ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1694-1705

 ตอนที่ 1694 พวกคุณเป็นเพื่อนสนิทหรือ


 


หญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าปีที่รูปร่างอวบอ้วนผิวขาวตัวไม่สูงนัก องค์ประกอบของใบหน้าก็ไม่สวยมาก คิ้วหนาตาเล็กซึ่งดูท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรนัก


 


แต่หญิงผู้นี้กลับมีท่าทีนอบน้อมต่อเหมยเหมยอย่างมาก ไม่วางท่าถือตัวเลยสักนิด


 


พวกเธอสามคนทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารหลังมหาวิทยาลัย เจ้าของร้านเพิ่งจะยกเมนูแกงเผ็ดเนื้อเสฉวนมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ควันลอยโขมงเหนือถ้วยที่แค่เห็นก็รู้สึกเจริญอาหารขึ้นมาทันทีแต่กลับไม่รู้สึกอยากอาหารเท่าไร ได้แต่มองคุณนายที่มาเยือนตรงหน้าอย่างฉงนใจ


 


สวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์หรูทั้งนั้น นี่เห็นชัดว่าไม่ใช่คนที่จะมาทานข้าวในร้านอาหารเล็ก ๆแบบนี้เลย แล้วผู้หญิงคนนี้คือใคร?


 


เหมยเหมยเองก็ไม่รู้จักเธอแต่ไม่ต้องรอให้พวกเธอเดาหญิงวัยกลางคนนี้ก็ได้พูดแนะนำตัวเองอย่างรู้มารยาท “ฉันคือภรรยาของเจียงจื้อหรู่”


 


ทั้งสามต่างเบิกตากว้างและหันมองหน้ากันไปมา ไม่เข้าใจว่าคุณนายเจียงมาหาพวกเธอทำไม?


 


พวกเธอไม่ใช่เมียน้อยสักหน่อย!


 


เหมยเหมยเป็นคนที่ได้สติก่อนเลยเอ่ยถาม “ฉันคือจ้าวเหมย คุณนายเจียงมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ?”


 


คุณนายเจียงกวาดตามองสภาพแวดล้อมร้านอาหารเล็ก ๆที่เสียงดังเซ็งแซ่แวบหนึ่งแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “ต้องขอรบกวนคุณจ้าวด้วยล่ะ เพื่อเป็นการไถ่โทษมื้อเที่ยงฉันเชิญคุณจ้าวกับเพื่อน ๆของคุณไปทานข้าวที่ภัตตาคารจินตูดีไหมคะ?”


 


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูกตาแทบถลนออกมา โอ้โหแม่เจ้า ไปทานข้าวที่ภัตตาคารจินตูมื้อหนึ่งราคาไม่ใช่น้อย ๆเลยนะ หากไม่มีเงินจ่ายได้หลักหมื่นก็อย่าไปทำตัวขายหน้าที่นู่นเลย!


 


เธอโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยไปทานข้าวที่ภัตตาคารจินตูเลยนะ!


 


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจ้องเหมยเหมยอย่างอ้อนวอนหวังว่าเธอจะตอบรับไว้ คุณนายเจียงผู้นี้แค่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ขาดแคลนเงิน ให้เธอเลี้ยงสักมื้อก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา!


 


เหมยเหมยอมยิ้มกล่าว “จินตูช่างมันเถอะค่ะ ถ้าคุณนายเจียงไม่รังเกียจเราไปหาร้านอาหารเงียบ ๆแถวนี้กันเถอะ”


 


“ฉันจะรังเกียจได้อย่างไรเล่าแต่แค่รู้สึกว่าทำให้คุณจ้าวลำบาก” คุณนายเจียงเองก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาลุกขึ้นยืนเดินตามหลังเหมยเหมยปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายตัดสินใจ


 


เหมยเหมยพอจะเดาได้ว่าคุณนายเจียงมาเพื่อถามเรื่องสวีจื่อเซวียน เธอไม่อยากให้ฉีฉีเก๋อกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมาพัวพันกับเรื่องสกปรกโสโครกพวกนี้เท่าไรนัก เพิ่งคิดได้ว่าจะบอกให้พวกเขาสองคนทานข้าวอยู่ตรงนี้แต่สองคนนี้ดันลุกยืนตั้งนานแล้ว แถมประกบหลังเธอไม่ห่าง ทั้งยังส่งเสียงหัวเราะให้เธอเสียงคิกคัก


 


คุณนายเจียงยิ้มกล่าว “คุณจ้าวสบายใจได้ ฉันแค่อยากถามเรื่องบางอย่างให้ชัดเจน เพื่อนของคุณจะไปด้วยก็ไม่เป็นไร ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”


 


เหมยเหมยเห็นว่าเธอไม่ได้มาด้วยเจตนาร้ายจริง ๆจึงปล่อยให้พวกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตามมาด้วย ฉีฉีเก๋อเสียดายแกงเผ็ดเนื้อเสฉวนชามนั่นไปหน่อยเลยยกขึ้นหมายจะพกติดตัวไปด้วย


 


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตาใส่อย่างนึกรังเกียจแล้วแย่งแกงเผ็ดเนื้อเสฉวนมาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ “ยังไม่ได้กิน ให้พวกเธอกินแล้วกัน”


 


เธอกระชากฉีฉีเก๋อที่ยังทำท่าอาลัยอาวรณ์จากไปโดยพูดกระซิบกระซาบเสียงเบาไปด้วย “อาจารย์แม่เจียงดูก็รู้ว่าไม่ขาดแคลนเงิน เดี๋ยวเธออยากกินเนื้อมากแค่ไหนก็มีมากเท่านั้น จะสั่งขาแกะย่างมาทั้งขาเลยก็ได้!”


 


คุณนายเจียงยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ สายตาเปื้อนยิ้ม เหมยเหมยมุมปากกระตุกอยากบอกเหลือเกินว่าเธอไม่รู้จักสองคนนี้!


 


น่าขายหน้าที่สุด!


 


พวกเธอเดินมาไม่ไกลเท่าไรก็หาร้านอาหารที่ตกแต่งค่อนข้างหรูละแวกนั้นได้ก่อนจะให้พนักงานจัดหาห้องส่วนตัวเงียบๆ ให้


 


“พวกคุณสั่งอาหารก่อนเลย ตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจฉัน” คุณนายเจียงเองก็ไม่รีบเข้าเรื่อง


 


เหมยเหมยโยนเมนูอาหารให้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแล้วยิ้มถาม “ไม่ทราบว่าคุณจะถามอะไรฉันเหรอคะ?”


 


คุณนายเจียงหุบยิ้มสีหน้าดูเย็นชาลงแล้วถอนหายใจเบา ๆเฮือกหนึ่ง แล้วถาม “สวีจื่อเซวียนคือเพื่อนของคุณจ้าวสินะ?”


 


“ใช่ เพื่อนห้องเดียวกัน”


 


คุณนายจางเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง น้ำเสียงของเหมยเหมยเรียบมากไม่เหมือนท่าทางของคนที่ได้ยินชื่อของเพื่อนสนิท หรือว่า…เธอยิ้มร่าในใจแล้วถามอย่างระมัดระวัง “สวีจื่อเซวียนกับคุณจ้าวเป็นเพื่อนสนิทกันหรือเปล่าคะ?”


 


…………………….


 


ตอนที่ 1695 โดนใช้เป็นยันต์ป้องกันตัว


 


เหมยเหมยทำหน้าตกตะลึงอย่างมาก เธอไปเป็นเพื่อนสนิทกับสวีจื่อเซวียนตั้งแต่เมื่อไร?


 


“ไม่ใช่อยู่แล้ว ฉันกับเธอเป็นแค่เพื่อนธรรมดากันค่ะ คุณนายเจียงทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ?” เหมยเหมยปฏิเสธทันควัน


 


คุณนายเจียงพรูลมหายใจยาวแต่สายตากลับฉายแววดุดัน กล้าโกหกเธอ หึ รอดูเถอะ!


 


เธอไม่ได้ตอบคำถามเหมยเหมยไปตรง ๆแต่เลือกจะถามต่อ “คุณจ้าวน่าจะเคยได้ข่าวความสัมพันธ์ของสวีจื่อเซวียนกับเจียงจื้อหรู่มาบ้างแล้วสินะ?”


 


“ฉันไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องคนอื่นเท่าไรโดยเฉพาะเรื่องภายในครอบครัว” เหมยเหมยย่นคิ้วน้อย ๆไม่ค่อยชอบน้ำเสียงลองเชิงของคุณนายเจียงแบบนี้สักเท่าไร


 


คุณนายเจียงสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของเธอเลยรีบหยุดลองเชิงก่อนจะอธิบายแทน “เจียงจื้อหรู่เป็นคนบอกฉันเอง เขาบอกว่าคุณจ้าวกับสวีจื่อเซวียนเป็นเพื่อนสนิทที่สนิทสนมกันมาก แล้วยังไปช่วยสวีจื่อเซวียนจากคนมีอิทธิพลคนหนึ่งด้วยตัวเอง ฉะนั้นฉันถึงได้ถือวิสาสะมารบกวนคุณจ้าว ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ”


 


หากสวีจื่อเซวียนเป็นเพื่อนสนิทกับจ้าวเหมยจริง ๆละก็ ต่อให้เธอจะโกรธแค้นเพียงใดก็ไม่อาจทำอะไรกับคนแพศยานั่นได้!


 


เธอไม่กล้าหาเรื่องผู้หญิงของคุณชายหมิงหรอกนะ!


 


นอกเสียจากว่าเธอไม่อยากอยู่ในเมืองหลวงต่อไปแล้ว!


 


เหมยเหมยรู้สึกขยะแขยงวูบหนึ่ง ไม่คิดว่าเจียงจื้อหรู่จะใช้เธอเป็นยันต์ป้องกันตัวเขาในการคบชู้ หากไม่ใช่คุณนายเจียงวิ่งแจ้นมาถามเกรงว่าเธอคงไม่รู้ไปตลอดชีวิต


 


ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธ แน่นอนว่าตัวเธอนั้นไม่มีอิทธิพลอะไรอยู่แล้วแต่เบื้องหลังเธอกลับมีเหยียนหมิงซุ่น ในเมืองหลวงขอแค่คนที่มีสมองลองคิดสักนิดต่างก็ไม่มีใครกล้าล่วงเกินเธอ เจียงจื้อหรู่กลับวางแผนเสียดิบดีแต่เขากลับประเมินผู้หญิงต่ำเกินไป คิดว่าคุณนายเจียงไม่มาหาคำตอบพิสูจน์ด้วยตัวเองหรอก


 


เหอะ คิดว่าตัวเองฉลาดนักหรือไง!


 


“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์เจียงถึงพูดอย่างนั้น เหตุผลที่ไปช่วยสวีจื่อเซวียนเพราะอาจารย์เจียงโทรมาขอร้องฉันกลางดึก เพราะตอนที่แม่ของฉันจัดนิทรรศการศิลปะอาจารย์เจียงก็ช่วยไว้เยอะฉันจึงติดหนี้บุญคุณเขา ส่วนตัวฉันกับสวีจื่อเซวียนเป็นแค่เพื่อนธรรมดากันทั่วไปค่ะ” เหมยเหมยอธิบายเหตุผลที่ไปช่วยให้ฟัง


 


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็พูดต่อ “ใช่ ปกติเหมยเหมยไม่คุยกับสวีจื่อเซวียนด้วยซ้ำ ไม่ถือว่าเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ อีกอย่างใครจะอยากเป็นเพื่อนกับคนอย่างหล่อนกัน!”


 


คุณนายเจียงค่อยโล่งใจและเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณคุณจ้าวที่อธิบายให้ฉันฟัง วันนี้รบกวนแล้วจริง ๆ หลังจากนี้ไว้มีโอกาสจะเชิญพวกคุณไปทานข้าวที่ภัตตาคารจินตูนะคะ”


 


เหมยเหมยอมยิ้มอ่อน ๆ ไม่ได้ตอบรับอะไร


 


เรื่องวุ่นวายของตระกูลเจียงเธอไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วยหรอก


 


แม้คุณนายเจียงจะรู้สึกเสียดายบ้าง ถ้าถือโอกาสตีสนิทกับคนรักของคุณชายหมิงได้คงมีคุณค่ามากกว่าลงโทษเมียชู้มากนัก แต่เรื่องนี้ฝืนใจไม่ได้ ไปจัดการสองคนนั้นก่อนแล้วกัน!


 


“ฉันเป็นคนดุร้ายอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง ไม่มีวันปรานียายสุนัขจิ้งจอกที่มาทำลายครอบครัวฉันแน่ หวังว่าคุณจ้าวจะเข้าใจ” คุณนายเจียงยังไม่ค่อยสบายใจอยู่บ้างเลยถามหยั่งเชิงไปอีกประโยคหนึ่ง


 


เหมยเหมยหุบยิ้มพูดเสียงเย็นชา “คุณนายเจียงคิดมากไปแล้ว ฉันเคยพูดแล้วว่าไม่สนใจจะยุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่น สวีจื่อเซวียนเองก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน คุณจะทำอะไรก็ไม่จำเป็นต้องบอกฉัน”


 


คุณนายเจียงถึงค่อยโล่งใจไปทีแล้วยิ้มจากไป แถมยังให้พวกเหมยเหมยสั่งอาหารเต็มที่โดยเธอจะเป็นคนจ่ายทั้งหมด


 


รถคราวน์คันสีดำค่อย ๆขับออกไปโดยพนักงานได้ยกเมนูแกงเผ็ดเนื้อเสฉวนมาให้หม้อใหญ่ หน้าตาน่าทานกว่าร้านเล็กนั่นมากโข ตามด้วยเมนูราคาแพงอย่างกุ้งมังกร หอยเป๋าฮื้อ ย่างขาแกะที่ล้วนเป็นเมนูราคาแพงที่สุดในร้าน


 


“อาจารย์แม่เราใจกว้างดีนี่นา!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแทะกุ้งมังกรด้วยสีหน้ามีความสุข


 


ฉีฉีเก๋อกลับเป็นห่วงเล็กน้อย “อาจารย์แม่รู้เรื่องสวีจื่อเซวียนกับอาจารย์เจียงแล้วจะจัดการกับสวีจื่อเซวียนเหรอ?”


ตอนที่ 1696 ชายโฉดหญิงชั่วไม่คู่ควรพูดคำว่ารัก


 


“เธอไปยุ่งอะไรด้วย ในเมื่อสวีจื่อเซวียนกล้าเป็นมือที่สามก็ต้องเตรียมใจไว้เผื่อความแตกแล้ว อีกอย่างไม่มีใครเอามีดไปขู่ให้เธอเป็นมือที่สามสักหน่อยจะโทษใครได้?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ยถึงมือที่สามก็กัดฟันกรอดทำท่าเคียดแค้นอย่างมาก


 


แม้ปัญหาหลักอยู่ที่ผู้ชายแต่ผู้หญิงพวกนั้นจะปัดความรับผิดชอบได้หรือ?


 


ผู้ชายโสดมากมายไม่ไปหาดันไปผูกคอตายอยู่ที่คุณลุงวัยกลางคน เหอะ อย่าบอกเธอว่าทำไปเพราะความรัก ชายโฉดหญิงชั่วคู่ควรพูดคำว่าความรักหรือ?


 


อย่าทำให้คำที่มีความหมายงดงามอย่างความรักต้องแปดเปื้อนสิ!


 


ผู้ชายนอกใจส่วนมากก็เพื่อเติมเต็มความต้องการทางเพศ ส่วนผู้หญิงเป็นมือที่สามก็ไม่พ้นเรื่องเงิน สวีจื่อเซวียนเองก็เช่นกัน!


 


ไม่เห็นหรือว่าหลังจากเธอคบกับเจียงจื้อหรู่ เสื้อผ้าเครื่องประดับเป็นของมียี่ห้อหมดเลย เงินมาจากไหนกันล่ะ?


 


เหมยเหมยเองก็พูดเตือน “ฉีฉีเก๋อเธออย่าไปยุ่งล่ะ สวีจื่อเซวียนทำตัวเอง เธอเก็บกระเป๋าแล้วรีบไปเที่ยวกว่างซีเถอะ!”


 


ผู้หญิงคนนี้ทั้งโง่ทั้งใจดี ถึงตอนนั้นอย่าตกเป็นเครื่องมือให้สวีจื่อเซวียนหลอกใช้ ทางที่ดีรีบไปจากเมืองหลวงดีกว่า!


 


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบเอ่ยขึ้น “ฉันไปด้วย พวกเธอขึ้นรถไฟวันไหน? อย่าลืมบอกฉันนะ”


 


เพื่อจะได้สวมเสื้อผ้าสวย ๆ มีหุ่นดี ๆสักครั้ง เธอจะยอมสู้สักตั้ง!


 


ก็แค่ปีนเขาไม่ใช่หรือไง เธอจะไล่ปีนเขาละแวกบ้านอิงจวี้กังให้หมดทุกลูก ไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่ผอมลงน่ะ!


 


“ยังต้องรออีกหน่อย สาขาของพวกอิงจวี้กังยังสอบไม่เสร็จ อีกอย่างเขาบอกว่าจะต้องซื้อของกลับไปให้ที่บ้านด้วย ใกล้ไปฉันจะบอกเธอนะ” ฉีฉีเก๋อกล่าว


 


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนผู้เป็นคนรีบร้อนเจอคนชักช้าอย่างอิงจวี้กังก็เดือดขึ้นมาทันทีเลยพูดโมโหไปว่า “มีเพื่อนอยู่กว่างซีตั้งมาก พวกเธอไปบ้านใครก็ได้แต่ดันไปบ้านเขา ช้ายิ่งกว่าหอยทากเสียอีก!”


 


“วิวบ้านอิงจวี้กังสวยที่สุดนี่นา อีกอย่างอิงจวี้กังก็ต้อนรับเป็นอย่างดี!” ฉีฉีเก๋อไม่เข้าใจว่าทำไมเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถึงไม่พอใจอีกแล้ว แค่รอไม่กี่วันเท่านั้นมีอะไรให้โมโหกัน


 


เหมยเหมยเห็นว่ามีเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคอยจับตามองฉีฉีเก๋อก็ค่อยโล่งใจหน่อย เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนตลบแตลงลื่นยิ่งกว่าปลาไหล น่าจะไม่เป็นไร


 


ช่วงนี้เหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่บ้านเพราะออกไปทำงานอีกแล้ว น่าจะเกี่ยวข้องกับพี่เฉินเพราะตลอดหลายเดือนมานี้สถานการณ์ในเมืองหลวงไม่สงบเท่าไร ผู้มีอิทธิพลน้อยมากที่เคยเป็นเต่าในกระดองมาก่อนต่างเริ่มโงหัวขึ้นมาอยากแบ่งเค้กก้อนโตอย่างเมืองหลวงกันถ้วนหน้า


 


แน่นอนว่าพี่เฉิงเองก็ไม่ใช่คนดีที่มักไปสร้างเรื่องที่อื่นมาดึงดูดความสนใจจากเหยียนหมิงซุ่น เพื่อให้เขาได้มีเวลาจัดระเบียบในเมืองหลวง อีกฝ่ายมัวแต่วิ่งวุ่นทั้งสองทางเลยไม่มีเวลามาสนใจเฉินหมิง


 


พวกฉีฉีเก๋อได้กำหนดวันเวลาออกเดินทางเรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นรอบการเดินทางรถไฟในอีกสามวันข้างหน้า เพราะต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับค้างแรมด้านนอกบางส่วนเลยทำให้มีขั้นตอนการซื้อนั้นนี้ละเอียดยิบย่อย


 


“สวีจื่อเซวียน ปิดเทอมฤดูร้อนเธอไม่กลับบ้านเหรอ?” สีอันน่าแสร้งถามด้วยสายตาทอแววดูถูก


 


วัน ๆทำท่าสูงส่งให้ใครดูกัน?


 


สันดานเดียวกับถังม่านลี่ เพียงแค่ถังม่านลี่บริการคนทั่วไปแต่สวีจื่อเซวียนบริการคนคนเดียวเท่านั้นแหละ!


 


ตรงข้อมือของสวีจื่อเซวียนสวมกำไล Swarovski รุ่นเดียวกันกับของเหมยเหมยที่ใส่ตอนเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่กล่าวสุนทรพจน์ไม่มีผิด เธอชอบกำไลยี่รุ่นนี้เป็นพิเศษถึงได้สวมอยู่ทุกวัน


 


“เดือนสิงหาคมค่อยกลับ อาจารย์เจียงติดต่อพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่หนึ่งไว้ให้ฉัน ฉันจะลองประสบการณ์ก่อนหนึ่งเดือน” สวีจื่อเซวียนทำหน้าได้ใจปนโอ้อวด


 


แม้เจียงจื้อหรู่ไม่ใช่ศิลปินผู้โด่งดังแต่เขามีคนรู้จักในวงการนี้กว้างขวางนัก อีกอย่างภายใต้ชื่อของเขาก็มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งหนึ่ง ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้สวีจื่อเซวียนได้เปิดโลกเห็นชีวิตหรูหราของคนสังคมชั้นสูงจึงได้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจไปนานแล้ว เธอไม่เคยเสียใจที่เลือกคบกับผู้ชายที่แต่งงานและมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเธออย่างเจียงจื้อหรู่เลย


 


เจียงจื้อหรู่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้เธอได้ นักศึกษาชายในมหาวิทยาลัยทำได้หรือ?


 


กินข้าวไม่อิ่มท้องด้วยซ้ำ!


 


สีอันน่าส่งสายตาดูถูกกว่าเดิมอย่างไม่ปิดบัง แต่ปากกลับเอ่ยแต่คำว่าอิจฉาซึ่งนั่นยิ่งเป็นที่ถูกใจของสวีจื่อเซวียนเลยทำท่าได้ใจไม่เลิก


 


“อุ๊บ!”


 


จู่ ๆสวีจื่อเซวียนก็เอามือปิดปาก ความรู้สึกพะอืดพะอมตีขึ้นมาไม่หยุดหย่อน


 


…………………..


 


ตอนที่ 1697 ท้องแล้ว


 


ฉีฉีเก๋อกับพวกเหมยเหมยเพิ่งตักข้าวกลับมาทานที่หอพัก สวีจื่อเซวียนก็เริ่มอาเจียนซึ่งดูแล้วไม่เหมือนเสแสร้ง


 


“เธอทำบ้าอะไรเนี่ย? จะให้เรากินข้าวหรือเปล่า?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับคิดว่าเธอจงใจเลยต่อว่าอย่างไม่พอใจ


 


สิ่งที่สร้างความหงุดหงิดแก่เธอมากที่สุดคือการที่มีคนถ่มน้ำลาย แคะจมูกและอ้วกอยู่ข้าง ๆ มันส่งผลต่อความเจริญอาหารของเธอ


 


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทิ้งเนื้อผัดซอสแดงชิ้นโตใส่คืนในกล่องอาหารเหมือนเดิม ถึงขนาดไม่ให้เธอทานข้าวดี ๆ นี่จงใจเป็นปรปักษ์กับเธอหรือ!


 


สวีจื่อเซวียนกลับอาเจียนรุนแรงกว่าเดิมแต่ก็ไม่เห็นเธออาเจียนอะไรออกมาสักที แค่เอามือปิดปากทำท่าสำรอกทำเอาหน้าซีดเซียวน้ำตาเจิ่งนอง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ดูออกว่าเธอไม่ได้เสแสร้งจึงหยุดด่าแล้วปิดฝากล่องข้าว


 


“เธอไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ทำไมจู่ ๆถึงอาเจียนล่ะ?” ฉีฉีเก๋อถามด้วยความเป็นห่วง


 


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเบะปากพึมพำเสียงเบา “ร่างกายคุณหนูแต่ชีวิตเมียน้อย”


 


เสียงของเธอเบามากมีเพียงเหมยเหมยที่ได้ยินชัดเจนเลยถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่งอย่างขุ่นเคือง ส่งสัญญาณไม่ให้เธอพูดจาเหลวไหล เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้แต่ลูบจมูกปอย ๆ เห็นว่าสวีจื่อเซวียนไม่อาเจียนอีกแล้วเลยเปิดฝากล่องข้าวเตรียมทานปลาต่อ


 


แต่ว่า–


 


“อุ๊บ!”


 


สวีจื่อเซวียนเริ่มอออกอาการอีกครั้งซึ่งคราวนี้รุนแรงกว่าเดิมทำเอาทุกคนไม่อยากอาหารอีกต่อไป เหมยเหมยใจหล่นวูบ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานข้าว สวีจื่อเซวียนคงไม่ได้อยากอาเจียนเพราะได้กลิ่นคาวของปลาหรอกนะ?


 


เธอลุกขึ้นปิดฝากล่องข้าวของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน และเป็นไปตามคาดสวีจื่อเซวียนหยุดอาเจียนแต่สีหน้าซีดเซียวทำเอาคนมองรู้สึกสงสาร


 


เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น เธอพอจะมั่นใจแล้วว่าสวีจื่อเซวียนท้อง ไม่อย่างนั้นปกติหญิงสาวผู้นี้ชอบทานปลามากที่สุดแล้วจะอยากอาเจียนเพราะได้กลิ่นปลาได้อย่างไร?


 


“ฉันน่าจะเป็นหวัดเพราะเมื่อคืนไม่นอนห่มผ้าดี ๆน่ะ กินยานิดหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว” สวีจื่อเซวียนไม่รู้ตัวเลยสักนิดยังหลงคิดว่าเป็นอาการของกระเพาะ เลยหยิบยาโรคกระเพาะจากลิ้นชักมาเตรียมทาน


 


หลายวันนี้เธอมักเกิดอาการพะอืดพะอมอยากอาเจียนอย่างไม่มีเหตุผลเลยไปซื้อยารักษาโรคกระเพาะที่ร้านยามาด้วยตัวเอง เมื่อรู้สึกไม่สบายก็ชงน้ำดื่มหนึ่งถุง


 


“สวีจื่อเซวียนยานี่เธอไปขอจากคุณหมอเหรอ?” เหมยเหมยถาม


 


“เปล่า ฉันซื้อจากร้านยาเอง ฉันเคยกินมาก่อนได้ผลดีไม่น้อย” สวีจื่อเซวียนชะงักไปทีพลางอธิบาย


 


“ยากินซี้ซั้วไม่ได้ ทางที่ดีเธอไปหาหมอจะดีกว่า ไม่แน่อาจจะไม่ใช่โรคกระเพาะแต่เป็นเพราะสาเหตุอื่นก็ได้นะ!” เหมยเหมยพูดโน้มน้าวทางอ้อม


 


หากสวีจื่อเซวียนท้องจริง ๆ การทานยาโดยพลการอาจเป็นเหตุให้ลูกเกิดมาพิการได้ ไม่ว่าเด็กคนนี้จะลืมตาดูโลกในวันหน้าจริงหรือเปล่า อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ควรถูกทำร้าย


 


ฉีฉีเก๋อเองก็พูดเกลี้ยกล่อมอีกทาง “แถวบ้านฉันมีคนกินยาซี้ซั้วจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เธอไปหาหมอหน่อยจะดีกว่านะ”


 


สวีจื่อเซวียนเองก็เริ่มลังเล ความจริงเธอเองก็สงสัยเช่นกันว่าอาการของโรคกระเพาะในครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อน ๆ หรือว่าเป็นเพราะโรคอื่น?


 


ใจเธอหล่นวูบและเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจ หลงคิดว่าตัวเองเป็นโรคร้ายแรงเลยหน้าซีดกว่าเดิม หิ้วกระเป๋าวิ่งแจ้นไปตรวจดูที่โรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยทันที


 


เดิมทีฉีฉีเก๋อยังคิดจะตามไปเป็นเพื่อนแต่เพิ่งก้าวขาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็เตะกลับมา “ทานข้าว กับข้าวเย็นหมดแล้ว!”


 


ถังม่านลี่มีสีหน้าแปลก ๆแต่กลับไม่พูดอะไรได้แต่เขียนคิ้วอยู่หน้ากระจก นี่เพิ่งผ่านไปครึ่งปีจากเด็กสาวที่ดูสดใสบริสุทธิ์อยู่บ้างกลับกลายเป็นผู้หญิงหยำฉ่าที่ดูเย้ายวนไปทุกอิริยาบถ


 


“ถังม่านลี่เธอก็ไม่กลับบ้านเหรอ?” สีอันน่าถามอีก


 


“ดูก่อนแล้วกัน บ๊ายบาย!”


 


สำเนียงของถังม่านลี่ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากเพราะติดสำเนียงฮ่องกงไต้หวันมาส่วนหนึ่ง เสียงงุ้งงิ้งราวกับกำลังออดอ้อน เธอสะพายกระเป๋าแล้วเหยียบรองเท้าส้นสูงเดินบิดตัวออกจากหอพักไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอม


 


สีอันน่าแค่นเสียงทีอย่างหยามเหยียด ลุกมาเก็บกระเป๋าสัมภาระโดยไม่พูดจาอะไรกับพวกเหมยเหมย


 


เหมยเหมยเขยิบหน้าไปถามใกล้ ๆหูเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “ประจำเดือนเธอหมดไปหรือยัง?”


ตอนที่ 1698 อย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่น


 


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังทานปลาผัดซอสแดงอยู่เกือบโดนก้างปลาติดคอ หันมองเหมยเหมยอย่างแปลกใจก่อนจะแสดงความไม่พอใจของเธอออกไปเล็กน้อย “ตอนทานข้าวช่วยอย่าถามคำถามอ่อนไหวแบบนี้ได้ไหม?”


 


หากเปลี่ยนเป็นฉีฉีเก๋อเธอคงเอาเท้ายันไปตั้งแต่แรกแล้ว


 


เนื้อปลาผัดซอสแดงมีแต่พริกแดงซึ่งมีสีคล้ายประจำเดือน มาถามเรื่องประจำเดือนในตอนที่เธอกำลังทานอย่างเอร็ดอร่อยแบบนี้ จงใจทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนสินะ?


 


แต่อีกฝ่ายเป็นจ้าวเหมยเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจึงทำได้แค่แสดงความไม่พอใจทางอ้อม แล้วจะทำอย่างไรได้อีก?


 


เหมยเหมยรู้นิสัยแปลก ๆของเธอดี ทั้งที่มีข้อห้ามในการกินตั้งมากมายแต่ดันมีไขมันทั่วทั้งร่างแบบนี้ก็ถือว่าเป็นคนเก่งใช้ได้!


 


เธอหัวเราะเก้ออย่างรู้สึกผิดก่อนจะเอ่ย “เดี๋ยวฉันเลี้ยงปลาย่างเธอเอง เธอตอบคำถามฉันก่อน”


 


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ยินว่ามีปลาย่างเลยรีบปิดฝากล่องข้าว เช็ดปากเสร็จก็ตอบ “เพิ่งหมดไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอถามเรื่องนี้ทำไม?”


 


เหมยเหมยถามอีก “สวีจื่อเซวียนคงมาใกล้ ๆเวลาเดียวกับเธอสินะ?”


 


เมื่อก่อนเธอเคยได้ยินเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดถึงว่าวันที่ประจำเดือนของสวีจื่อเซวียนมาไม่ห่างจากเธอสักเท่าไรนัก


 


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า “ใช่ ช้ากว่าฉันสามวัน เป็นแบบนี้ทุกทีเลย แม่นยำมาก…ไม่สิ…” สีหน้าเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วเบิกตากว้างมองเหมยเหมยอย่างตกใจ เห็นทีจะคิดไปถึงเรื่องเดียวกันกับเธอแล้ว


 


สวีจื่อเซวียนชอบสีขาวมากจึงทำให้นอกจากช่วงที่ประจำเดือนมาแล้วเวลาอื่นเธอจะสวมแต่กระโปรงขาวหรือกางเกงสีขาว ก็ยิ่งขับให้เธอดูสดใสบริสุทธิ์มากกว่าเดิม


 


แต่ประเด็นของเรื่องคือสองเดือนมานี้สวีจื่อเซวียนไม่ใส่เสื้อผ้าสีอื่นเลยใส่แต่โทนสีขาวมาโดยตลอด บ่งบอกว่าสวีจื่อเซวียนประจำเดือนไม่มาเป็นเวลาสองเดือนแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งประจำเดือนไม่มาหมายความว่าอย่างไร?


 


ไม่ใช่วัยทองก็คือตั้งท้องไงล่ะ!


 


สวีจื่อเซวียนย่อมไม่ใช่กรณีแรกอยู่แล้ว!


 


“แย่แล้ว…ทำไงล่ะทีนี้?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบต้นขาฉีฉีเก๋อไปทีหนึ่ง ด้วยความที่เนื้อแท้เป็นคนใจดีกระตือรือร้นอย่างเธอทำให้เธอเริ่มเป็นห่วงสวีจื่อเซวียนอีกครั้ง


 


ตั้งท้องในช่วงมหาวิทยาลัย หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปสวีจื่อเซวียนไม่มีทางอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยได้ต่อไปแน่ ๆ อีกอย่างต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านไปทั่วด้วย!


 


“ให้ไปตามสวีจื่อเซวียนกลับมาไหม?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามเสียงเบา


 


สวีจื่อเซวียนต้องไปโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยแน่ ๆ หากเกิดตรวจขึ้นมาล่ะแย่เลย ต้องรู้กันทั้งมหาวิทยาลัยซึ่งต่อให้คิดจะปิดอย่างไรก็ปิดไม่อยู่


 


กระทั่งตอนนี้ฉีฉีเก๋อก็ยังฟังไม่เข้าใจทำเอาเธอเกาหูเกาหน้าอย่างร้อนใจแล้วหยิกต้นขาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแรง ๆทีหนึ่งถึงดึงความสนใจจากคุณหนูใหญ่เหริ่นได้ พอได้คำตอบมาก็ตกใจไม่แพ้กัน


 


“เฮ้ย…แล้วแบบนี้…” ฉีฉีเก๋อเผลอตะเบ็งเสียงดัง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรีบเอามือปิดปากเธอแล้วเตะใส่แรง ๆไปทีหนึ่ง สีอันน่าเห็นท่าทางสนิทสนมของพวกเธอสามคนก็รู้สึกแย่จับใจ แค่นเสียงออกมาดัง ๆทีหนึ่งแล้วหันหนีคร้านจะมองอีก


 


พวกเธอเลยตัดสินใจออกมาจากหอพัก วิ่งมาถึงข้างนอกถึงจะกล้าปรึกษากันอย่างสบายใจ


 


ฉีฉีเก๋อเป็นห่วงอย่างมาก คิดจะไปตักเตือนสวีจื่อเซวียนที่โรงพยาบาล “ถ้าให้ทางมหาลัยรู้หล่อนต้องโดนไล่ออกแน่ ๆ เราควรเตือนหล่อน”


 


เหมยเหมยกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เตือนตอนนี้ก็สายไปแล้ว ไม่แน่สวีจื่อเซวียนอาจจะรู้แล้วก็ได้ ถ้าพวกเธอไม่สบายใจจริง ๆก็โทรบอกอาจารย์เจียงสิ แต่อย่าบอกว่าท้องให้บอกว่าสวีจื่อเซวียนไม่สบายไปหาหมอ ให้เขาไปหาสวีจื่อเซวียนที่โรงพยาบาลเอง”


 


ฉีฉีเก๋อรีบวิ่งไปโทรศัพท์ทันที ละแวกนี้มีตู้โทรศัพท์สาธารณะพอดี ไม่นานเธอก็โทรติดก่อนจะทำตามที่เหมยเหมยบอก เจียงจื้อหรู่รีบมุ่งไปที่โรงพยาบาลอย่างร้อนรนใจตามคาด


 


“พอแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา พวกเธออย่าคิดจะยุ่งกับใคร ไปกว่างซีเที่ยวให้สนุกดีกว่า!”


 


เหมยเหมยพูดย้ำเตือนอีกประโยคหนึ่งแล้วแยกตัวกลับบ้านคนเดียว


 


เจียงจื้อหรู่ตามไปถึงโรงพยาบาลด้วยความกระวนกระวายใจ สวีจื่อเซวียนได้ทำการตรวจฉี่และรู้ผลเป็นที่เรียบร้อยแล้วเลยนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น แพทย์หญิงมองเธออย่างหยามเหยียด เธอก็เป็นนักศึกษาหญิงที่ไม่รู้จักควบคุมตัวเองอีกคน หน้าไม่อายจริง ๆ!


 


…………………….


 


ตอนที่ 1699 แก้แค้น


 


เจียงจื้อหรู่พอจะมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยอยู่บ้าง ภายใต้การตกลงกันระหว่างเขากับแพทย์หญิงถึงได้ปิดเรื่องนี้ไว้ได้ จากนั้นพาสวีจื่อเซวียนที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเดินออกจากมหาวิทยาลัย เขาเองก็เกิดอารมณ์ซับซ้อนอย่างมากมีทั้งความปิติยินดีแต่มากกว่านั้นคือไม่ทันตั้งตัว


 


เขาแต่งงานกับภรรยามายี่สิบปีใช้เวลาอยู่ด้วยกันน้อยจึงไม่มีลูกสักที ไม่ใช่ภรรยามีลูกไม่ได้แต่เพราะเขาไม่อยากนอนบนเตียงเดียวกับผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ แน่นอนว่าเขาโกหกภรรยาว่าเขาเกลียดเด็กทำให้ภรรยาหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเลยไม่มีลูกด้วยกันจริง ๆ


 


ความจริงเขาชอบเด็ก เขาชอบทั้งพวกหลานชายหลานสาวมาก ตอนนี้เขามีลูกเป็นของตัวเองเขาย่อมดีใจอยู่แล้ว


 


แต่ยังไม่ได้จัดการกับฝั่งภรรยาต่อให้เด็กคนนี้เกิดมาลืมตาดูโลกก็ไม่อาจใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยได้ เขาไม่มีทางยอมให้ลูกตัวเองกลายเป็น ‘คนในที่มืด’ หรอก


 


“ฉัน…ฉันอยากเก็บเขาไว้ เขาเป็นผลผลิตความรักของเรา ฉันไม่อยากทำแท้ง…” สวีจื่อเซวียนรู้สึกดีใจมากกว่า ภรรยาของเจียงจื้อหรู่คือแม่ไก่ที่ฟักไข่ไม่ได้ ขอแค่เธอมีลูกตระกูลเจียงจะต้องยอมรับเธอแน่ ๆ


 


อีกอย่างเธอชอบเจียงจื้อหรู่จริง ๆ เธออยากมีลูกของเขา เธออยากเป็นคุณนายเจียง!


 


เจียงจื้อหรู่ปลอบเธออยู่นานถึงตัดสินใจได้


 


ครั้งนี้เขาจะต้องสารภาพกับภรรยาไปตรง ๆ เขาจะปล่อยให้ผู้หญิงของเขาลำบากไม่ได้!


 


เจียงจื้อหรู่กลับไม่รู้ว่าไม่ต้องรอให้เขาสารภาพคุณนายเจียงก็ได้รู้ข่าวที่สวีจื่อเซวียนท้องก่อนแล้ว หนำซ้ำยังรู้ถึงท่าทีของเจียงจื้อหรู่ด้วยจึงปวดใจราวกับโดนมีดปักกลางอกปล่อยให้เลือดไหลไปตามทาง


 


ที่แท้เขาไม่ได้ไม่ชอบเด็ก เพียงแค่ไม่อยากมีลูกกับเธอเท่านั้น!


 


เจียงจื้อหรู่ ทำไมคุณถึงจะได้ใจร้ายขนาดนี้?


 


คุณนายเจียงจิกเล็บเข้าฝ่ามือโดยไม่รู้สึกเจ็บสักนิด เจ็บแค่ไหนก็สู้หัวใจที่เจ็บปวดของเธอไม่ได้ ไม่นานเธอก็ใจเย็นลงและแสยะยิ้มอันเยือกเย็นบนใบหน้า


 


“ฉันต้องการคุยกับพี่หมิง” คุณนายเจียงกดโทรออกขณะที่มือสั่นเทาเล็กน้อยแต่เสียงกลับเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง


 


“พี่หมิง ยังจำผู้หญิงที่ขายซิการ์ที่สโมสรเศรษฐีเมื่อครึ่งปีก่อนได้ไหม? รสชาติไม่เลวสินะ? ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นดูเย้ายวนกว่าเดิมเชียวล่ะ…ขอแค่พี่หมิงช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ได้สำเร็จ โบนัสของสโมสรฉันจะเพิ่มให้อีกหนึ่งเท่า!”


 


คุณนายเจียงวางหูโทรศัพท์พร้อมกับสายตาร้ายกาจ


 


ช่วงปิดเทอมของมหาวิทยาลัยเหมยเหมยเก็บตัววาดต้นฉบับอยู่ที่บ้าน เดือนหน้าหลังจดทะเบียนสมรสจะต้องไปร่วมรายการที่ฮ่องกง ครั้งนี้จะผิดคำพูดอีกไม่ได้ไม่อย่างนั้นคงไม่มีข้ออ้างดี ๆให้กับหลินฮั่นเหวินแล้ว


 


ฉะนั้นเธอต้องรีบวาดเก็บไว้เสียตอนนี้ จะได้ไม่เป็นการกระทบต่อวันจำหน่ายของเล่มต่อไป


 


โทรศัพท์แผดเสียงดังสนั่น เสียงแหลมเสียดหู ตัดความคิดของเหมยเมหย


 


ป้าฟางจะรับสายแทนแต่เหมยเหมยโบกมือปัดก่อนจะรับสายเอง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตะโกนดังเข้ามา “แย่แล้ว ฉีฉีเก๋อกับสวีจื่อเซวียนโดนเจ้าอ้วนคราวก่อนจับตัวไปแล้ว”


 


เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น ฉีฉีเก๋อทำไมถึงไปอยู่กับสวีจื่อเซวียนได้ อีกอย่างปกติเฉินหมิงไม่สนใจของมือสองเท่าไรทำไมจู่ ๆถึงย้อนกลับมากินของเก่าล่ะ?


 


คุยกันในสายก็ไม่รู้เรื่องเธอเลยถามที่อยู่กับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพื่อเตรียมไปหาด้วยตัวเอง


 


ฉีฉีเก๋อเป็นเพื่อนของเธอ เธอไม่มีทางยอมเห็นฉีฉีเก๋อเป็นอะไรไปอยู่แล้ว


 


โทรศัพท์ดังขึ้นอีกรอบ ครั้งนี้เป็นสายจากเจียงจื้อหรู่ที่โทรมาเรื่องสวีจื่อเซวียนเช่นกัน “ฉันขอความช่วยเหลือจากคนอื่นไม่ได้แล้วจริง ๆ เลยต้องขอให้เธอช่วย ตอนนี้จื่อเซวียนสุขภาพไม่ดีเท่าไหร่ เธอจะได้รับความสะเทือน…”


 


เหมยเหมยพูดขัดเสียงของเขา เมื่อก่อนยังพอเคารพนับถือต่ออาจารย์ที่ปรึกษาคนนี้อยู่บ้างแต่ตอนนี้มีเพียงความรำคาญ


 


ฉีฉีเก๋อก็ถูกพาตัวไปเช่นกันแต่เจียงจื้อหรู่กลับไม่พูดถึงสักคำ เอาแต่ขอให้เธอช่วยสวีจื่อเซวียน หรือว่าฉีฉีเก๋อสามารถทนเรื่องสะเทือนใจได้หรืออย่างไร?


 


“อาจารย์เจียง ตอนนี้ฉีฉีเก๋อถูกพาตัวไปด้วยเพราะสวีจื่อเซวียน อาจารย์รู้ไหมคะ?”


ตอนที่ 1700 พลอยลำบากไปด้วย


เจียงจื้อหรู่สะอึกไปทันที เขารู้อยู่แล้วว่าฉีฉีเก๋อโดนลักพาตัวไปด้วยแต่ในท้องของสวีจื่อเซวียนมีผลผลิตจากความรักของพวกเขาอยู่ จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ได้!


“เรื่องนี้ฉัน…รู้…ฉัน…” เจียงจื้อหรู่พูดเสียงอ้ำ ๆอึ้ง ๆ ไม่รู้ควรพูดอะไรดี


เหมยเหมยคร้านจะฟังต่อเลยวางสายไปอย่างไม่เกรงใจก่อนให้ลุงเหลาพาเธอไปหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน แม้ฉีฉีเก๋อไม่สวยอย่างสวีจื่อเซวียนแต่ก็เป็นหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งแถมยังเป็นสาวบริสุทธิ์อีกต่างหาก ใครจะไปรู้ว่าสัตว์เดรัจฉานอย่างเฉินหมิงจะทำอะไรกับฉีฉีเก๋อบ้าง!


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ในซอยหลังมหาวิทยาลัยที่ดูสภาพมอซอรองเท้าหลุดไปหนึ่งข้าง ผมเผ้าสยายยุ่งเหยิง พอเห็นเหมยเหมยก็น้ำตาคลอเบ้า น้ำตาน้ำมูกไหลเปรอะเปื้อนเต็มหน้า


อีกอย่างอิงจวี้กังเองก็อยู่ด้วย เพียงแต่อยู่ในสภาพหัวแตกเลือดออกท่าทางเจ็บตัวไม่เบา เหมยเหมยรีบให้พวกเขาขึ้นรถส่งตัวอิงจวี้กังไปทำแผลที่โรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยขณะที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังไม่หยุดร้องไห้


“หยุดร้องไห้ได้แล้ว รีบเล่าเรื่องให้ละเอียดเลย” เหมยเหมยตวาดใส่


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมสะอื้นไปด้วย ดูท่าทางเธอจะขวัญเสียอย่างจัง ไม่ได้ดูใจกล้าเหมือนปกติแต่เหมือนระแวงอยู่ตลอดเวลา


ที่แท้หลายวันมานี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนอนหอพักทุกวัน หนึ่งก็เพื่อเดินทางไปกว่างซีกับเพื่อนได้สะดวก สองเพื่อจับตาดูฉีฉีเก๋อเพราะกลัวเธอเข้าไปยุ่งเรื่องสวีจื่อเซวียน แต่จะคิดได้อย่างไรว่าตัวเธอกลับเข้าไปพัวพันด้วยเช่นกัน


อยู่ ๆหัวค่ำสวีจื่อเซวียนพูดขึ้นว่าอยากทานอาหารบ้านเกิดแต่ไม่อยากไปคนเดียวเลยชักชวนฉีฉีเก๋อกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปด้วย จอมตะกละสองคนนี้หิวพอดีเลยคิดว่าทานข้าวด้วยกันสักมื้อคงไม่เป็นไรเลยไปด้วยกัน ระหว่างทางยังเจออิงจวี้กังอีกคน


ทั้งสี่คนยังเดินทางไม่ถึงร้านอาหารเลยก็ถูกอันธพาลหลายคนดักไว้ รุดหน้ามาจับตัวสวีจื่อเซวียนที่แม้จะมีฉีฉีเก๋อกับอิงจวี้กังเข้าไปห้ามแต่ปรากฎว่าฉีฉีเก๋อก็โดนจับตัวไปด้วย อิงจวี้กังโดนทำร้ายจนหัวแตก


“แล้วเธอล่ะเป็นอะไร?” เหมยเหมยถาม


“ฉันอยากไปแย่งตัวยายบื้อสองคนนั่นกลับมาแต่กระชากไม่ไหวแล้วยังโดนอันธพาลพวกนั้นทำร้าย…” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนร้องไห้ไปก็นวดคลึงหน้าท้องไปพลาง โดนคนพวกนั้นกระทืบใส่ที่ท้อง เจ็บชะมัดเลย


เหมยเหมยเลิกเสื้อผ้าด้านหน้าของเธอขึ้นพบว่าเป็นรอยฟกช้ำใหญ่ที่ดูท่าทางสาหัสไม่เบา สีหน้าถมึงทึงในฉับพลัน


ป้าฟางพาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปทำแผล ลุงเหลาถาม “โทรหาคุณชายหมิงไหมครับ?”


ตอนนี้เฉินหมิงก็เหมือนหมาบ้า จะปล่อยให้คุณหนูไปเกี่ยวพันด้วยไม่ได้เด็ดขาด


เหมยเหมยรีบส่ายหน้า “ไม่ต้อง อย่าเอาเรื่องพวกนี้ไปกวนใจพี่หมิงซุ่นเลย ฉันโทรหาอาเมิ่งแล้วกัน”


เรื่องนี้รอช้าไม่ได้หากช้าไปหนึ่งวินาทีฉีฉีเก๋อก็อันตรายเพิ่มอีกหนึ่งวินาที เธอไม่อยากเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยโดยเฉพาะอีกฝ่ายคือเพื่อนของเธอ


แต่ช่างบังเอิญที่เสี่ยวเมิ่งผู้อยู่ติดบ้านเสมอกลับไม่อยู่สวนฟาร์ม ออกไปข้างนอกพร้อมกับเฮ่อเหลียนชิงโดยไม่มีใครทราบว่าไปที่ไหน จะกลับมาเมื่อไรก็ไม่ทราบเช่นเดียวกัน


ทีนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?


เหมยเหมยกัดฟัน เห็นทีคงต้องไปเองเสียแล้ว ดีที่มีฉิวฉิวกับฉาฉาอยู่ ถ้าพาลูกน้องไปมากหน่อยน่าจะไม่เป็นไรสินะ?


“ไม่ได้นะครับคุณหนู ในมือเฉินหมิงมีปืนอยู่ อีกอย่างลูกน้องก็เยอะ ถ้าคุณหนูไปต้องเสี่ยงแน่ ๆ” ลุงเหลาห้ามเธอไว้ เขาไม่สนใจความเป็นความตายของฉีฉีเก๋อหรอกเพราะหน้าที่ของเขาคือปกป้องคุณหนู


“แต่ฉีฉีเก๋ออยู่ในมือของเฉินหมิง ฉันต้องไปช่วยเขา!” เหมยเหมยเองก็ลังเลเช่นกัน จะให้เธอทนมองดูเพื่อนโดนย่ำยีรังแกเธอทำไม่ได้หรอก แต่ไปช่วยก็เสี่ยงอันตรายมากเช่นกัน เธอเองก็กลัวไม่น้อย


เธอกลัวว่าถ้าเป็นอะไรไปก็ไม่สามารถอยู่เคียงข้างเหยียนหมิงซุ่นได้อีก อีกอย่างเธอยังไม่ได้เป็นคุณนายเหยียนเลย!


“คุณหนูอยู่บ้านรอก่อน ผมพาคนไปดูลาดเลาก่อน”


ลุงเหลาพูดทิ้งท้ายไม่กี่ประโยคก็ขอตัวไปก่อนโดยให้ป้าฟางอยู่บ้านจับตาดูเหมยเหมยเอาไว้ห้ามให้เธอออกไป ไม่นานลุงเหลาก็กลับมาด้วยสีหน้าที่ยากจะอ่านความคิดออกได้


…………………….


ตอนที่ 1701 ถูกคนอื่นแย่งไปอีกแล้ว


“สถานการณ์ทางนั้นเป็นไงบ้างคะ?” เหมยเหมยถามลุงเหลา


“คนของเราไม่อยู่ในมือเฉินหมิงแล้วครับ ถูกบุคคลนิรนามแย่งชิงไปแล้ว” ลุงเหลาก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย นี่มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า


เหมยเหมยเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติเหนือคาด ซ้ำเธอยังคิดว่าเฉินหมิงกำลังเล่นละครอยู่เสียอีก แต่ลุงเหลาเป็นถึงคนที่เหยียนหมิงซุ่นเลือกด้วยตัวเองยิ่งไม่ต้องสงสัยในความสามารถเลย ในเมื่อเขาพูดมาแบบนี้พวกฉีฉีเก๋อคงจะไม่อยู่ในมือของเฉินหมิงจริง ๆแล้วล่ะ


“สืบหาได้ไหมว่าใครชิงตัวไป?” เหมยเหมยกังวลมาก เพราะกลัวว่าจะเป็นศัตรูของเฉินหมิง และคงไม่ใช่พวกคนดีอะไร นั่นจะยิ่งเป็นอันตรายต่อฉีฉีเก๋อ


ลุงเหลาส่ายหน้า “ตอนนี้ยังสืบไม่ได้เลย ผมให้คนไปตามสืบเพิ่มเติมแล้วครับ”


เจียงจื้อหรู่โทรเข้ามาอีกครั้งยังตามตอแยไม่ลดละ เหมยเหมยอารมณ์ไม่ดี ไม่มีความอดทนพอที่จะปล่อยผ่านจึงพูดออกไปตรง ๆ “เป็นเพราะสวีจื่อเซวียน ครั้งก่อนหนูถึงได้บาดหมางกับเฉินหมิง ซ้ำยังนำพาความเดือดร้อนครั้งใหญ่มาให้หนูกับคู่หมั้นอีกแต่กลับไม่ได้รับคำขอบคุณจากสวีจื่อเซวียนเลยแม้แต่น้อย การทำดีแต่ไม่มีใครเห็นคุณค่าเช่นนี้ ทำไปแค่ครั้งเดียวก็น่าสะอิดสะเอียนเกินพอแล้ว!”


“สวีจื่อเซวียนไม่เข้าใจพวกหลักคุณธรรมหนี้บุญคุณอะไรหรอก แต่ที่จริงเขารู้สึกตื้นตันใจมากนะ…เหมยเหมยเธออย่าทะเลาะกับคนที่ไม่ค่อยรู้ความเลย ถ้าเธอไม่ช่วยเขา เขาต้องตายแน่!”เจียงจื้อหรู่ขอร้องไม่หยุด


“ถ้าหนูยุ่งกับเรื่องไร้สาระมากไปกว่านี้ ตัวหนูเองนี่แหละที่จะวุ่นวาย อาจารย์เจียงคะ มิตรภาพระหว่างหนูกับสวีจื่อเซวียนไม่ได้ดีถึงขั้นที่จะต้องเสี่ยงตายแทนกันได้นะคะ”


เหมยเหมยประชดประชัน หน่ายที่จะต้องฟังเขาพล่ามอีกจึงวางสายไปทันที


ฉีฉีเก๋อหายไปอย่างไร้ร่องรอย เธอก็วุ่นวายจะตายอยู่แล้ว ไหนเล่าจะเหลือเวลามาฟังเขาบ่นอีก


เวลาค่อย ๆผ่านไปจนตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่ม ห่างจากเวลาที่พวกฉีฉีเก๋อถูกลักพาตัวไปสามชั่วโมงแล้ว อิงจวี้กังพันศีรษะเสร็จสรรพก็ตามไปที่บ้านของเหมยเหมยด้วย พร้อมกันนั้นยังมีฉางชิงซง เขาได้รู้เรื่องจากเพื่อนร่วมชั้นที่เห็นเหตุการณ์จึงวิ่งแจ้นมาถามถึงสถานการณ์และอยู่เพื่อรอฟังข่าว


“รออยู่แบบนี้คงไม่ใช่วิธีที่ดีนัก พวกเราแจ้งความดีไหม?” ฉางชิงซงมีท่าทีร้อนรน หลังจากมาถึงที่นี่ก็นั่งไม่ติด เดินไปเดินมาไม่หยุดจนทุกคนเวียนหัว


หัวของอิงจวี้กังถูกพันพันด้วยผ้าก๊อซซึ่งดูเหมือนบาดเจ็บรุนแรงไม่เบา เขาพยักหน้า “นั่นสิ ขอให้ตำรวจช่วยตามหา พวกเรารออยู่แบบนี้ก็เสียเวลาเปล่า”


“เพี๊ยะ!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนฟาดฝ่ามือลงบนแผ่นหลังเขา อิงจวี้กังกัดฟันกรอดอย่างเจ็บปวดจนหน้าเหยเก โมโหมากแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ขยับไปยืนข้าง ๆอย่างน้อยใจเพื่ออยู่ให้ห่างจากยัยบ้าอำนาจนี่


“แจ้งความจะมีประโยชน์อะไร? ลุงเหลาคนเดียวก็ล้มตำรวจได้เป็นสิบ พวกเราต้องทำตามที่เขาบอกรออยู่ที่บ้านนี่แหละ เจ้าทึ่มฉีฉีเก๋อมีความโชคดีอยู่ ไม่มีทางเป็นอะไรหรอก”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมีประโยคหนึ่งที่ไม่กล้าพูด หากไอ้พวกโจรนั่นข่มขืนขึ้นมาจะต้องเข้าหาแต่สวีจื่อเซวียนแน่


ไม่ว่าจะยังไงแม่นั่นก็สวยกว่าฉีฉีเก๋อมาก ต่อให้พวกผู้ชายปิดตาไว้ก็ต้องเลือกสวีจื่อเซวียนอยู่ดี หากว่าฉีฉีเก๋อมีไหวพริบหน่อยคงจะพ้นจากการข่มขืนไปได้


ส่วนสวีจื่อเซวียนนั่นแหละที่สร้างความเดือดร้อน แล้วเธอจะไม่คิดเอาตัวเข้าไปปกป้องใครจากเคราะห์ร้ายเลยเหรอ?


ฉางชิงซงใจเย็นขึ้นมาบ้าง รู้ว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดถูก ไปหาตำรวจก็ไม่มีประโยชน์คงทำได้แค่รอข่าวจากลุงเหลา


เขาแอบอธิษฐานในใจ ขอให้หญิงสาวผู้น่ารักอย่างฉีฉีเก๋อกลับมาได้อย่างปลอดภัยทีเถอะ!


ลุงเหลาได้รับข่าวมาแล้ว “คุณหนู คนที่ชิงตัวไปคือสองลุงหลานโอหยางปินกับโอหยางสยง เพื่อนคุณหนูอยู่ในกำมือของพวกมัน”


เหมยเหมยกรีดร้องในใจว่าซวยแล้ว หากเป็นคนอื่นยังสามารถใช้ชื่อเหยียนหมิงซุ่นมาข่มขู่ได้ แต่พวกโอหยางปินเป็นคนของเฮ่อเหลียนเช่อ เดิมทีก็เป็นศัตรูคู่แค้นของเหยียนหมิงซุ่นอยู่แล้วเป็นเรื่องยุ่งยากเสียแล้วสิ!


ตอนที่ 1702 กึ่งสันโดษ


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้าถอดสี เธอรู้จักตระกูลโอหยางเป็นอย่างดี นั่นเป็นถึงตระกูลนักธุรกิจที่คนอย่างพวกเขาต้องแหงนหน้าขึ้นมองเชียวล่ะ ฉีฉีเก๋อตกอยู่ในกำมือของพวกเขาเป็นเรื่องใหญ่แล้ว!


ชื่อเสียงในเมืองหลวงของโอหยางสยงไม่ดีเท่าไรเลย!


ฉางชิงซงไม่เคยได้ยินชื่อลุงหลานโอหยาง แต่พอได้เห็นท่าทีเคร่งขรึมของเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็รู้ได้ทันทีว่าลุงหลานคู่นี้ต้องเป็นเรื่องยุ่งยากแน่ ใจก็พลอยดิ่งวูบ


อิงจวี้กังกลับพูดอย่างไร้เดียงสา “ในเมื่อรู้แล้วว่าอยู่ที่ไหน พวกเราก็ไปเอาตัวคนของเรากันเถอะ!”


“เพี๊ยะ!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเหวี่ยงฝ่ามือฟาดลงไปอีกครั้งตวาดขึ้น “นายคิดว่านี่เป็นการไปเยี่ยมผู้คนในหมู่บ้านพวกนายหรือไง พูดง่ายดีนี่ นายรู้ที่มาที่ไปของตระกูลโอหยางไหม? แค่เขาชี้นิ้วสั่งก็กำจัดนายจนไม่เหลือซากแล้ว!”


ฉางชิงซงสีหน้าแทบดูไม่ได้ พอเขาได้ฟังก็เข้าใจ ลุงหลานโอหยางคงจะเป็นดั่งบุคคลในแวดวงตำนานสินะ!


นักเรียนจน ๆที่ไร้ยศไร้อำนาจอย่างพวกเขา ไม่อาจยั่วโมโหคนพวกนี้ได้จริง ๆ!


แล้วฉีฉีเก๋อจะทำอย่างไรดีล่ะ?


จะต้องถูกพวกลูกหลานเศรษฐีทำลายไปแบบนี้จริง ๆเหรอ?


เหมยเหมยถอนหายใจพูดด้วยความกังวล “ลุงหลานคู่นี้มีความแค้นกับฉัน ถ้าพวกมันรู้ว่าฉีฉีเก๋อเป็นเพื่อนของฉัน สถานการณ์ก็จะยิ่งย่ำแย่เข้าไปอีก!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนึกไม่ถึงว่าจะมีเงื่อนงำแบบนี้อยู่ ไม่แปลกเลยที่เหมยเหมยจะมีสีหน้าไม่สู้ดี


“แล้วตอนนี้เราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” ฉางชิงซงกังวลยิ่งกว่าเดิม กระวนกรวายจนดวงตาแดงก่ำ


พอเหมยเหมยเห็นก็รู้สึกแปลกใจ ฉางชิงซงรู้สึกดีกับฉีฉีเก๋อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ในหัวมีแต่เรื่องของฉีฉีเก๋อเต็มไปหมด


“ฉันขอคุยโทรศัพท์ก่อน” เหมยเหมยกัดฟันกรอด ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นแล้วคงต้องพึ่งเฮ่อเหลียนเช่อแล้วล่ะ


บุญคุณที่เคยช่วยเหมยซูหานที่บ้านของฉีฉีเก๋อตอนนั้นคงต้องเอามาใช้ในตอนนี้แหละ


หวังเพียงว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะอยู่ในเมืองหลวง ไม่งั้นคงต้องบุกเข้าไปช่วยเองแล้ว


ตั้งแต่กลับมาจากทุ่งหญ้า เฮ่อเหลียนเช่อก็เหมือนได้ระเหยหายออกไปจากโลก ไม่มีข่าวคราวใด ๆเลย เหมยซูหานก็ด้วย เหยียนหมิงซุ่นบอกว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บของเหมยซูหานค่อนข้างหนัก เฮ่อเหลียนจึงคอยอยู่เฝ้าเขาพักรักษาตัว ใช้ชีวิตแบบกึ่งสันโดษ


และมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือเฮ่อเหลียนเช่อทะเลาะกับหนิงเฉินเซวียนจนแตกหัก เฮ่อเหลียนเช่อกังวลว่าหนิงเฉินเซวียนจะทำร้ายเหมยซูหานอีกจึงคอยปกป้องเหมยซูหานอยู่ข้างกาย ไม่ปล่อยให้หนิงเฉินเซวียนได้สบโอกาสใช้ประโยชน์อีก


ณ เมืองหลวง เขตชานเมือง


เหมยซูหานคาดผ้ากันเปื้อนลายสก็อตสีน้ำเงินทำมื้อดึกให้เฮ่อเหลียนเช่อในครัว ซึ่งก็คือบะหมี่หมูผักดองอย่างเช่นเคย เฮ่อแหลียนเช่อกินเท่าไรก็ไม่เบื่อ บางครั้งเหมยซูหานคิดจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นบ้างแต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับอารมณ์เสีย เขาจะกินแต่บะหมี่หมูผักดอง


บะหมี่ต้มสุกอย่างรวดเร็ว บะหมี่เส้นเล็กสีขาวราวเส้นใยเงินก็มิปาน ผักดองสีเขียวเข้มและหมูสับสีน้ำตาลอ่อน น้ำมันที่ลอยอยู่เหนือชามเหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว เหมยซูหานยังทำยำแตงกวาด้วยอีกหนึ่งจาน


แตงกวาเพิ่งหยิบออกมาจากตู้เย็นหมาด ๆทั้งเย็นทั้งกรอบ โรยด้วยกระเทียมชั้นดี น้ำมันงาและน้ำส้มสายชู สดชื่นและเรียกน้ำย่อยมาก เฮ่อเหลียนเช่อชอบกินมาก


ช่วงนี้ได้ตั้งช่วงเวลาอาหารทั้งสามมื้อไว้ เฮ่อเหลียนเช่อจึงไม่มีอาการปวดท้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว หนำซ้ำยังอ้วนขึ้นเล็กน้อยเหมยซูหานจึงดีใจเหลือเกิน


“อาเช่อ กินบะหมี่สิ” เสียงหวานใสไพเราะที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อน เดิมทีเสียงที่เหมือนดั่งเสียงน้ำใสในสายธารแต่กลับถูกหินแหลมคมบาดเข้าจนกลายเป็นเสียงที่แหบพร่า


เฮ่อเหลียนเช่อเงยหน้าขึ้นยิ้ม อ้วนขึ้นและขาวขึ้นด้วย ความกลัดกลุ้มตรงหว่างคิ้วก็หายไปมากเช่นกัน เขาเหลือบเห็นรอยแผลเป็นสีม่วงอมแดงตรงช่วงลูกกระเดือกของเหมยซูหานก็เหมือนถูกมีดปลายแหลมทิ่มแทงใจ เจ็บแสบในทรวง


“หอมจัง บะหมี่ที่นายทำหอมฉุยเชียว”


เฮ่อเหลียนเช่อรับมาแล้วตักบะหมี่ขึ้นมากินคำโต บะหมี่หนึ่งคำแตงกวาหนึ่งคำอย่างเอร็ดอร่อย เหมยซูหานยิ้มและมองดูด้วยท่าทีพึงพอใจ บรรยากาศพลันอบอุ่นไปทั่วทุกอณู


โทรศัพท์สายด่วนดังขึ้น ซึ่งเป็นลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อที่โทรเข้ามา “คุณชายเช่อ จ้าวเหมยบอกว่ามีเรื่องสำคัญขอคุยกับคุณชายครับให้โอนสายเข้ามาไหมครับ?”


………………………………………..


 ตอนที่ 1703 เรื่องเหลวไหลให้นายทำ


เฮ่อเหลียนเช่อตะโกนตอบอย่างไม่คิด “โอนสายอะไร? ต่อไปนี้เรื่องไร้สาระเล็กน้อยพวกนี้ไม่ต้องมาขอความเห็น ปฏิเสธไปเลย!”


เหอะ แค่ได้ยินชื่อจ้าวเหมยสองคำนี้ก็โมโหแล้ว


ไอ้หนุ่มที่มาเคาะประตูนี่มีแต่ตาหามีแววเลยสักนิด พรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนคน!


ลูกน้องเขาหน้าซีดราวขี้เถ้าปิดประตูเตรียมถอย แต่เหมยซูหานเรียกเขาไว้ จ้องเฮ่อเหลียนเช่ออย่างโมโหพลางพูดเสียงอ่อนกับลูกน้องว่า “โอนสายเข้ามาเถอะ!”


เฮ่อเหลียนเช่อพูดอย่างอารมณ์เสีย “ทำไมต้องโอนสายเข้ามาด้วย?”


“เธอโทรมาดึกดื่นขนาดนี้จะต้องมีเรื่องสำคัญแน่ จะไม่ให้รับสายได้อย่างไร!”


เหมยซูหานพูดจาไพเราะ เห็นเฮ่อเหลียนเช่อยังคงตีหน้านิ่งขรึมจึงพูดอีกว่า “จ้าวเหมยเป็นถึงผู้มีพระคุณของฉันนะ”


“โอนมา โอนสายมา แต่ฉันต้องเป็นคนรับสาย นายนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ” เฮ่อเหลียนเช่อจำต้องให้ความร่วมมือ แต่กลับใจแคบไม่ให้เหมยซูหานพูดคุยกับจ้าวเหมย


เหมยซูหานยกยิ้มอย่างจนใจ แค่ยอมรับสายก็พอแล้ว ใครรับสายก็เหมือนกัน


ทางด้านเหมยเหมยก็ร้อนใจมาก แม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะอยู่ในเมืองหลวงแต่โทรศัพท์ก็ถูกโอนสายอยู่หลายต่อหลายครั้ง หาตัวยากเสียยิ่งกว่านายใหญ่อีกกว่าเจ้าหมอนี่รับสายได้


“มีเรื่องไร้สาระ…มีอะไรก็รีบพูดมา!” เฮ่อเหลียนไม่ได้พูดดีนัก แต่ข้างกายกลับมีเสียงแหบพร่าดังขึ้น “อาเช่อ…”


น้ำเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อจึงอ่อนลง “มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน?”


เหมยเหมยจึงไม่พูดพร่ำเพรื่ออะไรกับเขาอีก พูดออกไปตรง ๆว่า “พวกโอหยางปินลักพาตัวเพื่อนของฉันไป เฮ่อเหลียนเช่อนายช่วยพูดกับพวกนั้นที บอกให้พวกเขาปล่อยเพื่อนของฉันหน่อย”


เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะยกใหญ่ “เธอใหญ่มาจากไหน? ถึงกล้ามาออกคำสั่งกับฉัน? เพื่อนเธอจะเป็นจะตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ผู้ชายของเธอมีความสามารถมากไม่ใช่เหรอ? เธอให้คนแซ่เหยียนนั่นไปช่วยสิ มาบอกคนอย่างฉันทำไม?”


เหมยซูหานหยิกแผ่นหลังเขาด้วยความโมโห อยากจะแย่งโทรศัพท์มา แต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับยกโทรศัพท์ขึ้นสูงไม่ยอมให้เหมยซูหานเลยดูอารมณ์ดีไม่น้อยเลย


วันพระไม่ได้มีหนเดียวนี่ ผู้หญิงของเหยียนหมิงซุ่นมาขอร้องเขา บ่งบอกได้ดีทีเดียวเลยว่าผู้ชายอย่างเหยียนหมิงซุ่นไร้ประโยชน์!


เหมยเหมยหัวเราะเยาะ “เฮ่อเหลียนเช่อ นายจะทำตัวเป็นคนชั้นต่ำที่ลืมบุญคุณคนเหรอ? ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะฉัน ตอนนี้นายก็คงอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายไปแล้ว”


เฮ่อเหลียนเช่อสะอึกทันที สีหน้านิ่งขรึม ยังไม่ทันคิดออกว่าจะตอกกลับว่าอย่างไร เหมยเหมยก็พูดขึ้นอีกว่า “หรือว่าในใจของนายเหมยซูหานไม่สำคัญเลยงั้นสิ? เพราะงั้นฉันช่วยชีวิตเขาไว้ สำหรับนายแล้วจะมีหรือไม่มีเขาก็ได้งั้นเหรอ?”


“ไร้สาระ ฉันพูดเสียเมื่อไหร่ว่าจะไม่ช่วย!” เฮ่อเหลียนเช่อสังเกตเห็นสีหน้าของเหมยซูหานที่ไม่เป็นปกติ จึงรีบยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วปิดแฮนด์ฟรี


นางชั่วช้าจ้าวเหมยพูดจามีไหวพริบดีนะ ถ้าปล่อยให้เธอชวนทะเลาะต่อไป เหมยซูหานจะต้องโกรธเขาแน่


เหมยเหมยโล่งใจ มุมปากยกยิ้ม “อืม งั้นฉันจะอยู่ที่บ้านรอฟังข่าวดีจากนาย”


เฮ่อเหลียนเช่อสบถ รู้สึกอึดอัดใจชะมัดจึงพูดกระแนะกระแหนอย่างห้ามไม่ได้ “เหยียนหมิงซุ่นคงไม่ได้ตายไปแล้วใช่ไหม? เรื่องไร้สาระแค่นี้ก็ทำไม่ได้”


“พี่หมิงซุ่นทำแต่เรื่องใหญ่ที่สำคัญ เรื่องไร้สาระพรรค์นี้คงต้องรบกวนคนอย่างนายแล้วล่ะ!” เหมยเหมยเย้ยหยันต่อปากต่อคำ


คนอย่างเฮ่อเหลียนเช่อถึงแม้จะทั้งวิปริตทั้งกระหายเลือด แต่มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือเป็นคนรักษาคำพูด ในเมื่อเขารับปากที่จะช่วยแล้ว นั่นก็ยืนยันได้ว่าเขาจะทำให้สำเร็จ ดังนั้นเธอถึงได้วางใจและกล้าที่จะต่อกรกลับ


“เคร้ง!”


โทรศัพท์ถูกวางใส่อย่างแรง เหมยเหมยกระตุกยิ้มที่มุมปากพูดกับพวกฉางชิงซงว่า “วางใจเถอะ อีกไม่นานฉีฉีเก๋อก็จะกลับมา”


สองลุงหลานโอหยางปินเป็นหมาที่เฮ่อเหลียนเช่อเลี้ยงไว้ เจ้านายออกคำสั่ง พวกเขากล้าที่จะขัดเหรอ?


ฉางชิงซงรอด้วยความร่าเริง รู้สึกโล่งใจไปมาก แต่ในเมื่อยังไม่เจอเจ้าตัวก็ยังไม่อาจวางใจได้ เขาจึงยังนั่งอย่างไม่เป็นสุข


ตอนที่ 1704 สถานการณ์ไม่ค่อยดี


นาฬิกาแขวนบนผนังส่งเสียงดังติ๊กต่อก ๆ ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มแล้วแต่ทุกคนต่างก็นอนไม่หลับ


ซ้ำฉางชิงซงยังจะออกไปตามหาอยู่หลายครั้ง แต่พอเดินไปถึงบริเวณสวนก็วนกลับมาดังเดิม เขาไม่รู้เลยว่าจะไปตามหาได้จากที่ไหน


“วางใจเถอะ ฉีฉีเก๋อจะต้องไม่เป็นอะไร คนที่อยู่ในสายก่อนหน้านี้เป็นถึงผู้มีอิทธิพลในเมืองหลวงเชียวนะ ตระกูลโอหยางไม่กล้าเป็นศัตรูกับเขาหรอก” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปลอบใจเขาเสียงแผ่ว ความเลื่อมใสศรัทธาที่มีต่อเหมยเหมยเปรียบเสมือนน้ำในแม่น้ำหวงเหอที่หลั่งไหลไม่มีขาดสาย


เฮ่อเหลียนเช่อชื่อนี้ดังกึกก้องไปทั่วเมืองหลวงราวเสียงฟ้าร้อง ทำให้ผู้คนตกใจจนอกสั่นขวัญผวาเลยล่ะ!


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลองคิดดูแล้ว ก็พอจะเข้าใจถึงตัวตนของคู่หมั้นเหมยเหมย  สามารถเอ่ยถึงพร้อมกันกับเฮ่อเหลียนเช่อได้อย่างเท่าเทียม นอกเสียจากเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง[1]อย่างคุณชายหมิงแล้ว จะมีใครอีกล่ะ?


แย่แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะกลายเป็นเพื่อนสนิทของคู่หมั้นคุณชายหมิง หลุมฝังศพของบรรพบุรุษฉันเกิดเขม่าควันสีเขียว[2]เสียแล้ว!


ฉลองตรุษจีนปีนี้จะต้องกลับไปเผาเงินเพิ่มให้บรรพบุรุษเสียแล้ว!


แม้ว่าฉางชิงซงจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งเหล่านี้แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เชื่อฟังอย่างว่าง่าย  พอคิดอย่างถี่ถ้วนก็พลันเข้าใจมากขึ้นจึงยอมวางใจและนั่งลง


มีความเคลื่อนไหวตรงบริเวณลาน ลุงเหลาเดินเข้ามา “คุณหนู เหมยซูหานมาถึงแล้ว บอกว่ามาส่งเพื่อนของคุณหนู”


ฉางชิงซงดีใจมากพรวดพราดออกไปเป็นคนแรก แต่กลับเห็นฉีฉีเก๋อยืนอยู่กับหนุ่มวัยรุ่นที่หน้าตาดีเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะดูเศร้าสร้อยแต่ดูจากสภาพเหมือนไม่เป็นอะไร ความกังวลใจที่แบกเอาไว้ค่อนคืนในที่สุดก็สามารถวางลงกับพื้นได้แล้ว


“ขอบใจมาก เข้ามาดื่มชาสักแก้วสิ?” เหมยเหมยรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก เชื้อเชิญให้เหมยซูหานเข้ามานั่งในบ้านสักพัก


“แค่ก ๆ…”


เสียงกระแอมไอหนัก ๆดังลอดออกมาจากตัวรถ เหมยซูหานยกยิ้มอย่างจนใจ พูดขึ้นว่า “ไม่เข้าไปรบกวนดีกว่า ฉันพูดจบก็จะไปแล้ว” เหมยเหมยได้ยินเสียงแหบพร่าของเขาก็พลันมีสีหน้าตกใจ แต่ชั่วครู่ก็คิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในตอนนั้นลำคอของเหมยซูหานถูกรัดจนขาดไปเกินกว่าครึ่ง เส้นเสียงถูกตัดขาดหมด ตอนนี้ยังพูดได้ก็นับว่าเป็นความโชคดีมากแล้ว


เสียดายน้ำเสียงใสแจ๋วราวน้ำแร่ของเขาเมื่อก่อนจัง


เหมยซูหานกลับไม่คิดเช่นนั้น เขามีสีหน้าละอายใจพูดว่า “มีเด็กผู้หญิงอีกคนที่สภาพไม่ค่อยดีนัก ฉันพาเธอไปส่งโรงพยาบาลแล้ว”


ในจังหวะที่เขากับเฮ่อเหลียนเช่อไปถึงที่อยู่ของโอหยางปิน โอหยางสยงและเพื่อนจอมเสเพลของเขากำลังเวียนข่มขืนสวีจื่อเซวียนกันอยู่ เหมือนกับที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนคาดเดาไว้ทุกประการ ด้วยรูปลักษณ์ของฉีฉีเก๋อไม่เข้าตาโอหยางปินหรอก


เพียงแต่โอหยางสยงและคนอื่น ๆต่างก็ไม่รู้ว่าสวีจื่อเซวียนกำลังตั้งท้อง พึ่งจะมีความสุขได้ไม่กี่คน สวีจื่อเซวียนก็มีท่าทีไม่ค่อยดีเลือดไหลอาบ พวกโอหยางสยงต่างก็คิดว่าเป็นแค่ความโชคร้าย แล้วก็คร้านจะสนใจต่อความเป็นความตายของสวีจื่อเซวียน และหากไม่เป็นเพราะเหมยซูหานรีบไปที่นั่น สวีจื่อเซวียนจะรอดหรือไม่นั้นคงพูดได้ยาก


ถึงแม้ว่าชีวิตของสวีจื่อเซวียนจะได้รับการช่วยไว้ได้ทันแต่กลับต้องสูญเสียเด็กในท้องไป หนำซ้ำมดลูกยังบาดเจ็บ ต่อไปความเป็นไปได้ในการตั้งครรภ์ก็จะน้อยถึงน้อยมาก


เหมยซูหานไม่อยากให้เหมยเหมยรับรู้เรื่องไม่สบายใจพวกนี้ จึงไม่ได้พูดรายละเอียดลงลึกมากนัก เพียงแค่พูดไปคร่าว ๆอย่างคลุมเครือ และทิ้งหมายเลขห้องพักผู้ป่วยของสวีจื่อเซวียนไว้ให้


“ขอโทษด้วย ฉันคงช่วยได้แค่เพื่อนของเธอ ส่วนอย่างอื่นฉันไม่อาจช่วยจัดการให้ได้” เหมยซูหานมีสีหน้าละอายใจ


ลุงหลานโอหยางปินเป็นลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อ ต่อให้จะไม่ชอบใจเท่าไรแต่เฮ่อเหลียนเช่อคงไม่อาจจัดการกับพวกเขาเพื่อคนนอกหรอก


“แค่นี้ก็ดีมากพอแล้ว ขอบใจนายมาก!” เหมยเหมยยิ้มด้วยท่าทีสงบ อารมณ์สงบยิ่งกว่า ไม่มีคลื่นระลอกใหญ่ซัดมาแต่อย่างใด


อู่เยวี่ยตายไปแล้ว บุญคุณและความแค้นระหว่างเธอกับเหมยซูหานก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ภพชาติปางก่อน…ได้กลายเป็นเพียงห้วงฝันที่แสนไกลแปรผันไปตามกาลเวลา ค่อยๆเลือนรางและหายไปในที่สุด


……………………………………………………………………


ตอนที่ 1705 น้ำส้มสายชูเก่าแห่งชานซี


เหมยซูหานอยากจะพูดคุยกับเหมยเหมยอีกสักนิด แต่ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดเป็นแค่การทักทายอย่างบริสุทธิ์ใจระหว่างเพื่อน และในตอนนี้เขาไม่ได้คาดหวังในตัวเหมยเหมยอีก เห็นเธอเป็นเพียงแค่น้องสาว คอยปกป้องเธอ หวังเพียงให้เธอมีความสุขในภพชาตินี้


“แค่ก ๆ…”


เสียงกระแอ้มไอดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งหอบทั้งถี่เหมือนกับผู้ป่วยภาวะใกล้ตาย เหมยซูหานส่ายหน้าพลันอย่างระอา พูดกับเฮ่อเหลียนเช่อไปหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว แต่เจ้าบ้านั่นยังคงเอาแต่สงสัยว่าเขายังคงหลงเหลือความรู้สึกดี ๆให้เหมยเหมยอยู่ มันน่าจริงๆ เลย…


“เฮ่อเหลียนเช่อนายเป็นวัณโรคขั้นไหนแล้วล่ะ?” เหมยเหมยจงใจตะโกนไปยังรถ


เฮ่อเหลียนเช่อนั่งอยู่ในรถด้วยสีหน้านิ่งขรึม เปิดประตูรถออกมาพร้อมกับตวาด “กลับบ้านได้แล้ว จะพูดอะไรกันนักหนา?”


ทุกครั้งที่ได้เจอจ้าวเหมยก็ทำตัวเหมือนกับจะบอกลากันไปจนชั่วนิจนิรันดร์ พูดจาไม่มีรู้จบ น่าโมโหชะมัด!


เหมยเหมยมุ่ยปากอย่างขุ่นเคือง ขี้หึงไม่น้อยเลยนี่ แต่เฮ่อเหลียนเช่อในตอนนี้ถือว่ามีความเป็นคนมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย แต่ถึงอย่างไรเธอก็เกลียดไอ้จอมวิปริตนี่อยู่ดี


“ลาก่อนเหมยเหมย แล้วพบกันใหม่นะ ฉันมีเรื่องจะปรึกษาเธอ” เหมยซูหานถูกเฮ่อเหลียนเช่อลากไป ทั้งที่ยังพูดไม่ทันจบแต่ตัวเขากลับอยู่ในรถเสียแล้ว ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว


เหมยซูหานจ้องเฮ่อเหลียนเช่อที่กำลังเดือดปุด ๆเพราะน้ำส้มสายชูเก่าแห่งชานซี[3]อย่างไม่พอใจ


“นายลากฉันทำไม? ฉันยังพูดยังไม่ทันจบเลย”


“ทำไมนายต้องอยากมาหาจ้าวเหมยอีก? มีเรื่องอะไรมาหาฉันไม่ได้เหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อไม่พอใจมาก คนมีความสามรถอย่างเขาติดหนึบอยู่ข้างกาย ทำไมต้องไปหานางเด็กจ้าวเหมยนั่นด้วย


เหมยซูหานจ้องเขาตาเขม็งอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์ พูดเสียดสี “ได้สิ ถ้านายสามารถเขียนหนังสือที่ขายดีอย่าง ‘เจ้าหญิงอัปลักษณ์’ ได้ล่ะก็ ฉันจะไปหานายทุกวัน รับรองเลยว่าจะไม่ไปหาจ้าวเหมยอีก”


เฮ่อเหลียนเช่อไม่ค่อยเข้าใจ “ทำไมฉันจะต้องเขียนหนังสือ? แค่ธุรกิจเดียวของฉันก็ได้เงินตั้งหลายสิบล้าน ให้จ้าวเหมยวาดจนมือหักก็คงหาเงินได้ไม่มากขนาดนี้! ”


“แค่นี้ยังไม่พอ ฉันอยากได้ลิขสิทธิ์หนังเรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์ ถ้าฉันไม่ไปหาจ้าวเหมยให้ไปหาใคร? นายให้ฉันได้เหรอ?”


เหมยซูหานโมโหจนออกแรงหยิกขาเฮ่อเหลียนเช่อ ความมั่นใจและความแน่วแน่นั้นแตกต่างไปจากสิ่งที่เขาแสดงออกให้คนนอกเห็นโดยสิ้นเชิง กลับแฝงความขี้อ้อนและเอาแต่ใจออกมาด้วย


เฮ่อเหลียนเช่อารมณ์ดีขึ้นมาก ความบึ้งตึงบนใบหน้าจางหายไป ซ้ำยังเป็นฝ่ายยกขาให้เหมยซูหานหยิกเอง พร้อมพูดเอาใจ “ทำไมนายถึงต้องถ่ายจากหนังสือของจ้าวเหมย? หนังสือมีเยอะแยะไป ฉันไม่เชื่อว่าจะไม่มีหนังสือที่ดีกว่านี้แล้ว!”


เหมยซูหานส่ายหน้า “หนังสือที่ดีกว่าเจ้าหญิงอัปลักษณ์มีแน่ แต่เรื่องที่เหมาะจะถ่ายทำละครมีแค่เล่มนั้น ฉันมั่นใจเต็มร้อย อาเช่อนายไม่รู้เหรอว่าแฟนคลับที่อ่านเรื่องนี้มีอิทธิพลมากขนาดไหน สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์ที่แฝงมาด้วยซึ่งหนังสือเล่มอื่นไม่มีเลย”


เฮ่อเหลียนเช่อถอนใจเสียงแผ่ว พูดขึ้นอย่างหึงหวง “จ้าวเหมยยังมีความสามารถเช่นนี้ด้วย?”


เหมยซูหานยิ้ม ในแววตานั้นมีความภาคภูมิใจและชื่นชมอยู่ เหมยเหมยในความฝันทั้งขี้ขลาด อ่อนแอและน้อยเนื้อต่ำใจ แต่เหมยเหมยในตอนนี้กลับเปี่ยมด้วยความมั่นใจ สง่าผ่าเผยและงดงามราวกับไข่มุกที่ซุกซ่อนอยู่ในเปลือกหอยก็ไม่ปาน แงะเปลือกที่น่าเกลียดออก ในที่สุดเธอก็สามารถทอประกายส่องแสงแพรวพราวได้


ช่างดีเหลือเกิน!


เขาตั้งใจซื้อหนังสือเจ้าหญิงอัปลักษณ์มาอ่านและพบว่านี่อาจจะเป็นอัตชีวประวัติของเหมยเหมย ช่วงชีวิตในวัยเด็กที่น่าสงสารของนางเอกก็คือภาพลักษณ์ที่แท้จริงของเหมยเหมย เมื่อก่อนเขาไม่เคยเข้าใจ แต่มาเข้าใจก็หลังจากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้


เหอปี้อวิ๋น อู่เยวี่ย และอู่เจิ้งซือสามคนในครอบครัว ใจดำอำมหิตต่อเมหยเหมยมาก


เพราะงั้นเขาถึงอยากถ่ายเรื่องนี้มากซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเงินเลย เขาแค่อยากจะเปลี่ยนให้เจ้าตัวตลกกลายเป็นเจ้าหญิงที่สวยสง่าด้วยตัวเอง ชดเชยต่อความรู้สึกผิดในใจของเขา


ในใจเฮ่อเหลียนเช่อยังคงรู้สึกหึงหวงอยู่ หากเป็นไปได้เขาหวังว่าเหมยซูหานกับจ้าวเหมยจะไม่ได้เจอกันอีก แต่เขารู้ดี ถ้าเป็นแบบนั้นเหมยซูหานคงเสียใจ


โธ่ เขาเป็นคนใจกว้าง ไม่ควรจะคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้อีก!


อย่างมากก็แค่ส่งคนไปจับตาดู เลี่ยงไม่ให้นางชั่วช้าจ้าวเหมยคิดเกินเลยกับเหมยซูหานอีก!


…………………………………………………………………


[1] เปรียบเปรย คนที่โผล่หน้าให้เห็นอยู่แวบๆ ชั่วพริบตาก็หายตัวไปแล้ว


[2] หมายถึงเกิดเรื่องดีเรื่องใหญ่ขึ้น แต่ส่วนใหญ่เน้นใช้ในทางเหน็บแนม ประชดประชัน


[3] คำว่า ‘หึง’ ในภาษาจีนคือคำว่า ‘醋’ หรือน้ำส้มสายชู(มีสีดำคล้ายซอสปรุงรส) ซึ่งชานซีเป็นหนึ่งในสี่เมืองที่มีน้ำส้มสายชูรสชาติดีและขึ้นชื่อ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)