คัมภีร์วิถีเซียน 1716-1718

ตอนที่ 1716 เสาลำแสง

 

หานลี่แววตาเปล่งประกาย มองเก้าอี้สีเขียวบนแท่นสูง สีหน้าเคร่งขรึม


“หรือว่าต้องเดินไปให้ถึงในภาพดวงดารา นั่งลงบนเก้าอี้ถึงจะได้ หากเป็นเช่นนั้น จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายก็ไม่อาจรู้ได้แล้ว” หว่างคิ้วของหานลี่เผยความลังเลออกมา


ที่นี่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างลึกลับ ความลับที่ซ่อนอยู่จะต้องไม่ธรรมดาแน่ และของที่ถูกเซียนให้ความสำคัญเช่นนี้ หากไม่ตรวจสอบให้ดี เขาจะทำใจจากไปได้อย่างไร


แต่ความน่ากลัวของเขตแดนลวงตาในภาพวาดของตำหนักดาราเมื่อครู่ ก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวการควบคุมร่างทองไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงใจกลางภาพวาด


“ช่างเถิด เดิมอันตรายและวาสนาก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ปกติแล้วยิ่งอันตรายมากวาสนาก็ยิ่งมาก ร่างทองหลอมสำเร็จแล้ว มากสุดก็ให้ทารกวิญญาณที่สองเสี่ยงอันตรายหน่อย แต่หากพลาดโอกาสนี้ไป คงไม่อาจพบซากปรักหักพังของเทพเซียนในแดนวิญญาณได้อีกเป็นครั้งที่สอง”


หานลี่ขบคิดอยู่นาน หลังจากมุมปากกระตุกเล็กน้อย ในที่สุดใบหน้าก็เผยสีหน้าตัดสินใจออกมา


แม้ว่ายามปกติเขาจะเป็นคนที่รอบคอบมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความเย้ายวนใจจากสมบัติของเทพเซียน ก็ตัดสินใจเช่นนี้


แทบจะในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาสีดำสนิทพลันกลอกไปมา ร่างทองสาวเท้ายาวๆ ไปที่เก้าอี้


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ร่างทองสูงใหญ่ก็หยุดชะงักอยู่หน้าเก้าอี้สีเขียวมรกต แววตาเปล่งประกาย ดูเหมือนว่าขนาดของเก้าอี้ไม่เหมาะสมกับความสูงใหญ่ของเขา นั่งลงไปยากลำบากมาก


ทันใดนั้นร่างทองก็ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ร่างกายหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จนมีขนาดสองสามจั้ง จากนั้นถึงได้นั่งลงบนเก้าอี้ และเอามือวางบนที่พักแขนทั้งสองตามจิตสำนึก ปากก็เริ่มบริกรรมคาถาอีกครั้ง


ครั้งนี้ตามมาด้วยเสียงบริกรรมคาถาสะท้อนไปมา ร่างทองเกิดความเปลี่ยนแปลงทันที


เห็นเพียงเก้าอี้ใต้ร่างของเขาเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ อักขระยันต์สีเงินปรากฏขึ้นบนเก้าอี้ทีละตัววนล้อมรอบร่างทองไปมา


จากนั้นเสียงบริกรรมคาถาค่อยๆ สูงขึ้น กลางอากาศเหนือแท่นสูงมีลำแสงห้าสีปรากฏขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นยังหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าหมอกห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังลอยวนเวียนอยู่กลางอากาศ ดูงดงามเป็นอย่างมาก


หานลี่พลันรู้สึกหัวใจบีบรัด จ้องเขม็งไปยังทุกอย่างที่อยู่บนแท่นบูชาด้วยตาที่ไม่กะพริบ


แทบจะในพริบตาที่ดวงลำแสงห้าสีปรากฏขึ้น ภาพวาดดวงดาราขนาดยักษ์บนแท่นบูชาก็เปล่งแสงสีทอง เงิน ขาว สามสีออกมา


ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาราในลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ทยอยกันกลายเป็นลำแสงสามสีแล้วปริแตกออก หมอกลำแสงหมุนวนอีกครั้ง ชั่วพริบตาก็กลายเป็นตัวอักษรลูกอ๊อดสีเงิน อักขระจ้วนทองและอักขระสีขาวที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน กลายเป็นเขตอาคมลำแสงมหัศจรรย์ ห่อหุ้มทั้งแท่นสูงเอาไว้


หุ่นเชิดเกราะสีเงินทั้งเก้าและเทวรูปร่างทองบนเก้าอี้ อยู่ตรงจุดอันตรายของเขตอาคมลำแสงพอดี กลายเป็นรูปภาพเชื่อมโยงกันที่แปลกประหลาด


หานลี่เห็นเช่นนั้นแววตาพลันเปล่งประกาย แต่ก็ไม่ได้ทำอันใด


ทารกวิญญาณที่สองพ่นคาถาออกมา จนถึงประโยคสุดท้าย


แววตาของหุ่นเชิดทั้งเก้าฉายแวววาวโรจน์ ในที่สุดก็มีการเคลื่อนไหวแล้ว


เห็นเพียงหุ่นเชิดทั้งหมดสาวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง บ้างก็ก้าวไปข้างหน้าบ้างก็ก้าวไปข้างหลัง ทุกคนอยู่ห่างจากตำแหน่งเดิมไปครึ่งก้าว


ทว่าแค่ความเปลี่ยนแปลงนี้ ระลอกคลื่นของเขตอาคมก็ปรากฏขึ้น ขานรับกับเขตอาคมลำแสง ทำให้เหตุการณ์ในเขตอาคมเปลี่ยนแปลงไป


ดวงลำแสงห้าสีที่เดิมลอยอยู่กลางอากาศ ค่อยๆ สั่นเทา แล้วโจมเข้ามาในเขตอาคมลำแสงราวกับพายุฝนกระหน่ำ


แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น สองมือของหุ่นเชิดทั้งเก้าก็คว้าขวานสีเงินเอาไว้ เปลวเพลิงลำแสงสีเหลืองทองทะลักออกมาจากร่างของพวกมัน


เปลวเพลิงสีทองและเกราะสีเงินเสริมจุดเด่นให้กันและกัน ทำให้หุ่นเชิดเหล่านี้มีท่าทางน่าเกรงขามราวกับขุนพลอย่างไรอย่างนั้น


แต่หุ่นเชิดเหล่านี้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ดูดีแต่ภายนอก ในเวลาเดียวกันที่เปลวเพลิงสีทองทะลักออกมานั้น พลังแรงกดมหาศาลก็ทยอยกันส่งมาที่ร่างของหุ่นเชิดเหล่านี้


ความแข็งแกร่งของพลังแรงกดนี้ ทำให้ไอวิญญาณฟ้าดินในบริเวณรอบแท่นสูงพลันหมุนวน สุดท้ายก็กลายเป็นพายุหมุนสีทอง ส่งเสียงกรีดร้องแล้วพุ่งแฉลบออกไป


หานลี่ที่อยู่ห่างออกไปสามสิบจั้ง ถูกขอบของพายุหมุนแฉลบผ่านร่างไปเล็กน้อย ผลคือพลันหน้าเปลี่ยนสี ราวกับว่าถูกพลังมหาศาลอันใดสักอย่างโจมตีก็ไม่ปาน ลำแสงสีทองบนร่างเปล่งแสงสว่างวาบ พุ่งออกไปราวกับลูกธนูยักษ์


ครานั้นเขาพลันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งห่างออกไปยี่สิบจั้งเศษ เงาร่างโซซัดโซเซ แล้วถึงได้ยืนได้อย่างมั่นคง


หุ่นเชิดเหล่านี้แผ่พลังแรงกดออกมา คาดไม่ถึงว่าจะน่ากลัวมาก


แม้ว่าจากระดับศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาๆ ของเขาและกายเนื้อที่แข็งแกร่งสองสามส่วนแล้ว ก็ไม่อาจต้านทานมันได้แม้เพียงครู่


หานลี่ทั้งตกตะลึงระคนหวาดกลัว


ทว่าเขาในยามนี้ไม่สนใจสิ่งอื่นแล้ว รีบร้อนเงยหน้าขึ้นมองไปยังแท่นสูง


เห็นเพียงร่างของนักรบชุดเกราะทั้งเก้ามีลำแสงสีทองทะลักออกมา ขวานยาวสีเงินที่เดิมชี้ไปบนท้องฟ้าสั่นเทา พ่นเสาลำแสงสีทองออกมาสายหนึ่ง และพุ่งมาที่ลำแสงสีเหลืองทองกลางอากาศ


เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไป


ชั่วขณะนั้นลำแสงพลันเปล่งเสียงประหลาดๆ อย่าง “ตูม” ออกมา ด้านในมีหมอกลำแสงหมุนวนอย่างรวดเร็ว ระลอกคลื่นยักษ์ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ


เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ลำแสงสามสีในเขตอาคมลำแสงยักษ์หมุนวน อักขระสามสีที่แทบจะมีขนาดเท่าเขตอาคมลำแสงปรากฏขึ้น เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งไปกลางอากาศ


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ อักขระยักษ์ก็จมหายเข้าไปในระลอกคลื่นสีทอง


หมอกลำแสงสีทองหมุนวนอย่างรุนแรง เสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ดังขึ้น จากนั้นระลอกคลื่นก็แผ่ออกมาจากคลื่นยักษ์


เสียง “ตูมๆ” ดังอึกทึกขึ้น เสาลำแสงสีทองที่หนากว่าเดิมสองสามเท่าพ่นออกมาจากขวานสีเงินของนักรบชุดเกราะ มีขนาดเท่าปากชามอย่างไรอย่างนั้น


ส่วนเขตอาคมลำแสงบนแท่นบูชาก็เปล่งแสงเจิดจ้ายิ่งขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นม่านลำแสงสามสีที่ดูเหมือนจริง ห่อหุ้มทั้งแท่นบูชาเอาไว้


ภายในม่านลำแสง อักขระสีทองเงินจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา อักขระต่างๆ พุ่งไปหาร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์บนเก้าอี้


ทั้งเขตอาคมลำแสงถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งเสียงแสบแก้วหูราวกับเสียงฟ้าคำรามออกมา!


แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ฉับพลันนั้นหานลี่ก็สัมผัสได้ว่ารอบๆ มืดมน เมื่อเพ่งพินิจมองชั่วขณะนั้นพลันใจเต้น


เขาอยู่ในดวงดารายักษ์ที่เคยมีประสบการณ์มาแล้วอีกครั้ง


แต่แค่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ตรงมุมประหลาด เมื่อมองจากที่สูงลงไปด้านข้างพลันมีดวงดาราสีขาวโพลนลอยอยู่


ส่วนร่างทองและเก้าอี้ รวมทั้งเขตอาคมลำแสงสามสีใต้ฝ่าเท้า นักรบชุดเกราะ ระลอกคลื่นสีทองล้วนอยู่ในดวงดารา


หานลี่สะบัดแขนเสื้ออย่างแทบจะไม่ต้องขบคิด กระบี่บินสองสามชุ่นบินออกมา


หมุนวนรอบหนึ่ง แล้วกลายเป็นลำแสงสีเขียวสายหนึ่ง ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ!


ทุกแห่งที่ลำแสงสีเขียวกวาดผ่านไป ดวงดาราจำนวนนับไม่ถ้วนถูกก่อกวนจนกระจัดกระจาย


หานลี่เห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้ว แต่ในใจกลับผ่อนคลายลง


ดวงดารานี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เขตอาคมลวงตา ครั้งนี้จิตสัมผัสของเขารักษาอาการตื่นรู้เอาไว้ได้ และไม่ได้สูญเสียความเป็นตัวเองไปในชั่วพริบตา


ทว่าความคิดนี้เพิ่งจะแวบผ่านในหัวของหานลี่ไป ระลอกคลื่นสีเหลืองทองก็รุนแรงขึ้นหลายเท่า


ระลอกคลื่นราวกับมีรูปร่าง กลายเป็นระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ พ่นออกมา และกระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน


ทุกแห่งที่กวาดไป กลางอากาศล้วนรางเลือน ดวงดาราทั้งหมดสั่นเทาในชั่วพริบตา ไม่อาจมีอิสระได้


เสียงแหวกอากาศดังสนั่นขึ้น เสาลำแสงสีขาวนวลหนาๆ พ่นออกมาจากระลอกคลื่นสีเหลืองทอง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป โจมตีไปยังเขตอาคมลำแสงบนแท่นบูชา ห่อหุ้มร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์บนเก้าอี้เอาไว้


เสียงฟ้าผ่าดังออกมาจากเสาลำแสง และมีอักขระยันต์ห้าสีแฝงอยู่ด้วย แม้ว่าหานลี่จะอยู่ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์ในเสาลำแสง แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียด ที่แฝงอยู่ด้านในเป็นแค่ไอวิญญาณเท่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับดวงดาราแฝงอยู่


ทารกวิญญาณที่สองที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ชั่วพริบตาที่เสาลำแสงมาถึงตัว ชั่วพริบตานั้นก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบด้านร่างทองตึงแน่น พลังมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้กดทับลงมาบนร่างของมัน


แม้ว่าจากพลังของร่างทอง แม้แต่นิ้วหนึ่งนิ้วก็ไม่อาจกระดิกได้เลยสักนิด


พลังวิญญาณบริสุทธิ์ในเสาลำแสงรวมทั้งอักขระห้าสีพยายามทะลักออกมาจากร่างทองอย่างสุดชีวิตราวกับคลื่นน้ำ คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด


ร่างของหานลี่ที่อยู่ไกลเห็นเหตุการณ์นี้ ก็อดที่จะหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้


ห่างไปแค่นี้ ทารกวิญญาณที่สองและทารกวิญญาณหลักพลันรักษาระดับความสนิทสนมกันได้ เทวรูปร่างทองสัมผัสได้ถึงทุกอย่าง มันแทบจะมีความรู้สึกเหมือนกันอย่างไรอย่างนั้น


ภายใต้พลังวิญญาณบริสุทธิ์และอักขระห้าสีที่บรรจุเข้ามา ทารกวิญญาณที่สองซึ่งฝึกฝนไอมารสวรรค์ทมิฬจนอยู่ในระดับยอดสุดของระดับก่อกำเนิดขั้นกลาง คาดไม่ถึงว่าจะเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดขั้นปลายในพริบตา ราวกับว่าจุดคอขวดระดับขั้นปลายเดิมนั้นไม่มีอยู่อย่างไรอย่างนั้น


ไม่ใช่แค่นี้เคล็ดวิชามารของทารกวิญญาณที่สองยังตกอยู่ในพลังมหัศจรรย์อันน่าเหลือเชื่อของเสาลำแสง พลังยุทธ์เพิ่มขึ้น พริบตานั้นก็จมหายเข้าไปในระดับยอดสุดของระดับขั้นปลาย แล้วพบกับจุดคอขวดของระดับเทพแปลง


เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยากลำบากนี้ หานลี่ในตอนแรกก็เตรียมการเอาไว้มากมาย ข้ามผ่านอุปสรรคด้วยความกล้าๆ กลัวๆ


ทารกวิญญาณที่สองแค่สัมผัสได้ว่าเสาลำแสงสีขาวโพลนสั่นเทาสองสามครั้ง เสียงสวดภาษาสันสกฤตแหลมสูงขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะเดินไปบนหนทางแบนๆ นั้นได้อย่างง่ายดาย เข้าสู่ระดับเทพแปลงขั้นต้น


พลังยุทธ์ยังเพิ่มมากขึ้น…


และทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนผ่านไปไม่ถึงสิบอึดใจเท่านั้น


หานลี่แค่คิดดูแล้ว แทบไม่กล้าเชื่อข่าวคราวที่ส่งมาจากทารกวิญญาณที่สอง


ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ เขาเห็นด้วยตาของตัวเอง ร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ท่ามกลางเสาลำแสงสีขาว สุดท้ายก็กลายเป็นของเหลวสีทอง ลอยอยู่ในเสาลำแสง


ทารกวิญญาณที่สองที่มีไอสีดำรอบกาย ปรากฏออกมาใต้เสาลำแสง


แต่ไม่รอให้หานลี่ได้ตกตะลึง เข้าใจสถานการณ์ว่าดีหรือร้าย อักขระห้าสีส่วนหนึ่งก็มีขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าวสาร จากนั้นก็บรรจุเข้าไปในของเหลวสีทองเหล่านั้น แล้วจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย


ของเหลวสีทองเหล่านี้ราวกับถูกพลังนิรนามชำระล้างรอบแล้วรอบเล่า


ฉับพลันนั้นร่างของหานลี่และทารกวิญญาณก็เปล่งเสียงร้องอันเจ็บปวดจนถึงดวงจิตวิญญาณออกมาพร้อมกัน


ร่างที่มีไอสีดำหมุนวน เรือนกายสั่นเทาไม่หยุด ส่งเสียง “เอื๊อก” ออกมา ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบแล้วร่อนลงมาจากท้องฟ้า

 

 

 


ตอนที่ 1717 พัฒนาระดับขั้น

 

หานลี่และทารกวิญญาณที่สองสัมผัสได้ว่าร่างกายและจิตสัมผัสถูกใบมีดจำนวนนับไม่ถ้วนกรีดแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกัน


สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็คือความเจ็บปวดนี้ไม่อาจใช้พลังปราณหรืออิทธิฤทธิ์อันใดมาลดทอนพลังหรือต้านทานมันได้ ทำให้พวกเขาเหมือนกับคนธรรมดาอย่างไรอย่างนั้น จึงทำได้เพียงรับความเจ็บปวดมหาศาลเอาไว้


ดังนั้นถึงแม้ว่าร่างของหานลี่จะสามารถต้านทานความร้ายกาจของกระบี่บินและมีดบินได้ แต่ความเจ็บปวดนี้มหาศาลนี้ แม้แต่พลังปราณในร่างยังไม่อาจควบคุมได้ แล้วร่อนลงมา


เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น


แม้ว่าจะเจ็บปวดจนยากจะรับไว้ แต่เคล็ดวิชาพราหมณ์เที่ยงแท้มารศักดิ์สิทธิ์ในร่างจะยังไม่ได้แผ่ออกมา ความสูงแค่นี้ย่อมไม่อาจทำร้ายกายเนื้อได้เลยสักนิด พื้นกลับถูกร่างกายที่แข็งแกร่งกดลงไปจนกลายเป็นรูโบ๋ ศิลาที่แตกละเอียดเหล่านี้พลันปลิวว่อนไปทั่วทุกสารทิศ


หานลี่ไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เลยสักนิด ปากก็เริ่มร้องอย่างเจ็บปวด ปากของใบหน้าด้านหลังปิดสนิทอย่างอดทน แต่สีหน้าก็ค่อยๆ เขียวคล้ำ


ความเจ็บปวดนี้เป็นสิ่งที่ยากจะรับไหวจริงๆ เขาจึงทำได้เพียงอาศัยความแข็งแกร่งของตนพยายามต้านทานเอาไว้เท่านั้น


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หานลี่รู้สึกเพียงว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมของตนเองร้อนฉ่าขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะถูกความร้อนที่แปลกประหลาดห่อหุ้มเอาไว้ แม้แต่จิตวิญญาณก็ยังเหมือนถูกไฟลุกโชนอย่างไรอย่างนั้น


หานลี่แค่ฝืนประคองสติสัมปชัญญะเอาไว้ ในใจยังคงตกตะลึงเป็นอย่างมาก


กัดฟัน ร่างกายของเขาพลันเคลื่อนไหว คาดไม่ถึงว่าจะควบคุมร่างกายให้นั่งลงไปในหลุม


นั่งขัดสมาธิเสร็จแล้ว สองมือพลันร่ายอาคม ลำแสงสีทองพลันเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นบนเรือนร่างอีกครั้ง


หลังจากที่เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบนเรือนร่าง คาดไม่ถึงว่าจะใช้ความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้มากำจัดความแปลกประหลาดบนร่างกาย


แต่ครู่ต่อมาก็ทำให้เขาตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ความเจ็บปวดเหล่านั้นกลายเป็นพลังเย็นเยียบไหลไปตามชีพจร กลายเป็นพลังประหลาดที่ไม่เคยเห็น ผลักดันเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ให้โคจรอย่างรวดเร็ว


หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน พลังยุทธ์ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างแปลกประหลาด


แม้จะเทียบกับน้ำหนักทั้งหมดแล้ว จะเพิ่มขึ้นมาไม่มาก แต่ก็เพิ่มขึ้นมาจริงๆ


และยิ่งไปกว่านั้นการเพิ่มขึ้นของพลังยุทธ์นี้จะทำให้การโคจรของเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้เพิ่มขึ้นไม่หยุด


คาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องดีเช่นนี้ นี่จะไม่ทำให้เขาทั้งตกตะลึงระคนดีใจได้อย่างไร!


หานลี่ไม่ได้คิดสาเหตุให้ละเอียดอีก พลันหลับตาลงโดยไม่พูดอันใด ลำแสงสีทองบนร่างเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วตั้งใจฝึกฝน


ในสถานการณ์เช่นนี้ ทุกการโคจรพลังรอบหนึ่งก็เท่ากับการฝึกฝนอย่างหนักหนึ่งปี เขาไม่อาจปล่อยวาสนาใหญ่เช่นนี้ไปได้


ทว่าการเพิ่มพลังยุทธ์เช่นนี้ เทียบกับทารกวิญญาณที่สองในเสาลำแสงที่อยู่ไกลออกไปแล้ว กลับยังคงแตกต่างกันมาก


แม้ว่าทารกวิญญาณที่สองก็โคจรเคล็ดวิชาเพื่อต้านทานความเจ็บปวดบนร่างเช่นกัน แต่เป็นเพราะรับพลังมหาศาลของเสาลำแสงโดยตรง ส่วนที่สลายไปเทียบกับพลังที่ทะลักเข้ามาไม่หยุดแล้ว ช่างไม่คุ้มค่าเลยสักนิด


ดังนั้นแม้ว่าความเจ็บปวดจะโคจรไปก็ยังมีความสุข และแทบจะไม่เคยเพิ่มขึ้นหรือลดลงเลยสักนิด แต่พลังยุทธ์ของทารกวิญญาณที่สองที่เพิ่มขึ้นก็มากกว่าร่างของหานลี่ แทบจะมากกว่าสามสี่เท่า


หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร มันก็พัฒนาจะระดับเทพแปลงขั้นต้นเป็นระดับขั้นกลาง และไม่พบกับจุดคอขวดใดๆ เช่นกัน


เวลาค่อยๆ ไหลผ่าน!


หานลี่รู้สึกเพียงว่าร่างกายสั่นเทา ความแปลกประหลาดทะลักเข้ามาในหัว หลังจากที่อยู่ในจุดคอขวดของระดับหลอมสุญตาขั้นต้นมาระยะหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะทะลุไปแล้วจริงๆ เข้าสู่ระดับหลอมสุญตาขั้นกลาง


ภายใต้ความดีใจอย่างบ้าคลั่งของหานลี่ ก็โคจรเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้อย่างบ้าคลั่ง


เขากลับไม่ได้สังเกตเลยว่า ในชั่วพริบตาที่เขาพัฒนาระดับขั้นมาอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นกลาง ของเหลวสีทองในเสาลำแสงที่อยู่ไกลออกไปพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างของทารกวิญญาณที่สองกระโจนไปรวมตัวกัน


ชั่วพริบตาร่างทองร่างใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นในเสาลำแสง


ร่างทองใหม่มีสามเศียรหกกรเช่นกัน แต่เรือนร่างเต็มไปด้วยอักขระสีม่วงทอง ก่อตัวเป็นอักขระประหลาดที่รางเลือน อักขระสีม่วงทองเหล่านั้น ไม่เพียงจะรางเลือน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สมบูรณ์เล็กน้อยอีกด้วย


เช่นนั้นลำแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากร่างของทองก็แตกต่างจากเดิมลิบลับ ลำแสงที่แผ่ออกมามีลำแสงสีม่วงแฝงอยู่รางๆ เผยความลึกลับออกมา


ใบหน้าของร่างทองหน้าที่สามที่รางเลือนไม่ชัดเจน พลันชัดเจนขึ้นหลายส่วน แม้กระทั่งสามารถมองเห็นเครื่องหน้าทั้งห้าชัดเจน แต่หน้าตาของใบหน้าที่สามยังคงไม่นับว่าชัดเจนอันใด


เมื่อทารกวิญญาณที่สองมีร่างทองร่างใหญ่ ความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์และอักขระห้าสีก็เพิ่มขึ้น ความเจ็บปวดก็ลดลงไปไม่น้อย


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ พลังยุทธ์ของทารกวิญญาณที่สองก็ทะลวงระดับเทพแปลงขั้นกลาง เข้าสู่ระดับเทพแปลงขั้นปลาย และพุ่งไปสู่ระดับยอดสุดของระดับขั้นปลาย


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เมื่อพลังยุทธ์ของหานลี่เข้าใกล้ระดับยอดสุดของหลอมสุญตาขั้นกลาง และยามที่สะสมระดับเพื่อทะลวงจุดคอขวดนั้น ทารกวิญญาณที่สองก็ใช้เวลาทะลวงจุดคอขวดของระดับเทพแปลง เข้าสู่ระดับที่ใกล้เคียงกับหานลี่อย่างระดับหลอมสุญตา


ความเร็วในการพัฒนาระดับที่น่ากลัวเช่นนี้ ผู้มีอิทธิฤทธิ์ใดในแดนวิญญาณมาเห็นเข้า ก็มีเพียงต้องตกตะลึงจนตาค้างหมดคำพูดเท่านั้น


เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!


ดูเหมือนว่าจะสัมผัสอันใดได้ ขวานสีเงินที่ใช้ไปกลางอากาศของนักรบชุดเกราะทั้งเก้าเปล่งเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมกัน และยิ่งไปกว่านั้นเสาลำแสงทั้งเก้าที่พ่นออกมาจากปลายขวาน ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศเช่นกัน


เสาลำแสงสีขาวโพลนพ่นออกมาจากระลอกคลื่นสีทองแล้วสั่นเทา แขวนอยู่เพียงครู่ก็ขยายใหญ่ขึ้นเท่าหนึ่ง


ทารกวิญญาณที่สองในเสาลำแสง พลันเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา


ด้านนอกมีร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ หลอมละลายไปอีกครั้ง


ชั่วพริบตาของเหลวสีทองก็ปรากฏขึ้นในเสาลำแสงอีกครั้ง


แต่แค่ครั้งนี้ของเหลวสีทองเหล่านั้นกลับกลายเป็นเส้นไหมสีม่วง ดูเหมือนว่าจะไม่ต่างอันใดกับของเหลวในครั้งก่อน


จากนี้ฉากที่เหมือนกันพลันปรากฏขึ้น


พลังวิญญาณบริสุทธิ์และอักขระห้าสีก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในของเหลวสีทอง พลังลึกลับพลันชำระล้างและชุบลงไปในของเหลวสีทองเหล่านั้นอีกครั้ง


เส้นไหมลำแสงสีม่วงในของเหลวสีทอง ขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่ไม่อาจสัมผัสได้ด้วยตาเนื้อ


ในเวลาเดียวกันที่อานุภาพของเสาลำแสงสีขาวโพลนเพิ่มขึ้น หานลี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกเพียงว่าเรือนร่างและจิตสัมผัสเจ็บปวดมากขึ้นหลายส่วนเช่นกัน


ความเจ็บปวดมหาศาลจมหายเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณ แทบจะทำให้เขาเกือบจะมึนหัวจนตาพร่ามัว


โชคดีที่เขาในยามนี้ ต้านทานความเจ็บปวดเช่นนี้มามากมายแล้ว ถึงได้ฝืนประคองร่างกายไม่ให้ล้มลงได้


และยิ่งไปกว่านั้นพลังวิญญาณในร่างของหานลี่ก็โคจรไปมา การดูดซับไอเย็นเยียบก็มากขึ้นกว่าก่อนหน้า ทำให้พลังยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นหลายส่วน


……


หานลี่รู้สึกเพียงว่าร่างของตนเองราวกับตกอยู่ในสวรรค์แห่งน้ำแข็งและไฟ


พลังยุทธ์ของเขาอยู่ในระดับยอดสุดของระดับหลอมสุญตาขั้นกลางตั้งแต่ครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ และอาศัยพลังลึกลับโจมตีระดับขั้นปลายไปสิบกว่าขั้น


แต่เห็นได้ชัดว่าจุดคอขวดในครั้งนี้ ไม่เหมือนกับครั้งก่อนหน้า การโจมตีอย่างต่อเนื่องสองสามครั้ง ไม่อาจมีผล


เช่นนั้นความเจ็บปวดในส่วนลึกของจิตวิญญาณและการสะสมพลังลึกลับในร่างกายใกล้จะอยู่ในขีดจำกัดที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏขึ้นแล้ว


เขาไม่อาจทะลวงจุดคอขวดนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น จิตวิญญาณที่ไม่ถูกพลังของความเจ็บปวดฉีกออก สุดท้ายก็ระเบิดออกจนตาย


นี่เป็นเพราะเขาฝึกฝนคาถาเทพขับเคลื่อนและเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ ไม่ว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมและกายเนื้อก็อยู่ในระดับที่เหนือกว่าระดับเดียวกันหลายเท่า


ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาธรรมดาๆ ในยามนี้ คงต้องเพลี่ยงพล้ำไปตั้งนานแล้ว


หานลี่ดีอกดีใจจนเนื้อเต้น ทำได้เพียงรวบรวมพลังไว้ในร่างกายด้วยความตกตะลึงไม่หยุด ทะลวงจุดคอขวดครั้งแล้วครั้งเล่า


ทั้งๆ ที่ขาดอีกเดียว แต่กลับไม่อาจบรรลุระดับหลอมสุญตาขั้นปลายได้


ในใจของเขาพลันอดที่จะร้อนใจไม่ได้


ความโชคดีที่ดูเหมือนเกี๊ยวตกมาจากสวรรค์นั้น ไม่ได้จัดการได้ง่ายขนาดนั้น


ตามการคาดเดาของเขา หากทะลวงอีกสามครั้งแล้วทะลวงจุดคอขวดมาได้ ก็ต้องเพลี่ยงพล้ำแล้ว


ดังนั้นหานลี่ที่มีเหงื่อผุดออกมาเต็มหน้า ลำแสงสีทองบนร่างกลับเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ แทบจะทำให้ผู้คนไม่อาจสบตาได้


และไม่รู้ว่าการโจมตีสองสามครั้งก่อนมีผลหรือว่าภายใต้ความวิตกกังวลนั้น เขาดันมีวาสนาจริงๆ


หลังจากทะลวงจุดคอขวดครั้งต่อมา คาดไม่ถึงว่าจะสำเร็จราวกับมัจฉาที่แหวกว่ายในสายธาร


ร่างของหานลี่พลันสั่นเทา ความร้อนฉ่าไหลออกมาจากจุดตันเถียน แยกไปตามจุดชีพจรต่างๆ ของร่างกาย ในเวลาเดียวกันผิวของทารกวิญญาณก็เปล่งแสงสีทองและเขียวสองสีออกมา ใหญ่กว่าก่อนหน้าเท่าหนึ่ง


ชั่วพริบตาที่พลังปราณและพลังยุทธ์ก็เหนือกว่าระดับขั้นกลางกว่าครึ่ง


หานลี่พลันรู้สึกดีอกดีใจ แต่ครู่ต่อมาแววตากลับเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา


เพราะชั่วพริบตาที่ร่างของเขาบรรลุระดับหลอมสุญตาขั้นปลาย ของเหลวสีทองในเสาลำแสงที่อยู่ไกลออกไป ก็ก่อตัวกันกลายเป็นร่างทองอีกร่าง


อักขระบนผิวสีทองไม่เพียงจะชัดเจนกว่าก่อนหน้าหลายเท่า พลังวิญญาณคุ้มครองร่างที่แผ่ออกมาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงทองอ่อนๆ


แต่ครู่ต่อมาเสาลำแสงสีขาวโพลนที่พ่นออกมาจากกลางอากาศก็เพิ่มอานุภาพขึ้น ทำให้ร่างทองสลายหายไปกลายเป็นของเหลวเช่นกัน


ส่วนพลังวิญญาณในร่างของหานลี่ก็ยังคงไม่มีท่าทีจะหยุด ไอเย็นเยียบกระตุ้นพลังยุทธ์ของเขาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง และเร็วกว่าก่อนหน้าสองสามส่วน


เขาไม่เคยคิดเลยว่าตนจะมีวันที่ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนเพราะพลังปราณเพิ่มขึ้น


หานลี่รู้ดี แม้ว่าการอาศัยพลังของเสาลำแสงทะลวงจุดคอขวดนั้นยากเย็นแค่ไหน การทะลวงจุดคอขวดที่ฝืนทนเช่นนี้ จุดคอขวดของระดับผสานอินทรีย์ย่อมไม่มีทางสำเร็จได้ง่ายๆ เหมือนเขาในยามนี้แน่


การปล่อยให้พลังปราณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าย่อมหนีผลลัพธ์ที่ทำให้ร่างกายระเบิดออกจนสิ้นลมไม่ได้


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะไม่ทำให้ความดีใจของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวได้อย่างไร


สถานการณ์ประหลาดเช่นนี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เขาควบคุมได้ มีเพียงต้องหยุดความเปลี่ยนแปลงทารกวิญญาณที่สองในลำแสงที่อยู่ไกลออกไปก่อน ถึงจะกำจัดอันตรายจากการเพลี่ยงพล้ำไปได้


แต่ทารกวิญญาณที่สองรวมทั้งร่างทองล้วนถูกทำลายไปสองครั้ง ทารกวิญญาณถูกพลังมหาศาลกดเอาไว้จนไม่อาจขยับตัวได้เลยสักนิด ไหนเลยจะมีวิธีไปต้านทานการบรรจุเข้ามาของเสาลำแสงสีขาวโพลน


เขาเองก็ทำได้เพียงมองตนพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดด้วยความจนปัญญา


หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทารกวิญญาณที่สองทะลวงจุดคอขวดอย่างต่อเนื่องไปสองจุด มาอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นปลาย คาดไม่ถึงว่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา


แต่ความเร็วในการเพิ่มพลังยุทธ์ของทารกที่สองที่อยู่ในเสาลำแสง ย่อมไม่ใช่ที่หานลี่จะเทียบเทียมได้


ยามที่ร่างของตนอยู่ห่างจากจุดยอดสุดของระดับหลอมสุญตาขั้นปลายเท่าหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าทารกวิญญาณที่สองจะก้าวนำหน้าไปอยู่ในจุดยอดสุด และเริ่มทะลวงจุดคอขวดระดับผสานอินทรีย์แล้ว

 

 

 


ตอนที่ 1718 ร่างระเบิดและจานสีทองเหลือง

 

การโจมตีจุดคอขวดระดับผสานอินทรีย์ ต้องการพลังลึกลับมากกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้


พลังที่แข็งแกร่งกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าโคจรอยู่ในร่างของทารกวิญญาณที่สองไม่หยุด ทำให้ไอสีดำที่เดิมหมุนวนอยู่รอบทารกวิญญาณมีหมอกลำแสงห้าสีปรากฏขึ้นแทน และทำให้ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าราวกับเป่าลม


ของเหลวสีทองในเสาลำแสงดูเหมือนว่าจะสัมผัสอันใดได้ รวมตัวกันกลายเป็นร่างสีทองในเวลาเดียวกัน ห่อหุ้มทารกวิญญาณที่สองเอาไว้ข้างใน


พลังมหาศาลทะลักออกมาจากร่างของทารกวิญญาณ แม้ว่าร่างทองจะไม่อาจรับการโจมตีเช่นนี้ได้ ก็ปริแตกแล้วละลายออกในเวลาเดียวกันที่ทารกวิญญาณที่สองทลายจุดคอขวด


การโจมตีแค่ครั้งเดียวไม่อาจทลายจุดคอขวดของระดับหลอมสุญตาและระดับผสานอินทรีย์ได้


หลังจากที่ทารกวิญญาณที่สองจำใจต้องให้ร่างทองสลายไปนั้น ก็รวบรวมพลังลึกลับขึ้นใหม่อีกครั้ง และเมื่อร่างทองเพิ่งจะสลายหายไป ลำแสงสีม่วงทองที่แผ่ออกมาก็รวมตัวกันอีกครั้ง


การโจมตีอย่างต่อเนื่องเจ็ดแปดครั้ง ทุกการโจมตีล้วนทำให้พลังลึกลับในร่างของทารกวิญญาณที่สองสลายหายไป ในเวลาเดียวกันเป็นเพราะพลังนั้นมหาศาลเกินไป จึงทำให้ร่างทองที่เพิ่งสร้างขึ้นแตกสลายไปอย่างง่ายดาย แต่ภายใต้การควบคุมด้วยจิตสัมผัสของทารกวิญญาณที่สอง ร่างทองก็รวมตัวกันอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันก็เริ่มรวบรวมพลังลึกลับที่แข็งแกร่งกว่าครั้งก่อน


ความแข็งแกร่งของจุดคอขวดระดับผสานอินทรีย์เหนือกว่าที่จินตนาการเอาไว้ ภายใต้การโจมตีหลายรอบ ก็แค่ทำให้มันคลายลงเล็กน้อยเท่านั้น


เห็นได้ชัดว่ายังห่างจากการทลวงระดับนี้อยู่อีกไกล


จิตใจของหานลี่พลันหนักอึ้ง


ร่างของเขาในยามนี้พลังยุทธ์และลมปราณก็อยู่ในระดับยอดสุดของระดับหลอมสุญตาขั้นปลายเช่นกัน ไอเย็นเยียบเริ่มยัดเข้าไปในจุดชีพจรต่างๆ ของร่างกาย


ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกตัวบวมพองอย่างชัดเจน


หานลี่รู้สึกตกตะลึงระคนหวาดกลัว แต่เป็นเพราะส่วนลึกในจิตวิญญาณรู้สึกเจ็บปวด จึงทำได้เพียงปล่อยให้ประคองสติของตนเองเอาไว้ ไม่อาจร่ายอาคมหรือกระตุ้นสมบัติใดๆ


แม้ว่าเขาจะมีอิทธิฤทธิ์และสมบัติที่น่าตกตะลึง ยามนี้กลับอับจนหนทาง


ส่วนระลอกคลื่นสีทองที่พ่นออกมาจากเสาลำแสง ก็ยังคงเป็นสีขาวโพลน ไม่มีท่าทีอ่อนเลยสักนิด


หานลี่สัมผัสได้ถึงพลังความลึกลับที่โคจรอย่างรวดเร็วในชีพจร หน้าเปลี่ยนสีเป็นสีขาวซีด


เขารู้ดีแม้ว่าร่างของตัวเองจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจเทียบกับอานุภาพของร่างเทวรูปทองได้


แม้ชั่วพริบตาที่ร่างทองทะลวงจุดคอขวด ทยอยกันหลอมละลาย กายเนื้อของตนก็ไม่อาจรับพลังการโจมตีทะลวงจุดคอขวดระดับผสานอินทรีย์ใดๆ ได้


พลังของเสาลำแสงมหัศจรรย์เช่นนี้ แต่เทียบกับพลังปราณธรรมดาๆ ก็อัศจรรย์มาก


แต่ความรู้สึกแทบจะนอนรอความตายนี้ ตั้งแต่ที่เขาเหยียบย่างเข้าสู่หนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ก็แทบจะไม่เคยประสบมาก่อน แม้ว่าจะมีจิตใจที่เข้มแข็งดุจหินผา แต่ก็อดที่จะรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้


หลังจากผ่านไปแค่ชั่วครู่ร่างของหานลี่ก็ดูเหมือนถูกฉาบด้วยผงสีทอง ไม่เพียงร่างจะเปล่งแสงสีทองเรืองรอง ผิวยังมีเกล็ดสีทองขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะเริ่มหลอมละลาย กลายเป็นเสื้อชั้นในสีทองอ่อน


แม้จะบางมาก แค่บางๆ ชั้นหนึ่ง แต่มองไกลๆ กลับมองเห็นเป็นเกราะสงครามสีทองที่ชำรุดชิ้นหนึ่ง


นั่นก็คือการฝึกฝนเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้อยู่ในระดับลึกสุดยอด มันจะสร้างชุดเกราะประจำกายขึ้นมาอย่าง ‘ชุดเกราะพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์’


ชุดเกราะสงครามในยามนี้กล่าวไม่ได้ว่ามีอานุภาพใดๆ พลังป้องกันยิ่งสู้เกราะมารเหนือฟ้าไม่ได้แม้หนึ่งในสิบส่วน แต่พลังของเกราะสงครามประจำกายนี้มีจำกัด มันจะเพิ่มขึ้นตามพลังยุทธ์ของผู้เป็นนาย และค่อยๆ พัฒนาขึ้นอย่างช้าๆ และยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะหลอมผนึกขึ้นเอง ยามที่เปลี่ยนแปลงหรือกระตุ้นพลานุภาพย่อมไม่ใช่สิ่งที่เกราะสงครามอื่นๆ จะเทียบเทียมได้


แน่นอนว่าเดิมเกราะสงครามพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ระดับหลอมสุญตาจะหลอมขึ้นได้ แต่เป็นความสามารถของเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ที่พัฒนาสู่ระดับผสานอินทรีย์แล้วชนิดหนึ่ง


ยามนี้หลังจากที่พลังลึกลับฝืนบีบให้ทะลักออกมาจากร่างแล้ว ถึงได้โชคดีกระตุ้นออกมาส่วนหนึ่ง


แม้ว่ายามนี้เกราะชิ้นนี้จะไม่นับว่าแข็งแกร่งอันใด แต่ยิ่งปรากฏขึ้นเร็วเท่าไหร่ แน่นอนว่าย่อมมีพลานุภาพมากขึ้นเท่านั้น สามารถใช้ปราณแท้ประจำกายเพิ่มระดับให้มันได้


แต่เรื่องที่ทำให้หานลี่ดีใจเป็นอย่างมากในยามปกติ แต่สำหรับเขาในยามนี้แม้แต่สายตาก็ไม่ถูกดึงดูดไป


เขาทำได้เพียงโคจรความคิดอย่างรวดเร็ว หมายจะหาวิธีรักษาชีวิตน้อยๆ เอาไว้จากอันตรายครั้งนี้


ไม่ต้องพูดถึงสติปัญญาของหานลี่ในยามที่ร้อนใจ หลังจากที่ทารกวิญญาณที่สองทะลวงจุดคอขวดของระดับผสานอินทรีย์ล้มเหลวอีกครั้ง ก็นึกหา ‘วิธี’ ที่ไม่ใช่วิธีได้


นั่นก็คือให้ร่างกายระเบิดออกในพริบตา ทำให้ร่างกายของตนระเบิดก่อน แล้วอาศัยพลังแรงระเบิดช่วยทารกวิญญาณหนีออกมา


แม้ว่าหานลี่ในยามนี้จะไม่อาจกระตุ้นสมบัติและอาคมใดๆ ได้ แต่การเผาไหม้ร่างกายที่เดิมก็เหมือนกระบอกดินปืนอยู่ ทำให้ร่างกายระเบิดก่อน กลับไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้


ถึงแม้ว่าร่างกายจะระเบิดออกเช่นกัน ทั้งสองย่อมไม่เหมือนกัน


การถูกพลังลึกลับทำให้ร่างระเบิด ย่อมไม่อาจควบคุมพลังการระเบิดได้ กว่าครึ่งแม้แต่ทารกวิญญาณก็คงต้องกลายเป็นเถ้าถ่านไปด้วย


แต่การระเบิดตัวเองกลับพอจะผ่อนสถานการณ์ทุกอย่างได้ อานุภาพในการควบคุมร่างกายให้ระเบิดก็อยู่ในขอบเขต ให้โอกาสทารกวิญญาณหลักได้หนีเอาชีวิตรอด


แน่นอนว่าวิธีเช่นนี้เป็นวิธีจนปัญญาหลังจากที่ตายแล้ว!


หากไม่ถึงจุดสำคัญ เขาก็ไม่มีทางนำออกมาใช้


ถึงอย่างไรเสียทารกวิญญาณที่ไม่มีร่าง จุดจบมันน่าอนาถแค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว


โชคดีที่ในกำไลยังมีร่างวิญญาณของเห็ดเซียนอยู่ หากเหลือเพียงทารกวิญญาณจริงๆ ล่ะก็ ก็มีเพียงต้องสิงมันแล้ว


ทว่าแม้ว่าจะทำตามวิธีนี้ สุดท้ายจะหนีเอาชีวิตรอดได้จริงหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่พูดยาก


แต่นอกจากวิธีการนี้ เขาเองก็ไม่มีวิธีการอื่นจริงๆ


ส่วนทารกวิญญาณที่สอง ก็มีเพียงต้องให้ฟ้าดินเป็นผู้กำหนดแล้ว


เขาในยามนี้ก็ปกป้องตนเองได้ยาก แน่นอนว่าจึงไม่อาจสนใจใดๆ อีก


หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว ขณะที่ขบคิดอย่างจนปัญญาแล้ว ในใจก็อดที่จะรู้สึกเสียใจในภายหลังขึ้นมาไม่ได้ มิเช่นนั้นคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทารกวิญญาณทั้งสองต้องเพลี่ยงพล้ำไปพร้อมๆ กัน


อีกเดี๋ยวจุดชีพจรต่างๆ ของเขาก็จะส่งความเจ็บปวดออกมา จะถูกฉีกขาดได้ทุกเมื่อ


สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนแปลงไปหลายครั้ง สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง แล้วเริ่มโคจรพลังของจิตวิญญาณที่เหลืออยู่


ชั่วขณะนั้นในชีพจรพลันถูกพลังวิญญาณบริสุทธิ์และพลังลึกลับที่ใส่มาจนถึงขีดจำกัดชักจูง เริ่มหมุนวนในร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง


ร่างนั่งสมาธิลง ลำแสงสีทองเปล่งแสงระยิบระยับ เกราะพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งจะสร้างได้คาดไม่ถึงว่าจะบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย แม้กระทั่งมีรอยสีขาวแตกเป็นสายๆ


หานลี่พลันหัวเราะอย่างขมขื่น มองไปยังทารกวิญญาณที่สองที่อยู่ท่ามกลางลำแสงไกลออกไป พลันตัดสินใจเตรียมกระตุ้นพลังปราณทั้งหมดในร่าง


การกระทำเช่นนี้ราวกับโยนดาวเพลิงดวงหนึ่งลงไปในหม้อน้ำมัน จะระเบิดร่างได้ในชั่วพริบตา


แต่ในยามเส้นยาแดงผ่าแปดเช่นนั้น ความเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น


แขนข้างหนึ่งพลันร้อนฉ่า ชั่วครู่ก็เหมือนกับถูกเพลิงร้อนแรงห่อหุ้มเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น


แน่นอนว่าเขาพลันตกตะลึง หมายจะหยุดชะงักจิตสัมผัส สายตากวาดมองไปยังแขนข้างนั้นอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง


ผลคือสีหน้าพลันตกตะลึง!


เห็นเพียงด้านหลังแขนข้างนั้นมีลำแสงสีเหลืองเจิดจ้าปรากฏขึ้น ตราประทับสีเหลืองอ่อนปรากฏขึ้นรางๆ


“เอ๋ นั่นคือสมบัติ!”


หานลี่พลันใจเต้น รู้จักขึ้นมาในแวบเดียว


ตราประทับนี้เป็นตราประทับที่สร้างขึ้นจากผลสวรรค์ทมิฬ!


แต่ไม่รอให้เขาได้คิดอันใด รอยในลำแสงสีเหลืองก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วเริ่มบิดเบี้ยว พลังลึกลับในร่างของเขาและพลังวิญญาณบริสุทธิ์ราวกับหาทางออกได้ ชั่วพริบตาก็ทะลักออกมาจากจุดชีพจรต่างๆ พุ่งไปตามแขน


ตราประทับนี้ดูเหมือนจะเป็นหลุมที่ไร้ก้น กลืนพลังอานุภาพมหาศาลและพลังวิญญาณเข้าไป คาดไม่ถึงว่าจะแค่กะพริบวาบ ไม่มีท่าทางผิดปกติเลยสักนิด


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ พลังลึกลับในร่างของหานลี่ก็ถูกกลืนกินเข้าไปเกือบครึ่ง


เดิมที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายถึงชีวิต คาดไม่ถึงว่าจะจัดการได้อย่างง่ายดายเช่นนี้


หานลี่มีสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจสลับกันไปมา!


และครู่ต่อมาฉากที่น่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น


ตราประทับสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบ ไม้กระบองสีเหลืองปรากฏขึ้นที่แขน


นั่นก็คือร่างของผลสวรรค์ทมิฬ


เมื่อผลนี้ปรากฏขึ้น ก็ดูเหมือนว่าจะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แค่กะพริบวาบๆ ดูสูบพลังปราณในร่างของหานลี่และพลังลึกลับไปราวกับปลาวาฬสูบน้ำ


ผลสวรรค์ทมิฬแผ่กลิ่นอายที่น่าตกตะลึงออกมา จากนั้นก็พลิ้วไหวตามระลอกคลื่นสีเหลืองทองกลางอากาศ เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นมีดกระบี่ความยาวสองสามฉื่อสายหนึ่งก็พุ่งออกมา


มีดกระบี่เปล่งแสงสีมรกตสว่างจ้า ใสแจ๋วราวกับกระจก แต่อักขระสีเขียวมรกตที่เรียงแถวอยู่ตรงใจกลาง พลันมีลำแสงเย็นเยียบไหลวนโคจรไปมาไม่หยุด!


นั่นคือกระบี่สวรรค์ทมิฬที่ถูกหลอม!


ไม่ต้องให้หานลี่ต้องควบคุมเลยสักนิด สมบัติชิ้นนี้พลันได้รับอานุภาพมหาศาล ปลายกระบี่ชี้ไปทางระลอกคลื่นสีทองกลางอากาศ เสียงไพเราะดังสนั่นหวั่นไหว


จากนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบ บนมีดกระบี่มีอักขระสีเขียวเข้มปรากฏขึ้น จากนั้นก็สั่นเทาไปมาสองสามครั้ง


ชั่วขณะนั้นปราณฟ้าดินรอบด้านก็กระเพื่อม หมอกลำแสงห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา ทะลักไปยังกระบี่สวรรค์ทมิฬ


ชั่วพริบตาเสียงร้องของลำแสงกระบี่สวรรค์ทมิฬก็สูงขึ้น สับลงมาที่ระลอกคลื่นสีเหลืองทอง


กระบี่ลำแสงสีเขียวมรกตปรากฏขึ้น เปล่งแสงเจิดจ้าราวกับสายฟ้า เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป มาอยู่ใกล้กับระลอกคลื่นสีเหลืองทอง แล้วสับลงมา


เสียง “ปัง” ดังขึ้น!


เสาลำแสงสีขาวโพลนถูกสับออกเป็นสองส่วนท่ามกลางลำแสงสีเขียว พลังที่ดูเหมือนจะทำลายพลังฟ้าดินได้ทะลักออกมาจากกระบี่ลำแสง ชั่วครู่ก็หมุนวนแล้วจมหายเข้าไปข้างใน


ชั่วขณะนั้นระลอกคลื่นสีเหลืองทองพลันส่งเสียงหึ่งๆ จากนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นจานทรงกลมสีทองขนาดสองสามหมู่


ผิวของจานสีทองขนาดยักษ์มีภาพวาดที่เหมือนกับภาพดวงดาราบนแท่นสูงปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันรอบด้านก็มีอักขระห้าสีปรากฏขึ้นเต็มไปหมด


ส่วนเสาลำแสงสีขาวโพลนสายแล้วสายเล่านั้น ก็พ่นออกมาจากจานสีทอง และพยายามต้านทานพลังหลักการในกระบี่ลำแสงด้านล่างสุดชีวิต


แต่แม้ว่าสมบัติชิ้นนี้จะเป็นสมบัติวิเศษด้านมิติเวลาที่มีประวัติความเป็นมาในแดนเซียน จากระดับความหายากและมูลค่าเหนือกว่าสมบัติสวรรค์ทมิฬธรรมดา แต่อิทธิฤทธิ์ของมันกลับไม่ได้ไว้ใช้ต่อสู้กับผู้คน จะไปต้านทานพลังผสมของหลักโลกที่โจมตีเข้ามาตรงๆ ได้อย่างไร


ทำได้แค่ชั่วครู่ เสาลำแสงสีขาวโพลนก็ถูกพลังหลักการกลืนกินไปจนเกลี้ยง


บรรยากาศรอบด้านบิดเบี้ยว กระบี่ลำแสงสีเขียวสับลงมาที่จานทรงกลมสีทองอย่างแรง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)