ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1706-1717
ตอนที่ 1706 โชคดีที่พ่อแม่เกิดเธอมาหน้าตาขี้เหร่
ฉีฉีกเก๋อตกใจจนอกสั่นขวัญผวาราวกับวิญญาณหลุดจากร่าง ฉางชิงซงกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปลอบใจเธอไม่หยุด แต่ก็ดูไม่ได้ช่วยอะไร เหมยเหมยจึงเทเหล้าบรั่นดีแก้วหนึ่งให้ฉีฉีเก๋อดื่ม ถึงได้ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ของเธอให้สงบลงได้
“ตามตัวมีบาดแผลไหม?” เหมยเหมยถามอ้อมๆ
ฉีฉีเก๋อส่ายหน้า “ไม่มี พวกมันแค่มัดฉันไว้ ไม่ได้ทำอะไร แต่สวีจื่อเซวียน…”
ดวงตาเธอพลันฉายแววหวาดกลัว สวีจื่อเซวียนอยู่ตรงหน้าเธอแล้วถูกคนพวกนั้น…
ฉีฉีเก๋อหลับตาลงร่างกายสั่นเทา เหมยเหมยเข้าใจถึงความกลัวของเธอ อย่ามองว่าแม่สาวเจ้าใจกล้าบ้าบิ่น แท้จริงแล้วเธอเป็นคนไร้เดียงสา จู่ ๆมาสัมผัสถึงด้านมืดของสังคมนี้กะทันหันแบบนี้ไม่มีทางรับได้หรอก
“ไม่ต้องคิดแล้ว มักจะมีสถานที่ที่แสงแดดส่องไม่ถึงอยู่ ต่อไปเธอต้องเดินทางไปรอบโลกจะต้องได้เจอกับสิ่งน่าเวทนามากกว่านี้ ถ้าแค่นี้ยังรับไม่ได้เธอก็หลบอยู่แต่ในบ้านแล้วไม่ต้องออกไปไหนอีก!” เหมยเหมยพูดโดยไม่แม้แต่จะเกรงใจ
สวีจื่อเซวียนน่าสงสารก็จริงแต่ในโลกนี้ยังมีผู้คนที่น่าเวทนาอีกมากมาย อย่างพวกเด็กสาวชาวอินโดนีเซีย เด็กอดอยากปากแห้งตายในแอฟริกาและยังมีผู้คนที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดภายใต้ซัลโว[1]…
คนเหล่านี้เป็นผู้บริสุทธิ์แต่กลับต้องใช้ชีวิตลำบากยากเข็ญทุกวัน เหมือนตายทั้งเป็น!
หายนะครั้งนี้ของสวีจื่อเซวียน เหตุผลหลักล้วนเกิดจากตัวเธอเองที่แส่หาเรื่อง
แต่ก็น่าแปลก ทำไมจู่ ๆเฉินหมิงถึงได้ลักพาตัวสวีจื่อเซวียนไปล่ะ?
และความโชคร้ายของสวีจื่อเซวียนก็แย่พอสมควรเพราะต้องมาเจอโอหยางปินกับเฉินหมิงคนชั่วร้ายซ้ำซ้อน เธอจึงกลายเป็นของสังเวยไปโดยธรรมชาติ รักษาชีวิตไว้ได้ก็นับว่าเป็นความโชคดีแล้วล่ะ
เหมยเหมยโทรหาเจียงจื้อหรู่ บอกชื่อโรงพยาบาลและหมายเลขห้องให้เขาทราบ ส่วนที่เหลือให้เขากระวนกระวายไปเองเถอะ!
ลุงเหลาไปส่งฉางชิงซงและอิงจวี้กังกลับมหาวิทยาลัย แม้ฉางชิงซงจะมีท่าทีไม่อยากกลับแต่เหมยเหมยก็ไม่อยากให้เพื่อนผู้ชายนอนค้างอ้างแรมที่นี่
“สวีจื่อเซวียนเป็นไงบ้าง? โดนแบบนั้นไปหรือยัง?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอดกลั้นมานานในที่สุดก็ถามขึ้น
ฉีฉีเก๋อร่างกายสั่นเทา จิบเหล้าอึกใหญ่อย่างดุเดือด พูดอย่างขมขื่น “พวกเขาอยู่ต่อหน้าฉัน…ทำเรื่องอย่างว่ากับสวีจื่อเซวียน… สวีจื่อเซวียนเลือดไหลเยอะมาก คนพวกนั้นไม่สนใจใยดีเธอเลย…”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตกใจมากพลันรู้สึกสงสารเห็นใจ ฉับพลันก็รู้สึกว่าโชคดีที่เธอร่างกายอ้วนท้วม
ทุกครั้งที่ถูกลักพาตัวไปสวีจื่อเซวียนไม่อาจรอดพ้นชะตากรรมจากการถูกทารุณกรรมได้เลย นั่นก็เพราะเธอหน้าตาดีเกินไป มันผิดที่ครอบครองหยก[2]ไว้!
“โชคดีที่พ่อแม่เธอเกิดเธอมาหน้าตาขี้เหร่ ไม่งั้นเธอคงไม่โชคดีขนาดนี้หรอก!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปลอบใจฉีฉีเก๋ออย่างสัตย์จริง ฉีฉีเก๋อก็พยักหน้าไม่หยุด
ก็ไม่ใช่หรือไง พอคนร้ายพวกนั้นเห็นรูปลักษณ์ของเธอก็หมดความสนใจแล้ว แสดงว่าเธอขี้เหร่พอ พระเจ้าถึงได้คุ้มครอง!
เหมยเหมยกระตุกยิ้มที่มุมปาก แม่ตัวตลกทั้งสองเอ๋ย!
อันที่จริงฉีฉีเก๋อไม่ได้ขี้เหร่เลยสักนิดก็แค่ไม่ชอบแต่งตัว อีกอย่างต้องดูด้วยว่าเปรียบเทียบกับใคร ถ้าเทียบกับสวีจื่อเซวียนก็คงไม่นับว่าเป็นคนสวย แต่ถ้าเทียบกับกลุ่มคนทั่วไปเธอก็ถือว่าเป็นคนสวยเตะตาคนหนึ่งเลยล่ะ
“เด็กในท้องของสวีจื่อเซวียนตกเลือด ซ้ำยังเสียเลือดเยอะเกินไปจึงไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้อีก” เหมยเหมยพูดสั้น ๆเกี่ยวกับสถานการณ์ของสวีจื่อเซวียน ฉีฉีเก๋อกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนต่างหวาดกลัวจนกอดกันตัวกลม ใบหน้าที่กลมใหญ่ของทั้งคู่ต่างซีดเซียว
“อาบน้ำเข้านอนกันเถอะ!”
เหมยเหมยหน่ายที่จะปลอบใจพวกเธอ เธอกำชับไปหลายต่อหลายหนแล้วว่าให้รักษาระยะห่างกับตัวหายนะอย่างสวีจื่อเซวียน แต่ทั้งสองคนก็เหลือเกินทำหูทวนลมกับคำพูดของเธอ รีบรนหาที่ตายให้ตัวเองกันจริง!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนดูออกว่าเหมยเหมยอารมณ์เสียจึงมุ่ยปากอย่างหงุดหงิด เธอเองที่ไม่ดี ไม่อาจยับยั้งปากกับขาไว้ได้ ทำให้จ้าวเหมยต้องเปลืองแรงไปมาก แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าติดหนี้บุญคุณไปแล้วตั้งเท่าไร!
………………………………………………………..
ตอนที่ 1707 หย่าร้างกัน
วันถัดมาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อออกเดินทางไปกว่างซีพร้อมกับพวกฉางชิงซง เหมยเหมยรู้สึกโล่งใจจึงอยู่บ้านร่างภาพต้นฉบับอย่างอุ่นใจ ส่วนทางด้านสวีจื่อเซวียน ลุงเหลาได้นำข่าวคราวมารายงานบ้างแล้ว
การที่เฉินหมิงลักพาตัวสวีจื่อเซวียนไปเป็นเพราะคำยุยงของคุณนายเจียงและการล่อลวงเพื่อผลประโยชน์ เพราะงั้นจึงพูดได้ว่า สวีจื่อเซวียนหาเรื่องใส่ตัว
คุณนายเจียงแค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนจิตใจดี แล้วจะออมมือให้ชู้ได้เหรอ?
แต่เจียงจื้อหรู่รักสวีจื่อเซวียนจริง เมื่อได้รู้ความจริงก็ยิ่งเกิดความรู้สึกสงสารเห็นใจสวีจื่อเซวียนกว่าเดิม จึงได้ใจแข็งเพื่อขอหย่ากับคุณนายเจียง ไม่สนใจต่อการคัดค้านและการข่มขู่จากตระกูล
คุณนายเจียงคงจะหมดใจกับเจียงจื้อหรู่แล้วจริง ๆถึงได้ยอมหย่า ทรัพย์สินส่วนใหญ่เธอเป็นคนหามา เจียงจื้อหรู่ไม่มีสิทธิ์หน้าด้านเอาไป เอาไปได้แค่อาร์ต แกลเลอรีและของสะสม แล้วก็รถหนึ่งคัน เท่ากับการออกจากบ้านไปตัวเปล่า
เหมยเหมยส่ายหน้า แท้จริงแล้วคุณนายเจียงยังรักเจียงจื้อหรู่อยู่ แม้นจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมอำมหิตที่สุดในโลก ความเป็นจริงผู้หญิงแบบนี้จะมีอยู่สักกี่คนกัน?
เมื่อเผชิญกับความรัก ผู้หญิงล้วนเป็นฝ่ายที่สูญเสียมากกว่า!
ถ้าเธอเป็นคุณนายเจียงจะไม่ให้เงินเจียงจื้อหรู่แม้แต่แดงเดียว อาร์ต แกลเลอรี ของสะสม และรถก็จะเอาไปให้หมด เพราะเจียงจื้อหรู่เป็นฝ่ายผิด ตระกูลของคุณนายเจียงก็ไม่ธรรมดาเรื่องแค่นี้ขี้ประติ๋วจะตายไป ก็แค่ปล่อยให้เจียงจื้อหรู่ดูแลสวีจื่อเซวียนใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนต้องวางแผนหาฟืน ข้าว น้ำมัน เกลือ[3]
แต่คงต้องขึ้นอยู่กับความรักที่แท้จริงของพวกเขา เมื่อถึงเวลาที่ต้องคอยกังวลว่าวันนี้ต้องกินผักหรือกินเนื้อ[4] ความรักของพวกเขาจะยังสดใหม่ได้อีกนานแค่ไหน?
ความรักที่แสนยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจเอาชนะความจริงที่โหดร้ายของการไม่มีเงินได้!
แต่กลับเป็นการเสียเปรียบสวีจื่อเซวียนเพราะของสะสมที่เจียงจื้อหรู่มีอยู่นั้นมีมูลค่าไม่น้อย หนำซ้ำเขายังมีหน้าที่การงานที่มีเกียรติ มีอาร์ต แกลเลอรีที่ทำเงินได้มหาศาล โดยไม่ต้องกังวลต่อชีวิตความเป็นอยู่ สามารถมีชีวิตที่ร่ำรวยได้ท่ามกลางสังคมชนชั้นกลาง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสยงมู่มู่ที่โทรเข้ามา “เธอรีบให้คนมารับฉันกับยัยทอมบอยที่สนามบินด้วย แม่เจ้า นี่พึ่งจะเดือนมิถุนายนทำไมอากาศถึงได้ร้อนขนาดนี้ล่ะ!”
เหมยเหมยตาลุกวาว เซียวเซ่อกลับมาแล้ว!
ไม่แปลกที่จะโทรให้คนไปรับ ยัยเซียวเซ่อกลัวร้อนที่สุด ร้อนนิด ๆหน่อย ๆก็ทนไม่ไหว เดือนเมษาพฤษภาคนอื่น ๆยังใส่เสื้อสองตัวอยู่เลย แต่เซียวเซ่อกลับเปิดเครื่องทำความเย็นเสียแล้ว ทั้งยังเปิดลากยาวไปจนถึงเดือนตุลา สมกับที่เป็นนกแพนกวินมาตั้งแต่เกิด
เหมยเหมยขับรถมุ่งหน้าไปสนามบินทันที ข้างนอกแดดเปรี้ยงเหมือนกับจะถูกแผดเผาเสียให้ได้ เริ่มร้อนแล้วจริง ๆด้วย แต่เธอมีแอร์ธรรมชาติอย่างเจ้าฉาฉาจึงไม่รู้สึกเลยสักนิด
เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่หลบอยู่ในล็อบบี้สนามบิน ทั้งสองนั่งหันหลังชนกันต่างไม่มีใครสนใจใคร ในมือเซียวเซ่อถือไอศกรีมกรวยไว้ข้างละอัน กัดไม่กี่คำก็หมดไปแล้วหนึ่งกรวย
สยงมู่มู่ดูจนรู้สึกเสียวฟันไปทั้งแถบแล้ว เขาไม่เคยเห็นใครชอบกินของเย็นมากกว่าเซียวเซ่อเลย ต่อให้เป็นวันที่หนาวจัดยัยทอมบอยนี่ก็ต้องกินของเย็น ไม่ได้กินสักวันจะรู้สึกไม่สบายตัว แต่นิสัยการกินของเธอไม่ได้มีผลกระทบกับฟันเลยสัดนิด ยังแหลมคมเหมือนกับฟันเหล็ก
“เธอกินให้น้อยลงบ้างเถอะ ระวังวันข้างหน้าจะคลอดลูกไม่ได้เอานะ!”
สยงมู่มู่พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ ความจริงคือไม่อยากให้ยัยทอมบอยนี่ทรมานตัวเองอีก
เขาตั้งใจหาหนังสือมาอ่านโดยเฉพาะ ในนั้นบอกว่าผู้หญิงไม่ควรกินของเย็นมากไป คนที่อาการเบาหน่อยก็แค่ปวดประจำเดือน คนที่อาการรุนแรงจะตั้งครรภ์ได้ลำบาก
ถึงแม้ยัยทอมบอยจะไม่เหมือนผู้หญิง แต่ถึงอย่างไรร่างกายก็เป็นผู้หญิง ด้วยความเป็นเพื่อนเขาจึงอยากให้ยัยทอมบอยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ว่า…
เซียวเซ่อเลียกินไอศกรีมกรวยที่เหลืออยู่ในมือจนหมดเกลี้ยง เขมือบกลืนลงไปทั้งอันอย่างสบายใจ พลันถอนใจยกสองมือขึ้นมากอดอกราวกับราชินี
“จะมีหรือไม่มีลูกแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย!”
สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือพวกเด็กบ้านั่นแหละ ให้ตายเธอก็ไม่มีทางมีลูกหรอก
อีกอย่างผู้ชายบนโลกนี้ก็น่ารำคาญ เธอจะไม่ยอมนอนกับพวกผู้ชายให้ตัวเธอต้องอึดอัดใจแน่!
……………………………………………………….
[1] มาจากคำว่า salvo ในภาษาอังกฤษ คือการระดมยิงปืนใหญ่ การระดมยิง เสียงสนั่นของการยิงสลุต
[2] สำนวน匹夫无罪、怀璧其罪 หมายถึง เดิมทีราษฎรไม่มีความผิด แต่พอครอบครองหยกไว้กับตัวกลับมีความผิด เพราะแต่โบราณสามัญชนไม่อาจมีหยกไว้ในครอบครองได้ หากมีหยกอยู่กับตัวนั่นหมายถึงการได้มาด้วยการลักขโมย หรือปล้น
[3] ยากจนถึงขั้นต้องวางแผนว่าของที่มีอยู่จะพอใช้ถึงสิ้นเดือนไหม พอเลี้ยงปากท้องได้สักกี่วัน
[4] ผักมีราคาถูก ส่วนเนื้อมีราคาแพง ถ้าไม่มีเงิน วันๆ คงกินได้แต่ผักซื้อเนื้อกินไม่ได้
ตอนที่ 1708 คู่รักคู่แค้น
เหมือนเพื่อเป็นการจงใจทำให้สยงมู่มู่โมโห เซียวเซ่อจึงได้วิ่งไปซื้อไอศกรีมที่มีขนาดใหญ่พอ ๆกับหัวเด็กมาอีก จากนั้นก็ใช้ช้อนตักกินคำโต ๆพร้อมแลบลิ้นใส่ สยงมู่มู่โมโหแทบแย่
“ขอให้เธอปวดท้องตายไปเลย!”
สยงมู่มู่กัดฟันกรอดพร้อมสาปแช่ง พระเจ้าช่างตาบอดเสียจริง ผู้หญิงที่ชอบกินไอศกรีมขนาดนี้ทำไมไม่ทำให้เธอปวดประจำเดือนล่ะ?
ยังแข็งแรงสดใสอยู่เลย แข็งแรงยิ่งกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ!
เซียวเซ่อพ่นลมอย่างพึงพอใจแล้วยัดไอศกรีมคำโตเข้าปาก พูดประชดว่า “ฉันไม่ได้เหมือนเกย์บางคน ทำตัวเหมือนน้องหลิน[1]เลย แค่ผ่าตัดไส้ติ่งก็กลัวเหมือนหมา ซ้ำเอาแต่กอด…”
ใบหน้าของสยงมู่มู่เปลี่ยนเป็นสีตับหมู อายจนพาลตะโกนด้วยความโกรธ “นั่นเป็นเพราะฉันกลัวเข็ม มันเป็นโรคทางกายตามธรรมชาติ เธอเข้าใจไหม?”
โธ่เอ้ย ตอนที่เขาผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ ยัยทอมบอยอยู่ข้าง ๆจนเห็นด้านอับอายที่สุดในชีวิตของเขาเสียหมด ซ้ำยังถ่ายรูปเอาไว้แล้วก็เอาไอ้สิ่งบ้า ๆนั่นมาทำร้ายเขาทุกครั้ง!
เซียวเซ่อกินไอศกรีมคำใหญ่เข้าไป ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “นายก็แค่ขี้ขลาดตั้งแต่เกิด ขี้ขลาดยิ่งกว่าผู้หญิง เราสองคนยืนอยู่ด้วยกัน คนอื่นต่างมองว่าฉันเป็นผู้ชาย นายเป็นผู้หญิงแล้ว”
หน้าตาสะสวยยิ่งกว่าผู้หญิงแล้วยังไม่รู้ตัวเองอีก ไว้ผมยาวยิ่งกว่าผู้หญิง บนล่างซ้ายขวาไม่ว่าจะมองส่วนไหนก็สวยจนไม่มีใครเทียบได้เลยล่ะ!
“แม่สาวน้อยยกเท้าขึ้นหน่อย!”
คุณป้าคนทำความสะอาดได้ถูพื้นมาจนถึงด้านหน้าของสยงมู่มู่ บอกให้เขายกเท้าขึ้นเพื่อสะดวกต่อการเช็ดถู
สำหรับสยงมู่มู่ เรื่องที่ถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้หญิงไม่ใช่เพียงแค่ครั้งสองครั้ง เขาชินแล้วด้วย แต่คุณป้าคนทำความสะอาดช่างมาได้จังหวะเสียจริง เซียวเซ่อพึ่งด่าเขาไป คุณป้ายังมาเรียกเขาว่าสาวน้อยอีก
หากทำเช่นนี้ได้ก็ไม่มีสิ่งไหนที่ทำไม่ได้อีก[2]!
เขาสยงมู่มู่เป็นถึงสุภาพบุรุษที่องอาจห้าวหาญ!
“พรืด!”
เซียวเซ่อหัวเราะอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ใบหน้าดูมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และยังยักคิ้วหลิ่วตาราวกับพูดว่า ‘ดูสิ ฉันพูดถูกใช่ไหมล่ะ’
สยงมู่มู่หน้าซีดเขียว ตะโกนด้วยความโมโห “ถ้าป้าสายตาไม่ดีก็ใส่แว่นสายตายาวสิ ผมเป็นชายแท้ทั้งแท่งนะ”
ขอบคุณสวรรค์ โชคดีที่น้ำเสียงของสยงมู่มู่คือชายแท้แค่ฟังก็รู้เพศได้ คุณป้าคนทำความสะอาดมีสีหน้าตกตะลึง ขยี้ตาซ้ำ ๆบ่นเสียงอุบอิบ “ผู้ชายทำไมไว้ผมยาวขนาดนี้ล่ะ ตาของป้าไม่ได้มองแล้วทะลุจนเห็นนกในกางเกงของเธอสักหน่อย!”
“ฮ่า ๆ…”
เซียเซ่อกุมท้องหัวเราะร่า คุณป้าคนทำความสะอาดน่ารักเกินไปแล้ว!
สยงมู่มู่จ้องคุณป้าตาเขม็งอย่างโกรธเคือง ไม่กล้าเถียงด้วยอีก กลัวว่าป้าคนนี้จะหลุดคำพูดอะไรที่น่าทึ่งมาอีก!
“พ่อหนุ่มก็ยกเท้าขึ้นด้วย!” คุณป้าทำความสะอาดหันมาบอกเซียวเซ่ออีกหนึ่งประโยค เสียงหัวเราะของคุณพี่เซียวค่อย ๆเงียบและหยุดลงพลันถลึงตากลมโต
“ฮ่าๆ!” คราวนี้สยงมู่มู่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ทุบอกชกหัวเหมือนกับคนบ้า
“ป้าสายตาไม่ดีแล้วหูก็ไม่ดีเหรอ? ผู้ชายจะมีเสียงที่ไพเราะเหมือนหนูหรือไง?” เดิมทีเซียวเซ่อก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่จะมาเสียท่าต่อหน้าสยงมู่มู่ไม่ได้
คุณป้าคนทำความสะอาดผู้หน้าสงสารต้องขยี้ตาอีกครั้ง มองสำรวจไปมาอย่างประหลาดใจ วัยรุ่นสองคนนี้หน้าตาดีทั้งคู่ แต่ผู้หญิงไม่เหมือนผู้หญิง ผู้ชายก็ไม่เหมือนผู้ชาย โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว!
คุณป้าคนทำความสะอาดไม่กล้าพูดอะไรอีก ถูพื้นด้วยสีหน้าเอือมระอา สาวเท้าไปให้พ้นจากความถูกผิดของที่นี่ ในใจก่นด่าบุพการีอยู่หลายประโยค!
หน้าอกไม่ใหญ่ก็ช่าง แต่ไว้ผมยาวหน่อยไม่ได้หรือไง?
จังหวะที่เหมยเหมยไปถึงล็อบบี้สนามบิน ก็เห็นว่าศัตรูคู่นี้ได้หันหลังชนกัน บรรยากาศมาคุ!
“นี่ทำไมพวกเธอทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ? วัน ๆทำตัวเหมือนดาวหางพุ่งชนโลกแต่ก็ทำใจแยกจากกันไม่ได้ ทำอะไรก็ต้องอยู่ด้วยกันเป็นคู่” เหมยเหมยพูดหยอกเย้า
“ใครทำใจห่างเขา(เธอ)ไม่ได้กัน! เป็นเขา(เธอ)นั่นแหละที่หน้าด้านตามตอแยไม่เลิก!”
ทั้งสองพูดพร้อมกัน ไม่มีหลุดแม้แต่พยางค์เดียว
“เชอะ!”
ทั้งคู่ผ่อนลมหายใจแรงออกทางจมูกพร้อมกันโดยไม่มองฝ่ายตรงข้ามอีก ถือว่ารู้ใจกันเป็นอย่างดี
…………………………………………………….
ตอนที่ 1709 หนีไม่พ้นเรื่องที่ตนเองก่อ
พอเซียวเซ่อขึ้นรถก็แย่งฉาฉาไปจากมือเหมยเหมยกอดไว้พลางพรูลมหายใจอย่างสบายตัว อิจฉาจริง ๆเลย “ฉันเอาเจ้าตัวเหม่ยเหรินมาแลกกับฉาฉาดีไหม?”
“ไม่เอา!” เหมยเหมยปฏิสธทันที
ฉาฉาเป็นถึงเพื่อนสนิทและคนในครอบครัวของเธอจะยอมแลกกับคนอื่นได้อย่างไร ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทแค่ไหนก็ไม่ได้!
เซียวเซ่อเบะปาก แอบคิดว่าจะต้องหางูปะการังมาเลี้ยงอีกสักตัวแล้ว ถึงแม้จะเย็นสบายสู้ฉาฉาไม่ได้แต่ก็คงพอถูไถได้บ้าง
“ทำไมจู่ ๆพวกเธอถึงกลับมาล่ะ? ไหนบอกว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงจะกลับไง?” เหมยเหมยถาม
“ฉันมีงานโชว์ตัวที่ฮ่องกงเดือนหน้าเลยแวะกลับมาเยี่ยมน่ะ” สยงมู่มู่ตอบ เซียวเซ่อพูดด้วยท่าทีเท่ ๆว่า “ฉันกลับมาดูว่าตาแก่นั่นตายหรือยัง”
เหมยเหมยกลอกตามองบนใส่รู้หรอกว่าปากแข็ง เหมือนเซียวจิ่งหมิงพ่อเธอไม่มีผิด ทั้ง ๆที่เป็นห่วงสุขภาพของอาจารย์เซียวเสียยิ่งกว่าใคร
“เดือนหน้าฉันก็จะไปร่วมรายการสัมภาษณ์ที่ฮ่องกงเหมือนกัน ไปด้วยกันเลยสิ”
เหมยเหมยดีใจมาก กลัวว่าเดือนหน้าเหยียนหมิงซุ่นจะหาเวลาว่างไม่ได้ มีคนไปเป็นเพื่อนก็ดีสิ สยงมู่มู่เองก็ยิ้ม “งั้นก็ดีเลย เดือนหน้าเจ้าอ้วนก็จะไปฮ่องกงเหมือนกัน เราสามคนจะได้รวมตัวกันอีกแล้ว”
“งั้นก็ดีเลยสิ เซ่อเซ่อ เธอเองก็ไปเที่ยวฮ่องกงพร้อมกับพวกเราสิดีไหมล่ะ?” เหมยเหมยลากเสียงยาวเซียวเซ่อขนลุกซู่ พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “พูดจาดี ๆก็ได้ ฉันไม่ใช่เหยียนหมิงซุ่น”
เหมยเหมยหัวเราะคิกคัก สีหน้าเรียบเฉย นับวันก็ยิ่งหน้าหนาขึ้นเรื่อย ๆ
สยงมู่มู่ลิงโลดอยู่ในใจแต่ปากกลับพูดว่า “จะให้ไปทำไม? น่ารำคาญจะตาย!”
เซียวเซ่อเอาศอกกระทุ้งหน้าอกเขาพูดขึ้นอย่างหัวเสีย “ฮ่องกงเป็นของนายหรือไง? ถึงอย่างไรฉันก็จะไป!”
สยงมู่มู่ส่งเสียงหึในลำคอแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความสุข เขาและใครบางคนยังไม่ทันสังเกตเห็นว่าเหมยเหมยแอบดูผ่านกระจกมุมปากกยกยิ้ม ที่แท้ก็เป็นคู่รักคู่แค้น!
เซียวเซ่อกลับไปพักที่บ้านของอาจารย์เซียว ส่วนสยงมู่มู่ไปพักกับอู่เชา อู่เชาซื้อบ้านไว้ในเมืองหลวงพร้อมตกแต่งสไตล์โบราณ สยงมู่มู่เองก็ซื้อไว้เช่นกันแต่เขาขี้เกียจตกแต่งจึงปล่อยว่างไว้ให้ฝุ่นเกราะอยู่แบบนั้น กลับประเทศมาก็ไปพักที่บ้านอู่เชา
“นายกลับไปเยี่ยมคุณปู่ก็ระวังตัวหน่อยล่ะ ลุงสามไม่ได้เหมือนลุงสามคนเดิมแล้ว ไม่ว่าเขาจะถามอะไรนายก็อย่าตอบเด็ดขาด ระวังเขาจะขายนายเอาล่ะ!”
สยงมู่มู่จะกลับไปเยี่ยมคุณปู่จ้าวเหมยเหมยจึงกำชับเขา กลัวว่าเขาจะถูกจ้าวอิงหย่งคิดแผนทำร้ายเอาได้
ช่วงนี้จ้าวอิงหย่งไปมาหาสู่กับพวกอาจารย์ดูฮวงจุ้ยอย่างสนิทสนม หมกมุ่นจนสูญเสียความเป็นตัวเอง เอาแต่ขยับปากเจื้อยแจ้วตลอดทั้งวัน
สยงมู่มู่ขมวดคิ้วในใจรู้สึกไม่ดีนัก ในอดีตตระกูลจ้าวมีอำนาจมาก และเมื่อก่อนจ้าวอิงหย่งเป็นผู้ชายหัวรั้น แต่ทำไมตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?
เหยียนหมิงซุ่นรู้เรื่องที่เหมยซูหานช่วยฉีฉีเก๋อไว้จากลุงเหลาจึงโทรหาเหมยเหมย บอกเธอว่าช่วงสองสามวันนี้ห้ามออกไปข้างนอก อีกสองวันเขาก็จะกลับมาแล้ว
ครั้งนี้เขาจะต้องกำจัดตัวปัญหาใหญ่อย่างเฉินหมิงให้สิ้นซาก!
นี่เป็นคำสั่งตายของของเฮ่อเหลียนชิง!
เพราะเฉินหมิงรนหาที่ตายเอง หลังจากค้าขายขายยาเสพติดได้ไม่นานเท่าไร ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำธุรกิจค้าขายอาวุธด้วย ซ้ำยังสมรู้ร่วมคิดกับพวกมาเฟียต่างชาติจนกลายเป็นพวกหน้าเลือด อาศัยผลประโยชน์จากชื่อเสียง หลอกล่อเด็กสาววัยรุ่นจำนวนมากแล้วพูดจาสวยหรูว่าไปทำงานที่ต่างประเทศ แต่ความเป็นจริงพาไปขายตัวย่านโคมแดงของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวัน
หากไม่ใช่เพราะความฉลาดของเด็กสาววัยมหาวิทยาลัยคนหนึ่งหลบหนีเอาตัวรอดออกมาได้ระหว่างทาง ก็อาจไม่มีใครรู้ซึ้งถึงแผนการชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ในบริษัทกระเป๋าหนังของเฉินหมิงเลย!
สองวันถัดมาเหยียนหมิงซุ่นกลับมาถึงบ้านด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง เซียวเซ่อ สยงมู่มู่ และอู่เชาก็อยู่ด้วย ทั้งสี่คนกำลังเล่นไพ่กันอยู่ เหมยเหมยอยู่ทีมเดียวกับอู่เชา ทั้งสองถูกคู่รักคู่แค้นนั่นรังแกจนหมดเรี่ยวแรงที่จะสู้ได้อีก และทั้งคู่ยังมีกระดาษขาวแปะติดอยู่เต็มหน้าซึ่งทำให้ดูน่าขันเหลือเกิน
………………………………………………………………..
[1] นางเอกในละครงิ้วจากเรื่องความฝันในหอแดง
[2] คำพูดขงจื่อ หมายถึงทนไม่ได้อีกต่อไป
ตอนที่ 1710 พญายมราช
“แพ้อีกแล้ว แปะกระดาษขาว แย่จัง หน้าเธอไม่มีที่ให้แปะแล้ว งั้นบีบจมูกแล้วกัน!”
ทั้งสี่คนยังไม่เห็นเหยียนหมิงซุ่นที่ยืนอยู่ด้านข้าง เล่นไพ่จบไปอีกหนึ่งตา เหมยเหมยและอู่เชาแพ้อีกแล้ว สยงมู่มู่สีหน้าได้ใจยกมือขึ้นหมายจะบีบจมูกเหมยเหมย ทางด้านอู่เชาโดนเซียวเซ่อแปะกระดาษขาวจนดูเหมือนกับผู้เฒ่าหนวดขาวไปแล้ว
“ไม่เอา แปะกระดาษขาวนั่นแหละ!”
เหมยเหมยกุมจมูกไว้ไม่ยอมให้สยงมู่มู่บีบ เจ้าบ้านี่บีบไม่ออมแรงเลย เจ็บจะตาย!
“แปะอะไร? บนหน้าเธอมีที่ตรงไหนให้แปะล่ะ รีบมาให้ฉันบีบเร็ว!” สยงมู่มู่ทำตัวเหมือนนกอินทรีย์จับลูกไก่ที่ไล่ตามไม่ปล่อย ใบหน้าเผยรอยยิ้มร้ายกาจ เขาวิ่งชนกำแพงที่แข็งแรงอย่างจังโดยไม่ทันระวัง และความเยือกเย็นก็แผ่ซ่านออกมา
เขารีบเงยหน้าขึ้น เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเย็นชา ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำพูดใด ๆแต่กลับอธิบายถึงความหมายในใจของเขาได้ดี ‘ผู้หญิงของฉันนายยังกล้ารังแก มีชีวิตอยู่ดี ๆมันน่าเบื่อเหรอ?’
สยงมู่มู่ตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ลูบจมูกด้วยความโมโหแล้วแอบก่นด่าความโชคร้าย พญายมราชนี่มาตั้งแต่เมื่อไรกัน?
“พี่กลับมาแล้วเหรอ!”
เหมยเหมยพุ่งเข้าหาอ้อมกอดเหยียนหมิงซุ่นด้วยความดีใจ พญายมราชพลันตัวอ่อนยวบราวกับน้ำ อ่อนระทวยไปทั้งร่าง สยงมู่มู่จึงลูบจมูกอีกครั้ง ในใจรู้สึกชื่นชมอยู่มาก
อย่างน้อยพญายมราชนี่ก็ปฏิบัติตัวดีกับน้องสาวของเขาไม่น้อยเลย!
มื้อเย็นเหมยเหมยตั้งใจทำอาหารโต๊ะใหญ่ด้วยตนเองเลย ให้เหยียนหมิงซุ่นต้อนรับแขกจากแดนไกล สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อกินอย่างเอร็ดอร่อย สิ่งที่ทนไม่ได้ที่สุดในต่างประเทศคือไม่มีของอร่อยให้ทาน ร้านอาหารจีนดี ๆพอไปอยู่ในต่างประเทศก็เปลี่ยนไป รสชาติไม่ออกไปทางไหนสักทาง ซึ่งมันยากจะกลืนลงคอได้
“พี่คะ เดือนหน้าพวกสยงมู่มู่ก็จะไปฮ่องกงเหมือนกัน พวกเราไปกันสี่คน พี่ไม่ต้องหาเวลาไปด้วยแล้วล่ะ” เหมยเหมยพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
เหยียนหมิงซุ่นพลันรู้สึกไม่ดีนักแต่เดือนหน้าเขาก็ไม่มีเวลาจริง ๆ เพราะเขาต้องทำการใหญ่ เหมยเหมยไปฮ่องกงก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเข้าไปข้องเกี่ยว
“ก็ดีเหมือนกัน ไปถึงที่นั่นจะมีคนคอยดูแลพวกเธอ” เหยียนหมิงซุ่นพูดพลางแกะเนื้อปูป้อนเหมยเหมย
เพราะมีเหยียนหมิงซุ่นอยู่ด้วยบรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงดูน่าอึดอัด ได้ยินแค่เสียงกินอาหารจ๊อบแจ๊บและเสียงตะเกียบกระทบถ้วยชาม ไม่มีใครส่งเสียงพูดอะไรสักอย่าง มื้ออาหารจึงสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว
เหมยเหมยเข้าไปช่วยป้าฟางเตรียมผลไม้
“เตรียมห้องรับแขกเสร็จหรือยัง?” เหยียนหมิงซุ่นถามลุงเหลาเสียงเรียบ
ไม่ทันรอให้ลุงเหลาตอบ สยงมู่มู่ก็แย่งพูดขึ้นว่า “ฉันจะไปพักที่บ้านเจ้าอ้วน!”
เซียวเซ่อพูดตาม “ฉันจะกลับไปเยี่ยมคุณปู่”
ทั้งสามคนรีบขอตัวลาราวกับมีไฟจ่อรนก้นอยู่ พวกเขากลับไปอย่างรวดเร็ว
ข้าวก็กินแล้ว ที่พักคงไม่จำเป็นหรอก มีพญายมราชอยู่ในบ้านพวกเขากลัวว่าจะฝันร้ายเอาได้!
พูดอีกอย่างคือพวกเขาไม่กล้าเป็นก้างขวางคอหรอก!
ถ้าไปเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น ได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน เหยียนหมิงซุ่นจะฆ่าเพื่อปิดปากหรือเปล่านะ?
ทั้งสามคนร่างกายสั่นเทา พอมุดตัวเข้าไปในรถของเซียวเซ่อแล้วถึงรู้สึกวางใจลงได้
เหยียนหมิงซุ่นพึงพอใจต่อความรู้งานของพวกสยงมู่มู่อยู่มากจึงเก็บกลิ่นอายสังหารที่แผ่ออกไปเมื่อครู่กลับคืน ในห้องก็พลันอบอุ่นขึ้นมาทันที
เหมยเหมยยกถาดผลไม้ออกมาแต่กลับเห็นบนโต๊ะอาหารเหลือแค่เหยียนหมิงซุ่นคนเดียว
“คนอื่น ๆล่ะ? หายไปไหนแล้ว?”
“กลับบ้านแล้ว!” เหยียนหมิงซุ่นรับจานผลไม้มาพร้อมรวบตัวเหมยเหมยเข้ามาในอ้อมกอด จิ้มแตงโมชิ้นหนึ่งป้อนเธอ ลุงเหลากับป้าฟางหายวับไปเองแต่แรกอย่างรู้งาน
“ทำไมถึงกลับบ้านเสียล่ะ? ตอนเล่นไพ่ยังพูดเสียดิบดีว่าจะค้างที่นี่ ไม่รักษาคำพูดเลยจริง ๆ” เหมยเหมยบ่นพึมพำแต่ก็ไม่ได้คิดมาก เหยียนหมิงซุ่นป้อนแตงโมให้อีกชิ้น
แต่ครั้งนี้คำใหญ่ไปหน่อย ปากเล็ก ๆยัดเข้าปากไม่หมดจึงเหลือโผล่ออกมานอกปากค่อนอัน เหยียนหมิงซุ่นดวงตาเป็นประกาย อ้าปากกัดแตงโมอีกครึ่งที่โผล่ออกมาอยู่นอกปาก พอกินแตงโมหมดทั้งคู่ก็จูบกันอย่างดูดดื่ม…
“เชอร์รียังอร่อยกว่า…”
เหยียนหมิงซุ่นพูดหยอกเย้าเสียงเบา จากนั้นก็อุ้มเหมยเหมยขึ้นมุ่งหน้าเดินเข้าห้อง ระหว่างทางก็มีเสื้อผ้าร่วงเรียงรายไปตามพื้น…
………………………………………………………………..
ตอนที่ 1711 ฝันประหลาด
พอได้กินเชอร์รีก็กินจนถึงดึกดื่น เหมยเหมยนอนซบอกเหยียนหมิงซุ่นอย่างเหนื่อยล้า มือเล็กจิ้มตามตัวไปมาอยู่ไม่สุขพลางคิดไปด้วยว่าอีกฝ่ายเหมือนหมาป่าที่ไม่มีวันกินอิ่ม
“ลูกน้องของพี่รู้ไหมว่าพี่—หื่นขนาดนี้?” เหมยเหมยจิ้มแรง ๆหนึ่งที
ในชาติที่แล้วเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้แต่งงานกระทั่งวันที่เธอตาย อีกทั้งตอนที่เธอกลับไปอีจงก็จะบังเอิญเจอเหยียนหมิงซุ่นเป็นครั้งคราว ตอนนั้นรู้สึกเพียงว่าผู้บัญชาการใหญ่ที่มีชื่อเสียงทรงอิทธิพลคนนี้น่ากลัวจัง ทั้งทำหน้านิ่งขรึมและดูน่าเกรงขาม แค่เธอเห็นก็ขาอ่อนแล้ว
ชาติที่แล้วเธอยังคิดอยู่เลยว่าโชคดีที่ผู้ชายแบบนี้ไม่ได้แต่งงาน ไม่อย่างนั้นผู้หญิงที่แต่งงานกับเขาคงต้องเผชิญกับผู้ชายน่ากลัวคนนี้ทุกวี่วัน มันต้องกลายเป็นเรื่องน่าหวาดกลัวขนาดไหนกันนะ!
แต่ตอนนี้เธอกลับเห็นสัญชาตญาณดิบหื่นที่ซ่อนอยู่ในตัวของท่านผู้บัญชาการใหญ่คนนี้ผ่านเหตุการณ์ปัจจุบัน ผู้หญิงที่แต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่นได้ต้องเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากที่สุดในโลก!
เหยียนหมิงซุ่นตะครุบมือที่ปัดป่ายบนตัวเขาไว้ ดวงตาเข้มฉายแววอันตรายแล้วพูดเสียงแหบ “เหมยเหมยกำลังยั่วพี่เหรอ?”
เหมยเหมยสะดุ้งจนรีบหดตัว ไม่กล้าแม้แต่ขยับพร้อมหลับตาแน่น “เปล่า ฉันแค่ถามไปเท่านั้นเอง ปิดไฟ—นอน!”
เสียงหัวเราะแผ่วแว่วมาจากเหนือศีรษะ “พี่แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ เหมยเหมยมีปฏิกิริยาขนาดนี้ หรือว่าเธอคิดจริง ๆ?”
“เปล่านะ!” เหมยเหมยกัดบริเวณหน้าอกใครบางคนไปทีหนึ่งอย่างขุ่นเคือง หยอกเธอเล่นทุกครั้งเลยสิ นิสัยไม่ดี!
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะขึ้นอีกครั้งและเลิกหยอกเย้าเธอ เขาหันไปปรับไฟตรงหัวเตียงให้สลัวก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราพร้อมกอดสาวงาม ไม่นานเหมยเหมยก็ผล็อยหลับไปขณะที่เหยียนหมิงซุ่นยังไม่รู้สึกง่วงสักนิด สมองหมุนแล่นอย่างรวดเร็วครุ่นคิดว่าแผนของเขายังมีช่องโหว่อะไรอยู่อีกหรือไม่
แผนครั้งนี้จะต้องประสบความสำเร็จเท่านั้นห้ามผิดพลาดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นหากให้เฉินหมิงหนีออกต่างประเทศได้ จากความเหิมเกริมไร้ขอบเขตของเขาต้องก่อเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อฮวาเซี่ยแน่นอน ถึงเมื่อนั้นคิดจะกำจัดเขาคงยาก
แล้วก็โอหยางปิน เขาเป็นคนรักษาคำพูด ในเมื่อรับปากเฉินหมิงไว้แล้วก็ต้องกำจัดเขาแน่
ถ้าเช่นนั้นให้โอหยางปินกับเฉินหมิงห้ำหั่นกันเองแล้วกัน!
เหมยเหมยในอ้อมแขนหัวเราะคิกคักขึ้นมากะทันหัน พูดเสียงอู้อี้ “คุณนายเหยียน…”
พูดจบก็หัวเราะอย่างมีความสุขก่อนจะพลิกตัวแทบกลิ้งไปอยู่ขอบเตียง
เหยียนหมิงซุ่นวาดแขนรั้งยายตัวแสบที่นอนดิ้นกลับเข้ามาในอ้อมแขน กลางคืนหากเขาไม่นอนกอดยัยตัวแสบไว้ เธอสามารถนอนกลิ้งตั้งแต่หัวเตียงไปยังปลายเตียงหรือแม้กระทั่งบนพื้นได้
เหมยเหมยถูหน้าบนอกเขาไปมาแล้วหัวเราะเสียงร่วน เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มมุมปากที่องศากว้างขึ้นเรื่อย ๆ อารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็น ไม่อยากจะไปขบคิดเรื่องน่ากวนใจพวกนั้นอีกแล้ว
มือของเขาไล้ไปตามคิ้วงามของหญิงสาวผู้งดงามในอ้อมอกอย่างละเมียดละไม อีกแค่ครึ่งเดือนหญิงสาวผู้นี้จะกลายเป็นภรรยาของเขาอย่างเต็มตัว เขาไม่ใช่เหยียนหมิงซุ่นคนโสดอีกต่อไปแต่เป็นคนมีครอบครัวแล้ว
“คุณนายเหยียน!”
เหยียนหมิงซุ่นร้องเรียกข้างหูเหมยเหมยเสียงเบาทีหนึ่ง เธอจุดยิ้มอย่างดีใจที่พอจะเห็นได้ว่ายัยซื่อบื้อคนนี้อยากแต่งงานขนาดไหน แม้แต่ฝันยังฝันถึงเรื่องแต่งงานเลย!
ช่างเป็นหญิงที่โง่เขลาเสียจริง!
แต่เขากลับชอบเหลือเกิน!
เหยียนหมิงซุ่นหลับตาลงมือโอบกอดว่าที่คุณนายเหยียนและไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกคน ฝันในครั้งนี้ช่างประหลาด ในฝันเห็นทารกน้อยตัวอวบอ้วนโบกมือให้เขาไม่หยุดหย่อน แต่ทารกน้อยกลับห่างจากตัวเขาไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็หายไป
จากนั้นไม่นานเขาก็ตื่น ภาพในฝันยังคงเด่นชัดในห้วงความคิดเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน
เหยียนหมิงซุ่นเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี คนที่มีทักษะการต่อสู้ระดับสูงอย่างเขา ร่างกายจะสามารถบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคตได้และศักดิ์สิทธิ์ทุกครั้งเสียด้วยสิ แต่เด็กทารกตัวขาวอวบอ้วนในฝันครั้งนี้มันอย่างไรกันแน่?
ประหลาดเหลือเกิน!
เหยียนหมิงซุ่นขบคิดแล้วขบคิดอีกเลยตัดสินใจล้มเลิกความคิด ในฝันไม่มีเหมยเหมยบ่งบอกว่าเธอจะไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจล่ะ!
ตอนที่ 1712 จดทะเบียนสมรสแล้ว
ชั่วพริบตาเดียววันเวลาก็เดินทางมาถึงเดือนกรกฎาคม วันเกิดครบยี่สิบปีของเหมยเหมยจวนจะมาถึงในเร็ววัน เดิมทีจ้าวอิงหัวกับเหยียนซินหย่าเตรียมจัดงานฉลองวันบรรลุนิติภาระให้อย่างยิ่งใหญ่แต่เหมยเหมยไม่เห็นด้วย เธอไม่ชอบงานใหญ่โตเพราะมันไม่มีความหมายอะไร สู้อยู่ฉลองกับคนสนิทด้วยกันดีกว่า!
ที่สำคัญแม้เหยียนหมิงซุ่นไม่ว่าอะไรแต่เธอรู้ว่าช่วงนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงไม่สงบเท่าไร เหยียนหมิงซุ่นงานยุ่งจนหัวหมุนไปหมดแล้ว หากจัดงานเลี้ยงฉลองไม่แน่ว่าอาจจะเปิดช่องโอกาสให้ศัตรูได้ แขกรับเชิญในวันนั้นล้วนมีแต่แขกตระกูลสูงศักดิ์ทั้งนั้น หากเกิดเป็นอะไรไปจริง ๆอาจจะเป็นปัญหาใหญ่โตได้
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกผิดอย่างมากแต่ไม่ได้พูดอะไร ทว่าภายในใจกลับตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องจัดงานแต่งงานให้เหมยเหมยอย่างยิ่งใหญ่ในภายหลังแน่นอน!
วันถัดมาหลังจากวันเกิดเหยียนหมิงซุ่นก็จดทะเบียนสมรสจนแทบอดใจรอไม่ไหว โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องเดินไปทางด้วยตัวเองด้วยซ้ำ อีกอย่างไม่มีกฎข้อห้ามว่านักศึกษาห้ามแต่งงานทุกอย่างเลยราบรื่นดี
อำนาจช่างเป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ!
ทะเบียนสมรสสีแดงสองเล่มวางอยู่บนโต๊ะที่รายล้อมไปด้วยความสิริมงคล เหมยเหมยพลิกเปิดดูอย่างสุขสมใจ นี่เป็นรูปถ่ายหนึ่งนิ้วของเธอกับเหยียนหมิงซุ่นแล้วก็ตราประทับเหล็ก
“รูปน่าเกลียดจัง”
เหมยเหมยยู่ปาก ฝีมือตากล้องถ่ายรูปในสมัยนี้ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ ถ่ายเธอออกมาน่าเกลียดดูเอ๋อซะงั้น ไหนจะดูไร้ชีวิตชีวาอีกแต่กลับถ่ายเหยียนหมิงซุ่นเสียหล่อขนาดนี้ ตากล้องไม่มีความยุติธรรม
เหยียนหมิงซุ่นเห็นแล้วก็นึกขำเพราะถ่ายดูเอ๋อไปหน่อยจริง ๆ เหมือนแมวเหมียวตัวน้อยที่เพิ่งคลอดออกมา ทั้งดูใสซื่อน่ารักเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน โดยเฉพาะเขา
“ดูดี ไม่น่าเกลียดเลยสักนิด คุณนายเหยียน” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มเรียกอีกที คนที่ฝันอยากเป็นคุณนายเหยียนอยู่ทุกวันตอนนี้ก็สมหวังสักทีสินะ!
เหมยเหมยฉีกยิ้มทันทีแล้วมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่ง ขานเรียกอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน “ที่—รัก…”
เหยียนหมิงซุ่นใจสั่น ช่างเป็นยัยตัวแสบสุดยั่วยวนเสียจริง!
ใจคิดกายก็ทำไปด้วย เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนที่ชอบทำให้เห็นด้วยการกระทำอยู่แล้วจึงไม่พูดพร่ำทำเพลงเก็บเล่มทะเบียนสมรสแล้วแบกยัยตัวแสบเข้าห้องไป
“ที่รัก…อย่าทำอะไรบ้า ๆ ตอนกลางวันนะ!”
“นี่เรากำลังจะเข้าเรือนหอกันต่างหาก เด็กดีนะ!”
ประโยคสุดท้ายเขาไม่ได้พูดออกไปว่าจะไม่ยอมพักจนกว่าจะหนึ่งวันหนึ่งคืน!
อีกสองวันยัยตัวแสบก็จะไปฮ่องกงแล้ว หนำซ้ำเขาเองก็จะเริ่มงานยุ่ง เวลาเป็นเงินเป็นทองจะปล่อยให้สูญเปล่าไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!
……
สองวันให้หลัง
เหมยเหมยออกเดินทางไปยังสนามบินในสภาพที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวที่แม้แต่นั่งตัวตรงยังลำบาก เธอถลึงตาใส่ตัวต้นเหตุที่กำลังขับรถอย่างนึกขุ่นใจ ไม่ปล่อยให้เธอลงจากเตียงเลยสองวันเต็ม ๆ นี่มันไม่ใช่คนแล้ว!
“ขึ้นเครื่องแล้วก็นอน ถึงฮ่องกงเสี่ยวอวิ๋นกับเสี่ยวหลี่จะไปรับพวกเธอนะ” เหยียนหมิงซุ่นพูดย้ำ
เหมยเหมยดวงตาเป็นประกาย “พวกเสี่ยวหลี่กับเสี่ยวอวิ๋นอยู่ฮ่องกงเหรอ ฉันไม่เจอพวกเขามาเกือบครึ่งปีแล้วแหนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มพยักหน้า “หลายเดือนก่อนพวกเขาบาดเจ็บสาหัส ร่างกายยังไม่หายดีเลยให้ไปทำงานสบาย ๆที่ฮ่องกงแทน”
จะว่าไปต้องขอบคุณเหมยเหมยที่ให้ยาวิเศษแก่พวกเขา ไม่อย่างนั้นสองคนนี้คงไม่มีชีวิตรอดกลับมา!
เหมยเหมยได้ยินว่าเป็นคนคุ้นเคยเลยค่อยสบายใจหน่อย ไม่คุ้นชินกับการมีคนแปลกหน้าอยู่ข้างกายเลยจริง ๆ!
พวกสยงมู่มู่ยังมาไม่ถึง เหยียนหมิงซุ่นเลยอยู่รอเป็นเพื่อนเธอที่สนามบิน ใครจะรู้ว่าพวกสยงมู่มู่ยังมาไม่ถึงแต่ดันเจอสวีจื่อเซวียนกับเจียงจื้อหรู่สองคนเข้า
สวีจื่อเซวียนอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีดำ เขาผอมลงไปมากทีเดียวและดูท่าทางไม่ค่อยมีชีวิตชีวาเท่าไร หน้าตาที่แต่เดิมดูสดใสตอนนี้กลับดูหม่นหมองไปหมด อีกอย่างเพราะซูบผอมเกินไปจนเห็นร่องกระดูกชัดเจนจึงยิ่งขับให้ดูอ่อนแอมากกว่าเดิม
สภาพของเจียงจื้อหรู่ก็ไม่สู้ดีนัก เดิมทียังดูเป็นคนวัยสามสิบต้น ๆ ผมดำ สุภาพบุรุษอ่อนโยนสง่างามแต่ตอนนี้ผมหงอกขึ้นเต็มหัว หางตาเริ่มมีตีนกาประปรายราวกับแก่ลงสิบกว่าปีในชั่วพริบตาเดียว
สองคนนี้มาสนามบินทำไมกัน?
หรือว่าจะไปเที่ยว?
……………………………
ตอนที่ 1713 ไม่สบอารมณ์แล้ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสวีจื่อเซวียนเพิ่งผ่านไปได้เพียงครึ่งเดือนเท่านั้นเอง เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น ตามหลักการแล้วควรอยู่พักฟื้นร่างกายอย่างน้อยหนึ่งเดือน แต่เพิ่งครึ่งเดือนเธอจะออกจากบ้านมาทำไมกัน?
อีกอย่างดูจากสภาพของเธอแล้วก็เห็นได้ชัดว่าครึ่งเดือนมานี้เธอไม่ได้รับการพักฟื้นที่ดีถึงได้หน้าโทรมและยังผอมแห้งเหลือแต่กระดูกแบบนี้
เหมยเหมยลอบส่ายศีรษะคนเดียว ตัวเองยังไม่รู้จักรักษาสุขภาพตัวเองแล้วจะคาดหวังกับใครได้อีก?
เจียงจื้อหรู่เห็นเหมยเหมยรวมถึงเหยียนหมิงซุ่นที่สง่าดูทรงอิทธิพลอยู่ข้างกายเธอเลยชะงักฝีเท้า คิดจะเดินมาทักทายพวกเหมยเหมย
กว่าจะมีโอกาสได้เจอคุณชายหมิงสักครั้งช่างยากเย็นเหลือเกิน สถานการณ์ของเขาในเวลานี้ย่ำแย่นัก ถ้าหากได้รับความช่วยเหลือจากคุณชายหมิงแล้วเขาจะกลัดกลุ้มใจไปทำไมล่ะ?
ที่แท้แม้คุณนายเจียงจะหย่าขาดจากเจียงจื้อหรู่โดยให้ของติดตัวไปก็จริงแต่ก็ไม่ได้ใจดีเป็นแม่พระขนาดนั้น เหตุด้วยเจียงจื้อหรู่ไม่รู้เรื่องธุรกิจสักเท่าไรเพราะปกติจะมีคุณนายเจียงคอยดูแลจัดการพิพิธภัณฑ์ให้ เขาแค่แบมือขอเงินทุกเดือนซึ่งไม่เคยต้องมากังวลใจกับเรื่องธุรกิจพวกนี้เลยไม่รู้ว่าการทำธุรกิจมันยากเย็นเพียงใด
ตอนนี้เขาต้องดูแลจัดการพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอง เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันก็ปวดหัวจะตายแล้ว ในเมืองหลวงมีพิพิธภัณฑ์ยั้วเยี้ยเต็มไปหมดและส่วนมากล้วนเป็นศิลปินระดับคนอย่างเซียวจิ่งหมิงเปิดเอง พิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับนี้จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีรายรับเพราะชื่อเสียงของตัวเขาเองเป็นโฆษณาที่คอยโกยเงินอยู่แล้ว
แต่เจียงจื้อหรู่เป็นพวกเรื่องเล็กไม่ใคร่ทำเรื่องใหญ่ก็ทำไม่สำเร็จ เส้นสายคนรู้จักแต่ก่อนก็เอามาใช้ประโยชน์ตอนนี้ไม่ได้เลย ช่วงไม่กี่วันมานี้เขาเหมือนใช้ชีวิตผ่านมาแรมปี เพราะมีงานกองโตรอให้เขากลับไปจัดการอยู่อีกมากมาย
อีกอย่างต้องใช้เงินทุกเรื่อง ค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน งานมัดจำงานศิลปะ…ราวกับปรึกษากันมาอย่างดีรวมหัวแบมือขอเงินจากเขาพร้อมกัน แต่เดิมเจียงจื้อหรู่กระเป๋ายังหนักพอตัวแต่ก็แฟบลงในทันที
ส่วนสวีจื่อเซวียนก็น่าเป็นห่วงเพราะเอาแต่ร้องห่มร่ำไห้จะฆ่าตัวตายทุกวัน เจียงจื้อหรู่ต้องวิ่งไปมาระหว่างพิพิธภัณฑ์ศิลปะกับโรงพยาบาลเหนื่อยสายตัวแทบขาด เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ มิน่าถึงได้แก่เร็วขนาดนี้
สมน้ำหน้า!
สวีจื่อเซวียนเองก็เห็นพวกเหมยเหมยเลยสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน สายตาฉายแววเคียดแค้น
เธอไม่รู้สึกขอบคุณเหมยเหมยเลยสักนิดถึงขั้นเกลียดเข้ากระดูกดำ
ทั้งที่จ้าวเหมยสามารถช่วยได้ตั้งนานแล้วแต่กลับวางท่าต้องให้เจียงจื้อหรู่ขอร้องซ้ำ ๆถึงยอมไปช่วยเธอ
แต่ตอนนั้นเธอก็…
ฝันร้ายของค่ำคืนนั้นฉายขึ้นมาในหัวอีกครั้ง สวีจื่อเซวียนตัวสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่และเย็นเฉียบไปทั้งตัว
ทุกอย่างเป็นความผิดของจ้าวเหมย!
เธอต้องจงใจแน่ ๆ จงใจให้ผู้ชายพวกนั้นย่ำยีตัวเองแล้วทำให้ลูกของเธอต้องตาย!
จ้าวเหมยต้องเป็นพวกเดียวกับแม่ไก่ฟักไข่ไม่ได้อย่างคุณนายเจียงแน่ ๆ!
เธอจะไม่เกลียดได้อย่างไร?
สวีจื่อเซวียนดึงเจียงจื้อหรู่ไว้มองเขาอย่างไม่พอใจ ไม่อยากให้เขาไปทักทายจ้าวเหมย
“เป็นเด็กดีนะ เรายังไม่เคยขอบคุณจ้าวเหมยเลย แบบนี้เสียมารยาทมากนะเด็กดี!” เจียงจื้อหรู่อธิบายอย่างใจเย็นแต่กลับเริ่มมีท่าทีไม่สบอารมณ์
“ฉันไม่ขอบคุณเธอหรอก ถ้าเธอมาช่วยฉันเร็วกว่านี้ ฉันคง…” สวีจื่อเซวียนตาแดงก่ำกัดริมฝีปากอย่างดื้อรั้น
เจียงจื้อหรู่นึกปวดศีรษะเหลือเกินและความหงุดหงิดเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ หลายวันมานี้สวีจื่อเซวียนเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต ไม่ว่าอะไรก็ฟังไม่เข้าหูเอาแต่คิดว่าจ้าวเหมยทำร้ายเธอกับลูกอย่างเดียว
ท่าทีแบบนี้หากให้จ้าวเหมยเห็นเข้าเกรงว่าจะยิ่งทำให้จ้าวเหมยรู้สึกไม่ชอบใจมากกว่าเดิม
เจียงจื้อหรู่ถอนหายใจพลางขมวดคิ้วเอ่ย “งั้นเธอรอฉันอยู่ตรงนี้ ฉันจะไปพูดอะไรนิดหน่อย”
ไม่รอให้สวีจื่อเซวียนคัดค้านเขาก็ออกแรงแกะนิ้วมือของเธอแล้วเค้นรอยยิ้มดูดีก้าวเท้ายาวไปทางเหมยเหมย
สวีจื่อเซวียนเริ่มร้อนรน ตอนนี้เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าเจียงจื้อหรู่ไม่ได้เอาใจเธอเหมือนอย่างเคยอีกแล้ว ไหนจะเริ่มไม่มีความอดทนเวลาพูดกับเธออีกต่างหาก
หรือว่าเจียงจื้อหรู่รังเกียจเธอที่ถูกผู้ชายพวกนั้น…?
สวีจื่อเซวียนรีบปรี่ตามไปอย่างระแวง เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ถ้ายังเกาะเจียงจื้อหรู่ไว้ไม่อยู่ทุกคนจะหัวเราะเยาะเย้ยเธอ ดูถูกเธอได้!
เธอไม่เอาอย่างนั้นหรอกนะ!
ตอนที่ 1714 เธอตายไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน
“สวัสดี ไปเที่ยวกันเหรอ?” เจียงจื้อหรู่ยิ้มทักทายและโค้งตัวให้น้อย ๆไม่กล้าสบสายตาเย็นยะเยือกของเหยียนหมิงซุ่นตรง ๆ
สวีจื่อเซวียนวิ่งเหยาะ ๆตามมาด้านหลังและโอบแขนเจียงจื้อหรู่ไว้เหมือนแสดงตัวเป็นเจ้าของ เจียงจื้อหรู่สะบัดหลายทีก็ไม่หลุด รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มฝืดเคืองและสายตาเริ่มฉายแววไม่สบอารมณ์มากกว่าเดิม
สุดท้ายก็อายุน้อยเกินไปเลยไม่รู้จักโตสักนิด งานสังคมแบบนี้อดีตภรรยาของเขาไม่เคยทำให้เขาต้องกังวลใจเลย!
เหมยเหมยยิ้มเป็นมารยาทแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องงานค่ะ อาจารย์เจียงไปเที่ยวเหรอคะ?”
เธอไม่มองสวีจื่อเซวียนด้วยซ้ำ คนไม่รู้จักสำนึกบุญคุณแบบนี้ต่อให้เจอกันก็แค่คนแปลกหน้าเท่านั้น!
คราวก่อนแม้เธอจะบอกปัดคำขอร้องของเจียงจื้อหรู่แต่สุดท้ายสวีจื่อเซวียนถูกช่วยออกมาได้ก็ล้วนเป็นเพราะเธอไม่มากก็น้อยเลยนะ นังนี่ก็เหลือเกินไม่รู้จักขอบคุณก็ยังพอปล่อยผ่านไปได้แต่ตอนนี้ยังถลึงตาจ้องเธอเขม็งแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?
ทำคุณบูชาโทษหรือ?
เหมยเหมยกล่าวเสียงเย็นชา “สวีจื่อเซวียน เธอไม่สำนึกบุญคุณก็ช่าง แต่เธออย่าใช้สายตาเหมือนฉันฆ่าคนทั้งครอบครัวเธอแบบนั้นมามองฉัน ฉันไม่ใช่อาจารย์เจียงที่จะยอมทนเธอได้อย่างไม่มีขีดจำกัดหรอกนะ!”
เจียงจื้อหรู่รีบหันหน้าไปมองเลยเห็นสวีจื่อเซวียนที่ไม่ทันเก็บสายตาเคียดแค้นนั่น เขาตกใจพลางถลึงตาใส่เป็นการตักเตือนแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงต่ำ “ขอบคุณนะจ้าวเหมย!”
เสียงที่ดุดันขึ้นเล็กน้อยไม่เหลือเค้าความเอาใจและอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็น สวีจื่อเซวียนมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา แววตาแฝงด้วยความเสียใจทั้งยังคิดเหลวไหลไปเองสารพัด
“ไม่เอา ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอจงใจยื้อเวลา ฉันจะโดน…ได้ไงกัน คุณเองก็เปลี่ยนไป เมื่อก่อนคุณไม่เคยตะคอกใส่ฉันเลย…ฮือ…”
สวีจื่อเซวียนที่เศร้าเสียใจอยู่จึงพูดอะไรไม่ทันยั้งคิดจนหลุดความในใจทั้งหมดออกมา เจียงจื้อหรู่ลอบสบถในใจรีบอุดปากเธอไว้โดยอัตโนมัติ
เหมยเหมยสีหน้าดุดันทันทีและก่นด่าสวีจื่อเซวียนกับบรรพบุรุษของหล่อนสิบแปดชั่วโคตรในใจไปด้วย นี่น้ำเข้าสมองหรือไงกัน?
เมื่อก่อนยังรู้สึกว่าแม่นี่มีความสามารถดี ตอนนี้ดูแล้วก็คนโง่ดี ๆนี่เอง!
“ขอบคุณก็ช่างมันเถอะ ฉันคงรับไม่ไหวหรอกนะ” เหมยเหมยแค่นยิ้มกล่าวแล้วพูดเสียงประชดประชัน “สวีจื่อเซวียนเธอต้องทำความเข้าใจหน่อย ฉันกับเธอไม่ได้สนิทกัน เราเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นธรรมดาเท่านั้น ฉันช่วยเธอไว้สองครั้งก็นับว่าทำหน้าที่เพื่อนได้ดีแล้ว อีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะฉันไปช่วยเธอ เธอคิดว่าเธอจะยังยืนอยู่ตรงหน้าฉันได้อีกเหรอ?”
“ทำไมเธอไม่รีบมา? จนฉันต้อง…” สวีจื่อเซวียนร้องโอดครวญ
“ฉันจะสนเธอทำไมว่าโดนรุมโทรมหรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่เพราะฉีฉีเก๋อติดร่างแหไปด้วยเพราะเธอ เธอตายไปก็ไม่เกี่ยวกับฉัน อาจารย์เจียง อาจารย์รีบพาเธอไปเถอะค่ะ อย่ามาอยู่กวนประสาทฉันตรงนี้เลย!”
เหมยเหมยด่าไปไม่กี่ประโยคและสะบัดสีหน้าใส่เจียงจื้อหรู่ แม้คุณนายเจียงหน้าตาไม่ดีนักแต่กลับเก่งกาจกว่าสวีจื่อเซวียนเป็นร้อยเท่า เจียงจื้อหรู่สละของดีทิ้งเพื่อเอาคนที่ไม่มีสมองอย่างสวีจื่อเซวียนไว้นี่โง่เง่าจริง ๆ!
เจียงจื้อหรู่อารมณ์เดือดดาลยิ่งกว่า ทั้งที่ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะได้เจอคุณชายหมิงแต่กลับพังทลายลงเพราะความเอาแต่ใจของสวีจื่อเซวียน หนำซ้ำยังสร้างความไม่ประทับใจให้แก่คุณชายหมิงอีกด้วย
“ถ้าเธอยังงี่เง่าอีกก็รีบกลับไป อย่ามาตามฉัน!” เจียงจื้อหรู่ดึงหน้าบึ้งตึง น้ำเสียงก็เย็นชามากเช่นกัน
สวีจื่อเซวียนหน้าซีดเผือดในทันที ปากสั่นเทาเอามือปิดหน้าวิ่งหนีไป
เจียงจื้อหรู่เองก็ไม่ได้ตามเธอไป ครั้งนี้เขาไปฮ่องกงเพื่อเอาของเก็บสะสมไปประมูลขายเพราะเงินไม่พอใช้แล้ว ที่ฮ่องกงสามารถประมูลขายได้ราคาสูง เขาไม่คิดจะพาสวีจื่อเซวียนไปเพราะอยากให้เธออยู่พักฟื้นร่างกายที่บ้าน
แต่พอสวีจื่อเซวียนรู้เข้าก็โวยวายจะตามไปด้วย เขาที่โดนกวนใจจนนึกรำคาญเลยตอบตกลงไป
“ขอโทษทีนะ จื่อเซวียนเธอดื้อเกินไป จ้าวเหมยเธออย่าถือสาหล่อนเลยนะ!” เจียงจื้อหรู่รีบขอโทษขอโพยไม่กล้าแม้แต่จะมองเหยียนหมิงซุ่นที่แผ่ความเยือกเย็นออกจากตัวอยู่ข้าง ๆ
หวังว่าคุณชายหมิงจะไม่โกรธนะ!
……………………….
ตอนที่ 1715 สัตว์ที่ชอบสัมผัสกลิ่น
เหมยเหมยอมยิ้มน้อย ๆไม่พูดอะไร เธอไม่ใช่พ่อแม่สวีจื่อเซวียนสักหน่อยทำไมต้องทนความเอาแต่ใจของหล่อนด้วย?
เจียงจื้อหรู่เองก็รู้สึกว่าฟังไม่ขึ้นเช่นกัน จ้าวเหมยอายุน้อยกว่าสวีจื่อเซวียนตั้งหนึ่งปีแหนะ!
บรรยากาศน่าอึดอัดขึ้นมาทันที เจียงจื้อหรู่ไม่รู้ควรพูดอะไรดีจึงทำหน้าลำบากใจ
“อาจารย์เจียงไม่ไปดูสวีจื่อเซวียนหน่อยเหรอคะ?” เหมยเหมยจงใจพูดขึ้นเพราะนึกรำคาญผู้ชายคนนี้เต็มทน
เจียงจื้อหรู่ก็ยิ่งทำหน้าไม่ถูก ความรักระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์บวกกับเป็นชู้นอกสมรสทำให้เขาไม่กล้าเงยหน้ามองจ้าวเหมยแล้ว เขายิ้มอย่างลำบากใจก่อนขอตัวออกมาวิ่งตามไปยังทิศทางที่สวีจื่อเซวียนจากไป
เหมยเหมยแค่นเสียงทีหนึ่ง ตอนนี้ยังดูรักใคร่กันดี เหลือแค่ว่ารักแท้นี้จะก้าวข้ามบททดสอบของเวลาได้หรือเปล่า?
“นี่อาจารย์ที่ปรึกษาที่คบชู้ของพวกเธอเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยปากถาม
“ใช่ ทอดทิ้งภรรยาเพื่อคนไม่รู้จักสำนึกบุญคุณอย่างยัยจิ้งจอกเมื่อกี้นั่นไง” เหมยเหมยพูดเชิงเหยียด
เหยียนหมิงซุ่นไม่พอใจกว่าเดิม “อาจารย์ที่ปรึกษาของเธอตาบอดใจก็บอดไปด้วยจริง ๆ”
ในเมืองหลวงคุณนายเจียงมีชื่อเสียงมากกว่าเจียงจื้อหรู่ด้วยซ้ำ หล่อนถือว่าเป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่งคนหนึ่งเลยทีเดียว บอกได้ว่าการที่เจียงจื้อหรู่ใช้ชีวิตสุขสบายได้ล้วนเป็นคุณงามความดีของภรรยาทั้งสิ้น ตอนนี้กลับเตะภรรยาคนเก่งออกไปเพื่อผู้หญิงโง่แบบนั้น โง่เง่าชะมัด!
เหมยเหมยจงใจกล่าว “ผู้ชายอย่างพวกพี่คือสัตว์ที่ชอบของสวย ๆงาม ๆอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ?”
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อย ๆก้มหน้ากระซิบข้างหูเธอ “ฉันคือสัตว์ที่ชอบสัมผัสกลิ่นต่างหาก สวยไม่สวยไม่ว่ากัน แต่จะต้องอร่อย…”
ไอร้อนรดข้างหูของเธอจนใบหน้าร้อนผ่าว เหมยเหมยจับความหมายแฝงในคำพูดของเขาได้ก็ทั้งได้ใจทั้งเขินอาย หื่นขึ้นทุกวันจริง ๆ!
“กินมือตัวเองไปเถอะ!”
เหมยเหมยเหลือบมองมือของใครบางคนด้วยสายตาเปื้อนยิ้ม ครั้งนี้เธอจะอยู่เที่ยวฮ่องกงหลาย ๆวัน ให้เหยียนหมิงซุ่นจัดการตัวเองไปแล้วกัน!
เหยียนหมิงซุ่นนัยน์ตาเข้มขึ้น หากไม่ได้กำลังอยู่ในสนามบินเขาจะต้องจับยัยตัวแสบนี่แก้ผ้าจนตัวเปลือยแล้วอบรมเธอสักหนึ่งบทเรียน บอกให้เธอตระหนักรู้ในหน้าที่ของคุณนายเหยียน!
เขาแต่งงานมีภรรยาแล้วแท้ ๆกลับคิดจะให้เขาจัดการตัวเองงั้นเหรอ?
“คุณนายเหยียน ไม่ตั้งใจทำงานจะต้องโดนทำโทษนะ!” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเตือนเสียงเบา
เหมยเหมยตัวสะท้าน นี่มันข่มขู่กันชัด ๆเลยนี่นา เธอหยิกเอวของเหยียนหมิงซุ่นไปหนึ่งทีอย่างขุ่นเคือง ขณะที่คิดจะกัดอีกหลาย ๆทีก็มีเสียงของสยงมู่มู่ดังแว่วมา
“เหมยเหมยอยู่ตรงนั้น!”
พวกสยงมู่มู่แบกเป้เรียบง่ายเดินมาพร้อมอู่เชาที่ตัวอวบอ้วนขึ้นเรื่อย ๆและเซียวเซ่อที่ร้อยปีก็ใส่แต่เสื้อยืดกางเกงยีน ทั้งสามคนวิ่งมาทางพวกเขา
อีกไม่นานใกล้จะขึ้นเครื่องแล้วเหยียนหมิงซุ่นจึงพูดย้ำไม่กี่ประโยคแล้วออกจากสนามบินไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ส่งเหมยเหมยไปแล้วเขาจะได้เริ่มลงไม้ลงมือจัดการสักที!
ขณะที่ขึ้นเครื่องเหมยเหมยก็เจอพวกเจียงจื้อหรู่อีกครั้งที่ดูเหมือนจะคืนดีกันแล้ว สวีจื่อเซวียนก็ไม่ได้โง่มากนี่นา รู้จักเล่นตัวด้วย!
เจียงจื้อหรู่ชะงักไปกึกแล้วถามเสียงตกใจ “จ้าวเหมยก็ไปฮ่องกงเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ!” เหมยเหมยไม่อยากคุยมากไปกว่านี้เลยเดินตรงไปยังที่นั่งเฟิร์สคลาส
สยงมู่มู่กับเซียวเซ่อต่างเป็นคนที่ไม่ชอบสนใจคนแปลกหน้าเลยไม่แม้แต่จะมองพวกเจียงจื้อหรู่ คอยเดินตามหลังเหมยเหมยด้วยใบหน้าเย็นชา อู่เชากลับอมยิ้มก้มหน้าให้พวกเขาน้อย ๆ
สวีจื่อเซวียนนึกเกลียดในใจ พอเห็นพวกเหมยเหมยไม่นั่งในห้องผู้โดยสารเดียวกันกับพวกเขาเลยถามอย่างฉงนว่า “พวกจ้าวเหมยไปนั่งตรงไหนเหรอ?”
เจียงจื้อหรู่ย่นคิ้วเล็กน้อยและรู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก เมื่อก่อนทุกครั้งที่เขาไปฮ่องกงภรรยาจะต้องให้นั่งแต่ชั้นเฟิร์สคลาส โรงแรมก็เป็นโรงแรมระดับห้าดาวทั้งนั้น จัดการจองให้เขาเสร็จสรรพทุกอย่างไม่ต้องให้เขากังวลใจสักนิด
ครั้งนี้เขาอยากจองชั้นเฟิร์สคลาสแต่เงินในกระเป๋ากลับไม่เห็นด้วย ทำได้แค่ประหยัดเงินล่ะนะ
“พวกเขาไปนั่งข้างหน้า ต้องบินอีกหลายชั่วโมงเธอนอนพักสักหน่อยแล้วกัน!” เจียงจื้อหรู่ตอบกลับข้าง ๆคู ๆ โอ๋สวีจื่อเซวียนให้นอนหลับขณะที่ตนกลับไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าของสะสมครั้งนี้จะขายได้เท่าไร หากน้อยเกินไปคงไม่พอประคองกิจการพิพิธภัณฑ์ด้วยซ้ำ!
ตอนที่ 1716 แฟนคลับที่บ้าคลั่ง
พอตื่นขึ้นมาก็ถึงฮ่องกงแล้ว เสียงหวานใสของแอร์โฮสเตสดังขึ้นเรียกให้เหมยเหมยดึงผ้าปิดตาออก บิดขี้เกียจหนึ่งทีก่อนจะปลุกพวกสยงมู่มู่ที่ยังหลับใหลกันอยู่
หลังลงจากเครื่องเหมยเหมยก็ไปรับฉิวฉิวกับฉาฉากลับมา พวกเจ้าตัวเล็กอารมณ์ดีไม่เหมือนสัตว์เลี้ยงตัวอื่นที่ท่าทางเกียจคร้าน เจ้าตัวเหม่ยเหรินของเซียวเซ่อก็อยู่ในกล่องเดียวกับพวกฉิวฉิว พอเห็นเซียวเซ่อก็กระโดดขึ้นมาบนตัวเธออย่างออดอ้อน
ไม่รู้ว่าฉิวฉิวไปรังแกเจ้าตัวเล็กน่าสงสารนี้อย่างไรอีก!
“รีบไปกัน ฉันจะไปกินไอติม” เซียวเซ่อร้อนจนกัดฟันกรอด สถานที่บ้าบออย่างฮ่องกงอากาศร้อนกว่าเมืองหลวงอีก
รู้แบบนี้แต่แรกคงไม่มา!
“เธอกินไอติมน้อย ๆหน่อย เดี๋ยวอนาคตก็ลำบากหรอก!” เหมยเหมยตวัดตาใส่เธอแวบหนึ่ง ชาวต่างชาติไม่เคยให้ความสำคัญเรื่องพวกนี้เลยไม่เคยสนใจว่าเซียวเซ่อจะทานไอติมมากขนาดไหน
เช่นเดียวกับหญิงชาวต่างชาติที่ไม่เคยอยู่เดือน อีกทั้งไม่มีข้อห้ามเรื่องอาหารที่แม้จะร่างกายแข็งแรงราวกับวัวกับควายแต่กลับแก่ตัวเร็วเหลือเกิน บ่งบอกว่าวิถีการบำรุงร่างกายของฮวาเซี่ยยังมีคุณค่าพอจะให้พูดถึงอยู่
เซียวเซ่อแค่นเสียงอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่กินไอติมแล้วชีวิตจะมีความหมายอะไรอีก?”
เธอสะพายกระเป๋าไว้ตรงไหล่พลางก้าวขายาวเดินออกไปข้างนอก เซียวเซ่อในวัยยี่สิบปีกลับมีส่วนสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร เตี้ยกว่าสยงมู่มู่เพียงคืบเดียวเท่านั้น แขนยายขายาวเดินหนึ่งก้าวแต่เหมยเหมยกลับต้องวิ่งตามสองก้าวราวกับเดินอยู่บนสายลม
“ช้า ๆหน่อยสิ ฉันตามไม่ทัน” เหมยเหมยกับอู่เชาวิ่งตามจนเหนื่อยหอบอย่างน่าสงสาร คนหนึ่งก็อ้วนอีกคนก็เตี้ย น่าละเหี่ยใจเหลือเกิน!
เซียวเซ่อหยุดเดินคว้ากระเป๋าของเหมยเหมยไปสะพายไว้บนไหล่ตัวเองก่อนจะจับมือเธอสับเท้าเดินไป
วันที่อากาศร้อนตับแตกแบบนี้เธอไม่อยากอยู่นานกว่านี้แม้แต่วินาทีเดียว รีบไปตากแอร์ที่โรงแรมเอาตัวรอดก่อนดีกว่า!
เจียงจื้อหรู่กับสวีจื่อเซวียนเองก็ลงจากเครื่องแล้วเจอกันตรงปากประตู เหมยเหมยเพียงแค่ผงกศีรษะให้เล็กน้อยพร้อมสีหน้าเย็นชา เจียงจื้อหรู่จึงไม่กล้าเข้าไปตีสนิททั้งยังรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก
ทั้งที่เมื่อก่อนจ้าวเหมยให้ความเคารพเขามากแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับถูกปฏิเสธให้อยู่ห่างจากตัวพันลี้ เฮ้อ!
“มู่มู่ฉันรักเธอ…มู่มู่…”
“มู่มู่ เซ็นลายเซ็นต์ให้ฉันหน่อยเถอะ!”
“พระเจ้า…ฉันเห็นมู่มู่ตัวจริงแล้ว…หล่อจังเลย…ฉันจะเป็นลมแล้ว…”
……
เพิ่งเดินพ้นประตูมา เหมยเหมยก็ถูกกลุ่มแฟนคลับทั้งชายทั้งหญิงที่บ้าคลั่งกลุ่มหนึ่งทำเอาสะดุ้งเฮือก เสียงดังอึกทึกทั้งยังมีป้ายแบนเนอร์ขนาดใหญ่ อย่างน้อยต้องมีสักร้อยคนขึ้นไปต่างรายล้อมเข้ามาจนแน่นขนัดไปหมด
“สยงมู่มู่ไหนนายบอกว่าเป็นตารางลับไง” เหมยเหมยโกรธจนอยากจะบีบคอเจ้าหมอนี่ให้ตาย หากรู้แต่แรกว่าเขาเปิดเผยตารางงานล่ะก็ ต่อให้ตีให้ตายก็ไม่ยอมนั่งเครื่องมาพร้อมกับเขาหรอก
“ฉันไม่ได้เปิดเผยนี่นา!”
สยงมู่มู่ก็งุนงงเช่นกันถลาหยิบผ้าปิดปากจากกระเป๋าคิดจะสวมแต่โดนเซียวเซ่อตบเข้าให้ก่อนจะก่นด่าไปว่า ‘เจ้างั่ง’!
เห็นกันชัดเจนขนาดนี้แล้ว มาสวมตอนนี้จะช่วยปกปิดอะไรได้หรือไง?
“ตอนนี้ทำไงล่ะ?” อู่เชาขนหัวลุกไปหมด
“ไม่รู้จักหมอนี่ แยกย้ายกันไป!” เหมยเหมยตีตัวออกห่างสยงมู่มู่อย่างแน่วแน่ รักษาระยะห่างอย่างน้อยสิบเมตร เซียวเซ่อกับอู่เชาเห็นตัวอย่างเลยเลียนแบบทำให้สยงมู่มู่กลายเป็นคนโดดเดี่ยวไปในพริบตา
“พวกเธอทำกันแบบนี้เลยเหรอ? ไม่มีน้ำใจเอาเสียเลย!”
สยงมู่มู่มองพวกเขาอย่างหมดคำพูด วันเวลาจะช่วยให้เห็นจิตใจของคนจริง ๆ!
สวีจื่อเซวียนมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง หญิงงามตัวสูงที่อยู่ด้วยกันกับจ้าวเหมยก่อนหน้านี้ถูกคนกลุ่มใหญ่ห้อมล้อมและกำลังยืนแจกลายเซ็นทั้งยังมีนักข่าวคอยสัมภาษณ์ราวกับดาราก็ไม่ปาน
เจียงจื้อหรู่ได้ยินกลุ่มแฟนคลับเรียกมู่มู่ก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพอจะรู้จักสยงมู่มู่อยู่บ้าง คาดว่าน่าจะเป็นนักร้องที่แต่งเพลงเองและกำลังได้รับความนิยมอย่างท้วมท้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาอย่างสยงมู่มู่ ได้ข่าวว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับจ้าวเหมยด้วย
ต่างว่ากันว่าสยงมู่มู่เป็นผู้ชายที่มีหน้าตาคล้ายผู้หญิงและสวยยิ่งกว่าผู้หญิง ไม่ผิดจากคำเล่าลือจริง ๆ!
ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเหมยเหมยสามคนจะเบียดเสียดตัวออกจากท่ามกลางฝูงชนขึ้นรถของเสี่ยวอวิ๋นกับเสี่ยวหลี่ได้ พอได้ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็พรูลมหายใจยาวพลางมองไปยังสยงมู่มู่ที่ยังถูกห้อมล้อมอย่างนึกสมน้ำหน้า
………………………….
ตอนที่ 1717 ของขวัญวันแต่งงาน
“ฟู่ว ร้อนจะตายอยู่แล้ว ขอโค้กเย็นกระป๋องหนึ่งสิ”
กว่าสยงมู่มู่จะรับมือกับแฟนคลับเสร็จก็ขึ้นรถในสภาพเหงื่อชุ่มศีรษะ เหมยเหมยเปิดตู้เย็นโยนกระป๋องโค้กให้เขาหนึ่งกระป๋อง ส่วนเซียวเซ่อเพิ่งขึ้นมาได้ครู่เดียวก็กระดกไปแล้วสองกระป๋อง
สวีจื่อเซวียนกับเจียงจื้อหรู่เองก็เบียดตัวออกมาได้สำเร็จเตรียมนั่งแท็กซี่ไปโรงแรม ขณะที่สยงมู่มู่ขึ้นรถนั้นพวกเขาถึงรู้ว่ารถคันนี้ที่จอดรออยู่มารับพวกจ้าวเหมย
รถเป็นรถลีมูซีนลินคอร์นที่ต่อให้สวีจื่อเซวียนผู้ไม่สันทัดเรื่องรถยนต์ก็ดูออกว่ารถประเภทนี้ราคาแพง เธอเคยเห็นมันในโทรทัศน์ แถมยังเล่าลือว่าเป็นรถยนต์ที่ต้องเป็นระดับอภิมหาเศรษฐีถึงจะซื้อไหว
จ้าวเหมยทำไมอยู่ฮ่องกงก็มีอิทธิพลขนาดนี้ล่ะ?
สวีจื่อเซวียนนึกน้อยใจ หลังจากขึ้นรถแท็กซี่คันน้อยก็ยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม
ทำไมไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ไล่ตามจ้าวเหมยไม่ได้สักที?
เสี่ยวอวิ๋นไม่ได้ไปส่งพวกเหมยเหมยที่โรงแรมแต่ไปยังบ้านพักตากอากาศแถวอ่าวรีพัลส์เบย์ที่อยู่ใกล้ทะเล ได้ฟังเสียงคลื่นทะเลตอนเข้านอนทุกวัน เหมยเหมยหลงรักมันตั้งแต่แรกเห็นเลยด้วยซ้ำ
“อันนี้คุณชายหมิงฝากผมให้คุณหนูครับ” เสี่ยวอวิ๋นยื่นกล่องเล็กสีชมพูกล่องหนึ่งมาให้โดยมีริบบิ้นผูกไว้อย่างสวยงาม
เหมยเหมยรับกล่องมาถือไว้อย่างแปลกใจก่อนจะเปิดกล่องก่อนจะเห็นกระดาษใบเล็กที่ถูกเขียนด้วยลายมือของเหยียนหมิงซุ่น ‘คุณนายเหยียน สุขสันต์วันแต่งงาน!’
ใต้กระดาษเป็นแหวนเพชรเด่นสะดุดตาที่มีขนาดเท่าไข่นกพิราบทำเอาคนมองละสายตาไม่ได้ เสี่ยวอวิ๋นอธิบาย “นี่เป็นแหวนที่คุณชายหมิงจ้างนักออกแบบเพชรมากฝีมือออกแบบเองเลย ซึ่งมีแค่ชิ้นเดียวในโลก”
เหมยเหมยยิ้มอย่างมีความสุขแล้วสวมแหวนไว้ที่นิ้วนาง ขนาดกำลังดีทั้งไข่นกพิราบนี่ก็ไม่โดดเด่นเกินไป เข้ากับบุคลิกของเธอเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในแหวนที่ยังสลักตัวย่อชื่อภาษาอังกฤษของเธอกับเหยียนหมิงซุ่นไว้ด้วย
เธอไม่คิดเลยว่าเหยียนหมิงซุ่นจะเตรียมของขวัญอย่างเอาใจใส่ขนาดนี้ รู้สึกหวานจับใจจริง ๆ ช่างเป็นคนนิสัยไม่ดีเอาเสียเลย ไม่เคยบอกเธอล่วงหน้าสักคำ!
สยงมู่มู่ตาดีพลางเหลือบเห็นตัวอักษรบนกระดาษชิ้นเล็กได้ในทันที เขาเกร็งหนังศีรษะตะคอกใส่ “จ้าวเหมยเธอขายตัวเองไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เหมยเหมยถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ “พูดภาษาคนได้ไหม? ฉันกับพี่หมิงซุ่นเพิ่งจดทะเบียนสมรสไป ตอนนี้ฉันคือคุณนายเหยียนแล้วนะ”
“น้ำเข้าสมองเธอหรือไง? ก้าวเข้าสู่ชีวิตแต่งงานขุดหลุมฝังตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย คุณน้ากับคุณน้าสะใภ้เล็กรู้เรื่องนี้หรือยัง?” สยงมู่มู่ลอบด่าเหยียนหมิงซุ่นเจ้าเล่ห์ในใจ หลอกล่อยายนี้ให้หัวหมุนแล้วขายตัวเองทั้งที่อายุเพิ่งยี่สิบแท้ ๆ!
“แน่นอนว่ารู้อยู่แล้ว นายสนแต่ตัวนายให้ดีเถอะ เรื่องฉันไม่ต้องมายุ่งหรอก!”
เหมยเหมยกลอกตาใส่อย่างไม่สบอารมณ์ทำเอาสยงมู่มู่แค่นเสียงใส่อย่างโมโห หมากัดหลี่ว์ต้งปิน ไม่รู้ความหวังดีคนอื่น![1]
สิ่งที่เซียวเซ่อสนใจกลับเป็น–
“เหยียนหมิงซุ่นไม่เสียเงินสักแดงเดียวเลยเหรอ? ให้แค่แหวนธรรมดาวงนี้น่ะนะ? ไม่จัดให้แม้แต่งานแต่งงานเลยเหรอ?”
หากเป็นเช่นนี้จริงล่ะก็เหยียนหมิงซุ่นคนนี้ก็นับว่าขี้เหนียวพอตัว ไม่ใช่คนดีอะไร!
“รอจัดงานแต่งงานหลังเรียนจบ พี่หมิงซุ่นบอกแล้วว่าจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ให้ฉันด้วยนะ!” เหมยเหมยทำหน้าเคลิ้มรอคอยให้วันเวลาผ่านไปเร็วกว่านี้อีกนิด
เซียวเซ่อแค่นเสียงทีหนึ่ง ผู้หญิงที่ตกในภวังค์รักล้วนหน้ามืดตามัว ผู้ชายพูดจาหว่านล้อมใส่ไม่กี่ประโยคก็เอาใจจนหลงหัวปักหัวปำ พูดไปก็เปล่าประโยชน์ แต่เจ้าเหยียนหมิงซุ่นคงเชื่อถือได้สินะ อย่างน้อยแหวนวงนั้นก็พอจะให้ครอบครัวฐานะธรรมดาอื่น ๆใช้กินไปหลายชาติแล้วล่ะ!
คืนนั้นเหยียนหมิงซุ่นก็ได้คำรายงานจากเสี่ยวอวิ๋นเช่นกัน พอได้ยินว่าเหมยเหมยรักแหวนวงนั้นมากเพราะกลัวทำหายเลยไม่กล้าใส่ก็อดหัวเราะไม่ได้
ช่างเป็นหญิงที่โง่เขลาเสียจริง ลำพังแค่แหวนวงเดียวหากหายก็ซื้อใหม่ มีอะไรต้องเสียดายกัน?
แต่เขาก็ซาบซึ้งใจกับน้ำใจนี้จากเหมยเหมยอยู่ดี เขารู้ว่าสิ่งที่ยายโง่คนนี้เสียดายไม่ใช่แหวน–
แต่เป็นความรักของเขา!
……………………….
[1] เรื่องราวของชาวบ้านจากการหลี่ว์ต้งปินใจดีปล่อยหมาที่ถูกมัดเอาไว้แต่กลับโดนหมาตัวนั้นกัดเข้า ภายหลังจึงใช้เปรียบกับคนที่ทำคุณบูชาโทษ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น