คัมภีร์วิถีเซียน 1684-1685

ตอนที่ 1684 สำแดงอิทธิฤทธิ์ครั้งแรก

 

ชั่วขณะนั้นผีเสื้อสีดำเหล่านั้นพลันสั่นเทา ราวกับได้พบกับดาวตกอันใดสักอย่างอย่างไรอย่างนั้น แตกออกเป็นเสี่ยงๆ อีกครั้งแล้วกลายเป็นดวงแสงสีดำ


ยามนี้ยอดเขาค่อยๆ หมุนตัว พลังแรงดูดมหาศาลกลุ่มหนึ่งกลายเป็นหมอกลำแสงสีเทาบินออกมา ม้วนเอาลำแสงสีดำเข้าไปข้างใน จากนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น จมหายเข้าไปในตีนยอดเขาอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้ง


คาดไม่ถึงว่าอสูรลับตัวนี้จะถูกภูเขาเทวะดูดปราณสูบเข้าไปกลางอากาศ ส่วนจะเป็นหรือตายนั้น ก็มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้


ส่วนขนแข็งๆ ของอสูรตัวนี้ที่กลายเป็นลำแสงสีดำรวมทั้งร่างแยกสีดำสามตัวที่กำลังโจมตีสือคุนนั้น หลังจากสูญเสียการควบคุมพลังปราณไป ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปทันที


ชั่วพริบตาที่อสูรสองตัวที่เหลือที่เพิ่งจะอ้าปากพ่นเสาลำแสงใส่ค้อนเพลิงยักษ์คู่นั้นของสือคุนเห็นฉากนี้ แน่นอนว่าย่อมตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว


หลังจากมองสบตากันแวบหนึ่ง ปากก็เปล่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา ในเวลาเดียวกันผิวก็เปล่งแสงสีดำสว่างวาบ ร่างกายเริ่มขยายใหญ่ขึ้น


ชั่วพริบตานั้นอสูรลับทั้งสองตนที่เดิมมีขนาดแค่สองสามจั้ง ก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดสิบกว่าจั้ง ในเวลาเดียวกันนั้นขนทั่วร่างของมันก็เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเงินอ่อน กลิ่นอายบนเรือนร่างขยายใหญ่ขึ้นมากกว่าเท่าตัว


ร่างแยกเงาสีดำเหล่านั้นมีอานุภาพเพิ่มขึ้น ในเวลาเดียวกันร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นกว่าครึ่ง


เมื่อเห็นฉากนี้สือคุนก็หน้าเปลี่ยนสี แต่ทันใดนั้นก็ร้องตะโกนออกมาอย่างไม่แสดงความอ่อนแอ เกราะสงครามสีเหลืองบนเรือนร่างเปล่งแสงเจิดจ้า ยกแขนขึ้นอีกครั้ง แล้วชี้ไปที่ค้อนยักษ์สีแดงสดสองอันที่อยู่กลางอากาศ


มังกรวารีสีแดงเพลิงที่เดิมเลื้อยวนอยู่รอบกาย พลันเปล่งเสียงร้องคำรามราวกับมังกรออกมา คาดไม่ถึงว่าจะจมหายเข้าไปในค้อน


ค้อนคู่เปล่งแสงสีแดงสดออกมา แล้วทุบไปที่อสูรทั้งสอง


ยังไม่ทันได้กระโจนมาตรงหน้า เปลวเพลิงสีแดงก็ม้วนวนเข้ามาอย่างดุดัน


หลังจากที่อสูรทั้งสองเปลี่ยนร่างจนมีพละกำลังเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าย่อมไม่หวาดกลัวใดๆ เลยสักนิด ทันใดนั้นก็ชูคอขึ้นร้องคำราม กรงเล็บทั้งสี่สะบัดไปมากลางอากาศ


เสียง “ฟับๆ” ดังขึ้น กรงเล็บลำแสงยาวสองสามจั้งสี่อันบินออกมาจากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วรวมตัวกัน กลายเป็นจันทรามืดมิดสีดำยาวสองสามจั้ง


จันทรามืดมิดเปล่งแสงสว่างวาบก็ทะลวงผ่านเปลวเพลิงที่พุ่งเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ในเวลาเดียวกันก็สับค้อนยักษ์สีแดงสองอัน


เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น! ลำแสงสีดำและลำแสงสีแดงตัดสลับกันไปมาอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน


อสูรลับสองตัวอ้าปากออกในทันใด พ่นเสาลำแสงสีดำหนาๆ สองสายออกมา ในเวลาเดียวกันนั้นร่างแยกเงาสีดำเหล่านั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบ ถือโอกาสนี้กระโจนไปหาสือคุน


สือคุนยิ่งไม่แสดงความอ่อนแอ หัวเราะอย่างเยือกเย็น สองมือกำหมัด ฉับพลันนั้นพลันมีลำแสงสีเหลืองเจิดจ้าปรากฏขึ้นทั้งสองกำปั้น จากนั้นก็ขยับแขน ชั่วขณะนั้นเงากำปั้นพลันพุ่งออกมาจากร่างจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งตรงไปหาเสาลำแสงและเงาสีเหล่านั้น


ในขณะที่อสูรทั้งสองและสือคุนต่อสู้กันอีกครั้ง งูเหลือมยักษ์สีขาวก็เปล่งแสงสีขาวเจิดจ้า ฉับพลันนั้นพลันกลายเป็นหญิงสาวร่างกายอรชนอ้อนแอ้นสวมชุดสีขาวคนหนึ่ง ใบหน้างดงามดุจภาพวาด แต่ก็องอาจสง่างาม


เมื่อหญิงสาวผู้นี้ปรากฏตัว ก็ตะปบมือไปทางพัดหยกสีฟ้าเล่มนั้นทันที


พัดเล่มนี้สั่นเทาแล้วพุ่งกลับมา ถูกดูดเอาไว้ในมือ


มือเรียวขยับ พัดหยกสีฟ้าโบกสะบัดไปทางอสูรทั้งสองอย่างต่อเนื่อง


ครู่ต่อมาหมอกสีฟ้าก็ม้วนวนออกมา แล้วผนึกรวมกับก่อนหน้า สุดท้ายก็กลายเป็นคลื่นยักษ์สีฟ้าสูงสิบจั้งเศษ ม้วนไปทางอสูรทั้งสองอย่างรุนแรง


แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ยอดเขาสีดำที่ลอยอยู่กลางอากาศก็พลิ้วไหว สลายหายไปอย่างเงียบเชียบ


แต่ครู่ต่อมาอสูรลับสองตัวนั้นก็เปล่งแสงสีเทา ยอดเขาสีดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง


มันหมุนติ้วๆ หมอกลำแสงสีดำม้วนวนแผ่คลุมลงมา


ในเมื่ออสูรทั้งสองเพิ่งจะมองเห็นจุดจบของสหาย จะกล้าลอบโจมตีอย่างไม่เตรียมการป้องกันได้อย่างไร ทันใดนั้นเสียงร้องคำรามด้วยความโกรธแค้นก็ดังขึ้น อสูรทั้งสองเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ กระโจนเข้าไปตรงกลางพร้อมกัน


ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!


คาดไม่ถึงว่าอสูรยักษ์สองตัวจะเปล่งแสงสีดำออกมา รวมตัวกันกลางอากาศ กลายเป็นอสูรยักษ์สีเงินสองหัว


อสูรที่รวมตัวกันร่างกายสูงยี่สิบจั้งเศษ หว่างคิ้วของทั้งสองหัวมีดวงตาที่สามปรากฏอยู่ ใหญ่กว่าก่อนหน้าสองสามเท่า ราวกับตะเกียงเงินเปล่งแสงเรืองๆ


และเมื่ออสูรลับปรากฏตัว หัวทั้งสองก็สะบัดไปมาพร้อมกัน ตาที่สามเปิดออก ต่างพ่นลำแสงสีเงินขนาดเท่าหัวแม่มือออกมา


สายหนึ่งพุ่งไปหาคลื่นยักษ์สีฟ้า สายหนึ่งกลับพุ่งไปหายอดเขาสีดำที่อยู่กลางอากาศ


ลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วแยกออกโจมตีทั้งสอง


ลำแสงสีเงินที่ดูเหมือนบอบบาง กลับดูเหมือนว่าจะมีอิทธิฤทธิ์ที่น่าเหลือเชื่อ คลื่นสีฟ้าและยอดเขาสั่นเทา จากนั้นก็ลอยอยู่กลางอากาศไม่เคลื่อนไหวอีกราวกับแข็งตัวอย่างไรอย่างนั้น


“เอ๋”


ฉับพลันเสียงประหลาดใจก็ดังขึ้นไม่ไกลจากอสูรยักษ์


เดิมอสูรยักษ์สองหัวเห็นว่าอิทธิฤทธิ์ของตนได้ผล ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อได้ยินคำว่า “เอ๋” ที่ดูเหมือนจะอยู่ใกล้แค่คืบแววตาก็เคร่งขรึม ขาหน้าข้างหนึ่งมีเสียงดังขึ้น และตะปบออกไปอย่างรวดเร็ว


จากร่างกายอันใหญ่โตของอสูรตัวนี้ แม้ว่าจะแค่ตะปบออกไปข้างหนึ่ง แต่กลับมีขนาดสองสามจั้ง กรงเล็บลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็ห่อหุ้มบริเวณรอบทั้งหมดเอาไว้


ในเวลาเดียวกันนั้นหัวอสูรยักษ์หัวหนึ่งพลันหันมา ดวงตาสีเงินตรงหว่างคิ้วเปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงสีเงินอีกสายหนึ่งพุ่งออกมา


หลังจากที่อสูรตัวนี้รวมร่างกัน คาดไม่ถึงว่าดวงตาปีศาจที่สามจะสามารถพ่นลำแสงสีเงินออกมาได้อย่างต่อเนื่อง


หากคนที่ต่อสู้กับอสูรลับตาสีเงินเหล่านี้ก่อนนั้นไม่ทันระวังตัวก็อาจจะถูกโจมตีได้


เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น กลางอากาศที่เดิมดูเหมือนไร้ผู้คนพลันมีเงาร่างคนเปล่งแสงสีทองปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะชูแขนขึ้นปล่อยตราประทับสีเงินระยิบระยับออกมา หมุนวนรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นลำแสงสีเงิน คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานกรงเล็บยักษ์ของอสูรสองหัวได้อย่างง่ายดาย


เมื่อเผชิญหน้ากับลำแสงสีเงินที่เปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างคนก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา ตรงหน้ามีโล่เล็กๆ ปรากฏขึ้น มันเปล่งแสงแวววาว แค่กะพริบวาบก็กลายเป็นโล่ยักษ์ขนาดสองสามจั้งต้านทานไว้เบื้องหน้า


เมื่อลำแสงสีเงินนั้นสัมผัสกับโล่ผลึกวารี กลับเปล่งแสงสว่างวาบ คอของเงาร่างคนสีทองหันไป คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีประโยชน์เลยสักนิด


อสูรยักษ์สองหัวอดที่จะตกตะลึงไม่ได้


แน่นอนว่าเงาร่างคนสีทองเพิ่งจะกำจัดผ้าไหมสีดำไป หานลี่ก็ปรากฏกายขึ้น


งูเหลือมสีขาวตัวนั้นคือหุ่นเชิดสะท้านฟ้า ‘หวาหวา’


เมื่อครู่เขาเห็นอสูรยักษ์ตะปบเล็บ ก็ปล่อยสมบัติตราประทับดาวเหนือที่ตนเพิ่งได้มาออกไป คิดจะลองทดสอบประสิทธิภาพของสมบัตินี้ว่าเป็นอย่างไร


ยามนี้เมื่อเห็นตราประทับนี้เปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานการโจมตีของอสูรยักษ์ได้อย่างง่ายดาย ในใจย่อมเกิดความรู้สึกดีใจ ทันใดนั้นก็หัวเราะด้วยเสียงแผ่วเบาออกมา


ถูกปีกที่แผ่นหลังคู่นั้นกระพือใส่ คนก็กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งหายวับไปจากที่เดิม


อสูรยักษ์พลันตกตะลึง ดวงตาทั้งหกเปล่งแสงสว่างวาบ กวาดมองรอบด้านไม่หยุด


แต่ผลคือเหนือศีรษะพลันมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้นเหนือยอดเขาสีดำนิ่ง


เขามองไปยังสมบัติใต้ร่างอย่างเย็นชา ฉับพลันนั้นก็ยื่นเท้าออกไปเหยียบลงบนยอดเขา


ยอดเขาที่เดิมนิ่งสนิทไม่ขยับเขยื้อน พลันมีอักขระสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะขยายใหญ่ขึ้นหลายสิบเท่า และผิวที่เผยออกมาก็ดูเหมือนของจริงอย่างไรอย่างนั้น เปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด


แทบจะในเวลาเดียวกันยอดเขาก็หนักอึ้ง บรรยากาศรอบๆ บิดเบี้ยว เสียงฉีกขาดดังขึ้น


ยอดเขารวมทั้งหานลี่ที่อยู่ด้านบนพลันหายวับไป


ร่างของอสูรยักษ์เปล่งแสงสีเทาสว่างวาบ ยอดเขาสีดำปรากฏขึ้นตรงที่เดิมอย่างแปลกประหลาด และกดลงบนร่างของมันอย่างแน่นหนา


อสูรยักษ์สองหัวร้องคำรามด้วยความตกตะลึง แต่ไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ก็ถูกยอดเขากดทับลงมาราวกับดาวตก


ระหว่างทางอักขระสีเงินบนยอดเขาเปล่งแสงสว่างวาบ ยอดเขาสีดำรวมทั้งอสูรยักษ์ด้านล่างพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศ


แต่ทันใดนั้นบนพื้นพลันมีเสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!


ยอดเขาสีดำย้ายมาปรากฏตรงนั้นในชั่วพริบตา!


แทบจะในเวลาเดียวกันหลุมยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลางสองร้อยจั้งพลันปรากฏขึ้นใต้ยอดเขา


อสูรยักษ์สองหัวถูกกดลงไปในหลุมอย่างแรง เผยแค่หัวสองหัวออกมา แต่ใบหน้าพลันมีโลหิตไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ล้วนไม่อาจขยับตัวได้เลยสักนิด


หานลี่เหยียบไปบนก้อนหินที่สูงที่สุดบนยอดเขา เห็นลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นก็สะบัดชุดคลุม


ชั่วขณะนั้นกระบี่เล่มเล็กความยาวสองสามชุ่นสองเล่มก็บินออกมาจากแขนเสื้อ พลิ้วไหวเล็กน้อยแล้วกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสองสายความยาวเจ็ดแปดจั้ง เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วมาอยู่ใต้ยอดเขา


ลำแสงสีเขียวม้วนวนไป หัวยักษ์สองหัวพลันหมุนวน


แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือคอของอสูรยักษ์ตัดขาด ลำแสงสีดำเป็นผืน คาดไม่ถึงว่าโลหิตสดๆ จะไม่ไหลออกมา


ทว่าหานลี่กลับมีสีหน้าไร้ความรู้สึก แค่ยกเท้าขึ้นเหยียบไปบนยอดเขาด้านล่างอีกครั้ง


เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น คาดไม่ถึงว่ายอดเขาจะพลิ้วไหว ทำให้หลุมยักษ์ด้านล่างเป็นหลุมลึกลงไปสามส่วน และขยายใหญ่ขึ้นกว่าครึ่ง


ส่วนร่างอสูรยักษ์ใต้ยอดเขาพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ชั่วพริบตานั้นลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพลันแตกกระจายไปรอบด้าน


แต่ลำแสงสีดำเหล่านั้นไม่ทันได้บินออกมาได้สิบจั้งเศษ ก็ถูกหมอกลำแสงสีเทาที่แผ่ออกมาจากยอดเขาม้วนวน แล้วดูดเข้าไปในภูเขาเช่นกัน


ยามนี้หานลี่ถึงได้ฉีกยิ้มบางๆ แล้วหมุนวนบินขึ้นไปอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันฝ่ามือสีดำสนิทพลันตะปบไปกลางอากาศ


หลังจากที่ยอดเขามีเสียงอึกทึกดังขึ้น ก็หดเล็กลงหลายเท่าอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กลายเป็นลำแสงสีดำบินออกมาจากมือของเขา แล้วก็ฟื้นฟูกลับมามีขนาดสองสามชุ่นเช่นเดิม


ตั้งแต่ที่งูเหลือมสีขาวซึ่งแปลงมาจากหุ่นเชิดสะท้านฟ้าปรากฏตัวขึ้น จนถึงที่หานลี่สำแดงอิทธิฤทธิ์สังหารอสูรลับสามตาสามตัวในรวดเดียว ดูแล้วดูเหมือนจะใช้เวลานาน แต่ความจริงแล้วกลับเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่


ทางด้านสือคุนนั้น ก่อนหน้านี้ยังพยายามกระตุ้นค้อนเพลิงคู่นั้นให้ทุบลงมาไม่หยุด ครู่ต่อมาคู่ต่อสู้หายวับไป อิทธิฤทธิ์ทั้งหมดที่อสูรยักษ์สำแดงออกมา ย่อมหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


เขาพลันตกตะลึง รีบร้อนเก็บค้อนทั้งสองกลับมา สายตาที่มองไปยังหานลี่อดที่จะเต็มไปด้วยแววตกตะลึงไม่ได้ ทันใดนั้นก็เหลือบตามองไป แน่นอนว่าย่อมเห็น ‘หวาหวา’ ในครรลองสายตา


แต่หานลี่กลับฉีกยิ้มบางๆ ให้เขา แล้วกวักมือเรียกหวาหวา


ชั่วขณะนั้นหุ่นเชิดสะท้านฟ้าก็เก็บพัดหยกสีฟ้า กลายเป็นลำแสงสีขาวสายหนึ่งบินออกมา หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ มันก็กลายเป็นอสรพิษสีขาวยาวสองสามฉื่อตัวหนึ่ง จมหายเข้าไปในแขนเสื้อของหานลี่อย่างไร้ร่องรอย


หานลี่เก็บหุ่นเชิดสะบัดปีกที่แผ่นหลังอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ในขณะนั้นเสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น กลายเป็นประจุไฟฟ้าสายหนึ่งพุ่งออกไป


หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น เขาก็มาปรากฏตัวเหนือสงครามการต่อสู้อีกแห่ง


ยามนี้สือคุนถึงได้ได้สติกลับมาแล้วเปล่งแสงสีเหลืองออกมาบนเรือนร่างเช่นกัน กะพริบวาบสองสามครั้งแล้วหนีมาอยู่ใกล้ๆ กับหานลี่ แววตาโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นขณะมองลงไปด้านล่าง


ด้านล่างนั้นไม่เหมือนกับเมื่อครู่เลยสักนิด


หลิวสุ่ยเอ๋อร์ที่เดิมเป็นฝ่ายได้เปรียบ คาดไม่ถึงว่าจะกำลังตกอยู่ในอันตราย


อสูรลับตาสีเงินสี่ตัวฝั่งตรงข้ามพลันรวมตัวกลายเป็นอสูรยักษ์สีเงินสี่หัว ร่างกายยาวสี่สิบห้าสิบจั้ง กลิ่นอายแข็งแกร่งเทียบได้กับระดับศักดิ์สิทธิ์



 

 

 


ตอนที่ 1685 เคล็ดวิชาผสานการโจมตี

 

ดวงตาที่สามบนหัวทั้งสี่ของอสูรยักษ์เปล่งแสงสีเงินออกมา คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งออกไปราวกับพายุระเบิด ครานั้นล้วนไม่มีท่าทีจะหยุดพัก


เมื่อเส้นสีเงินพุ่งออกไป หลิวสุ่ยเอ๋อร์ก็พยายามหลบหลีกสุดชีวิต เห็นได้ชัดว่าได้เอาอิทธิฤทธิ์ท่าไม้ตายและสมบัติออกมาใช้แล้ว


นอกจากกระสวยสีเงินแล้ว ก็แบ่งกันสำแดงธงเล็กๆ สีขาวโพลนและกรงสีทองออกมา


ธงสีขาวกลายเป็นหมอกสีขาว ด้านในมีอักขระหมุนวน จนเริ่มเลือนราง


ส่วนกรงสีทองก็หมุนวนอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นระลอกคลื่นสีทอง หมุนวนไปทางอสูรยักษ์ราวกับคลื่นพายุ


ส่วนหลิวสุ่ยเอ๋อร์นั้น นอกจากเทวรูปพันแขนที่แผ่นหลังแล้ว ปากบางก็พ่นดอกบัวสีฟ้าออกมา ทุกดอกล้วนมีสีสันแวววาว สวยสดงดงามเป็นอย่างมาก


ดอกบัวน้ำแข็งเหล่านี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ


การโจมตีที่ทำลายการป้องกันอื่นๆ บางครั้งก็พุ่งไปหาเส้นไหมสีเงินตรงหน้า ล้วนถูกดอกบัวน้ำแข็งเหล่านั้นหมุนวนแล้วโจมตีไป


ทั้งสองพลันระเบิดตัวออก แล้วสลายหายไปในเวลาเดียวกัน


ดอกบัวน้ำแข็งที่หญิงสาวผู้นี้สำแดงออกมาเห็นได้ชัดว่ากินแรงมาก ทุกครั้งที่นางพ่นออกมา สีหน้าก็จะซีดขาว พ่นออกมากว่าร้อยดอกในระยะเวลาสั้นๆ  หญิงสาวผู้นี้จึงถูกหมอกลำแสงห่อหุ้มเอาไว้ แม้กระทั่งเริ่มซวนเซ


นี่ก็เพราะหลิวสุ่ยเอ๋อร์เห็นหานลี่มาถึง ถึงได้พยายามต้านทานต่อไป มิเช่นนั้นหากอสูรยักษ์สี่หัวรวมร่างกัน ก็คงหันหน้าหนีไปตั้งนานแล้ว


ยามนี้เห็นหานลี่และสือคุนมาถึงทันเวลา หญิงสาวผู้นี้ก็มีสีหน้ายินดี ปากพลันเอ่ยอย่างเร่งเร้า


“สหายทั้งสอง อสูรยักษ์ตัวนี้ร้ายกาจเกินไป รีบสำแดงเคล็ดวิชาลับผสานการโจมตีเร็วเข้า!”


หานลี่ที่เดิมกำลังมองไปยังอสูรยักษ์ด้านล่างแล้วคิดจะลงมือได้ยินคำนี้พลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็พยักหน้า ฝ่ามือสีดำสนิทพลันร่ายอาคม หมอกลำแสงสีเทาที่แผ่นหลังพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า กลายเป็นม่านลำแสงยิ่งใหญ่


สือคุนที่อยู่อีกด้านพลันลังเลเล็กน้อย แล้วร้องตะโกนด้วยเสียงต่ำๆ ออกมาเช่นกัน ลำแสงวิญญาณบนผิวกลายเป็นสีดำสนิท นิ้วทั้งห้าบนมือทั้งสองกางออก เส้นไหมสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา


ส่วนหลิวสุ่ยเอ๋อร์เองก็เปลี่ยนไปร่ายอาคม เทวรูปที่แผ่นหลังหายวับไป กลายเป็นกรงล้อสีเทาปรากฏขึ้นแทน


กรงล้อลำแสงสีเทาเลือนราง คาดไม่ถึงว่าจะหมุนวนอย่างรวดเร็ว และยิ่งไปกว่านั้นอักขระจำนวนนับไม่ถ้วนล้นทะลักออกมาจากกรงล้อลำแสง ที่แตกออกก็รวมตัวกันใหม่ในพริบตากลายเป็นอักขระยักษ์นิรนาม ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่ใจกลางของกรงล้อลำแสง


หลิวสุ่ยเอ๋อร์หลุบตาลง ปากพลันพ่นคาถาที่ฟังไม่เข้าใจออกมา


อสูรยักษ์สี่หัวเห็นฉากนี้ก็ดูเหมือนว่าจะสัมผัสได้ว่าแย่แล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกโกรธเกรี้ยว ดวงตาสีเงินในหัวทั้งสี่พ่นลำแสงสีเงินที่หนากว่าปกติออกมา จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วรวมตัวกัน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเสาลำแสงยักษ์ขนาดเท่าปากชามสายหนึ่ง ตรงไปหาหลิวสุ่ยเอ๋อร์ ในเวลาเดียวกันเงาร่างสีดำขนาดยักษ์สิบกว่าตัวก็แยกร่าง ออกเป็นสองกลุ่ม พุ่งตรงไปหาหานลี่และสือคุนอย่างดุดัน


พวกมันยังไม่ทันได้เข้าใกล้ พลันมีเสาลำแสงพ่นออกมาเป็นสายๆ ร่างกายพลันเปลี่ยนรูป กลายเป็นตาข่ายสีดำท่ามกลางไอสีดำ พุ่งตรงไปครอบหัวหานลี่และพวกทั้งสอง


แต่ก็เป็นแค่ร่างแยกของอสูรตาสีเงินเท่านั้น แน่นอนว่าหานลี่ย่อมไม่เห็นมันอยู่ในสายตา


หลังจากหัวเราะอย่างเย็นชา หานลี่ยังไม่ทันได้ยกแขนยกขา เปลวเพลิงสีเงินก็บินออกมาจากร่างโดยอัตโนมัติ หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง พลันขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า กลายเป็นเปลวเพลิงสีเงินขนาดสองสามจั้ง


ดวงแสงเพลิงนี้แค่หมุนติ้วๆ ก็ระเบิดออกโดยอัตโนมัติ เปลวเพลิงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา


เสาลำแสงสีดำพุ่งมาอยู่ตรงหน้าหานลี่ โล่ผลึกวารีเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น


เสาลำแสงแค่กะพริบวาบ ก็แฉลบผ่านข้างกายของหานลี่ไป


ส่วนเงาสีดำที่กลายเป็นตาข่ายยักษ์นั้น ไม่ทันได้ครอบลงมาก็ถูกลูกไฟสีเงินโจมตีอย่างหนักหน่วง


ผลคือเปลวเพลิงสีเงินพลันแผดเผา ชั่วพริบตาก็กลืนตาข่ายสีดำเข้าไปข้างใน กลายเป็นควันสีเขียวสลายหายไป


ส่วนสือคุนที่อยู่ด้านข้าง แม้ว่าจะไม่ได้จัดการคู่ต่อสู้อย่างราบเรียบดังหานลี่ แต่ก็อ้าปากออก พ่นกระจกทองแดงออกมา


กระจกพลันสั่นคลอนพ่นเปลวเพลิงสามสีออกมา ไม่เพียงจะทำให้เสาลำแสงสีดำสลายหายไปได้อย่างง่ายดาย แม้กระทั่งรองตาข่ายเส้นไหมสีดำที่ห่อหุ้มเขาเอาไว้ขึ้นมา ทำให้พวกมันไม่อาจร่อนลงมาได้เลยสักนิด


ส่วนหลิวสุ่ยเอ๋อร์ที่เผชิญหน้ากับเสาลำแสงสีเงินขนาดใหญ่ พลันอดที่จะหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้ แต่มือหนึ่งก็ร่ายอาคมประหลาดๆ โดยไม่พูดอันใด มือหยกข้างหนึ่งยื่นนิ้วเรียวออกไปพลางชี้ไปที่เสาลำแสงสีเงินที่กำลังดาหน้าเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


กรงล้อลำแสงสีเทาที่แผ่นหลังเปล่งเสียงหึ่งๆ คาดไม่ถึงว่าจะหลุดออกมาจากฝ่ามือของหญิงสาว แล้วบินไปหาเสาลำแสงสีเงิน


เสาลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วโจมตีไปยังอักขระตรงใจกลางกรงล้อลำแสงอย่างแรง


อักขระยักษ์ในกรงล้อหมุนวนอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็เลือนหายไป ไม่อาจมองเห็นได้เลยสักนิด


เรื่องแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น


เสาลำแสงจมหายเข้าไปในอักขระราวกับโคลนจมลงสู่มหาสมุทร แล้วเปล่งแสงสว่างพลันหายวับไป


ครู่ต่อมาตรงหน้าของอสูรยักษ์พลันมีหมอกลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ อักขระจำนวนมากเปล่งแสงสว่างวาบ จากนั้นผิวของอักขระพลันเปล่งแสงสีเงินออกมา พ่นเสาลำแสงสีเงินหนาๆ ที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วออกมา พลางตรงไปหาอสูรยักษ์


คาดไม่ถึงว่าอิทธิฤทธิ์อันน่าเหลือเชื่อที่หลิวสุ่ยเอ๋อร์สำแดงออกมาเมื่อครู่ จะดึงเสาลำแสงสีเงินเข้าไป แล้วพุ่งกลับมาอีกครั้ง


ทว่าเห็นได้ชัดว่าเคล็ดวิชาต้องสูญเสียพลังจำนวนมาก ใบหน้าที่เดิมซีดขาวอยู่แล้วของหลิวสุ่ยเอ๋อร์ คาดไม่ถึงว่าจะเจือสีแดงระเรื่อที่ผิดปกติปรากฏออกมา แต่ร่างกายกลับยืนได้อย่างมั่นคง


และยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าพลันแดงระเรื่อ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับในทันที


อสูรยักษ์สี่หัวเห็นการโจมตีของตนเองพุ่งกลับมาอย่างคาดไม่ถึงก็ตะลึงงัน แน่นอนว่าย่อมเปลี่ยนเป็นตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว แต่ก็ทำได้เพียงเปล่งแสงสว่างวาบจากเนตรสีเงินอย่างจนปัญหา ปล่อยลำแสงสีเงินสี่สายออกมาอีกครั้ง


เสียง “ตูม” ดังขึ้น ลำแสงสีเงินสองสายปะทะเข้าด้วยกัน ลำแสงที่เจิดจ้ากลุ่มหนึ่งระเบิดออก ระลอกคลื่นยักษ์สลายออก ทุกแห่งที่กวาดผ่านไปทำให้บรรยากาศรอบๆ บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย แล้วเกิดเสียงหึ่งๆ ขึ้นพร้อมกัน


ชั่วลมหายใจนั้นนิ้วทั้งสิบของหลิวสุ่ยเอ๋อร์พลันร่ายไปกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง


อาคมหลากสีพุ่งออกมาเป็นสายๆ เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วทยอยกันจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย


“ไป”


หลิวสุ่ยเอ๋อร์ร้องอุทานออกมา นิ้วชี้ไปที่กรงล้อลำแสงสีเทาตรงหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


กรงล้อลำแสงสั่นเทา อักขระเปล่งแสงสว่างวาบที่ใจกลาง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเสาลำแสงสีเทาพ่นออกมา


ยามนี้หานลี่และสือคุนเองก็ร่ายอาคมด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเช่นกัน


หมอกลำแสงสีเทาและเส้นไหมสีเทาพุ่งไปเหนือหัวอสูรยักษ์สี่หัวอย่างรวดเร็วราวกับเคลื่อนย้ายกาย


ทั้งสามแค่เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วร่วมร่างกันอย่างไร้ซึ่งการขัดขวาง กลายเป็นดวงแสงยักษ์ขนาดสิบจั้ง


ลำแสงสีเทาขมุกขมัว แต่ผิวพลันมีอักขระขนาดเท่ากำปั้นจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ทยอยกันเปล่งแสงเจิดจ้า


จากนั้นหลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น ดวงแสงพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อักขระทะลักออกมาจากด้านในดวงแสงราวกับคลื่นน้ำ


หานลี่และพวกทั้งสามเห็นฉากนี้ ก็ใช้มือหนึ่งร่ายอาคมที่คุ้นเคยทันที ปากพลันบริกรรมคาถาอีกครั้ง


กลางอากาศพลันมีฉากแปลกประหลาดปรากฏขึ้น


อักขระที่บินออกมาจากดวงแสงเหล่านั้นพลันหมุนวนอย่างช้าๆ แล้วพลันพุ่งลงมาด้านล่างราวกับพายุอสูรยักษ์ระเบิด


ดาหน้ากันมาอย่างหนาแน่น ทุกตัวล้วนเหมือนสายฝนแห่งความพินาศ


อสูรยักษ์ด้านล่างย่อมสัมผัสได้ถึงพลังความน่ากลัวที่แฝงอยู่ในอักขระเหล่านั้น ภายใต้เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว หัวทั้งสี่พลันรวมตัวเข้ากับหัวตรงกลาง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นหัวยักษ์ขนาดใหญ่กว่าเดิมเท่าหนึ่ง


อสูรตัวนี้ไม่เพียงจะมีเขาแหลมๆ ราวกับเขากวางอยู่บนหัว ยังมีเขี้ยวยาวสองสามจั้งสองเขี้ยวงอกออกมาจากปากล่าง ลำแสงเย็นยะเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ ราวกับใบมีดยักษ์สองเล่มอย่างไรอย่างนั้น


แต่สิ่งที่ทำให้ยิ่งตกตะลึงก็คือ หน้าผากของอสูรตัวนี้มีตาสีเงินเรียงแถวกันอยู่สี่ตา กวาดไปรอบๆ ไม่หยุด ไม่มีท่าทีหยุดพัก


ส่วนอักขระที่ร่อนลงมาจากกลางอากาศฝั่งตรงข้าม ดวงตาสีเงินทั้งสี่ของอสูรตัวนี้ก็กวาดมองไปพร้อมกัน รูม่านตามีลำแสงสีเงินไหลวนโคจร ดวงแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขาทันที ทุกดวงมีขนาดเท่าหัวแม่มือ แต่ทันใดนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีเงินพุ่งออกไปกลางอากาศ


ในเวลาเดียวกันอสูรตัวนี้พลันสูดลมหายใจเข้า แล้วอ้าปากออก พ่นดวงแสงสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกออกมา


เมื่อดวงแสงนี้หลุดออกจากปาก ก็ขยายใหญ่ขึ้นทันที แค่เปล่งแสงสว่างวาบก็กลายเป็นม่านลำแสงสีดำ ห่อหุ้มร่างของอสูรตัวนี้เอาไว้


ม่านลำแสงหนาแน่นราวกับของจริง ในเวลาเดียวกันผิวก็เปล่งแสงวาบๆ ไม่หยุด เผยรูปร่างประหลาดๆ ออกมา


หานลี่มองเห็นฉากนี้ สองตาอดที่จะหรี่ลงไม่ได้ ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป


และในยามนั้นเองลำแสงสีเงินและอักขระพลันโจมตีเข้ากลางอากาศ จากนั้นก็ทยอยกันกลายเป็นดวงลำแสงแล้วระเบิดออก


ยามนั้นปราณแท้กลางอากาศพลันเกิดความโกลาหล ไอวิญญาณคุกรุ่น คาดไม่ถึงว่าจะก่อตัวกันกลายเป็นพายุหมุนสูงร้อยจั้งเศษ แล้วแผ่ไปรอบด้านอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าจะกลืนกินทุกอย่างเข้าไป


ถึงแม้จะเป็นหลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนก็อดที่จะหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้ ทยอยกันพุ่งออกไปสิบกว่าจั้ง ทยอยกันสำแดงสมบัติป้องกันตัวออกมาต้านทานไว้เบื้องหน้า


ทว่าในยามนั้นเองหานลี่ที่เดิมลอยอยู่กลางอากาศ พลันกระพือปีกที่แผ่นหลัง กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป


ครู่ต่อมาม่านลำแสงสีดำด้านล่างก็หลบไปด้านข้าง ระลอกคลื่นปรากฏขึ้น หานลี่ที่มีประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวห่อหุ้มอยู่พลันปรากฏขึ้นอย่างแปลกประหลาด


ท่ามกลางม่านลำแสงอสูรยักษ์ตัวนั้นพลันเปล่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ไม่หยุด ดวงตาทั้งสี่เปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าร่างกายจะเริ่มมีเกล็ดสีดำปรากฏขึ้น คางทั้งสองฝั่งเริ่มมีเคราสีดำยาวๆ งอกออกมาสองกระจุก ประกอบกับหางบางๆ เริ่มหนาขึ้น และดวงตายักษ์ราวกับตะเกียงคู่นั้น เป็นอสูรวิญญาณกิเลนตัวหนึ่ง


ปากของอสูรตัวนี้เปล่งแสงสีดำสว่างวาบ กลิ่นอายน่ากลัวส่งออกมาจากด้านใน ให้ความรู้สึกขนลุกซู่


หานลี่พลันรู้สึกตกตะลึง แต่ใบหน้ากลับไร้ซึ่งความรู้สึก มุมปากกระตุกเล็กๆ ร่างกายพลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ เงาลวงตาสามเศียรหกกรพลันบินออกมาจากร่างของเขา


เงาร่างคนสะบัดแขนข้างหนึ่ง ในมือพลันมีใบมีดชำรุดสีทองเรืองรองปรากฏขึ้น พลางสับไปทางม่านลำแสงสีดำเบาๆ


……


ห่างจากการต่อสู้ของหานลี่และพวกไปไม่รู้กี่หมื่นลี้ เงาอสูรสีทองตัวหนึ่งกำลังนำอสูรลับสามตาสองสามตัวกระโจนผ่านป่าพุ่งไปข้างหน้า


ฉับพลันนั้นร่างของมันก็เปล่งแสงสีทองสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะหยุดชะงักอยู่บนกิ่งไม้ และหันหน้าไปมองทางที่มาแวบหนึ่ง ในดวงตาสีดำสนิทมีแววตาตกตะลึงระคนสงสัยปรากฏขึ้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)