ลำนำบุปผาพิษ 1686-1691

 บทที่ 1686 เพื่อนร่วมทาง


พลังยุทธ์ในตอนนี้ของกู้ซีจิ่วสูงพอแล้ว หลังจากที่เธอเปิดใช้เนตรหยินหยาง ก็มองเห็นวิญญาณอาฆาตเลือนรางเหล่านั้นได้แล้ว…


มีทั้งที่เป็นสัตว์และเป็นมนุษย์ วิญญาณอาฆาตเหล่านี้ล่องลอยร้องโหยหวนบนเส้นทางกระดูกขาว ทว่ากลับอยู่ห่างจากพื้นได้ไม่เกินสามฉื่อ


วิญญาณโลกีย์!


พวกนี้คือวิญญาณโลกีย์!


หลังจากใช้วิธีพิเศษสังหารคนหรือสัตว์เหล่านี้ให้ตาย ดวงวิญญาณของพวกมันจะไม่ดับสูญ ทำได้เพียงล่องลอยอยู่เหนือโครงกระดูกตัวเอง ไออาฆาตหนาแน่น ทำให้พื้นดินนี้มืดมนและหนาวเหน็บดังอุโมงค์น้ำแข็ง


กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอยิ่งมั่นใจว่าที่นี่น่าจะเป็นฐานลับของโม่เจ้า!


สภาพของสถานที่แห่งนี้เหมือนกับวังใต้พิภพภายใต้ภูเขาไฟนั้น ทว่ารูปแบบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


การปลูกสร้างสถานที่เช่นนี้ ไม่ได้ใช้ความเพียรพยายามเพียงแค่ชั่วข้ามคืน


กู้ซีจิ่วกวาดตามองสีของกระดูกขาวเหล่านั้นระหว่างทาง มีโครงกระดูกเก่าที่มีอายุมากกว่าสิบปี และมีโครงกระดูกใหม่เมื่อช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มี…


ตี้ฝูอีติดตามอยู่ข้างกายนางตลอด เขากวาดตามองรอบด้านอย่างเงียบสงบเช่นกัน ปลายคิ้วขมวดเล็กน้อย แผนผังของสถานที่แห่งนี้เหมือนกับค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ค่ายกลหนึ่ง ด้วยความสามารถของเขา กลับมองไม่ออกว่านี่คือค่ายกลอะไรเช่นกัน แม้แต่ควรจะเดินไปทิศทางไหนก็ยังไม่รู้


ทว่ากู้ซีจิ่วกลับเหมือนรู้จักเส้นทาง นอกจากความมึนงงเพียงเล็กน้อยตอนที่เพิ่งเริ่มเข้ามาแล้ว หลังจากนั้นเธอก็เหมือนเป็นแขกประจำของที่นี่ สาวเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า


“เจ้าเคยเห็นแผนผังของที่นี่หรือ?” เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามนาง


กู้ซีจิ่วไม่ได้หันหน้ากลับมา ทว่าเธออธิบาย “ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่หลงฟั่นสร้างขึ้นมา เป็นหนึ่งในฐานลับของเขากับโม่เจ้า”


ตี้ฝูอีเคยเห็นฐานลับอื่นอีกสองแห่งของหลงฟั่น แต่การจัดวางแผนผังของที่นี่ไม่มีจุดไหนที่เหมือนกับอีกสองแห่งก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย


เขากล่าว “ข้ารู้ว่าที่แห่งนี้ต้องเป็นฐานลับของพวกเขาอย่างแน่นอน ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นการจัดวางเส้นทางของที่นี่ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าตรงไหนคือตาค่าย?”


หรือว่ามีบางสิ่งที่เขาไม่รู้ หากเป็นเมื่อก่อน กู้ซีจิ่วจะต้องถ่ายทอดความรู้ให้เขาอย่างภาคภูมิใจ แล้วล้อเลียนเขาสักหน่อยเป็นแน่


ทว่ายามนี้ เธอไม่มีกะจิตกะใจ


น้ำเสียงของเธอไม่ไยดียิ่งกว่าเดิม “ที่นี่เลียนแบบผังการไหลเวียนโลหิตของงูเหลือม ตาค่ายของมันต้องเป็นตำแหน่งหลังหัวเจ็ดนิ้วซึ่งเป็นจุดตายแน่นอน ในเมื่อผู้บงการเบื้องหลังต้องการเก็บโลหิตของจิ้งจอกน้อยเพื่อฝึกฝน ก็ต้องอยู่ที่จุดสำคัญบริเวณตาค่ายแน่”


ตี้ฝูอีพูดจาอันใดไม่ออก หากเป็นผังการไหลเวียนโลหิตของมนุษย์ เขามองออกได้ในแวบเดียว ทว่างูเหลือม…


“เจ้าเคยศึกษาผังการไหลเวียนโลหิตของงูเหลือมตั้งแต่เมื่อใดกัน?” ตี้ฝูอีสงสัย


กู้ซีจิ่วไม่ตอบ หากเป็นคำถามที่ไม่จำเป็น เธอคร้านที่จะเอื้อนเอ่ย


ตอนเธอเรียนการแพทย์ในยุคปัจจุบัน ได้ชำแหละสัตว์บางชนิดเป็นประจำ หนึ่งในนั้นก็คืองูเหลือม…


พูดได้เลยว่าหลงฟั่นเป็นอัจฉริยะสติเฟื่องจริงๆ เขาสร้างฐานลับขึ้นมาประหนึ่งงูเหลือมที่ถูกชำแหละแล้ว


หากไม่คุ้นเคยกับโครงสร้างของงูเหลือม ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญค่ายกลมาถึงที่นี่ก็ต้องงงวย!


ครั้งนี้หากไม่ใช่กู้ซีจิ่วเข้ามา อาศัยตี้ฝูอีเพียงคนเดียว ต่อให้คลำทางไปทั้งวันก็ไม่อาจตามหาสถานที่ที่ถูกต้องได้


อาจด้วยเหตุผลที่เป็นฐานลับ อีกทั้งคนของโม่เจ้ากับหลงฟั่นก็ถูกตี้ฝูอีกวาดล้างนองเลือดไปแล้ว ดังนั้นคนที่นี่จึงมีไม่มาก


ทั้งสองเดินไปตามเส้นทางนี้ก็ไม่ได้พบผู้คนจำนวนมาก


ถึงแม้คนที่นี่จะน้อย ทว่าแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือ กู้ซีจิ่วเคยแอบสำรวจดู พลังยุทธ์ต่ำสุดของคนเหล่านี้คือบรรลุถึงพลังวิญญาณขั้นแปดแล้ว ส่วนมากล้วนเป็นยอดฝีมือที่มีพลังวิญญาณขั้นเก้าขึ้นไป


เธอทราบจากการพูดคุยของพวกเขาว่า เดิมทีคนเหล่านี้เป็นลูกน้องของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม หลังจากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมพ่ายแพ้ คนเหล่านี้ก็ถูกนายท่านของฐานลับนี้ซื้อตัวมา


——————————————————————–


บทที่ 1687 ซ้ำยังกอดกันแน่นถึงเพียงนี้ด้วย!


แน่นอนว่าด้วยวรยุทธ์ในปัจจุบันของพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองสามารถใช้คำว่าสะท้านโลกามาบรรยายได้เลย ตลอดการเดินทางนี้ของทั้งสองคน หากว่าพบเจอคนที่มาตามลำพังหรือว่ามาด้วยกันเพียงสองสามคน ล้วนถูกพวกเขาโจมตีด้วยกระบวนท่าดุจสายฟ้าแลบจนมอดม้วยไป ไม่ได้เปล่งเสียงอุทานออกมาเลยสักแอะ


เมื่อเจอกลุ่มที่มากันสี่ห้าคน พวกเขาก็ใช้วิชาเร้นกายเสีย…


ดังนั้นตลอดทางนี้จึงราบรื่นไร้อันตราย


ในไม่ช้า คนทั้งสองก็เข้าใกล้ส่วนใจกลางแล้ว และในยามนี้เอง เกิดเหตุเหนือความคาดหมายขึ้น!


เนื่องจากตลอดทางมานี้ทั้งสองไม่พบสิ่งของจำพวกกับดักกลไกเลย ดังนั้นจึงประมาทไปอย่างใหญ่หลวง


ไม่ทราบว่าเท้าข้างหนึ่งของตี้ฝูอีไปเหยียบโดนอะไรเข้า พื้นที่เดิมทีเป็นปกติจู่ๆ ก็แยกออกเป็นหลุมใหญ่อย่างไร้สุ้มเสียง!


ตี้ฝูอีไม่ทันระวัง ร่วงดิ่งลงไปทันที!


กู้ซีจิ่วที่เดินนำอยู่ด้านหน้าได้ยินเสียงผิดปกติจากด้านหลัง ขณะที่รีบหันกลับไป ด้านหลังก็ไม่มีเงาร่างของตี้ฝูอีอยู่แล้ว ตรงจุดเดิมปรากฏโพรงลึกกว้างสองจั้ง


กู้ซีจิ่วทึ่มทื่อไปไม่กี่วินาที รีบร้อนโผเข้าไป!


มองลงไปในโพรงแวบหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าโพรงนี้จะลึกจนไม่อาจหยั่งได้ ในส่วนลึกของโพรงมีแสงสีแดงจุดเล็กๆ กะพริบอยู่รางๆ…


เธอมองเห็นตี้ฝูอีแล้ว เขาไม่ได้ร่วงลงไปที่ก้นหลุม ร่างติดอยู่บนผนังโพรงที่อยู่ลึกลงไปเจ็ดสิบแปดสิบจั้ง


เนื่องจากแสงในโพรงสลัวเลือนราง กู้ซีจิ่วจึงมองเห็นไม่ชัดว่าสรุปแล้วเขาเป็นอย่างไรบ้าง เพียงแต่ด้วยวรยุทธ์ของเขา หากว่าเพียงร่วงตกหน้าผาแห่งหนึ่งติดกับดักอันใดเข้า ก็น่าจะกระโจนขึ้นมาได้ทันทีมิใช่หรือ? เช่นนั้นที่เขาโอ้เอ้ไม่ขึ้นมาเสียทีเป็นเพราะอะไรกัน?


ไม่มีเวลาให้ใคร่ครวญแล้ว กู้ซีจิ่วแทบไม่ได้คิดเลยว่าควรทำอย่างไร ตัวคนก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายลงไปแล้ว…


เธอเคลื่อนย้ายไปโผล่ข้างกายเขาเสียงดัง ‘ฟุ่บ!’


จากนั้น…ก็เบียดเสียดอยู่ที่เดียวกับเขา


หลังจากที่กู้ซีจิ่วลงมาแล้วถึงได้ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น


กลไกนี้พิสดารนัก มองจากด้านบนดูเหมือนจะกว้างใหญ่หลายจั้ง แต่หลังจากลงมาจริงๆ กู้ซีจิ่วถึงได้พบว่าโพรงนี้แคบยิ่งนัก แคบขนาดที่จุคนได้เพียงสองคน…


เธอคิดจะลงมาข้างกายเขาชัดๆ กลับคาดไม่ถึงว่าหลังจากกระโดดลงมาแล้ว ราวกับมีบางสิ่งที่เบียดดันเธอ ไม่น่าเชื่อว่าจะดันให้เข้าสู่อ้อมแขนของเขาโดยตรง


เดิมทีตี้ฝูอีหันหน้าเข้าหาผนังโพรง เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงฝืนหมุนกายกลับมา ด้วยเหตุนี้จึงรับตัวกู้ซีจิ่วที่ร่วงลงมาได้พอดี


โพรงนี้ประหลาดนัก มีความยืดหยุ่นสูงยิ่ง


ตอนที่ตี้ฝูอีตกลงมาคนเดียว ผนังโพรงทั้งสองด้านเบียดดันเขาให้อยู่ตรงนั้นขยับเขยื้อนไม่ได้ชั่วขณะ


แต่หลังจากที่กู้ซีจิ่วร่วงลงมา โพรงนี้ก็กลายเป็นโพรงที่พอจะฝืนจุคนสองคนไว้ได้ ทั้งสองคนเบียดเสียดกันดั่งปลากระป๋อง แม้แต่กระดาษสักแผ่นก็ไม่อาจสอดเข้าไปตรงกลางได้


กู้ซีจิ่วนิ่งงัน


นับแต่ทั้งสองเลิกรากันมาเนิ่นนานปานนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กอดกันอีกครั้ง ซ้ำยังกอดกันแน่นถึงเพียงนี้ด้วย!


กลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์บนร่างเขาอวลอยู่ที่ปลายจมูก อ้อมแขนของเขายังคงอบอุ่นเช่นในอดีต อ้อมกอดนี้เคยเป็นสถานที่ที่เธอโหยหาที่สุด


ตอนนี้พอได้แนบชิดอ้อมแขนนี้อีกครั้ง หัวใจกู้ซีจิ่วพลันสั่นไหวปานจมน้ำ ความฝาดเฝื่อนอันน่าประหลาดพุ่งตรงขึ้นมา เธอเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มดันตัวเล็กน้อย คิดจะดันตัวออกจากอ้อมแขนของเขา


เธอไม่อยากอยู่ในอ้อมแขนของเขา ไม่อยากแนบชิดกับเขาเช่นนี้!


แต่ผนังโพรงทั้งสองด้านที่กดทับเธอกับเขาไว้กลับแข็ง เธอดันตัวออกไปไม่ได้เลย


และด้วยการดิ้นรนของเธอ ผนังโพรงนั้นก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมา เบียดดันเข้ามาอีกครั้ง ต่อให้กู้ซีจิ่วอยู่ในอ้อมแขนเขาก็ยังถูกดันจนหายใจไม่ออกอยู่บ้าง


หน้าอกเธอแนบติดกับหน้าอกของเขา แนบชิดสนิทในอย่างเหนือธรรมดา


สมัยก่อนยามที่ทั้งสองยังรักกันหวานซึ้งก็ยังไม่ได้แนบชิดกันเช่นนี้เลย ตี้ฝูอีย่อมสัมผัสถึงความอ่อนนุ่มของร่างกายนางได้ ฉากรักใคร่หวานซึ้งในช่วงหลายปีมานี้ผุดวาบขึ้นมาในสมองของเขา


บทที่ 1688 ความปรารถนาของร่างกาย


ฉากรักใคร่หวานซึ้งในช่วงหลายปีมานี้ผุดวาบขึ้นมาในสมองของเขา ความปรารถนาของร่างกายที่เดิมทีถูกบังคับให้หลับใหลไป ยามนี้กลับมีสัญญาณว่าจะรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว…


ถึงอย่างไรคนทั้งสองก็เป็นสามีภรรยากันมาถึงแปดปี ต่างฝ่ายต่างคุ้นเคยกันดีจนไม่อาจคุ้นเคยไปยิ่งกว่านี้ได้แล้ว เมื่ออีกฝ่ายเกิดความไม่ปกติขึ้นมาเล็กน้อยก็สามารถรับรู้ได้


กู้ซีจิ่วแนบชิดกับเขาถึงเพียงนี้ ย่อมรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเขาได้…


หัวใจเธอเต้นแรงเล็กน้อย เบ้าตาร้อนผ่าวนิดๆ การไหลเวียนของโลหิตมีทีท่าว่าจะเร็วขึ้น แต่พอนึกถึงการทรยศของเขาขึ้นมาอีกครั้งในทันใด…


ด้วยเหตุนี้ อารมณ์อ่อนไหวทั้งหมดจึงราวกับถูกลมหนาวพัดกระจัดกระจายไป เธอเริ่มดิ้นรนเพื่อออกไปด้านนอกอย่างสุดกำลัง


แต่ยิ่งดิ้นรนเท่าไหร่ก็ยิ่งเบียดชิดขึ้นเท่านั้น เธอถูกบีบจนอึดอัดยิ่งนัก อ้าปากน้อยๆ หอบหายใจ


“อย่าขยับ!” มือข้างหนึ่งของตี้ฝูอีโอบเอวของเธอไว้ “นี่เป็นกลไก เจ้าดิ้นไม่หลุดหรอก”


เขาโคจรพลังยุทธ์อยู่เงียบๆ ใช้แขนฝืนค้ำยันผนังด้านหลังของนางไว้ ฝืนเปิดช่องว่างให้นางเล็กน้อย ให้นางได้หายใจสะดวก


“ท่านแก้กลไกนี้ได้หรือไม่?” กู้ซีจิ่วถาม


ท่ามกลางความมืดผิวพรรณของนางขาวนวล ริมฝีปากอิ่มเอิบแดงเรื่อ ดวงตาส่องประกายพราวระยับ


ตี้ฝูอีข่มความคิดที่อยากประทับจุมพิตลงไปเอาไว้ ตอบเสียงแผ่วว่า “อย่าได้กังวล เดี๋ยวข้าจะลองดู”


ฝ่ามือของเขาค่อยๆ เคลื่อนที่อยู่ด้านหลังเธอทีละชุ่นๆ คลำหากลไกบนผนังโพรง


ถึงแม้จะเป็นเพียงหลังมือที่ปัดผ่านแผ่นหลังเธอ แต่ก็ซีจิ่วก็ยังสัมผัสถึงความร้อนจากฝ่ามือของเขาได้ ส่วนร่างกายที่แนบชิดกันอยู่ของทั้งสองคนก็ทำให้เธออัดอัดใจยิ่งนัก


ตี้ฝูอีคลำอยู่ครู่หนึ่ง พลันสัมผัสได้ว่านางที่อยู่ในอ้อมแขนหายใจหอบถี่เล็กน้อย ดวงหน้าเฉิดฉันแดงก่ำ ตะลึงงันเล็กน้อย


ในที่สุดคล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ฝ่ามือพลันแข็งทื่อ!


บนแนวสันหลังของกู้ซีจิ่วมีจุดอ่อนไหวอยู่ ในอดีตยามที่ทั้งสองร่วมรักกัน ตี้ฝูอีมักจะลูบไล้จุดนี้ของนางอยู่เสมอ ทำให้นางลืมตัว ทำให้สติของนางล่องลอยคิดเพียงแต่จะแอบอิงเข้าหาเขา…


“ขออภัย…” ตี้ฝูอีกระซิบ พยายามนำฝ่ามือออกห่างจากตำแหน่งนั้นของนางอย่างสุดกำลัง


สีหน้ากู้ซีจิ่วราบเรียบ ไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงหน้าน้อยๆ ที่แดงก่ำค่อยๆ ซีดเซียวลง…


ตี้ฝูอีหากลไกเปิดสถานที่แห่งนี้ไม่พบ กู้ซีจิ่วสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยถาม “ท่านใช้วิชาหดกระดูกอย่างรวดเร็วได้ใช่ไหม? ข้าเห็นว่ากลไกของที่นี่ยามที่เบียดดันเข้ามาจะมีการจำกัดระยะเวลาอยู่ มีช่วงเวลาที่ล่าช้าอยู่ไม่กี่วินาที ท่านหดกระดูกอย่างรวดเร็วก่อน ให้มีช่องว่างขึ้นมาชั่วขณะ แล้วข้าจะรีบใช้วิชาเคลื่อนย้ายอีกครั้ง…”


วิธีนี้มีความเป็นไปได้!


ตี้ฝูอีก็เห็นดีด้วยเช่นกัน “ได้!”


เพิ่งจะเอ่ยคำว่าได้ออกมา ร่างกายของเขาก็หดเล็กลงในทันใด! เมื่อเขาตัวเล็กลง เขาย่อมหลุดออกจากตำแหน่งนี้ ทันทีที่ร่างกายซึ่งหดเล็กลงของเขาร่วงลงไปด้านล่าง กู้ซีจิ่วก็ตอบสนองว่องไว คว้าตัวเขาไว้ จากนั้นก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว…


เมื่อทั้งสองเหยียบย่างลงบนพื้นดินปกติ ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอก้มหน้าลงไปโดยไม่ตั้งใจแวบหนึ่ง มองเห็นตี้ฝูอีฉบับย่อส่วน


เมื่อครู่ตี้ฝูอีต้องการสร้างช่องว่างที่กว้างขึ้นหน่อย เขาจึงหดตัวให้อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กน้อยวัยสองสามขวบ ยามนี้ยืนอยู่บนพื้น ไม่ได้กลับสู่สภาพเดิม


กู้ซีจิ่วอยู่กินกับเขามาเนิ่นนานปานนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเขาในลักษณะเช่นนี้


ตัวเล็กจ้อยสูงไม่ถึงหนึ่งเมตร นัยน์ตากลมโต ขนตายาวเป็นแพ จมูกสูงโด่ง ริมฝีปากเล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม ราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ น่ารักน่าเอ็นดูโดยแท้!


ในสายตาของกู้ซีจิ่วเขาแข็งแกร่งไร้เทียมทานมาโดยตลอด ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นเขาในรูปลักษณ์ยามเด็กน้อยแบเบาะเช่นนี้ ทำให้คนมองแวบเดียวก็เอ็นดูสงสารขึ้นมา อยากจะอุ้มเขาขึ้นมาหอมสักฟอด


หนูน้อยที่งดงามมีพลังทำลายล้างสูงที่สุด กล่าวได้ว่าเป็นขวัญใจของคนทุกเพศทุกวัย


กู้ซีจิ่วย่อมมิใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน เดิมทีเธอไม่คิดจะมองเขาเลย ยามนี้กลับอดใจไม่ได้มองอยู่หลายครั้ง


หากว่า…เมื่อแปดปีนั้นเธอให้กำเนิดทารกออกมา บางทีอาจจะมีรูปโฉมเช่นนี้เหมือนเขา…


—————————————————————————


บทที่ 1689 ช่วยคน 1


อันที่จริงเธออยากมีลูกของตัวเองมาก เพียงแต่น่าเสียดายที่…


เธอละสายตาไปจากร่างเขาในทันใด หันหลังออกเดิน “ไปกันเถอะ!”


เธอก้าวไปด้านหน้าอยู่ครู่หนึ่ง พบว่าเขาไม่ได้ติดตามมา ค่อนข้างฉงนอยู่บ้าง เกรงว่าเขาจะตกลงไปในกลไกอันใดอีก จึงหันกลับไปอีกครั้ง


พบว่าเขายังยืนอยู่ตรงนั้น กำลังพยายามเพิ่มความสูงขึ้นทีละชุ่นๆ…


ฉากนั้นค่อนข้างคล้ายการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของเด็กคนหนึ่ง ยามที่กู้ซีจิ่วหันกลับไปเห็น เขาเติบโตเป็นเด็กชายวัยเจ็ดแปดขวบแล้ว


ทั้งสองคนสบตากัน เขาผงะไปแวบหนึ่งอย่างที่พบเห็นได้ยากนัก ดวงหน้าน้อยๆ ปานหยกขาวแดงก่ำขึ้นมา ท่าทางค่อนข้างเขินอายยิ่งนัก


ด้วยเหตุนี้เขาจึงยิ้มแวบหนึ่ง ลักยิ้มปรากฏขึ้นบนพวงแก้มทั้งสองข้าง จากนั้นก็เร่งเพิ่มความสูงขึ้นยิ่งกว่าเดิม


กู้ซีจิ่วมองจนเซ่อไปแล้ว!


ในใจของตี้ฝูอีกลับค่อนข้างกดดันขมขื่น บุรุษทุกคนล้วนอยากให้สตรีของตนได้เห็นด้านที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของตน มิใช่รูปลักษณ์ยามเยาว์ในวัยสวมกางเกงเปิดเป้า


นับประสาอะไรกับตี้ฝูอีที่เป็นเทพผู้สูงส่งเหนือปวงชนเสมอมาเล่า?


ภายใต้สายตาชำระล้างของนาง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาคิดอยากแทรกแผ่นดินหนี…


แน่นอน ความคิดนี้เพียงวาบขึ้นมาสมองของเขาเท่านั้น จากนั้นก็สงบสติอารมณ์ลงอีกครั้ง


เร่งความเร็วในการเจริญเติบโตขึ้นอีกเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงเบิกตามองเขาเติบโตจากเด็กน้อยวัยเตาะแตะกลายเป็นเด็กชายวัยซุกซน จากนั้นก็เติบโตเป็นเด็กหนุ่มรูปงาม สุดท้ายก็กลับสู่รูปลักษณ์ดั้งเดิมของเขา กลายเป็นชายหนุ่มหล่อเหลางามสง่าในอาภรณ์ขาวแผ่วพลิ้ว


แน่นอนว่าเมื่อเขากลับสู่รูปลักษณ์เดิม บนหน้าก็มีหน้ากากสวมทับลงไปแทบจะในทันที


ช่วงเวลานี้ไม่นับว่านาน ประมาณห้าหกนาทีเท่านั้น


ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที กู้ซีจิ่วราวกับได้เห็นช่วงชีวิตอันยาวนานของเขาแล้ว


ที่แท้เขาก็มีช่วงที่น่ารักน่าหยิกถึงเพียงนี้เช่นกัน และเติบโตมาจากการเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเหมือนกัน


ยามที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน กู้ซีจิ่วก็เคยถามถึงเรื่องราวในวัยเด็กของเขา แต่ตี้ฝูอีบอกว่า นับตั้งแต่เขาจำความได้ก็อยู่ในวัยเด็กหนุ่มแล้ว ฟื้นขึ้นมาในพื้นที่รกร้างกันดาร ไร้บุพการี มีวรยุทธ์ประหลาดติดตัว จากนั้นรบทัพจับศึกปราบปรามใต้หล้าที่โกลาหลวุ่นวาย กลายเป็นยอดคนอับดับหนึ่งของโลกนี้…


ประหลาดนัก ยามที่เขาหดตัวให้เล็กก็หดได้ในชั่วพริบตานี่ ทำไมการเติบโตขึ้นถึงได้ลำบากยากเย็นขนาดนี้ล่ะ?


ตอนนี้เขาอยู่ในรูปลักษณ์ของเทพศักดิ์สิทธิ์ มิใช่การแต่งกายแบบตี้ฝูอีอีกต่อไป


สองฐานะนี้ของเขาสลับสับเปลี่ยนกันได้ตามใจนึก ไม่หลบเลี่ยงเธอเลยสักนิด


กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะมองเขาอีกสองครา ตี้ฝูคล้ายทราบว่าเธอสงสัยอะไรอยู่ จึงเอ่ยอธิบาย “หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย หลานจิ้งอี๋น่าจะบอกฐานะเทพศักดิ์สิทธิ์ของข้ากับผู้บงการเบื้องหลังคนนั้นแล้ว อีกเดี๋ยวพอนางเจอข้า คาดว่าคงเอ่ยนามเดิมของข้าออกมา มิสู้ใช้ฐานะเทพศักดิ์สิทธิ์ไปช่วยนางตรงๆ เลยดีกว่า”


ที่แท้ก็เพื่อหลานจิ้งอี๋…


ที่แท้เขาก็รักเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวของคนรักยิ่งนัก…


เธอไม่พูดอะไร หันหลังออกเดินไป


เขายินดีจะใช้ฐานะใดนั่นก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเธอ ตอนนี้เธอแค่อยากช่วยจิ้งจอกน้อยออกมา ถือโอกาสลากตัวไอ้สารเลวที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมาด้วย!


เลี้ยวไปเลี้ยวมาอยู่ไม่กี่รอบ ด้านหน้าก็ปรากฏสิ่งปลูกสร้างทรงหัวใจหลังหนึ่ง อาคารหลังนั้นไม่เพียงแต่มีรูปทรงคล้ายหัวใจเท่านั้น ยังเต้นเป็นจังหวะได้เหมือนกันด้วย เมื่อมองจากด้านนอกจะเห็นว่าเดี๋ยวยุบเดี๋ยวพอง เสมือนหัวใจยักษ์ดวงหนึ่งกำลังเต้นอยู่


อาคารหลังนั้นก็เป็นศูนย์รวมของ ‘เส้นเลือด’ มากมายด้วย เส้นเลือดที่อยู่ตรงนั้นมากมายยิ่งกว่าใยแมงมุมเสียอีก


และสี่ทิศของอาคาร ห่างออกไปสักสามสี่เมตรจะมียอดฝีมือคนหนึ่งยืนอยู่ กำลังจับจ้องทางเข้าออกแต่ละทางเขม็ง


ไม่จำเป็นต้องถามเลย ที่นี่ก็คือส่วนใจกลาง และเป็นสถานที่ที่ผู้บงการพำนักอยู่


เธอเงี่ยหูฟัง ในอาคารพิสดารหลังนั้นไม่มีเสียงเคลื่อนไหวเลยสักนิด ประหนึ่งสุสานผู้วายชนม์


เธอมุ่นคิ้วนิดๆ…


บทที่ 1690 ช่วยคน 2


หลังจากเข้ามาเธอได้ทราบว่า ยามและผู้คุ้มกันอันใดของสถานที่แห่งนี้ไม่สามารถเดินวุ่นวายตามใจชอบได้ ต่างคนต่างมีหน้าที่และพื้นที่ของตน ถ้าข้ามเขตจะถูกสังหารทันที!


ดังนั้นกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีปะปนเข้ามาได้ไม่นาน ก็สวมรอยฐานะของสองคนนั้นต่อไม่ได้แล้ว


จึงกลับสู่รูปลักษณ์เดิมเสียเลย เร้นกายเดินทางมาโดยตลอดยามนี้ประตูใหญ่สองบานของอาคารพิสดารหลังนั้นปิดสนิท มองไม่เห็นเช่นกันว่าด้านในมีสิ่งใด


มีผู้คุ้มกันทั้งหมดสิบคน ล้วนเป็นผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นเก้าขึ้นไปทั้งสิ้น มองจากสายตาและท่าทางแล้ว ล้วนมีปฏิกิริยาตอบสนองเฉียบไวทั้งสิ้น และตื่นตัวระแวดระวังยิ่งนัก


พวกเขายืนเรียงเป็นขบวนค่ายกลอย่างหนึ่งอยู่รางๆ ขบวนค่ายกลนี้คือจู่โจมหัวหางตั้งรับ จู่โจมหางหัวโต้กลับ[1] ดังนั้นจึงใช้วิธีลอบโจมตีไปทีละคนไม่ได้


กู้ซีจิ่วคิดเล็กน้อย คิดจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายเข้าไปตามสัญชาตญาณ ถูกตี้ฝูอีรั้งไว้ “ไม่ได้! รอบๆ อาคารหลังนี้มีเขตแดนป้องกันคนเคลื่อนย้ายเข้าไป!”


กู้ซีจิ่วชักมือตนกลับ ชะงักไปเล็กน้อย ตัดสินใจลองใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม[2]ดู


เธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปยังอาคารที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่แล้ววางเพลิง…


สิ่งที่เธอนึกไม่ถึงคือ เพิ่งจะจุดเพลิงนี้ขึ้น เหนือจุดที่วางเพลิงก็มีน้ำพ่นออกมา ประหนึ่งฝนห่าใหญ่ดับไฟให้วอดไป


ช่างเป็นสถานที่ที่วิทยาการล้ำหน้าโดยแท้!


ขณะที่เธอกำลังหาตำแหน่งวางเพลิงใหม่อีกครั้ง ตี้ฝูอีก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเธออย่างเงียบเชียบ ดีดนิ้วทีหนึ่ง เปลวเพลิงสายหนึ่งลุกไหม้ตัวอาคารโดยตรง ด้านบนยังคงมีน้ำพ่นลงมา แต่ครานี้ฝนห่าใหญ่กลับไม่สามารถดับไฟได้แล้ว


กู้ซีจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ตี้ฝูอีก็เอ่ยเพียงสี่คำ “เพลิงแท้กสิณ!”


เพลิงโหมขึ้นที่นี่ ย่อมทำให้ผู้คุ้มกันที่ลาดตระเวนอยู่รอบๆ เหล่านั้นตื่นตระหนก พากันวิ่งเข้ามา


อาศัยจังหวะที่ชุลมุนวุ่นวาย กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายกลับไปยังละแวกอาคารทรงหัวใจหลังนั้นอีกครั้ง ผลคือพบว่ายอดฝีมือสิบคนนั้นยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเช่นเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะไปช่วยดับไฟเลย กลับขยับเข้าใกล้อาคารหลังนั้นยิ่งขึ้น แต่ละคนตั้งท่าเตรียมพร้อม!


เห็นทีว่าผู้บงการคนนั้นจะแจกแจงเรื่องราวไว้ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ให้พวกเขาออกห่างจากที่นี่


ตี้ฝูอีวางเพลิงอย่างเนื่องกันเจ็ดแปดจุด เสียงโวยวายให้มาช่วยดับไฟแว่วอยู่ไกลๆ เสียงรอบข้างสับสนอลหม่าน สถานการณ์ฉุกเฉินถึงเพียงนี้ แต่สิบคนนั้นถึงแม้สีหน้าจะตื่นตระหนกตกใจ แต่ยังคงไม่ขยับเขยื้อนเช่นเดิม


เห็นทีว่าต่อให้ที่อื่นถูกเผาจนวอดไปหมด สิบคนนี้ก็คงไม่ออกห่างจากรัง ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปเลย…


เพียงแต่ นี่ก็ทำให้มองออกว่าผู้บงการคนนั้นก็ซ่อนตัวอยู่ในอาคารทรงหัวใจหลังนี้ ไม่แน่ว่ายามนี้อาจจะเริ่มทรมานหลานไว่หูแล้ว…


กู้ซีจิ่วร้อนใจดั่งไฟลน ตี้ฝูอีก็วกกลับมาแล้วเช่นกัน เห็นนางมองดูสิบคนนั้นอีกครั้ง เอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “ไม่มีวิธีแล้ว ตีฝ่าไปเถอะ!”


ขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหว กู้ซีจิ่วกล่าวขึ้นว่า “พวกเราแยกกันปฏิบัติการเถอะ!”


ตี้ฝูอีเลิกคิ้วมองเธอ กู้ซีจิ่วจึงเอ่ยต่อว่า “พอพวกเราลงมือ จะต้องทำให้คนด้านในตระหนกแน่ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะลงมือกับจิ้งจอกน้อยทันที และการกำจัดสิบคนนี้ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเค่อ กว่าพวกเราจะบุกเข้าไปได้ ไม่แน่ว่าคนที่อยู่ด้านในอาจหนีหายไปนานแล้ว พวกเราก็จะวุ่นวายอย่างเสียเปล่า! มิสู้เอาเช่นนี้ ท่านพุ่งออกไปดึงดูดความสนใจทั้งหมดจากพวกเขาก่อน ข้าจะฉวยโอกาสเคลื่อนย้ายไปที่ประตูอาคารนั้น ใช้วิชาเยือกสุริยันทำลายเขตแดนป้องกันการเคลื่อนย้ายของมันแล้วค่อยเข้าไป ยับยั้งการลงมือของคนที่อยู่ด้านในก่อน ท่านกำจัดพวกเขาเสร็จค่อยตามเข้าไป…”


วิธีนี้ของกู้ซีจิ่วย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ทว่าตี้ฝูอีกลับนิ่งไปเล็กน้อย


กำจัดสิบคนนี้สำหรับเขาแล้วไม่ยากเย็นอะไร เป็นระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น


แต่หากว่านางบุกเดี่ยวเข้าไปก่อน เผชิญหน้ากับผู้บงการคนนั้นตามลำพัง…


————————————————————————–


บทที่ 1691 ช่วยคน 3


“พวกเราจัดการคนด้านนอกเหล่านี้ด้วยกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยเข้าไปก็ไม่สาย” ตี้ฝูอีปฏิเสธนางในทันที


กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจเขา เธอกล่าวขึ้นหลังจากชะงักงันไปครู่หนึ่ง “ท่านกลัวว่าข้าเข้าไปก่อนแล้วจะไม่เป็นผลดีต่อหลานจิ้งอี๋งั้นหรือ?”


ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง บางครั้งนางตอบสนองเชื่องช้าก็ไม่เป็นไร บางครั้งนางอ่อนไหวเสียจนน่ากลัว


เขาไม่พูดจาอันใด เพียงแค่จ้องมองนาง


กู้ซีจิ่วถือว่าเขายอมรับโดยปริยาย เย้ยยิ้มออกมาในทันที “วางใจเถิด ครั้งนี้ข้าไม่มีทางทำร้ายนางเป็นอันขาด! หากท่านไม่เชื่อ ข้าขอสาบานต่อท่าน หากผิดคำสาบานขอให้ข้า…” คำสาบานด้านหลังยังไม่ทันได้พูดออกมา เธอก็ถูกตี้ฝูอีปิดปากในทันใด น้ำเสียงของเขาเย็นชา “เจ้าไม่ต้องให้สัตย์สาบาน ข้าเชื่อเจ้า!” จากนั้นหันกายกลับแล้วพุ่งตัวออกไป!


วิธีของกู้ซีจิ่วรวดเร็วที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย สามนาทีต่อมา ตี้ฝูอีต่อสู้โรมรันพันตูกับทั้งสิบคนนั้น มีสองคนตกอยู่ในเงื้อมมือเขาเรียบร้อยแล้ว


ส่วนกู้ซีจิ่วยืนอยู่หน้าประตูของสิ่งก่อสร้างแปลกประหลาดนั้นแล้ว ยกมือขึ้นทำลายเขตแดนที่ปกคลุมอยู่ทั้งสี่ทิศ


หลังจากทำลายเขตแดน ด้านในก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนอันน่าเศร้าสลดส่งผ่านเข้าหูอย่างน่าตกใจ!


เสียงกรีดร้องนั้นแปรเปลี่ยนไปแล้ว อีกทั้งยังฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงร้องของผู้ใด คนแรกที่กู้ซีจิ่วคิดถึงก็คือหลานไว่หู!


สีหน้าเธอแปรเปลี่ยน แทบจะไม่ต้องยั้งคิด เธอเคลื่อนย้ายเข้าไปในเวลาเดียวกันกับที่ทำลายเขตแดน ดังนั้นจึงเห็นภาพฉากด้านใน!


มีนางเงือกชุ่มโลหิตนอนอยู่ที่พื้น เสียงกรีดร้องประหนึ่งเสียงเชือดสุกรก็เป็นนางเงือกผู้นี้เปล่งเสียงออกมา


ส่วนหลานไว่หูถูกโซ่เส้นเล็กมัดแขนขาไว้ ห้อยอยู่ตรงนั้น ใบหน้านางซีดเผือด ที่หน้าอกมีเข็มปลายแหลมค่อนข้างใหญ่เล่มหนึ่งเสียบอยู่ มีหยาดโลหิตไหลหยดจากอีกด้านหนึ่งของเข็มปลายแหลม…


คุณชายชุดครามยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ในมือถือถ้วยสุราใบหนึ่งซึ่งมีของเหลวสีแดงฉานกระฉอกไปมาเต็มครึ่งถ้วย นั่นก็คือโลหิตขั้วหัวใจของจิ้งจอกน้อย!


เมื่อเขาหันกายกลับมามีโลหิตติดที่มุมปาก หยาดโลหิตไหลเยิ้มที่ริมฝีปาก ประหนึ่งผีดูดเลือดก็ไม่ปาน


เดิมทีหลานไว่หูคิดว่าตัวเองต้องสิ้นชีพอย่างแน่นอน ใบหน้านางสิ้นหวัง หลับตาลงกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด ทันทีที่เห็นว่าคนที่บุกเข้ามาเป็นกู้ซีจิ่ว ดวงตานางพลันวาบไหว! อ้าปากจิ้มลิ้มเล็กน้อย “ซีจิ่ว…”


หยาดน้ำตาไหลริน


คุณชายชุดครามได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจึงหันกายกลับมา เมื่อเห็นว่าคนที่บุกเข้ามาเป็นกู้ซีจิ่ว เขาก็ทอดถอนใจ “ซีจิ่ว เจ้ามาได้รวดเร็วเหลือเกิน! เรื่องนี้เจ้าไม่ควรเข้ามาข้องเกี่ยว”


นิ้วมือกู้ซีจิ่วกระชับแน่น จ้องมองคนผู้นั้น


คนผู้นี้ใช้รูปลักษณ์ของหรงเจียหลัว


ทว่าบุคลิก…


“เจ้าคือโม่เจ้า!”


คุณชายชุดครามผู้นั้นแย้มยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ซีจิ่ว เจ้ารู้จักข้าดียิ่งนักจริงๆ ข้าเปลี่ยนเนื้อหนังมังสาแล้วยังถูกเจ้าจำได้ในแวบเดียว”


กู้ซีจิ่วเดินเข้าไปหาเขา “หรงเจียหลัวอยู่ที่ใด?”


คุณชายชุดครามยืดอกผึ่งผาย “ก็อยู่ที่นี่ไง ซีจิ่ว เนื้อหนังมังสานี้ก็คือเขา เจ้าดูไม่ออกรึ?” รอยยิ้มเขาน่าหลงใหลยิ่งนัก ทว่าร่างกายเขาในตอนนี้ไม่มีแม้แต่เงาของหรงเจียหลัว


กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีปาก “เจ้าแปลงกายเป็นเขา? หรือยึดครองสังขารเขา?” ทันใดนั้น ลำแสงภายในมือพลันวาบไหว โจมตีไปยังถ้วยสุราในมือเขา!


พลังยุทธ์ของเธอสูงส่ง ลงมือได้รวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว คุณชายชุดครามไม่ทันได้หลบหลีกไปชั่วขณะ ถ้วยสุราในมือจึงแตกเป็นเสี่ยงในทันใด โลหิตสาดกระเซ็นไปที่พื้น


คุณชายชุดครามนิ่งอึ้ง


มีลำแสงวาบไหวในดวงตาเขา จากนั้นพุ่งตรงไปยังหลานไว่หูที่ห้อยอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจับหลานไว่หูเป็นตัวประกัน


กู้ซีจิ่วเตรียมป้องกันไว้แล้ว รีบเคลื่อนย้ายในพริบตาไปข้างกายหลานไว่หู เธอซัดพลังวิญญาณออกจากฝ่ามือ ลำแสงสีขาวดังระลอกคลื่น กระทบหน้าอกของคุณชายชุดครามทันที!


โม่เจ้ารีบถอยหลังไปข้างบ่อโลหิต แล้วอมยิ้ม


————————————————————————


[1]  จู่โจมหางหัวโต้กลับ เป็นการจัดกระบวนทัพที่อ้างอิงมาจากการเคลื่อนไหวของงู เพราะเมื่องูถูกทุบหัวหางจะมีปฏิกิริยาและถ้าจู่โจมทางหางหัวงูจะแว้งฉกได้ ดังนั้นกระบวนทัพในลักษณะนี้จึงไม่อาจจู่โจมจากด้านใดด้านหนึ่งได้ ทำได้เพียงจู่โจมทั้งหมดพร้อมกัน


[2] ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก เป็นการโจมตีศัตรู โดยเตรียมการและบุกโจมตีในจุดที่ศัตรูคาดไม่ถึง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ศัตรูตั้งรับได้ถูก จึงหลอกล่อศัตรูให้เกิดการหลงทิศกับการบุกโจมตีและนำกำลังทหารไปเฝ้าระวังผิดตำแหน่ง ทำให้กำลังทหารหละหลวมเปิดโอกาสให้สามารถเอาชนะได้โดยง่าย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)