อัจฉริยะสมองเพชร 1722-1723

 ตอนที่ 1722 ความก้าวหน้าของหูเหยาเหย่า

“พวกเขาเห็นจ้าวหย่า?”


ผู้ที่ส่งข้อความมาหาจางเซวียนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากท่านพ่อของเขา เซียนดาบชิง


“พวกนั้น…มาถึงที่นี่แล้วเหมือนกันหรือ?” จางเซวียนตาโต


จากประสบการณ์ของเขาในทั้ง 3 มิติก่อนหน้า เขาพบว่าไม่อาจส่งข้อความหาใครได้เลย เป็นไปได้ไหมว่าการที่ตราหยกสื่อสารของเขาสั่นสะท้านขึ้นเป็นเพราะท่านพ่อและท่านแม่ คือเซียนดาบชิงกับเซียนดาบเหมิงอยู่ในมิติเดียวกันกับเขา หรือข้อจำกัดเรื่องการส่งข้อความไม่ใช่ข้อกำหนดของมิติแห่งนี้?


จางเซวียนทาบนิ้วลงไปบนตราหยกสื่อสารและเขียนข้อความก่อนจะส่งกลับไป “ท่านพ่อกับท่านแม่อยู่ที่ไหนกัน?”


ครู่ต่อมา ตราหยกสื่อสารก็เรืองแสง คำพูดแถวหนึ่งปรากฏ “หอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่, โดมใบไม้ผลิอบอุ่น!”


“โดมใบไม้ผลิอบอุ่น?” จางเซวียนขมวดคิ้ว


อย่าว่าแต่โดมใบไม้ผลิอบอุ่นที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาอยู่ เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อยู่ที่ไหน!


“ต้องไปดูเสียหน่อย” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่


ถึงอย่างไร วิหารแห่งขงจื๊อก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ในเมื่อท่านพ่อส่งตำแหน่งที่อยู่ที่ชัดเจนมาได้ เขาก็น่าจะหาพบหากสำรวจให้ทั่ว


หูเหยาเหย่ามองจางเซวียนแล้วตั้งคำถาม “พวกเราจะมุ่งหน้าไปที่นั่นหรือ?”


“ใช่ ในเมื่อเราเข้าถึงอาณาเขตรอบนอกของวิหารแห่งขงจื๊อแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าเราน่าจะพบกับผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงพลังอีกมากมาย ถ้าหลังจากนี้เราพบกับอันตรายล่ะก็ ผมอยากให้คุณหันหลังกลับและรีบหนีไปทันที ไม่จำเป็นต้องห่วงผม เข้าใจไหม?” จางเซวียนสั่งการอย่างเคร่งเครียด


“เฮอะ! คุณกำลังคิดว่าฉันเป็นภาระล่ะสิ ใช่หรือเปล่า? ถึงระดับวรยุทธของฉันจะยังไม่ถึงขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของฉันก็ถือว่าน่าพอใจนะ เหตุผลที่ฉันถูกจับตัวที่มิติหิมะก็เพราะพวกมันใช้การโจมตีจิตวิญญาณเล่นงานฉัน!” หูเหยาเหย่ารู้ดีว่าจางเซวียนเป็นกังวลเกี่ยวกับตัวเธอ แต่ก็อดประท้วงด้วยความหงุดหงิดไม่ได้


เมื่อครึ่งปีก่อน หมอนี่ยังเป็นแค่เด็กใหม่ที่เธอสามารถกลั่นแกล้งได้ตามใจ แต่มาตอนนี้ เธอพบว่าตัวเองไม่อาจเทียบชั้นกับเขาได้ ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม ความจริงข้อนี้ทำให้เธอหงุดหงิดมาก


“ไม่นะ ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นภาระ ขอแค่คุณหลบหนีได้เร็วพอเมื่อเผชิญกับปัญหา ก็ไม่มีทางที่คุณจะเป็นภาระกับผม” จางเซวียนพยักหน้า


ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนคุ้นเคยสำหรับหูเหย่าเหย่า คือแทบปรี๊ดแตกกับคำพูดของอีกฝ่ายจนถึงขั้นที่อยากกระอักเลือดออกมา


เหตุผลที่เธอพูดว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของเธอไม่เลวนั้นก็เพื่อบอกจางเซวียนว่าเธอสามารถช่วยเขาได้ในยามอันตราย ไม่มีทางที่เธอจะเป็นตัวถ่วง แต่ทั้งหมดที่หมอนี่คิดได้ก็คือมองว่าเธอควรจะหลบหนีให้ได้เร็วพอเพื่อจะได้ไม่เป็นภาระกับเขาในการสู้รบ!


ในสายตาของคุณ ฉันไร้ประโยชน์ขนาดนั้นเลยหรือ?


หูเหยาเหย่ากัดฟันกรอด ครู่ต่อมาเธอก็ผุดรอยยิ้มยั่วยวนขณะเดินเข้าหาจางเซวียนด้วยท่วงท่าที่อวดส่วนเว้าส่วนโค้งในร่างของเธอ หูเหยาเหย่ากระซิบด้วยเสียงด้วยน้ำเสียงยั่วยวนที่ทำให้ผู้ชายทุกคนใจเต้น “คุณแคลงใจในความสามารถของฉันหรือ? เรามาพนันกันไหม?”


“พนัน?”


“ใช่ ฉันจะแสดงการร่ายรำ และถ้าสภาวะจิตของคุณได้รับผลกระทบจากการร่ายรำของฉัน คุณจะต้องกล่าวคำขอโทษ คุณจะต้องไม่ขอให้ฉันหลบหนีเมื่อเราพบเจอกับอันตราย แต่ถ้าคุณยังคงไม่สะทกสะท้านกับการร่ายรำของฉัน นับจากนี้ฉันจะทำทุกอย่างตามที่คุณบอก จะไม่สร้างปัญหาให้คุณเลยแม้แต่นิดเดียว!” หูเหยาเหย่าจ้องหน้าจางเซวียนด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย


“ตามนั้น” จางเซวียนพยักหน้าเมื่อเห็นหูเหยาเหย่ายืนกราน


อันที่จริง เขาเองก็อยากเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ขั้นสูงสุดนั้นจะมีความสามารถแค่ไหน แม้ระดับวรยุทธของหูเหยาเหย่าจะยังอ่อนด้อย แต่เธอก็ได้รับการถ่ายทอดมรดกตกทอดสูงสุดของสมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์สำนักงานใหญ่ จึงออกจะโง่เง่าทีเดียวหากจะไม่ใส่ใจความเก่งกาจของเธอ


“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเริ่มแล้วนะ”


หูเหยาเหย่าก้าวออกมาแล้วเริ่มต้นร่ายรำ ในชั่วพริบตา เธอก็ดูเหมือนจะกลายร่างเป็นเทพธิดาน้อยจากสรวงสวรรค์ ท่วงท่าอันงามสง่าและความงดงามกลมกลืนอันไร้ขีดจำกัดของเธอสร้างเสน่ห์ที่ดึงดูดจิตวิญญาณของผู้พบเห็น ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว ผู้ชายทุกคนก็พร้อมจะตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของเธอ ถูกเสน่ห์ของเธอผูกมัดรัดตรึงไว้


จางเซวียนต้องยอมรับว่าเรือนร่างของหูเหยาเหย่านั้นสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ แม้แต่ในบรรดาสาวสวยมากมายที่เขาได้พบมา มันเป็นความสมดุลที่สมบูรณ์แบบถึงขนาดที่ว่าหากเธอมีเนื้อหนังมากกว่านี้สักนิดเดียว เธอก็จะดูตุ้ยนุ้ย และหากผอมกว่านี้สักนิดเดียวก็จะดูผอมแห้งเกินไป มันเป็นความเหมาะเจาะราวกับได้รับการรังสรรค์จากสองมือของสวรรค์ แม้เธอจะไม่สามารถเปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงามได้ด้วยข้อจำกัดของสภาพแวดล้อม แต่ท่วงท่าอันงดงามอ่อนช้อยของเธอก็มากพอจะทำให้ผู้พบเห็นใจสั่นครั้งแล้วครั้งเล่า


“ไม่เลวเลย!” จางเซวียนพยักหน้ารับ


การที่หูเหยาเหย่ามั่นใจในประสิทธิภาพการต่อสู้ของเธอถือว่ามีเหตุผล แม้เธอจะเป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุด แต่การร่ายรำของเธอก็อาจทำให้แม้แต่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติสูญเสียการควบคุมตัวเองได้อย่างง่ายดาย


ถึงการร่ายรำนี้จะส่งผลกระทบต่อนักรบทั้งสองเพศ แต่ก็แน่นอนว่าย่อมมีผลต่อนักรบบุรุษมากกว่า ต่อให้นักรบบุรุษที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสาน ก็ย่อมหลงใหลในศาสตร์แห่งนาฏศิลป์ของเธอหากไม่ทันระมัดระวังตัว


อย่างคำกล่าวที่ว่าแม้แต่วีรบุรุษผู้ทรงพลังที่สุดก็ยังต้านทานเสน่ห์ของความงดงามได้ยาก ตั้งแต่แรก หูเหยาเหย่าก็มีความงดงามอย่างน่าทึ่งและมีบุคลิกเฉพาะตัวอยู่แล้ว แม้ยังไม่ใช้ศาสตร์แห่งนาฏศิลป์ ท่วงท่าของเธอก็ดึงดูดความสนใจจากใครๆได้ไม่ยาก แต่เมื่อประกอบเข้ากับการร่ายรำ ต่อให้วรยุทธของเธอจะยังอ่อนด้อย แต่ก็สามารถแผ่มนต์เสน่ห์ที่ทำให้ผู้พบเห็นยากจะต้านทาน


แน่นอนว่ายังคงมีความยากลำบากระดับหนึ่งระหว่างการทำให้คู่ต่อสู้ยอมจำนนต่อศาสตร์แห่งนาฏศิลป์ของเธอกับการสังหารพวกเขา


เพราะขีดจำกัดของวรยุทธ เธอไม่สามารถแม้แต่จะสร้างรอยแผลไว้บนร่างกายของนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติได้ ต่อให้มีอาวุธอยู่ในมือก็ตาม


“คุณ…ไม่สะทกสะท้านกับการร่ายรำของฉันเลยหรือ?”


การร่ายรำสิ้นสุดลง ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของหูเหยาเหย่าค่อยๆช้าลงจนสงบนิ่งอย่างสวยงาม เมื่อจ้องมองเข้าไปในดวงตาเป็นประกายและใสซื่อของชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้าม เธอก็อดไม่ได้ที่จะเสียอาการเพราะความผิดหวัง


เพราะมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามราวกับเทพเจ้าประทานให้ เธอจึงได้รับเลือกให้เป็นตัวเลือกของนักปราชญ์รุ่นเยาว์ภายในระยะเวลาไม่นานหลังจากเข้าสู่สมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์สำนักงานใหญ่ เหตุผลที่เธอได้รับอนุญาตให้เข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อก็เพราะเธอเชี่ยวชาญในมรดกตกทอดขั้นสูงสุดของสมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์สำนักงานใหญ่แล้ว ซึ่งนั่นเป็นเครื่องยืนยันความสามารถในการป้องกันตัวของเธอ ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่


ด้วยความสามารถที่เธอมี เมื่อได้กลับมาพบกับจางเซวียนอีกครั้ง ความคิดที่จะแข่งขันกับเขาก็ผุดขึ้นมาในใจ


เมื่อครั้งที่เธอยังอยู่ที่สถาบันปรมาจารย์หงหย่วน จำนวนชายหนุ่มที่มาหลงเสน่ห์เธอนั้นมีมากมายจนแทบนับไม่ถ้วน ไม่มีปรมาจารย์ชายคนไหนที่จะไม่มองเธอด้วยความยำเกรง เพราะกลัวว่าจะทำอะไรที่เป็นการล้ำเส้น


แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคนนี้, จางเซวียน เป็นเจ้าบื้อใบ้คนเดียวที่หูหนวกตาบอดกับเสน่ห์ของเธอ มองเธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ


เธอเคยคิดว่าสักวัน การได้รับมรดกตกทอดขั้นสูงสุดของสมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์สำนักงานใหญ่มาจะทำให้เธอสร้างความหวั่นไหวให้กับหัวใจของชายหนุ่มคนนี้ได้ แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นดวงตาของหมอนั่นยังคงใสกระจ่างเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็น


พี่ชาย…แน่ใจนะว่าสายตาของคุณยังปกติดี?


ในตอนนั้น หูเหยาเหย่าแทบอยากจะหานายแพทย์สักคนมาตรวจสายตาของจางเซวียน


ขณะที่เธอรู้สึกพ่ายแพ้หมดรูป จางเซวียนก็พูดขึ้น “ผมยอมรับนะว่าผมได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากการร่ายรำของคุณ”


“จริงหรือ?” หูเหยาเหย่าตาโต แต่แล้วก็มองเขาด้วยสายตาสงสัย ไม่แน่ใจว่าจางเซวียนเพียงแค่กำลังปลอบใจเธอหรือเปล่า “ฉันไม่เห็นว่าคุณจะรู้สึกรู้สาอะไรกับการร่ายรำของฉันเลย…”


“การร่ายรำหลิงหลงโบยบินของคุณนั้นถูกแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม คุณสามารถเก็บรายละเอียดการเคลื่อนไหวของเทพธิดาที่โผขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกราวกับตกอยู่ในความฝัน”


“แต่ข้อบกพร่องในการร่ายรำของคุณก็โดดเด่นเห็นชัดเช่นกัน อย่างแรก การเคลื่อนไหวของคุณดูจงใจเกินไป เสน่ห์ของเทพธิดานั้นคือการไม่เปิดเผยเรือนร่าง แต่ใช้การแสดงท่วงท่าและการเคลื่อนไหวกลางอากาศ สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญคือสรวงสวรรค์ ไม่ใช่โลกมนุษย์”


“อย่างที่สอง เจตจำนงในการร่ายรำของคุณยังหยาบเกินไป สิ่งนี้จะทำให้เหล่านักรบสามารถสร้างมาตรการป้องกันตัวได้ ซึ่งนั่นจะทำให้การทะลุทะลวงเข้าสู่สภาวะจิตของพวกเขาทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม…”


จางเซวียนร่ายยาวข้อบกพร่องทั้งหมด 17 ข้อโดยไม่หยุดหายใจ จากนั้นก็หยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ผมพูดอย่างนี้ดีไหม การร่ายรำที่คุณแสดงให้ผมดูก่อนหน้านี้น่ะมีข้อบกพร่องมากเกินไปจนผมทนดูไม่ไหวแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย อีกอย่าง คุณก็รู้ว่าผมเป็นผู้รักความสมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้น…”


“คุณ…”


หูเหยาเหย่าแทบกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง


ผู้รักความสมบูรณ์แบบ? ความสมบูรณ์แบบบ้านคุณน่ะสิ!


การที่คุณจะไม่หลงใหลการร่ายรำยั่วยวนของฉันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถึงกับอึดอัดที่ต้องดูมันด้วย…


น้ำตาเอ่อขึ้นมาปริ่มขอบตาของหูเหยาเหย่า ในตอนนั้น ทั้งหมดที่เธอเห็นมีแต่ความสิ้นหวังในวิชาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ของตัวเอง


ขณะที่คนอื่นๆได้รับความสุขสำราญจากการชมการร่ายรำของฉัน ทั้งหมดที่คุณเห็นมีแค่ข้อบกพร่อง ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ ฉันว่าเราคงไปต่อด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะ!


“อย่าเสียใจไปเลย” จางเซวียนพูดด้วยสีหน้าจริงใจจนไม่อาจจับผิดคำพูดของเขาได้ “นี่คือวิธีแก้ไขข้อบกพร่องที่ผมทำไว้สำหรับการร่ายรำที่คุณเพิ่งแสดงออกมา ขอแค่คุณศึกษามัน มันจะช่วยให้คุณพัฒนาศาสตร์แห่งนาฏศิลป์ของคุณได้อีกมาก ด้วยวิธีนี้ ผมก็คิดว่าการร่ายรำของคุณจะไม่ทำให้ผมอึดอัดอีกแล้ว”


หูเหยาเหย่านวดหว่างคิ้วอย่างเคร่งเครียด


ทำไมเราถึงหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน?


โชคดีที่เราเป็นแค่สหายของหมอนี่ พูดตามตรง เราไม่คิดหรอกว่าเราจะทนคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ต่ำอย่างเขาได้ อีกอย่าง พูดกับหมอนี่ทีไรก็มีแต่หงุดหงิดและช้ำใจ ไม่ช้าเราคงได้ทำร้ายตัวเองแน่!


หูเหยาเหย่าใกล้อกแตกเต็มที แต่เธอก็รีบจดจำข้อบกพร่องและวิธีแก้ไขที่จางเซวียนชี้แนะให้จนครบถ้วน จากนั้นก็เริ่มศึกษาคำพูดของเขาอย่างละเอียด ยิ่งครุ่นคิดมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายพูดถูก คำพูดของเขาล้ำลึก แต่ขณะเดียวกันก็เรียบง่ายและตรงประเด็น ร่างของเธอเคลื่อนไหวไปตามคำชี้แนะของเขา แล้วเธอก็แสดงการร่ายรำหลิงหลงโบยบินอีกครั้ง


การเคลื่อนไหวของเธอเร็วขึ้นเรื่อยๆ และท่วงท่าก็เข้าใกล้สวรรค์มากยิ่งขึ้นทุกที


ครู่ต่อมา พลังปราณก็ไหลพล่านไปทั่วร่าง หูเหยาเหย่าต้องประหลาดใจที่พบว่าด่านคอขวดที่กีดขวางวรยุทธระดับเซียนขั้น 9 ของเธอได้หายไปแล้ว ทำให้วรยุทธของเธอพุ่งขึ้นสู่ขั้นการพักฟื้นภายใน


“ฉัน…ฝ่าด่านวรยุทธได้แล้วจริงๆหรือ?” หูเหยาเหย่าตัวแข็งด้วยความประหลาดใจ เธอหันขวับไปมองชายหนุ่มโดยอัตโนมัติ นัยน์ตาของเธอบ่งบอกความสับสนและขัดแย้ง


อีกฝ่ายมองทะลุข้อบกพร่องในการร่ายรำของเธอได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ทำตามคำชี้แนะของเขา เธอก็สามารถแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้นและยกระดับวรยุทธรวมทั้งศาสตร์แห่งนาฏศิลป์ของเธอได้


เท่าที่เห็น ดูเหมือนการดูไร้ประโยชน์ในสายตาของหมอนี่จะไม่ได้เลวร้ายอีกต่อไป


อย่างน้อยที่สุด เธอก็ยังได้รับคำชี้แนะของเขา


เอาเถอะ! ไม่ว่าเขาจะคิดว่าฉันไร้ประโยชน์อย่างไร ก็ปล่อยให้คิดไป ฉันจะติดตามเขาและเก็บเกี่ยวคำชี้แนะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คงทุ่นแรงไปได้อีกมากหากได้พึ่งพาหมอนี่…


จากนั้น จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของหูเหยาเหย่าก็ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง


ตอนที่ 1723 พบหน้าเซียนดาบชิงเหมิง

“เอาล่ะ รีบเดินทางต่อกันเถอะ!”


ความสำเร็จของหูเหยาเหย่าไม่ได้เหนือกว่าความคาดหมายของจางเซวียน ขอแค่อีกฝ่ายยอมทำตามคำชี้แนะของเขา เขาก็จะทำให้เธอฝ่าด่านวรยุทธได้อย่างง่ายดายจนแม้แต่ตัวเธอเองยังต้องสงสัย


นี่เป็นความสามารถที่เขามี ถ่อมตัวและไม่ทำตัวโดดเด่น อย่างที่เขาเคยเป็นมาตลอด


รู้ดีว่าจางเซวียนมีเรื่องด่วน หูเหยาเหย่าจึงไม่ทำตัวให้เสียเวลา เธอติดตามตามจางเซวียนไปอย่างเงียบๆขณะขัดเกลาวรยุทธของตัวเองไปด้วย


ทั้งคู่ตั้งต้นเดินทางสู่วิหารแห่งขงจื๊อที่มองเห็นจากระยะไกล


สิ่งปลูกสร้างโอ่อ่าที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นมองเห็นได้อย่างเลือนราง ทั้งคู่มุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว


จางเซวียนคาดการณ์ว่าการเดินทางครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยอันตราย แต่กลับกลายเป็นว่าความเงียบสงบทำให้เขาหวาดกลัว


อย่าว่าแต่เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น เขาไม่เห็นแม้อสูรสักตัวด้วยซ้ำ


สิบนาทีต่อมา ทั้งคู่ก็มายืนอยู่ตรงหน้าสิ่งปลูกสร้างโอ่อ่านั้น มีป้ายแขวนอยู่บริเวณทางเข้าพร้อมกับตัวอักษรขนาดใหญ่-หอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่!


นี่จะต้องเป็นหนึ่งในหกหอบริวารของวิหารแห่งขงจื๊อ!


จางเซวียนรู้จากหลัวลั่วชิงว่าวิหารแห่งขงจื๊อมีหอบริวารทั้งหมด 6 หอ และแต่ละหอเชื่อมโยงกับเครื่องรางฟ้าประทานในตำนาน แน่นอนว่าหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่จะต้องเป็นหนึ่งในหกหอบริวารนั้น


กลุ่มหมอกลอยเอื่อยอยู่บริเวณทางเข้าของหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ บดบังทัศนวิสัย แต่จากประตูที่ปิดสนิท ก็ดูเหมือนว่าน่าจะยังไม่มีใครได้ผ่านเข้าไป


จางเซวียนมองไปรอบๆและพบโดมขนาดเล็ก 4 โดมอยู่ในบริเวณนั้น มีชื่อว่า ‘ใบไม้ผลิอบอุ่น’, ‘ร้อนเร่าดั่งไฟ’, ‘ใบไม้ร่วงชื่นใจ’ และ ‘หนาวเหน็บเย็นเยือก’


นั่นคือโดมใบไม้ผลิอบอุ่นใช่ไหม? จางเซวียนคิดขณะมุ่งหน้าไปยังโดมที่มีตัวอักษรคำว่า ‘ใบไม้ผลิอบอุ่น’ พร้อมกับหูเหยาเหย่า


โดมนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก ทันทีที่เข้าสู่พื้นที่นั้น ก็เห็นผู้คนจำนวนมากยืนอยู่โดยรอบ บางคนสวมเสื้อคลุมปรมาจารย์ ขณะที่คนอื่นๆสวมเสื้อคลุมประจำตระกูลหรือเสื้อผ้าธรรมดาสามัญ


รวมแล้วน่าจะมีผู้คนอยู่ในบริเวณนี้ราว 30 คน ซึ่งแม้แต่ผู้ที่มีวรยุทธอ่อนด้อยที่สุดก็ยังเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 9


“ท่านหัวหน้าตระกูล!”


เมื่อเห็นจางเซวียน ชาย 2-3 คนก็เดินเข้ามาต้อนรับ


จางเซวียนจดจำคนเหล่านั้นได้ พวกเขาคือเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลจาง


ที่ผ่านมา คนเหล่านี้เข้าสู่การปลีกวิเวกมาตลอด และเพิ่งมาถึงชูฝู่เมื่อ 2 วันก่อน


ตอนนี้จางเซวียนถอดการปลอมตัวของเขาและกลับสู่รูปลักษณ์เดิมแล้ว


“เซวียนเอ๋อ ลูกมาแล้วหรือ!”


จางเซวียนกำลังจะถามว่าท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาอยู่ที่ไหน ก็พอดีกับได้ยินเสียงแว่วมาแต่ไกล เมื่อหันไปมอง ก็เห็นเซียนดาบชิงเหมิงจ้ำพรวดๆเข้ามา


เห็นทั้งคู่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกันนั้นก็อดสงสัยอะไรบางอย่างไม่ได้ “ท่านพ่อท่านแม่…ยกระดับวรยุทธอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?”


ก่อนจะเข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อ ทั้งคู่ยังเป็นนักรบชั่วกัลปาวสานขั้นต้น แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาก็กลายเป็นนักรบชั่วกัลปาวสานขั้นสูง โลกจารึกแล้ว ทำให้ก้าวขึ้นสู่ความเป็นสุดยอดของทวีปแห่งปรมาจารย์


“พวกเราเจอส้มหล่น…”


เซียนดาบชิงอธิบายยิ้มๆ


ได้ฟังคำอธิบายของเซียนดาบชิง จางเซวียนถึงกับพูดไม่ออก


ทั้งคู่โชคดีกว่าเขามาก แทนที่จะต้องฝ่ามิติทั้ง 6 พวกเขากลับถูกส่งทะลุมิติตรงเข้ามายังอาณาเขตรอบนอกของวิหารแห่งขงจื๊อพอดี


ทั้งพลังจิตวิญญาณและสภาวะครูบาอาจารย์ที่นี่เข้มข้นกว่าในมิติทั้ง 6 มาก ทั้งยังเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติมากมาย ด้วยความช่วยเหลือของทรัพย์สมบัติต่างๆและระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของพวกเขาที่ 29.9 จึงแน่นอนว่าระดับวรยุทธของทั้งคู่จะต้องพุ่งพรวด


เห็นสีหน้าตะลึงพรึงเพริดของลูกชาย เซียนดาบเหมิงพูดยิ้มๆ “ยิ่งไปกว่านั้น แม่กับพ่อไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงนะ อันที่จริง…เราฝึกฝนวรยุทธที่นี่มา 3 เดือนแล้ว!”


“3 เดือน?” จางเซวียนถึงกับผงะ


“ท่านพ่อของลูกกับแม่บังเอิญพบดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่กระแสแห่งกาลเวลาไหลเร็วขึ้น ด้วยเหตุนี้ ขณะที่เวลาของลูกผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่พวกเราก็ได้ฝึกฝนวรยุทธอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน” เซียนดาบเหมิงอธิบาย


“เอ่อ…” จางเซวียนตาโต


พวกเขาช่างโชคดีเสียจริง!


การที่เซียนดาบชิงเหมิงจะถูกส่งทะลุมิติเข้ามายังอาณาเขตรอบนอกของวิหารแห่งขงจื๊อก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่พวกเขายังได้พบดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่กระแสแห่งกาลเวลาไหลเร็วขึ้นอีกด้วย เขาอดคิดไม่ได้ถึงความยากลำบากที่ตัวเองต้องเผชิญระหว่างการเดินทางจากมิติหนึ่งไปยังอีกมิติหนึ่ง ต้องสู้รบกับศัตรูตัวแล้วตัวเล่า


“แล้วท่านพ่อท่านแม่รู้ไหมว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ที่ไหน จะหามันพบอีกครั้งได้หรือเปล่า?” จางเซวียนตั้งคำถาม


หากหาดินแดนนั้นพบ เขาก็จะได้เข้าไปฝึกฝนวรยุทธสักระยะหนึ่งเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการต่อสู้ก่อนจะเริ่มทำอย่างอื่น


“แม่ไม่คิดว่าเราจะหาดินแดนนั้นเจออีกแล้วล่ะ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นตอนที่เราเข้าถึงกลไกของมัน ซึ่งตอนที่พ่อกับแม่ฝึกฝนวรยุทธเสร็จ มันก็หายไปแล้ว เราพยายามตามหามัน แต่ก็ไม่พบ แต่อันที่จริง ต่อให้ไม่ต้องพึ่งพาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ระดับวรยุทธของลูกก็พุ่งพรวดอยู่แล้วนี่…” เซียนดาบเหมิงปลอบใจ


“เอาเถอะ” จางเซวียนนวดหว่างคิ้ว


แม้เขาจะยินดีปรีดากับความก้าวหน้าของท่านพ่อท่านแม่ แต่ก็อดท้อใจไม่ได้ เขาภาคภูมิใจเสมอมากับการยกระดับวรยุทธอย่างรวดเร็วของตัวเอง แต่หลังจากเวลาผ่านมาระยะหนึ่ง เขาก็ยังติดแหงกอยู่กับวรยุทธขั้นร่างอันทรงเกียรติ โลกจารึก ยังไม่ก้าวหน้าไปไหนเสียที…


จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่และตั้งคำถามกับเซียนดาบชิงเหมิง “ท่านพ่อกับท่านแม่มาถึงอาณาเขตรอบนอกของวิหารแห่งขงจื๊อได้อย่างไร? ผมถูกส่งทะลุมิติไปยังมิติที่อยู่รอบนอก และที่สำคัญกว่านั้น…ทำไมท่านพ่อกับท่านแม่ถึงยังอยู่ด้วยกัน?”


จางเซวียนถูกส่งตัวทะลุมิติไปยังมิติผืนป่าที่อยู่รอบนอก และไม่พบใครที่รู้จักคุ้นเคยเลย แต่ไม่เพียงท่านพ่อท่านแม่ของเขาจะถูกส่งตรงมายังอาณาเขตรอบนอกของวิหาร เท่าที่เขารู้ ยังดูเหมือนว่าทั้งคู่ไม่ได้แยกจากกันด้วย


“เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเครื่องรางฟ้าประทานในตำนาน” เซียนดาบชิงตอบ “ตอนที่วิหารแห่งขงจื๊อเปิดเป็นครั้งแรก ท่านแม่ของลูก ตัวพ่อ และผู้อาวุโสสูงสุดอีก 2-3 คนกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเครื่องรางฟ้าประทานในตำนาน ก่อนที่พวกเราจะทันรู้ตัว ก็ถูกส่งทะลุมิติมาที่นี่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พ่อยังรู้สึกได้อย่างเลือนรางถึงสายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดระหว่างเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานกับหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเรา”


“เครื่องรางฟ้าประทานในตำนาน?” จางเซวียนก้มหน้าลงมองเครื่องรางที่กำลังเปล่งประกายซึ่งเซียนดาบชิงถือไว้ในมือ


มันแผ่รังสีที่ดูเหมือนจะหลอมรวมเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบกับรังสีของหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ดูเหมือนพวกมันเคยรวมกันเป็นหนึ่งและถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน มีความสอดคล้องกันในรูปแบบเฉพาะตัวระหว่างทั้งคู่


ถ้าเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานส่งท่านพ่อกับท่านแม่มายังหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แล้วทำไมเครื่องรางของเราถึงไม่ทำอะไรแบบนั้นบ้าง? จางเซวียนครุ่นคิดด้วยความสงสัย


เครื่องรางฟ้าประทานในตำนานที่เขามีอยู่คือเครื่องรางลำดับแรก เพราะฉะนั้นมันก็น่าจะส่งเขาทะลุมิติตรงเข้าสู่หอลำดับแรกไม่ใช่หรือ?


แต่จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เห็นวี่แววของหอลำดับแรกเลย กลับถูกบังคับให้บุกป่าฝ่าดงผ่านมิติผืนป่า มิติผืนทราย และมิติหิมะ…จางเซวียนรู้ดีว่าเขาจะต้องเผชิญกับอันตรายมากมายในวิหารแห่งขงจื๊อ แต่อย่างน้อยที่สุด เครื่องรางน้อยก็น่าจะชี้ทางให้เขาบ้าง!


ถ้าเขารู้ว่าเครื่องรางน้อยจะทำตัวไร้ประโยชน์แบบนี้ คงโยนทิ้งไปแล้ว!


“ในเมื่อเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานของท่านพ่อกับท่านแม่เชื่อมโยงกันกับหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แล้วทำไมท่านพ่อกับท่านแม่ถึงไม่เข้าไปในหอบริวารล่ะ?” จางเซวียนถามทั้งคู่


ทั้งสองมาถึงจุดหมายแล้ว แถมยังมีเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานด้วย แล้วทำไมถึงยังอ้อยอิ่งอยู่ข้างนอก?


“พวกเราพยายามแล้ว แต่เปิดประตูบานใหญ่นั้นไม่ได้ ดูเหมือนเวลาที่ประตูจะเปิดยังมาไม่ถึง” เซียนดาบชิงอธิบาย “แต่จากการสังเกตการณ์ของพ่อ มันน่าจะเปิดภายใน 4 ชั่วโมงหลังจากนี้!”


จางเซวียนมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ รวมทั้งประตูบานใหญ่ซึ่งอยู่บริเวณทางเข้าที่ยังคงปิดสนิท ให้บรรยากาศของความเป็นดินแดนต้องห้าม


แม้จะมีความสอดคล้องเชื่อมโยงระหว่างเครื่องรางฟ้าประทานกับหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ดูเหมือนพวกมันจะยังไม่ได้รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว


“ในตราหยกสื่อสาร ท่านพ่อกับท่านแม่บอกว่าพบร่องรอยของจ้าวหย่า แล้วเธออยู่ที่ไหน?”จางเซวียนถาม


จางเซวียนเป็นห่วงบรรดาลูกศิษย์ตั้งแต่คนเหล่านั้นถูกลักพาตัวไป แม้เขาจะยืนยันกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่าทุกคนยังคงปลอดภัย แต่ก็อดกังวลใจไม่ได้


“จ้าวหย่า…” เซียนดาบชิงกำลังจะตอบคำถาม ก็พอดีกับที่เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นกลางอากาศ จากนั้นโดมที่พวกเขายืนอยู่ก็สั่นสะท้านไม่หยุด


“พวกมันมาที่นี่อีกแล้ว…” เซียนดาบชิงลุกพรวดขณะหรี่ตา


“ใครมา?” จางเซวียนถามพร้อมกับขวดคิ้ว


“เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น พวกมันรู้ว่าท่านพ่อของลูกมีเครื่องรางฟ้าประทานในตำนาน จึงแวะมาที่นี่เป็นระยะๆเพื่อท้าทายพวกเรา” เซียนดาบเหมิงตอบ


จางเซวียนลดสายตาลง และเห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวหนึ่งยืนอยู่หน้าโดม มันถือดาบกระชับแน่นในมือ แผ่เจตนาสังหารเข้มข้นออกมา


“เซียนดาบชิง ผมคือเป่ยหยวน คุณกล้าเผชิญหน้าผมในการดวลหรือเปล่า?” เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นตวาดก้องด้วยน้ำเสียงดังลั่นเหมือนระฆังใบใหญ่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)