ลำนำบุปผาพิษ 1706-1709
บทที่ 1706 ผู้ใดหนีผู้นั้นเป็นไอ้หลานเต่า!
ยามนี้ทันทีที่เขาคิดตกแล้ว ก็ไม่รีบร้อนจะฝึกฝนวรยุทธ์อีก!
ยามนี้เขาผสานเข้ากับร่างของหรงเจียหลัวอย่างสมบูรณ์แล้ว มีเพียงวรยุทธ์เท่านั้นที่ยังไม่ฟื้นฟุกลับมาอย่างสมบูรณ์
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ หากว่าเขาเอาจริงขึ้นมา กู้ซีจิ่วก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
ถ้าให้เวลาเขาสักครึ่งวัน เขาก็น่าจะจัดการนางได้! จากนั้นค่อยหาสถานที่สักแห่งเพื่อหลบซ่อน ทุกอย่างรอให้ตี้ฝูอีล่วงลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน…
ขณะที่เขากับกู้ซีจิ่วสนทนากัน ก็เดินไปเดินมาอยู่ในรอยแยกน้ำแข็งด้วย คล้ายว่าเดินเตร่ไปด้วยความเบื่อหน่าย ทว่าความจริงเขาได้เริ่มวางหมาก วางกลยุทธ์แล้ว เขาจะปิดผนึกที่นี่อย่างสมบูรณ์! ทำให้นางหนีไปไม่ได้อีก…
กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างระแวดระวังอยู่ตลอด เมื่อเขาเดินไปเดินมา เธอก็เดินวนเวียนติดตาม
เธอดูหงุดหงิดอยู่บ้าง เตะยอดน้ำแข็งริมฝั่งอยู่เสมอ
ถึงแม้ว่ายอดน้ำแข็งจะแข็งกว่าปกติ แต่ก็ยังต้านทานลูกเตะนี้ของเธอไม่ได้ ถูกเตะจนปลิวว่อนอยู่เสมอ ถึงขั้นที่บางครั้งก็กระเด็นไปทางโม่เจ้าอยู่สองสามที…
เป็นอย่างที่คิดนั่นแหละ โม่เจ้าก็ไม่ปลอยให้ยอดน้ำแข็งนี้กระทบโดน บางครั้งก็สะบัดแขนเสื้อซัดออกไป บางครั้งก็เคลื่อนกายหลบหลีก แม้แต่เกล็ดน้ำแข็งสักอันก็ไม่ร่วงต้องร่างเขาเลยด้วยซ้ำ
กู้ซีจิ่วรู้สึกอยู่เสมอว่าวาจาของโม่เจ้ามีลับลมคมในยิ่งนัก ทว่ายังเดาไม่ออกว่าเป็นลับลมคมในอันใด
เธอก็ไม่อยากเดาแล้วเหมือนกัน!
เดาไปเดามาช่างเหนื่อยเหลือเกิน เธอคร้านจะใช้สมองแล้ว
ตอนนี้เธอมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สังหารโม่เจ้าซะ! เพื่อล้างแค้นให้จิ้งจอกน้อย! ล้างแค้นให้ตัวเองในอดีต! ล้างแค้นให้หรงเจียหลัว ล้างแค้นให้ปราชาชนบริสุทธิ์ที่ต้องตายอย่างไร้ความผิดเหล่านั้น! กำจัดภัยพิบัติใหญ่หลวงนี้ให้สิ้นซากไปเสีย!
แม้จะต้องตายตกตามกันไปก็ยอม!
เธอก็วางหมากแล้วเหมือนกัน หมากที่จะทำให้บอบช้ำกันไปทั้งสองฝ่าย กลยุทธ์ไม่ตายไม่เลิกรา…
ต่างฝ่ายต่างมีแผนการของตน แต่ละคนต่างเดินหมากแล้ว
ทั้งสองคนพูดคุยบางเรื่องกันต่อไป โม่เจ้าเป็นจอมเจ้าเล่ห์ พูดจาดน้ำไม่รั่วเลยสักหยด
กู้ซีจิ่วก็โต้ตอบอย่างสุขุมเช่นกัน ไม่ปล่อยให้เขาหลอกถามข่าวคราวได้อีกแม้แต่น้อย
ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้ชำนาญด้านการวางกลยุทธ์คนหนึ่ง มองออกเช่นกันว่าโม่เจ้าก็มีแผนการแล้ว คงคิดจะจับกุมเธอหรือไม่ก็สังหารเธอ…
เธอหยักมุมปากนิดๆ ใครจะเป็นฝ่ายสังหารใครก็ยังไม่แน่หรอก!
เธอยอมรับว่าวรยุทธ์ของเธอในตอนนี้สู้โม่เจ้าไม่ได้ แต่เธอก็มีวิธีการของเธอเอง วิธีนี้เธอเรียนรู้มาจากหมอผีคนหนึ่งในชาติก่อน นับว่าเป็นยอดอาวุธสังหารสำหรับต่อกรกับมารร้าย!
เพื่อแต่ค่าตอบแทนที่ต้องแลกเปลี่ยนนั้นใหญ่หลวงเกินไป ถ้าไม่ถึงช่วงจวนตัวจริงๆ ก็ไม่มีใครอยากใช้วิธีนี้
แต่ตอนนี้ เป็นช่วงเวลาคับขันจวนตัวแล้วจริงๆ เป็นช่วงเวลาที่สมควรสำแดงวิธีนี้ออกมาแล้ว!
ถึงแม้โม่เจ้าจะเป็นยอดฝีมือด้านค่ายกลเช่นกัน แค่ความรู้ทั้งหมดในด้านนี้ของเขายังห่างชั้นกับกู้ซีจิ่วมากนัก
กลังจากเขาเดินวนเวียนเตร็ดเตร่อยู่เกือบครึ่งชั่วยามในที่สุดก็หยุดฝีเท้าแล้ว มองดูกู้ซีจิ่วที่อยู่ตรงข้าม
กู้ซีจิ่วก็เงยหน้ามองเขาเช่นกัน ทั้งสองคนสบตากัน โม่เจ้าแย้มยิ้ม รอยยิ้มนี้ดูอ่อนโยน ทว่ามอบความรู้สึกชั่วร้ายอย่างหนึ่งให้แก่ผู้คน “ซีจิ่ว ในเมื่อเจ้าชมชอบติดตามข้าถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็อย่าได้หนีอีกล่ะ ตกลงไหม?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วมองเขา ไม่พูดอะไร
โม่เจ้าเหินร่างขึ้นมาทันที ร่อนลงบนริมฝั่งด้านนั้นของเธอ
ถึงอย่างไรเขาก็ติดตั้งเขตแดนไว้ในรอยแยกน้ำแข็งทั้งหมดแล้ว วิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วไม่อาจใช้การด้านในนี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว นางไม่สามารถใช้วิชาเคลื่อนย้ายหลบหนีได้อีกแล้ว!
การติดตั้งเขตแดนนี้ยังคงสิ้นเปลืองพลังวิญญาณของโม่เจ้ายิ่งนัก หลังจากใช้อาคมนี้ออกมา เขาต้องพักฟื้นอย่างน้อยครึ่งเดือนถึงจะเริ่มฝึกฝนวรยุทธ์ได้อีกครั้ง
หากมิใช่ตัดสินใจว่าจะละเรื่องการฝึกวรยุทธ์ไว้ก่อนชั่วคราว เขาก็คงหักใจใช่วิธีนี้ในยามนี้ไม่ลง
ครั้งนี้เขาต้องเอาชนะกู้ซีจิ่วให้ได้! แน่นอน เขาไม่ได้เห็นวรยุทธ์ของนางอยุ่ในสายตาเลยสักนิด
เขารู้ว่าวิทยายุทธ์ของนางยอดเยี่ยม แต่เมื่อเทียบกับเขาแล้วยังห่างชั้นกันมากนัก! ถ้าสู้กันจริงๆ ขึ้นมาบางทีนางอาจจะต้านรับเขาได้สักเจ็ดสิบแปดสิบกระบวนท่ากระมัง? ไม่มากไปกว่านี้แล้ว!
กู้ซีจิ่วหรี่ตาลงเล็กน้อย แย้มยิ้มเช่นกัน “ครั้งนี้เจ้าก็อย่าหนีไปอีกนะ ผู้ใดหนีผู้นั้นเป็นไอ้หลานเต่า! มาตัดสินกันให้จบสิ้นที่นี่เถิด!”
————————————————————————————-
บทที่ 1707 วรยุทธ์ที่ต้องการชีวิตเจ้า!
โม่เจ้าแทบจะไม่คาดคิดว่านางจะพูดจาหยาบโลน ตกตะลึงไปเล็กน้อยจากนั้นก็หัวเราะร่า “ได้! ผู้ใดหนีผู้นั้นเป็นไอ้หลานเต่า! ซีจิ่ว ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสความร้ายกาจของข้า!” เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ครั้งนี้ขอเพียงจับกุมนางได้ก็จะบังคับครอบครองนาง! ให้นางเป็นสตรีของเขา ถึงแม้ไม่ได้ครอบครองใจของนาง ได้ครอบครองร่างกายของนางก็ยังดี
เขาอยากเห็นท่าทางร้องไห้ฟูมฟายของนางภายใต้ร่างของเขา สิ่งของที่ไม่อาจครอบครองได้ เขายอมทำลายมันไปเสียยังดีกว่า!
จากการเรียกด้วยฝ่ามือ กระบี่สีแดงเลือดเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือเขาอย่างรวดเร็ว
ปลายกระบี่ดังเปลวเพลิง ทว่าคมเย็นดังน้ำแข็ง ทันทีที่ปรากฏขึ้นราวกับแฝงด้วยเสียงโหยหวนของวิญญาณอาฆาตธารน้ำแข็งที่ไม่แข็งตัวมาเป็นหมื่นปีเดิมทีกำลังไหลเชี่ยว ทว่าทันทีที่กระบี่นี้ปรากฏขึ้น ธารน้ำแข็งพลันแข็งตัวในพริบตา ความมืดมนและหนาวเหน็บแทบจะตัดอาภรณ์ของคนให้ขาดได้
เมื่อแขนเสื้อกู้ซีจิ่วห้อยลง แส้อ่อนเส้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือ แส้อ่อนประกายสีรุ้ง สั่นไหวเล็กน้อย ทว่าก็เป็นเส้นตรงที่สมบูรณ์แบบ ลำแสงบนแส้อ่อนวาบไหว ประหนึ่งริ้วแสงตะวันย้อมสี
อาวุธวิเศษเดิมที่โดดเด่นของเธอโดยพื้นฐานเป็นของที่ตี้ฝูอีให้เธอ หลังจากที่ตัดขาดกับตี้ฝูอี เธอก็ส่งสิ่งของเหล่านั้นที่เขาเคยให้ทั้งหมดคืนกลับไป วรยุทธ์ที่เขาเคยถ่ายทอดให้เธอก็ไม่ใช้แล้ว
ส่วนแส้อ่อนนี้เธอกลั่นออกมาจากดวงวิญญาณ ทันทีที่เพิ่งปรากฏขึ้นก็มีลำแสงมงคลห่อหุ้มทั่วทั้งรอยแยกน้ำแข็ง
เดิมทีใจกลางรอยแยกน้ำแข็งเป็นน้ำแข็งสีฟ้าอ่อน เมื่อถูกแส้อ่อนสีรุ้งนี้ส่องสะท้อน ก็กลับกลายเป็นริ้วแสงอาทิตย์ หลากหลายพิลึกพิลั่นขึ้นมา
โม่เจ้ามองแส้อ่อนของนาง แววตาฉายความประหลาดใจ เขาไม่เคยรู้ว่ายามนี้อาวุธที่กู้ซีจิ่วเลือกออกมาจะเป็นแส้อ่อนเส้นหนึ่ง ในภาพความประทับใจของเขา นางเชี่ยวชาญการใช้กระบี่มาตลอด…
“ของเล่นชิ้นนี้ของเจ้าสีสันช่างฉูดฉาด ตี้ฝูอีให้เจ้ามาหรือ?”
กู้ซีจิ่วหยักมุมปากเล็กน้อย “สีสันฉูดฉาด แต่ก็ต้องการชีวิตของเจ้า!” แส้อ่อนดุจธารน้ำตก โบยบินไปทางโม่เจ้า
โม่เจ้าหัวเราะเริงร่า “ดีมาก ข้าก็อยากเห็นว่าสิ่งของอ่อนนุ่มเช่นนี้จะเอาชีวิตข้าได้อย่างไร!”
ลำแสงกระบี่ยาวกว่าหนึ่งจั้งโบยบินออกจากกระบี่โลหิต พุ่งตรงไปตัดแส้อ่อน!
กระบี่โลหิตของเขาคืออาวุธมารบรรพกาลชิ้นหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดที่ตัดไม่ขาด ต่อให้เป็นกระบี่ล้ำค่าที่ตีขึ้นมาจากเพชรก็ถูกกระบี่โลหิตนี้ตัดแหลกเป็นเสี่ยงได้
ที่อันตรายไปกว่านั้นก็คือ ภายในกระบี่โลหิตนี้กักขังวิญญาณอาฆาตที่ดุร้ายไว้มากมายนับไม่ถ้วน ด้วยการแกว่งไกวกระบี่โลหิต ไอวิญญาณอาฆาตจะแปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่ เผชิญเทพสังหารเทพ เผชิญเซียนสังหารเซียน เดิมทีกระบี่โลหิตนี้เป็นกระบี่ที่เขาวางแผนจะใช้ต่อกรกับเทพศักดิ์สิทธิ์ บัดนี้กลับใช้บนร่างของกู้ซีจิ่วเสียแล้ว
หากปราณกระบี่ของกระบี่โลหิตฟันโดนกู้ซีจิ่วจริงๆ นางก็จะถูกแช่แข็งกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง ทำให้โม่เจ้าทำอะไรได้ตามใจชอบ
ลำแสงกระบี่โลหิตปะทะกับแส้อ่อนโดยตรง โม่เจ้าวางแผนจะให้ไอเย็นเข้าสู่ร่างกู้ซีจิ่วโดยผ่านแส้อ่อนเส้นนั้น แช่ให้มือและเท้าของนางแข็งจนใช้การไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ แส้อ่อนก็ส่องสว่าง ลำแสงสีรุ้งแพรวพราว ขจัดและชำระล้างวิญญาณอาฆาตแดงฉานในพริบตา…
เขาประหลาดใจยิ่งนัก ชักกระบี่โลหิตกลับ วิญญาณอาฆาตภายในกระบี่โลหิตถูกลำแสงสีรุ้งของแส้อ่อนชำระล้างไปสองสามดวง…
“เจ้า…” เขามองนางด้วยความประหลาดใจอย่างมิอาจบรรยายได้ “นี่มันวรยุทธ์อะไรกัน?!” เขาไม่เคยพบเจอ
“วรยุทธ์ที่ต้องการชีวิตเจ้า!” กู้ซีจิ่วแปลงแส้อ่อนเป็นภาพลวงสะพานสายรุ้งอีกครั้ง พุ่งตรงไปพันรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว
ภาพลวงหลากสี ลำแสงเปล่งประกาย ภาษาสันสกฤตมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนแส้อ่อน ร่วงหล่นกระจัดกระจายกลางอากาศประหนึ่งกลีบดอกไม้ ร่วงหล่นลงที่ใด ที่นั่นก็เหมือนถูกลมวสันต์พัดโชย น้ำแข็งลึกลับกลายเป็นน้ำ กลับเป็นธารน้ำแข็งอีกครั้ง…
โม่เจ้าหรี่ตาลง!
ยามนี้วรยุทธ์ที่กู้ซีจิ่วใช้ออกมาไม่เพียงแต่แปลกประหลาด เป็นวรยุทธ์ที่เขาไม่เคยเห็น อีกทั้งยังมีพละกำลังมากมายอย่างน่าอัศจรรย์ ดูเหมือนไม่ต่างกับเทพศักดิ์สิทธิ์ออกโรงด้วยตัวเอง…
บทที่ 1708 เห็นได้ชัดว่านางต้องการตายตกไปพร้อมกับเขา
ว่ากันด้วยเหตุผล พลังวิญญาณของนางไม่มีทางถึงขั้นนี้ นางใช้มันออกมาได้อย่างไร?
เขาหลบหลีกไปมาริมฝั่งธารน้ำพลางคิดคำนวณ
ทว่าข้อสงสัยของเขาถูกลิขิตให้ไม่มีทางแก้ กู้ซีจิ่วก็ไม่มีทางอธิบายให้เขาฟัง
กู้ซีจิ่วไล่บี้ทุกย่างก้าว กระบวนท่าแปลกประหลาดมากมายปรากฏขึ้นอย่างไม่ขาดสายทำให้โม่เจ้าต้องเปลืองแรงจัดการมากขึ้น
ตอนแรกเขายังไม่อยากใช้พละกำลังทั้งหมด ทว่าหลังจากที่ประมือกับกู้ซีจิ่วสิบกว่ากระบวนท่า เขารู้แล้วว่าเขาจำเป็นต้องใช้พละกำลังทั้งหมด! มิเช่นนั้นไม่เพียงแต่เขาจะจับนางไม่ได้ ในทางกลับกันยังจะถูกนางทำร้ายเอาได้!
ท่าทีของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา ในที่สุดก็ใช้พละกำลังทั้งหมด ยิ่งดุเดือดและมีเล่ห์เหลี่ยมมากขึ้นเรื่อยๆ!
ทั้งสองต่อสู้กันริมธารน้ำใต้ดินของรอยแยกน้ำแข็งเช่นนี้
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม และผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม…
ธารน้ำแข็งละลายแล้วแข็งตัว แข็งตัวแล้วก็ละลาย เสาน้ำแข็งริมฝั่งได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย กลายเป็ยผุยผงไปในพริบตา กำแพงน้ำแข็งทั้งสี่ทิศค่อยๆ พังทลาย ภูเขาน้ำแข็งด้านบนก็พลิกคว่ำ…
สภาพภูมิประเทศของที่แห่งนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงโดยไม่รู้ตัว ประหนึ่งมาถึงสนามรบน้ำแข็ง
ถึงแม้สภาพภูมิประเทศจะแปรเปลี่ยน ทว่าเขตแดนที่ทั้งสองสร้างขึ้นไม่ได้ถูกทำลาย…
กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาไม่ได้เมื่ออยู่ในนี้ และโม่เจ้าก็ไม่มีทางหลบหนีออกจากที่แห่งนี้ไปได้อีก
ความจริงเขาอยากหลบหนีตั้งนานแล้ว!
วรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วในตอนนี้ไม่เพียงแต่แปลกประหลาด อีกทั้งยังโหดเหี้ยม ล้วนเป็นกระบวนท่าที่ไม่คิดชีวิต บาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย!
รอบกายนางห่อหุ้มด้วยลำแสงสีรุ้งชั้นหนึ่ง กระบี่โลหิตของเขาฟาดฟันด้านบน นอกจากจะทำให้นางสั่นไหวและกระอักเลือดเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่อาจทำร้ายให้นางบาดเจ็บหรือทำให้นางสูญเสียพละกำลังการต่อสู้ได้เลย
ตราบใดที่ทำให้เขาบาดเจ็บได้ระหว่างการต่อสู้ นางไม่สนใจปราณกระบี่ที่กระทบถูกหน้าอกหรือหน้าผากแม้แต่น้อย แส้อ่อนพร้อมด้วยลำแสงสีรุ้งฟาดลงไปบนร่างของโม่เจ้าอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บนร่างกายของเขามีรอยแผลเพิ่มขึ้นไม่น้อย
หากเป็นแค่รอยแผลก็ช่างเถิด ทว่าบนรอยแผลนั้นเหมือนมีเคล็ดวิชาอันใด ทำให้ไอมารบนร่างเขาแตกซ่าน เจ็บปวดเข้ากระดูก เจ็บปวดกว่าบาดแผลทั่วไปในอดีตกว่าสิบเท่า
เห็นได้ชัดว่านางต้องการตายตกไปพร้อมกับเขา แต่โม่เจ้าไม่อยากจบชีวิตอยู่ที่นี่ ดังนั้น เขาเคยลองใช้วิธีหลบหนีมากมายระหว่างการต่อสู้ จะอย่างไรล้วนถูกลำแสงสีรุ้งหลายสายขัดขวางทั้งนั้น
เห็นได้ชัดว่ากู้ซีจิ่วก็ติดตั้งเขตแดนอะไรไว้ที่นี่เช่นกัน ทำให้เขาหลบหนีออกไปไม่ได้!
จนกระทั่งต่อมา เขาค่อนข้างตื่นตระหนก ตะโกนเสียงดัง “กู้ซีจิ่ว เจ้าใช้วิธีภูตผีอะไรที่นี่?”
กู้ซีจิ่วบาดเจ็บเล็กน้อย มีโลหิตไหลออกจากมุมปาก ริมผีปากหยักยิ้มบางๆ ดวงตากลมโตดำขาวตัดกันอย่างชัดเจนเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “วิธีที่ทำให้เจ้าออกไปไหนไม่ได้อีก! โม่เจ้า นอกจากเจ้าจะสังหารข้าแล้ว มิเช่นนั้น ก็ไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้ชั่วนิรันดร์!”
โม่เจ้านิ่งอึ้ง
หลังจากที่เขาลองใช้วิธีต่างๆ มากมายติดต่อกันก็ยังหลบหนีออกไปไม่ได้ นัยน์ตาฉายแววโหดร้าย “ได้ เช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้าเสีย!”
เขาเก็บความคิดที่จะหลบหนีไว้ แล้วโจมตีกู้ซีจิ่วอย่างบ้าคลั่งประหนึ่งลมพายุพัดโหมกระหน่ำ…
บางทียัยเด็กนี่อาจกินโอสถบางอย่างที่ทำให้พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าการใช้โอสถเร่งเพิ่มพลังวิญญาณเช่นนี้คงอยู่ได้ไม่นาน ก็เหมือนกับการใช้วิชามารสวรรค์สลายร่าง ถึงแม้จะทำให้พลังวิญญาณสูงขึ้นได้หลายเท่า ทว่าจะคงอยู่ได้มากสุดสองชั่วยามแล้วก็จะอ่อนแอ…
ถึงตอนนั้นเขาค่อยเตรียมโอสถให้นางอย่างดี! เวลาล่วงเลยผ่านไป ผ่านไปตามการต่อสู้พลิกเหินไปมาของคนทั้งสอง
ทว่าสิ่งที่ทำให้โม่เจ้าผิดหวังก็คือ เวลาล่วงเลยผ่านไปสองชั่วยามกว่า อีกฝ่ายกลับยังคงไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยล้าสักนิด
ในทางกลับกัน ลำแสงสีรุ้งบนร่างนางกลับยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น!
ไม่เพียงแต่ลำแสงสีรุ้งบนร่างนางที่ยอดเยี่ยม
———————————————————————-
บทที่ 1709 นางถึงขนาดไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใดด้วยซ้ำ!
แม้แต่บนพื้นที่ต่อสู้ก็ละลานไปด้วยลำแสงสีรุ้งที่กำลังส่องแสงแววระยับ ทำให้แสงเจิดจ้าแยงตาโม่เจ้า…
บนร่างกายเขามีบาดแผลมากมาย วิญญาณอาฆาตของกระบี่โลหิตในฝ่ามือถูกลำแสงสีรุ้งนั้นสาดส่องอยู่ตลอดเวลา จนอ่อนแอลงเรื่อยๆ
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะไม่มีชีวิตต่อไปจริงๆ แล้ว!
อันที่จริงเขาสงสัยอยู่บ้าง เหตุใดกู้ซีจิ่วจึงไม่ติดต่อสหายให้มาช่วยกันจับตัวเขา แต่กลับมาเสี่ยงอันตรายเพียงลำพัง จู่ๆ ตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้ว วรยุทธ์แปลกประหลาดเช่นนี้ของกู้ซีจิ่วหากใช้ออกไปแล้วจะเป็นอันตรายจริงๆ!
นางมั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้!
การเกิดใหม่ของโม่เจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย เขาย่อมไม่ต้องการพิสูจน์ตัวเองที่นี่เช่นนี้ เขาคิดจะเผยความจริงบางอย่าง ทำให้นางเหม่อลอยได้ภายใต้จิตใจที่สั่นไหว ทว่าการโจมตีของกู้ซีจิ่วยิ่งรวดเร็วขึ้นทุกที จนท้ายที่สุดราวกับสายฝนโปรยปรายบนบานหน้าต่าง อย่าว่าแต่จะบอกความจริงอะไรเลย แม้แต่จะเปิดปากยังยากเย็นยิ่งนัก! เขาก็ไม่อาจเสียสมาธิได้!
มิเช่นนั้นเกรงว่าเขาเพิ่งเปิดปากพูดได้ไม่กี่คำ คนก็ถูกแส้อ่อนของนางบิดเป็นสิบห้าสิบหกส่วน ประกอบกันไม่ติดอีกต่อไป
ทั้งสองทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดไว้ที่การต่อสู้เสี่ยงชีวิตนี้ ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงที่เหมือนดังส่งผ่านมาจากนอกเขตแดน ถึงขนาดที่มีคนส่งเสียงตะโกน
เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนตามมา ต้องการที่จะทำลายเขตแดนที่กู้ซีจิ่วสร้างขึ้นมา ทว่าเสียแรงเปล่า เขตแดนนั้นแข็งแกร่งดังป้อมปราการ…
…
เป็นครั้งแรกในขีวิตที่ตี้ฝูอีรีบร้อนอย่างบ้าคลั่ง!
เขารู้สึกตื่นตระหนก เขาปรับระดับความเร็วให้เร็วที่สุดระหว่างทาง แต่กลับยังคงรู้สึกว่าช้าเกินไป!
ไกลเกินไปแล้ว! สถานที่ที่ทั้งสองคนอยู่ไกลเกินไปแล้ว!
ตี้ฝูอีอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าพวกกู้ซีจิ่วจะไปไกลถึงสถานที่แห่งนั้น
ทั้งสองคนนั้นหายตัวไปเพียงแค่สามวัน ทว่ากลับไปถึงสถานที่ซึ่งมีธารน้ำแข็งห่างไกลออกไปนับหมื่นลี้แล้ว
กู้ซีจิ่วมีคุณบัติร่างกายหนาวเย็น ตรงนั้นที่นางไล่ล่าไปไม่เป็นผลดีกับนางเลย และนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโม่เจ้า ต่อให้ตี้ฝูอีพยายามอย่างสุดกำลัง รีบตามไปที่นั่นก็ต้องใช้เวลาสามชั่วยามขึ้นไป…
สามชั่วยามนี้เพียงพอที่จะเกิดเรื่องราวไม่ดีบางอย่างขึ้นได้บ้าง…
เนื่องจากร้อนใจจนเกินไป ระหว่างทางย่างก้าวของเขาไม่มั่นคง เคยชนเข้ากับต้นไม้ เคยชนเข้ากับยอดเขา…
แน่นอนว่าระหว่างทางที่ไล่ตามมา เขายังใช้ป้ายหยกติดต่อนางเป็นครั้งคราว ทว่าไม่ได้รับการตอบกลับจากนางเลย
ดูเหมือนนางตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะต่อสู้กับโม่เจ้าให้ถึงที่สุด และไม่ต้องการติดต่อผู้ใด…
นางถึงขนาดไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใดด้วยซ้ำ!
กู้ซีจิ่ว นี่นางจงใจรนหาที่ตายใช่ไหม?
กู้ซีจิ่ว อย่าทำเรื่องโง่ๆ…
ต่อให้เจ้าต่อสู้ด้วยพลังวิญญาณทั้งหมดของเจ้าก็เอาชนะโม่เจ้าไม่ได้! ทำได้แค่เพียงเอาชีวิตนั้นของตัวเองไปเสี่ยง…
ในที่สุดเขาก็ตามมาถึงแผ่นน้ำแข็งที่ห่างไกลและเวิ้งว้างผืนนั้น ในที่สุดก็ตามหาสถานที่ที่แสดงบนผังโหราศาสตร์พบ
จากที่ห่างไกล เขามองเห็นลำแสงสีรุ้งกลางอากาศดุจแสงเหนือเจิดจรัสพร่างพราวปรากฏขึ้น มองเห็นลำแสงสีแดงปะปนกับลำแสงห้าสีและลำแสงสีรุ้งกระทบกัน…
เสียงดังโครมครามสะท้านฟ้าสะเทือนดินตามมากับแสงส่องสว่างพร่างพราว ผืนดินสั่นสะเทือนเป็นระลอก
ชั้นน้ำแข็งจำนวนมากปรากฏรอยแยก ภูเขาน้ำแข็งมากมายถล่มตามไป…
นั่นคือสงครามเป็นตายบรรพกาลครั้งหนึ่ง เคราะห์ดีที่การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นบนแผ่นน้ำแข็งที่ไม่มีผู้คน หากเกิดขึ้นในเขตที่มีผู้คนหนาแน่น เกรงว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะทำลายล้างทั้งเมือง
ยามตี้ฝูอีกำลังมองลำแสงสีรุ้งเจิดจรัสนั้น สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว
เขารู้จักวรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วเป็นอย่างดี รู้ว่าด้วยพลังวิญญาณของนางปล่อยลำแสงสีรุ้งออกมาได้จริง ทว่าไม่มีทางปล่อยลำแสงสีรุ้งที่รุนแรงขนาดนี้เจิดจ้าขนาดนี้ได้!
นอกเสียจากว่าจู่ๆ พลังวิญญาณของนางจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า! ถึงจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้
พลังวิญญาณใดๆ ก็ไม่มีทางเพิ่มขึ้นได้รวดเร็วขนาดนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น