คัมภีร์วิถีเซียน 1721-1722
ตอนที่ 1721 ตามทัน
พลังวิญญาณจำนวนมากหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว แล้วระเบิดแรงกดมหาศาลออกมาอีกครั้ง แทบจะในเวลาเดียวกันที่ปริแตกออกหานลี่และสือคุนก็วางเขตอาคมต้องห้ามสองสามชั้นที่ทางเข้าของเขตอาคมแล้ว
เสาพายุหนาๆ สายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็กระจายตัวออก แทบจะกวาดทุกอย่างในรัศมีสองสามลี้เอาไว้ในวงพายุหมุน ในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นกลางอากาศก็หมุนวนไปรอบด้าน
แม้ว่าหานลี่และพวกจะอยู่ห่างเป็นพันลี้ ก็ยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายการทำลายล้างได้ชัดเจน
ทั้งสามคนพลันหน้าเปลี่ยนสี
หากพวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนองช้ากว่านี้ครึ่งส่วน ยังคงชักช้าอยู่ในนั้น เกรงว่าคงซวยแล้วจริงๆ
“แย่แล้ว คนของเผ่าแมลงมีเขาเหล่านั้นกำลังมาทางนี้ ใช้ความเร็วที่เร็วมาก ใกล้จะมาถึงแล้ว” หลิวสุ่ยเอ๋อร์พลันร้องอุทานออกมาเสียงหลง
“พวกเขาพบพวกเราแล้ว และกำลังใช้เคล็ดวิชาลับตรึงตำแหน่งพวกเรา ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีก ต้องแยกกันหนี เผ่าแมลงมีเขาเหล่านี้อยู่ที่นี่มานานแล้ว จะต้องมีแผนการไม่น้อย ไม่แน่ว่าอาจจะไล่ตามอย่างไม่ลดละ” หานลี่ดูเหมือนจะสัมผัสอันใด ก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาพร้อมกับใบหน้าที่เคร่งเครียด
ยามนี้สมบัติมาอยู่ในมือแล้ว เดิมพวกเขาก็เตรียมจะไปตามทางของตนเอง ยิ่งได้ยินคำพูดของหานลี่ ที่เหลือทั้งสองคนย่อมไม่มีความเห็นอื่น
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นผู้แซ่สือก็ขอตัวลาก่อน!” สือคุนประสานมือคารวะหานลี่และพวกทั้งสองทันที กลายเป็นลำแสงสีเหลืองสายหนึ่งพุ่งออกไป
“พี่หานอีกสองสามเดือน ไปรวมตัวกันที่เมืองเมฆานะ” หลิวสุ่ยเอ๋อร์เองก็หัวเราะน้อยๆ ขณะเอ่ย
หญิงสาวผู้นี้สะบัดแขนเสื้อ สำเภาไม้สีเงินขนาดเท่าฝ่ามือพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วขยายใหญ่จนมีขนาดสองสามจั้ง ปรากฏอยู่ใต้ร่าง
เท้าเรียวขยับคนก็ร่อนลงไปในสำเภาไม้อย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันกลางอากาศก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ลำแสงวิญญาณห้าสีพุ่งออกมาจากกลางอากาศ จมหายเข้าไปในอ้อมอกของหลิวสุ่ยเอ๋อร์ นั่นก็คือหมีน้อยติดปีกตัวหนึ่ง
เมื่อเก็บอสูรวิญญาณ หลิวสุ่ยเอ๋อร์ก็ไม่ลังเลอีก ลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบใต้ฝ่าเท้า สำเภาไม้อยู่ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้งพุ่งแหวกอากาศออกไป
หานลี่เห็นสถานการณ์นี้หางตาก็กระตุก มือหนึ่งพลันร่ายอาคม เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น แผ่นหลังมีปีกขนนกแวววาวคู่หนึ่งปรากฏออกมา
ปีกคู่นั้นแค่กระพือเบาๆ ก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวขาวสายหนึ่งพุ่งออกไป
แค่กะพริบวาบๆ หานลี่ก็อยู่ห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง ไปปรากฏตัวที่ขอบฟ้า
และในยามนั้นเองบรรยากาศใกล้ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้น อสรพิษน้อยสีขาวตัวหนึ่งปรากฏกาย พลิ้วไหวกายแล้วบินหายเข้าไปในเส้นไหมลำแสง
เส้นไหมลำแสงแค่หยุดชะงักเล็กน้อย ก็กระตุ้นความเร็วเต็มอัตรา หายวับไปที่ขอบฟ้า
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ท้องฟ้าอีกด้านก็มีลำแสงสว่างวาบ เป็นไอของลำแสงหลีกหนีสิบกว่าสาย ส่งเสียงกรีดร้องมาอยู่ตรงจุดที่หานลี่และพวกหยุดอยู่แต่เดิม
ลำแสงหลีกหนีหม่นแสงลง ด้านในเผยชาวแมลงมีเขาสวมอาภรณ์หลากหลายออกมาสิบกว่าคน
ผู้นำคือชายหนุ่มคนหนึ่ง บนศีรษะมีเขาสีทอง สีหน้าเคร่งขรึม
“คนพวกนี้มีปฏิภาณไหวพริบว่องไวมาก หนีก็ไว ทว่าแผนของพวกเรากำลังอยู่ในช่วงสำคัญ คาดไม่ถึงว่าจะมีคนเผ่าอื่นแอบซ่อนตัวจับตามองอยู่ หากไม่ใช่เพราะพวกเราสัมผัสเขตอาคมได้ เกรงว่าคงไม่อาจพบพวกเขา ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้แน่ เหลิ่งหาน ไป๋กั่ว เจ้าสองคนพาคนที่เหลือไล่ตามอีกสองคนไป ข้าจะไล่ตามคนสุดท้ายไปเอง” ชายหนุ่มเขาสีทองขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะออกคำสั่ง
“ท่านทูตซู๋ซู่โปรดวางใจ เราสองคนจะต้องทำภารกิจสำเร็จแน่” บุรุษหนึ่งคนและสตรีอีกหนึ่งคนค้อมตัวลงตอบรับ
บุรุษมีอายุสี่สิบกว่าปี ร่างกายสูงใหญ่ ผิวพรรณมีเกล็ดอยู่เต็มไปหมด เหนือศีรษะมีเขางอๆ สีฟ้า ท่าทางองอาจห้าวหาญ
หญิงสาวมีร่างกายอรชนอ้อนแอ้น หน้าตางดงาม หว่างคิ้วมีเขาสั้นๆ สีขาวยาวสองสามชุ่น สวมชุดกระโปรงสีเงินนิรนามชุดหนึ่ง
หลังจากที่ทั้งสองกวักมือเรียกคนอื่นๆ ในกลุ่ม ชั่วขณะนั้นก็มีสามคนบินออกมานอกกลุ่ม ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา
“พวกเจ้าตามสหายเหลิ่งไปก็แล้วกัน ข้าไปคนเดียวได้” ชายหนุ่มเห็นในกลุ่มยังมีอีกสี่คนที่ไม่ขยับ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วขณะออกคำสั่ง
“แต่ว่า ท่านทูต…”
ที่เหลือทั้งสี่ได้ยินกลับตกตะลึง หนึ่งในนั้นเผยสีหน้าลังเลออกมาขณะเอ่ยพึมพำ
“หึ พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือ ข้ามีสมบัติใดอยู่กับตัว ต่อให้ไม่ต้องใช้อาวุธสวรรค์ทมิฬ จากอิทธิฤทธิ์ของข้าก็ไม่กลัวเผ่าเบื้องบนคนหนึ่งหรอก” ชายหนุ่มแค่นเสียงอย่างเย็นชา เอ่ยอย่างไม่อาจขัดคำสั่งได้
ได้ยินชายหนุ่มที่ชื่อซู๋ซู่กล่าวเช่นนี้ ที่เหลืออีกสี่คนก็มองสบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกว่ามีเหตุผล ทันใดนั้นก็พยักหน้า ทั้งสี่แบ่งออกเป็นฝั่งละสองคนเข้าไปอยู่ในกลุ่มของชายร่างใหญ่เขาสีเขียวและหญิงสาวกระโปรงสีขาว
จากนั้นคนเผ่าแมลงมีเขาเหล่านี้ก็ทยอยกันพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศโดยมีทั้งสองเป็นผู้นำ กลายเป็นสายรุ้งสิบกว่าสายพุ่งไล่ตามไปคนละทาง
นั่นก็คือทิศทางที่หลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนหนีไป
ชั่วพริบตาที่นี่ก็เหลือเพียงชายหนุ่มเขาสีทองเพียงผู้เดียว
ชายหนุ่มชักสายตามาจากจุดที่ไกลออกไป มองจุดที่หานลี่หายตัวไปอย่างเย็นชา มือหนึ่งตบไปที่หว่างเอว
เสียง “สวบ” ดังขึ้น ลำแสงสีเหลืองบินออกมา
เสียงกรีดร้องยาวราวกับเสียงมังกรคำราม อสูรประหลาดสีเหลืองเข้มราวกับกิ้งก่าเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น
อสูรประหลาดตัวนี้มีหกขา แผ่นหลังมีปีกเนื้อขนาดยักษ์สองคู่ ชั่วพริบตาก็มีความยาวสิบกว่าจั้ง ดูโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง
ชายหนุ่มเขาสีทองพลิ้วกาย มายืนอยู่บนหัวของกิ้งก่ายักษ์
มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ หอยทากโปร่งใสสีแดงโลหิตตัวหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ
แต่ร่างกายกว่าครึ่งของแมลงวิญญาณนี้อยู่ในกระดอง หนวดสองเส้นหดเป็นวงกลม ท่าทางเกียจคร้าน
ชายหนุ่มแมลงมีเขาขมวดคิ้ว มืออีกข้างหนึ่งร่ายอาคม พายุโหมโจมตีออกไป ยาลูกกลอนสีแดงสดขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวพุ่งไปหาหอยทาก
หอยทากที่เดิมมีท่าทีเกียจคร้านพลันกระฉับกระเฉงขึ้น มันสะบัดหัวไปมา ชั่วขณะนั้นก็ยืดตัวออกมาจากกระดองอย่างรวดเร็ว ปากก็กลืนยาลูกกลอนลงท้องไป
ชายหนุ่มใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ปากก็บริกรรมคาถา
ชั่วขณะนั้นหนวดสองเส้นของหอยทากก็ยื่นออกมา ชี้ไปยังทิศทางที่หานลี่หนีไป เปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า…
ชายหนุ่มเขาสีทองเห็นเหตุการณ์นี้ แววตาพลันฉายแววเย็นชา ยกเท้าขึ้นเหยียบไปด้านล่าง
ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ขาทั้งหกของกิ้งก่าและปีกเนื้อทั้งสี่กระพืออย่างแรงพร้อมกัน
ชั่วขณะนั้นพายุสีเหลืองก็ม้วนเข้ามา ห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้ข้างใน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เม็ดทรายก็สลายหายไป
อสูรประหลาดและชายหนุ่มสลายหายไปจากที่เดิม
……
หานลี่ที่กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวขาวใช้ความเร็วที่น่าเหลือเชื่อปรากฏตัวขึ้นรางๆ กลางอากาศ ชั่วพริบตาก็หนีออกมาได้เป็นแสนลี้
แต่แววตากลับเปล่งประกายอยู่ในลำแสงหลีกหนี ใช้จิตสัมผัสกวาดไปนอกร่างกายของตนเองไม่หยุด แล้วขมวดคิ้วน้อยๆ
หลังจากที่บินมาไม่นาน เขาก็สัมผัสได้ว่าตนดูเหมือนจะถูกสิ่งลึกลับบางอย่างตรึงเป้าหมายเอาไว้ และเริ่มไล่ตามอย่างไม่ลดละ
แม้ว่าเขาจะตามหา แต่กลับไม่พบร่องรอย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เคล็ดวิชาลับธรรมดาๆ
เช่นนั้นแม้ว่าเขาจะบินอย่างรวดเร็วแค่ไหน ก็ไม่อาจสลัดผู้ที่ไล่ตามมาด้านหลังได้
และยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเขาในยามนี้จะสำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีที่มีความเร็วน่าตกตะลึง แต่พลังปราณที่สูญเสียไปก็มหาศาลเช่นกัน
จากพลังยุทธ์ที่สูญเสียไปของเขาในยามนี้ ย่อมไม่อาจรักษาระดับความเร็วนี้ได้นานนัก
ดูแล้วมีเพียงต้องจัดการผู้ที่ไล่ตามมาด้านหลัง ถึงจะสลัดสถานการณ์ที่ถูกไล่ตามไปได้
เมื่อจัดการอันใดไปเล็กน้อยระหว่างทางที่หนี เขาก็รู้สึกว่าผู้ที่อยู่ด้านหลังคือเผ่าแมลงมีเขา แค่คนเดียวเท่านั้น
เช่นนั้นหานลี่ที่หาของที่อยากหาบนตัวไม่พบ ความคิดก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเกิดจิตสังหารขึ้นในพริบตา
จากระดับหลอมสุญตาขั้นปลายของเขาในยามนี้และอิทธิฤทธิ์มากมาย แม้ว่าจะสูญเสียพลังปราณไปมาก แต่หากจะต่อกรกับผู้ที่ไล่ตามมาซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันคนหนึ่ง ย่อมไม่ใช่ปัญหา
เมื่อขบคิดในใจเช่นนี้ หานลี่ก็ไม่ได้หยุดลำแสงหลีกหนี แต่กลับตั้งหน้าตั้งตาหนีไปข้างหน้าต่อไม่หยุด
หลังจากบินออกมารวดเดียวสองสามหมื่นลี้ หานลี่ก็รู้สึกว่าแม้ว่าผู้ที่ตามมาด้านหลังจะมีกำลังเสริม แต่ระยะทางที่ห่างไกลเช่นนี้ย่อมไม่อาจตามทันได้ เขาถึงได้หม่นลำแสงหลีกหนีแล้วหยุดลง
หานลี่ปรากฏกายขึ้น ชูแขนเสื้อขึ้นโดยไม่ปริปาก กระบี่สีเขียวยี่สิบสามสิบเล่มทะลักออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป
จากนั้นก็เอาสองมือไพล่หลัง เงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางที่มา ลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น
ไม่นานนัก ไกลออกไปก็มีเสียงหวีดร้องดังขึ้น พายุสีเหลืองม้วนวนเข้ามา
พายุนี้ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ไม่ทันได้เข้าใกล้หานลี่ ก็ส่งเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นออกมา จากนั้นพายุหมุนก็หมุนตัว แล้วสลายหายไป ไกลออกไปมีกิ้งก่ายักษ์หกขาสี่ปีกปรากฏขึ้น
หัวของกิ้งก่ายักษ์มีชายหนุ่มเขาสีทองกำลังหรี่ตามองหานลี่ แววตาฉายแววเย็นชา
“เจ้าคือคนจากเผ่าใด ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนของเผ่าเมฆาสวรรค์? ช่างเถิด ไม่ว่าเจ้าเป็นผู้ใด คาดไม่ถึงว่าจะกล้าแอบดูพวกเรา มีเพียงแต่ต้องตายเพียงเท่านั้น” ชายหนุ่มเอ่ยปาก ก็เอ่ยคำพูดที่เย็นเยียบจนเสียดแทงกระดูกออกมา
จากนั้นก็ไม่เห็นว่าเขามีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก กิ้งก่าหกขาใต้ฝ่าเท้าส่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา ผิวของมันมีพายุประหลาดปรากฏขึ้น
อสูรตัวนี้สยายปีกทั้งสี่ออกแล้วสลายหายไป
ส่วนชายหนุ่มกลับยังอยู่ที่เดิม ใช้มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศอย่างเอื่อยๆ
เงาสีดำปรากฏขึ้น มันบิดเบี้ยวเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วยืดตัวออก คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นหอกเงาสีดำสนิท
หานลี่เห็นเช่นนั้นมุมปากพลันกระตุก เรือนร่างเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า มือหนึ่งกำมือ กำปั้นพุ่งไปกลางอากาศ
กำปั้นนี้ยังไม่ทันโจมตี เงากำปั้นสีทองก็หลุดออกจากมือ เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลายเป็นกำปั้นยักษ์หนาๆ
ทุกแห่งที่กำปั้นพายุกวาดผ่านไป บรรยากาศรอบๆ ก็จะส่งเสียงระเบิดออกมา จากนั้นก็บิดเบี้ยว เสียง “ตูม” ดังขึ้น
กำปั้นยักษ์สีทองระเบิดออกจากจุดที่ไม่ไกลนัก กลายเป็นรัศมีลำแสงสีทองห่อหุ้มทุกอย่างในรัศมีสองสามจั้งเอาไว้
เสียงอสูรคำรามดังออกมาจากรัศมีลำแสง จากนั้นลำแสงสีเหลืองก็ระเบิดออก และตัดสลับกันไปมากับลำแสงสีทอง
คาดไม่ถึงว่ากิ้งก่าหกขาตัวนั้นจะปรากฏตัวขึ้นอย่างจนตรอกกลางอากาศใกล้ๆ กัน ปากก็พ่นลำแสงสีเหลืองออกมาต้านทานการโจมตีลำแสงสีทองสุดชีวิต
และในยามนั้นเอง ชายหนุ่มเขาสีทองเห็นหานลี่ดูเหมือนจะละความสนใจ ทันใดนั้นก็มีสีหน้าโหดเหี้ยม หอกในมือเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะสลายหายไปจากมือของเขาอย่างเงียบเชียบ
ตอนที่ 1722 ไม้สีเงินและร่างทอง
ครู่ต่อมาตรงหน้าของหานลี่ก็มีลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ หอกสีดำปรากฏออกมา สั่นเทาแล้วกลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งเข้ามา
หานลี่กลับมีปฏิภาณไหวพริบรวดเร็วมาก แทบจะในพริบตาที่หอกสีดำปรากฏขึ้น ก็อ้าปากพ่นประจุไฟฟ้าสีทองสายหนึ่งออกมา โจมตีไปยังหอกสีดำอย่างพอดิบพอดี
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหอกนี้มีอิทธิฤทธิ์ใด แต่จากกลิ่นอายโลหิตคละคลุ้งที่แผ่ออกมา น่าจะเป็นอาวุธชั่วร้ายชิ้นหนึ่ง ใช้อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายก็น่าจะควบคุมมันได้
แต่ฉากที่ทำให้หานลี่ตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น!
หอกสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเงาลวงตาอ่อนๆ สายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบ
ประจุไฟฟ้าสีทองโจมตีไปกลางอากาศ ไม่ได้ขัดขวางหอกนี้เลยสักนิด
หอกเล่มนี้เดิมก็อยู่ใกล้แค่คืบแล้ว ยามนี้สำแดงอิทธิฤทธิ์ที่แปลกประหลาดออกมา แม้ว่าหานลี่จะมีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวกว่าผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดา ก็ไม่อาจหลบหลีกได้
ผลคือเสียง “ปัง” ดังขึ้น หอกสีดำแทงมาที่ร่างของหานลี่ และกลายเป็นลำแสงสีดำระเบิดออก
หานลี่ถูกพลังมหาศาลโจมตี แต่เพียงแค่ถอยร่นไปก้าวหนึ่งเท่านั้น ร่างกลับปลอดภัย
แม้ว่าหอกนี้จะระเบิดลำแสงสีดำราวกับลำแสงจากยมโลกออกมา ลำแสงสีดำสนิทอันเย็นเยียบนี้กลับถูกร่างของหานลี่ต้านทานไว้ด้วยเกราะสงครามสีดำที่ปรากฏออกมาพร้อมแสงสว่างวาบ
ย่อมกำจัดการโจมตีของผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ ไปได้ ผิวของเกราะมารปรากฏอักขระสีดำออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป
หานลี่และชายหนุ่มพลันหน้าเปลี่ยนสีไปพร้อมกัน
แน่นอนว่าหานลี่ย่อมตกตะลึงกับการโจมตีของอีกฝ่าย คาดไม่ถึงว่าจะมองข้ามอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตราย หากไม่ใช่เพราะเกราะมารเหนือฟ้าปกป้องตนอยู่ การโจมตีเมื่อครู่เกรงว่าเขาคงต้องเสียเปรียบไปแล้ว
ชายหนุ่มเขาสีทองก็ตกตะลึงที่ ‘หอกวิญญาณทมิฬ’ แทบจะไม่มีผลอันใด คาดไม่ถึงว่าจะพลาดไป
ต้องเข้าใจว่าอิทธิฤทธิ์นี้โจมตีคู่ต่อสู้มาตั้งไม่รู้เท่าไหร่แล้ว กว่าครึ่งล้วนเป็นพวกที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา
แววตาของเขาฉายแววประหลาดใจ จ้องเขม็งไปยังเกราะสงครามสีดำบนร่างของหานลี่
แม้ว่าชายหนุ่มจะเพิ่งเคยเห็นเกราะมารเป็นครั้งแรก แต่อักขระสีดำนั้น ใบหน้าโหดเหี้ยมย่อมมองออกว่าเกราะชิ้นนี้ไม่ธรรมดา คาดไม่ถึงว่าจะไม่โกรธแต่กลับดีใจ
“เยี่ยม เยี่ยมมาก เกราะสงครามชิ้นนี้ไม่เลว ข้าจะเอามาให้ได้” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม
“งั้นหรือ หากมีฝีมือก็เอาไป รีบสำแดงออกมา!” หานลี่ได้ยินก็รู้สึกโกรธเกรี้ยว แต่ใบหน้ากลับเย็นชาแล้วตอบกลับอย่างราบเรียบ
“ข้าไม่ได้ต้องการแค่ชุดเกราะ แม้แต่ชีวิตของเจ้าก็ต้องเอาไปด้วย” ชายหนุ่มเขาสีทองหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา สองมือประสานกันที่ด้านหน้า จากนั้นพลันแยกออก
ชั่วขณะนั้นไม้สั้นสีเงินพลันปรากฏขึ้น พลังแรงกดอันน่าตกตะลึงพ่นออกมาจากสมบัติชิ้นนี้แล้วพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า!
หานลี่จ้องมองเขม็ง พร้อมกับใจหายวาบ
เพราะว่าเขาใช้อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณกวาดมองไป พลันพบอักขระบนไม้สั้นสีเงิน ล้วนเป็นตัวอักษรลูกอ๊อดสีเงิน
แทบจะไม่ต้องคิด เขาก็คำรามเสียงต่ำ มือหนึ่งพลันร่ายอาคม
ชั่วขณะนั้นบรรยากาศรอบๆ ก็มีดวงลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น มันพลิ้วไหวแล้วขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นดอกบัวลำแสงสีเขียวขนาดเท่าฝ่ามือ
ชั่วพริบตานั้นหานลี่พลันกระตุ้นเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ และสะบัดแขนเสื้อไปด้านข้าง เงาสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกมา หลังจากหมุนวน งูเหลือมยักษ์สีสันแวววาวยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งก็ปรากฏออกมา
งูเหลือมยักษ์สะบัดหัวสะบัดหางแล้วกระโจนเข้ามา ลำตัวมันที่มีเกล็ดห่อหุ้มเข้าไปพัวพันกับกิ้งก่าหกขาที่เพิ่งพุ่งออกมาจากรัศมีลำแสงสีทอง ปากที่มีเขี้ยวอยู่เต็มปากออกแรงกัด
กิ้งก่าหกขาพลันโกรธเกรี้ยว ปากก็พ่นไอสีเหลืองออกมา แล้วตะปบกรงเล็บเข้าใส่
ทั้งสองพลันกัดทึ้งกันไปมา
หานลี่วางใจในหุ่นเชิดสะท้านฟ้าเป็นอย่างมาก
เขาได้ตรวจสอบอสูรกิ้งก่ายักษ์ตัวนั้นแล้ว มันอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นกลางเท่านั้น
แม้ว่า ‘หวาหวา’ จะระดับต่ำกว่ามัน แต่ในร่างกลับมีสมบัติวิเศษธาตุน้ำแข็งอยู่สองชิ้น เมื่อมีอานุภาพช่วยเสริม ย่อมไม่มีทางอ่อนแอกว่าอีกฝ่ายแน่
ประกอบกับร่างของหุ่นเชิด ย่อมได้เปรียบหากต่อสู้ระยะประชิด นอกเสียจากว่าจะเป็นความเสียหายถึงชีวิต มิเช่นนั้นอานุภาพก็จะไม่ลดลงเลยสักนิด
ดังนั้นเขาจึงใช้หุ่นเชิดต่อกรกับอสูรวิญญาณของอีกฝ่าย จิตสัมผัสก็สนใจชายหนุ่มที่อยู่ในเขตอาคมกระบี่
ยามนี้ชายหนุ่มยกมือขึ้น ตะปบไปทางไม้สั้นสีเงินที่ปล่อยออกมา เงยหน้าขึ้นมองดอกบัวสีเขียวรอบด้านแวบหนึ่ง มุมปากเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา
เห็นเพียงเขาสะบัดข้อมือ ไม้สีเงินในมือเปล่งเสียงร้องคำราม เงาไม้ปรากฏขึ้น แต่กลับแข็งตัวอยู่ไม่สลายหายไป เผยความลึกลับออกมา
หางตาของหานลี่กระตุก ร่ายคาถากระบี่กระตุ้นในใจโดยไม่ปริปาก
ดอกบัวสีเขียวรอบด้านหมุนวน ทยอยกันขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า แล้วรวมตัวกัน ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นม่านลำแสงสีเขียวชั้นหนึ่ง
ชายหนุ่มเขาทองรู้สึกเพียงว่ารอบด้านรางเลือน ลำแสงสีเขียวสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าเขาจะตกอยู่ในทุ่งหญ้าสีเขียวมรกต
ใต้ฝ่าเท้าล้วนเป็นต้นหญ้าสีเขียวขจีสูงไม่ถึงสองสามชุ่น และมีดอกไม้ป่าหลากสีสันอยู่เต็มไปหมด รอบด้านยังมีเสียงวิหคแว่วเสียงมา ทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกสบายอารมณ์ ความเกียจคร้านทะลักเข้ามาในหัวใจ และรู้สึกง่วงหนาวหาวนอน!
“เคล็ดวิชาลวงตา!”
ชายหนุ่มเขาสีทองมีแววตาเลอะเลือนแวบหนึ่งแล้วหายวับไป ทันใดนั้นก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง สีหน้าเคร่งขรึม
ไม้สีเงินในมือสับไปด้านหน้า
เงาไม้จำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมาพร้อมกัน แต่พลันรวมตัวกันที่ตรงหน้า กลายเป็นไม้ยักษ์ความยาวสองสามจั้ง เปล่งเสียงมังกรคำรามออกมา ลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมา
เสียงอัสนีพายุดังขึ้น ไม้สีเงินร่อนลงมา อักขระสีเงินหมุนวน กลางอากาศนั้นบิดเบี้ยว ราวกับว่าจะฉีกอากาศออกอย่างไรอย่างนั้น
รอบด้านราวกับกระจกที่ปริแตก หลังจากหมอกสีเขียวอ่อนๆ ปรากฏขึ้น ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วสลายหายไป
ทว่ารอบด้านพลันรางเลือน ชายหนุ่มกลับมาปรากฏตัวในป่ารกชันแทน
ต้นไม้ทั้งหมดล้วนสูงใหญ่และเป็นสีเขียวมรกต ทุกต้นสูงเสียดฟ้า ใบไม้หนาทึบ แทบจะปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้จนมิด
เสียงสั่นสะเทือนดังสนั่นหวั่นไหว ต้นไม้รอบด้านสั่นคลอนแล้วล้มลงมา กลายเป็นไม้สีเขียวหนาๆ จำนวนนับไม่ถ้วนทับลงมาหาชายหนุ่ม
“หึๆ สำแดงเคล็ดวิชาลวงตาออกมาครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ยังคิดจะทำซ้ำอีก ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!”
ชายหนุ่มสีหน้าโหดเหี้ยมฉายแวบผ่าน ไม้สีเงินในมือพลิ้วไหว เงาไม้หนาแน่นทะลักออกมาจากร่างของเขา ทุกแห่งที่ลำแสงสีเงินกวาดผ่านไป เงาสีเขียวทั้งหมดจะถูกโจมตีจนแหลกสลายไปอย่างง่ายดาย กลายเป็นดวงลำแสงวิญญาณแล้วสลายหายไป
คาดไม่ถึงว่าไม้สีเงินจะดูเหมือนมีอิทธิฤทธิ์ควบคุมเคล็ดวิชาลวงตาได้
ลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบเงาไม้ทั้งหมดรวมตัวกันอีกครั้ง กลายเป็นไม้สีเงินเล่มหนึ่งพุ่งไปโจมตีม่านสีเขียว
ฉากที่ทำให้ม่านตาของหานลี่หดเล็กลงพลันปรากฏขึ้น
ชั่วพริบตาที่ไม้สีเงินแทบจะสับลงมาในม่านสีเขียว ลำแสงพลันเปล่งแสงเจิดจ้า ทำให้ผู้คนไม่อาจสบตาตรงๆ ได้ ไม้ถูกลำแสงเจิดจ้าปกคลุมเอาไว้ แล้วพลันแยกออกเป็นสองส่วน ที่เดิมเหลือเพียงเงาไม้สีเงินที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว ตัวจริงกลับจมหายไปกลางอากาศ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หากไม่ใช่เพราะหานลี่ไม่กล้าดูแคลนชายหนุ่มผู้นี้ จนต้องสำแดงอิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณออกมา เกรงว่าก็คงถูกเขาตบตาแล้ว
ส่วนเมื่อเงาไม้สีเงินโจมตีไปยังม่านสีเขียว ก็ระเบิดลำแสงสีเงินที่น่าตกตะลึงออกมา เหนือศีรษะของหานลี่ห่างออกไปไม่ถึงสองสามจั้ง ระลอกคลื่นอ่อนๆ ที่ไม่อาจสัมผัสได้ปรากฏขึ้น ไม้สีเงินปรากฏขึ้น และร่อนลงมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
มันเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ไม่มีลมโชยมาเลยสักนิด
ชั่วพริบตานั้นไม้ก็ร่อนลงมาอยู่ห่างจากศีรษะของหานลี่ไม่ถึงสองสามฉื่อ กะพริบวาบอีกครั้งแล้วระเบิดพลังแรงกดออกมา ไม่ปิดบังการโจมตีใดๆ อีก
สมบัติชิ้นนี้แผ่หมอกสีเงินออกมา ท่าทางน่าตกตะลึง
แต่ในพริบตานั้น หานลี่ก็เปล่งแสงสีทองออกมาจากหน้าผาก ฝ่ามือสีทองที่เต็มไปด้วยอักขระสีม่วงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นกลางอากาศ ตะปบไปยังหมอกสีเงินอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า คว้าไม้สีเงินเอาไว้ในมือ
ไม้สีเงินสั่นเทา ชั่วขณะนั้นพลันเปล่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงออกมา
เสียง “ปัง” ดังขึ้น
ลำแสงสีเงินและลำแสงสีม่วงทองตัดสลับกันไปมา ระเบิดเสียงดังสนั่นขึ้น
ระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อทะลักออกมาจากใจกลาง ม้วนวนไปรอบด้านแล้วแผ่กระจายตัวออก
ไม้สีเงินถูกลำแสงสีเงินหนาๆ ชั้นหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้ และหดเล็กลงสุดฤทธิ์ ท่าทางอยากแปลงกายหนีจากฝ่ามือ
แต่ฝ่ามือสีทองกลับมีนิ้วดุจเหล็กกล้า แม้ว่าจะถูกไม้สีเงินเปล่งแสงออกมาต้านทาน ก็ไม่อาจตะปบมันไว้ได้ แต่ก็ยังคงผสานเข้าหากันอย่างช้าๆ
ชายหนุ่มในเขตอาคมกระบี่ใช้อิทธิฤทธิ์อันใดก็ไม่ทราบได้ คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้รับผลกระทบของเคล็ดวิชาลวงตาเขตอาคมกระบี่ อีกทั้งยังมองเห็นฝั่งของหานลี่อย่างชัดเจน ภายใต้ความตกตะลึงนั้นก็อดที่จะเผยสีหน้าสิ้นหวังออกมาไม่ได้
เขาไม่ทันต้องขบคิด ก็ร้องตะโกนต่ำๆ ออกมา จากนั้นมือหนึ่งพลันร่ายอาคม ชี้ไปทางไม้สีเงินอย่างรวดเร็ว
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้น เสียงฟ้าร้องดังสนั่น
คาดไม่ถึงว่าประจุไฟฟ้าสีเงินจะดีดตัวออกมาจากไม้สีเงิน เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วโจมตีไปที่ฝ่ามือสีทอง ระเบิดเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นออกมา
แต่แม้ว่าฝ่ามือนี้จะแข็งแกร่งหาที่เปรียบ ทว่าภายใต้การโจมตีที่ดุดันเช่นนี้ ก็อดที่จะสั่นเทาไม่ได้
หานลี่เห็นเช่นนั้นกลับหัวเราะออกมา
แขนเสื้อสะบัดไปกลางอากาศ
ลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมา เงาร่างสีม่วงทองสูงสองจั้งปรากฏขึ้น
สามเศียรหกกร ใบหน้าไร้ความรู้สึก นั่นก็คือเทวรูปร่างทองของหานลี่
ร่างทองในยามนี้ไม่เพียงจะมีอักขระสีเงินอยู่ทั่วร่าง ลำแสงวิญญาณที่แผ่ออกมาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงทอง
ฝ่ามือสีม่วงทองที่คว้าไม้สีเงินเอาไว้ นั่นก็คือหนึ่งในแขนทั้งหก
เห็นเพียงสองในสามเศียรก้มลงต่ำ อ้าปากออกพ่นหมอกลำแสงสีทองสองกลุ่มออกมา ม้วนวนไม้สีเงินที่พุ่งมาเป็นประจุไฟฟ้าสีเงินเอาไว้ข้างในแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ถือโอกาสนี้ใช้นิ้วทั้งห้าออกแรง เสียง “ปัง” ดังขึ้น
ม่านลำแสงสีเงินที่ห่อหุ้มไม้สีเงินอยู่พลันปริแตกออก นิ้วทั้งห้าออกแรงบีบไม้สีเงินเอาไว้ในมือ
จากนั้นมืออีกข้างหนึ่งก็ตะปบออกไปอย่างรวดเร็ว
สองมือถูกันไปมา ไม้สีเงินส่งเสียงร้องคร่ำครวญ ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเงินที่แผ่ออกมาพลันหม่นแสงลง
เศียรหนึ่งของร่างทองพลันอ้าปากออกอีกครั้ง ลำแสงสีทองม้วนวน สูบไม้สีเงินเข้าไปจากกลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะกลืนลงไปในท้อง
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว!
รอจนชายหนุ่มเขาสีทองมีปฏิกิริยาตอบสนอง สมบัติที่หายากชิ้นนี้ก็สูญเสียการเชื่อมโยงจิตสัมผัสกับเขาแล้ว
ชั่วขณะนั้นพลันทำให้เขาทั้งตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น