อัจฉริยะสมองเพชร 1676-1677

ตอนที่ 1676 สังหารแม่ทัพ

แม่ทัพบอบช้ำเสียจนจิตวิญญาณแทบจะหลุดลอย


เขามีความคาดหวังสูงในการนำกองกำลังเข้าสู่อาณาจักรใต้ดิน ตั้งใจจะบุกรุกทวีปแห่งปรมาจารย์ให้ได้ ซึ่งหากเขาทำสำเร็จ ชื่อของเขาจะกระฉ่อนไปทั่วทั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจ และตำแหน่งของเขาก็จะสูงขึ้นอีกมาก แต่ยังไม่ทันจะได้บุกรุก ก็มาถูกอิฐก้อนหนึ่งกับหอกเล่มหนึ่งเล่นงาน…


ยิ่งไปกว่านั้น กระบี่ปีศาจที่เขานำมาจากตระกูลเพื่อโอกาสพิเศษนี้ก็กลับไปยอมจำนนให้อีกฝ่าย


ความหยิ่งผยองที่แกแสดงออกต่อหน้าฉันเมื่อครู่นี้หายไปไหน?


มันเรื่องอะไรที่ตอนนี้แกถึงยอมสยบแทบเท้าหมอนั่น?


เรารู้แล้ว กระบี่ปีศาจนี่จะยอมจำนนให้ผู้ที่มีเจตนาสังหารบริสุทธิ์กว่ามัน เจตนาสังหารที่เราแผ่ออกมาผ่านพลังปราณเทียบฟ้ามีความบริสุทธิ์อย่างน้อยก็เทียบเท่ากับไอ้โหด จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะยอมจำนนให้เราอย่างรวดเร็ว…จางเซวียนพยักหน้าเมื่อนึกได้


ถึงแม่ทัพจะเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น แต่เมื่อวัดจากมาตรฐานของฮ่องเต้ฉิงเทียน เจตนาสังหารของอีกฝ่ายก็ยังเทียบอะไรไม่ได้กับพลังปราณเทียบฟ้า


จางเซวียนเคาะนิ้วเบาๆ แล้วนำเลือดหยดหนึ่งออกมาให้กระบี่ปีศาจซึมซับเข้าไป


ไม่ช้าเขาก็รู้สึกได้ถึงกระแสเจตจำนงที่พุ่งเข้าสู่จิตใจของเขา


กระบี่เพลิงสีดำ!


นั้นคือชื่อของกระบี่ปีศาจที่อยู่ตรงหน้า


ก็เหมือนกับที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรพูดไว้ กระบี่เพลิงสีดำเป็นของล้ำค่าระดับกึ่งนักปราชญ์โบราณ แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด…


มันเป็นของล้ำค่าที่ได้รับการยกระดับมาแล้ว!


ของล้ำค่าของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ได้รับการยกระดับนั้นมีพื้นฐานต่างจากของล้ำค่าของมนุษย์


หม้อต้นกำเนิดทองคำเป็นหนึ่งในของล้ำค่าไม่กี่ชิ้นในโลกที่ได้รับการยกระดับ ซึ่งในการยกระดับขั้นของมัน มันจะต้องถูกหลอมรวมเข้ากับสินแร่ล้ำค่าชนิดอื่น แต่สำหรับของล้ำค่าที่ได้รับการยกระดับจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ จะต้องใช้เลือดหรือจิตวิญญาณที่มากพอ


พูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่จำเป็นต้องหลอมกระบี่เพลิงสีดำขึ้นใหม่หรือทำอะไรให้ยุ่งยาก ที่เขาต้องทำก็คือสังหารผู้เชี่ยวชาญให้ได้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของมัน!


ก็เพราะสิ่งนี้ที่ทำให้กระบี่ปีศาจแผ่รังสีที่เป็นอันตรายหนักหน่วงออกมา


“ถ้าอย่างนั้น ก็หมายความว่าแกสามารถยกระดับขึ้นเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณได้ใช่ไหม?” เมื่อรู้เรื่องนี้ จางเซวียนถามกระบี่เพลิงสีดำด้วยนัยน์ตาที่ฉายแววตื่นเต้น


ใครก็รู้ว่าของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณนั้นมีประสิทธิภาพมากพอที่จะสังหารได้แม้แต่นักปราชญ์โบราณ ถ้ากระบี่เพลิงสีดำได้รับการยกระดับขั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวนักรบที่มีวรยุทธขั้นต่ำกว่านักปราชญ์โบราณคนไหนอีกต่อไป!


“คุณสามารถยกระดับผมได้ แต่ต้องใช้เลือดสดๆของนักปราชญ์โบราณ” กระบี่เพลิงสีดำตอบอย่างนอบน้อม


“แกต้องใช้เลือดสดๆของนักปราชญ์โบราณเพื่อทำการยกระดับขั้นหรือ? ช่างมันเถอะ”จางเซวียนอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำนั้น


เรื่องนี้เหลวไหลสิ้นดี! หากเขาแข็งแกร่งพอที่จะสังหารนักปราชญ์โบราณและนำเลือดมามอบให้กระบี่เพลิงสีดำได้ แล้วเขาจะต้องมีกระบี่ไว้เพื่ออะไร?


“ถ้าคุณไม่สามารถหาเลือดของนักปราชญ์โบราณ ก็สามารถยกระดับขั้นของผมได้โดยใช้เลือดและจิตวิญญาณของนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานหรือนักรบขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณ แต่กระบวนการจะเป็นไปได้ช้ากว่า…” ราวกับล่วงรู้ความคิดของเจ้านาย กระบี่เพลิงสีดำรีบเสริม


“เลือดของนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานก็ใช้ได้หรือ? แล้วหมอนั่นล่ะ?” จางเซวียนตั้งคำถามขณะชี้นิ้วไปที่แม่ทัพ


“ถึงประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาจะไม่เท่าไหร่ แต่เขาก็เป็นสมาชิกหลักของเผ่าพันธุ์ปีศาจชั้นสูง ถ้าผมได้ดื่มเลือดของเขา ก็จะยกระดับวรยุทธไปเป็นแถวหน้าของของล้ำค่าระดับกึ่งนักปราชญ์โบราณได้” กระบี่เพลิงสีดำตอบพร้อมกับพยักหน้า


“ดี ถ้าอย่างนั้นฉันยกเขาให้แกก็แล้วกัน!” จางเซวียนตอบ


ตั้งแต่แรก จางเซวียนก็ไม่เคยมีเจตนาดีต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่แล้ว แถมหมอนั่นยังถึงกับวางแผนจะสังหารท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาด้วย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้


“ขอบคุณมาก นายท่าน!” ได้ยินคำนั้น กระบี่เพลิงสีดำรี่เข้าใส่แม่ทัพอย่างยินดีปรีดาและกรีดคมกระบี่ลงไปในผิวหนังของเขา


ใช้เวลาไม่นาน แม่ทัพก็กลายเป็นศพเหี่ยวแห้ง จิตวิญญาณและเลือดของเขาถูกสูบออกไปจนหมด


หลังจากได้รับการบ่มเพาะจากเลือดและจิตวิญญาณของแม่ทัพ กระบี่เพลิงสีดำก็ดูโหดเหี้ยมกว่าแต่ก่อน ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นอีกมากจนถึงระดับที่แม้แต่หม้อต้นกำเนิดทองคำก็ยังไม่อยากยุ่งกับมัน


“ไม่เลว!” จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ


ถึงตอนนี้ ไม่ช้าไม่นานเขาก็คงสามารถยกระดับกระบี่เพลิงสีดำให้เป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณได้ และนั่นจะเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ให้เขาได้มากทีเดียว


“เอาล่ะ ตอนนี้แกเข้าไปอยู่ในแหวนเก็บสมบัติของฉันได้แล้ว”


หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น จางเซวียนเก็บของล้ำค่าทั้ง 3 ชิ้นกลับคืนสู่แหวนเก็บสมบัติก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่


หลังจากรับมือกับกระบี่เพลิงสีดำและแม่ทัพแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เหลือจะไม่เป็นอันตรายต่อเขามากนัก แต่พละกำลังของเผ่าพันธุ์ปีศาจจำนวนมากนั้นก็ไม่อาจประมาทได้ เพื่อปลอดภัยไว้ก่อน เขาจึงต้องดำเนินการต่อด้วยความระมัดระวัง


หากเขาหาทางสังหารหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจได้ นั่นก็จะดีที่สุด


ไม่อย่างนั้น ต่อให้แม่ทัพของพวกมันถูกสังหารไป ไม่ช้าไม่นานแม่ทัพตัวใหม่ก็จะต้องเข้ามารับหน้าที่และสั่งการเผ่าพันธุ์ปีศาจเหล่านี้ให้เล่นงานเขา ถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้น ใครจะไปรู้ว่าทายาทตระกูลจางจำนวนมากมายแค่ไหนที่จะต้องเสียชีวิต?


จางเซวียนลูบคางขณะครุ่นคิด


ในเมื่อมีแม่ทัพที่เป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานอยู่ในฐานที่ตั้งของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็เป็นไปได้ว่าน่าจะมีนายทหารคนอื่นๆที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน คงจะโง่เง่าเต็มทีหากจะคิดว่ากองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจจะล่มสลายเพียงเพราะสูญเสียแม่ทัพไป


เป็นไปได้ว่าเขาคงจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างแม่ทัพอีกในฐานที่ตั้งแห่งนี้ แต่จางเซวียนก็ไม่มีพละกำลังมากพอที่จะกำจัดกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีด้วยพละกำลังของตัวเขา หรือต่อให้มีของล้ำค่าทั้ง 3 ชิ้นคอยช่วยเหลือก็ตาม!


เขาจะต้องคิดให้รอบคอบและวางแผนการที่แยบยลก่อนจะเริ่มดำเนินการต่อไป


การสู้รบกับแม่ทัพก่อนหน้านี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่โชคดีที่มีกระจกเงาและค่ายกลติดตั้งอยู่โดยรอบ จึงไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ พูดอีกอย่างก็คือเหล่าทหารที่เหลือยังคงไม่รู้ว่าแม่ทัพของพวกมันตายไปแล้ว เราน่าจะทำอะไรบางอย่างได้ถ้าสามารถปลอมตัวเป็นแม่ทัพ…จางเซวียนคิด


เพื่อปกปิดการมีอยู่ของกระบี่เพลิงสีดำ แม่ทัพได้ปิดกั้นห้องนี้ไว้จากโลกภายนอก ถึงขนาดที่แม้แต่รังสีและคลื่นความสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจเล็ดลอดออกไปได้ มันอาจจะดูย้อนแย้ง แต่ก็เป็นเพราะการกระทำของแม่ทัพนี่เองที่ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเขาตายไปแล้ว


ในเมื่อจางเซวียนสามารถปลอมตัวเป็นนายพลอ้าววั่วได้อย่างไร้ที่ติ ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่สามารถปลอมตัวเป็นแม่ทัพ


เขาถอดหมวกเกราะออกจากศพแล้วรีบสวมเข้าไป ในเวลาเดียวกันก็เริ่มปรับเปลี่ยนกล้ามเนื้อและกระดูก ค่อยๆเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองให้กลายเป็นแม่ทัพ


ขอดูหน่อยเถอะว่าในฐานที่ตั้งแห่งนี้มีนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่กี่คน…


จางเซวียนทิ้งแผ่นหินและกระจกเงาไว้ เขาออกจากพื้นที่นั้นและมุ่งหน้าไปยังเต็นท์บัญชาการที่เป็นศูนย์กลางของฐานทัพ


ในเมื่อแม่ทัพเป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน ก็แน่นอนว่ารองแม่ทัพย่อมไม่อ่อนแอนัก อันดับแรก เขาจะต้องตรวจสอบก่อนว่ามีนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่กี่คนในแคมป์แห่งนี้ และจัดการพวกมันให้หมด เมื่อนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ตายไปหมดแล้ว กองกำลังที่เหลือก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้อีกต่อไป


เพราะจางเซวียนอยู่ในร่างของแม่ทัพ จึงไม่มีองครักษ์หรือทหารคนไหนกล้ายับยั้งเขาไว้ขณะที่เขาเดินตรวจการไปทั่วแคมป์ ไม่ช้าก็มาถึงเต็นท์บัญชาการ


“ท่านแม่ทัพ!”


เหล่าทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อารักขาเต็นท์บัญชาการไว้รีบประสานมือและทักทาย


“อือ!” จางเซวียนพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในเต็นท์


ภายในเต็นท์ เขาเห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ 7 ตัวนั่งอยู่โดยรอบ แต่ละตัวมีสีหน้าเคร่งเครียด


“ท่านแม่ทัพ คุณทำสำเร็จแล้วหรือ?” เมื่อเห็นแม่ทัพกลับมา เผ่าพันธุ์ปีศาจเหล่านั้นมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น


ดูเหมือนเจ้าพวกนี้จะรู้ว่าแม่ทัพกำลังวางแผนสังหารเซียนดาบชิงเหมิง และพวกมันก็กำลังรอคอย ที่จะฟังผล


“ผมยังไม่ได้จัดการ มีเรื่องด่วนที่เราต้องหารือกัน และผมอยากให้พวกคุณเสนอคำชี้แนะมา!” จางเซวียนพูดอย่างวางอำนาจ


ด้วยการมีอยู่ของของล้ำค่าของผู้หยั่งรู้ เขาไม่กล้าใช้หอสมุดเทียบฟ้าง่ายๆ เพราะไม่อย่างนั้น ก็อาจเสี่ยงกับการเรียกการทดสอบสายฟ้าเข้าใส่ฐานทัพก่อนที่จะทันได้แก้ปัญหาที่กำลังรออยู่


เขาไม่แน่ใจนักว่าสถานการณ์ของแม่ทัพคืออะไร แต่ด้วยประสบการณ์มากมายในการปลอมตัว ผนวกกับประสิทธิภาพของเครื่องรางแห่งการปลอมตัวของหลัวลั่วชิง เผ่าพันธุ์ปีศาจทั้ง 7 ตัวในห้องจึงไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ


“ท่านแม่ทัพสั่งการเรามาได้เลย!”


ทุกตัวรีบประสานมือ


“อือ!” จางเซวียนพูดขณะพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม อันที่จริง เขาแอบเปิดใช้ดวงตาหยั่งรู้และตรวจสอบเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว


เป็นอย่างที่เขาคาดเดาไว้ ทั้ง 7 ตัวล้วนแต่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่, 2 ใน 7 ตัวเป็นนักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ, 3 ตัว เป็นนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติ และอีก 2 ตัวเป็นนักรบขั้นการพักฟื้นภายใน


โชคดีที่เขาไม่ผลีผลามเปิดการโจมตีก่อนหน้านี้ เพราะไม่อย่างนั้น หากทั้ง 7 ตัวผนึกกำลังกันเล่นงานเขา มันจะบานปลายกลายเป็นสงครามครั้งใหญ่


และด้วยกองกำลังทหารจำนวนมากมายของพวกมัน หากเผ่าพันธุ์ปีศาจรวมตัวกันสร้างค่ายกลขึ้นมา ต่อให้นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานก็หลบหนีได้ยาก


จางเซวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเรียกเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวหนึ่งที่มีวรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณออกมาและพูดว่า “คุณ ตอนนี้ตามผมมา ผมมีภารกิจที่จะมอบหมายให้คุณเป็นการส่วนตัว!”


“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่ถูกจางเซวียนเรียกรีบออกไปนอกเต็นท์บัญชาการโดยไม่มีความสงสัยแม้แต่น้อย



ตอนที่ 1677 ตั้งแถวและจับมือกันไว้

หลังจากที่ออกจากเต็นท์บัญชาการ จางเซวียนรีบนำทางเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นไปยังห้องที่มีกระจกเงาอยู่


“ท่านแม่ทัพ มีอะไรหรือ?” เห็นความระแวดระวังของแม่ทัพที่ปิดกั้นพื้นที่บริเวณโดยรอบไว้อย่างดีจนแม้แต่รังสีเพียงนิดเดียวก็ไม่อาจเล็ดลอดออกไปได้ เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นมีสีหน้าเคร่งเครียด


“คืออย่างนี้…”


จางเซวียนลูบคาง เขาพุ่งเข้าประชิดตัวเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้น กระบี่ปีศาจอยู่ในมือ จางเซวียนปาดคอเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นทันที


“….”


นึกไม่ถึงว่าท่านแม่ทัพจะเล่นงานมันอย่างกะทันหัน เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นรีบถอยกรูด แต่เพราะมันเป็นนักรบขั้น 3-แรงผลักดันสัญชาตญาณ และผ่านการสู้รบมามาก ถึงจะไม่ทันระมัดระวังตัว แต่ก็ไม่ตกอกตกใจ


พลั่ก!


แต่หลังจากถอยไปได้แค่ 2 ก้าว ก็ถูกก้อนอิฐยักษ์ทุ่มใส่หัว ทำให้มันบี้แบนกลายเป็นแพนเค้ก


ในเมื่อท่านแม่ทัพที่เป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานก็ยังหมดสภาพเพราะการเล่นงานของหม้อต้นกำเนิดทองคำ แล้วนักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณอย่างตัวมันจะรับไหวได้อย่างไร? ถือเป็นการน็อคครั้งเดียวจอด


กระบี่เพลิงสีดำพุ่งเข้าใส่ร่างของเผ่าพันธุ์ปีศาจและสูบเลือดกับจิตวิญญาณของมันออกมา


จางเซวียนกลับไปที่เต็นท์บัญชาการโดยไม่ลังเลและเรียกเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณออกมาอีกตัวหนึ่ง “คุณน่ะ ออกมาสักครู่หนึ่งก่อน!”


5 นาทีต่อมา เขาก็กลับไปที่เต็นท์บัญชาการอีกครั้งและพูดว่า “คุณทั้ง 3, ตามผมมา!”


เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นร่างอันทรงเกียรติทั้ง 3 ตัวตามแม่ทัพออกไป ปล่อยให้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นการพักฟื้นอีกภายในอีก 2 ตัวมองหน้ากันอย่างงงงัน


เราควรจะได้หารืออะไรบางอย่างกันไม่ใช่หรือ?


ทำไมถึงถูกเรียกออกไปทีละคนสองคนแบบนี้?


ความสงสัยของพวกมันคงอยู่ไม่นานนัก เพราะท่านแม่ทัพเดินกลับเข้ามาในเต็นท์บัญชาการด้วยสีหน้าพออกพอใจ ทันทีที่เข้ามา เขาก็สร้างปราการที่ปิดกั้นเต็นท์ไว้จากโลกภายนอกและพูดว่า “ผมมีภารกิจมอบหมายให้พวกเขา จึงต้องคุยกันเป็นการส่วนตัว ตอนนี้ถึงตาพวกคุณแล้วล่ะ…”


เผ่าพันธุ์ปีศาจทั้ง 2 ตัวรีบลุกขึ้นยืน เกรงว่าจะพลาดการรับรู้ภารกิจลับที่มีความสำคัญ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ประกายเย็นวาบก็พุ่งผ่านอากาศ หัวของมันทั้งคู่หล่นลงไปกลิ้งอยู่กับพื้น


จนถึงลมหายใจสุดท้าย พวกมันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกท่านแม่ทัพเล่นงาน


จางเซวียนอาจยังมีปัญหาอยู่บ้างในการพยายามรับมือกับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน แต่สำหรับนักรบขั้นการพักฟื้นภายในนั้นถือว่าน็อคทีเดียวจอด


หลังจากเล่นงานเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้ง 7 ตัว และจัดการศพของพวกมันแล้ว จางเซวียนก็ร้องเรียกองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามา


“เรียกรวมพลผู้เชี่ยวชาญระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนในแคมป์ของเราให้มาประชุม!”


จางเซวียนสั่งการ


“ท่านแม่ทัพ มีรองแม่ทัพที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่เพียง 7 คนเท่านั้นในแคมป์ของเรา ซึ่งเมื่อครู่นี้คุณเรียกพวกเขาออกไป 5 คนแล้ว และที่ยังเหลืออีก 2 คนก็อยู่ในเต็นท์” องครักษ์ตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว


เมื่อครู่นี้ เขาเห็นท่านแม่ทัพเรียกรองแม่ทัพทั้ง 5 ออกไปทีละคน ดังนั้นจึงยังคงเหลือรองแม่ทัพอีก 2 คนอยู่ในเต็นท์ ว่าแต่ทำไมจู่ๆพวกเขาถึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย?


องครักษ์มีวรยุทธแค่ระดับเซียนขั้น 7 เท่านั้น ซึ่งในเมื่อแม้แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3-แรงผลักดันสัญชาตญาณซึ่งเป็นถึงรองแม่ทัพยังมองการปลอมตัวของจางเซวียนไม่ออก ก็ไม่มีทางที่องครักษ์จะรู้ได้เลย


องครักษ์ไม่คิดสักนิดว่าแม่ทัพของมันถูกสังหารไปแล้ว


“ดี!” จางเซวียนกำลังหาทางพิสูจน์ให้แน่ใจว่าเขาปลอดภัย ในเมื่อรู้แล้วว่ามีนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่เพียง 7 ตัวในแคมป์นี้ เขาก็ขจัดปัญหาไปได้มาก จางเซวียนลุกขึ้นยืนและสั่งการ “เรียกพลทหารทั้งหมดให้มารวมตัวกันหน้าเต็นท์บัญชาการ!”


“พลทหารทั้งหมด?”


“ใช่แล้ว ทุกคนเลย รวมถึงคนที่กำลังพักผ่อน ลาดตระเวน และรักษาการด้วย เรียกรวมพลทุกคนที่นี่!” จางเซวียนโบกมืออย่างวางอำนาจ


“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”


องครักษ์รีบออกไปและเป่าแตรรวมพล


10 นาทีต่อมา เมื่อจางเซวียนเดินออกจากเต็นท์ ก็เห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนยืนเรียงกันเป็นระเบียบในรูปแบบของค่ายกล


เพียงแค่มองแวบเดียว เขาก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ


มีเผ่าพันธุ์ปีศาจมากกว่าหมื่นตัวอยู่ตรงหน้า


โชคดีที่ก่อนหน้านี้จางเซวียนไม่ได้บุกเข้าโจมตีอย่างหุนหันพลันแล่น ไม่อย่างนั้น ค่ายกลผนึกกำลังที่ประกอบขึ้นจากเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักรบระดับเซียนขั้น 3 มากกว่า 1 หมื่นตัวนั้นย่อมเกินพอที่จะเล่นงานของล้ำค่าที่มีวรยุทธขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณ


นับเป็นการตัดสินใจอันชาญฉลาดของเซียนดาบชิงที่ล่าถอย ตระกูลจางไม่ได้อ่อนแอ แต่หากต้องเผชิญกับกองกำลังขนาดใหญ่แบบนี้ พวกเขาคงต้องสูญเสียกำลังพลไปอย่างน้อยกว่าครึ่ง ต่อให้ เทพีแห่งโชคชะตาจะเข้าข้างพวกเขาก็เถอะ


จางเซวียนระงับความตกตะลึงไว้แล้วตวาดก้อง “นายพลอ้าววั่ว!”


“ขอรับ ท่านแม่ทัพ” นายพลอ้าววั่วก้าวออกมาจากค่ายกลและประสานมือ


“พาคนของคุณไปนำข้าวของที่ผมเพิ่งจัดเรียงไว้มาที่นี่” จางเซวียนสั่งการ


“ขอรับ ท่านแม่ทัพ” นายพลอ้าววั่วไม่รู้ว่าทำไมแม่ทัพถึงสั่งการแบบนี้ แต่จะถือเป็นการกระด้างกระเดื่องหากขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่มีตำแหน่งสูงกว่า เขาจึงนำเผ่าพันธุ์ปีศาจกลุ่มหนึ่งออกจากพื้นที่ไป


หลายนาทีต่อมา บรรดาแผ่นหินและกระจกเงาก็ถูกเคลื่อนย้ายมายังบริเวณที่จางเซวียนอยู่


“แบ่งกองกำลังของพวกคุณออกเป็นกลุ่มละ 1,000 คน แต่ละกลุ่มจะต้องถือของล้ำค่าชิ้นหนึ่งเอาไว้ ผมต้องการให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มตั้งแถวและจับมือกัน ซึ่งคนที่อยู่หน้าสุดจะต้องวางมือไว้บนกระจกเงา” จางเซวียนสั่งการ


“กลุ่มละพันคน?”


“ตั้งแถวและจับมือกัน?”


บรรดาทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจต่างงงงัน


นี่พวกเขากำลังจะฝึกฝนค่ายกลชนิดใหม่หรืออะไรทำนองนั้นหรือ?


ว่าแต่…ทำไมมันฟังดูประหลาดนัก?


พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีค่ายกลชนิดไหนที่นักรบจะต้องจับมือกัน!


เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวหนึ่งที่สวมหมวกเกราะสีดำเหมือนกับนายพลอ้าววั่วก้าวออกมาและถามว่า “ท่านแม่ทัพ ตระกูลจางจับตาดูพวกเราอย่างใกล้ชิดมาตลอด หากพวกเขาบุกเข้าโจมตีระหว่างที่ทุกคนที่นี่กำลังจับมือกัน มันจะกลายเป็นหายนะ!”


พลทหารคนอื่นๆต่างก็หันมามองด้วยความสงสัย


“แก ไอ้งั่ง!” จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียดขณะตวาดก้อง “นี่คือแผนการสู้รบที่ผมเพิ่งออกแบบขึ้นใหม่โดยได้รับความเห็นชอบจากรองแม่ทัพทั้งเจ็ด พวกคุณรู้ไหมว่ากระจกเงาเหล่านี้คืออะไร?”


“ไม่ทราบขอรับ ท่านแม่ทัพ!”


“กระจกเงาเหล่านี้ดูจะประหลาดกว่าธรรมดาอยู่สักหน่อย แต่ผมไม่รู้จริงๆว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไร”


เผ่าพันธุ์ปีศาจพากันส่ายหน้า


ถ้าไม่ใช่เพราะจางเซวียนเคยใกล้ชิดกับเหล่าผู้หยั่งรู้มาก่อน เขาจะไม่มีวันรู้วัตถุประสงค์ของกระจกเงาเหล่านี้เลย และในเมื่อพลทหารเหล่านี้ต่างก็ไม่เคยพบผู้หยั่งรู้ที่เป็นมนุษย์ จึงไม่มีทางที่พวกมันจะรู้ว่ากระจกมีไว้ทำอะไร


“กระจกเงาเหล่านี้เป็นทรัพย์สมบัติของสมาคมผู้หยั่งรู้ของพวกมนุษย์ พวกมันสามารถปกปิดทุกสิ่งทุกอย่างจากสายตาของสวรรค์ได้ ซ่อนได้แม้แต่กับนักรบขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ เหตุผลที่ผมต้องการให้พวกคุณตั้งแถวและจับมือกันไว้ก็เพื่อปกปิดเจตนาสังหารและรังสีของคุณ เพื่อที่เราจะได้ลักลอบเข้าสู่ป้อมปราการของไอ้มนุษย์น่ารังเกียจพวกนั้น และทำให้มันไม่ทันระวังตัว! ตอนนี้เข้าใจหรือยัง?” จางเซวียนพูดด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ


“ลักลอบเข้าสู่ป้อมปราการของไอ้มนุษย์น่ารังเกียจพวกนั้น? ท่านแม่ทัพของเราตั้งใจจะบุกเข้าโจมตีอย่างกะทันหันหรือ?”


“มันปกปิดเจตนาสังหารและรังสีของพวกเราได้? น่าทึ่งจริงๆ!”


“หากพวกเราบุกเข้าโจมตีอย่างกะทันหันได้สำเร็จ เราก็จะได้เป็นวีรบุรุษของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น!”


เมื่อได้รู้อานุภาพของกระจกเงา ใบหน้าของเผ่าพันธุ์ปีศาจเหล่านั้นต่างก็แดงก่ำขณะตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น


พวกมันรู้ดีว่าการเผชิญหน้าโดยตรงกับตระกูลจางมีแต่จะสร้างความเสียหายอย่างหนัก แต่หากสามารถบุกเข้าโจมตีอย่างกะทันหันได้ โอกาสที่พวกมันจะเอาชีวิตรอดก็ย่อมมีสูงขึ้น บางทีอาจได้รับการยกย่องคุณงามความดีในฐานะผู้ปฏิบัติการและได้รับรางวัลอย่างงามในความพยายามครั้งนี้!


“ถ้าพวกคุณเข้าใจแล้วว่าผมหมายถึงอะไร ก็รีบลงมือซะ ดูให้แน่ใจนะว่าไม่มีของล้ำค่าที่จะขัดขวางการเชื่อมต่อ หากใครเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งของพวกเราให้เหล่าปรมาจารย์รับรู้เพียงเพราะว่าไม่ได้จับมือกับอีกคนหนึ่งไว้แน่นพอแล้วล่ะก็ จะถือเป็นตราบาปของเผ่าพันธุ์ปีศาจเลยทีเดียว ผู้นั้นจะต้องถูกสังหารทันที!” จางเซวียนสั่งการอย่างเคร่งเครียด


“พวกเราจะทุ่มเททุกอย่างให้กับการโจมตีครั้งนี้ ปฏิบัติการของเราจะต้องลงเอยด้วยความสำเร็จ ไม่มีทางล้มเหลวเด็ดขาด เข้าใจไหม?”


“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!” พลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจพากันพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ดูตื่นเต้น


“ดี!” เห็นพลทหารรับคำสั่งแล้ว จางเซวียนโบกมือและตะโกน “เตรียมค่ายกล!”


พรึ่บ!


กองกำลังขนาดมหึมาแบ่งออกเป็นกลุ่มละพันคน และทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มจะยืนอยู่หน้าสุด ทาบฝ่ามือไว้กับกระจกเงา ส่วนที่เหลือก็จับมือกันไว้แน่น แถวลากยาวออกไปหลายร้อยเมตร


“ดี!” จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ


เขากำลังจะพูดจาปลุกใจเหล่าพลทหาร ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงพายุดังหวีดหวิวอยู่ด้านบน เมื่อเงยหน้ามอง ก็เห็นร่างหนึ่งตรงเข้ามา


“แม่ทัพเหิงเจียง คุณทำอะไรอยู่น่ะ?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)