ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1682-1689
ตอนที่ 1682 สารภาพทั้งหมด
คุณย่าหยางทนมองไม่ได้เพราะคิดว่าเหมยเหมยทำรุนแรงเกินไปเลยคิดจะออกตัวห้าม แต่พอได้ยินเหมยเหมยเอ่ยถึงชีวิตวัยเด็กของเหยียนหมิงซุ่น สภาพของเหยียนหมิงซุ่นที่มีแต่รอยเข็มเต็มตัวและไข้ขึ้นสูงเพราะถูกจับขังในห้องมืดเป็นเวลานานก็วาบขึ้นมาในหัวเลยใจแข็งได้อีกครั้ง เบี่ยงหน้าหันหนีไม่มองถานซูฟางที่ตกอยู่ในสภาพอนาถนี้อีก
นางแพศยาทำให้ลูกสะใภ้คนดีของเธอต้องตายแล้วยังทรมานหลานชายสุดที่รักของเธออีก!
ต่อให้ตายไปก็ไม่หายแค้น!
เหมยเหมยพึงพอใจต่อท่าทีของคุณย่าหยางอย่างมากซึ่งบ่งบอกว่าในใจเธอนั้นเหยียนหมิงซุ่นสำคัญที่สุด อีกอย่างคุณย่าก็ไม่ใช่คนที่จะเห็นใจใครง่าย ๆเหมือนคุณปู่เหยียน
หากไม่ใช่เพราะเขาให้อวี๋เหม่ยเจินอยู่ต่อแล้วถานซูฟางจะสบโอกาสก่อเรื่องได้อย่างไร?
คุณปู่เองก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงเกือบตายแบบนี้หรอก!
ทางเหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางฆ่าอวี๋เหม่ยเจินจริง ๆอยู่แล้ว ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่ผู้หญิงคนนี้จะขาดอากาศหายใจตายเหยียนหมิงซุ่นก็ผละมือออก อวี๋เหม่ยเจินอ้าปากกอบโกยเอาอากาศหายใจราวกับปลาที่ใกล้ตาย บนลำคอมีรอยแดงฟกช้ำปรากฏขึ้นมาและบวมเป่งราวกับเป็นโรคคอพอก
“ฉันจะบอกหมดเลย…ขอร้องล่ะอย่าฆ่าฉันเลย…”
ความคิดไม่ซื่ออันน้อยนิดที่อวี๋เหม่ยเจินมีต่อเหยียนหมิงซุ่น ในเวลานี้ได้มลายหายไปเหลือไว้เพียงความหวาดกลัว
ผู้ชายแบบนี้ต่อให้หน้าตาดีแค่ไหนก็อยู่ใกล้ไม่ได้ ไม่ทันระวังตัวก็อาจสูญเสียชีวิตได้เลย!
เหยียนหมิงซุ่นมองเธออย่างเย็นชาและไม่ปริเสียงใด ๆ แต่อวี๋เหม่ยเจินกลับปริปากสารภาพทุกอย่างออกมาด้วยเสียงขาด ๆหาย ๆอย่างไม่รอช้า
“คุณอาเอายาให้ฉันใส่ในน้ำซุป บอกว่าถ้านายกินยาเข้าไปก็จะมาหาฉัน เรื่องอื่นฉันไม่รู้จริง ๆ ขอร้องล่ะปล่อยฉันไปเถอะ ฉันแค่อยากหาเงินค่าเทอมให้ลูกสาว ฉันไม่ได้คิดจะทำร้ายใคร…”
อวี๋เหม่ยเจินจงใจเอ่ยถึงลูกสาวเพื่อหวังจะเรียกร้องความเห็นใจจากเหยียนหมิงซุ่น ตอนนั้นเธอก็ได้ใช้วิธีนี้ให้คุณปู่เหยียนเลือกเก็บเธอไว้
เหมยเหมยรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง โกรธจนต้องฟาดแส้ใส่อวี๋เหม่ยเจินไปหนึ่งที
คนแพศยาต่อให้ทำไม่สำเร็จแต่แค่มีความคิดแบบนั้นก็น่ารังเกียจมากแล้ว!
novel-lucky
อวี๋เหม่ยเจินไม่กล้าส่งเสียงโอดครวญแต่ยังพูดขอความเห็นใจให้ตัวเองต่อไป “ฉันยังทำตามแผนไม่สำเร็จ ขอร้องพวกเธอล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่เอาเงินเดือนแล้วก็ได้”
“เธอยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ?”
เหมยเหมยฟาดแส้ใส่อีกหนทำเอาอวี๋เหม่ยเจินเจ็บจนต้องปิดปากแน่นไม่กล้าพูดอีก ห่อตัวร้องไห้ในกองผ้าห่ม
“เหยียนโฮ่วเต๋อกับตาแก่เป็นอะไรไปกันแน่? ไอ้คนหน้าไม่อาย เธอไม่มีความละอายใจสักนิดเลย!”
คุณย่าหยางยังไม่กล้าที่จะเอ่ยถึงแล้ว การที่สองพ่อลูกหลับนอนกับคนรับใช้ที่บ้านพร้อมกัน หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปตระกูลเหลียนยังจะหลงเหลือชื่อเสียงอะไรอีก?
อวี๋เหม่ยเจินรีบอธิบาย “ฉันไม่รู้จริง ๆ ฉัน ฉันนอนอยู่ดี ๆ อาเขยก็เป็นคนมาหาเอง ฉันคิดว่าเป็น…” ประโยคครึ่งหลังเธอไม่กล้าพูดเพราะกลัวโดนแส้ของเหมยเหมยแต่ทุกคนกลับเข้าใจดี
ท่ามกลางความมืดอวี๋เหม่ยเจินหลงคิดว่าต้องเป็นเหยียนหมิงซุ่นเลยพายเรือไปตามน้ำจนเกิดเรื่อง
“คุณปู่เหยียน…ฉันก็คิดว่าเป็น…แต่ยังทำไม่สำเร็จ…ไม่สำเร็จจริง ๆ พวกเธอก็ออกมากันก่อน…”
ต่อให้อวี๋เหม่ยเจินจะหน้าไม่อายแค่ไหนในเวลานี้ก็อับอายที่จะพูดออกมาได้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงเลยว่าคุณปู่เหยียนจะโดนไปด้วย หากเกิดได้เสียกันขึ้นมาจริง ๆ ภายในหนึ่งคืนนอนกับสองพ่อลูกไป คนหนึ่งคืออาเขย ส่วนอีกคนคือคนที่เป็นคุณปู่เธอได้…
อวี๋เหม่ยเจินไม่กล้าคิดต่อเพราะรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าเกินทน แต่ก็แอบเบาใจที่ไม่ได้ทำกับคุณปู่เหยียนจนถึงขั้นตอนสุดท้าย
คุณย่าหยางกับเหยียนหมิงซุ่นต่างพรูลมหายใจโล่งอกพร้อมกัน ไม่เสร็จก็พอ ไม่อย่างนั้นตาแก่จะมีหน้าอยู่ต่อไปได้อย่างไร?
เรื่องราวกระจ่างแล้วว่าเหยียนโฮ่วเต๋อกับคุณปู่เหยียนได้ทานน้ำซุปถ้วยที่ถูกวางยาเข้าไป เลยพลาดท่าให้อวี๋เหม่ยเจินเพราะฤทธิ์ยา
คุณย่าหยางถอนหายใจโล่งอกยาวแล้วมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างรู้สึกผิด “ผิดที่ย่าไม่ระวังเอง โชคดีที่หมิงซุ่นหลานไม่ได้กินมันลงไป”
……………………….
ตอนที่ 1683 ไว้วันหลังไปทะเลอ้ายฉิน
เหมยเหมยรีบพูดปลอบ “นี่ไม่เกี่ยวกับคุณย่าเลย จะโทษก็ต้องโทษสองคนนี้ที่จิตใจสกปรกคิดจะทำลายชีวิตพี่หมิงซุ่น”
เหยียนหมิงซุ่นเองก็ลูบหลังคุณย่าหยางไปพลาง คุณย่าเห็นหลานชายและเหมยเหมยไม่โทษเธอเลยรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างแต่ก็ยิ่งเกลียดชังถานซูฟางมากกว่าเก่า
“ผู้หญิงประเภทนี้จะเก็บไว้บ้านตระกูลเหยียนไม่ได้อีกต่อไป เดี๋ยวรอโฮ่วเต๋อฟื้นก็ให้เขาหย่ากับถานซูฟางเสีย” คุณย่าหยางเอ่ยเสียงขุ่นเคือง
เหยียนหมิงซุ่นเองก็แค่นหัวเราะไปทีหนึ่ง ลำพังแค่หย่าก็เสียเปรียบถานซูฟางเกินไปน่ะสิ
เขามีวิธีที่จะทรมานถานซูฟางให้ตายทั้งเป็นชนิดที่แทบขาดใจให้ได้อย่างนับไม่ถ้วน!
ณ เวลานี้ท้องฟ้าสว่างแล้ว แต่เดิมเหยียนหมิงซุ่นเตรียมบินไปดูทะเลทางใต้กับเหมยเหมยหลังมื้อเช้า แต่คุณปู่เหยียนยังสลบไม่ได้สติที่โรงพยาบาลพวกเขาก็ย่อมปลีกตัวไปไหนไม่ได้ จำต้องยกเลิกแผนเที่ยวทะเลไปเสีย
novel-lucky
“เที่ยวทะเลเมื่อไรก็ได้ สุขภาพของคุณปู่สำคัญกว่า!” เหมยเหมยถูหลังมือเหยียนหมิงซุ่นไปมาเป็นเชิงว่าเธอไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใด
ที่บ้านเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ต่อให้ได้ออกไปเที่ยวก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นหรอก
เหยียนหมิงซุ่นบีบแก้มเธอเบา ๆแล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน “เด็กดีจริง ๆ วันหลังฉันพาเธอไปที่ทะเลอ้ายฉินนะ”
“ดีเลย!” เหมยเหมยดีใจอย่างมาก
ทะเลอ้ายฉินแหนะ แค่คิดก็โรแมนติกมากแล้ว!
คุณย่าหยางเป็นห่วงคุณปู่เหยียนจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอาหาร เหมยเหมยเลยไปซื้อเสี่ยวหลงเปากับน้ำเต้าหู้จากข้างนอกกลับมา ก่อนจะเกลี้ยกล่อมให้คุณย่าหยางทานสักหน่อย
“หมิงซุ่น คุณปู่หลานไม่เป็นไรจริงเหรอ? หรือว่าย่าไปเฝ้าที่โรงพยาบาลเถอะ!” คุณย่าหยางไม่รู้สึกเจริญอาหารเลยสักนิดเดียว
“คุณปู่อยู่ในห้องผู้ป่วยขั้นวิกฤตคุณย่าเข้าไปไม่ได้หรอก รอย้ายไปห้องพักผู้ป่วยทั่วไปคุณย่าค่อยไปอยู่เป็นเพื่อนแล้วกัน ตอนนี้ย่าต้องทานข้าวเยอะ ๆ ไม่งั้นถ้าย่าสุขภาพแย่ไปอีกคนใครจะดูแลคุณปู่?”
เหยียนหมิงซุ่นกล่าวโน้มน้าวเสียงอ่อน อาการของคุณปู่เหยียนวิกฤตกว่าที่เขาพูดเพราะเส้นเลือดในสมองแตก จนผ่าเอาลิ่มเลือดออกมามากมายจนแม้แต่คุณหมอยังตกใจว่าคุณปู่ยังมีชีวิตทนต่อได้อีกหรือ!
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะฤทธิ์ยาวิเศษแต่ยาวิเศษไม่ใช่ยาเซียน มันจะช่วยยื้อชีวิตของคุณปู่ไว้ได้เท่านั้น แต่จะฟื้นอีกทีเมื่อไรเห็นทีต้องแล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิตแล้ว!
คุณย่าหยางถอนหายใจยาวฝืนทานซาลาเปาลงไปหลายชิ้นตามด้วยน้ำเต้าหู้ครึ่งถ้วย
หมิงซุ่นพูดถูก เธอต้องเข้มแข็ง จะให้เรื่องที่บ้านมาเป็นตัวถ่วงหมิงซุ่นไม่ได้!
เหยียนโฮ่วเต๋อฟื้นในเวลาเที่ยง สภาพมึน ๆจำไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นตอนกลางดึก แต่รู้สึกว่าตนได้ฝันหวานชนิดที่หาที่เปรียบไม่ได้แต่กลับหนาวเย็นยะเยือกจนตัวสั่น
“โอ้โห…นี่เที่ยงแล้วเหรอ ผมยังต้องไปรายงานตัวที่แผนกอีก ทำไมแม่ไม่ปลุกผมล่ะ?”
เหยียนโฮ่วเต๋อรีบลุกสวมเสื้อผ้าพลางพร่ำบ่นคุณย่าหยางว่าไม่ปลุกเขา วันนี้เพิ่งเริ่มงานวันแรกเขาก็ไปสายครึ่งค่อนวัน ต้องตกเป็นขี้ปากของเพื่อนร่วมงานอีกแน่
พอคุณย่าหยางเห็นเขาอารมณ์โกรธก็พุ่งพรวดขึ้นมาทันทีเลยหยิบไม้นวดแป้งจากห้องครัวมาหวดใส่เหยียนโฮ่วเต๋อ
“ไอ้ลูกไม่รักดี แต่งได้เมียใจอำมหิตอย่างถานซูฟางจนมาทำร้ายชีวิตหลานชายฉัน ตอนนี้ก็ทำร้ายพ่อแกจนไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง ทำไมฉันถึงได้มีลูกชายเนรคุณอย่างแกออกมาได้นะ? รู้งี้แต่แรกฉันก็น่าจะหักคอแกให้ตายแล้วทิ้งไว้ในท่อน้ำเสีย ไปเก็บเด็กกำพร้าตามท้องถนนสักคนยังดีกว่าแกร้อยเท่า…”
ภายใต้อารมณ์โกรธรคุณย่าหยางถึงได้ด่าทออย่างรุนแรงจนเรียกให้เหมยเหมยร้องสะใจอยู่ภายในใจ เหยียนโฮ่วเต๋อกลับทำหน้าถมึงทึงตอบกลับอย่างไม่พอใจ “แม่…แม่กินยาผิดอะไรมาหรือเปล่า? จะยังไงผมก็เป็นหัวหน้าคนนะ แม่พูดจาระวังหน่อยสิ!”
สิ่งที่เขาไม่พอใจมากที่สุดคือการที่คุณย่าไม่คิดจะไว้หน้าเขาสักนิดยามอยู่ต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมย จะว่าอย่างไรเขาก็เป็นผู้อาวุโสกว่า!
หางตาของเหยียนโฮ่วเต๋อเหลือบเห็นถานซูฟางกับอวี๋เหม่ยเจินที่ไม่เหลือสภาพความเป็นคนเลยสะดุ้งเฮือก ชี้ไปที่สองคนอย่างหวาดกลัวและปากสั่นระริกไม่หยุด “นี่…นี่…นี่…นี่มัน…”
………………………..
ตอนที่ 1684 หน้าตาอันอัปลักษณ์
เหมยเหมยมองเหยียนโฮ่วเต๋ออย่างหยามเหยียดและเห็นใจแทนโม่เหวินเซียงอย่างสุดซึ้ง เหยียนโฮ่วเต๋อไม่คู่ควรที่จะเป็นพ่อของเหยียนหมิงซุ่น เธอเคยเห็นรูปถ่ายของโม่เหวินเซียงซึ่งเป็นสาวที่งดงามอย่างยิ่ง ถานซูฟางเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วเท้าของโม่เหวินเซียงเลยด้วยซ้ำ
เหยียนโฮ่วเต๋อทอดทิ้งแตงโมเพื่อไปเก็บเม็ดงา สมองต้องโดนลาถีบเข้าให้อย่างแน่นอน!
คุณย่าหยางหวดไม้นวดแป้งอีกทีแล้วแค่นเสียงกล่าว “เรื่องดี ๆที่แกสร้างไว้อย่างไรล่ะ เอาคนชั่วสองคนนี้เข้ามาในบ้าน ตอนนี้พ่อแกอยู่โรงพยาบาลไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง แกกลับเสพสุขเสียได้!”
เหยียนโฮ่วเต๋อใจหล่นวูบพาลนึกถึงภาพแสนเย้ายวนงดงามเมื่อคืนที่พอจะจำได้ลาง ๆว่านางเอกคืออวี๋เหม่ยเจิน หรือว่าจะเป็นเรื่องจริง?
อาการเย็นวาบขึ้นมาที่แผ่นหลัง เขาไม่อยากเจอเรื่องดี ๆแบบนี้เลยนะ!
หากแพร่งพรายออกไปเขาจะอยู่ในตำแหน่งงานต่อไปได้อย่างไร?
เกรงว่าจะเป็นไม่ได้แม้แต่พนักงานธรรมดาเสียด้วยซ้ำ!
คุณย่าหยางได้เล่าแผนชั่วร้ายของถานซูฟางกับอวี๋เหม่ยเจินให้ฟัง เหยียนโฮ่วเต๋อยิ่งฟังก็ยิ่งมีสีหน้าบึ้งตึง แถมยังหันไปเตะใส่ถานซูฟางที่ยังนอนอยู่บนพื้นแรง ๆหลายทีพลางตวาดด่า “คนแพศยา หย่า อยู่ด้วยกันต่อไปไม่ได้แล้ว!”
เขาเบื่อหน่ายถานซูฟางตั้งนานแล้วเพียงแต่ไม่มีข้ออ้างที่ดีเท่านั้น ตอนนี้กำลังประจวบเหมาะ ไม่มีเหตุผลอะไรจะดีไปกว่าข้อหาเกือบฆ่าพ่อสามีอีกแล้ว!
กรามของถานซูฟางยังไม่ทันเข้าที่ดีก็เผยแววตาดูถูกเหยียดหยาม นึกเสียใจที่ตอนนั้นตาบอด ทำไมถึงได้ถูกใจผู้ชายแบบนี้ได้นะ?
ต่อให้เธอแต่งงานกับผู้ชายในแผนกงานเดียวกันสักคนก็ล้วนเก่งกาจกว่าเหยียนโฮ่วเต๋อหลายสิบเท่า!
เหยียนโฮ่วเต๋อถูกสายตาของถานซูฟางกระตุ้นความโกรธก่อนจะกระทืบใส่กลางอกเธออีกครั้ง ถานซูฟางเลือดออกมุมปากมาไม่น้อย คาดว่าน่าจะช้ำใน เหมยเหมยเลยรีบห้ามเหยียนโฮ่วเต๋อไว้
แน่นอนว่าเธอไม่ได้เห็นใจถานซูฟาง เพียงแต่ไม่อยากเห็นสีหน้าเหยียนโฮ่วเต๋ออีก
จะว่าไปเหยียนโฮ่วเต๋อสารเลวกว่าถานซูฟางมากโข!
อย่างน้อยถานซูฟางเป็นคนนอกแต่เขาเป็นถึงสามีของโม่เหวินเซียง เป็นพ่อแท้ ๆของเหยียนหมิงซุ่น เรื่องไร้ศีลธรรมที่ถานซูฟางกระทำลงไปเหยียนโฮ่วเต๋อจะไม่รับรู้ได้อย่างไร?
ทั้งที่เขารู้แต่กลับทำเป็นเพิกเฉย คนที่เห็นแก่ตัวเลือดเย็นแบบนี้ต่อให้ตายร้อยครั้งก็ไม่เกินไปด้วยซ้ำ!
เหยียนโฮ่วเต๋อไม่พอใจอย่างมากอยากด่าเหมยเหมย แต่เหยียนหมิงซุ่นแค่ปลายตามองมาน้อย ๆเขาก็รีบหุบปากอยู่เฉย ๆ มองเหยียนหมิงซุ่นอย่างเอาใจก่อนกล่าว “สองคนนี้ให้แกเป็นคนจัดก่อนหมดเลย ฉันไม่มีความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น!”
เขารู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นเกลียดถานซูฟางที่ทำให้โม่เหวินเซียงต้องตาย ตอนนี้เขาส่งตัวถานซูฟางให้ลูกชายคนโตแก้แค้น ลูกชายคงไม่เกลียดเขาอีกแล้วสินะ?
ไม่แน่อาจจะหาทางช่วยเลื่อนตำแหน่งให้เขาก็ได้!
เหยียนหมิงซุ่นไม่แม้แต่จะมองเขาแต่พยายามหักห้ามความคิดที่อยากจะบีบคอพ่อตัวเองให้ตายไว้ คุยโทรศัพท์สายหนึ่ง เขาใช้เวลาไม่นานก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งมาเยือนบ้านตระกูลเหยียน เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่งเสียงเบาไม่กี่ประโยคชายคนนั้นก็พาตัวถานซูฟางกับอวี๋เหม่ยเจินไปทั้งคู่
คุณย่าหยางถามด้วยความสงสัย “พวกเธอถูกพาตัวไปไหน?”
novel-lucky
“คนนั้นคือเพื่อนตำรวจที่ผมรู้จัก สองคนนี้ทำผิดกฎหมายเลยจับพวกเธอไปขัง” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย
คุณย่าหยางพยักหน้า “ต้องให้พวกเธอติดคุกนั่นแหละ น่าโมโหจริง ๆ!”
เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยอย่างเยือกเย็น ถ้อยคำเมื่อครู่ก็เพียงแค่หลอกตบตาคุณย่าไปเท่านั้น ผู้ชายคนนั้นเป็นลูกน้องของเขาที่ไม่มีทางพาตัวถานซูฟางกับอวี๋เหม่ยเจินไปสถานีตำรวจอยู่แล้ว แต่เลือกกักขังโดยส่วนตัว
แม้อวี๋เหม่ยเจินไม่ได้มีโทษถึงขั้นตายแต่ผู้หญิงคนนี้ทำให้คุณปู่เกือบสังเวยชีวิต หักล้างโทษประหารได้แต่หนีไม่พ้นโทษอยู่ดี ก็แค่ส่งเธอไปเป็นเมียบำเรอในเขตภูเขาที่ขาดแคลนผู้หญิงแล้วกัน!
ถือว่าได้สนับสนุนช่วยเหลือชนบทไง!
เชื่อว่าชายโสดในชนบทเหล่านั้นจะช่วยคุมตัวอวี๋เหม่ยเจินไว้อย่างดีไม่ปล่อยเธอออกมาปากพล่อยอย่างแน่นอน
ส่วนถานซูฟาง เขากลับช่วยมอบหน้าที่อันทรงเกียรติอย่างหนึ่งให้เธอได้ อีกไม่กี่วันจะส่งเธอไปเป็นแพทย์ในเขตสงครามระหว่างประเทศ หากมีชีวิตรอดถือว่าเธอมีบุญ หากตายก็เป็นนักรบผู้แกร่งกล้า ถือว่าได้เสียสละเพื่อตระกูลเหยียนเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกัน!
……………………….
ตอนที่ 1685 อัมพาตครึ่งตัว
เพื่อนบ้านต่างไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตระกูลเหยียนเพียงแค่แปลกใจว่าคนรับใช้ตระกูลเหยียนอยู่ดี ๆก็หายตัวไป อีกทั้งคุณปู่เหยียนก็เข้าโรงพยาบาล เห็นทีว่าภายในคืนเดียวคงเกิดเรื่องขึ้นไม่น้อย!
“ตาแก่เขาโรคประจำตัวกำเริบเมื่อคืนแต่โชคดีที่ช่วยชีวิตได้ทันเลยรอดหวุดหวิด” คุณย่าหยางอธิบายให้เพื่อนบ้านฟัง
เหล่าเพื่อนบ้านต่างส่งเสียงฮือฮาและสลับกันพูดปลอบใจ ซึ่งไม่พ้นคำว่าหากรอดชีวิตจากอุปสรรคอันหนักหน่วงได้จะต้องเจอเรื่องดี ๆในวันหน้าแน่นอน
คุณย่าหยางกล่าวอีกครั้ง “ส่วนเสี่ยวอวี๋ เธอแค่มาช่วยงานชั่วคราวแต่แรกอยู่แล้ว เมื่อวานที่บ้านเธอโทรเรียกเธอกลับบ้านพอดีบอกว่ามีธุระด่วน ฉันก็ไม่อยากรั้งไว้เลยจ่ายเงินเดือนหนึ่งเดือนให้เธอกลับบ้านไป”
“นั่นเพราะบ้านเธอใจดีต่างหาก เสี่ยวอวี๋ยังทำงานไม่ถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำ คุณหมอหยางก็ให้เงินทั้งเดือนแล้ว หล่อนโชคดีจริง ๆ!”
คุณย่าหยางอมยิ้มน้อย ๆ ไม่พูดอะไร
เมื่อทุกคนได้รับการไขข้อสงสัยเลยแยกย้ายกันกลับบ้านอย่างพึงพอใจไม่คิดจะใส่ใจเรื่องของตระกูลเหยียนอีก
คุณย่าหยางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง จู่ ๆก็รู้สึกชิงชังสถานที่ที่ใช้ชีวิตมาครึ่งค่อนชีวิตนี้กะทันหัน ไม่มีคนเป็นห่วงสามีเธออย่างแท้จริงเลยสักคนเดียว ล้วนแค่อยากดูเรื่องสนุก ๆเท่านั้น
“หมิงซุ่น รอปู่ของหลานฟื้นเราก็ย้ายไปอยู่เมืองหลวงกันเถอะ!” คุณย่าหยางถอนหายใจเอ่ย
ตลอดชีวิตนี้ตาแก่เห็นความสำคัญของเรื่องชื่อเสียงมากที่สุด ต่อให้ระหว่างเขากับอวี๋เหม่ยเจินไม่มีอะไรแต่เขาต้องคิดไม่ตกแน่ ๆ สู้เปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ ไม่แน่ตาแก่อาจจะอารมณ์ดีขึ้นได้บ้าง
novel-lucky
เหมยเหมยยิ้มพูด “คุณยายไปเมืองหลวงอย่างสบายใจได้เลย พี่หมิงซุ่นได้เตรียมเรือนสี่ประสานไว้นานแล้ว ละแวกนั้นก็คือสวนสาธารณะที่มีคุณปู่คุณย่าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณย่าเยอะเลย อีกอย่างหนูกับพี่หมิงซุ่นมีเวลาว่างก็จะไปเยี่ยมคุณย่า คุณย่าไม่มีทางเบื่อแน่นอน”
คุณย่าหยางพยักหน้ารับอย่างปลื้มปริ่มใจและค่อยสบายใจขึ้นเล็กน้อย คิด ๆแล้วก็ถูก มีหลานชายอยู่เธอมีอะไรต้องกังวลใจอีก?
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกสามวัน แม้คุณปู่เหยียนยังไม่ฟื้นแต่กลับย้ายไปอยู่ในห้องพักผู้ป่วยธรรมดาเพราะพ้นขีดอันตรายแล้ว
“คนไข้อาจมีความเป็นไปได้ที่เป็นอัมพาตครึ่งตัว ดูแลตัวเองไม่ได้ พวกคุณต้องทำใจไว้ให้ดี” คุณหมอได้พูดเตือนไว้ล่วงหน้า
ขณะที่คุณปู่เหยียนถูกส่งตัวมานั้นในหัวมีแต่ลิ่มเลือดเต็มไปหมด ตอนนี้ได้ผลลัพธ์แบบนี้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว สามารถเป็นตัวอย่างให้โรงพยาบาลพวกเขาได้เป็นอย่างดี
แม้คุณย่าหยางจะรู้สึกเสียใจแต่ก็พึงพอใจมากแล้ว “ไม่เป็นไร มีชีวิตอยู่ต่อก็นับว่าโชคดีมากแล้ว ค่อยรอฟื้นตัวไปช้าๆ แล้วกัน!”
หลังจากถูกเปลี่ยนไปอยู่ห้องพักผู้ป่วยธรรมดาคุณปู่เหยียนก็ฟื้นได้สติขึ้นมาในวันถัดไป ปากทื่อเสตาขวางมองและขยับตัวข้างหนึ่งไม่ได้เพราะเป็นอัมพาต
“ฉัน…ฉัน…ฉัน…”
พอคุณปู่เหยียนฟื้นก็มีท่าทีร้อนใจอยากถามคุณย่าหยางจนเส้นเลือดปูนโปนเรียกให้คนเป็นห่วงว่าเขาจะเส้นเลือดในสมองแตกอีกครั้งหรือเปล่า คุณย่าหยางเข้าใจปมในใจของเขาเลยรีบพูดชิดข้างหูเขาเสียเบา “ไม่สำเร็จ วางใจเถอะ!”
“ฟู่ว!”
คุณปู่เหยียนผ่อนคลายตัวในทันทีและสีหน้าเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ทว่ากลับเงยหน้าไม่กล้ามองภรรยากับหลายชายตัวเอง
ต่อให้ไม่สำเร็จแต่เขาก็เสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว อีกฝ่ายยังเป็นคนรับใช้ที่มีอายุคราวหลานสาวเขาได้เลย คุณปู่เหยียนไม่มีหน้าจะไปเจอใครอีกแล้วโดยเฉพาะคนในครอบครัว
เขาเกลียดเหลือเกินที่ครั้งนี้ตายไม่สำเร็จ!
ตายแล้วก็จะได้จบ ๆเสียที ตอนนี้ถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อแต่กลับต้องเป็นอันพาตแล้วยังต้องทุกข์ทรมานใจ มีชีวิตอยู่สู้ตายไปให้รู้แล้วรู้รอดยังจะดีกว่า!
คนที่รู้ใจสามีก็คงไม่พ้นภรรยา คุณย่าหยางมองปราดเดียวก็รู้ทันความคิดตาแก่ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เธอให้เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยออกไปข้างนอก ตอนนี้คิดว่าคนที่ตาแก่ไม่กล้าเผชิญหน้ามากที่สุดก็คือพวกเขาแล้วล่ะ
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มมุมปากเอ่ยเสียงแผ่ว “คุณปู่ คุณปู่พักผ่อนให้สบายเถอะ เรื่องที่บ้านไม่มีใครรู้ วางใจได้!”
คุณปู่เหยียนหนังหน้ากระตุกปล่อยให้น้ำลายไหลออกจากมุมปาก ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าหลานชายกำลังเยาะเย้ยเขาที่แก่แล้วยังทำตัวไม่น่าเคารพกันนะ?
คุณย่าหยางรีบเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดให้เขาพร้อมโบกมือไล่เหยียนหมิงซุ่นออกไปรัว ๆ
ตอนที่ 1686 อย่าคิดจะอยู่ดีเลย
เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นกลับบ้านพร้อมกันเพื่อเตรียมทำอาหารมื้อเที่ยงไปส่งโรงพยาบาล เหมยเหมยซื้อปลาช่อนมาหนึ่งตัว ปลาช่อนอุดมไปด้วยสารอาหารเป็นประโยชน์ต่อการพักฟื้นร่างกาย จึงเหมาะกับการให้คุณปู่เหยยีนทานในเวลานี้
กลับถึงบ้านเหยียนหมิงซุ่นได้โทรถามถึงสถานการณ์ของถานซูฟางกับอวี๋เหม่ยเจิน สนทนาเพียงไม่กี่ประโยคก็วางสายไปแล้วยิ้มอ่อนที่มุมปาก
“สองคนนั้นเป็นไงบ้าง?” เหมยเหมยถามอย่างฉงน
เหยียนหมิงซุ่นกรีดหนังท้องปลาไปพูดไปว่า “รอถานซูฟางรักษาแผลที่มือเสร็จก็ส่งตัวไปเป็นแพทย์ในเขตสงคราม อวี๋เหม่ยเจินถูกส่งตัวไปชนบทห่างไกลแล้ว ไปเป็นเมียของสี่พี่น้อง”
ผู้หญิงคนนี้ชอบผู้ชายไม่ใช่หรือ?
ถ้าอย่างนั้นก็จัดให้เธอสี่คน เธอน่าจะพอใจแล้วสินะ!
เหมยเหมยเบิกตากว้างกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ใช้เมียร่วมกันเหรอ?
ทั้งยังเป็นเมียร่วมกันของสี่พี่น้องอีกต่างหาก นี่…นี่มัน…
แน่นอนว่าเธอไม่มีวันเห็นใจอวี๋เหม่ยเจินอยู่แล้ว แม้ถานซูฟางจะเป็นผู้บงการแต่อวี๋เหม่ยเจินเองก็มีเจตนาร้ายเหมือนกัน จุดจบตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเธอทำตัวเองทั้งนั้นเลยไม่น่าเห็นใจสักนิดเดียว เพียงแต่–
“อวี๋เหม่ยเจินมีลูกสาวอีกคนไม่ใช่เหรอ? ลูกสาวเธอล่ะจะทำอย่างไร?”
เหมยเหมยจำได้ว่าคุณปู่เหยียนเคยบอกว่าเหตุผลที่อวี๋เหม่ยเจินมารับจ้างเป็นคนรับใช้เพื่อหาเงินค่าเทอมให้ลูกสาว เช่นนี้แล้วแม้อวี๋เหม่ยเจินจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีแต่น่าจะเป็นคุณแม่ที่ดี
เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “อวี๋เหม่ยเจินมีลูกสาวก็จริง ปีนี้อายุสี่ขวบ แต่เธอไม่ได้ทำดีกับลูกสาวคนนี้เลยสักนิด เด็กน้อยมีคุณปู่คุณย่าคอยเลี้ยงดูอยู่ อวี๋เหม่ยเจินนานทีปีหนถึงจะกลับไปเยี่ยมดูสักครั้งและไม่เคยเอาเงินกลับไปสักหยวนเดียว”
หากไม่ได้ตามสืบถึงเรื่องราวเหล่านี้ บางทีเขาคงไม่กล้าใจเหี้ยมต่ออวี๋เหม่ยเจินมากขนาดนี้
กับผู้หญิงที่ให้กำเนิดลูกได้แต่เลี้ยงดูไม่ได้นั้น เขายิ่งไม่มีทางใจอ่อนเด็ดขาด!
“พ่อของเด็กล่ะ?” เหมยเหมยเองก็โกรธอย่างมาก ความเห็นใจอันน้อยนิดสุดท้ายที่มีต่ออวี๋เหม่ยเจินก็หายวับทันที
“สองปีก่อนไปจับงูบนเขาแล้วโดนงูพิษฉกตาย แล้วที่ผู้ชายคนนี้ไปจับงูก็เพราะอวี๋เหม่ยเจินอยากซื้อสร้อยทอง” เหยียนหมิงซุ่นเผยแววตาเย็นยะเยือก
เหมยเหมยด่าทออย่างเคียดแค้น “ตัวกาลกินีจริง ๆ ทำไมพี่หาแค่สี่พี่น้องล่ะ? ทำไมไม่หาครอบครัวที่มีพี่น้องเยอะกว่านี้หน่อยล่ะ?”
ผู้หญิงที่ความคิดตื้นเขินทั้งยังเห็นแก่ตัวแบบนี้ สี่พี่น้องยังน้อยไปสำหรับเธอ!
เหยียนหมิงซุ่นหลุดหัวเราะเสียงเบาแล้วดีดจมูกเหมยเหมยทีหนึ่งจนเกล็ดปลาติดอยู่ตรงปลายจมูกเธอ เหมยเหมยปัดเกล็ดปลาออกอย่างไม่พอใจพลางถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง
“หมู่บ้านนั่นอย่างมากก็มีแค่สี่พี่น้องแต่ก็เป็นครอบครัวที่จนที่สุดในหมู่บ้าน แต่เธอสบายใจได้ สี่พี่น้องยังมีพ่อที่ยังโสดและแข็งแรงดีและคุณอาเล็กที่โสดอีกคน” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเรียบ
เหมยเหมยตาเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะหน้าแดงระเรื่ออย่างเขินอาย เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่เธอก็เข้าใจแล้ว
น่าสะอิดสะเอียนจริง ๆ!
แต่ก็เป็นการเอาคืนที่ดีที่สุด!
ใครให้อวี๋เหม่ยเจินเป็นต้นเหตุให้สามีตายแล้วยังทอดทิ้งลูกสาวล่ะ!
สมน้ำหน้า!
เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มมุมปากน้อย ๆ ครอบครัวนั้นได้ผ่านการคัดสรรอย่างละเอียดจากเขาเอง คุณแม่ของสี่พี่น้องก็เป็นเมียร่วมที่คุณพ่อของพวกเขาเป็นใครนั้นคิดว่าแม้แต่ผู้หญิงน่าสงสารคนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ในหมู่บ้านชนเผ่าภูเขาถิ่นทุรกันดารแบบนั้นผู้หญิงก็เท่ากับสมบัติส่วนรวมของผู้ชายทั้งครอบครัว ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถครอบครองได้
อวี๋เหม่ยเจินค่อย ๆทนไปแล้วกัน!
หลังจากต้มน้ำซุปปลาเดือดเหมยเหมยก็ใส่เกลือเพียงเล็กน้อยก่อนจะหรี่ไฟค่อย ๆเคี่ยวไป แล้วถามต่อ “แล้วเหยียนโฮ่วเต๋อจะจัดการอย่างไร?”
เจ้าเหยียนโฮ่วเต๋อหน้าไม่อายที่สุด พอหลับนอนกับอวี๋เหม่ยเจินก็ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งยังไปเยี่ยมคุณปู่เหยียนที่โรงพยาบาลเพียงครั้งเดียวก็ไม่เคยไปอีกเลย พร่ำบอกแต่ว่างานยุ่งไม่มีเวลา
เหอะ คนว่างงานที่รอเอาเงินเดือนไปวัน ๆจะงานยุ่งได้สักแค่ไหนเชียว?
เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงทีหนึ่ง “รอคุณปู่คุณย่าย้ายไปเมืองหลวงก่อน พี่ค่อยจัดการเขา!”
ตัวการหลักที่ทำให้คุณแม่ต้องตายก็คือเหยียนโฮ่วเต๋อ เขาน่ารังเกียจยิ่งกว่าถานซูฟางอีก แล้วจะปล่อยไปง่าย ๆได้อย่างไรกัน?
…………………………..
ตอนที่ 1687 ช่วยเหลือชนบทยากไร้
ผ่านไปอีกสองวันอาการของคุณปู่เหยียนก็เริ่มคงที่ แม้จะยังปากเบี้ยวตาเสอยู่บ้างแต่กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมากและพอจะทานอาหารเหลวได้บ้างแล้ว
ขอแค่ทานข้าวได้ก็จะมีสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกาย บวกกับมียาวิเศษคอยรักษาอยู่ก็ใช้เวลาฟื้นตัวในเวลาไม่นาน
เหยียนหมิงซุ่นเริ่มเตรียมการเรื่องที่จะย้ายไปเมืองหลวง ถานซูฟางถูกส่งตัวไปเขตชายแดนเสร็จสรรพทั้งที่มือของเธอยังไม่หายขาดดี แต่เหยียนหมิงซุ่นไม่มีความอดทนเหลืออีกต่อไปเลยให้ลูกน้องส่งเธอไปเขตสงคราม จะเป็นหรือตายล้วนขึ้นอยู่กับตัวเธอแล้ว
“พี่ส่งถานซูฟางไปเขตสงครามแล้ว แล้วถ้าเหยียนหมิงต๋ากลับมาล่ะพี่จะบอกเขาว่าอย่างไร?” เหมยเหมยชักเริ่มกังวลใจ
ถานซูฟางชั่วช้าเพียงใดแต่เธอกลับจริงใจต่อเหยียนหมิงต๋า หนำซ้ำเหยียนหมิงต๋าเองก็มีเยื่อใยกับเธอ หากเขารู้ว่าแม่ของตนตายด้วยน้ำมือของเหยียนหมิงซุ่นล่ะก็เกรงว่าเจ้าทึ่มเหยียนหมิงต๋าจะทำเรื่องบ้า ๆอะไรออกมาน่ะสิ!
เหยียนหมิงซุ่นใจเหี้ยมกับคนอื่นได้แต่ใช่ว่าจะใจเหี้ยมกับเหยียนหมิงต๋าได้ลงคอ แบบนี้ก็เสียเปรียบแย่!
“งั้นก็อย่าให้เขารู้ ถานซูฟางทิ้งจดหมายไว้ว่าเธอยินยอมที่จะไปเขตสงครามเอง อีกอย่างถ้าเธอตายก็คือนักรบผู้แกร่งกล้า มีประโยชน์ต่อเส้นทางชีวิตทหารของหมิงต๋า” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเรียบอย่างไม่ใส่ใจ
ถึงเขาจะมีสายสัมพันธ์พี่น้องกับเหยียนหมิงต๋าแต่ยังไม่ลึกซึ้งถึงขั้นคอยพึ่งพากันและกัน
หากเหยียนหมิงต๋าภักดีต่อเขาตลอดชีวิตเช่นนั้นเขาย่อมให้อนาคตที่ดีแก่หมิงต๋าได้ แต่หากเหยียนหมิงต๋าอยากทรยศหักหลังเขา เช่นนั้นเขาก็ย่อมใจเหี้ยมได้ลงคอ
เหมยเหมยค่อยสบายใจขึ้นหน่อย ขอแค่เตรียมการไว้แล้วก็พอเพราะไม่อยากเห็นเหยียนหมิงซุ่นกับเหยียนหมิงต๋าต้องห้ำหั่นกันเองเพราะผู้หญิงอย่างถานซูฟาง!
“เหยียนหมิงต๋าอยู่ในค่ายทหารเป็นอย่างไรบ้าง?” ชั่วพริบตาเดียวเหยียนหมิงต๋าก็ไปอยู่ในค่ายทหารเกือบสองปีแล้ว เจ้าหมอนี่สมองทำงานช้าและรูปร่างสูงใหญ่ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
“ก็ไม่เลว ถูกคัดเลือกเป็นทหารหน่วยรบพิเศษแล้ว รอฝึกอีกหนึ่งปีก็รับภารกิจได้”
เหยียนหมิงซุ่นยังค่อนข้างพึงพอใจต่อพฤติกรรมของน้องชายพอสมควร แม้จะโง่ไปหน่อยแต่เรื่องสมรรถภาพร่างกายนั้นไม่มีที่ติอยู่แล้ว เขาเป็นตัวเลือกสำหรับหน่วยรบพิเศษได้เป็นอย่างดี
เหมยเหมยเบะปาก อู่เยวี่ยตายไปแล้ว เจ้างั่งนี่คงไม่ทำตัวโง่ ๆอีกแล้วสินะ?
เวลาเพียงชั่วพริบตาก็จวนใกล้ถึงเทศกาลหยวนเซียวแล้ว เหยียนหมิงซุ่นเตรียมไปฉลองวันครอบครัวที่เมืองหลวง โดยครั้งนี้เขาไม่ได้ขับเครื่องบินแต่เลือกที่จะนั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจไปพร้อมกัน บ้านพักอาศัยของคุณปู่คุณย่ามีลุงเหลากับป้าฟางเก็บกวาดไว้แล้ว เรียบร้อยสะอาดสะอ้าน เงียบสงบน่าอยู่ คุณปู่เหยียนกับคุณย่าหย่างชอบใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
เหยียนโฮ่วเต๋อยังไม่รู้ว่าตนได้ถูกพ่อแม่และลูกชายทอดทิ้งไปแล้ว เขายังคงคิดจะกลับบ้านไปทานข้าวในเวลาหลังเลิกงานเหมือนอย่างเคยแต่ประตูบ้านกลับปิดแน่นสนิท ตะโกนเรียกอยู่พักใหญ่ก็ไม่มีใครเปิดประตู กลับเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นคนบอกเขาเองว่าคนแก่ทั้งสองได้ย้ายไปใช้ชีวิตอันสุขสบายที่เมืองหลวงแล้ว
ขณะที่เพื่อนบ้านคนนี้กำลังพูดอยู่นั้นกลับมองเหยียนโฮ่วเต๋อด้วยสายตาประหลาดอย่างมาก ราวกับเห็นใจแต่ก็เหมือนเย้ยหยัน แล้วยังดูสมน้ำหน้าอยู่บ้าง
เหยียนโฮ่วเต๋อเกิดเสียงระเบิดในหัวดังตู้ม ชะงักงันไปทันที
นี่ทอดทิ้งเขาอย่างนั้นหรือ?
หลังจากนี้ไปเขาจะทำอย่างไร?
วันรุ่งขึ้นเหยียนโฮ่วเต๋อไปทำงานในสภาพที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาอยากลางานขอไปตามหาแม่ตัวเองที่เมืองหลวง นี่ไปโดยไม่บอกไม่กล่าวไม่ทิ้งแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ไว้ให้เขา เขาต้องไปถามให้รู้เรื่อง!
สิ่งที่สำคัญที่สุดเขาต้องให้เหยียนหมิงซุ่นหาทางเลื่อนตำแหน่งให้เขาสิ!
ตอนนี้อยู่ก้ำกึ่งตรงกลางมันน่าอึดอัดใจมากจริง ๆ!
แต่เหยียนโฮ่วเต๋อกลับคิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันลางานด้วยซ้ำก็มีใบสั่งการลงมาให้เขาย้ายไปเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนชั้นประถมในชนบทห่างไกล เป็นการให้ความช่วยเหลือการศึกษาแก่ชนบทที่สร้างคุณประโยชน์ให้มากที่สุด
เหยียนโฮ่วเต๋อกวาดตาดูที่อยู่ของโรงเรียนก็หน้ามืดแทบจะเป็นลมหมดสติไปทันใด
นี่มันสถานที่ที่ถานซูฟางเคยไปทำงานมาก่อนไม่ใช่หรือ?
ได้ข่าวว่าขนาดจะดื่มน้ำสักอึกยังยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาบน้ำล้างหน้าเลย คนที่นั่นไม่ว่าจะเด็กโตเด็กเล็กคนแก่หรือใครก็ตามล้วนมีเหาอยู่เต็มหัว
เหยียนหมิงซุ่นได้รับโทรศัพท์จากเมืองจินถึงรู้ว่าเหยียนโฮ่วเต๋อถูกบีบบังคับให้ขึ้นรถไฟไปแล้วเลยเหยียดยิ้มที่มุมปาก
ค่อย ๆทนไปแล้วกัน!
ตอนที่ 1688 เป็นมือที่สาม
เรื่องพวกนี้คุณย่าหยางกับคุณปู่เหยียนไม่รับรู้อะไรด้วย แต่คิดว่าต่อให้พวกเขารู้ก็ไม่มีทางว่าอะไร
คราวนี้พวกเขาผิดหวังต่อลูกชายคนนี้อย่างแท้จริงแล้ว!
การที่คุณปู่ย้ายจากเมืองจินมายังเมืองหลวงที่ไม่คุ้นเคยกลับมีส่วนช่วยต่อการพักฟื้นของร่างกายเขาอย่างมาก อารมณ์ก็ดีขึ้นตามไม่น้อย เหยียนหมิงซุ่นได้จ้างสองสามีภรรยาที่ซื่อสัตย์ภักดีมาโดยเฉพาะ ผู้ชายดูแลคุณปู่ส่วนผู้หญิงช่วยทำงานบ้านจะได้เป็นการแบ่งเบาภาระของคุณย่าหยาง
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานภาคการศึกษาใหม่ก็ใกล้จะปิดฉากลง ทุกคนต่างวุ่นกับการเตรียมสอบปลายภาคแม้แต่ถังม่านลี่ผู้ที่ไม่เคยเว้นว่างยังงดออกเที่ยวนั่งทบทวนบทเรียนทุกคืน
เทอมนี้สวีจื่อเซวียนมีท่าทีเย็นชาลงเรื่อย ๆ เมื่อก่อนยังคุยกับถังม่านลี่บ้างแต่ตอนนี้กลับไม่สนใจใคร เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลอบด่าว่าคนเนรคุณลับหลังหลายต่อหลายครั้ง
“เทียบกับถังม่านลี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้ารู้แต่แรกว่าหล่อนเป็นคนแบบนี้ตอนนั้นไม่ควรไปช่วยหล่อนไว้เลย!”
เมื่อครู่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสีไม่พอใช้เลยไปขอยืมสวีจื่อเซวียน แต่ปรากฏว่าคุณหนูเขาไม่แม้แต่จะชายตามอง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจำต้องวิ่งไปขอยืมฉีฉีเก๋อที่อยู่ห่างกันมากเพื่อแก้ปัญหาไปก่อน หลังเลิกเรียนถึงได้ด่ายาวเหยียดเป็นพรวนแบบนี้
ฉีฉีเก๋อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสวีจื่อเซวียน ในเมื่อเรื่องมันเกี่ยวโยงถึงความบริสุทธิ์ของหญิงสาวคนหนึ่งเหมยเหมยกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนล้วนไม่ใช่คนปากสว่างอะไร เลยไม่ได้บอกให้ฉีฉีเก๋อรับรู้
“ไม่ควรช่วยอะไร? เกิดอะไรขึ้นกับสวีจื่อเซวียน?” ฉีฉีเก๋อถามด้วยความสงสัย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มเจื่อน “เปล่า เมื่อกี้ฉันแค่หลุดปากพูดเฉย ๆ แค่เห็นแม่นี่ขัดหูขัดตา วันหลังเธออยู่ห่างผู้หญิงคนนี้หน่อยนะ ตายต่อหน้าก็อย่าไปสนใจ แม่นี่มันเป็นพวกเนรคุณ จบเรื่องแล้วก็ไม่ยอมรับความจริง”
เหมยเหมยปากกระตุก จบเรื่องแล้วไม่ยอมความจริงจริงด้วยสินะ!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกัดฟันด่าไปยกหนึ่ง เมื่อได้ระบายอารมณ์ไปพอสมควรแล้วก็กลอกตาเอ่ยด้วยท่าทีลึกลับ “จะบอกข่าวใหญ่เกี่ยวกับสวีจื่อเซวียนให้พวกเธอฟังข่าวหนึ่ง”
เหมยเหมยเลิกคิ้ว พูดเสียงยานคางอย่างไม่ค่อยสนใจนัก “เธอไปขายซิการ์ที่สโมสรเศรษฐีอีกแล้วเหรอ?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียงทีหนึ่งแล้วพูดเชิงเหยียดว่า “เธอก็อยากไปอยู่หรอกแต่มีคนไม่ให้เธอไป!”
เหมยเหมยถึงมีท่าทีสนใจขึ้นมาบ้าง “ใครเหรอ?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็ต้องเป็นผู้ชายอยู่แล้วสิ!”
เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่งอย่างขุ่นเคืองพลันมีความคิดหนึ่งวาบขึ้นมาในหัวเพราะนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมากะทันหัน เลยถามอย่างไม่มั่นใจว่า “คงไม่ใช่อาจารย์เจียงหรอกนะ?”
“โอ้โห เธอลูกครึ่งเซียนเหรอ!เรื่องนี้ยังเดาถูกได้อีก!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยกนิ้วโป้งให้อย่างนับถือ
เหมยเหมยย้อนนึกถึงการกระทำที่เจียงจื้อหรู่ปกป้องทะนุถนอมสวีจื่อเซวียนให้เห็นเป็นครั้งคราว รวมถึงเตียงเดี่ยวในห้องทำงานของเขาเลยผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะอดพูดไม่ได้ว่า “สวีจื่อเซวียนคงไม่ได้เป็นมือที่สามหรอกนะ?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยอมพ่ายแพ้อย่างราบคาบ “เธอไม่น่าเรียนวาดรูปเลย น่าจะไปตั้งแผงบนถนนรับจ้างดูดวงเอา รับรองว่างานรุ่งเงินทองไหลมาเทมาแน่นอน!”
เหมยเหมยเองก็ไม่คิดว่าเธอจะเดาได้แม่นยำขนาดนี้ มิน่าสวีจื่อเซวียนในตอนนี้ตาแทบกลอกขึ้นฟ้าอยู่รอมร่อ สงสัยคิดว่าตนมีที่พึ่งอย่างเจียงจื้อหรู่ก็จะเฉิดฉายในเมืองหลวงได้แล้วสินะ?
เหอะ ใสซื่อเสียจริง!
หากเจียงจื้อหรู่มีอำนาจจริงแล้วตอนนั้นเขาจะมาขอร้องให้เธอไปช่วยหล่อนทำไม?
ยิ่งไปกว่านั้นเจียงจื้อหรู่แต่งงานแล้ว อายุมากกว่าสวีจื่อเซวียนเกือบยี่สิบปี นี่เธอโดนหมาแทะสมองไปหรืออย่างไรถึงได้คิดสั้นไปเป็นมือที่สามของตาแก่แบบนั้น?
“เจียงจื้อหรู่ไม่คิดจะหย่าใช่ไหม?” เหมยเหมยเอ่ยชื่อเต็ม ผู้ชายประเภทนี้ไม่คู่ควรเป็นอาจารย์
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นหัวเราะกล่าว “จะหย่าได้อย่างไร? ตระกูลอาจารย์แม่ของเราเจ๋งกว่าตระกูลเจียง เขาไม่กล้าจะพูดถึงด้วยซ้ำได้แต่แอบเลี้ยงเมียน้อยลับ ๆล่อๆไง!”
………………………
ตอนที่ 1689 น้ำเข้าสมอง
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเริ่มเล่าข่าวอื้อฉาวของครอบครัวเจียงจื้อหรู่อย่างกระตือรือร้น ที่แท้แล้วแม้ตระกูลเจียงจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง แต่ท่ามกลางเมืองหลวงที่มีแต่ผู้มีอิทธิพลทั่วทุกหนแห่งแบบนี้ตระกูลเจียงก็ย่อมเทียบกันไม่ติด
อีกทั้งลูกหลานรุ่นของเจียงจื้อหรู่ไม่มีคนไหนโดดเด่นเป็นพิเศษ เจียงจื้อหรู่นับว่าประสบความสำเร็จที่สุดแล้ว แต่กลับไม่ชื่นชอบงานราชการ แค่อยากเป็นครูบาอาจารย์ผู้มอบความรู้ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเท่านั้น เวลาว่างก็วาดรูปขีด ๆเขียน ๆ ใช้ชีวิตเรียบง่ายสุขสบายไปวัน ๆ
ส่วนพี่น้องคนอื่น ๆของเจียงจื้อหรู่ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง แต่ละคนคือคุณชายลูกเศรษฐีจอมเสเพลที่กินเหล้าแทนน้ำ
ฉะนั้นถึงตระกูลเจียงไม่ขาดแคลนเงินแต่กลับยิ่งอยู่ก็ยิ่งอยู่ห่างไกลจากสังคมนั้นจนถดถอยลงเรื่อย ๆ ภรรยาของเจียงจื้อหรู่กลับมีพื้นหลังครอบครัวไม่ธรรมดา แน่นอนว่าเทียบกับตระกูลเจียงแล้วไม่ว่าอย่างไรก็พอจะกุมอำนาจการตัดสินใจภายในบ้านตระกูลเจียงได้ล่ะ
นับว่าเจียงจื้อหรู่กับภรรยาของเขาแต่งงานในแง่ทางการเมือง เพราะเจียงจื้อหรู่หน้าตาดี สง่าหล่อเหลาทั้งยังเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยจึงเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักศึกษาหญิงอย่างมาก ซึ่งภรรยาของเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่รักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น
เพียงแต่เจียงจื้อหรู่ไม่ชอบภรรยาที่หน้าตาไม่โดดเด่นคนนี้เพราะเดิมทีเขามีแฟนสาวอยู่แล้ว ทั้งยังรักกันดีถึงขั้นหมายหมั้นเสร็จสรรพ เพียงแต่ต่อให้ความรักลึกซึ้งขนาดไหนก็ต้านทานแรงกดดันจากครอบครัวไม่ไหว
เจียงจื้อหรู่จำต้องทนปวดใจเลิกกับแฟนสาวแล้วแต่งงานกับภรรยาคนปัจจุบันอย่างไม่สมยอมใจเท่าไรนัก ภายหลังแต่งงานความสัมพันธ์ก็ระหองระแหงเรื่อยมาจนเจียงจื้อหรู่ใช้เวลาอยู่ในห้องทำงานนานกว่าอยู่บ้าน
“เธอรู้ไหมว่าแฟนเก่าของอาจารย์เจียงหน้าตาคล้ายใคร?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขยิบตาใส่
ฉีฉีเก๋อฟังแล้วก็มึนไปชั่วขณะคอยมองเพื่อนทั้งสองคนอย่างงงงวย เมียน้อยอะไร แฟนเก่าอะไร?
ทำไมเธอถึงฟังไม่เข้าใจสักคำเดียวเลยล่ะ?
เหมยเหมยยิ้มตอบ “คงไม่ได้เหมือนสวีจื่อเซวียนหรอกมั้ง?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตบต้นขาแรง ๆทีหนึ่งพร้อมกับทำตาเป็นประกายวาว “โอ้โห เหมยเหมยเธอมันสุด ๆไปเลยจริง ๆ เดาทีก็ถูกทุกทีแหะ!”
เหมยเหมยมองค้อนใส่เธอแวบหนึ่ง หล่อนสิที่สุด ๆ!
เธอไม่ใช่หมาพุดเดิ้ลสักหน่อย จะมาสุด ๆอะไรล่ะ?[1]
“เธอถามขนาดนี้แล้วถ้าฉันยังเดาไม่ออกก็โง่ยิ่งกว่าหมูสิ!” เพิ่งจะสิ้นเสียงเหมยเหมยเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็หลุดขำแล้วแอบชี้ไปที่ฉีฉีเก๋อที่กำลังตาหมุนด้วยความมึนงง จนเหมยเหมยเองก็อดหัวเราะไม่ได้
“พวกเธอก็พูดให้รู้เรื่องสิ ฉันไม่เข้าใจเลย!” ฉีฉีเก๋อเริ่มร้อนใจ เธอเกลียดการที่พูดอะไรครึ่ง ๆกลาง ๆที่สุด
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเล่าความสัมพันธ์ของเจียงจื้อหรู่กับสวีจื่อเซวียนไปคร่าว ๆ ซึ่งแน่นอนว่าตัดเรื่องที่สวีจื่อเซวียนโดนข่มขืนไป ถึงสวีจื่อเซวียนจะเป็นคนไม่มีคุณธรรมแต่เธอจะทำอย่างนั้นไม่ได้ จะปล่อยความลับของคนอื่นรั่วไหลออกไปง่าย ๆ ไม่ได้!
แน่นอนหากภายหลังสวีจื่อเซวียนกวนโมโหเธอเข้าจริง ๆ เธออาจจะไม่ใจดีช่วยเก็บความลับให้แม่นี่ต่อก็เป็นได้ จะแฉออกไปให้หมดเลย!
ฉีฉีเก๋อหน้าถอดสี “พระเจ้า สวีจื่อเซวียนน้ำเข้าสมองเหรอ? อาจารย์เจียงเป็นพ่อของหล่อนได้แล้วนะ!”
ทั้งที่หน้าตาสวยขนาดนี้ ไหนจะผลการเรียนยังดีขนาดนี้ย่อมหาผู้ชายได้ทุกรูปแบบ แต่ดันไปจบกับผู้ชายแก่แต่งงานแล้วคนหนึ่ง มองไม่เห็นความหวังเลย!
“เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเธอเข้าใจผิดไปหรือเปล่า? ฉันว่าสวีจื่อเซวียนไม่โง่ขนาดนั้นหรอก!” ฉีฉีเก๋อไม่ค่อยเชื่อเท่าไร ขอแค่เป็นผู้หญิงที่มีสมองสักนิดก็ไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆแบบนั้นลงได้แน่!
“เหอะ ฉันจะเข้าใจผิดได้อย่างไร? ตอนกลางคืนสองคนนี้ชอบไปเที่ยวสนุกที่บาร์ที่ชื่อหลันเยวี่ยเลี่ยงบ่อย ๆ ที่นั่นถือว่าเป็นสถานที่รวมตัวของพวกศิลปินทั้งหลาย คนที่ไปส่วนใหญ่เลยอยู่ในวงการนี้กันหมด ฉะนั้นเจียงจื้อหรู่กับสวีจื่อเซวียนจู๋จี๋กันในบาร์คนอื่นเลยหลงคิดว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันเสียอีก!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเกิดอาการไม่พอใจแล้ว คุณสามารถสงสัยเรื่องคะแนนสอบของเธอได้เพราะความจริงก็ทุจริตไปครึ่งจากการลอกข้อสอบมา แต่จะสงสัยว่าข่าวเธอเป็นเรื่องเท็จไม่ได้!
มันทนไม่ได้จริง ๆ!
……………………….
[1] เป็นมุกล้อเลียนสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลของชาวจีนจากพฤติกรรมที่พุดเดิ้ลในวัยเด็กมักกระทำอนาจารกับสิ่งของรอบตัว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น