ลำนำบุปผาพิษ 1692-1695

 บทที่ 1692 แค่นี้ก็หลบหนีแล้ว?!


โม่เจ้ารีบถอยหลังไปข้างบ่อโลหิต แล้วอมยิ้ม “ซีจิ่ว ข้าออมมือให้เจ้ามาตลอด เจ้าคิดจะสังหารข้าจริงหรือ? เจ้าเห็นไหม แม้แต่สหายของเจ้า ข้ายังไม่กล้าสังหารเลย เพียงแต่เอาโลหิตของนางมาเล็กน้อย”


กู้ซีจิ่วเหลือบมองหลานไว่หูอย่างรวดเร็ว เข็มที่หน้าอกนางเล่มนั้นดูเหมือนเป็นอันตราย แต่ความจริงแล้วไม่ถึงตาย ขอเพียงรักษาให้ดี แม้แต่ผลข้างเคียงก็ไม่มีทางหลงเหลือไว้


หลังจากหลานไว้หู่เห็นการมาของกู้ซีจิ่วก็ตื่นเต้นดีใจ กลับมามีชีวิตชีวาไม่น้อย “ซีจิ่ว ไม่ต้องสนใจข้า!


มีเจ้ามารร้ายอยู่ตรงนี้ กู้ซีจิ่วไม่อาจเสียสมาธิได้ ย่อมไม่อาจปลดโซ่เล็กบนตัวนางก่อน…


นิ้วมือกู้ซีจิ่วดีดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าไปในปากของหลานไว่หู “กลืนลงไป!”


หลานไว่หูเชื่อฟังเป็นอย่างมาก รีบกลืนยาลงไปทันที


โอสถนี้ของกู้ซีจิ่วย่อมเป็นโอสถวิเศษ ไม่เพียงแต่ยื้อชีวิตนี้ของนางไว้ได้ ยังมีสรรพคุณในการห้ามเลือดด้วย


เมื่อกินโอสถนี้แล้ว ต่อให้หลานไว่หูถูกห้อยไว้ ก็จะไม่เป็นอะไรในชั่วขณะหนึ่ง


“ช่วย…ช่วยข้าด้วย…” นางเงือกชุ่มโชกโลหิตผู้นั้นส่งเสียงพึมพำ


กู้ซีจิ่วไม่สนใจนาง เธอจำได้แล้วว่านางเงือกผู้นี้ก็คือหลานจิ้งอี๋ เธอไม่ถือโอกาสลงกระบี่ไปที่นางก็นับว่าเห็นแก่หน้าตี้ฝูอีแล้ว ยังจะให้เธอยื่นมือเข้าไปช่วยได้อย่างไร?


อีกอย่างถึงแม้ร่างกายหลานจิ้งอี๋จะชุ่มโชกด้วยเลือด ทว่าบาดแผลเหล่านั้นล้วนเป็นบาดแผลภายนอก ไม่ถึงแก่ชีวิตสักนิด


นางหลอกลวงจิ้งจอกน้อยอย่างโหดร้าย ให้นางทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ก็สมน้ำหน้าแล้ว!


ยิ่งไปกว่านั้นโม่เจ้ายังคงจ้องมองดั่งพยัคฆ์พร้อมตะครุบเหยื่ออยู่ตรงนี้ เธอจะมีเวลาว่างที่ไหนไปทำแผลให้นางได้?


และในช่วงเวลาที่เธอดีดยาลูกกลอนให้จิ้งจอกน้อย โม่เจ้าพลันถอยหลังดีดตัวขึ้นไป แขนเสื้อพลันกางออก ลำแสงห้าสีแผ่กระจายดุจตาข่าย ปกคลุมกู้ซีจิ่วไว้ “เสี่ยวซีจิ่ว ครั้งนี้เจ้าอยู่ที่นี่เถิด!”


ลำแสงห้าสีนั้นส่องประกายเจิดจ้า กู้ซีจิ่วไม่กล้าเลินเล่อ นิ้วมือทำมุทราอย่างรวดเร็ว ซัดออกไปทางด้านนอก!


เธอกลัวระลอกแสงห้าสีของโม่เจ้าจะลามไปถึงจิ้งจอกน้อย ดังนั้นจึงซัดฝ่ามือออกไปอย่างสุดแรง ฝ่ามือพลันร้อนระอุ ลำแสงเจ็ดสีหมุนวนออกไป พุ่งตรงไปที่ลำแสงห้าสีนั้น…


เสียง “เปรี้ยง” ดังกึกก้อง ลำแสงทั้งสองปะทะกัน เลือดลมในทรวงอกกู้ซีจิ่วกระเพื่อมเป็นระลอก ทว่าโม่เจ้ากลับถอยไปด้านหลังติดต่อกันหลายก้าว สายตาฉายความประหลาดใจ “ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเจ้า!”


“อะไรกัน?” กู้ซีจิ่วไม่สนใจซัดออกไปอีกหนึ่งฝ่ามือ!


และเกือบจะในเวลาเดียวกัน ทางด้านประตูใหญ่มีเสียงโครมครามดังสนั่น เห็นได้ชัดว่ามีคนบุกรุกแล้ว…


โม่เจ้าพลันหน้าถอดสี จู่ๆ ร่างกายก็อาศัยพลังฝ่ามือของกู้ซีจิ่วทะยานออกไปด้านหลัง ลงไปในบ่อโลหิตเสียงดังจ๋อม ไม่มีแม้แต่น้ำที่สาดกระเซ็น หายตัวไปในทันที


กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง


แค่นี้ก็หลบหนีแล้ว?!


กู้ซีจิ่วพุ่งทะยานตามไป คิดจะลองกระโดดลงไปในบ่อโลหิตดูบ้าง


“ไม่นะ!” หลานไว่หูตะโกนเสียงดัง “โลหิตในบ่อมีพิษ!”


กู้ซีจิ่วชะงักฝีเท้า และเกือบจะในเวลาเดียวกัน ร่างของคนอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งวูบไหวเข้ามา นั่นก็คือตี้ฝูอี


นึกไม่ถึงว่าเขาจะจัดการสิบคนนั้นได้ภายในห้านาทีแล้วบุกเข้ามา!


ยากนักที่อาภรณ์ขาวของเขาจะเปรอะเปื้อนคราบเลือด เกศาเงินก็ยุ่งเหยิงนิดหน่อย เขากวาดสายตามองภายในห้องอย่างรวดเร็ว แล้วหยุดลงบนร่างของกู้ซีจิ่ว


กู้ซีจิ่วสูดหายใจเข้า บอกเล่าใจความสำคัญอย่างรวดเร็ว “โม่เจ้ายึดครองสังขารหรงเจียหลัว เขากระโดดบ่อโลหิตหนีไปแล้ว!”


ตี้ฝูอียกมือขึ้นโยนของสิ่งหนึ่งลงไปในบ่อโลหิต ของสิ่งนั้นหลอมละลายแล้วหายไปในพริบตา


โลหิตนี้มีพิษและมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง โม่เจ้ากระโดดลงไปเช่นนี้ หลบหนีไปด้วยความตื่นตระหนก? หรือเขามีเกราะป้องกันพิเศษจึงถือโอกาสหนีไปในบ่อโลหิตนี้?


————————————————————————-


บทที่ 1693 กู้ซีจิ่วหายตัวไป 1


“พี่หวง ช่วย…ช่วยข้าด้วย…” ลมหายใจหลานจิ้งอี๋แผ่วเบา ยื่นมือออกมาทางตี้ฝูอี


นางยังเปลือยเปล่าครึ่งตัว ทั้งคละคลุ้งคาวเลือดทั้งหอมหวานงดงาม


ตี้ฝูอีเพียงกวาดตามองแวบหนึ่งแล้วจึงละสายตาออก โบกมือโยนเสื้อคลุมตัวหนึ่งคลุมตัวนางไว้


“สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะจะรั้งอยู่นาน รีบออกไปเถอะ!”


เขายกแขนเสื้อขึ้นอีกครั้ง ปล่อยระลอกวารีสายหนึ่งออกมาห่อหุ้มร่างหลานจิ้งอี๋ไว้ก่อน และป้อนโอสถให้นางเม็ดหนึ่ง จากนั้นให้นางอยู่ในเขตแดนทรงกลม ห้อยต่องแต่งอยู่ข้างกายเขา


เมื่อจัดการสิ่งเหล่านี้เรียบร้อย เขามองกู้ซีจิ่วอีกแวบหนึ่ง กู้ซีจิ่วเริ่มปลดโซ่เส้นเล็กสี่เส้นบนตัวหลานไว่หูแล้ว เธอก็เป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาแก้กลไก หากต้องการจะปลดโซ่เหล่านี้ก็ไม่นับว่ายากเย็น


สิ่งเดียวที่ทำให้เธอลำบากใจก็คือ เนื่องจากโซ่ติดอยู่ที่กระดูกสะบักไหล่ของหลานไว่หู หากคิดจะช่วยนางลงมาจำต้องดึงโซ่เล็กนั้นออกจากไหล่ของนาง


จิ้งจอกน้อยกลัวความเจ็ปวด การดึงสิ่งนี้ออกก็เทียบเท่ากับการทรมานนางอย่างโหดร้าย


กู้ซีจิ่วทนมองดูดวงหน้าน้อยๆ ที่เจ็บปวดจนซีดขาวของหลานไว่หูไม่ได้…


“อย่าใจอ่อนเยี่ยงอิสตรี!” ตี้ฝูอีเอ่ยปาก “คิดจะช่วยนางก็จำเป็นต้องดึงโซ่เหล็กออก!”


กู้ซีจิ่วชะงักงันไปเล็กน้อย ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ เธอควานหายาจำพวกยาชาในถุงมิติเก็บของมา…


ทว่าบังเอิญครั้งนี้เธอไม่ได้นำยาประเภทนี้ติดถุงมิติเก็บของมาด้วย หาไม่เจอสักเม็ด จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปทางตี้ฝูอี “ท่านมียาลูกกลอนบรรเทาปวดหรือไม่?”


ตี้ฝูอีขมวดคิ้วเล็กน้อย ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก หลานจิ้งอี๋ที่ห้อยอยู่ข้างกายเขาก็ร้องไห้ขึ้นมา “เจ็บจังเลย! พี่หวง ข้าเจ็บจังเลย…”


ตี้ฝูอีไม่พูดจาอันใด ดีดยาลูกกลอนสีฟ้าสดเม็ดหนึ่งไปภายในเขตแดนนั้นทันที


หลานจิ้งอี๋กลืนลงไปอย่างสั่นเทา


กู้ซีจิ่วจำได้ นั่นก็คือยาลูกกลอนบรรเทาปวดที่ตี้ฝูอีคิดค้นขึ้นมาเอง มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมยิ่งกว่ายาชาของแพทย์แผนปัจจุบันเสียอีก


หากจิ้งจอกน้อยได้กินยานี้เม็ดหนึ่งก่อนดึงโซ่นี้ออกก็จะไม่เจ็บปวดขนาดนั้นแล้ว


เธอมองเขา รอให้เขาแบ่งให้เธอเม็ดหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างเฉยเมย “เหลือแค่เม็ดนั้นแล้ว”


กู้ซีจิ่วไร้ซึ่งวาจา


เธอมองหลานจิ้งอี๋ หลังจากหลานจิ้งอี๋กลืนยาลูกกลอนเม็ดนั้นลงไปก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยามนี้กำลังเบิกตาทั้งคู่จ้องมองเธอ นัยน์ตานั้นแฝงความรู้สึกได้ใจอยู่รางๆ…


กู้ซีจิ่วละสายตาในทันที ไม่อยากมองนางอีกต่อไป


นางกลับยังแสร้งทำเป็นใสซื่อไร้เดียงสา “พี่หวง ข้าดีขึ้นมากแล้ว ยาของท่านได้ผลดีจริงๆ…”


ตี้ฝูอีบอกนาง “รีบนั่งสมาธิ ฝึกฝนโดยใช้วรยุทธ์เทพบรรพกาลที่ข้าสอนให้เจ้า…”


“อา ได้…” หลานจิ้งอี๋ว่านอนสอนง่ายเหมือนเด็กผู้หญิงต่อหน้าเขา มองไปที่กู้ซีจิ่วอีกครั้ง แล้วจึงเริ่มฝึกฝนทันที


หางเงือกโค้งงอกึ่งหนึ่ง สองมือประนม หลับตาลง ไม่นานรอบกายนางก็ปรากฏแสงสีฟ้าจางๆ เสริมส่งกับลำแสงสีขาวที่ตี้ฝูอีห่อหุ้มร่างกายนางไว้…


กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีปากจนซีดขาว เวลานี้เธอก็ไม่อาจลังเลใจอีกต่อไป ปลดโซ่เส้นเล็กบนร่างของหลานไว่หูทันใด…


กู้ซีจิ่วพยายามเบามืออย่างที่สุด ทว่าหลานไว่หูยังคงเจ็บปวดจนใบหน้าซีดขาว หยาดเหงื่อเย็นเฉียบผุดพราว


ทว่านางยังคงเฉลียวฉลาดนัก ฟันขาวกัดริมฝีปากแน่น พยายามไม่ให้ตัวเองส่งเสียงใดๆ ริมฝีปากถูกกัดจนโลหิตไหล


เมื่อเรื่องราวไม่เกี่ยวข้องกับตนย่อมนิ่งสงบได้ แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับตนแล้วจะสับสนวุ่นวาย


เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงจิ้งจอกน้อย ถึงแม้กู้ซีจิ่วรู้ดีว่าควรทำอย่างไร ก็ยังคงใจอ่อนอยู่บ้าง


“เร็วหน่อย ผู้ทำการใหญ่กลัวคนใจอ่อนเป็นที่สุด พวกเรายังต้องรีบออกไป…” ตี้ฝูอีเร่งรัดนาง


กู้ซีจิ่วเดือดดาลในใจ พูดหักหน้าเขาไปหนึ่งประโยค “ท่านช่วยคนที่อยากช่วยได้แล้ว ท่านไปก่อนได้เลย!”


บทที่ 1694 กู้ซีจิ่วหายตัวไป 2


ตี้ฝูอีตกตะลึง จู่ๆ ก็ยกมือขึ้น ปล่อยระลอกแสงสายหนึ่งออกจากฝ่ามือ พุ่งตรงไปยังโซ่ที่ยึดร่างหลานไว่หู…


เสียง “พรึ่บ!” ดังขึ้น หลานไว่หูส่งเสียงกรีดร้อง โซ่เล็กสองเส้นที่ไหล่นางถูกดึงออกมาอย่างโหดเหี้ยม! นางร่วงลงมาทันใด


กู้ซีจิ่วตื่นตระหนก เหินไปรับนางไว้ จิ้งจอกน้อยเจ็บปวดจนสลบไปแล้ว โลหิตที่ไหล่ทั้งสองข้างไหลดุจกระแสน้ำ


กู้ซีจิ่วรีบกดจุดบนหัวไหล่นางเพื่อหยุดการไหลเวียนโลหิต


ตี้ฝูอียกมือดีดขวดหยกขาวพิสุทธิ์ขวดหนึ่งไปให้ “ใช้สิ่งนี้กับนาง” นี่คือยาสมานแผลที่ดีที่สุดของเขา มีประสิทธิภาพอันน่าอัศจรรย์ในการห้ามเลือดและรักษาบาดแผล


กู้ซีจิ่วยกฝ่ามือขึ้นแล้วปัดกลับไปให้เขา “ไม่จำเป็น!”


ตี้ฝูอีทำได้แค่เพียงพูดต่อ “กู้ซีจิ่ว บางครั้งก็ต้องเห็นแก่ส่วนรวมเป็นหลัก อย่าใช้อารมณ์…”


กู้ซีจิ้วเย้ยยิ้ม “วางใจเถอะ ข้าไม่มาทางเอาความปลอดภัยของสหายมาเป็นอารมณ์หรอก!”


ตี้ฝูอีมองดวงหน้าพริ้มเพราที่ซีดขาวของนางแล้วมุ่นคิ้ว “บาดแผลนี้ของนางจำเป็นต้องใช้ยาสมานแผลที่ดีที่สุดในการรักษาบาดแผล มิเช่นนั้น ต่อให้นางไม่มีอันตรายถึงชีวิต พลังวิญญาณในร่างกายนี้ก็จะสูญสิ้นไปได้…”


“พี่หวง คนเขาไม่รับน้ำใจ…ก็ช่างเถิด…ในใจนาง ความปลอดภัยของสหายนางผู้นี้ไม่สำคัญเท่าศักดิ์ศรีนางหรอก…” หลานจิ้งอี๋เอ่ยปากระหว่างนั่งสมาธิ เห็นได้ชัดว่านางยังฟังการเคลื่อนไหวด้านนอกอยู่ตลอด ไม่ได้ตั้งใจฝึกฝนแม้แต่น้อย


ทว่าวาจาด้านหลังของนางไม่ได้พูดต่อไป เนื่องจากกู้ซีจิ่วหยิบยาสมานแผลของตัวเองที่ติดตัวออกมาทาให้หลานไว่หูอย่างรวดเร็ว


ยาสมานแผลของเธอมีประสิทธิภาพที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ทาลงไปเพียงครู่หนึ่งโลหิตที่ไหลพรากก็หยุดในทันที ประสิทธิภาพดีกว่ายาสมานแผลที่เมื่อสักครู่ตี้ฝูอีโยนมาให้เสียอีก!


หลานจิ้งอี๋พูดจาอันใดไม่ออก


นางยังไม่ได้เห็นเรื่องน่าขบขัน ย่อมหงุดหงิดใจบ้างอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง สายตานางร่อนลงบนยาสมานแผลในมือกู้ซีจิ่ว “นี่ก็เป็นยาของพี่หวงกระมัง…” มีเพียงพี่หวงของนางเท่านั้นถึงจะมีความสามารถคิดค้นยาวิเศษเช่นนี้ได้


กู้ซีจิ่วมองตี้ฝูอีด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าถามพี่หวงของเจ้าดูก็ได้ ว่ายานี้เป็นของเขาหรือไม่?!”


ยานี้เป็นยาที่นางเพิ่งพัฒนาสำเร็จได้ไม่นาน ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับตี้ฝูอีเลย!


เธอก็ใช่ว่าต้องด้อยกว่าตี้ฝูอีไปเสียทุกเรื่อง อย่างน้อยก็ความสามารถด้านโอสถ เธอพอมีฝีมือเทียบเท่ากับเขาได้แล้ว!


หลานจิ้งอี๋ยังต้องการจะพูดอีก จู่ๆ เขตแดนด้านล่างก็สั่นสะเทือน สั่นจนนางพลิกกลิ้งไปหลายรอบ!


บาดแผลบนตัวนางไม่น้อย เมื่อเกลือกกลิ้งไปมาก็สัมผัสถูกบาดแผล เจ็บปวดจนนางส่งเสียงร้อง ร่างกายพลันสั่นเทา


ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “หากเจ้าว่างมาก ข้าก็จะไม่ไยดีโยนเจ้าทิ้งไว้ที่นี่!”


สีหน้าหลานจิ้งอี๋แปรเปลี่ยน รีบเอ่ยขึ้น “ไม่…ไม่นะ จิ้งอี๋…จิ้งอี๋รู้ความผิดแล้ว พี่หวง เห็นแก่ที่ข้าก็เป็นสานุศิษย์สวรรค์ อย่าโยนข้าทิ้งเลย…”


ตี้ฝูอีเหลือบมองนาง ไม่พูดจาอะไร


หลานจิ้งอี๋ก็ไม่กล้าปริปากอีก


สานุศิษย์สวรรค์? หลานจิ้งอี๋ผู้นี้เป็นสานุศิษย์สวรรค์แล้วหรือ? ก่อนหน้านี้นางยังไม่ได้เป็นเลย เพิ่งเป็นงั้นหรือ?


กู้ซีจิ่วรู้ว่าพลังวิญญาณที่หลานจิ้งอี๋ฝึกฝนคือพลังวิญญาณธาตุไม้ เช่นเดียวกับหลงซือเย่…


หรือว่าหลังจากตี้ฝูอีปลดสานุศิษย์สวรรค์พลังวิญญาณธาตุไม้อย่างหลงซือเย่ออก ก็เลยยกตำแหน่งว่างให้กับหลานจิ้งอี๋?


เธอเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา “นางเป็นสานุศิษย์สวรรค์หรือ? ตั้งแต่เมื่อใด?”


อย่างไรเสียเธอก็เป็นผู้ทดสอบสานุศิษย์สวรรค์ มีสิทธิที่จะรับรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง


ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเรียบเฉย “ก่อนหน้าไม่นาน”


หลานจิ้งอี๋มองตี้ฝูอี แล้วมองกู้ซีจิ่ว อดไม่ได้ที่จะสอดปาก “สองเดือนก่อนอย่างไร สองเดือนก่อนข้าได้รับบาดเจ็บ เลือดแทบจะไหลไม่หยุดอีกครั้ง”


————————————————————————-


บทที่ 1695 กู้ซีจิ่วหายตัวไป 3


“สองเดือนก่อนอย่างไร สองเดือนก่อนข้าได้รับบาดเจ็บ เลือดแทบจะไหลไม่หยุดอีกครั้ง เป็นพี่หวงที่บอกว่าหากมีโลหิตของสานุศิษย์สวรรค์ก็สามารถรักษาโรคประหลาดนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงหาวิธีให้ข้าได้เป็นสานุศิษย์สวรรค์ที่มีพลังวิญญาณธาตุไม้ ไม่ต้องทนทุกข์กับโรคภัยอีก…”


เล็บมือของกู้ซีจิ่วที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อจิกเข้าไปในฝ่ามือแล้ว


สองเดือนก่อนก็เป็นช่วงเวลาที่หลงซือเย่ถูกปลดพอดี เห็นทีว่าหลงซือเย่ถูกปลดได้ไม่นาน หลานจิ้งอี๋ก็เข้าแทนที่ตำแหน่งของเขาเลย


ดูเหมือนเขาวางแผนนี้มานานแล้ว นับว่าสิ้นเปลืองกายใจไปมากมายเพื่อหลานจิ้งอี๋ผู้นี้…


น่าขันที่เธอยังขบคิดอยู่ตลอดว่าจะคืนฐานะสานุศิษย์สวรรค์ให้หลงซือเย่ได้ยังไง ในเมื่อปลดได้ เช่นนั้นก็น่าจะมีวิธีคืนฐานะได้


ดังนั้นระยะนี้เธอจึงก่อกวนวอแวหยกนภายิ่งนัก และพลิกตำราทั้งหมดเท่าที่จะหาได้แล้ว…


ตอนนี้เห็นทีว่าเธอคงจะโลกสวยเกินไป!


ตี้ฝูอีกระทำการไร้ขีดจำกัดล่าง ยามที่เขาใส่ใจคนผู้หนึ่ง แม้แต่วิถีสวรรค์ก็ยังฝ่าฝืนได้


สานุศิษย์สวรรค์ สานุศิษย์สวรรค์ มิใช่สมควรให้สวรรค์มาจัดสรรหรอกหรือ? เขาเข้ามาแทรกแซงเช่นนี้ไม่เกรงว่าสวรรค์จะประณามบ้างหรือ?!


เขาเป็นเทพของแผ่นดินนี้ ดังนั้นจึงใช้ผู้อื่นต่างตัวเบี้ยได้ตามใจปรารถนาใช่ไหม?!


หงายมือก่อเมฆคว่ำมือก่อฝน…


ความโศกเศร้าในใจถาโถมขึ้นมาเป็นชั้นๆ สีหน้าเธอซีดเซียวอย่างยิ่ง


บอกตัวเองว่าอย่าได้ถูกเขาทำร้ายได้อีก อย่าได้เสียใจเพราะเขาอีก แต่ความรู้สึกกลับไม่เชื่อฟังการควบคุมของสติและเหตุผลอย่างสิ้นเชิง หัวใจเธอยังคงเจ็บปวดอยู่!


เธอไม่พูดอะไรอีก พันแผลให้จิ้งจอกน้อยอย่างรวดเร็ว เนื่องจากฝืนข่มความโกรธเกรี้ยวในใจเอาไว้ตลอด นิ้วมือเธอจึงสั่นระริกอยู่บ้าง


“ออกไปข้างนอกแล้วค่อยทำการรักษาให้พวกนางเถอะ ที่นี่ไม่ควรรั้งอยู่นาน พวกเรารีบออกไปดีกว่า” ตี้ฝูอียื่นมือไปจับมุมชุดของนาง “ใช้วิชาเคลื่อนย้ายเถอะ!”


เกิดเสียงดังแควกขึ้นเบาๆ มุมชุดของกู้ซีจิ่วขาดออก เธอเอ่ยอย่างเยียบเย็น “ต่างคนต่างไป!”


กู้ซีจิ่วอุ้มจิ้งจอกน้อยไว้แล้วทำการเคลื่อนย้าย หายลับไปทันที


ตี้ฝูอีนิ่งงัน


….


วิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วร้ายกาจยิ่ง เคลื่อนย้ายออกจากตำหนักใต้ดินที่ประหลาดซับซ้อนแห่งนั้นได้โดยตรง และพบเข้ากับหลานเยวี่ยที่ใกล้ๆ ทางเข้าตำหนักใต้ดิน


หลานเยวี่ยที่เพิ่งได้รับคำสั่งมาจากกู้ซีจิ่วรอเป็นกองหนุนอยู่ด้านนอกมาโดยตลอด เมื่อเห็นนางอุ้มหลานไว่หูออกมา ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ปรี่เข้ามาหา “นางเป็นยังไงบ้าง?”


“บาดเจ็บเล็กน้อย ยังดีที่ไม่เป็นไร” กู้ซีจิ่วพรูลมหายใจเบาๆ กวาดสายตามองแวบหนึ่ง “เยี่ยนเฉินล่ะ?”


หลานเยวี่ยถอนหายใจ “เขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ พวกเจ้าเข้าไปได้ไม่นาน เขาก็เปิดประตูบานนั้นขึ้นอีกครั้งแล้วบุกเข้าไปเลย…”


กู้ซีจิ่วตะลึง


ดวงหน้าน้อยๆ ของหลานไว่หูซีดเผือดกว่าเดิม


เยี่ยนเฉิน! นางอยากพบเยี่ยนเฉิน…


ยามนี้ผู้ที่คอยอยู่ด้านนอกมิได้มีเพียงหลานเยวี่ยเท่านั้น ยังมีหลัวจั่นอวี่กับหลีเมิ่งซย่าด้วย แม้กระทั่งหลงซือเย่ก็อยู่ด้วยเช่นกัน


คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่กู้ซีจิ่วใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงเรียกมาก่อนที่จะเข้าไปในตำหนักลับแห่งนั้น


มีเพียงหลงซือเย่คนเดียวที่เธอไม่อยากรบกวน จึงไม่ได้ใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อ แต่บังเอิญว่าหลงซือเย่กำลังดื่มชาอยู่กับหลัวจั่นอวี่พอดี…


หลานเยวี่ยคิดจะเข้าไปรับตัวหลานไว่หู “ซีจิ่ว ให้ข้าอุ้มนางเถอะ”


เมื่อหลานไว่หูเห็นหลานเยวี่ยยื่นมือมา นางก็หดกายเข้าหาอ้อมแขนของกู้ซีจิ่วตามสัญชาตญาณ หลบหลีกสองมือของเขา


หลานเยวี่ยนิ่งค้าง


หลานไว่หูไม่กล้ามองสีหน้าผิดหวังของหลานเยวี่ย เมื่อเฉียดผ่านความเป็นความตายมาแล้ว นางถึงได้เข้าใจว่าคนที่นางชอบมาโดยตลอดก็คือเยี่ยนเฉิน อยากออกเรือนแค่กับเขา!


หลานเยวี่ยดีต่อนาง แต่นางไร้ความรู้สึกต่อเขา อย่างมากก็เห็นเขาเป็นสหายเท่านั้น…


นางไม่ต้องการปกปิดความรู้สึกของตนอีกแล้ว ย่อมไม่อยากให้หลานเยวี่ยอุ้มนาง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)