อัจฉริยะสมองเพชร 1678-1679

ตอนที่ 1678 ชีสสสส!

“แม่ทัพเหิงเจียง?”


มันเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหู แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมองตรงมาที่เขา ก็แน่นอนว่าคงหมายถึงตัวเขานั่นเอง


เพราะฉะนั้น ชื่อของแม่ทัพที่จางเซวียนปลอมตัวเป็นเขาก็คือเหิงเจียง! เป็นชื่อที่ไม่เลวเลยทีเดียว


จางเซวียนมองเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างถี่ถ้วน เห็นอีกฝ่ายสวมหมวกเกราะแบบเดียวกับเขา รังสีของหมอนั่นเข้มข้นและแผ่วงกว้าง มันเป็นนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 4-ชั่วกัลปาวสาน


มีนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เพียงแค่ 7 ตัวในแคมป์ไม่ใช่หรือ?


แล้วอีกตัวโผล่มาจากไหน?


“ฉนวน…” จางเซวียนหัวใจกระตุกเมื่อนึกได้


ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด อีกฝ่ายน่าจะเป็นกองหนุนที่เข้ามาทางฉนวนที่ถูกทำลายไป


มีเวลาตั้งเยอะตั้งแยะ แต่หมอนี่ก็โผล่มาถึงตอนที่เขากำลังจะลงมือ มันจะบังเอิญไปหน่อยไหม?


ถึงอีกฝ่ายจะเป็นนักรบชั่วกัลปาวสาน แต่ก็ไม่ง่ายที่จะมองทะลุการปลอมตัวของจางเซวียน


แม้จะคิดขึ้นมาได้ แต่จางเซวียนก็ไม่ตื่นตระหนก เขาเลิกคิ้วอย่างเย็นชาขณะตั้งคำถาม “ผมจำเป็นต้องรายงานการกระทำของผมให้คุณทราบหรือ?”


“คุณ!” ได้ยินคำนั้น เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำคำราม มันสะบัดมือแล้วนำคำประกาศสีทองออกมาก่อนจะพูดว่า “ภายใต้คำสั่งของนายเหนือหัวเฉินหย่ง คุณจะต้องระงับการโจมตีและล่าถอยทันที!”


“ล่าถอยทันที?” จางเซวียนชะงักไปเล็กน้อย


‘นายเหนือหัวเฉินหย่ง’ ที่อีกฝ่ายพูดถึงน่าจะเป็นหนึ่งในฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีตำแหน่งสูงสุด…แต่เรื่องนี้ก็ไม่สมเหตุสมผลเลย หลังจากที่ทุ่มเทกองกำลังมากมายเพื่อทำลายฉนวนแห่งมิติ หมอนั่นกำลังออกคำสั่งให้ล่าถอยหรือ?


“ใช่แล้ว คุณมัวรีรออะไรล่ะ? รีบออกคำสั่งให้กองกำลังของคุณถอยสิ!” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำตวาดขณะโยนคำประกาศสีทองให้


จางเซวียนรับคำประกาศสีทองมาอ่าน ถ้อยคำเหล่านั้นถูกเขียนด้วยภาษาของเผ่าพันธุ์ปีศาจ และมันก็เป็นคำสั่งให้กองทัพของเขาล่าถอยจริงๆ


“เอ่อ..” จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเก็บคำประกาศนั้นใส่ไว้ในแหวนเก็บสมบัติ “แต่ก่อนหน้านั้น ผมอยากให้คุณดูอะไรสักหน่อย”


“ฮะ?” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำเลิกคิ้ว


“ผมพบประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของของล้ำค่าจากเหล่าผู้หยั่งรู้ที่เป็นมนุษย์ เมื่อเปิดใช้งาน มันจะมีประสิทธิภาพอย่างน่าทึ่ง แม้แต่นักรบขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณก็จะหมดสภาพไปในทันที ไม่มีเครื่องมือไหนที่ดีกว่านี้อีกแล้วในการรับมือกับมนุษย์พวกนั้น!” จางเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มเปี่ยม


“แม้แต่นักรบขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณก็จะหมดสภาพในทันที?” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความสงสัย


พลทหารทั่วไปอาจไม่รู้จักกระจกเงาเหล่านี้ แต่เขารู้จัก มันคือของล้ำค่าของผู้หยั่งรู้ที่เป็นมนุษย์ที่สามารถใช้ปกปิดรังสี และยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องจัดเรียงอยู่ในรูปแบบเฉพาะเพื่อสำแดงอานุภาพในการปกปิด ไม่มีทางที่กระจกเงาเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะสังหารนักรบขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณ!


“ถ้าคุณไม่เชื่อผมล่ะก็ ทำไมไม่ลองดูล่ะ? หลังจากนั้น ผมจะสั่งการให้กองทัพของผมล่าถอย” จางเซวียนพยักหน้าอย่างจริงจัง


“ก็ได้ ขอดูหน่อยว่าคุณทำอะไร!” เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นพยักหน้าทั้งที่ยังคงสงสัย


เขามาที่นี่เพื่อถ่ายทอดคำสั่ง และขอแค่อีกฝ่ายยินยอมพร้อมใจทำตามคำสั่ง เขาก็ไม่มีปัญหาที่จะตามน้ำ ถ้ากระจกเงาเหล่านี้มีความพิเศษจริงๆล่ะก็ จะถือว่าเป็นเรื่องดีทีเดียว


ในเมื่อมีพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจมากมายอยู่รายรอบ และเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เขากำลังเผชิญหน้าก็เป็นแม่ทัพ จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะทำอะไรเขา


“ง่ายนิดเดียว หยิบกระจกเงาบานหนึ่งขึ้นมาแล้วทาบฝ่ามือของคุณลงไป” จางเซวียนสั่งการ


เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำจ้องตาจางเซวียนอยู่ครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็พยักหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่นหรือก่อกวน เขาเดินไปที่กระจกบานหนึ่งแล้วทาบฝ่ามือลงไป


ไม่ใช่เพราะเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนี้โง่เง่า แต่เป็นเพราะมันไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครอื่นนอกจากแม่ทัพเหิงเจียง


อีกอย่าง ก็เป็นที่รู้กันว่าอาชีพผู้หยั่งรู้ไม่ใช่อาชีพที่คุ้นเคยกับการต่อสู้ ของล้ำค่าส่วนใหญ่ของพวกเขาเกี่ยวข้องกับการทำนายและการต่อต้านการทำนาย หรือต่อให้เป็นกับดัก เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับมันได้ด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่งของตัวเอง


“ในเมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ก็เริ่มกันเถอะ!”


เห็นผู้เชี่ยวชาญที่มาใหม่ทาบฝ่ามือลงบนกระจกเงา จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ขณะที่เขากำลังจะเปิดใช้หอสมุดเทียบฟ้ากับกระจกเงา ก็ได้ยินเสียงพายุหวีดหวิวอยู่เหนือศีรษะ อีกร่างหนึ่งบินตรงเข้ามา


“เหิงเจียง รับคำสั่ง! อำมาตย์เฉินหลิงประกาศว่าคุณจะต้องเข้าโจมตีเดี๋ยวนี้!”


ขณะที่อยู่กลางอากาศ ร่างนั้นก็คลี่คำประกาศสีทองและอ่านคำสั่ง


มันเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานอีกตัวหนึ่ง!


“ฮะ…” จางเซวียนกระพริบตาปริบๆ


เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งได้รับคำสั่งให้ล่าถอย และอีกพริบตาต่อมาก็ได้รับอีกคำสั่งหนึ่งให้เข้าโจมตีทันที…พวกคุณเห็นผมเป็นของเล่นหรือ?


รอเดี๋ยว…เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สั่งการให้เราล่าถอยคืออำมาตย์เฉินหย่ง ขณะที่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สั่งให้โจมตีคืออำมาตย์เฉินหลิง ชื่อของทั้งคู่ดูคล้ายกัน แต่ไม่ใช่คนเดียวกัน…มีความขัดแย้งอะไรในหมู่อำมาตย์หรือเปล่า?


ถ้าเหล่าอำมาตย์สนิทชิดเชื้อกันดี ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะออกคำสั่งที่ขัดแย้งกันเอง แต่ถ้ามีความขัดแย้งในหมู่อำมาตย์ล่ะก็ สิ่งนี้จะเป็นโอกาสสำหรับเขา


“โหมวอู่ คุณหมายความว่าอย่างไรน่ะ? อำมาตย์เฉินหยงสั่งการให้กองทัพบริเวณนี้ล่าถอยนะ” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมชุดเกราะสีดำทักท้วงด้วยสีหน้าบึ้งตึง


เมื่อครู่นี้เองที่เขาเพิ่งมาถ่ายทอดคำสั่ง แล้วโหมวอู่ก็มาถ่ายทอดอีกคำสั่งหนึ่งที่ตรงกันข้าม ถือเป็นความกระด้างกระเดื่องทั้งต่อตัวเขาและอำมาตย์เฉินหย่ง!


“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างไรทั้งนั้น ถ้าคุณฉลาดกว่านี้หน่อย ก็น่าจะเห็นอยู่ว่าผมเพียงแค่ทำตามคำสั่ง เหิงเจียง, คุณรออะไรอยู่ล่ะ? รีบรับคำประกาศไปสิ!” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่ชื่อโหมวอู่ตอบอย่างเย็นชาขณะโยนคำประกาศให้จางเซวียน


จางเซวียนรับคำประกาศมาอ่านอย่างถี่ถ้วน มันเขียนด้วยภาษาของเผ่าพันธุ์ปีศาจเช่นกัน เป็นคำสั่งที่สั่งการให้เขาบุกเข้าโจมตีพวกตระกูลจางทันที


“เอ่อ…” จางเซวียนมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขณะจ้องคำประกาศที่อยู่ตรงหน้า


เห็นความสับสนของจางเซวียน เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำตวาดกร้าว “เหิงเจียง อย่าไปสนใจคำพูดของหมอนั่น รีบจัดการให้กองกำลังของคุณล่าถอยซะ ในฐานะบริวารสายตรงของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ อำมาตย์เฉินหย่งคือเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีตำแหน่งสูงสุดของพวกเรา เว้นเสียแต่คุณอยากจะถูกตัดหัว คุณควรจะรู้นะว่าต้องทำอย่างไร!”


“อำมาตย์เฉินหย่งอาจเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีตำแหน่งสูงสุด แต่ตอนนี้กาลเวลามันเปลี่ยนไปแล้ว วิหารแห่งขงจื๊อกำลังจะเปิด และหลังจากความพยายามทั้งหมดที่เราใช้ไปในการทำลายฉนวนแห่งมิติ เราจะล่าถอยได้อย่างไรกัน ลองคิดถึงคนของเราที่ต้องสละชีวิตเพื่อสิ่งนี้สิ!” โหมวอู่คำราม


“คำสั่งของอำมาตย์เฉินหย่งคือคำสั่งของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ คุณคิดจะแข็งข้อกับเจตจำนงของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณหรือ?”


“ผมไม่กล้าแข็งข้อกับเจตจำนงของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณหรอก แต่เรื่องนี้มีความสำคัญสูงสุดต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจของเรา มีบางอย่างแปลกๆในคำสั่งของอำมาตย์เฉินหย่ง ผมจึงเห็นด้วยกับคำสั่งของอำมาตย์เฉินหลิงมากกว่า!”


ทั้งคู่เริ่มประคารมกัน


“เอาล่ะ เอาล่ะ อย่ามัวแต่ทะเลาะกันเรื่องนี้เลย…” เห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งสองร่ำๆจะเข้าปะทะกัน จางเซวียนรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย


“ถ้าพวกคุณจะฟังคำพูดอันอ่อนด้อยของผมสักหน่อยล่ะก็ ทำไมเราไม่รีบทำตามคำสั่งของอำมาตย์เฉินหย่งและอำมาตย์เฉินหลิงล่ะ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งของใคร เจตจำนงของอำมาตย์ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะละเลยได้”


“เราทำแบบนี้ดีไหม? ผมจะไม่ถอนกองกำลังของผม และจะไม่เข้าโจมตีด้วย เราตรวจสอบสถานการณ์ให้ดีก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป สำหรับตอนนี้ ทำไมไม่ให้ผมแสดงให้คุณทั้งคู่เห็น การค้นพบเรื่องการฝ่าด่านวรยุทธที่ผมเพิ่งพบมาหมาดๆเสียหน่อยล่ะ?”


“การค้นพบเรื่องการฝ่าด่านวรยุทธ?” โหมวอู่ขมวดคิ้ว


“ใช่แล้ว ผมพบวิธีการที่จะใช้ของล้ำค่าของเหล่าผู้หยั่งรู้ที่เป็นมนุษย์ในการปลดปล่อยพลังทำลายล้างที่รุนแรงพอจะทำลายเมืองทั้งเมืองให้พังพินาศ! พี่โหมวอู่ ถ้าคุณสนใจล่ะก็ ทำไมไม่ทาบฝ่ามือของคุณลงบนกระจกเงาสักบานล่ะ? เหมือนที่พลทหารของผมกำลังทำอยู่ ผมจะแสดงให้คุณดูว่าผมค้นพบอะไร!” จางเซวียนพูดยิ้มๆ


“คุณอยากให้ผมแตะกระจกเงาหรือ?” โหมวอู่ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


เขาหันไปมองพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อยู่รายล้อม และในตอนนั้นเองที่เห็นว่าพลทหารเหล่านั้นกำลังจับมือกันไว้แน่น ขณะที่พลทหารที่ยืนอยู่หน้าสุดกำลังแตะกระจก


แม้แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำซึ่งยืนอยู่ตรงหน้ากระจกเงาก็ทาบฝ่ามือของเขาลงไปบนกระจกเช่นกัน


“ใช่แล้ว ผมเชื่อว่านี่จะเป็นการค้นพบครั้งใหม่ ถ้าเราสามารถใช้การค้นพบครั้งนี้กำจัดพวกมนุษย์ได้ในคราวเดียว พวกเราก็จะกลายเป็นวีรบุรุษของเผ่าพันธุ์ปีศาจ เหล่าอำมาตย์จะต้องตบรางวัลให้เราอย่างงามสำหรับคุณงามความดีครั้งนี้!” จางเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกชัดถึงความตื่นเต้น


“ถ้าอย่างนั้นก็ได้!”


เห็นทุกคนประจำที่แล้ว โหมวอู่รีบพยักหน้า เขาเดินไปที่กระจกบานหนึ่งและทาบฝ่ามือลงไป


“เยี่ยมเลย! ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม? ยิ้มกว้างๆนะ เอาล่ะ สาม สอง หนึ่ง…”


จางเซวียนโบกมือแล้วตะโกนออกมา “ชีสสสส!”


เปรี้ยงงงง!


เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!


ทันใดนั้น ทั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมชุดเกราะสีดำและพลทหารทุกตัวก็ถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่อย่างไม่หยุดหย่อน เส้นผมของทุกตัวตั้งชัน เกิดควันโขมงสีขาวคุกรุ่นออกจากร่างของพวกมัน



ตอนที่ 1679 คุณจะเชื่อผมไหม?

“คุณ…”


นึกไม่ถึงว่ากระจกเงาจะเรียกสายฟ้ามาฟาดใส่ โหมวอู่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความคลุ้มคลั่ง ทั้งคู่ปล่อยเสียงคำรามลั่นออกมาพร้อมกัน


พลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจก็ล้วนแต่ได้รับความบอบช้ำจากสายฟ้า แม้จะเป็นเวลาเพียงครู่เดียว แต่ทุกตัวก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส


พวกมันคิดว่าคำสั่งของท่านแม่ทัพคงจะทำให้มีอะไรดีๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้? พวกมันอยากปล่อยมือ แต่กระแสไฟจากสายฟ้าที่ฟาดลงมาส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทของพวกมัน ทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ดังใจ แถมทุกอย่างยังเลวร้ายลงไปอีกเพราะพวกมันจับมือกันไว้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้รังสีเล็ดลอดออกไปได้


ที่ด้านหน้า แม่ทัพเหิงเจียงโบกมืออย่างขอโทษขอโพยและพูดว่า “ผมผิดเอง, ผมผิดเอง ไม่นึกเลยว่าจะจัดเรียงของล้ำค่าผิดพลาด พวกคุณแตะกระจกเงาไว้นะ ตกลงไหม? ผมรับรองว่าคราวนี้จะไม่เหมือนคราวก่อน!”


แต่ยังไม่ทันที่แม่ทัพจะพูดจบ สายฟ้าอีกระลอกหนึ่งก็ฟาดลงมาจากกลางอากาศ


เปรี้ยงงง! เปรี้ยงงง!


ราวกับเป็นวันหายนะของโลก สายฟ้าฟาดกึกก้องอยู่กลางอากาศอย่างไม่หยุดหย่อน พลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจทุกตัวแทบคลั่ง


คราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อนจริงๆ…แต่นี่มันนรกอะไร? สายฟ้าน่าสะพรึงกว่าครั้งก่อนด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะ!


คุณจะส่งพวกเราลงหลุมหรือ?


พลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจพยายามสุดชีวิตที่จะปล่อยมือออกจากกัน แต่ร่างของพวกมันเป็นอัมพาต ไปชั่วขณะจนไม่อาจทำอะไรได้


ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!


ฟองสีขาวซึมออกจากมุมปากของเผ่าพันธุ์ปีศาจทีละตัวสองตัว ขณะที่สติสัมปชัญญะของพวกมันค่อยๆหลุดลอย


แม้จนลมหายใจสุดท้าย พวกมันก็ยังไม่เชื่อว่าตัวเองจะต้องตายเพราะความผิดพลาดของแม่ทัพ


ทำร้ายคนของตัวเอง…หมอนี่เป็นแม่ทัพแบบไหนกัน?


พลทหารส่วนใหญ่มีวรยุทธแค่ระดับเซียนขั้น 3 และขั้น 4 ยังไม่เคยผ่านการทดสอบการละทิ้งช่องว่างครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ แล้วจะเอาตัวรอดจากสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่อย่างโหดเหี้ยมได้อย่างไร?


เพียงสายฟ้าฟาดเข้าใส่ไม่กี่ครั้ง พวกมันเกือบทุกตัวก็หมดสภาพแล้ว


แม้แต่โหมวอู่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำก็ชักกระตุกเพราะกระแสไฟ


โดยทั่วไป ในฐานะนักรบชั่วกัลปาวสาน พวกมันควรจะเอาชนะสายฟ้าระดับนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่เป็นเพราะกระจกเงาที่ทำให้พวกมันไม่ทันระมัดระวังตัว ทั้งคู่ไม่ได้เตรียมการป้องกันตัวเอาไว้ และสายฟ้าก็มาเร็วเกินกว่าที่จะทำอะไรได้


ลงท้าย แม้การที่สายฟ้าฟาดใส่จะไม่รุนแรงพอจะคร่าชีวิตของพวกมัน แต่ก็ทำให้สติสัมปชัญญะของพวกมันพร่าเลือนและหมดแรงไป


“ว้าว ดูเหมือนทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางนะ!” เห็นพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจราวหมื่นตัวถูกสายฟ้ากำจัด จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่


ในฐานะเครื่องมือที่ใช้ต่อต้านสวรรค์ ของล้ำค่าของเหล่าผู้หยั่งรู้ถือเป็นตัวเรียกการลงทัณฑ์จากสวรรค์ได้เป็นอย่างดี ทั้งหมดที่จางเซวียนต้องทำก็คือเปิดใช้หอสมุดเทียบฟ้า จากนั้นสวรรค์ก็จะทำหน้าที่ของตัวเอง


จางเซวียนคิดแผนการนี้ขึ้นมาได้อย่างปัจจุบันทันด่วน และพูดตามตรง เขาเคยคิดว่ามันออกจะเหลวไหล ไม่นึกเลยว่าจะได้ผลงดงามอย่างไร้ที่ติ


สิ่งเดียวที่ไม่สมบูรณ์แบบในแผนการของเขาก็คือการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของสองผู้แทนจากอำมาตย์เฉินหย่งและอำมาตย์เฉินหลิง แต่ก็โชคดีที่ทั้งคู่ไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอการโจมตีแบบนี้


แม้การลงทัณฑ์จากสวรรค์ที่มีต่อของล้ำค่าของเหล่าผู้หยั่งรู้จะมีอานุภาพจำกัด แต่จุดแข็งของมันก็คือความทันท่วงที ดังนั้น นักรบชั่วกัลปาวสานทั้งสองตัวจึงหมดสภาพก่อนที่จะทันได้ตอบโต้


“หอกสวรรค์กระดูกมังกร ลาดตระเวนพื้นที่และสังหารพลทหารทุกตัว ติงติง, กระบี่เปลวเพลิงสีดำ แกทั้งคู่จัดการโหมวอู่!”


จางเซวียนรู้ว่าเขาทำสำเร็จก็เพราะโชคช่วย คืออีกฝ่ายไม่ได้ระวังตัว แต่ถ้านักรบชั่วกัลปาวสานทั้งสองฟื้นตัวขึ้นมาได้ เขาจะต้องตกที่นั่งลำบาก


รู้ดีว่าเวลาไม่คอยท่า จางเซวียนจึงพุ่งเข้าเล่นงานเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำทันที


เขาปล่อยโหมวอู่ให้หม้อต้นกำเนิดทองคำกับกระบี่เปลวเพลิงสีดำจัดการ ขณะที่ตัวเขาเล่นงานเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำ


“แกไม่ใช่เหิงเจียงนี่! แกเป็นใคร?”


เห็นการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ไม่มีทางที่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำจะไม่รู้ความจริง อีกฝ่ายไม่ใช่แม่ทัพเหิงเจียงแน่นอน!


มันสะบัดข้อมือด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้นก็ชักดาบออกมาและพุ่งเข้าใส่จางเซวียน


ฟิ้วววว!


แต่ยังไม่ทันที่ดาบจะได้เข้าประชิดตัวจางเซวียน มันก็รู้สึกถึงกระแสเจตจำนงที่พุ่งเข้าใส่ ทำให้สมองปั่นป่วน มันเกือบสูญเสียการทรงตัวและล้มพับไป


“การโจมตีจิตวิญญาณ?” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำหรี่ตา


เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีทักษะในการโจมตีจิตวิญญาณ ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่นักรบชั่วกัลปาวสานอย่างตัวมันจะไม่สามารถปกป้องจิตวิญญาณของตัวเองได้


ขณะที่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำยังคงมึนงง ก็เห็นเหิงเจียงตัวปลอมมาปรากฏตัวตรงหน้า หมัดอันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อพุ่งเข้าใส่ศีรษะของมัน


“เรียกพลังสายเลือด!”


รู้ดีว่าจะต้องเสียชีวิตแน่หากหมัดนั้นปะทะกับศีรษะของตัวเอง เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำจึงเรียกพลังจากสายเลือดของมันโดยไม่ลังเล ในชั่วพริบตา กระแสพลังงานอันน่าทึ่งก็ไหลพล่านไปทั่วร่าง


“เรียกพลังสายเลือดมาก็ไม่ช่วยอะไรแกหรอก!” จางเซวียนคำราม


ด้วยกระแสพละกำลังอันแข็งแกร่งจากการเรียกพลังสายเลือด เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำ กำลังจะตอบโต้ ก็พอดีกับแม่ทัพเหิงเจียงตัวปลอมที่อยู่ตรงหน้าควักหินหมึกสีดำออกมาและทุ่มเข้าใส่ศีรษะของมัน


กร๊อบบบ!


มันคือเสียงของกระโหลกเผ่าพันธุ์ปีศาจที่แยกเป็น 2 ส่วน


ในฐานะนักรบชั่วกัลปาวสาน ร่างกายของมันแข็งแกร่งในระดับที่ทนทานต่อการโจมตีเกือบทุกรูปแบบ ต่อให้นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติเข้าโจมตี ก็ไม่อาจฝ่าด่านการป้องกันตัวของมันได้ แต่อีกฝ่ายทำให้กระโหลกของมันแยกได้ด้วยหินหมึกก้อนหนึ่ง…


หินหมึกก้อนนั้นอยู่ในระดับขั้นไหน?


พี่ชาย คุณมาจากไหนกันนี่?


โครงกระดูกมังกร ก้อนอิฐ กระบี่ปีศาจ…แค่ของล้ำค่าสามอย่างนี้ก็น่าทึ่งพออยู่แล้ว แต่คุณยังมีหินหมึกด้วย!


ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!


แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เผ่าพันธุ์ปีศาจจะมีโอกาสได้ใช้ความคิด เพราะหินหมึกยังคงกระหน่ำเข้าใส่ศีรษะของมันอย่างไม่หยุดหย่อน สุดท้ายสติสัมปชัญญะของมันก็ค่อยๆหลุดลอย


มันเป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน แต่ต้องมาตายอย่างน่าอนาถ เริ่มแรกก็ถูกสายฟ้าช็อต จากนั้นก็ถูกหินหมึกทุ่มจนตาย ไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายจะมีโชคชะตาแบบนี้


“ไม่ง่ายเลยที่จะใช้หินหมึกก้อนนี้ มันไม่ได้มีไว้เพื่อการโจมตี…” จางเซวียนส่ายหน้าขณะเก็บหินหมึกที่มีคราบเลือดเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ


มันคือของล้ำค่าที่เขาได้จากถานไท่เจินชิง เป็นหนึ่งในข้าวของส่วนตัวของนักปราชญ์โบราณจื้อหยู่ และแน่นอนว่าเป็นของล้ำค่าที่ทรงพลังมาก แต่มันก็จับไม่ถนัดมือเหมือนกับการใช้อาวุธ


ถ้าถานไท่เจินชิงรู้ว่าจางเซวียนใช้ของล้ำค่าที่ประเมินค่ามิได้จากบรรพบุรุษของเขาเป็นอาวุธเพื่อเล่นงานศีรษะของเผ่าพันธุ์ปีศาจ คงตกตะลึงจนลมจับแน่


หินหมึกก้อนนี้เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นภายในตระกูลถานไท่ หากใช้หมึกที่ฝนจากหินหมึกก้อนนี้เพื่อการเขียนอักษร นักรบทองคำที่เกิดจากลายมือก็จะทรงพลังมาก แต่หมอนี่กลับใช้หินหมึกของเขาเป็นอาวุธ…


มันเรื่องอะไรที่เครื่องมือแบบนี้จะต้องลงเอยด้วยการถูกใช้ไปกับวัตถุประสงค์ที่ป่าเถื่อน?


หลังจากใช้อิฐทุ่มหัวเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำแล้ว จางเซวียนก็หันไปมองโหมวอู่ ศีรษะของอีกฝ่ายถูกก้นของหม้อต้นกำเนิดทองคำทับจนบี้แบน มันมีสีหน้าสิ้นหวัง


มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าหมอนั่นจบเห่


ประสิทธิภาพการต่อสู้ของอาวุธจะลดลงอย่างมากหากปราศจากทักษะการควบคุมที่เหมาะสม แต่ทั้งหม้อต้นกำเนิดทองคำและกระบี่เปลวเพลิงสีดำมีความแข็งแกร่งเหนือชั้นกว่าโหมวอู่ และทั้งคู่ก็พร้อมใจกันเล่นงานเขา


อีกอย่าง โหมวอู่ยังไม่ฟื้นตัวจากความบอบช้ำที่ได้รับจากสายฟ้า จึงไม่มีทางที่เขาจะรับมือกับหม้อต้นกำเนิดทองคำและกระบี่เปลวเพลิงสีดำได้


ในตอนนั้น หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็เคลียร์พื้นที่เสร็จสิ้นและกลับมา


สายฟ้าที่ฟาดลงมาไม่หยุดหย่อนเมื่อครู่นี้เล่นงานพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจกว่าหมื่นตัวจนเสียชีวิต เหลือรอดอยู่ไม่กี่ตัว หอกสวรรค์กระดูกมังกรจึงไม่ต้องออกแรงมากในการทำหน้าที่ของมัน


อันที่จริง หอกสวรรค์กระดูกมังกรรู้สึกทึ่งสุดๆกับวิธีการของเจ้านาย


นั่นคือกองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีกว่าหมื่นตัวนะ! ก่อนที่นักปราชญ์โบราณหรันชิวจะฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณ เขาต้องหนีเอาตัวรอดสุดชีวิต แต่นายท่านของมันเพียงคนเดียวสามารถกำจัดทั้งกองทัพได้โดยไม่ปล่อยให้ตัวไหนมีชีวิตรอดเลย และที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือตัวเขาเองไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด!


นี่เป็นวีรกรรมที่สมควรถูกบันทึกไว้เป็นตำนาน ถือเป็นมหากาพย์


เคลียร์พื้นที่ในอาณาจักรใต้ดินได้ด้วยตัวคนเดียว ช่างน่าทึ่งจริงๆ!


ขณะที่ความคิดของหอกสวรรค์กระดูกมังกรกำลังล่องลอยไป พายุหอบหนึ่งก็ส่งเสียงมาแต่ไกล เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำอีกตัวหนึ่งปรากฏตัว


“แม่ทัพเหิงเจียง รับคำสั่ง! อำมาตย์เฉินชิงสั่งการให้คุณตรึงกำลังไว้ ห้ามโจมตีหรือล่าถอยโดยพลการ…”


ขณะที่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำตัวนั้นพูด มันก็สะบัดข้อมือและนำคำประกาศสีทองออกมา แต่ในตอนนั้นเอง ก็เห็นศพมากมายนับไม่ถ้วน รวมทั้งโหมวอู่ซึ่งถูกอิฐก้อนหนึ่งทับไว้ มันเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจขณะอุทาน “เหิงเจียง เกิดอะไรขึ้น?”


ส่วนแม่ทัพเหิงเจียงก็เกาหัวอย่างลำบากใจก่อนจะตอบว่า “คุณจะเชื่อผมไหมถ้าผมจะบอกว่าพวกนี้นอนหลับกันหมด?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)