คัมภีร์วิถีเซียน 1700-1704
ตอนที่ 1700 สายฟ้าสีม่วง
หานลี่เห็นประตูบานนี้ก็หน้าเปลี่ยนสี แต่ร่างกายก็เคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด กายเป็นเงาลวงตาแล้วหายวับไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมาด้านหน้าประตูลำแสงพลันมีเงาสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ หานลี่จมหายเข้าไปข้างใน หุ่นเชิดวานรยักษ์ตัวนั้นพลิ้วกาย แล้วไล่ตามไปติดๆ
ชั่วพริบตาที่หุ่นเชิดหายวับไปจากในประตูลำแสง ดวงแสงสีดำและฟ้าที่เดิมลอยอยู่กลางอากาศก็เปล่งเสียงคำราม ผิวของมันเริ่มมีลำแสงประหลาดหมุนวนโคจร กลายเป็นลำแสงเจิดจ้าแสบตาแล้วระเบิดออก
ตาข่ายเส้นไหมยักษ์ที่เดิมห่อหุ้มอยู่ทั่วทั้งจัตุรัส แตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน และกลายเป็นลำแสงวิญญาณสลายหายไป
ดังนั้นครู่ต่อมาประตูลำแสงบานใหญ่ยักษ์ก็เปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ บรรยากาศรอบด้านบิดเบี้ยวแล้วสลายหายไป
ทุกอย่างในจัตุรัสกลับสู่สภาพเดิมทุกระเบียบนิ้ว
ทว่าหานลี่และหุ่นเชิดวานรยักษ์ตัวนั้นหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยมาที่นี่มาก่อน
แทบจะในเวลาเดียวกัน บันไดหินด้านนอกตำหนัก สือคุนอยู่ห่างจากยอดเขาไปไม่ถึงร้อยขั้นเศษ และมองเห็นประตูวิหารอยู่รางๆ
ส่วนหลิวสุ่ยเอ๋อร์เองก็อยู่ห่างออกไปสองสามร้อยขั้น
เป็นเพราะทั้งสองรู้ว่าหานลี่เข้าไปในวิหารแล้ว สีหน้าจึงเยือกเย็น แล้วก้มหน้าลง
…….
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงแล้วเบิกตาขึ้นอีกครั้ง มองเห็นทุกอย่างในครรลองสายตาอย่างชัดเจน
เขาที่ออกมาจากประตูลำแสง อยู่ตรงหน้าวิหารสีทองอมม่วงหลังหนึ่ง
ประตูของวิหารหลักดูธรรมดาๆ ใช้วัตถุดิบธาตุทองสร้างขึ้นเช่นกัน มีเพียงผิวที่สลักอักขระง่ายๆ เอาไว้ กลับเป็นด้านบนประตูที่มีแผ่นป้ายใหญ่ยักษ์ยาวเจ็ดแปดจั้งแขวนอยู่ ด้านบนเขียนตัวอักษรโบราณสีทองเอาไว้ หานลี่พิจารณามองไป ก็อดที่จะใจเต้นไม่ได้
แม้ว่าจะไม่รู้จักอักขระโบราณเหล่านี้ แต่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยไม่ต่างอันใดกับอักขระลูกอ๊อดสีเงิน น่าจะเป็นอักขระจ้วนทองไม่ผิดแน่
น่าเสียดายผู้ที่เข้าใจอักขระจ้วนท้องในแดนวิญญาณนั้นมีอยู่น้อยมาก ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็ยังไม่อาจล่ำเรียนได้
มิเช่นนั้นบางทีจากอักขระโบราณเหล่านี้ อาจจะมองอันใดออก
หานลี่ขบคิดเช่นนี้เช่นกัน หลังจากสายตามองไปยังประตูที่ปิดสนิทแวบหนึ่ง ก็กระตุ้นวานรยักษ์ที่อยู่ด้านข้าง
หุ่นเชิดสาวเท้าไป ผ่านบันไดสองสามขั้นไป มาถึงประตูวิหารหลัก สองมือยกขึ้นกดไปบนประตู เตรียมจะผลักประตูออกเหมือนบานก่อนหน้า
แต่ครั้งนี้ความคิดของหานลี่กลับไม่สมหวัง ล้มเหลวแล้ว
เมื่อสองมือของวานรยักษ์สัมผัสกับประตูวิหารที่ดูธรรมดาๆ ฉับพลันนั้นบนประตูก็มีเสียงฟ้าผ่าทุ้มต่ำดังขึ้น จากนั้นเสียงอึกทึกพลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายการทำลายล้างแผ่ออกมาจากประตู
“แย่แล้ว”
แม้ว่าประตูบานใหญ่จะอยู่ห่างออกไปสิบจั้งเศษ หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็ยังร้องว่าแย่แล้วในใจ ผิวเปล่งเสียงฟ้าผ่าออกมาเช่นกัน ชุดอัสนีสีเขียวขาวปรากฏขึ้นคุ้มครองร่างของเขาเอาไว้
จากนั้นเขาพลันโน้มกายท่อนบน กายท่อนล่างไม่ทันได้เคลื่อนไหว แต่สองเท้าพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วไถลออกไป
การเคลื่อนไหวเงียบเชียบ ราวกับภูตผีอย่างไรอย่างนั้น
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นประตูวิหารก็เปล่งแสงสีม่วงเจิดจ้า ประจุไฟฟ้าสีม่วงปรากฏออกมา เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลายเป็นอสรพิษสีม่วงยี่สิบสามสิบตัวพุ่งออกมาจากประตู
หุ่นเชิดวานรยักษ์ที่อยู่ใกล้แค่คืบ ถูกประจุไฟฟ้ากลืนกินไปในพริบตา กลายเป็นควันสีเขียวสลายหายไป
ประจุไฟฟ้าสีม่วงเหล่านี้ไม่มีเจตนาจะหยุดยั้งเลยสักนิด มันดีดตัวออก คาดไม่ถึงว่าจะทยอยกันพุ่งมาโจมตีด้านข้างหานลี่ ราวกับว่าตัวมันมีสติสัมปชัญญะก็ไม่ปาน
หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี
หากไม่มีเขตอาคมกำจัดการเหาะเหิน แน่นว่าเขาย่อมใช้เคล็ดวิชาหลีกหนีที่มหัศจรรย์ต่างๆ หลบหลีกหนีไป แต่ยามนี้ไม่อาจลอยขึ้นไป ต่อให้กายเนื้อของเขาจะรวดเร็วแค่ไหน ก็ไม่อาจหลบหลีกการโจมตีของอัสนีตรงหน้าได้
ความคิดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขายกมือขึ้นอย่างร้อนใจ โล่แวววาวปรากฏขึ้นตรงหน้า
เปล่งแสงสว่างวาบ โล่เล็กๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดสองสามจั้ง
จากนั้นร่างของหานลี่ก็มีไอสีดำหมุนวน เกราะมารโหดเหี้ยมชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางประจุไฟฟ้าสีเขียวขาว ห่อหุ้มร่างของหานลี่เอาไว้อย่างแน่นหนา
นั่นก็คือเกราะมารเหนือฟ้าที่ซ่อมแซมเสร็จแล้ว
ภายใต้สายฟ้าสีม่วง อสรพิษยี่สิบสามสิบตัวโจมตีไปยังโล่ยักษ์ที่อยู่ด้านหน้าสุด
โล่ผลึกวารีสามารถบิดเบี้ยวการโจมตีได้ เคยสำแดงอานุภาพในมือของหานลี่มาหลายครั้ง มีคุณประโยชน์ไม่น้อย
แต่ครั้งนี้กลับไม่เหมือนกัน
เห็นได้ชัดว่าประจุไฟฟ้าสีม่วงไม่เหมือนกับสายฟ้าธรรมดาๆ จากพลังมหัศจรรย์ของโล่ผลึกยักษ์คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแค่หนึ่งในสามส่วนเท่านั้น ฝืนแยกโล่ออกเป็นสองส่วน
การโจมตีที่เหลือกว่าครึ่งยังคงโจมตีไปบนนั้นอย่างแน่นหนา
สายฟ้าสีม่วงระเบิดออก กลิ่นอายร้อนฉ่าที่น่ากลัวกลืนโล่ยักษ์เข้าไป
ฉากที่ยากจะเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าโล่ยักษ์จะหลอมละลายอย่างรวดเร็วท่ามกลางประจุไฟฟ้าสีม่วงที่ห่อหุ้มอยู่ ชั่วพริบตาก็กลายเป็นของเหลวโปร่งใส จมหายไปในพื้นอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่พลันตกตะลึง มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างไม่ต้องขบคิด ชุดอัสนีบนร่างเปล่งเสียงอึกทึกพลางกลายเป็นตาข่ายไฟฟ้าสีเขียวขาวม้วนวนออกมา และตัดสลับไปมากับประจุไฟฟ้าสีม่วง
ชุดอัสนีกลายเป็นประจุไฟฟ้า สร้างขึ้นจากเคราะห์เมฆาที่หานลี่เก็บได้กลางอากาศ แน่นอนว่าอานุภาพย่อมไม่ธรรมดา ไม่ใช่สิ่งที่พลังของเพลิงอัสนีปกติจะเทียบเทียมได้
แต่หลังจากที่ประจุไฟฟ้าสองชนิดตัดสลับไปมาพลางกะพริบวาบๆ ชั่วขณะนั้นแสงสีเขียวขาวก็สลายหายไป คาดไม่ถึงว่าจะถูกประจุไฟฟ้าสีม่วงกลืนกินลงไปจนเกลี้ยง กลับทำให้ลำแสงสีม่วงเจิดจ้าขึ้น
หานลี่หน้าซีดขาว รีบร้อนสะบัดแขนเสื้อไปเบื้องหน้าอีกครั้ง เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองดีดตัวออกมา
แต่การเคลื่อนไหวนี้กลับสายไปแล้ว ประจุไฟฟ้าสีม่วงเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นแสงสีม่วงหนาเท่าปากชามสองสามสาย เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วโจมตีไปบนเกาะมารเหนือฟ้าบนร่างของหานลี่
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นพลันดังขึ้น ร่างของหานลี่ซวนเซไป ร่างทั้งร่างถูกลำแสงอัสนีสีม่วงสายหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้
แต่ทันใดนั้นเขาพลันร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว เกราะมารบนร่างพองตัวขึ้น ลวดลายสีดำบนผิวเกราะปรากฏขึ้นราวกับมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น กลายเป็นอักขระสีดำทอตัวอยู่เต็มไปหมด แล้วปะทะเข้ากับประจุไฟฟ้าสีม่วง
อักขระที่ดูเหมือนไม่สะดุดตาเหล่านี้ อานุภาพกลับยิ่งใหญ่เกินที่คาดคิดเอาไว้ เมื่อสัมผัสกับประจุไฟฟ้าสีม่วงคาดไม่ถึงว่าจะระเบิดออกทั้งคู่ จากนั้นพลันกลายเป็นพายุเปลวเพลิงสีดำและม่วง วนล้อมรอบหานลี่
เมื่อสองเท้าของหานลี่ยืนได้อย่างมั่นคง และยืดตัวตรงนั้น ไม่ใช่แค่สายฟ้าสีม่วงที่หายวับไป พายุประหลาดก็สลายหายไปทันที
หานลี่ถอนหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง มองเกราะมารเหนือฟ้าบนร่าง อดที่จะบ่นพึมพำว่าโชคดีจริงๆ ไม่ได้
หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เขาซ่อมแซมเกราะมารชิ้นนี้แล้ว แม้ว่าการโจมตีที่คาดไม่ถึงเมื่อครู่จะไม่อาจทลายมันได้จริงๆ แต่ก็คงได้รับบาดเจ็บหนักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น เขาก็หน้าดำผมกระเซิง ท่าทางสะบักสะบอมเล็กน้อย
หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง กวาดตามองของเหลวแวววาวบนพื้นแวบหนึ่ง ในใจพลันรู้สึกเสียดายขึ้นมา
โล่ผลึกน้ำถูกทำลายจนเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจซ่อมแซมได้อีก
มองประตูวิหารหลักที่กลับมาเงียบสงัดเหมือนเดิมแวบหนึ่ง แววตาของหานลี่พลันเปล่งประกาย เผยสีหน้าลังเลออกมา
คาดไม่ถึงว่าประตูของวิหารหลักจะวางเขตอาคมที่ร้ายกาจเช่นนี้ ด้านในจะต้องมีสิ่งสำคัญของเซียนในสมัยโบราณหลงเหลืออยู่แน่ แต่เขตอาคมต้องห้ามน่ากลัวเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะทำลายได้จริงๆ ก็ไม่อาจทำได้ในเวลาอันสั้นแน่ และหากเสียเวลาไปขนาดนี้ สือคุนและพวกทั้งสองก็คงมาถึงพอดี เกรงว่าคงกลายเป็นการทำชุดแต่งงานให้ผู้อื่น[1]ได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ
เมื่อตัดสินใจแล้ว หานลี่ก็ไม่ลังเลอีก ทันใดนั้นพลันหันกาย เดินไปตามทางเดินหิน ตรงไปยังวิหารด้านข้างอีกหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง
คิดดูแล้วต่อให้ที่นั่นมีเขตอาคมต้องห้ามอยู่ ก็คงไม่น่ากลัวเท่าตรงนี้ น่าจะมีโอกาสให้เข้าไปได้
แน่นอนว่าในเวลาเดียวกันที่เขาบินเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น เขาพลันสะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวบินออกมา คาดไม่ถึงว่าจะปล่อยหุ่นเชิดวานรยักษ์ออกมาตัวหนึ่ง
เป็นเพราะบทเรียนจากในอดีต หุ่นเชิดตัวนี้ถูกปล่อยออกมาก็แทบจะหมอบติดอยู่กับพื้น แล้วร่อนลงมาบนพื้นอย่างมั่นคง
ภายใต้การกระตุ้นของหานลี่ หุ่นเชิดตัวที่สองพลันสาวเท้าเข้าไปยังด้านของวิหารข้าง
หานลี่เดินตามหลังไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เดินตามทางเดินหินไป กลับไม่พบความผิดปกติอันใด หานลี่มาถึงด้านหน้าวิหารอย่างราบรื่น
วิหารข้างนี้ดูแล้วมีขนาดเล็กกว่าวิหารหลักหนึ่งในสามส่วน แต่ไม่ว่ารูปร่างหรือวัตถุดิบที่ใช้สร้างก็เหมือนกับวิหารหลักทุกระเบียบนิ้ว แม้กระทั่งประตูของวิหารข้างก็มีขนาดเล็กกว่าสองสามส่วน บนแผ่นป้ายเขียนตัวอักษรจ้วนทองเอาไว้เช่นกัน
ประตูใหญ่ของวิหารข้างดูเหมือนจะวิจิตรงดงาม หางตาของหานลี่อดที่จะกระตุกสองสามคราไม่ได้ หลังจากขบคิดเล็กน้อย ร่างกายก็พลิ้วไหวแล้วถอยออกมา หลังจากห่างออกจากวิหารข้างไปได้สี่สิบจั้งถึงได้หยุดฝีเท้าลง
จากนั้นพลันยกมือข้างหนึ่งขึ้น ยันต์วิเศษสองสามแผ่นพลันปรากฏขึ้นในมือ แล้วแปะลงไปบนเรือนร่างอย่างรวดเร็ว
เกราะป้องกันหลากสีสันสองสามชั้นพลันปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องทันที
จากนั้นหานลี่พลันใช้สองมือร่ายอาคม เสียงอึกทึกดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองพลังปรากฏขึ้นรางๆ
หลังจากเตรียมการป้องกันแล้ว หานลี่ก็กระตุ้นหุ่นเชิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ทันใดนั้นร่างของวานรยักษ์พลันมาอยู่ตรงหน้า ยกแขนอันใหญ่โตทั้งสองข้างขึ้นเช่นกัน กดลงไปบนประตู
หานลี่อดที่จะกลั้นลมหายใจไม่ได้
เสียง “ครืด” ดังขึ้น ประตูทั้งสองบานค่อยๆ เปิดออก คาดไม่ถึงว่าประตูบานนี้จะไม่มีเขตอาคมต้องห้ามอันใด
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น แน่นอนว่าย่อมดีอกดีใจเป็นอย่างมาก ทว่าเพื่อความปลอดภัย จึงไม่ได้เคลื่อนไหวในทันที แต่ยังคงควบคุมหุ่นเชิดให้เดินเข้าไปข้างในก่อน
รอจนหุ่นเชิดวานรยักษ์เดินเข้าไปในวิหารแล้วยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาถึงได้วางใจลงจริงๆ
ทันใดนั้นร่างพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ยันต์วิเศษสองสามชั้นที่กลายเป็นเกราะป้องกันหายวับไปในทันตา หลังจากกำหมัดทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วแล้ว ประจุไฟฟ้าสีทองในแขนเสื้อก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เขาสาวเท้ามาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วตรงไปที่ประตูวิหารข้าง
เมื่อหานลี่เดินเข้าไปในวิหารข้าง หุ่นเชิดวานรยักษ์ก็ยืนอยู่ด้านข้างในประตู คอยรักษาการณ์นิ่งงันอยู่ตรงนั้น
สายตากวาดมองไปด้านในวิหารอย่างรวดเร็ว เขามองเห็นทุกอย่างด้านในทันที สีหน้าจึงเผยความประหลาดใจออกมา
เห็นเพียงด้านหน้าวิหารมีโต๊ะบูชาสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกอยู่ตัวหนึ่ง
บนโต๊ะมีศาลเจ้าเปล่งแสงสีม่วงระยิบระยับตั้งอยู่ ด้านในเปล่งแสงเรืองๆ ออกมา เผยให้เห็นเทวรูปอยู่รางๆ
และตรงข้ามกับเทวรูป ก็มีฟูกสีเหลืองนวลเรียงรายอยู่เป็นร้อยอัน ในเวลาเดียวกันมุมทั้งสี่ของวิหารก็มีกระถางธูปสีเขียวตั้งอยู่
กลิ่นอายของธูปหอมอบอวลไปทั่วทั้งวิหาร
[1] ทำชุดแต่งงานให้ผู้อื่น หมายถึง ตนเองทำแทนคนอื่น ลำบากเสียเปล่า
ตอนที่ 1701 ฟูก ธูปหอม เทวรูป
คาดไม่ถึงว่าที่นี่จะเป็นวิหารที่เหมือนกับศาลเจ้าอย่างไรอย่างนั้น
ที่นี่นับว่าไม่เล็กนัก และยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองด้านยังมีประตูบานเล็กอยู่ ท่าทางเหมือนเชื่อมไปยังสถานที่อื่น
หานลี่กวาดตามองไปมาภายในห้องโถงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ร่อนลงบนชั้นไม้ทั้งสองฝั่ง
ชั้นไม้เป็นสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะ มีกลิ่นอายเย็นยะเยือกแผ่ออกมาiางๆ คาดไม่ถึงว่าจะเป็น ‘ไม้หิมะ’ ที่มีชื่อเสียง
ไม้ชนิดนี้เป็นวัตถุดิบในการหลอมสมบัติธาตุน้ำแข็งที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่กลับถูกวางเป็นของประดับธรรมดาๆ นี่มันจะสุรุ่ยสุร่ายเกินไปแล้ว!
แม้ว่าหานลี่จะรู้สึกหมดคำพูดไปเล็กน้อย แต่อาวุธหลากสีสันสิบกว่าชนิดที่วางเรียงรายอยู่บนชั้น เมื่อมองจากที่ไกลๆ ก็มีทั้งสมบัติสมประสงค์ บาตรปราณ ระฆังเป็นต้น
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง กวาดจิตสัมผัสไปบนอาวุธเหล่านั้น ผลคือพลันตกตะลึง จากนั้นก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนดีใจ
คาดไม่ถึงว่าสมบัติเหล่านี้จะมีกลิ่นอายบีบหัวใจ ล้วนเป็นสมบัติกึ่งสำเร็จรูประดับยอดสุด
หากให้เจ้านายหลอมทั้งหมด แม้ว่าจะไม่นับว่าเป็นสมบัติสะท้านฟ้า แต่ก็ไม่ต่างอันใดกับสมบัติทั่วไปมากนัก
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสมบัติเหล่านี้ดูภายนอกก็รู้ว่าเป็นสมบัติที่มีอิทธิฤทธิ์พิเศษที่ไม่ค่อยพบเห็น
แน่นอนว่าแม้ว่าเขาจะเสียเงินไปมากมายกับการหลอมพวกมัน แต่ประสิทธิภาพในยามที่สำแดงมันออกมาก็ต้องแข็งแกร่งน้อยกว่าที่เจ้าของหลอมแน่ แต่เช่นนั้นพวกมันก็ยังคงเป็นสมบัติระดับสุดยอดในแดนวิญญาณ
หานลี่สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นหมอกลำแสงสีเขียวพลันบินออกมา
จุดที่หมอกลำแสงกวาดผ่านไป สมบัติเหล่านี้พลันถูกกวาดไปจนเกลี้ยง
ได้สมบัติที่มีอานุภาพไม่น้อยมากมายในคราเดียว หานลี่ย่อมรู้สึกยินดี
หลังจากที่เขากวาดสายตาไปในห้องโถงอีกครั้ง ก็ก้มหน้าลงอย่างช้าๆ มองไปยังฟูกใต้เท้าของตนสองสามแวบ ฉับพลันนั้นพลันร้องอุทานออกมาเบาๆ ดูเหมือนว่าจะพบอันใดสักอย่าง
เขาพลันใช้มือตะปบไปบนพื้นอย่างไม่ต้องขบคิด
เสียง “สวบ” ดังขึ้น ฟูกอันนั้นร่อนลงมาในมือของเขาอย่างเงียบเชียบ
ยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก อบอุ่นและเย็น และยิ่งไปกว่านั้นไอวิญญาณบริสุทธิ์กลุ่มนี้พลันโชยออกมา
“นี่คือ…” แววตาของหานลี่เปล่งประกาย
เห็นได้ชัดว่าฟูกนั้นทำมาจากหญ้าวิญญาณชนิดหนึ่ง และไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่มากี่หมื่นปีแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะยังรักษาระดับของไอวิญญาณได้อย่างเต็มเปี่ยมจนถึงทุกวันนี้
เขาพลันหน้าเปลี่ยนสี ดูเหมือนว่าจะพบอันใดเข้า ยกฟูกขึ้นมาที่ปลายจมูก แล้วดมกลิ่นเบาๆ
ผลคือคาดไม่ถึงว่าจะมีกลิ่นอายอ่อนๆ โชยมา
หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสีเป็นแปลกประหลาด แล้วพลันพลิกมืออีกข้างหนึ่ง
ลำแสงสีเขียวสว่างวาบ กระบี่ยาวสามฉื่อปรากฏขึ้นในมือ
โยนฟูกขึ้นไปกลางอากาศ พลางสะบัดมืออีกข้างหนึ่ง กระบี่ลำแสงสายหนึ่งสับลงมา
ฉากที่น่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น!
กระบี่ลำแสงที่ดูเหมือนแข็งแกร่งสับลงมาที่ฟูก กระบี่ลำแสงทั้งสายพลันจมหายเข้าไปสองสามชุ่น จากนั้นก็ถูกดีดออก
ผิวของฟูกมีลำแสงสีเหลืองหมุนวนโคจร รอบกระบี่ที่ถูกสับลงมาฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
ทั้งๆ ที่เป็นฟูกที่ทำมาจากต้นหญ้า คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานกระบี่ลำแสงของกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาได้
“ไม่ผิดแน่ เป็น ‘หญ้าชุดเกราะ’ ในตำนาน! คาดไม่ถึงว่าในโลกนี้จะมีของวิเศษเช่นนี้จริงๆ แค่ตัวของมันก็สามารถต้านทานการฟันลงมาของสมบัติประเภทกระบี่และใบมีดได้ หากนำไปทำเป็นเกราะแนบตัวนั้น ก็น่าจะเทียบได้กับเกราะสงครามระดับสุดยอด น่าเสียดายหญ้าชนิดนี้กลัวการโจมตีประเภทไฟ มูลค่าจึงลดลงไม่น้อย คู่ควรกับที่เป็นที่พักของเซียน คาดไม่ถึงว่าจะใช้หญ้าวิญญาณที่หายากเช่นนี้ทำฟูก ช่างเป็นการนำของใหญ่มาทำของจิ๊บจ๊อยจริงๆ” หานลี่พลิกฟูกในมือไปมาสองสามครั้ง ปากก็เอ่ยพึมพำออกมา แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
ในเมื่อพบฟูกที่มูลค่าเหล่านี้ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีทางไม่สนใจพวกมันได้
ทันใดนั้นฝ่ามือสีดำสนิทข้างหนึ่งก็ยื่นออกมา และยิ่งไปกว่านั้นยังตะปบไปบนพื้นอย่างส่งเดช
ชั่วขณะนั้นแสงสีเทาพลันม้วนไปบนพื้น
ลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ ฟูกนับร้อยๆ อันพลันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ทั้งห้องโถงเผยความว่างเปล่าออกมา
กวาดจิตสัมผัสไปในกำไลเก็บของ มองเห็นฟูกเหล่านี้กองอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หานลี่ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
สมุนไพรที่หายากในแดนวิญญาณเช่นนี้ หากรอให้ได้มากอีกสองสามชนิด ก็น่าจะคุ้มค่าแล้ว
หานลี่ขบคิดเช่นนั้นในใจ แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง แล้วพลันสูดลมหายใจลึกๆ อีกครั้ง
ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือไม่ ธูปหอมนั้นดูเหมือนว่าจะอบอวลมากกว่าเมื่อครู่หลายส่วน
“ธูปหอม!”
ฉับพลันนั้นเขาพลันหันหน้าไป หันไปมองกระถางธูปที่อยู่ตรงมุมอย่างรวดเร็วด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
ในกระถางธูปมีไส้เทียนไขปักอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่เป็นสีเหลืองอ่อน และไม่รู้ว่าวางอยู่ตรงนั้นมานานกี่ปีแล้ว
หานลี่พลันเลิกคิ้วขึ้น ชั่วครู่ก็เดินไปที่มุมนั้น
ไม่รอให้เดินไปถึง จิตสัมผัสก็กวาดไปยังกระถางธูปก่อน แต่ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว
คาดไม่ถึงว่ากระถางธูปนี้จะสร้างมาจากสำริดธรรมดาๆ เท่านั้น แม้กระทั่งไม่ถือว่าเป็นอาวุธ ช่างทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ
สายตาเปล่งประกายสองสามครั้ง เดินไปที่กระถางธูป ก้มหน้าลงมองมีเพียงธูปหอมหนึ่งในสามส่วนของธูปปกติ
กลิ่นธูปหอมตลบอบอวล แผ่ออกมาจากสิ่งนั้น
ธูปนี้ดูเหมือนจะมีชื่อเสียงมาก
แต่ดูจากภายนอกแล้ว ดูเหมือนจะไม่ต่างกับธูปหอมธรรมดาๆ เลยสักนิด แต่ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ยังคงรักษาความหอมตลบอบอวลเอาไว้ได้ ก็ทำให้รู้ได้ว่าเจ้าสิ่งนี้มีประวัติความเป็นมาแน่
หลังจากที่หานลี่มองไปชั่วครู่ ใบหน้าก็ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น
ฉับพลันนั้นพลันยกมือขึ้น ยื่นนิ้วสองนิ้วออกมา ค่อยๆ คีบธูปหอมมาอย่างช้าๆ
ไม่ทันได้สัมผัสกับธูปหอมนั้น ก็เปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงสีเขียวชั้นหนึ่งห่อหุ้มนิ้วทั้งสองเอาไว้
เขามีท่าทีระมัดระวังตัว
นิ้วดึงธูปออกมาจากกระถางธูป ไม่ได้มีใดๆ เกิดขึ้น
แต่หานลี่ยังคงมีสีหน้าแปลกประหลาด พลิกธูปนั้นดูสองสามรอบ และมีกลิ่นหอมโชยออกมา เผยสีหน้าครุ่นคิด
ฉับพลันนั้นพลันดีดนิ้วๆ หนึ่ง ลำแสงสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบ ดีดดาวเพลิงขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารออกมาจากปลายนิ้ว และโจมตีไปยังส่วนปลายของธูปหอม
หายวับไป!
คาดไม่ถึงว่าธูปหอมจะไม่ติดไฟ
แววตาของหานลี่เปล่งประกาย เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมา ดีดนิ้วเบาๆ ชั่วขณะนั้นดวงแสงเพลิงสีแดงสดขนาดเท่ากำปั้นพลันปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้ว และลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ
นำปลายของธูปหอมจี้ไปที่ดวงแสงเพลิง
เขาจ้องเขม็งไปยังสิ่งนั้นโดยไม่ปริปาก
ผลคือธูปหอมที่ดูธรรมดาๆ กลับไม่มีท่าทีจะติดไฟท่ามกลางเปลวเพลิงที่ร้อนฉ่า
“เป็น ‘ธูปน้ำแข็งทมิฬ’ ดังคาด นี่เป็นของศักดิ์สิทธิ์ของมารทำลายจิตใจยามที่จะทะลวงระดับผสานอินทรีย์!”
เมื่อเห็นฉากนี้ใบหน้าของหานลี่พลันมีสีหน้ายินดีปรากฏขึ้น
ทันใดนั้นเขาพลันพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ในมือมีกล่องหยกสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏออกมา เก็บธูปหอมลงไปอย่างระมัดระวัง
จากนั้นร่างกายของเขาพลันเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง หาธูปหอมที่ลุกไหม้ไปกว่าครึ่งอีกสองท่อนในกระถางธูปมุมอื่น แล้วเก็บมาเช่นกัน
กล่องหยกเปล่งแสงสว่างวาบในมือ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่พลันตามหาไปรอบๆ วิหารอีกครั้ง น่าเสียดายที่ที่นี่มีของไม่มาก นอกจากศาลเจ้าและซากผลไม้วิญญาณที่เปลี่ยนเป็นสีเทาขาวด้านหน้าโต๊ะบูชาสองสามจานแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอีก
เช่นนั้นในที่สุดเขาก็เหลือบไปเห็นศาลเจ้า
ศาลเจ้าเปล่งแสงสีม่วงออกมา สูงประหลาดสองสามจั้ง เทวรูปด้านในกลับเป็นสีเขียวมรกต ราวกับแกะสลักมาจากหยกสีเขียวระดับสุดยอด
เทวรูปนี้สวมชุดคลุมสีเขียว มือหนึ่งกอบแป้งสีขาวราวกับหิมะเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งถือน้ำเต้าสีม่วงอมทอง ใต้คางมีเครายาวสามจุด ท่าทีเหมือนกับเทพเซียนในตำนาน
แต่หานลี่แค่มองเทวรูปนี้ชั่วครู่ แววตาก็อดที่จะเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาไม่ได้
เขาพลันพบว่าพอเพ่งมองใบหน้าของเทวรูปเป็นเวลานานเข้า คาดไม่ถึงว่าจะเห็นเพียงลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งประกายวาวโรจน์ในแววตา คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจมองใบหน้าที่แท้จริงของเทวรูปได้
หางตาของหานลี่กระตุกสองสามครา รูม่านตาหดเล็กลง ครู่ต่อมาแววตาพลันเปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เนตรวิญญาณวารีกระจ่างเพ่งมองใบหน้าของเทวรูป
ยามนั้นพลันได้ผลเล็กน้อย ใบหน้าของเทวรูปถูกหมอกลำแสงสีเขียวปกคลุมไว้ชั้นหนึ่ง มันบางเบามากในสายตาของเขา
เขาพลันรู้สึกดีใจ แล้วเพ่งมองไป หมายจะกวาดมองใบหน้าของเทวรูป
แต่ไม่รอให้เขาได้พิจารณาอย่างละเอียด ฉับพลันนั้นในหัวก็มีเสียงดนตรีภาษาสันสกฤตดังขึ้น ทำให้เขาหูอื้อ ราวกับสติสัมปชัญญะทั้งหมดถูกทำให้เลอะเลือน
ดวงตาของหานลี่ทั้งสองข้างพลันมืดหม่น ร่างทั้งร่างซวนเซ จนเกือบจะล้มลงไปนั่งกับพื้น
โชคดีที่จิตสัมผัสของเขาแทบจะไม่ต่างอันใดกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ ทันใดนั้นจึงโคจรคาถาเทพขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ได้สติกลับคืนมา รีบร้อนขยับขาทั้งสองกลับมายืนขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่หานลี่ยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว ก็มองไปที่เทวรูปอีกครั้ง ชั่วครู่ก็รู้สึกตกตะลึงระคนสงสัย
เทวรูปแปลกประหลาดเช่นนี้ จากระดับพลังยุทธ์ของเขาในยามนี้ คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติวิเศษที่มีอิทธิฤทธิ์ยากจะคาดเดา
ของสิ่งนี้อยู่บนโต๊ะบูชา คิดดูแล้วคนที่บูชาคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาในแดนเซียน
ส่วนเทวรูปนั้นก็เป็นสิ่งที่ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง
ต่อให้เป็นผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์ในแดนวิญญาณ แม้ว่าจะอยู่ห่างจากออกไปหนึ่งล้านลี้ก็สามารถอาศัยพลังของเทวรูปทำให้จิตวิญญาณดั้งเดิมหรือเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณปรากฏขึ้นได้
หากเจ้าของเทวรูปเป็นผู้ที่มีประวัติความเป็นมาจากแดนเซียน และยิ่งไปกว่านั้นในแดนวิญญาณยังไม่เคยได้ยินว่าเซียนจากแดนเซียนใช้วิธีการนี้ลงมาจุติยังแดนนี้มาก่อน แต่นำเทวรูปนี้ไปด้วย ก็เป็นการกระทำที่เล่นกับไฟชนิดหนึ่ง
หานลี่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสชั่วครู่ ในที่สุดก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ฝืนระงับความคิดเอาไว้ แล้วเลื่อนสายตาออกจากศาลเจ้า ไปยังประตูด้านข้าง
ร่างกายเคลื่อนไหว เขาเดินไปอย่างไม่ลังเลอีก
หุ่นเชิดวานรยักษ์ตัวนั้นถูกเขาใช้จิตสัมผัสกระตุ้น เดินตามไปติดๆ เช่นกัน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ในห้องโถงนอกจากศาลเจ้าที่โดดเดี่ยวแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก
ยามนี้หานลี่เดินผ่านทางเดินสายหนึ่ง มาถึงหน้าห้องที่ดูเหมือนห้องข้างสิบกว่าห้อง
ห้องเหล่านี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก และยิ่งไปกว่านั้นยังเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว
หานลี่มองไปอย่างรวดเร็ว แล้วปล่อยให้หุ่นเชิดวานรยักษ์เปิดประตูทุกบานออก หลังจากเห็นว่าไม่มีความผิดปกติใดๆ ก็เคลื่อนไหวร่างกาย เปล่งแสงสว่างวาบแล้วเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง
ตอนที่ 1702 ภาพกระบี่สีทอง
ด้านในนั้นสร้างขึ้นอย่างง่ายๆ มีประตูบานเล็กบานหนึ่ง แบ่งห้องยาวๆ ให้เป็นสองส่วนด้านในและด้านนอก
ด้านนอกค่อนข้างใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเป็นห้องรับแขกห้องหนึ่ง นอกจากโต๊ะเก้าอี้ที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ และชุดน้ำชาชุดหนึ่งแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีก
หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปยังข้าวของสิ่งนั้น จึงพบว่าวัตถุดิบที่ใช้เป็นวัตถุดิบที่หายาก แต่สำหรับเขาแล้วก็ไม่มีประโยชน์อันใด เช่นนั้นจึงไม่ได้หยุดฝีเท้าเลยสักนิด เปล่งแสงสว่างวาบแล้วตรงเข้าไปยังห้องนอนที่อยู่ด้านใน
ของด้านในห้องนั้นมีอยู่ค่อนข้างเยอะ
นอกจากเตียงหยกสีเขียวอ่อนหลังหนึ่งแล้ว ก็มีโต๊ะหนังสือตัวยาวตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีพู่กันวางอยู่สองสามด้าม แท่นฝนหมึกสีแดงอ่อนและของรูปทรงเหมือนผ้าไหมบางๆ สีขาวราวกับหิมะ
หานลี่พลันเลิกคิ้ว เดินมาอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือ คว้าพู่กันและแท่นฝนหมึกขึ้นมาพลิกเล่นไปมา แต่ก็สะบัดศีรษะแล้ววางลง
แต่จากนั้นก็ยื่นแขนไปคว้าผ้าไหมบางๆ นั้น และสะบัดคลี่ออกเบาๆ
ผลคือในนั้นไม่มีอันใดเลย!
หานลี่ไม่ได้มีสีหน้าแปลกประหลาดใจ เก็บผ้าไหมคืนที่ จิตสัมผัสสำรวจห้องอย่างละเอียดอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอันใดตกหล่น ก็หันกายออกเดินอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
เดิมเขาก็ไม่หวังว่าห้องที่แค่ดูก็รู้ว่าเป็นห้องพักของศิษย์จะมีอันใดอยู่แล้ว จึงไม่ได้รั้งรอนานนัก
และยิ่งไปกว่านั้นห้องนี้ยังมีประมาณสิบกว่าห้อง เวลามีจำกัด จึงไม่อาจเข้าไปดูให้ละเอียดทุกห้องได้
เช่นนั้นหานลี่จึงตรวจสอบทั้งสิบห้องอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง
ผลคือนอกจากได้คัมภีร์บันทึกด้วยอักษรโบราณที่ไม่รู้จักมาสองสามม้วนแล้ว ก็ไม่ได้อันใดอีก
คัมภีร์เหล่านี้วางอยู่บนหัวนอนในห้องนอนห้องหนึ่ง กว่าครึ่งล้วนไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอันใด
หานลี่เองก็เก็บมาส่งเดชเท่านั้น วางแผนจะตรวจสอบตัวอักษรโบราณนี้ในอนาคตเท่านั้น ดูว่าจะเข้าใจเนื้อหาในนั้นหรือไม่
ถึงอย่างไรเสียเขาก็รู้สึกสนใจทุกอย่างในแดนเซียนอยู่แล้ว
เขาพาหุ่นเชิดกลับมายังห้องโถงอีกครั้ง แค่เปล่งแสงสว่างวาบแล้วเข้าไปในประตูด้านข้างอีกด้าน
เป็นทางเดินเช่นกัน หานลี่มาถึงหน้าห้องที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ห้องเหล่านี้ไม่เหมือนกับห้องก่อนหน้า ทุกห้องล้วนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีเพียงประตูเล็กๆ ไม่มีหน้าต่างใดๆ
และยิ่งไปกว่านั้นทุกห้องยังเป็นเอกเทศ มีระยะห่างระหว่างกันประมาณสิบจั้งเศษ
สิ่งที่ยิ่งทำให้หานลี่ใจเต้นก็คือ พื้นผิวของห้องสี่เหลี่ยมเหล่านี้ล้วนเปล่งแสงสีเงินออกมา คาดไม่ถึงว่าจะอักขระสีเงินอ่อนเรียงรายอยู่
นั่นก็คืออักษรลูกอ๊อดสีเงินที่เขาคุ้นเคยดี
หานลี่จ้องเขม็งมองห้องเหล่านั้นชั่วครู่ ในที่สุดถึงได้มั่นใจว่าห้องเหล่านี้เป็นห้องลับในการฝึกฝนโดยเฉพาะ
การค้นพบนี้ทำให้เขารู้สึกดีใจเล็กๆ
ในเมื่อเป็นห้องลับ ด้านในก็น่าจะมีของที่คนในอดีตเหลือทิ้งเอาไว้
ทว่ามองเห็นอักษรสีเงินที่สลักอยู่อย่างแน่นขนัดบนพื้นผิว เขาก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน
โดยปกติแล้วเขตอาคมที่วางอยู่ในห้องลับก็น่าจะเป็นเขตอาคมกั้นเสียง หรือเขตอาคมกั้นการมองเห็นอันใดเทือกนี้ แต่เมื่อพบกับความน่ากลัวที่ประตูวิหารหลักก่อนหน้า แน่นอนว่าเขาย่อมไม่กล้าวางใจอีก
ทว่าครั้งนี้เขากลับไม่ได้ปล่อยให้หุ่นเชิดวานรยักษ์ตรวจสอบอันใด แต่หลังจากที่สำแดงเกราะคุ้มกันออกมาสองสามชั้นแล้ว ก็สะบัดแขนเสื้อเดินไปยังประตูหินของห้องลับห้องหนึ่ง
กระบี่เล่มเล็กสีเขียวพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวยาวสองสามชุ่น สับลงมาที่ประตูลับ
คาดไม่ถึงว่าเขาจะเตรียมใช้พลังมหาศาลทำลายเขตอาคมบนประตูโดยไม่ปริปากใดๆ
ประตูห้องลับเปล่งแสงสีเงินสว่างจ้า เสียงไพเราะดังออกมาจากด้านใน
ลำแสงสีเงินที่ดูธรรมดาๆ คาดไม่ถึงว่าจะถูกกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาต้านทานเอาไว้ กระบี่ลำแสงสับลงมาบนลำแสงสีเงิน ราวกับสับลงบนผิวน้ำไม่อาจสับให้ขาดได้ ทำได้เพียงค่อยๆ หั่นออกมาอย่างช้าๆ
หานลี่เห็นเช่นนั้น ในใจพลันรู้สึกผ่อนคลายลง
เป็นดังที่เขาคิดไว้ เขตอาคมบนประตูไม่ใช่เขตอาคมประเภทโจมตี และยิ่งไปกว่านั้นกว่าครึ่งยังเป็นเขตอาคมระดับต่ำมากในแดนเซียน
เมื่อขบคิดดูแล้ว ห้องลับในการฝึกบำเพ็ญเพียรสิบกว่าห้องมาเรียงกันอยู่เช่นนี้ จะมีเขตอาคมที่ร้ายกาจได้อย่างไร
เขาพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งโดยไม่ลังเลอีก ภูเขาสีดำสูงสองสามชุ่นปรากฏขึ้น และโยนไปเบื้องหน้า
เสียง “ปัง” ดังขึ้น!
ภูเขาน้อยในลำแสงสีดำขยายขนาดเป็นสองสามจั้ง และทุบลงมาที่ลำแสงสีเงิน
ครั้งนี้เขตอาคมบนประตูไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลได้ ทันใดนั้นเสียงไพเราะพลันหยุดชะงัก ลำแสงสีเงินสลายหายไป
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ประตูห้องถูกกระบี่ลำแสงสับออกเป็นสองส่วน แล้วหล่นลงมาทั้งสองฝั่ง
หานลี่เก็บสมบัติ สาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เรียกว่าห้องลับมีขนาดแค่เจ็ดแปดจั้ง ด้านในนั้นว่างเปล่า นอกจากฟูกที่ทำขึ้นจาก ‘หญ้าชุดเกราะ’ แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอีก
เช่นนั้นที่นี่จึงไม่จำเป็นต้องใช้จิตสัมผัสใดๆ ตรวจสอบอีก
หานลี่แค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ หลังจากเก็บฟูกกลับมาแล้ว ก็ถอยออกจากห้องลับ
ห้องลับยังมีอีกหลายห้อง เขาไม่ได้รู้สึกหมดหวังอันใด!
ใช้วิธีการเดียวกันเปิดประตูหินอีกห้องหนึ่ง คนก็เดินเข้าไปข้างในอีกครั้ง
แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็เดินออกมามือเปล่า
เช่นนั้นหานลี่พลันเข้าไปในห้องลับอีกหกห้องในรวดเดียว แต่ดูเหมือนว่าดาวโชคร้ายจะเปล่งประกาย ยังคงไม่ได้อันใดอีก
นี่จึงทำให้หานลี่อุทานว่าโชคร้ายในใจ ความหวังในห้องลับที่เหลือก็ลดลง
ทว่าเสียง “ตูม” พลันดังขึ้น ห้องลับที่เจ็ดถูกเปิดออก หลังจากที่เขาเดินเข้าไปข้างใน ปากกลับร้องอุทานออกมา ดวงตาเปล่งประกาย
ห้องลับห้องนี้เหมือนกับห้องก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น
ในห้องไม่เพียงจะมีโต๊ะเก้าอี้วางอยู่อย่างครบครัน บนโต๊ะยังมีกล่องหยกขนาดน้อยใหญ่สามกล่อง และขวดอีกสองขวด สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือภาพวาดเปล่งแสงสีทองเรืองรองที่แขวนอยู่บนผนัง
ภาพวาดนี้มีผิวสีทองเรืองรอง เขาในยามนั้นไม่อาจมองเห็นเนื้อหาด้านในได้
เมื่อหานลี่หลับตาลง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ค่อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผลคือรูม่านตาพลันมีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ ในที่สุดก็มองเห็นภาพวาดนี้ชัดเจนโดยไม่หวาดกลัวลำแสงสีทองอีก แต่พลันมีสีหน้าตกตะลึง
เห็นเพียงในภาพวาดมีกระบี่บินสีทองที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วอยู่นับไม่ถ้วน
กระบี่บินเหล่านี้มีรูปร่างเหมือนกัน ขนาดเล็กใหญ่ ใหญ่หน่อยก็ดูเหมือนกระบี่ยักษ์ค้ำฟ้า คาดไม่ถึงว่าจะให้ความรู้สึกน่ากลัวความยาวยี่สิบสามสิบจั้ง เล็กน้อยกลับมีขนาดแค่สองสามชุ่น แต่เมื่อมองปราดไป แม้แต่ลวดลายบนกระบี่ก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน ราวกับอยู่ใกล้แค่คืบอย่างไรอย่างนั้น
กระบี่สีทองจำนวนมากม้วนวนอยู่ในภาพวาด ตามหลักการแล้วน่าจะดูยุ่งเหยิง ทำให้ผู้คนไม่อาจแยกแยะได้ แต่เมื่อมองไปยังภาพนี้กระบี่บินทุกเล่มกลับดูเสมือนจริง และยิ่งไปกว่านั้นยังมีกลิ่นอายหลากหลาย ทำให้ผู้คนมองเห็นความแตกต่างได้อย่างรวดเร็ว
ภาพกระบี่นับหมื่นเช่นนี้ ทำให้หานลี่รู้สึกดีใจ ดวงตาจ้องเขม็งไปยังภาพวาดภาพนี้ ร่างกายนิ่งงัน
แค่ผ่านไปชั่วครู่ หานลี่พลันแค่นเสียงอย่างกลัดกลุ้มแล้วถอยออกไปสองสามก้าว ราวกับพบกับการโจมตีไร้รูปร่างที่แข็งแกร่ง แต่ทันใดนั้นก็หันหน้ามา เลื่อนสายตาออกจากภาพวาดอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองอีกแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกันใบหน้าของเขาก็มีสีแดงก่ำผิดปกติปรากฏออกมา
“พลังจิตสัมผัสร้ายกาจมาก คาดไม่ถึงว่าจะเหมือนกับถูกสับด้วยกระบี่บินจริงๆ หากไม่ใช่เพราะข้าเชี่ยวชาญด้านกระบี่บิน และยิ่งไปกว่านั้นจิตสัมผัสยังไม่อ่อนแอ การโจมตีเมื่อครู่ เกรงว่าคงทำให้จิตสัมผัสเสียหายแล้ว” พลังวิญญาณในร่างของหานลี่หมุนวนโคจรอย่างบ้าคลั่งตามจุดชีพจรต่างๆ ร่างกายกลับมาเป็นปกติ แต่สีหน้ายังคงตกตะลึง
ทว่าหลังจากที่หานลี่ได้สติแล้ว ก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง หว่างนิ้วมียันต์หลากสีสันปรากฏขึ้น ชูขึ้นอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นยันต์สีสันต่างๆ สิบกว่าสายพลันพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากกะพริบวาบๆ ก็ทยอยกันจมหายเข้าไปในภาพวาดกระบี่อย่างไร้ร่องรอย
เรื่องที่ดูเหมือนแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น
ผิวของภาพวาดมีอักขระยันต์เงาลวงตาห้าหกสีปรากฏขึ้น ห่อหุ้มลำแสงสีทองเอาไว้ และหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว
แสงสีทองที่แผ่ออกมาจากภาพกระบี่ถูกอักขระยันต์กดเอาไว้ ตอนแรกหดเล็กลงอย่างไม่ยินยอม สุดท้ายก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป
เงาลวงตาอักขระยันต์กดลงมาแล้วกลายเป็นยันต์วิเศษสิบกว่าแผ่นดังเดิม พลางแปะไว้ด้านบน
ชั่วขณะนั้นกลิ่นอายต่างๆ บนภาพกระบี่พลันหายวับไป ราวกับว่ากลายเป็นภาพธรรมดาเท่านั้น
หานลี่เห็นเช่นนั้นหัวเราะน้อยๆ ออกมา มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ
ภาพกระบี่เปล่งเสียงดัง “สวบ” ถูกดึกออกจากกำแพง ร่อนลงในมือของเขา
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ภาพนี้ม้วนกลายเป็นม้วนภาพโดยอัตโนมัติ และเปล่งแสงสว่างวาบพลางหายวับไป
หานลี่ถึงได้พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วรู้สึกผ่อนคลายลง
ภาพกระบี่นับหมื่นแผ่นนี้ไม่รู้ว่าเป็นภาพที่เจ้าของที่นี่วาดไว้หรือไม่ แต่มองคร่าวๆ เมื่อครู่ ก็สัมผัสได้ว่าภาพภาพนี้ลึกลับเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าแฝงไปด้วยวิธีการฝึกฝนลึกลับชนิดหนึ่ง ทั้งเหมือนคาถากระบี่ที่ร้ายกาจ และเหมือนกับเคล็ดวิชาลับจิตสัมผัสบางชนิด แต่ไม่ว่าอย่างไร แน่นอนว่าย่อมต้องให้เขาค่อยๆ ศึกษาถึงจะยืนยันแน่ชัดได้
จากนี้เขาพลันเดินไปด้านหน้าโต๊ะตัวนั้น สะบัดแขนเสื้อไป หมอกสีเขียวบินออกมา
ชั่วขณะนั้นกล่องหยกเหล่านั้นและฝาขวดเล็กก็บินออกมาท่ามกลางหมอกลำแสง
หลังจากกวาดจิตสัมผัสไป หานลี่กลับขมวดคิ้ว
ภายในกล่องหยกทั้งสาม คาดไม่ถึงว่าจะมียันต์วิเศษสองสามแผ่นวางอยู่ ผิวของมันเป็นอักขระลูกอ๊อดสีเงินที่สลับซับซ้อน แต่ไอวิญญาณด้านในกลับหายไปจนเกลี้ยงแล้วไม่มีประโยชน์เลยสักนิด ส่วนขวดสองขวดนั้นกลับว่างเปล่า ด้านในมีร่องรอยของของเหลววิญญาณอยู่เล็กน้อย
ดูแล้วเดิมในขวดสองขวดนี้คงบรรจุของเหลววิญญาณอันใดสักอย่างอยู่ แต่เป็นเพราะไม่ได้เก็บไว้ในที่ลับ ประกอบกับผ่านมาหลายปีจึงทำให้พวกมันแห้งเหือดไป
หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย แต่กลับเก็บยันต์เหล่านั้นไป
ยันต์เหล่านี้ไม่เหมือนกับอักขระจ้วนทองบนยันต์วิเศษสองสามชนิดที่เขารู้จัก กลับคุ้มค่าพอที่จะให้ศึกษา
จากนั้นเขาพลันตรวจสอบห้องลับอื่นๆ รอบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้อันใด
หานลี่จึงถอยออกไปโดยไม่พูดจา
ห้องลับที่เหลือ เขาเองก็ไม่ได้มองข้าม แต่ก็เหมือนกับห้องก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น ล้วนไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
แต่หลังจากที่เขาเดินออกมาจากห้องลับห้องสุดท้าย ฝีเท้าก็เดินตรงไปยังทางที่มาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีท่าทีจะหยุดพักเลยสักนิด
ไม่นานนักหานลี่ก็เดินออกมาจากวิหารข้าง ยืนอยู่บนแท่นหินด้านนอกประตูวิหาร มองไปยังเส้นทางที่ตรงไปยังวิหารข้างอีกสองหลังและวิหารหลักแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
ยามนี้สือคุนและหลิวสุ่ยเอ๋อร์น่าจะใกล้ถึงยอดเขาแล้วสินะ!
ด้านในนั้นสร้างขึ้นอย่างง่ายๆ มีประตูบานเล็กบานหนึ่ง แบ่งห้องยาวๆ ให้เป็นสองส่วนด้านในและด้านนอก
ด้านนอกค่อนข้างใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเป็นห้องรับแขกห้องหนึ่ง นอกจากโต๊ะเก้าอี้ที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ และชุดน้ำชาชุดหนึ่งแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีก
หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปยังข้าวของสิ่งนั้น จึงพบว่าวัตถุดิบที่ใช้เป็นวัตถุดิบที่หายาก แต่สำหรับเขาแล้วก็ไม่มีประโยชน์อันใด เช่นนั้นจึงไม่ได้หยุดฝีเท้าเลยสักนิด เปล่งแสงสว่างวาบแล้วตรงเข้าไปยังห้องนอนที่อยู่ด้านใน
ของด้านในห้องนั้นมีอยู่ค่อนข้างเยอะ
นอกจากเตียงหยกสีเขียวอ่อนหลังหนึ่งแล้ว ก็มีโต๊ะหนังสือตัวยาวตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีพู่กันวางอยู่สองสามด้าม แท่นฝนหมึกสีแดงอ่อนและของรูปทรงเหมือนผ้าไหมบางๆ สีขาวราวกับหิมะ
หานลี่พลันเลิกคิ้ว เดินมาอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือ คว้าพู่กันและแท่นฝนหมึกขึ้นมาพลิกเล่นไปมา แต่ก็สะบัดศีรษะแล้ววางลง
แต่จากนั้นก็ยื่นแขนไปคว้าผ้าไหมบางๆ นั้น และสะบัดคลี่ออกเบาๆ
ผลคือในนั้นไม่มีอันใดเลย!
หานลี่ไม่ได้มีสีหน้าแปลกประหลาดใจ เก็บผ้าไหมคืนที่ จิตสัมผัสสำรวจห้องอย่างละเอียดอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอันใดตกหล่น ก็หันกายออกเดินอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
เดิมเขาก็ไม่หวังว่าห้องที่แค่ดูก็รู้ว่าเป็นห้องพักของศิษย์จะมีอันใดอยู่แล้ว จึงไม่ได้รั้งรอนานนัก
และยิ่งไปกว่านั้นห้องนี้ยังมีประมาณสิบกว่าห้อง เวลามีจำกัด จึงไม่อาจเข้าไปดูให้ละเอียดทุกห้องได้
เช่นนั้นหานลี่จึงตรวจสอบทั้งสิบห้องอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง
ผลคือนอกจากได้คัมภีร์บันทึกด้วยอักษรโบราณที่ไม่รู้จักมาสองสามม้วนแล้ว ก็ไม่ได้อันใดอีก
คัมภีร์เหล่านี้วางอยู่บนหัวนอนในห้องนอนห้องหนึ่ง กว่าครึ่งล้วนไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอันใด
หานลี่เองก็เก็บมาส่งเดชเท่านั้น วางแผนจะตรวจสอบตัวอักษรโบราณนี้ในอนาคตเท่านั้น ดูว่าจะเข้าใจเนื้อหาในนั้นหรือไม่
ถึงอย่างไรเสียเขาก็รู้สึกสนใจทุกอย่างในแดนเซียนอยู่แล้ว
เขาพาหุ่นเชิดกลับมายังห้องโถงอีกครั้ง แค่เปล่งแสงสว่างวาบแล้วเข้าไปในประตูด้านข้างอีกด้าน
เป็นทางเดินเช่นกัน หานลี่มาถึงหน้าห้องที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ห้องเหล่านี้ไม่เหมือนกับห้องก่อนหน้า ทุกห้องล้วนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีเพียงประตูเล็กๆ ไม่มีหน้าต่างใดๆ
และยิ่งไปกว่านั้นทุกห้องยังเป็นเอกเทศ มีระยะห่างระหว่างกันประมาณสิบจั้งเศษ
สิ่งที่ยิ่งทำให้หานลี่ใจเต้นก็คือ พื้นผิวของห้องสี่เหลี่ยมเหล่านี้ล้วนเปล่งแสงสีเงินออกมา คาดไม่ถึงว่าจะอักขระสีเงินอ่อนเรียงรายอยู่
นั่นก็คืออักษรลูกอ๊อดสีเงินที่เขาคุ้นเคยดี
หานลี่จ้องเขม็งมองห้องเหล่านั้นชั่วครู่ ในที่สุดถึงได้มั่นใจว่าห้องเหล่านี้เป็นห้องลับในการฝึกฝนโดยเฉพาะ
การค้นพบนี้ทำให้เขารู้สึกดีใจเล็กๆ
ในเมื่อเป็นห้องลับ ด้านในก็น่าจะมีของที่คนในอดีตเหลือทิ้งเอาไว้
ทว่ามองเห็นอักษรสีเงินที่สลักอยู่อย่างแน่นขนัดบนพื้นผิว เขาก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน
โดยปกติแล้วเขตอาคมที่วางอยู่ในห้องลับก็น่าจะเป็นเขตอาคมกั้นเสียง หรือเขตอาคมกั้นการมองเห็นอันใดเทือกนี้ แต่เมื่อพบกับความน่ากลัวที่ประตูวิหารหลักก่อนหน้า แน่นอนว่าเขาย่อมไม่กล้าวางใจอีก
ทว่าครั้งนี้เขากลับไม่ได้ปล่อยให้หุ่นเชิดวานรยักษ์ตรวจสอบอันใด แต่หลังจากที่สำแดงเกราะคุ้มกันออกมาสองสามชั้นแล้ว ก็สะบัดแขนเสื้อเดินไปยังประตูหินของห้องลับห้องหนึ่ง
กระบี่เล่มเล็กสีเขียวพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวยาวสองสามชุ่น สับลงมาที่ประตูลับ
คาดไม่ถึงว่าเขาจะเตรียมใช้พลังมหาศาลทำลายเขตอาคมบนประตูโดยไม่ปริปากใดๆ
ประตูห้องลับเปล่งแสงสีเงินสว่างจ้า เสียงไพเราะดังออกมาจากด้านใน
ลำแสงสีเงินที่ดูธรรมดาๆ คาดไม่ถึงว่าจะถูกกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาต้านทานเอาไว้ กระบี่ลำแสงสับลงมาบนลำแสงสีเงิน ราวกับสับลงบนผิวน้ำไม่อาจสับให้ขาดได้ ทำได้เพียงค่อยๆ หั่นออกมาอย่างช้าๆ
หานลี่เห็นเช่นนั้น ในใจพลันรู้สึกผ่อนคลายลง
เป็นดังที่เขาคิดไว้ เขตอาคมบนประตูไม่ใช่เขตอาคมประเภทโจมตี และยิ่งไปกว่านั้นกว่าครึ่งยังเป็นเขตอาคมระดับต่ำมากในแดนเซียน
เมื่อขบคิดดูแล้ว ห้องลับในการฝึกบำเพ็ญเพียรสิบกว่าห้องมาเรียงกันอยู่เช่นนี้ จะมีเขตอาคมที่ร้ายกาจได้อย่างไร
เขาพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งโดยไม่ลังเลอีก ภูเขาสีดำสูงสองสามชุ่นปรากฏขึ้น และโยนไปเบื้องหน้า
เสียง “ปัง” ดังขึ้น!
ภูเขาน้อยในลำแสงสีดำขยายขนาดเป็นสองสามจั้ง และทุบลงมาที่ลำแสงสีเงิน
ครั้งนี้เขตอาคมบนประตูไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลได้ ทันใดนั้นเสียงไพเราะพลันหยุดชะงัก ลำแสงสีเงินสลายหายไป
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ประตูห้องถูกกระบี่ลำแสงสับออกเป็นสองส่วน แล้วหล่นลงมาทั้งสองฝั่ง
หานลี่เก็บสมบัติ สาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เรียกว่าห้องลับมีขนาดแค่เจ็ดแปดจั้ง ด้านในนั้นว่างเปล่า นอกจากฟูกที่ทำขึ้นจาก ‘หญ้าชุดเกราะ’ แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอีก
เช่นนั้นที่นี่จึงไม่จำเป็นต้องใช้จิตสัมผัสใดๆ ตรวจสอบอีก
หานลี่แค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ หลังจากเก็บฟูกกลับมาแล้ว ก็ถอยออกจากห้องลับ
ห้องลับยังมีอีกหลายห้อง เขาไม่ได้รู้สึกหมดหวังอันใด!
ใช้วิธีการเดียวกันเปิดประตูหินอีกห้องหนึ่ง คนก็เดินเข้าไปข้างในอีกครั้ง
แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็เดินออกมามือเปล่า
เช่นนั้นหานลี่พลันเข้าไปในห้องลับอีกหกห้องในรวดเดียว แต่ดูเหมือนว่าดาวโชคร้ายจะเปล่งประกาย ยังคงไม่ได้อันใดอีก
นี่จึงทำให้หานลี่อุทานว่าโชคร้ายในใจ ความหวังในห้องลับที่เหลือก็ลดลง
ทว่าเสียง “ตูม” พลันดังขึ้น ห้องลับที่เจ็ดถูกเปิดออก หลังจากที่เขาเดินเข้าไปข้างใน ปากกลับร้องอุทานออกมา ดวงตาเปล่งประกาย
ห้องลับห้องนี้เหมือนกับห้องก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น
ในห้องไม่เพียงจะมีโต๊ะเก้าอี้วางอยู่อย่างครบครัน บนโต๊ะยังมีกล่องหยกขนาดน้อยใหญ่สามกล่อง และขวดอีกสองขวด สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือภาพวาดเปล่งแสงสีทองเรืองรองที่แขวนอยู่บนผนัง
ภาพวาดนี้มีผิวสีทองเรืองรอง เขาในยามนั้นไม่อาจมองเห็นเนื้อหาด้านในได้
เมื่อหานลี่หลับตาลง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ค่อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผลคือรูม่านตาพลันมีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ ในที่สุดก็มองเห็นภาพวาดนี้ชัดเจนโดยไม่หวาดกลัวลำแสงสีทองอีก แต่พลันมีสีหน้าตกตะลึง
เห็นเพียงในภาพวาดมีกระบี่บินสีทองที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วอยู่นับไม่ถ้วน
กระบี่บินเหล่านี้มีรูปร่างเหมือนกัน ขนาดเล็กใหญ่ ใหญ่หน่อยก็ดูเหมือนกระบี่ยักษ์ค้ำฟ้า คาดไม่ถึงว่าจะให้ความรู้สึกน่ากลัวความยาวยี่สิบสามสิบจั้ง เล็กน้อยกลับมีขนาดแค่สองสามชุ่น แต่เมื่อมองปราดไป แม้แต่ลวดลายบนกระบี่ก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน ราวกับอยู่ใกล้แค่คืบอย่างไรอย่างนั้น
กระบี่สีทองจำนวนมากม้วนวนอยู่ในภาพวาด ตามหลักการแล้วน่าจะดูยุ่งเหยิง ทำให้ผู้คนไม่อาจแยกแยะได้ แต่เมื่อมองไปยังภาพนี้กระบี่บินทุกเล่มกลับดูเสมือนจริง และยิ่งไปกว่านั้นยังมีกลิ่นอายหลากหลาย ทำให้ผู้คนมองเห็นความแตกต่างได้อย่างรวดเร็ว
ภาพกระบี่นับหมื่นเช่นนี้ ทำให้หานลี่รู้สึกดีใจ ดวงตาจ้องเขม็งไปยังภาพวาดภาพนี้ ร่างกายนิ่งงัน
แค่ผ่านไปชั่วครู่ หานลี่พลันแค่นเสียงอย่างกลัดกลุ้มแล้วถอยออกไปสองสามก้าว ราวกับพบกับการโจมตีไร้รูปร่างที่แข็งแกร่ง แต่ทันใดนั้นก็หันหน้ามา เลื่อนสายตาออกจากภาพวาดอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองอีกแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกันใบหน้าของเขาก็มีสีแดงก่ำผิดปกติปรากฏออกมา
“พลังจิตสัมผัสร้ายกาจมาก คาดไม่ถึงว่าจะเหมือนกับถูกสับด้วยกระบี่บินจริงๆ หากไม่ใช่เพราะข้าเชี่ยวชาญด้านกระบี่บิน และยิ่งไปกว่านั้นจิตสัมผัสยังไม่อ่อนแอ การโจมตีเมื่อครู่ เกรงว่าคงทำให้จิตสัมผัสเสียหายแล้ว” พลังวิญญาณในร่างของหานลี่หมุนวนโคจรอย่างบ้าคลั่งตามจุดชีพจรต่างๆ ร่างกายกลับมาเป็นปกติ แต่สีหน้ายังคงตกตะลึง
ทว่าหลังจากที่หานลี่ได้สติแล้ว ก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง หว่างนิ้วมียันต์หลากสีสันปรากฏขึ้น ชูขึ้นอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นยันต์สีสันต่างๆ สิบกว่าสายพลันพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากกะพริบวาบๆ ก็ทยอยกันจมหายเข้าไปในภาพวาดกระบี่อย่างไร้ร่องรอย
เรื่องที่ดูเหมือนแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น
ผิวของภาพวาดมีอักขระยันต์เงาลวงตาห้าหกสีปรากฏขึ้น ห่อหุ้มลำแสงสีทองเอาไว้ และหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว
แสงสีทองที่แผ่ออกมาจากภาพกระบี่ถูกอักขระยันต์กดเอาไว้ ตอนแรกหดเล็กลงอย่างไม่ยินยอม สุดท้ายก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป
เงาลวงตาอักขระยันต์กดลงมาแล้วกลายเป็นยันต์วิเศษสิบกว่าแผ่นดังเดิม พลางแปะไว้ด้านบน
ชั่วขณะนั้นกลิ่นอายต่างๆ บนภาพกระบี่พลันหายวับไป ราวกับว่ากลายเป็นภาพธรรมดาเท่านั้น
หานลี่เห็นเช่นนั้นหัวเราะน้อยๆ ออกมา มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ
ภาพกระบี่เปล่งเสียงดัง “สวบ” ถูกดึกออกจากกำแพง ร่อนลงในมือของเขา
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ภาพนี้ม้วนกลายเป็นม้วนภาพโดยอัตโนมัติ และเปล่งแสงสว่างวาบพลางหายวับไป
หานลี่ถึงได้พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วรู้สึกผ่อนคลายลง
ภาพกระบี่นับหมื่นแผ่นนี้ไม่รู้ว่าเป็นภาพที่เจ้าของที่นี่วาดไว้หรือไม่ แต่มองคร่าวๆ เมื่อครู่ ก็สัมผัสได้ว่าภาพภาพนี้ลึกลับเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าแฝงไปด้วยวิธีการฝึกฝนลึกลับชนิดหนึ่ง ทั้งเหมือนคาถากระบี่ที่ร้ายกาจ และเหมือนกับเคล็ดวิชาลับจิตสัมผัสบางชนิด แต่ไม่ว่าอย่างไร แน่นอนว่าย่อมต้องให้เขาค่อยๆ ศึกษาถึงจะยืนยันแน่ชัดได้
จากนี้เขาพลันเดินไปด้านหน้าโต๊ะตัวนั้น สะบัดแขนเสื้อไป หมอกสีเขียวบินออกมา
ชั่วขณะนั้นกล่องหยกเหล่านั้นและฝาขวดเล็กก็บินออกมาท่ามกลางหมอกลำแสง
หลังจากกวาดจิตสัมผัสไป หานลี่กลับขมวดคิ้ว
ภายในกล่องหยกทั้งสาม คาดไม่ถึงว่าจะมียันต์วิเศษสองสามแผ่นวางอยู่ ผิวของมันเป็นอักขระลูกอ๊อดสีเงินที่สลับซับซ้อน แต่ไอวิญญาณด้านในกลับหายไปจนเกลี้ยงแล้วไม่มีประโยชน์เลยสักนิด ส่วนขวดสองขวดนั้นกลับว่างเปล่า ด้านในมีร่องรอยของของเหลววิญญาณอยู่เล็กน้อย
ดูแล้วเดิมในขวดสองขวดนี้คงบรรจุของเหลววิญญาณอันใดสักอย่างอยู่ แต่เป็นเพราะไม่ได้เก็บไว้ในที่ลับ ประกอบกับผ่านมาหลายปีจึงทำให้พวกมันแห้งเหือดไป
หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย แต่กลับเก็บยันต์เหล่านั้นไป
ยันต์เหล่านี้ไม่เหมือนกับอักขระจ้วนทองบนยันต์วิเศษสองสามชนิดที่เขารู้จัก กลับคุ้มค่าพอที่จะให้ศึกษา
จากนั้นเขาพลันตรวจสอบห้องลับอื่นๆ รอบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้อันใด
หานลี่จึงถอยออกไปโดยไม่พูดจา
ห้องลับที่เหลือ เขาเองก็ไม่ได้มองข้าม แต่ก็เหมือนกับห้องก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น ล้วนไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
แต่หลังจากที่เขาเดินออกมาจากห้องลับห้องสุดท้าย ฝีเท้าก็เดินตรงไปยังทางที่มาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีท่าทีจะหยุดพักเลยสักนิด
ไม่นานนักหานลี่ก็เดินออกมาจากวิหารข้าง ยืนอยู่บนแท่นหินด้านนอกประตูวิหาร มองไปยังเส้นทางที่ตรงไปยังวิหารข้างอีกสองหลังและวิหารหลักแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
ยามนี้สือคุนและหลิวสุ่ยเอ๋อร์น่าจะใกล้ถึงยอดเขาแล้วสินะ!
ตอนที่ 1703 สวนสมุนไพร
ทว่าเขตอาคมลวงตาของจัตุรัสนี้นั้นไม่ธรรมดา หากทั้งสองไม่มีฝีมือ ก็ไม่อาจผ่านมาได้ในระยะเวลาอันสั้น
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เวลาที่เหลือก็มีไม่มากนัก มากสุดก็คือให้เขาค้นหาได้อีกที่หนึ่ง
หานลี่ขบคิดเช่นนั้น สายตากวาดมองวิหารข้างอีกสองหลังสองสามครา ท่าทางตัดสินใจไม่ถูก
ฉับพลันนั้นแววตาของเขาพลันเปล่งประกาย มองไปยังหอคอยที่อยู่ด้านหลังวิหารหลัก
ที่นั่นมีต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี กลิ่นพฤกษาเข้มข้นปกคลุมไว้กว่าครึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากสายลมอ่อนพัดโชยมา กลิ่นหอมของสมุนไพรก็ลอยปะปนมาด้วย
หานลี่พ่นลมหายใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง อดที่จะเอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า “เจ้าโง่” ไม่ได้
สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรแล้วสวนสมุนไพรย่อมเป็นสถานที่ที่ต้องมีในถ้ำพำนักทุกหลัง แม้ว่าที่นี่จะเป็นที่อยู่ของเซียน คิดดูแล้วก็ต้องมีสวนสมุนไพรแน่
ส่วนสมบัติอื่นๆ นั้นต่อให้ดีเลิศขนาดไหน จะไปเทียบกับสมุนไพรที่แดนเซียนมีอยู่ได้อย่างไร
ขอแค่หาสมุนไพรที่เหมาะสมพบ เขามีขวดลึกลับอยู่ในมือ ก็เพียงพอจะกระตุ้นการเจริญเติบโตของสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้แล้ว ดีกว่าสมบัติใดๆ เป็นร้อยเท่า
ดูจากไกลๆ สวนแห่งนี้น่าจะอยู่ตรงใจกลางของหอคอย
หลังจากที่คิดออกแล้ว หานลี่ก็ไม่ลังเลใดๆ อีก ทันใดนั้นก็พาหุ่นเชิดวานรยักษ์กลายเป็นควันสีเขียวอ่อนพุ่งตรงไปยังด้านหลังวิหารหลัก
จากความเร็วที่น่ากลัวของกายเนื้อหานลี่ หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยน้ำชา ก็เข้ามาในบริเวณหอคอย
แม้จะไม่รู้ว่าสวนสมุนไพรอยู่ตรงไหนกันแน่ แต่จุดที่มีไอวิญญาณเข้มข้นที่สุดก็แยกแยะได้ง่ายมาก
เขาไม่สนใจสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ระหว่างทาง หลังจากกะพริบวาบสองสามหน ก็มาถึงที่ราบใจกลางหอคอยทั้งสาม
ที่นี่เป็นสวนขนาดสองสามหมู่ กลิ่นหอมจางๆ แผ่ออกมาจากด้านใน
ทว่าทั้งสวนสมุนไพรล้วนถูกเสาสีม่วงทองทั้งห้าล้อมเอาไว้ ม่านลำแสงห้าสีห่อหุ้มมันลงมา
หานลี่มองเห็นฉากนี้ ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
เขตอาคมนี้ไม่เหมือนกับเขตอาคมง่ายๆ ที่ประตูห้องลับ แค่มองก็รู้ว่าเป็นเขตอาคมขนาดใหญ่ที่รับมือได้ยาก
แต่สำหรับเขตอาคมป้องกันตัวนั้น เขากลับมั่นใจในตนเองอยู่หลายส่วน
ทันใดนั้นเขาพลันครุ่นคิดเล็กน้อย มือหนึ่งพลันร่ายอาคม อ้าปากออก พ่นดวงแสงเพลิงสีเงินออกมา
ท่ามกลางลำแสงสีเงิน พลันมีเสียงร้องอันไพเราะดังขึ้น
ดวงแสงเพลิงเปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นวิหคสีเงินบินออกมา
นั่นก็คือวิหคกลืนวิญญาณ
วิหคตัวนี้เชี่ยวชาญการกลืนกินพลังวิญญาณมากที่สุด สำหรับการทลายเขตอาคมประเภทนี้ ย่อมมีประโยชน์ในจุดที่คิดไม่ถึง
“ไป”
หานลี่ชี้ไปที่ม่านลำแสงห้าสีตรงหน้าอย่างไม่เกรงใจ ปากก็ออกคำสั่ง
ชั่วขณะนั้นวิหคเพลิงสีเงินพลันสยายปีกออก กลายเป็นลำแสงสีเงินกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา
เสียง “ปัง” ดังขึ้น!
ม่านลำแสงห้าสีสั่นเทาเล็กน้อย
จากนั้นเปลวเพลิงสีเงินและหมอกลำแสงก็ตัดสลับกันไปมา เปล่งเสียงระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง
ผิวของวิหคสีเงินมีเปลวเพลิงหมุนวนโคจร บางครั้งก็พุ่งออกมารอบๆ ด้าน หมอกลำแสงห้าสีที่สัมผัสกับมันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ถูกกลืนไปอย่างไร้ร่องรอย
ม่านลำแสงค่อยๆ บางลงในพริบตา
หานลี่เห็นฉากนี้ชั่วขณะนั้นพลันเผยสีหน้ายินดีออกมา
เขตอาคมที่เซียนทิ้งเอาไว้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ดีเท่าใดนัก ง่ายดายกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
ขณะที่เขากำลังคิดจะกระตุ้นพลานุภาพของวิหคเพลิงอยู่นั้น เสาสีม่วงทองทั้งห้าต้นที่อยู่รอบด้านกลับเปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมา จากนั้นลำแสงพลันเจิดจ้าขึ้น พ่นเสาลำแสงหนาๆ ออกมา เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วทยอยกันจมหายเข้าไปในม่านลำแสง
ม่านลำแสงที่เดิมอ่อนแอพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลับมาเป็นดังเดิมทันที
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น สีหน้าก็อดที่จะเคร่งขรึมไม่ได้
นิ้วทั้งสิบร่ายอาคมอย่างไม่ต้องขบคิด ปากพลันบริกรรมคาถา
ฉับพลันนั้นคำว่า “ขยาย” ก็พ่นออกมาจากปากของเขา
วิหคกลืนวิญญาณที่เดิมมีขนาดสองสามฉื่อ พลันแววตาเปล่งประกายโหดเหี้ยม ปีกทั้งสองสยายออกพุ่งไปกลางอากาศ จากนั้นพลันหมุนวน แล้วขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
แค่พริบตานั้นวิหคสีเงินยักษ์ขนาดสองสามจั้งก็ปรากฏขึ้นเหนือม่านลำแสงห้าสี
ชูคอส่งเสียงเพรียก ปีกสีเงินยักษ์กระพือไปด้านล่าง
เสียงแหวกอากาศดัง “ฟับๆ” ขนนกสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นดวงแสงเพลิง โจมตีลงมาราวกับห่าฝน
เสียงอึกทึกดังกว่าครึ่งของท้องฟ้า เปลวเพลิงแผดเผาปกคลุมทั้งหมดเอาไว้ข้างใน
แม้ว่าจะมีเสาห้าตนบรรจุพลังวิญญาณเบญจธาตุออกมาไม่หยุด แต่ม่านลำแสงนี้ก็ยังคงสั่นเทาอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้นวิหคยักษ์สีเงินกลับเก็บปีกทั้งสองข้าง ร่างกายหมุนวน คาดไม่ถึงว่าจะปล่อยลำแสงสีเงินออกมาแล้วกลายเป็นดวงแสงเพลิงขนาดยักษ์ พุ่งลงมาราวกับดาวตก
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นพลันดังขึ้น!
ม่านลำแสงห้าสีไม่อาจต้านทานได้อีก ผิวของมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกดีอกดีใจ แววตาเปล่งประกาย เตรียมรอให้ม่านลำแสงนั้นพลังทลายในครู่ต่อมา แล้วพุ่งเข้าไปในสวนสมุนไพรทันที
แต่ความคิดของเขานั้นง่ายเกินไป
เสาลำแสงสีม่วงทองห้าต้นหยุดพ่นเสาลำแสง ครู่ต่อมาก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น สายฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ ประจุไฟฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้น
เมื่อเห็นประจุไฟฟ้านี้หานลี่พลันมีสีหน้าดูไม่ได้ สายตากวาดไปยังม่านลำแสงห้าสีที่ใกล้จะพังทลายลงอีกครั้ง ทันใดนั้นพลันกัดฟัน ไม่เพียงไม่ยอมหลบหลีก บนร่างกลับมีไอสีดำหมุนวน เกราะมารเหนือฟ้าปรากฏขึ้นอีกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้นพลังวิญญาณในร่างพลันบรรจุเข้าไปในเกราะอย่างบ้าคลั่ง
อักขระสีดำบนเกราะมารทยอยกันบินออกมา วนล้อมรอบหานลี่ไปมาไม่หยุด ปกป้องเขาไว้อย่างแน่นหนา
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองบางๆ จำนวนนับไม่ถ้วนดีดออกมา กลายเป็นตาข่ายสีทองห่อหุ้มเขาเอาไว้
มือข้างหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นยันต์ตั้งหนึ่งพลันปรากฏขึ้น แล้วพุ่งมายังเรือนร่าง
หลังจากกะพริบวาบ เกราะลำแสงหลากสีสันสองสามชั้นก็ปรากฏขึ้นด้านนอกประจุไฟฟ้า
ยามนี้หานลี่แค่สะบัดแขนเสื้อ ภูเขาเทวะดูดปราณพลันบินออกมาจากแขนเสื้อ
ถูกร่ายอาคมกระตุ้น จนมีขนาดยักษ์สิบกว่าจั้ง ถูกต้านทานไว้เบื้องหน้าราวกับโล่ยักษ์
แม้ว่าประจุไฟฟ้าสีม่วงจะร้ายกาจมาก เขาก็ไม่เชื่อว่าพลังอัสนีเหล่านี้จะหลอมละลายภูเขาลูกนี้ได้
แทบจะในเวลาเดียวกันที่หานลี่เพิ่งทำการเสร็จ เสาสีม่วงทองห้าต้นก็เปล่งเสียงอัสนีฟ้าฟาดออกมาพร้อมกัน
ประจุไฟฟ้าสีม่วงขนาดเท่าปากถ้วยห้าสายดีดตัวออกมา และรวมตัวกันกลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นดวงแสงอัสนียักษ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางครึ่งจั้ง พุ่งเข้ามาโจมตีหานลี่อย่างดุดัน
หานลี่เห็นขนาดของดวงแสงอัสนีสีม่วง สีหน้าพลันเขียวคล้ำ แต่เขาก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อน ปากกลับร้องตะโกนออกมา ฝ่ามือข้างหนึ่งตบไปบนยอดเขาสีดำตรงหน้า
ชั่วขณะนั้นอักขระสีเงินบนผิวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ม่านลำแสงสีเทาชั้นหนึ่งม้วนวนออกมาจากภูเขา ตรงเข้าไปหาดวงแสงอัสนีสีม่วงฝั่งตรงข้าม
ครู่ต่อมาทั้งสองก็ปะทะเข้าด้วยกัน
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นขึ้น ม่านลำแสงสีเทาทำได้เพียงทำให้ดวงแสงอัสนีสั่นไหว แล้วถูกฉีกออก คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจต้านทานได้นานนัก
นั่นก็ไม่แปลก!
แม้ว่าลำแสงเทวะดูดปราณจะมหัศจรรย์ แต่ตัวของมันก็มีประโยชน์แค่กับพลังเบญจธาตุ
เมื่อต่อกรกับพลังอัสนีลึกลับของแดนเซียน แน่นอนว่าย่อมมีประโยชน์ไม่มากนัก
ทันใดนั้นดวงแสงอัสนีสีม่วงพลันขยับ หมายจะปะทะเข้ากับยอดเขาสีดำ
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นมุมปากพลันหยักขึ้น
ภูเขาเทวะดูดปราณในยามนี้ ไม่ได้มีเพียงพลังเทวะดูดปราณเพียงอย่างเดียว
ฝ่ามือที่เขากดลงไปบนยอดเขาเปล่งแสงสีเขียวออกมา เก็บอาคมสายหนึ่งเข้าไป ชั่วขณะนั้นเหนือยอดเขาสีดำพลันมีอักขระสีเงินปรากฏขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นยังหมุนวน และกลายเป็นหลุมดำขนาดเท่ากำปั้นสองสามหลุม ชั่วครู่ก็ต้านทานอยู่ด้านหน้ายอดเขา
หลังจากที่ดวงแสงอัสนีสีม่วงเปล่งแสงสว่างวาบก็ปะทะเข้ากับหลุมดำ และเปล่งแสงสว่างวาบ ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด
หานลี่มีแววตาเคร่งขรึม แต่กลับมองเห็นอย่างชัดเจน ดวงแสงอัสนีที่แต่เดิมมีเส้นผ่าศูนย์กลางครึ่งจั้งทะลวงผ่านหลุมดำไป ขนาดใหญ่กว่าหนึ่งในสาม
แต่ไม่รอให้เขาคิดอันใด
ดวงแสงอัสนีพลันโจมตีไปที่ยอดเขาสีดำ ชั่วขณะนั้นพลันเปล่งเสียงดังสนั่นขึ้น
ภายใต้ลำแสงอัสนีสีม่วง พลันมีเสียง “ครืดๆ” ดังขึ้น อสรพิษไฟฟ้าสีม่วงสองสายอ้อมยอดเขาทั้งสองฝั่ง แล้วพุ่งมาหาหานลี่อย่างชาญฉลาด
เสียง “ครืดๆ” ดังขึ้น เกราะลำแสงสองสามชั้นภายนอกสุด สัมผัสกับอสรพิษสีม่วงสองสาย ก็ทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด
หานลี่พลันหางตากระตุก แต่มือพลันโบกสะบัดไปด้านหน้า
ตาข่ายสายฟ้าสีทองพลันดีดตัวออกจากเรือนร่าง และตรงม้วนไปทางสายฟ้าสีม่วงสองสาย
และในยามนั้นเองเสียงแหวกอากาศพลันดังขึ้น
หานลี่ได้ยินเสียงนี้ แทบจะพลิ้วกายไปอย่างไม่ต้องขบคิด แล้วพาเงาเป็นสายๆ กระโจนออกไป
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นม่านลำแสงห้าสี ในที่สุดภายใต้วิหคเพลิงสีเงินที่บ้าคลั่งก็แตกสลายออก
แต่ประจุไฟฟ้าสีม่วง ทองสองสีพลันตัดสลับกันไปมา สายฟ้าสองสายระเบิดออก
ชั่วพริบตาลำแสงสีม่วงก็กลืนกินลำแสงสีทองจนไปเกลี้ยง
อานุภาพการระเบิดมหึมาม้วนเอาพายุหมุนมาด้วย พาเส้นไหมสายฟ้าสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนมาด้วย แค่หมุนวนก็ห่อหุ้มร่างของหานลี่เอาไว้
หานลี่พลันใจหายวาบ พลันต้องหยุดลง
เสียงอึกทึกพลันดังขึ้น!
ชั่วพริบตานั้นอักขระสีดำพลันปริแตก กลายเป็นไอสีดำและตาข่ายไฟฟ้าสีม่วงตัดสลับกันไปมา แล้วทยอยกันระเบิดออกพลางหายวับไป
ครู่ต่อมาเงาลวงตาสีทองสามเศียรหกกรพลันทะลักออกมาจากไอสีดำ สองแขนแค่โบกสะบัด ลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็พ่นออกมาฝ่ามือทั้งหก การโจมตีด้วยพายุหมุนร่วงลงมา
ฉากที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งพลันปรากฏขึ้น
เกราะมารบนร่างของหานลี่มีหนามแหลมๆ งอกออกมาสองสามแท่ง เหนือศีรษะมีลำแสงสีดำสนิทเปล่งแสงสว่างวาบ พ่นเสาลำแสงสีดำขนาดเท่าหัวแม่มือออกมา
ในที่สุดเมื่อพายุหมุนถูกการโจมตีทั้งสองชนิดทำการโจมตีก็ส่งเสียงคร่ำครวญแล้วสลายหายไป
แต่ในยามนั้นเองเสาสีม่วงทั้งห้าก็เปล่งเสียงร้อง หมอกลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบ ถึงแล้วได้แหวกม่านลำแสงออกมาแล้วกลับคืนสู่เหนือสวนสมุนไพรเหมือนเดิม
หานลี่คิดจะหยุดลง แต่กลับไม่ทันแล้ว ทะลวงเข้าไปในหมอกลำแสงห้าสี
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นรอบด้านอีกครั้ง ผิวของเสาทั้งห้าต้นเปล่งแสงอัสนีสว่างวาบ สายฟ้าสีม่วงพันรัดไปมาเป็นสายๆ จากนั้นเสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้นสองสามครั้ง กลายเป็นอสรพิษสายฟ้าสีม่วงพุ่งออกมา
หานลี่พลันหน้าซีดเผือด
ตอนที่ 1704 โยนภูเขา
ทว่าร่างกายของเขาพลันถูกหมอกลำแสงห้าสีม้วนเอาไว้ บรรยากาศรอบด้านเปลี่ยนเป็นแข็งแน่นราวกับเหล็กกล้า พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งกดลงมาบนร่างในเวลาเดียวกัน ไม่อาจขยับตัวได้เลยสักนิด
อสรพิษไฟฟ้าสีม่วงห้าสายเปล่งแสงสว่างวาบ ดีดตัวออกพร้อมกับเสียงฟ้าร้องคำรามที่น่าตกตะลึง
หานลี่พลันตกอยู่ในอันตราย
ทว่าถึงอย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ สีหน้าซีดขาวพลันสลายหายไปในทันที แววตากลับฉายแววเย็นชา จมูกแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชาออกมา
ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนเรือนร่าง เงาเทวรูปสามเศียรหกกรปรากฏขึ้นบนเรือนร่างอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เทวรูปที่ปรากฏกลับไม่เหมือนกับก่อนหน้า
คาดไม่ถึงว่าตัวของเทวรูปจะเปล่งแสงระยิบระยับ ราวกับว่าถูกฉาบด้วยสีทอง เฉกเช่นเทวรูปสีทองบริสุทธิ์
นั่นคือร่างเทวรูปทองคำที่หานลี่เพิ่งหลอมขึ้น
ยามนี้หานลี่ได้รับประโยชน์จึงอ้าปากออกพ่นลำแสงสีดำออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นไอสีดำจมหายเข้าไปในร่างสีทอง
เดิมดวงตาของเศียรหนึ่งในสามเศียรเทวรูปเป็นสีขมุกขมัว ฉับพลันนั้นพลันเปลี่ยนเป็นเปล่งประกาย และมีไอสีดำแฝงอยู่บนใบหน้า
มันพลันพลิ้วกาย ร่างสีทองเรืองรองสูงสองสามจั้งต้านทานอยู่เบื้องหน้าของหานลี่
ส่วนประจุไฟฟ้าสีม่วงสองสามสายพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แต่แขนทั้งห้าของร่างทองกลับโบกสะบัดไปมาพร้อมกันอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
หลังจากเสียง “ตูมๆ” พลันดังขึ้น เสาลำแสงสีทองห้าสายพ่นออกมาจากใจกลางฝ่ามือ แล้วพุ่งเข้ามา
ลำแสงสีทองและสายฟ้าสีม่วงปะทะเข้าด้วยกันอยู่ไกลๆ ทันที
แม้ว่าสายฟ้าสีม่วงจะร้ายกาจ แต่ก็ยังคงถูกเสาลำแสงโจมตีจนสลายหายไปกว่าครึ่ง แต่ตัวของเสาลำแสงก็สลายหายไปเช่นกัน
จากสถานการณ์นี้หานลี่แค่ควบคุมร่างทองสำแดงการโจมตีออกมาอีกครั้ง ก็สามารถหลุดออกจากอันตรายครั้งนี้ได้แล้ว
แต่ประจุไฟฟ้าที่ชำรุดกลับไม่ให้โอกาสร่างทองได้ปล่อยระลอกคลื่นครั้งที่สอง
เสียง “ครืด” ดังขึ้นอีกครั้ง อสรพิษไฟฟ้าสีม่วงมาอยู่ใกล้แค่คืบ แล้วโจมตีลงมาอย่างรุนแรง
แต่ยามเส้นยาแดงผ่าแปดนั้น แขนของร่างทองของหานลี่กลับรางเลือน ชั่วครู่สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาประจุไฟฟ้าสีม่วงห้าสายพลันสั่นเทา ถูกฝ่ามือสีทองทั้งห้าเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น พลางตะปบลงมา
พวกมันดูเหมือนจะทะลักออกมาจากกลางอากาศ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
นิ้วทั้งห้าออกแรง หลังจากสายฟ้าอัสนีดังขึ้น ก็ถูกตะปบแล้วสลายออก
เส้นไหมสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา ส่วนน้อยโจมตีไปยังร่างสีทองของเทวรูป
แต่เส้นไหมไฟฟ้าเหล่านี้แค่กะพริบวาบแล้วก็สลายหายไป ไม่อาจทำอันตรายร่างทองได้เลยสักนิด
ทว่าเสาทั้งห้าที่อยู่ไกลออกไปกลับเปล่งเสียงฟ้าคำรามออกมาไม่หยุด ทันใดนั้นประจุไฟฟ้าอีกห้าสายก็ปรากฏออกมา หมายจะพุ่งออกไปอีกครั้ง
แต่การล่าช้านี้ หานลี่ที่ถูกม่านลำแสงห้าสีกักเอาไว้กลับเพียงพอแล้ว
จากความแข็งแกร่งของกายเนื้อของเขาและอิทธิฤทธิ์สายเต๋าจะถูกกักไว้ในเขตอาคมได้อย่างไร
ทันใดนั้นก็เห็นเขาบริกรรมคาถาอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีดำไหลวนโคจรบนเกราะมาร ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น ฉับพลันนั้นทั่วเรือนร่างก็มีขนสีเหลืองทองแข็งๆ งอกออกมา
ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ เขี้ยวสองข้างงอกออกมาจากริมฝีปาก
คาดไม่ถึงว่าเขาจะกลายเป็นวานรยักษ์สูงสิบจั้งเศษ
ขนสีทองตาสีฟ้า เขี้ยวเต็มปาก หน้าตาน่ากลัวมาก
ทว่าภายใต้เนตรวิญญาณวารีกระจ่างก็ยังคงเห็นเงาร่างเดิมของหานลี่อย่างชัดเจน ยังคงมีสีหน้าราบเรียบเหมือนดังตอนที่ไม่ได้แปลงร่าง
เกราะมารเหนือฟ้าบนร่างของวานรยักษ์ ขยายใหญ่ขึ้นตามขนาดตัวเช่นกัน และยิ่งไปกว่านั้นใบหน้ายังมีหนามๆ ยาวสองสามฉื่องอกออกมา เปล่งแสงเย็นเยียบ ทำให้ผู้คนเห็นแล้วรู้สึกหนาวสะท้าน
นั่นคือเคล็ดวิชาลวงตาของวานรยักษ์ภูเขาที่หานลี่เพิ่งฝึกฝนใหม่จากคาถาตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้ง
หานลี่รู้สึกเพียงว่าความร้อนระอุทะลักออกมาจากจุดตันเถียน ไหลวนไปตามจุดชีพจรต่างๆ อย่างรวดเร็ว
ระดับความแข็งแกร่งของกายเนื้อดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นสี่ห้าเท่า
ต้องเข้าใจว่ากายเนื้อของหานลี่เดิมก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ยามนี้เพิ่มขึ้นกว่าครึ่ง ระดับความน่ากลัวแค่ไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว
ครู่ต่อมาเขาที่กลายเป็นวานรยักษ์พลันสำแดงอิทธิฤทธิ์ที่น่าตกตะลึงออกมา
เห็นเพียงวานรยักษ์ร้องคำรามต่ำๆ ออกมา แขนที่มีขนปุกปุยทั้งสองโบกสะบัดไปมากลางอากาศ
ชั่วขณะนั้นม่านลำแสงห้าที่กักเขาเอาไว้พลันสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง เปล่งเสียงร้องคำรามแล้วสลายตัวออก
แต่หมอกลำแสงห้าสีรอบด้านที่อยู่ไกลออกไปพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วหมุนวนกดลงมาอีกครั้ง ไม่ให้โอกาสหานลี่ได้หายใจเลยสักนิด
วานรยักษ์บินมาอยู่เหนือวิหคเพลิงสีเงินอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด มือหนึ่งชี้ออกไป อีกมือหนึ่งกลับตะปบไปทางยอดเขาสีดำกลางอากาศ
หลังจากเสียงเพรียกไพเราะของวิหคเพลิงดังขึ้น ก็หมุนวนรอบหนึ่ง กลายเป็นดวงแสงเพลิงขนาดยักษ์ร่อนลงมาจากกลางอากาศอีกครั้ง ดูจากจุดที่ร่อนลงมาคาดไม่ถึงว่าจะเป็นวานรยักษ์สีทอง
ยอดเขาสีดำพลันพลิ้วไหว เสียง “สวบ” ดังขึ้น สลายหายไปจากกลางอากาศ
หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น เปลวเพลิงสีเงินพลันระเบิดออกใกล้กับวานรยักษ์ ระลอกคลื่นสีเงินพวยพุ่งออกมา
เมื่อครู่ที่คิดจะเข้าใกล้หมอกลำแสงห้าสี พลันถูกเปลวเพลิงดันออกไปในพริบตา ยามนั้นไม่อาจเข้าใกล้วานรยักษ์ได้แม้แต่น้อย
วานรยักษ์สีทองในทะเลเพลิงกลับพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง กลางอากาศมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ยอดเขาสีดำสูงสิบจั้งเศษเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นกลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะถูกฝ่ามือที่มีขนปุกปุยข้างหนึ่งถือเอาไว้อย่างง่ายดาย
ราวกับภูเขาลูกนี้เบาหวิวอย่างไรอย่างนั้น!
ทันใดนั้นหานลี่พลันกระทำเรื่องที่คนนอกเห็นเข้าแล้วตกต้องใจจนขวัญผวา
เห็นเพียงเขาที่กลายเป็นวานรยักษ์ แววตาฉายแววโหดเหี้ยม ฉับพลันนั้นแขนที่รองยอดเขาอยู่ก็บิดเบี้ยว ออกแรงกายครึ่งหนึ่งโยนภูเขาเทวะดูดปราณออกไปราวกับเป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง
นี่ไม่ต้องใช้เคล็ดวิชาอันใดกระตุ้นสมบัติอาคม แต่ใช้พลังกายเนื้อของหานลี่โยนออกไปเท่านั้น
แม้ว่าภูเขาเทวะดูดปราณจะไม่ได้ใหญ่จนถึงขีดสุดของมัน ไม่ได้ปล่อยน้ำหนักทั้งหมดออกมา แต่ก็มีน้ำหนักกว่าแสนชั่ง ถูกหานลี่ใช้แรงโยนออกไปแล้วก็เกิดเสียงระเบิดแหลมๆ ดังขึ้นกลางอากาศ
ชั่วพริบตานั้นยอดเขาสีดำก็กลายเป็นเงาสีดำพุ่งออกไป ทุกแห่งที่กวาดผ่านไป พลันเกิดเสียงพายุหมุนสีขาวแหวกผ่านอากาศดังขึ้น รอยบากสีขาวหนาๆ สายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบผ่านยอดเขา แล้วปรากฏขึ้นกลางอากาศ
มองรอยบากนั้นจากไกลๆ มันบิดเบี้ยวไปมาไม่หยุด ระลอกคลื่นที่รุนแรงแผ่ออกมาจากด้านใน ราวกับว่ารอยแยกห้วงเวลาสายหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
เห็นได้ชัดว่าหานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์ก็เพราะต้องการออกแรงมหาศาลนี้! แต่เป้าหมายที่เขาโยนออกไป กลับเป็นหนึ่งในเสาสีทองอมม่วงห้าเสานั้น
แม้ว่าเสาต้นนั้นจะมีสายฟ้าแผ่ออกมาในพริบตา และปล่อยประจุไฟฟ้าสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาโจมตีหมอกขนาดยักษ์ แต่ยอดเขาสีดำกลับทำเป็นมองไม่เห็น ความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ครู่ต่อมายอดเขาสีดำพลันทลายสายฟ้าสีม่วงบนเสาไป ทุบลงไปที่ตัวเสาอย่างแรง
ลำแสงสีม่วงและดำตัดสลับกันไปมา ชั่วขณะนั้นเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นพลันดังขึ้น!
ลำแสงเจิดจ้าจนแสบตาสีดำ เทา ม่วงสามสีระเบิดออกจากเสา ราวกับมีดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้น ทำให้ผู้คนไม่อาจประสานสายตาตรงๆ ได้
แต่หานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์พลันดวงตาฉายแสงสีฟ้าสว่างวาบ มองเห็นสถานการณ์ด้านในลำแสงอย่างชัดเจน แขนขยับโดยไม่พูดจา มือข้างหนึ่งตะปบไปยังลำแสงนั้นอีกครั้ง แล้วพลิกฝ่ามืออย่างรวดเร็ว
เสียง “ครืดๆ” ดังขึ้น
ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ของชิ้นยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น พลางร่อนลงมาบนฝ่ามือของวานรยักษ์อีกครั้ง
นั่นคือยอดเขาสีดำที่ถูกโยนออกไปก่อนหน้า
ผิวของภูเขาลูกนี้เป็นสีดำสนิท แต่ไม่มีร่องรอยได้รับความเสียหายเลยสักนิด แค่นี้ก็เห็นได้ถึงระดับความแข็งแกร่งของภูเขาเทวะดูดปราณแล้ว
การเคลื่อนไหวของวานรยักษ์แทบจะไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย มันร้องตะโกนออกมา ออกแรงมหาศาลสะบัดออกไป แล้วโยนยอดเขาขึ้นอีกครั้ง
เป้าในครั้งนี้คือเสาสีม่วงอีกต้นหนึ่ง
ดังนั้นเสียงระเบิดพลันดังขึ้น อีกเสียงหนึ่งคือยอดเขากระแทกเข้ากับมัน
ลำแสงเจิดจ้าจนแสบตา ปริแตกเช่นกัน
ยามนี้ลำแสงบนเสาต้นแรกพลันสลายหายไป เผยด้านในออกมาอย่างชัดเจน
เห็นเพียงเสาสีม่วงอมทองสูบสิบจั้งเศษ ท่อนบนกายไปเกือบครึ่ง พื้นดินรอบด้านมีเศษหินแต่ก็ไม่ใช่หินแตกกระจายอยู่ เป็นเศษสีม่วงที่ดูเหมือนทองแต่ก็ไม่ใช่ทอง
แม้ว่าเสาต้นนี้จะใช้ขั้นตอนที่มหัศจรรย์นิรนามสร้างขึ้น แต่ระดับความแข็งแกร่งก็ไม่อาจเทียบกับสมบัติวิเศษอย่างภูเขาเทวะดูดปราณได้
ถึงอย่างไรเสียสมบัตินี้ก็เป็นสมบัติของฟ้าดี ตัวมันก็แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบอยู่แล้ว ประกอบกับผสมศิลาสีเทาขาวนิรนามไปด้วย รวมทั้งใช้เคล็ดวิชาลับในการหลอมของแดนเซียนหลอมไปถึงสองครั้ง
ต่อให้หานลี่อยากทำลาย เกรงว่าก็ต้องสำแดงมากกว่านี้ขั้นหนึ่ง ทำได้เพียงใช้เพลิงวิญญาณหลอมมันทีละนิดๆ ถึงจะเป็นไปได้
และยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีเมื่อครู่ ภูเขาลูกนี้ยังนำพลังมหาศาลจากหานลี่ที่กลายเป็นเป็นวานรยักษ์มาด้วย
หากเสาต้นนี้ยังไม่อาจถูกทำลายได้ในสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าหานลี่คงหันหลังกลับในทันที ไม่สนใจเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกแน่
เช่นนั้น! หานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์ขนสีทอง พลันใช้ภูเขาเทวะดูดปราณเป็นอาวุธโยนออกไปห้าครั้ง ทุบเสาทั้งห้าจนพังทลายในพริบตา
ม่านลำแสงห้าสีที่เดิมปกคลุมอยู่ทั่วสวนสมุนไพรไร้ซึ่งพลังสนับสนุนของเสาก็ถูกวิหคเพลิงสีเงินกลืนกิน แล้วสลายหายไป
เขตอาคมนี้นับว่าถูกอาศัยใช้พลังมหาศาลทำลายลงแล้ว
วานรยักษ์ขนสีทองมองเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น มือพลันร่ายอาคมทันที ผิวเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ร่างกายหดเล็กลงอีกครั้ง เส้นขนางลง
ชั่วพริบตาหานลี่ก็กลับมาเป็นดังเดิมท่ามกลางลำแสงวิญญาณ กำจัดพลังของคาถาตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้งไป
เขากวาดสายตาไปยังซากของเสาเหล่านั้นอีกครั้ง สายตาเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
เขาเพิ่งจะผสมกับโลหิตเที่ยงแท้วานรยักษ์ภูเขาได้ไม่นาน หลังจากแปลงกายเป็นวานรยักษ์แล้วคาดไม่ถึงว่าจะมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ช่างอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ
ดูแล้วการแปลงกายนี้คงเหมาะสมกับเขามากกว่าเคล็ดวิชาการแปลงกายชนิดอื่นๆ
ถึงอย่างไรเสียหลังจากแปลงกายเป็นจิตวิญญาณเที่ยงแท้อื่น ก็ทำให้เขามีอิทธิฤทธิ์เพิ่มขึ้นสองสามชนิด หรือสัมผัสได้ถึงพลังฟ้าดินมากขึ้นเท่านั้น ไม่ได้เหมือนกับการแปลงกายเป็นวานรยักษ์ภูเขา ที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของกายเนื้อได้
มิเช่นนั้นหากรู้ประโยชน์ของการแปลงกายตั้งแต่แรก เขาคงไม่เสียเวลาอันใด ใช้วิธีการนี้ทำลายเขตอาคมนี้ไปแล้ว คงไม่ต้องเสี่ยงอันตรายเหมือนก่อนหน้าอีก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น