คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจแม้กระทั่งทะลวงขนของวานรยักษ์เลยสักนิด
“อ๊าก”
ชายหนุ่มเขาสีทองรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ ใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง กระตุ้นเทวรูปที่แผ่นหลังอย่างไม่ต้องขบคิด
เทวรูปสีฟ้าขยายร่างใหญ่ขึ้นแล้วพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ โบกสะบัดกำปั้นทั้งสองเช่นกัน
ในเวลาเดียวกันนั้นชายหนุ่มก็อ้าปากออก พ่นเส้นไหมสีเขียวมรกตผสมไอสีดำออกมา ยกแขนขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง สีโลหิตฉายแวบผ่านบนใบหน้า นิ้วชี้มีลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ ร่ายคาถาในระฆังสีขาวหิมะอย่างไม่เสียดายปราณแท้อีก
แต่เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มยังดูแคลนพลังมหาศาลจากการแปลงกายของหานลี่ไปหน่อย
เมื่อเทวรูปสีฟ้าและกรงเล็บยักษ์สีเหลืองทองสัมผัสกัน ก็ถูกพลังมหัศจรรย์จากกรงเล็บทำให้สลายหายไป
ส่วนไอสีดำก็ยิ่งถูกกรงเล็บยักษ์ทำลายออก ไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นขึ้น!
หลังจากที่ฝ่ามือของวานรยักษ์ร่อนลงมา มองดูชายหนุ่มเขาสีทองไร้ซึ่งลำแสงห่อหุ้มร่าง ตะปบลงไปที่หัวของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า นิ้วทั้งห้าออกแรงบีบอย่างไม่ลังเล
เสียง “ปัง” ดังขึ้น
ท่ามกลางสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ หัวของชายหนุ่มพลันระเบิดออกราวกับแตงโม
ร่างไร้ศีรษะซวนเซ หมายจะล้มลงกับพื้นดิน!
ตอนที่ 1725 แผนการของแมลงมีเขา
เสียง “ตูม” ดังขึ้น ชั่วพริบตาที่ซากศพล้มลง ลำแสงสีโลหิตพลันเปล่งแสงเจิดจ้า จากนั้นก็ระเบิดออก
กายเนื้อและพลังปราณในร่างกลายเป็นพายุโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งออกไปรอบด้านราวกับพายุฝน
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น ดังสนั่นไปทั่ว
ท่ามกลางพายุโลหิต เงาลวงตารางๆ สายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบ กระโจนเข้ามาหาระฆังสีขาวหิมะราวกับภูตผี
นั่นก็คือทารกวิญญาณของชายหนุ่มที่กลายเป็นลำแสงหลีกหนี!
เขากลับรู้ดีว่า หลังจากที่สูญเสียกายเนื้อไป อาศัยแค่ทารกวิญญาณย่อมหนีออกจากเงื้อมมือของหานลี่ได้ยาก จึงอยากสิงเข้ากับระฆังสีเงิน หวังว่าจะอาศัยอานุภาพมหัศจรรย์หนีเอาชีวิตรอดไปได้
วานรยักษ์เผชิญหน้ากับลูกธนูโลหิตที่พุ่งเข้ามา ทว่าไม่ได้หลบหลีก กลับยิ่งมีสีหน้าโหดเหี้ยมฉายแวบผ่าน ทรวงอกบวมพองขึ้น แล้วร้องคำรามออกมา
เสียงร้องคำรามราวกับเสียงฟ้าผ่า เมื่อออกจากปากก็สั่นสะเทือนอากาศในบริเวณรอบ บรรยากาศตรงหน้าถูกระลอกคลื่นเสียงม้วนวนเข้าไป ทยอยกันบิดเบี้ยว ตาข่ายเส้นไหมปรากฏขึ้นพร้อมกับรอยสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วน
หานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์พลันร้องคำราม คาดไม่ถึงว่าจะทำให้อากาศแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เห็นได้ชัดถึงพลานุภาพที่แฝงอยู่
ชั่วพริบตาที่พายุโลหิตเหล่านั้นระเบิดหายไป ในเวลาเดียวกันนั้นเงาลวงตาสายนั้นก็ตกอยู่ในอาณาเขตของเสียงคำราม ไม่ทันได้ร้องครวญครางก็กลายเป็นผุยผงเช่นกัน
แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ พริบตาที่ทารกวิญญาณของชายหนุ่มถูกทำลาย ระฆังสีขาวโพลนก็เปล่งเสียงร้องออกมา เปล่งแสงเจิดจ้า แล้วระเบิดตัวออก
ทว่าการระเบิดตัวตนของสมบัติชิ้นนี้กลับไม่เผยอานุภาพออกมาเลยสักนิด แค่กลายเป็นลำแสงสีขาวกะพริบวาบๆ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
วานรยักษ์เห็นสถานการณ์เช่นนั้น แววตาพลันฉายแสงสีฟ้าสว่างวาบ แต่ร่างกายกลับเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศ
ครู่ต่อมาวานรยักษ์พลันปรากฏตัวขึ้นเหนือหัวของงูเหลือมยักษ์สีขาวที่กำลังพัวพันกับกิ้งก่าหกขา
กำปั้นยักษ์ทั้งสองทุบลงมาราวกับพายุฝนกระหน่ำ
น่าเสียดายกิ้งก่าตัวนั้นมีพลังยุทธ์อยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นกลาง แต่ภายใต้การโจมตีของวานรยักษ์ที่แปลงกายมาจากหานลี่ ก็ถูกทุบจนเป็นน้ำจิ้มเนื้อไร้ซึ่งแรงต้านทาน แม้กระทั่งแก่นปีศาจก็ยังถูกตะปบเอาไว้แน่น
จิตวิญญาณปีศาจหนีออกมาจากกายเนื้อ และถูกงูเหลือมยักษ์สีขาวกลืนลงท้องไป จิตวิญญาณแตกกระจายออก
วานรยักษ์เห็นศัตรูตนสุดท้ายถูกทำลาย ทันใดนั้นร่างก็ระเบิดลำแสงสีทองออกมา ร่างกายหดเล็กลง
หานลี่ที่อยู่กลางอากาศกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ จากนั้นก็หันหน้าไป จ้องเขม็งไปยังจุดที่ระฆังสีขาวหิมะหายวับไป แววตาเปล่งประกายครุ่นคิด
……
ในเวลาเดียวกันที่ระฆังใบน้อยระเบิดตัวออกในแดนกว้างเย็น ภายในวิหารลับแห่งหนึ่งในแดนวิญญาณ ชั้นสูงที่สุดที่ถูกเขตอาคมล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนา พลันมีเสียงร้องอุทานด้วยความตกใจดังขึ้น
“เป็นไปได้อย่างไร!”
เสียงร้องเต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว
ตรงทางเข้าของหอคอย นักรบชุดเกราะสีทองสองสามคนยืนตัวตรงแน่วอยู่ แต่กลับมีใบหน้าไร้ความรู้สึก ราวกับไม่ได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากหอคอยเลยสักนิด
ในชั้นสูงของหอคอย มีชาวเผ่าแมลงมีเขาสีหน้าแตกต่างกันอยู่สามคน มองไปยังระฆังยักษ์สีขาวหิมะที่อยู่บนโต๊ะบูชาหยกสีเขียวมรกต สีหน้าเผยความเคร่งเครียดออกมา
ระฆังยักษ์บนโต๊ะมีความสูงหนึ่งจั้ง นอกจากขนาดแล้ว รูปร่างและสีสันก็เหมือนกับระฆังใบน้อยที่ชายหนุ่มเขาสีทองควบคุมทุกระเบียบนิ้ว
และบนพื้นใต้โต๊ะหยก กลับมีเขตอาคมขนาดเล็กที่เรียงรายกันอยู่ห้าอันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ
สี่ในห้านั้นล้วนว่างเปล่า มีเพียงอันเดียวที่เข้าใกล้กับเขตอาคมของระฆังยักษ์ แต่กลับปรากฏลำแสงสีขาวออกมา
ลำแสงสีขาวและระฆังยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบ ราวกับว่าตอบสนองต่อกันอย่างไรอย่างนั้น
“คาดไม่ถึงว่าจะมีอาวุธสวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งถูกทำลายแม้แต่วัตถุดิบหลักของอาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างวิญญาณเที่ยงแท้ระฆังเทวาก็ยังบินกลับมา ดูแล้วศิษย์ที่ครองอาวุธสวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่ง คงเพลี่ยงพล้ำไปในแดนกว้างเย็นแล้ว” หญิงงามเอ่ยพึมพำ
“มันจะแปลกอันใด ในแดนกว้างเย็นมีคนที่ถูกส่งมาจากเผ่าที่แข็งแกร่งตั้งเท่าไหร่ เจ้านี้เจอกับคู่ต่อสู้ที่มีอิทธิฤทธิ์เหนือชั้นสองสามคน หรืออาจจะบังเอิญพบกับอสูรโหดเหี้ยมในแดนนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” ชายชราอีกคนหนึ่ง สวมชุดสีขาว หว่างคิ้วมีจุดสีเขียว ฟั่นหนวดขณะเอ่ย ท่าทางไม่ใส่ใจ
“พี่ซื่อซิน พูดเช่นนี้ไม่ถูกนัก มีอาวุธลอกเลียนแบบสวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์อย่างระฆังลวงนภาอยู่ ต่อให้ประสบกับระดับศักดิ์สิทธิ์ก็น่าจะเอาชีวิตรอดได้สบายๆ และยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ก็ได้กำชับเอาไว้แล้วว่า ทุกคนต้องเคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่ม คิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะพบกับอันตรายใดที่ทำให้ศิษย์หลักที่ถืออาวุธสวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีผู้คนคุ้มกันจำนวนมากเพลี่ยงพล้ำได้ และยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว ต่อให้ตอนแรกจะถูกส่งตัวไปไกลแค่ไหน พวกเขาในตอนนี้ก็น่าจะถึงที่หมายและเริ่มดำเนินการตามแผนแล้ว” คนสุดท้ายคือชายหนุ่มสวมชุดสีฟ้าใบหน้าขาวผ่องไร้หนวดเครา เอ่ยพร้อมรอยยิ้มบางๆ
เมื่อได้ยินชายหนุ่มกล่าวเช่นนี้ แววตาของชายชราก็ฉายแววครุ่นคิด
“ไม่ว่าศิษย์ผู้นั้นจะเพลี่ยงพล้ำได้อย่างไร กลุ่มคนผู้นั้นก็สูญเสียอาวุธสวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว และสูญเสียโอกาสที่จะได้ของสิ่งนั้นมา นี่มีผลกระทบต่อแผนการใหญ่ของเผ่าเราเป็นอย่างมาก” หญิงงามวัยกลางคนกลับมีสีหน้าราบเรียบ แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา
“ไม่เป็นไร เจ้าสิ่งนั้นมีทั้งหมดห้าส่วน ขอแค่คนที่เหลือได้มา การเปิดแดนกว้างเย็นครั้งต่อไปก็ยังคงไม่ส่งผลกระทบต่อแผนของเผ่าเรา” บุรุษวัยกลางคนเอ่ยเช่นนี้ออกมา
“กลัวว่าคนที่เหลือจะเกิดปัญหาหน่ะสิ หากขาดไปส่วนหนึ่ง ก็ยังพอเสริมได้ แต่หากขาดไปสองส่วนก็จะยุ่งยากแล้ว!” หลังจากที่ชายชราครุ่นคิด ก็เอ่ยอย่างเชื่องช้าออกมา
“ไหนเลยจะมีเรื่องบังเอิญเพียงนั้น หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็หมายความว่าความเจริญรุ่งเรืองของเผ่าเราไม่ได้ถูกกำหนดไว้ และไม่มีอันใดให้ต้องโกรธแค้น” บุรุษวัยกลางคนตอบกลับพร้อมกับอมยิ้ม
“แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่พวกเราก็ใช้วัตถุดิบล้ำค่าในเผ่าไปไม่น้อย และยังสนใจระฆังหลงนภา ถึงได้หลอมอาวุธสวรรค์ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาสองสามชิ้น มันสิ้นเปลืองไปหน่อย ต้องเข้าใจว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เป็นสมบัติที่ใช้หลอมผนึกเหล่านั้นชั่วคราว แม้ว่าอานุภาพจะไม่ต่างกับอาวุธสวรรค์ทมิฬทางการเท่าใดนัก แต่หากผ่านไปหนึ่งปี ก็จะระเบิดตัวเองออก หากไม่ได้ประโยชน์อันใด ข้าที่รับหน้าที่ดูแลแผนการของพวกเรา จะไปรายงานกับท่านอาวุโสผู้อื่นได้อย่างไร” ชายชราขมวดคิ้ว
“จะรายงานอย่างไร หรือว่าทั้งสองท่านลืมแผนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวของพวกเราไปแล้ว? แม้ว่าแดนกว้างเย็นจะล้มเหลว? แผนการของแดนเรากลับมีโอกาสสำเร็จแปดเก้าส่วน” แววตาของหญิงงามฉายแววเย็นชาขณะเอ่ย
“ไม่ผิด น่าจะถึงเวลาที่ต้องจบสงครามกับเมฆาสวรรค์ครั้งนี้ได้แล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงงาม บุรุษวัยกลางวันและชายชราก็มองสบตากันแวบหนึ่งแล้วหัวเราะร่าออกมา
หญิงงามกลับไม่ได้เอ่ยอันใด นิ้วข้างหนึ่งชี้ไปที่ดวงลำแสงสีขาวที่ลอยอยู่กลางเขตอาคมสีทอง ชั่วขณะนั้นลำแสงสีขาวพลันเปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา แล้วร่อนลงมาหาระฆังยักษ์ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไป
ระฆังยักษ์เปล่งเสียงร้องออกมา อักขระสีเงินบนผิวปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ
……
แน่นอนว่าหานลี่ย่อมไม่รู้ว่า การสังหารชายหนุ่มเขาสีทองของตนเอง ไปทำลายแผนการใหญ่ของเผ่าแมลงมีเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ยามนี้เขากำลังจมเข้าสู่การเรียนรู้ประสบการณ์การใช้กำปั้นสังหารศัตรูที่แข็งแกร่งหลังจากแปลงกายเป็นวานรยักษ์
เห็นได้ชัดว่าอานุภาพของคาถาตื่นจากจำศีลเองก็พัฒนาขึ้นตามระดับของผู้บำเพ็ญเพียร อานุภาพเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ไม่เหมือนกับการแปลงกายครั้งที่แล้ว เขาที่พัฒนามาอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นปลาย ความน่ากลัวของอิทธิฤทธิ์นี้ก็ได้สำแดงออกมาแล้ว
เขาที่แปลงกายเป็นวานรยักษ์ กายเนื้อและพลังเทวาเพิ่มขึ้น จนแทบจะทำให้เขาสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ได้แล้ว
โชคดีที่ระดับจิตใจของเขาผ่านการชำระล้างด้วยแสงจันทราในเขตแดนภาพลวงตาดวงดาราไปรอบหนึ่ง ในที่สุดก็มั่นคงขึ้นแล้ว นี่ถึงได้ยังคงรักษาความสมดุลของจิตใจได้ ไม่ถึงกับสูญเสียการควบคุมระดับของจิตใจ
ทว่าเทียบกับเรื่องนี้ เขารู้สึกเสียหายที่ระฆังน้อยสีขาวหิมะนั้นหายไปเป็นอย่างมาก
สมบัติที่คล้ายกับสมบัติสวรรค์ทมิฬชิ้นนั้น ช่างมหัศจรรย์นัก หากชิงมาได้ ก็ทำให้พละกำลังของเขาเพิ่มขึ้นแล้ว
แต่ในเมื่อสมบัติชิ้นนี้หายไปแล้ว เขาก็ทำได้เพียงล้มเลิกความคิดนี้อย่างจนปัญญา หลังจากที่เก็บสมบัติที่ชายหนุ่มผู้นั้นทิ้งเอาไว้มาแล้ว ก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพุ่งแหวกอากาศไป
พริบตานั้นหานลี่ก็มาปรากฏตัวห่างออกไปสองสามหมื่นลี้
ท่ามกลางลำแสงหลีกหนี หานลี่เริ่มพิจารณาแผนต่อไปของตนเอง
แม้ว่าเขาจะช่วยหลิวสุ่ยเอ๋อร์และพวกชิงของที่ต้วนเทียนเริ่นและไฉ่หลิวอิงต้องการมาได้ แต่วัตถุดิบหลอมอาวุธที่ได้รับปากกับเผ่าศิลารังไหมเอาไว้ในตอนแรกยังไม่ได้มา
ต้วนเทียนเริ่นเคยกล่าวว่า มีเพียงต้องช่วยให้เขาได้สมบัติในเขตอาคมมาก่อน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจ แต่เขาก็ไม่อยากถูกเผ่ารังไหมศิลาอาศัยเรื่องนี้ล้มเลิกเรื่องที่เขาจะอาศัยเขตอาคมส่งตัวขนาดใหญ่
ดังนั้นเมื่อขบคิดเช่นนั้นเวลาที่เหลือในแดนกว้างเย็น ย่อมรู้ว่าต้องชดเชยพลัง และต้องวิ่งไปในแดนกว้างเย็นอีกรอบหนึ่ง
ทว่าก่อนหน้านี้ เขาจำต้องฟื้นฟูพลังที่สูญเสียไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
แดนกว้างเย็นอันตรายขนาดนี้ แม้ว่าพลังยุทธ์ของเขาจะเพิ่มขึ้น ก็ไม่กล้าประมาทเลยสักนิด
เมื่อหานลี่ขบคิดเสร็จ ทันใดนั้นก็จัดการทุกอย่างรอบหนึ่งแล้วพุ่งไปยังจุดที่ไกลออกไป
ครึ่งวันต่อมาหานลี่ก็หยุดลำแสงหลีกหนีลงเหนือป่ารกที่ดูธรรมดาๆ แห่งหนึ่ง เผยร่างออกมา
เขาโคจรรอบๆ ครั้งหนึ่ง แววตาเปล่งแสงสีฟ้าออกมาแล้วกวาดมองไปรอบๆ ดูเหมือนว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ ทันใดนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวสายหนึ่งจมหายเข้าไปในป่าลับ
หานลี่หาต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่อาจใช้คนสองสามคนโอบได้ จมหายเข้าไปในโพรงตรงรากของมัน จากนั้นก็ยกมือขึ้นธงอาคมสองสามด้ามพุ่งออกไป หายวับไปที่ปากโพรง กลายเป็นเขตอาคมอำพรางง่ายๆ แล้วปิดบังโพรงนี้เอาไว้
สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเหลืองบินออกมาจากแขนเสื้อ หลังจากกะพริบวาบ อสูรน้อยขนปุกปุยก็ร่อนลงมาบนพื้น
นั่นคืออสูรมิคาทน!
หลังจากที่อสูรตัวนี้กินแก่นดวงจิตสองสามดวงของอสูรสามตาไปแล้ว ก็เอาแต่หลับสนิทอยู่ในกำไลเก็บอสูรวิญญาณ เพิ่งจะตื่นขึ้นก่อนหน้านี้ไม่นาน
แม้ว่ามันจะหลอมแก่นดวงจิตเหล่านั้นแล้ว แต่ภายนอกก็ดูเหมือนไม่แตกต่างนัก แค่บนตัวมีลวดลายสีดำสนิทเพิ่มขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็แตกต่างไปเล็กน้อย ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายเล็กน้อย
นี่จึงทำให้เขาอดที่จะพิจารณาอสูรตัวนี้สองแวบไม่ได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น