อัจฉริยะสมองเพชร 1692-1693

 ตอนที่ 1692 มุ่งหน้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อ

ไม่ง่ายเลยกว่าพวกมันจะละทิ้งทิฐิและมารวมตัวเป็นพันธมิตรกันได้ แต่ทุกอย่างก็ล่มสลายตั้งแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือพวกมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นตัวการ!


“เรื่องนี้ผมยอมรับไม่ได้ ผมจะไปดูด้วยตัวเอง!” เมื่อระงับความโกรธเกรี้ยวไม่ไหวอีกต่อไป รังสีพลุ่งพล่านก็ระเบิดออกจากร่างของอำมาตย์เฉินหลิง ทำให้พื้นที่โดยรอบแหลกสลายไปหมด


มันเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นนักปราชญ์โบราณ!


“ผมไปด้วย!” อำมาตย์เฉินชิงคำราม


กว่าครึ่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ล้มตายเป็นบริวารของมัน ไม่มีทางที่มันจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ


“ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกัน จะได้จัดการให้จบไป ไม่อย่างนั้น เราอาจถูกบังคับให้กลายเป็นบริวารของหมอนั่นไปชั่วชีวิต!” อำมาตย์เฉินหลิงพูดด้วยนัยน์ตาเป็นประกายคมปลาบ


อำมาตย์เฉินชิงพยักหน้า “ผมได้ยินว่าอำมาตย์เฉินหย่งเพิ่งรับชายหนุ่มที่มีความปราดเปรื่องเป็นพิเศษเข้ามาคนหนึ่ง หมอนั่นดูเหมือนจะไม่รู้จักว่าด่านคอขวดคืออะไร ระดับวรยุทธของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ไม่มีพวกเราคนไหนเทียบชั้นกับเขาได้เลย…ถ้าพวกเราปล่อยให้หมอนั่น พัฒนาวรยุทธได้ในระดับนี้ ไม่ช้าก็คงสูญเสียสิ่งที่ควรจะเป็นของเราแน่!”


“ตอนนี้อย่าเพิ่งไปยุ่งกับหมอนั่นเลย” อำมาตย์เฉินหลิงพูด “เขาได้การยอมรับจากเจตจำนงของไอ้โหด ทั้งยังได้ฝึกฝนเทคนิควรยุทธขั้นสูงสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจของเราด้วย ด้วยเกียรติยศที่หมอนั่นได้รับอยู่ในตอนนี้ พวกเราไม่มีทางแตะต้องเขาได้หรอก แต่เมื่อเวลามาถึง เจ้านั่นจะต้องสูญเสียทุกอย่าง แล้วเราก็จะโค่นเขาลง บางที…เราอาจได้เทคนิควรยุทธขั้นสูงสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจมาก็เป็นได้!”


“คุณพูดถูก ตามนั้นก็แล้วกัน” อำมาตย์เฉินชิงพยักหน้าก่อนจะเงียบไป


ร่างของอำมาตย์ทั้งสองกระตุก จากนั้นก็หายวับไป ดูเหมือนพวกมันพุ่งผ่านรอยแยกแห่งมิติไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง


…..


“คุณว่าอะไรนะ? กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีทหารนับแสนตัวถูกหัวหน้าตระกูลจางกวาดล้างจนสิ้นซาก?”


“เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ?”


“ผมได้ยินจากปากของปรมาจารย์เหรินเอง เพราะฉะนั้นข่าวนี้เป็นความจริงแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็แทบไม่อยากเชื่อ…”


“ในเมื่อภัยคุกคามจากการบุกรุกของกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจถูกกำจัดไปแล้ว พวกเราก็ไม่ต้องตรึงกำลังในอาณาจักรใต้ดินอีกแล้วน่ะสิ…”


…..


หลังจากผ่านการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ วรยุทธของจางเซวียนก็เพิ่มสูงขึ้นอีกมาก ในเมื่อไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ในพื้นที่นั้นอีกต่อไป เขาจึงออกจากสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจไปพร้อมกับเหรินชิงหยวนและคนอื่นๆ


ไม่ช้า ข่าวเรื่องการสังหารกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจด้วยน้ำมือของชายหนุ่มเพียงคนเดียวก็ถูกส่งไปยังกองกำลังที่อารักขาอาณาจักรใต้ดินทั้ง 108 แห่ง


ทุกคนถึงกับงงงัน


ทวีปแห่งปรมาจารย์ไม่เคยขาดแคลนอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่อง มีผู้กล้าหาญและทรงพลังมากมายที่ได้สร้างตำนานซึ่งยังคงเล่าขานกันจนถึงทุกวันนี้ แต่หากเปรียบเทียบกับวีรกรรมของชายหนุ่มที่ทุกคนกำลังกล่าวถึง ตำนานเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะไม่ควรค่าแก่การนำมาเล่าซ้ำ


สามารถกำจัดเผ่าพันธุ์ปีศาจถึง 110000 ตัวและผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานอีกหลายสิบตัวได้…ยิ่งครุ่นคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็แทบเสียสติ


พวกเขาอดไม่ได้ที่จะต้องหยิกตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้กำลังฝัน


…..


จางเซวียนไม่ได้รับรู้ถึงความอึกทึกครึกโครมที่เขาก่อขึ้น ตอนนี้เขากลับสู่ตระกูลจางเป็นที่เรียบร้อย


“จากความเสียหายใหญ่หลวงที่กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจได้รับ ดูเหมือนพวกมันไม่น่าจะรวบรวมกำลังพลเพื่อบุกรุกได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้ พวกเรามุ่งหน้าไปยังวิหารแห่งขงจื๊อกันเถอะ รวมทีมแล้วไปด้วยกัน”


หลังจากได้ข่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากลูกชาย เซียนดาบชิงถึงกับอ้าปากค้างจนหุบไม่ลงอยู่นาน


“ได้” จางเซวียนพยักหน้า


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจได้รับความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ ต่อให้พวกมันพยายามรวบรวมกองกำลังเพื่อบุกเข้าโจมตีอีกครั้ง ก็ไม่น่าจะทำอันตรายได้มากนัก


ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาควรให้ความสนใจในตอนนี้ก็คือวิหารแห่งขงจื๊อ ในเมื่อมันใกล้จะเปิดเต็มทีแล้ว ก็ควรรีบเดินทางไปที่นั่นโดยเร็ว


เพราะหากพวกเขาไปถึงช้า มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงก็อาจตกไปอยู่ในมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นหรือ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นข่าวร้ายสำหรับสามตระกูลใหญ่และสภาปรมาจารย์


“วิหารแห่งขงจื๊อตั้งอยู่ที่ชูฝู่ มิติในชูฝู่นั้นเป็นมิติลี้ลับและบิดเบี้ยว การเดินทางโดยใช้การทะลุมิติไปที่นั่นจึงไม่ปลอดภัย เราควรทะลุมิติไปยังสถานที่ที่อยู่ใกล้ๆแล้วค่อยบินไปน่าจะดีกว่า พวกเราจะมุ่งหน้าไปที่นั่นก่อนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ผู้อาวุโสหวู่อวิ๋น, ผมจะมอบหมายให้คุณรวบรวมเหล่าสมาชิกตระกูลจางและพาพวกเขาไปนะ ติดต่อพวกเราทันทีด้วยเมื่อคุณไปถึง” เซียนดาบชิงสั่งการ


หลังจากผู้อาวุโสที่ 1, จางหวู่เหิงถูกลงโทษด้วยข้อหากระด้างกระเดื่องต่อหัวหน้าตระกูล ผู้อาวุโสหวู่อวิ๋นก็เข้ารับตำแหน่งแทน


“อ้อ แจ้งเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดที่อยู่ระหว่างการปลีกวิเวกให้รีบเดินทางไปด้วย วิหารแห่งขงจื๊อน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการฝ่าด่านคอขวดของพวกเขา”


ก็เหมือนกับสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ ตระกูลจางมีผู้อาวุโสสูงสุดมากมายที่อยู่ระหว่างการปลีกวิเวก เว้นเสียแต่ตระกูลจางจะถูกบีบให้เข้าสู่สถานการณ์คับขัน พวกเขาก็จะไม่มีวันออกมา


ระดับวรยุทธของคนเหล่านั้นอยู่ในขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 4-ชั่วกัลปาวสาน เว้นเสียแต่นักปราชญ์โบราณจะออกโรง คนเหล่านี้ก็ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดของทวีปแห่งปรมาจารย์


โชคร้ายที่พวกเขาไม่อาจหาหนทางในการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้ จึงได้แต่เข้าสู่สภาวะจำศีลเพื่อยืดอายุขัยออกไปให้นานที่สุด


การเดินทางไปยังวิหารแห่งขงจื๊อนั้นมีอะไรที่มากกว่ามหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ไม่มีใครสามารถฝ่าด่านวรยุทธไปถึงขั้นนักปราชญ์โบราณได้เลยตลอดหมื่นปีที่ผ่านมา บางที ความลับที่อยู่เบื้องหลังการฝ่าด่านคอขวดนี้อาจซ่อนอยู่ที่นั่น


ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ พวกเขาก็ต้องเดินทางไปที่นั่นเพื่อค้นหาด้วยตัวเอง


ตอนนี้ ตระกูลจางเหลือนักปราชญ์โบราณเพียงคนเดียว และเมื่อนักปราชญ์โบราณผู้นั้นสิ้นอายุขัย หากไม่มีนักปราชญ์โบราณคนอื่นเข้ามาแทนที่ ตระกูลจางก็จะสูญเสียตำแหน่งตระกูลชั้นนำของทวีปแห่งปรมาจารย์ไป


“รับทราบ!” ผู้อาวุโสพยักหน้า


หลังจากสั่งการจบ เซียนดาบชิงก็พูดต่อ “ออกเดินทางกันเถอะ!”


จางเซวียนนำหอกสวรรค์กระดูกมังกรออกมาแล้วเปิดรอยแยกมิติตรงหน้า ทุกคนเดินทางเข้าไปในนั้นทันที


ด้วยระดับวรยุทธของพลังปราณที่เข้าถึงขั้นร่างอันทรงเกียรติ โลกจารึก ประสิทธิภาพการต่อสู้ของจางเซวียนจึงเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก ต่อให้ไม่ต้องใช้เล่ห์กลใดๆ เขาก็สามารถเผชิญหน้ากับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกอย่างอู๋ชู่ได้ และเอาชนะได้ด้วย


อันที่จริง เขาตั้งใจจะผลักดันระดับวรยุทธของพลังปราณให้พุ่งขึ้นไปถึงขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ แต่พบว่าตัวเองไม่สามารถทำได้!


วรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณจะทำให้นักรบผู้นั้นเข้าถึงความงดงามของโลกและหลีกเลี่ยงอันตรายได้โดยสัญชาตญาณ แต่ความสามารถนั้นถือเป็นการก้าวล่วงความลับของสวรรค์เช่นกัน ไม่ต่างกับเหล่าผู้หยั่งรู้ ในฐานะที่จางเซวียนครอบครองหอสมุดเทียบฟ้า ความพยายามในการทำแบบนั้นจึงลงเอยด้วยการที่เขาต้องถูกสายฟ้าฟาดใส่


เขาเคยแอบพยายามอยู่ 2-3 ครั้ง แต่ทุกครั้งก็ลงเอยด้วยความรู้สึกชาไปทั้งตัวจากกระแสไฟฟ้า เมื่อเห็นแล้วว่าไร้ประโยชน์ จึงต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป


เท่าที่ดู เขาคงไม่อาจเดินตามวิถีทางทั่วไปที่นักรบส่วนใหญ่ใช้กัน แต่คงต้องค้นหาเส้นทางของตัวเองให้เจอ


เมื่อทุกคนมาถึงปลายอีกด้านหนึ่งของรอยแยกของมิติ ก็อยู่ในอาณาบริเวณที่ใกล้กับชูฝู่แล้ว พวกเขารีบมุ่งหน้าไปยังวิหารแห่งขงจื๊อ ก็พอดีกับที่ร่างหนึ่งปรากฏ


เขาคือหวู่เฉิน


ก่อนหน้านี้ หวู่เฉินแยกตัวออกไปแล้วบอกว่ามีบางอย่างที่ต้องไปจัดการ


หวู่เฉินทักทายหลัวลั่วชิงด้วยการคำนับ ก่อนจะหันมามองจางเซวียน จางเซวียนอาจคิดไปเอง แต่เขารู้สึกเหมือนจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของความสับสนและขัดแย้งที่ปรากฏลึกในดวงตาของหวู่เฉิน


“คุณจัดการธุระของคุณเรียบร้อยหรือยัง?” จางเซวียนถาม


ตลอดเวลาที่ผ่านมา จางเซวียนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเกาะกุมหัวใจของหวู่เฉินอยู่ ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีนัก แม้จะตามติดหลัวลั่วชิง แต่ก็มีบางอย่างที่ขวางกั้นไว้ แต่ในตอนนี้ สิ่งที่ขวางกั้นไว้นั้นดูเหมือนจะหายไป ซึ่งก็น่าจะหมายความว่าภารกิจของเขาได้รับการคลี่คลายแล้ว


เมื่อได้ยินคำถามของจางเซวียน หวู่เฉินหยุดคิดแล้วตอบยิ้มๆ “ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของคุณ ผมแก้ไขมันแล้วเรียบร้อย”


“ค่อยยังชั่ว!” จางเซวียนพยักหน้า รู้ดีว่าหวู่เฉินไม่เต็มใจจะพูดเรื่องส่วนตัว จึงไม่ซักถามอะไรอีก


ไม่ช้า พวกเขาก็มาอยู่บนเส้นทางที่นำไปสู่ชูฝู่ บริเวณที่ทุกคนอยู่ในตอนนี้ก็ถือว่าไม่ไกลจากจุดหมาย


ยิ่งเข้าใกล้ชูฝู่มากขึ้นเท่าไหร่ แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์ดวงที่ 2 ที่อยู่บนท้องฟ้าก็มีมากขึ้น มันไม่แผดกล้าเท่าดวงอาทิตย์ของจริง แต่แรงกดดันนั้นดูเหมือนจะถาโถมเข้าใส่จิตวิญญาณโดยตรง


สามารถสร้างอาณาจักรโบร่ำโบราณขนาดใหญ่ขึ้นกลางอากาศและปกปิดมันไว้ได้แม้แต่จากการตรวจจับของนักปราชญ์โบราณ…สิ่งนี้ไม่น่าใช่ผลงานของมนุษย์ แต่เป็นปาฏิหาริย์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอำนาจที่เหนือกว่านั้น



ตอนที่ 1693 ชูฝู่

“สมแล้วที่เป็นครูบาอาจารย์ของโลก…” หวู่เฉินตั้งข้อสังเกตด้วยความยำเกรง


“ปรมาจารย์ขงไม่ได้ขึ้นชื่อเพียงแค่ประสิทธิภาพการต่อสู้อันไร้เทียมทาน แต่ยังมีภูมิปัญญาอันน่าทึ่งด้วย เขามีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบการสืบทอดวิชาชีพมากมาย ในบรรดาอาชีพของเก้าสถานะระดับล่าง ระดับกลาง และระดับบน เขาได้จัดระเบียบไว้ไม่น้อยกว่า 20 อาชีพเลยทีเดียว” เซียนดาบชิงอธิบายด้วยนัยน์ตาที่เปล่งประกายของความตื่นเต้น


เส้นทางของเหล่าปรมาจารย์นั้นก็มีต้นกำเนิดมาจากปรมาจารย์ขง จึงไม่มีปรมาจารย์คนไหนในโลกที่จะไม่ยำเกรงและเคารพเขา


จางเซวียนไม่ได้ร่วมวงสนทนากับคนอื่นๆที่เหลือ เขาจ้องมองวิหารขนาดมหึมาที่ถูกปกปิดไว้ภายใต้ ‘แสงอาทิตย์’ ด้วยสายตางงงัน ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เขารู้สึกเหมือนมีอะไรอย่างหนึ่งกำลังร้องเรียกเขาอยู่


ราวกับจะตอบสนองการร้องเรียกนั้น หอสมุดเทียบฟ้าสั่นสะท้านเบาๆ หนังสือมากมายนับไม่ถ้วนที่ถูกเก็บไว้ในนั้นก็พลอยสั่นสะเทือนไปด้วย


ในวิหารแห่งขงจื๊อมีของล้ำค่าที่สามารถยกระดับหอสมุดเทียบฟ้าได้หรือเปล่า? จางเซวียนครุ่นคิดด้วยความสงสัย


หอสมุดเทียบฟ้ามักไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว น้อยครั้งที่มันจะเคลื่อนไหวเพื่ออะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้มันกำลังสั่นสะท้านไม่หยุด


มันยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้เลยแม้เมื่อตอนที่เขาไปเยือนสมาคมผู้หยั่งรู้


หรือว่ามีบางอย่างในวิหารแห่งขงจื๊อที่หอสมุดเทียบฟ้าปรารถนา?


ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็จะต้องนำมันมาให้ได้


เหตุผลที่จางเซวียนพัฒนาตัวเองจากคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไม่มีใครรู้จักมาเป็นผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงเกียรติที่ทุกคนรู้จักกันทั่ว ก็ไม่ใช่เพราะความปราดเปรื่องอันน่าทึ่ง คุณงามความดี หรือความขยันหมั่นเพียรเป็นพิเศษของเขา แต่เป็นเพราะความสามารถของหอสมุดเทียบฟ้า!


ถ้าไม่ใช่เพราะหอสมุดเทียบฟ้า ป่านนี้จางเซวียนก็คงยังต้องดิ้นรนอยู่ในอาณาจักรเทียนเซวียน พยายามจะฝ่าด่านวรยุทธเพื่อเป็นปรมาจารย์ระดับ 1 ดาวต่อไป


แน่นอนว่าหอสมุดเทียบฟ้าเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าสูงสุดและไม้ตายของเขา ต่อให้ต้องเผชิญอันตรายขนาดไหน ก็คุ้มค่าหากจะทำให้เขายกระดับมันได้


จางเซวียนเปิดใช้ดวงตาหยั่งรู้เพื่อพยายามจ้องมองดวงอาทิตย์นั้น แต่แม้จะบินมาหลายร้อยลี้จนเข้าอาณาเขตชูฝู่ ก็ยังไม่อาจมองลึกเข้าไปในวิหารแห่งขงจื๊อได้ ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างปกปิดมันไว้จากสายตาของทุกคน


“วิหารแห่งขงจื๊ออยู่ในมิติลี้ลับ จนกว่ามันจะเปิดอย่างสมบูรณ์ ต่อให้นักปราชญ์โบราณก็เข้าถึงมันไม่ได้ ต่อให้บินไปเป็นทศวรรษก็เถอะ” หลัวลั่วชิงอธิบาย


จางเซวียนตาโตด้วยความประหลาดใจ


ในอีกแง่หนึ่ง ก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ในชีวิตเก่าของเขา มันดูเหมือนแขวนอยู่เหนือพื้นโลก เกิดเป็นภาพลวงตาที่ทำให้ใครๆรู้สึกว่าหากบินขึ้นสู่ท้องฟ้าก็จะสามารถแตะต้องมันได้ แต่อันที่จริง ต่อให้บินด้วยความเร็วแสง ก็ยังต้องใช้เวลาถึง 8 นาทีกว่าจะถึงดวงอาทิตย์


“ด้วยระยะไกลขนาดนี้ การที่เรายังมองเห็นมันอยู่ ก็แปลว่าวิหารแห่งขงจื๊อจะต้องมีขนาดใหญ่มาก?” จางเซวียนอดตั้งคำถามในใจไม่ได้


เหตุผลที่ดวงอาทิตย์มีสภาวะแบบนั้นก็เป็นเพราะความใหญ่โตของมัน


ซึ่งถ้าข้อสันนิษฐานนี้ใช้กับวิหารแห่งขงจื๊อได้ ก็แปลว่ามันจะต้องเป็นโลกใบใหญ่อีกใบใช่ไหม?


“วิหารแห่งขงจื้อไม่ใหญ่โตนักหรอก มันเป็นการควบคุมมิติชนิดหนึ่ง และอันที่จริง มันก็ไม่ได้อยู่ไกลจากเรามากนัก” หลัวลั่วชิงอธิบาย


ดูเหมือนเธอจะมีความเข้าใจอย่างล้ำลึกเกี่ยวกับวิหารแห่งขงจื๊อ


ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน เมืองโบราณเมืองหนึ่งก็ปรากฏแก่สายตา ทุกคนรีบมุ่งหน้าไป


ดินแดนนั้นคือดินแดนที่วิหารแห่งขงจื๊อตั้งอยู่, ชูฝู่!


เมืองนี้ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองหรือใหญ่โตอย่างสมาพันธ์นานาจักรวรรดิ ตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่ก็เป็นแบบโบร่ำโบราณและเก่าคร่ำ แต่มันมีรังสีของความเงียบและสงบสุข ก่อเกิดเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นน่าสบาย หากจะต้องพรรณนา ก็คงเหมือนกับเด็กทารกที่ได้กลับเข้าสู่อ้อมกอดของมารดา


“นี่คือ…รังสีพิเศษของปรมาจารย์ฟ้าประทาน?” จางเซวียนตาโตด้วยความตื่นเต้น


รังสีที่อบอวลอยู่ในเมืองนั้นเหมือนกับรังสีที่ซึมซาบอยู่ในร่างของเขาระหว่างที่ได้การยอมรับเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน ความแตกต่างเดียวก็คือความเข้มข้นของมันต่ำกว่ามาก


“มีพละกำลังบางอย่างที่จับต้องไม่ได้ซึ่งควบคุมโลกใบนี้ด้วยวิถีทางที่ลึกลับ มีรังสีแห่งภูมิปัญญา สำหรับความรู้ทางวิชาการ และรังสีแห่งการต่อสู้สำหรับศิลปะการต่อสู้ พลังทั้งสองแบบนี้มีต้นตอมาจากวัฒนธรรมเฉพาะของการศึกษาและการสร้างความสัมพันธ์ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ซึ่งพวกเราเรียกมันว่า ‘สภาวะครูบาอาจารย์’ หากใครคนหนึ่งเข้าถึงสภาวะครูบาอาจารย์ สภาพจิตของเขาจะมั่นคงและมีวุฒิภาวะขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ความคิดอ่านของพวกเขาจะเปิดกว้างและเต็มไปด้วยความใส่ใจ ทำให้แทบไม่มีพื้นที่หลงเหลือสำหรับปีศาจใต้สำนึกและความไร้เหตุผล!” เซียนดาบชิงอธิบาย


“สภาวะครูบาอาจารย์?” จางเซวียนทวนคำก่อนจะพยักหน้า


อันที่จริง รังสีพิเศษนี้ไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากมายกับปรมาจารย์ฟ้าประทาน เพราะเมื่อปรมาจารย์คนหนึ่งคารวะเหล่าบรรพบุรุษในห้องรับรองอาจารย์ เขาก็จะได้รับรังสีนี้เช่นกัน ในอีกแง่หนึ่ง มันจึงถือเป็นสัญลักษณ์ของขนบธรรมเนียมประเพณี


ก็เพราะสภาวะครูบาอาจารย์ที่ทำให้เหล่าปรมาจารย์สามารถเอาชนะใจผู้คนในโลกนี้และกลายเป็นผู้นำของโลก


“สถานที่นี้…เป็นแบบนั้นหรือ?” จางเซวียนถาม


เขาเพ่งความสนใจไปที่สภาวะครูบาอาจารย์ซึ่งอยู่รอบตัว และก็เหมือนอย่างที่เซียนดาบชิงพูด รังสีที่แผ่ออกมานั้นนำความเฉียบแหลมและแม่นยำมาสู่สมองของเขา แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ทำให้จางเซวียนเกิดความสงสัยบางอย่าง


อานุภาพของสภาวะครูบาอาจารย์นั้นน่าทึ่งมากจนถึงระดับที่แม้แต่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ก็ไม่อาจเทียบชั้นกับมันได้!


เห็นความสงสัยของจางเซวียน เซียนดาบชิงอธิบาย “ก่อนที่วิหารแห่งขงจื๊อจะเปิดออก ขณะที่สภาวะครูบาอาจารย์ยังคงอบอวลอยู่ในชูฝู่ มันมีอานุภาพรุนแรงกว่าที่ลูกรู้สึกอยู่ในเวลานี้ แต่ก็แน่นอนว่าความสามารถในการยกระดับสภาวะจิตของมันถือว่าใช้การได้ดีทีเดียวหากใครสักคนอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้เป็นระยะเวลานานๆ”


“ด้วยเหตุนี้ ชูฝู่จึงเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นดินแดนแห่งบรรพบุรุษของเหล่าปรมาจารย์ ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวส่วนใหญ่จะมาพักอาศัยอยู่ในชูฝู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ไม่ใช่เพื่อฝึกฝนวรยุทธหรือปลีกวิเวก แต่เพื่อเปิดรับประสบการณ์ชีวิตและบ่มเพาะสภาวะจิตของพวกเขา”


“ดูช่างไม้ที่อยู่ตรงนั้นสิ ลูกรู้สึกถึงความผิดปกติของเขาหรือเปล่า?”


จางเซวียนหันไปมอง


ที่ริมถนน มีช่างไม้คนหนึ่งกำลังแกะสลักเครื่องเรือนหนึ่งชิ้น มือของเขาเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำมาก ราวกับได้รับการวัดมาอย่างดีด้วยไม้บรรทัด ขุยไม้ปลิวว่อนไปทั่ว และไม่ช้า ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ก็ตั้งอยู่ตรงหน้าเขา


“เขาเป็น…ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว!” จางเซวียนอัศจรรย์ใจกับภาพที่เห็น


ช่างไม้ที่ขัดเกลาไม้ด้วยพละกำลังเพียงน้อยนิดและดูเหมือนจะไม่มีความแข็งแกร่งอะไร แถมยังไม่มีร่องรอยของพลังปราณที่ไหลเวียนในร่างกายของเขาแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้น การสะสมของพลังงานที่เชี่ยวกรากราวกับมหาสมุทรที่จางเซวียนมองเห็นว่ามันอยู่ในส่วนลึกของจุดตันเถียนของเขาโดยการใช้ดวงตาหยั่งรู้ ก็บ่งบอกว่าทุกอย่างแตกต่างออกไป


ช่างไม้คนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว แต่น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังมากด้วย


“ใช่แล้ว เขาเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อ 300 ปีก่อน ในครั้งนั้น เขาเป็นนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติ เพราะฉะนั้น ตอนนี้ก็คงพัฒนาขึ้นได้อีกมาก” เซียนดาบชิงตอบ


“นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติมาทำงานช่างไม้?” จางเซวียนแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน


ที่ผ่านมา เขาเคยคิดว่าผู้เชี่ยวชาญระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คงมีอยู่ไม่มากนักในบรรดาเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ใครจะไปคิดว่าแม้แต่ช่างไม้คนหนึ่งที่เขาพบอยู่ข้างถนนในชูฝู่ก็สำเร็จวรยุทธขั้นนั้นเช่นกัน?


“ดูคนขายปลาและคนขายเนื้อที่อยู่ตรงนั้นสิ พวกเขาเป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวผู้โด่งดังในยุคสมัยของตัวเอง ในตอนนั้น ทั้งคู่ยังไม่ทรงพลังมากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี พวกเขาก็สำเร็จวรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ แบบเดียวกับพ่อ” เซียนดาบชิงอธิบาย


“ถ้าในครั้งนั้นไม่เกิดอะไรขึ้นกับลูก ท่านแม่ของลูกและพ่อก็คงจะมาอยู่ที่ชูฝู่เพื่อใช้ชีวิตแบบธรรมดาสามัญเช่นกัน ด้วยการเปิดรับประสบการณ์ของชีวิตแบบคนธรรมดาที่มีความยากลำบาก พวกเราจะสามารถยกระดับสภาวะจิตและเตรียมพร้อมสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นที่สูงกว่าเดิมได้”


จางเซวียนพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ


เป็นอย่างที่เซียนดาบชิงพูด บุคคลที่ดูธรรมดาสามัญจำนวนมากมายที่อยู่รอบตัวพวกเขานั้นล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่


พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่หาตัวแทบไม่พบแม้แต่ในตระกูลใหญ่ๆ แต่ที่ชูฝู่มีคนระดับนี้อยู่มากมายเกลื่อนกลาดราวกับกะหล่ำปลีในตลาดสด


ไม่น่าแปลกใจแล้วที่ชูฝู่จะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งบรรพบุรุษของเหล่าปรมาจารย์ เพราะเท่าที่เห็น ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ


เซียนดาบชิงหันขวับมาถามจางเซวียนด้วยความอยากรู้ “อ้อ เซวียนเอ๋อ, ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของลูกในตอนนี้อยู่ที่เท่าไหร่? ถ้าลูกอยากยกระดับวรยุทธในฐานะปรมาจารย์ล่ะก็ การยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณถือว่ามีความสำคัญสูงสุด เพราะถ้าระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณมีไม่มากพอ หัวใจของลูกก็จะไม่สงบ เจตจำนงก็จะไม่บริสุทธิ์ ซึ่งจะทำให้การผลักดันระดับวรยุทธยากขึ้นเรื่อยๆ”


หากใครสักคนมีความถนัดมากพอ มีทรัพยากรเพื่อการฝึกฝนวรยุทธในจำนวนที่เหมาะสม และมีครูบาอาจารย์ที่ดี ก็จะสามารถยกระดับวรยุทธได้อย่างรวดเร็ว แต่การบ่มเพาะสภาวะจิตนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องเดินหน้าไปทีละขั้น ไม่อาจรีบร้อนได้ ไม่มีวิธีเร่งรัดกระบวนการนี้ และความพยายามใดๆก็ตามที่จะทำแบบนั้นก็จะต้องลงเอยด้วยความเสียหาย


ลูกชายของเขาเป็นผู้ปราดเปรื่องอย่างน่าทึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงที่ว่าปีนี้เขาเพิ่งอายุ 20 เท่านั้น การที่ได้เป็นปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวตั้งแต่อายุเท่านี้ เซียนดาบชิงอดห่วงไม่ได้ว่าระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของลูกชายของเขาจะสูงแค่ไหน และจะสามารถยกระดับมันขึ้นได้อย่างรวดเร็วหรือเปล่า


“ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของผม?”


จางเซวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตามตรง “29.1!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)