อัจฉริยะสมองเพชร 1674-1675

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1674 แทบคลั่ง

“ของล้ำค่าระดับกึ่งนักปราชญ์โบราณ?”


“ใช่แล้ว ระหว่างวรยุทธขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่กับนักปราชญ์โบราณ ก็ยังมีวรยุทธขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณด้วย นักรบที่มีของล้ำค่าระดับนี้จะสามารถสังหารได้แม้แต่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานได้อย่างง่ายดาย แต่มันก็ไม่อาจเทียบชั้นกับของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณที่แท้จริงอย่างตัวผมได้ ขอแค่นายท่านสำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ ฉนวนในตัวผมจะถูกปลดออก และผมก็จะมีประสิทธิภาพการต่อสู้เทียบเท่ากับนักปราชญ์โบราณคนหนึ่ง!” หอกสวรรค์กระดูกมังกรอธิบาย


จางเซวียนมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อได้ยินคำนั้น


หากเผ่าพันธุ์ปีศาจเลือกใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพระดับนี้เพื่อสังหารเซียนดาบชิงเหมิง ทั้งคู่จะต้องตกเป็นเหยื่อแน่


“ไอ้พวกบ้า ไปตายเสียให้หมด!” จางเซวียนสาปแช่ง


เขาคิดว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจยังคงหวาดกลัวที่จะเปิดการโจมตี แต่ใครจะไปคิดว่าแท้ที่จริงพวกมันเตรียมไม้ตายเอาไว้แล้ว


“เราจะปล่อยให้มันทำสำเร็จไม่ได้!”


ในชีวิตเก่าของเขา เขาเป็นเด็กกำพร้ามาตลอด ถึงจะอธิบายความรู้สึกได้ยาก แต่จางเซวียนก็ให้คุณค่ากับความสัมพันธ์แบบครอบครัวที่เซียนดาบชิงเหมิงมอบให้เขา ดังนั้น การที่เผ่าพันธุ์ปีศาจต้องการสังหารทั้งคู่จึงเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้


ไม่มีวันที่เขาจะปล่อยให้พวกมันทำสำเร็จ!


แต่ด้วยพละกำลังของเขาในตอนนี้ เว้นเสียแต่เขาจะใช้ศพของนักปราชญ์โบราณ ก็ไม่มีทางเล่นงานแม่ทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้เลย


แต่หากเขาใช้ศพของนักปราชญ์โบราณตอนนี้ พลังจิตวิญญาณของเขาจะเหือดแห้งไปอย่างรวดเร็ว และในเมื่อตัวเองก็อยู่ท่ามกลางดงศัตรู จึงเสี่ยงมากหากจะทำแบบนั้น


ขณะที่จางเซวียนยังคงครุ่นคิดว่าจะเล่นงานแม่ทัพอย่างไร ก็เห็นอีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลังงานพวยพุ่งออกจากร่างของเขา เขากัดฟันและก้าวเข้าไปคว้ากระบี่ปีศาจเล่มนั้นไว้


ฟึ่บ!


ลำแสงสีแดงก่ำสว่างวาบออกมาจากด้ามจับของกระบี่ปีศาจที่เป็นรูปหัวกระโหลก กระบี่ปีศาจเล่มนั้นเกิดการกระตุกเล็กน้อย และมันก็ผลักแม่ทัพกระเด็นไป พร้อมทั้งโจมตีเขาด้วยรังสีอันตรายที่พวยพุ่งออกมา


แม่ทัพมีสีหน้าไม่สู้ดีเมื่อเห็นภาพนั้น เขาถอยไป 2 ก้าว และต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าจะระงับพลังงานที่ปั่นป่วนอยู่ในร่างกายได้


เขาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นมาช้าๆ “ฉันไม่ได้คิดจะทำให้แกยอมจำนน แค่ต้องการให้แกช่วยฉันฆ่าคนสองคนเท่านั้น”


แน่นอนว่าของล้ำค่าระดับกึ่งนักปราชญ์โบราณย่อมมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง จึงมีโอกาสที่จะต่อรองกับมันได้


แต่ดูเหมือนหัวกระโหลกที่อยู่บนกระบี่ปีศาจเล่มนั้นจะไม่เต็มใจฟังคำพูดของเขา มันเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากผลักแม่ทัพกระเด็นไป และไม่ใส่ใจคำพูดของเขาโดยสิ้นเชิง ราวกับกำลังบอกแม่ทัพว่าจะต้องสำแดงพละกำลังสูงสุดให้มันเห็นเสียก่อนเพื่อพิสูจน์ว่าเขาคู่ควรต่อการที่จะพูดกับมัน


“ในเมื่อแกไม่เต็มใจให้ความร่วมมือ จะมาต่อว่าฉันที่ใช้มาตรการเด็ดขาดไม่ได้นะ” เห็นความโอหังของกระบี่ปีศาจ แม่ทัพมีสีหน้าเคร่งเครียด


เขาหรี่ตา แล้วลำแสงก็มารวมตัวกันบนฝ่ามือของเขาก่อนจะเกิดเป็นแผ่นฟิล์มบางใส จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปและคว้ากระบี่ปีศาจไว้อีกครั้ง


กระบี่ปีศาจก็ไม่คิดจะยอมแพ้ สองพลังไร้เทียมทานปะทะกัน เกิดรอยแยกของมิติปรากฏอยู่โดยรอบ


ด้วยพละกำลังของของล้ำค่าของผู้หยั่งรู้และค่ายกลที่มีอยู่ทั่วทั้งบริเวณนั้น แม้คลื่นความสั่นสะเทือนอันทรงพลังซึ่งเป็นผลจากการปะทะจะแผ่ออกไปโดยรอบ แต่ก็ไม่มีพลังงานเล็ดลอดออกไปแม้แต่น้อย


ไอ้เจ้าแม่ทัพนั่นยังไม่ได้ทำให้กระบี่ปีศาจยอมจำนน! จางเซวียนตาโต


ดูเหมือนกระจกเงาหลายบานที่อยู่บริเวณนี้จะมีหน้าที่ 2 อย่าง อย่างแรกก็เพื่อกดข่มสัญชาตญาณของเซียนดาบชิงเหมิงให้อ่อนด้อยลง เพื่อเพิ่มโอกาสในการสังหารทั้งคู่ อย่างที่ 2 ก็เพื่อปกปิดการมีอยู่ของกระบี่ที่มีวรยุทธขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณ


เรื่องนั้นอธิบายได้ว่าทำไมพวกเขาจึงต้องเคลื่อนย้ายกล่องเหล่านั้นมาทีละใบ หากกระบี่ปีศาจเล่มนี้ยอมจำนนแล้ว ก็คงนำมันเก็บไว้ในแหวนเก็บสมบัติได้ แต่โชคร้ายที่ไม่เป็นแบบนั้น พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้วิธีการที่ยุ่งยาก


เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของแม่ทัพ หากเขาทำให้กระบี่ปีศาจยอมจำนนได้สำเร็จ ต่อให้ภารกิจสังหารเซียนดาบชิงเหมิงต้องล้มเหลว แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาก็ยังเหนือชั้นเกินกว่าที่เซียนดาบชิงเหมิงจะรับมือได้อยู่ดี


เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว! เราต้องยับยั้งมันไม่ให้ประสบความสำเร็จในการทำให้กระบี่ปีศาจยอมจำนน… จางเซวียนยังคงครุ่นคิดอยู่ว่าจะยับยั้งแม่ทัพได้อย่างไร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยังทำให้กระบี่ปีศาจยอมจำนนไม่ได้ เรื่องนี้ก็ง่ายขึ้นมาก


แคร่ก! แคร่ก!


ขณะที่แม่ทัพกำลังทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดเพื่อรับมือกับกระบี่ปีศาจ จางเซวียนก็ขยับกล้ามเนื้อและกระดูกของเขาอีกครั้ง ในชั่วพริบตา เขาก็กลายเป็นตัวตนใหม่


…..


ท่ามกลางค่ายกลที่ประกอบไปด้วยกระจกเงามากมาย แม่ทัพจ้องมองกระบี่ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าอย่างระแวง


เขารู้ดีว่ากระบี่ปีศาจทรงพลังแค่ไหน จึงไม่ออมมือแม้แต่น้อย แม่ทัพขับเคลื่อนพลังปราณจนเต็มพิกัดและปล่อยการโจมตีอย่างหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่าเข้าใส่กระบี่เล่มนั้น


เขารู้สึกได้ว่าการต่อสู้ออกจะเป็นใจให้เขา นี่เป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะพอดี เขาจะปล่อยให้สมาธิของตัวเองวอกแวกไม่ได้ หากเขาเดินหน้าเต็มที่ ก็มั่นใจว่าจะทำให้กระบี่ปีศาจยอมรับเขาเป็นเจ้านายได้สำเร็จ


แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเอง แม่ทัพก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งร้อนอยู่ด้านนอก


จากนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏ คือบุคคลที่เขาเพิ่งสั่งให้ออกไปเมื่อครู่นี้, นายพลอ้าววั่ว อีกฝ่ายเดินตรงเข้ามาหาเขา จากนั้นก็ประสานมือและโค้งคำนับ “ท่านแม่ทัพ ผมถ่ายทอดคำสั่งของคุณให้กับคนของเราแล้ว จะไม่มีใครเข้ามารบกวนคุณอีก คุณฝึกฝนวรยุทธได้ตามสบาย!”


“….” ร่างของแม่ทัพกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำนั้น


นักรบที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ส่วนมากจะแข็งแกร่งพอที่จะทำภารกิจพร้อมกันทีเดียวหลายๆอย่างได้ แต่การรับมือกับกระบี่ปีศาจนั้นไม่เหลือช่องไว้ให้เขาใส่ใจเรื่องอื่น ไม่เพียงแต่เขา จะต้องเผชิญกับการโจมตีอันดุเดือดของมัน ที่สำคัญกว่านั้น เขายังต้องปัดป้องรังสีอันตรายของกระบี่ไม่ให้เข้าทำลายจิตใจของเขาด้วย ดังนั้น ในช่วงเวลาแบบนี้ ความเงียบจึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด


นี่คือเหตุผลที่แม่ทัพสั่งการให้นายพลอ้าววั่วกำชับทุกคนว่าไม่ให้มารบกวนเขา แต่เจ้าโง่นั่นก็พรวดพราดเข้ามาเพื่อรายงานเขาว่าถ่ายทอดคำสั่งเรียบร้อยแล้ว…


แกมีสามัญสำนึกสักนิดไหม?


ไม่รู้หรือไงว่าคำสั่งของฉันก็รวมถึงตัวแกด้วย? ฉันจะฝึกฝนวรยุทธตามสบายได้อย่างไรถ้าแกยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้?


“คุณก็ออกไปได้แล้ว!” แม่ทัพระงับความอยากตบหน้านายพลอ้าววั่วเอาไว้ จากนั้นก็ตวาดด้วยเสียงเย็นเยียบ


อารมณ์ที่ปั่นป่วนขึ้นมาอย่างกะทันหันของเขาเปิดช่องให้รังสีอันตรายของกระบี่ปีศาจซึมซาบเข้าสู่จิตใจของเขาได้ ทำให้สติสัมปชัญญะของแม่ทัพพร่าเลือนไปเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขาจึงออกจะงุ่มง่าม


“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!” นายพลอ้าววั่วตอบเสียงดังก่อนจะถอยไปก้าวหนึ่ง ดูเหมือนพร้อมจะออกจากห้อง แต่ขณะที่กำลังจะก้าวออกไป ก็ชะงักฝีเท้าราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง เขาหันกลับมาและตั้งคำถาม “ท่านแม่ทัพ ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว คุณอยากได้บะหมี่เนื้อวัวหรือไข่เจียว? ผมจะบอกโรงครัวให้เตรียมให้คุณเป็นพิเศษ”


“บะหมี่เนื้อวัว? ไข่เจียว?” แม่ทัพถึงกับชะงัก


เรามีอาหารพรรค์นั้นอยู่ที่นี่ด้วยหรือ?


ขอแค่มีพลังจิตวิญญาณมากพอ นักรบที่มีวรยุทธระดับเดียวกับเขาสามารถอดอาหารได้ยาวนานกว่า 10 ปี และในเมื่อตอนนี้เป็นช่วงเวลาแห่งสงคราม ใครจะไปมีแก่ใจนั่งกินบะหมี่เนื้อวัวหรือไข่เจียวอยู่ได้ หรือต่อให้จะเป็นอะไรก็ตามเถอะ!


“ไสหัวไป!”


เขากำลังอยู่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานของกระบวนการทำให้อาวุธยอมจำนน และต้องการความเงียบอย่างมาก แต่หมอนี่ก็อ้อยอิ่งและพูดจาเพ้อเจ้อไม่หยุดหย่อน แม่ทัพเกิดความเครียดอย่างหนัก เส้นเลือดปูดโปนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว


การเข้ามาขัดจังหวะของนายพลอ้าววั่วทำให้กระบี่ปีศาจซึ่งเมื่อครู่นี้ยังอยู่ในภาวะเสียเปรียบกลับมาถือไพ่เหนือกว่าอีกครั้ง มันปล่อยรังสีอันตรายเข้าใส่แม่ทัพ ทำให้สติสัมปชัญญะของเขาพร่าเลือน อาการปวดหัวที่เกิดจากรังสีอันตรายนั้นทำให้เหงื่อท่วมใบหน้าของเขา


“เอ๊ะ? ดูเหมือนคุณจะอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่นะ อยากได้น้ำเย็นๆเพื่อให้อารมณ์เย็นลงไหม?” นายพลอ้าววั่วถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย “ดูสิ คุณเหงื่อแตกขนาดนี้ รู้สึกไม่สบายหรือเปล่า?”


“….” แม่ทัพ


ไปตายซะ ไปตายซะ ไปตายซะ ทำไมเราถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้างั่งนี่ปากมากขนาดนี้?


แกเป็นนายพล ไม่ใช่พ่อครัวหรือพนักงานต้อนรับ อีกอย่าง ก็เห็นๆอยู่ไม่ใช่หรือว่าตอนนี้ฉันยุ่ง มันเรื่องอะไรที่แกจะต้องเข้ามารบกวนฉันตอนนี้?


“ผมบอกให้คุณออกไป! ไปได้แล้ว!” เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป แม่ทัพตะโกนก้องด้วยน้ำเสียงที่เจือทั้งความโกรธเกรี้ยวและความสิ้นหวัง


แต่ดูเหมือนความน่าเกรงขามของเขาจะใช้ไม่ได้ผล เพราะอีกฝ่ายพูดขึ้นอีก “เอ่อ ไม่เห็นต้องโมโหเลย บอกผมก็ได้ว่าคุณไม่ได้กระหายน้ำ ถ้าอย่างนั้น…กินซุปเสียหน่อยดีไหม? ผมได้ยินว่าโรงครัว เพิ่งต้มซุปกระดูกหมูที่รสชาติดีมาก ผมนำมาให้คุณถ้วยหนึ่งนะ?”


ฟึ่บ!


อะไรบางอย่างในตัวแม่ทัพลั่นฉับทันที พริบตาต่อมา รังสีอันตรายนั้นก็ทะลุปราการที่ป้องกันจิตใจของเขาไว้ ทำให้แม่ทัพหน้าซีดเผือดและกระอักเลือดออกมา


ไอ้สารเลว! แกจะพอได้หรือยัง?


แกตาบอดหรือไง? ไม่เห็นหรือว่าฉันกำลังทำให้กระบี่ปีศาจยอมจำนน?


ใช้หัวสมองคิดเสียบ้าง เจ้างั่ง!


แม่ทัพสูดหายใจลึก พยายามข่มความเดือดพล่านในตัวไว้ เขาวางท่าสุขุมด้วยความยากลำบากและพูดเสียงลอดไรฟัน “ผมไม่ต้องการอาหาร ไม่ต้องการน้ำ ไม่ต้องการซุปด้วย เอาล่ะ ตอนนี้ออกจากห้องไปซะ แล้วหยุดรบกวนผมเสียที!”


“ท่านแม่ทัพ คุณไม่ต้องกังวลนะ ผมสั่งการคนของเราไว้อย่างเคร่งครัดแล้ว คุณแน่ใจได้เลยว่าจะไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวนคุณแน่ มีแต่เจ้างั่งที่รนหาที่ตายเท่านั้นแหละที่จะกล้าขัดคำสั่งของคุณ และต่อให้คุณไม่พูดอะไร ผมก็จะจัดการเจ้าทึ่มนั่นด้วยมือของผมเอง!” นายพลอ้าววั่วโบกมืออย่างวางมาดขณะพูดด้วยทีท่าที่ชวนให้ยำเกรง


ท่านแม่ทัพรู้สึกเจ็บแปลบที่อก


หัวสมองของแกมันผิดเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า? อะไรที่ทำให้แกคิดว่าฉันหมายถึงคนอื่น? คนที่รบกวนฉันน่ะคือแก!


ขณะที่แม่ทัพกำลังจะพรั่งพรูคำผรุสวาทสำหรับความปัญญานิ่มของลูกน้อง นายพลอ้าววั่วก็หันมามองเขาด้วยแววตาจริงใจและตั้งคำถามอีก “ท่านแม่ทัพ มันไม่น่าเบื่อไปหน่อยหรือที่จะอยู่แถวนี้โดยไม่ทำอะไรเลย? เราร้องเพลงด้วยกันดีไหม? ถ้าคุณเขินล่ะก็ ผมไม่ถือหรอกที่จะร้องเพลงเป็นเพื่อนคุณ!”


“พลั่ก!” แม่ทัพกระอักเลือดออกมาอีกกองหนึ่ง



อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1675 ทำให้กระบี่ปีศาจยอมจำนน

นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ทัพรู้สึกเหมือนจะคลั่ง เขาพบว่าตัวเองใกล้เสียสติเต็มที


ร้องเพลง ร้องเพลง ร้องบ้านแกสิ!


ฉันเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจชั้นสูง เป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน แล้วแกจะให้ฉันร้องเพลงกับแกนี่นะ?


หัวแกไปกระแทกหินที่ไหนมาหรือเปล่า?


นายพลอ้าววั่วเป็นลูกน้องที่มีความเก่งกาจและมีกลยุทธเป็นเลิศ แม่ทัพมักพูดถึงเขาด้วยความนิยมชมชอบอยู่เสมอและไว้ใจให้เป็นคนใกล้ชิด อีกฝ่ายรู้กาลเทศะเป็นอย่างดีและไม่เคยทำอะไรล้ำเส้น แต่ทำไมวันนี้ ปุบปับถึงทำตัวน่ารำคาญขึ้นมาได้?


ฉันบอกแกแล้วว่าอย่ามารบกวน แต่แกก็เที่ยวหาเรื่องไร้สาระมาป่วนฉันอยู่นั่น แกจงใจทำแบบนี้ใช่ไหม?


แม่ทัพเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขารีบพิจารณานายพลอ้าววั่วอย่างถี่ถ้วน แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา รังสี เจตนาสังหาร และสำเนียงการพูด ทุกอย่างก็ล้วนแต่เหมือนกับนายพลอ้าววั่วที่เขารู้จัก…


ถ้าจะมีสิ่งเดียวที่เขาเห็นว่าแตกต่างไปจากเดิม ก็คงจะเป็นหมวกเกราะ


เดี๋ยวก่อน ทำไมหมวกเกราะถึงไม่เหมือนเดิมล่ะ?


หรือว่าหมอนี่จะไม่ใช่นายพลอ้าววั่ว แต่เป็นคนอื่นปลอมตัวมา? แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครในโลกนี้ที่สามารถปลอมตัวได้ถึงขนาดที่แม้แต่เขาก็ยังมองไม่ออก!


ขณะที่แม่ทัพกำลังคิดหนัก นายพลอ้าววั่วก็สูดหายใจลึกและพูดว่า “เอาล่ะ งั้นผมเริ่มก่อนนะ…ปรมาจารย์ขงมีลูกแมวเหมียว, ลูกแมวเหมียว, ลูกแมวเหมียว…”


“พลั่ก!” แม่ทัพกระอักเลือดออกมาอีกกองหนึ่ง นัยน์ตาแดงก่ำด้วยความเกรี้ยวกราด เขาตวาดก้อง “ฉันจะฆ่าแกก่อนเลย!”


เมื่อไม่อาจทนกับความไร้สาระนี้ได้อีกต่อไป แม่ทัพตัดสินใจถอนฝ่ามือจากกระบี่ปีศาจแล้วปล่อยพลังเข้าใส่นายพลอ้าววั่ว


การก่อกวนของนายพลอ้าววั่วทำให้เขาตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบในการรับมือกับกระบี่ปีศาจ และช่วงเวลาเพียงแวบเดียวก็ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงมาก รังสีอันตรายแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา ทำให้เขาเวียนหัวไปหมด


กระบวนท่าเดียวนี้ทำให้จิตวิญญาณต้นกำเนิดของแม่ทัพได้รับความบอบช้ำอย่างหนัก เขารู้เลยว่าจะต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อยครึ่งปีกว่าจะกลับสู่สภาพเดิม แต่เขาทนไม่ไหวแล้ว


แม้แต่แม่ของเขายังไม่วุ่นวายขนาดนี้!


หากเขาไม่สังหารไอ้สารเลวนี่ หัวใจของเขาคงระเบิดเพราะความโกรธเกรี้ยวที่สะสมอยู่แน่!


ฟิ้ววว!


พละกำลังจากฝ่ามือของแม่ทัพระเบิดออกมาราวกับมังกรผงาด มันพุ่งออกไปด้วยแรงผลักดันหนักหน่วง ในชั่วพริบตาก็ไปอยู่ตรงหน้านายพลอ้าววั่ว


นายพลอ้าววั่วรีบเข้าไปหลบหลังแผ่นหินแผ่นหนึ่งด้วยความพรั่นพรึงขณะร้องออกมา “ท่านแม่ทัพ ผมคืออ้าววั่วคนโปรดของคุณนะ!”


กระจกเงาต้านทานคำทำนายแผ่นหนึ่งตั้งอยู่บนแผ่นหินนั้น ถ้าแม่ทัพปล่อยการโจมตีใส่เขา ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากระจกจะต้องถูกทำลาย และนั่นจะเป็นการเปิดเผยการมีอยู่ของกระบี่ปีศาจ


เมื่อไม่มีทางเลือก แม่ทัพจึงจำเป็นต้องดึงพละกำลังจากฝ่ามือกลับ


ทันทีที่เขาถอนพลังจากฝ่ามือ เสียงร้อนรนของนายพลอ้าววั่วก็ดังขึ้นในหู “ท่านแม่ทัพ ระวังด้วย มีใครคนหนึ่งกำลังโจมตีคุณจากด้านบน!”


แม่ทัพรีบเงยหน้ามอง แต่นอกจากชั้นหมอกหนา ก็ไม่มีใครให้เห็นเลย


ฉึก!


เมื่อรู้ตัวแล้วว่าหลงกล แม่ทัพรีบลดสายตาลง และเห็นหอกเล่มหนึ่งแทงทะลุแผงอกของเขา


ด้วยความที่ไม่ทันระมัดระวังตัว ผนวกกับความแข็งแกร่งและความเร็วอย่างน่าทึ่งในการโจมตีของนายพลอ้าววั่ว แม่ทัพมีสีหน้าเคร่งเครียด เขารีบบิดตัวเพื่อจะหลบการจ้วงแทง


แต่หอกก็ถูกแทงลึกเข้าไปในแผงอกของเขาแล้ว ทำให้เลือดพุ่งกระฉูดออกมา


“ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่?”


แม่ทัพหรี่ตาด้วยความตกตะลึง


ร่างกายของเขาได้รับการบ่มเพาะจากการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ ดังนั้นอาวุธทั่วไปจึงไม่อาจทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้ การที่สร้างบาดแผลให้กับร่างอันทรงเกียรติของเขาได้นั้น ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหอกเล่มนี้จะต้องเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่


เรื่องนี้ทำให้เขาแน่ใจว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่นายพลอ้าววั่ว ต่อให้ทั้งสองจะหน้าตาเหมือนกันแค่ไหนก็เถอะ


เพราะนายพลอ้าววั่วไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้ครอบครองอาวุธระดับนี้ หรือต่อให้เขามี ก็ไม่มีทางที่จะปลดปล่อยพละกำลังของมันออกมาได้ด้วยวรยุทธระดับเซียนขั้น 8 ของเขา


“แกเป็นใคร?” แม่ทัพคำรามอย่างดุร้าย


สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลจางรวมทั้งเซียนดาบชิงเหมิงล้วนแต่เป็นนักดาบ อันเนื่องจากมรดกตกทอดของพวกเขา ในตระกูลจางไม่น่าจะมีใครที่เชี่ยวชาญศิลปะเพลงหอก


ความสงสัยผุดขึ้นมาในใจของแม่ทัพอย่างฉับพลัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าลง การที่เขารู้ตัวว่าตกอยู่ในอันตรายทำให้กระบวนท่าของเขาเฉียบคมขึ้น หลังจากหลบการจ้วงแทงของหอก แม่ทัพก็ปล่อยพละกำลังจากฝ่ามือเข้าใส่อีกฝ่าย


เขาใช้พละกำลังเต็มพิกัดในฐานะนักรบชั่วกัลปาวสานเพื่อทุ่มเทให้กับการโจมตีครั้งนี้ พละกำลังทำลายล้างของเขาทำให้รอยแยกของมิติถูกเปิดออก แม้แต่อากาศโดยรอบก็ส่งเสียงหวีดหวิวราวกับจะประท้วงความตึงเครียดหนักหน่วงที่มันได้รับ


แต่ก่อนที่พลังฝ่ามือจะเข้าปะทะอีกฝ่าย นายพลอ้าววั่วก็ร้องขึ้นด้วยความตกใจอีกครั้ง “อันตราย! ท่านแม่ทัพ ระวังด้วย!”


แม่ทัพปลดปล่อยการรับรู้จิตวิญญาณของเขาออกมาโดยสัญชาตญาณ แต่พื้นที่ตรงหน้าก็ว่างเปล่าเหมือนเดิม เมื่อรู้ตัวว่าหลงกลอีกครั้ง เขาก็คำรามด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้านเพราะความโกรธเกรี้ยว “แกเตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะ!”


พลังปราณของเขาพุ่งออกไปอย่างดุเดือด เพิ่มพละกำลังจากฝ่ามือให้หนักหน่วงขึ้นอีก


ฟึ่บ!


เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงพลังระดับนั้น นายพลอ้าววั่วที่อยู่ตรงหน้าเขาก็หลบเข้าไปอยู่หลังแผ่นหินแผ่นหนึ่งด้วยความพรั่นพรึง


“แก ไอ้สารเลว!” เมื่อมีกระจกอีกเงาอีกบานหนึ่งขวางเส้นทางการโจมตีอยู่ แม่ทัพก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอนพละกำลังจากฝ่ามือกลับ “เมื่อไหร่แกจะเลิกขี้ขลาดและเผชิญหน้ากับฉันอย่างลูกผู้ชายเสียที?”


ความจริงที่ว่าอีกฝ่ายสามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้นั้นหมายความว่าหมอนั่นจะต้องมีพละกำลังที่ใกล้เคียงกับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน หรืออาจจะทัดเทียมกัน ผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับนี้จะภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของตัวเอง และจะทำเต็มที่เพื่อรักษาสองสิ่งนี้ไว้ แต่หมอนี่ กลับเข้าไปซ่อนอยู่หลังกระจกเงา ไม่กล้าเผชิญหน้ากับการโจมตีของเขา ผู้เชี่ยวชาญเขามีนิสัยแบบนี้กันหรือ?


หน้าไม่อาย! ขี้ขลาดตาขาว!


แกไม่คิดบ้างหรือว่าคนที่ทรงพลังอย่างแกไม่ควรจะใช้การเล่นสกปรกแบบนี้?


แม่ทัพเคยปะทะกับเหล่าปรมาจารย์มาก่อน พวกเขาล้วนแต่รักศักดิ์ศรีและมีความชอบธรรม ยอมตายเสียดีกว่าจะให้ศักดิ์ศรีของตัวเองถูกย่ำยี…แต่นั่นดูเหมือนจะยังไม่พอสำหรับหมอนี่ที่ปลอมตัวเป็นนายพลอ้าววั่วมารบกวนเขาระหว่างการฝึกฝนวรยุทธ หมอนี่ยังกล้าพูดพล่ามเรื่องโกหกออกมาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยและเอาแต่หลบซ่อนอยู่หลังกระจกเงา


เลิกทำตัวเป็นไอ้ขี้ขลาดตาขาวที่หน้าไม่อายและมาเผชิญหน้ากับฉันเสียที! ถ้าแกกล้าพอจะทำในสิ่งที่แกทำลงไปแล้ว แกก็ควรจะกล้าเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของฉันด้วย!


แม่ทัพคำรามและพุ่งเข้าใส่เพื่อจะฉีกอีกฝ่ายให้เป็นชิ้นๆ ก็พอดีกับพี่นายพลอ้าววั่วชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้งและร้องออกมา “ระวังด้วย! อันตราย!”


“อันตรายบ้านแกสิ!” รู้ดีว่านี่เป็นแค่กลยุทธการเบี่ยงเบนความสนใจอีกครั้ง แม่ทัพไม่ใส่ใจคำพูดนั้น แล้วปล่อยการโจมตีต่อไป


แต่ยังไม่ทันที่ฝ่ามือของเขาจะถึงตัวเป้าหมาย ร่างของเขาก็ขนลุกขนชันไปทั้งตัว เขารู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่ร่วงลงมาจากกลางอากาศ มันเหนือชั้นเกินกว่าที่ขอบเขตการรับรู้จิตวิญญาณของเขาจะรู้สึกได้ว่ามันคืออะไร และด้วยความเร็วในการเดินทางของสิ่งนั้น ไม่มีทางที่เขาจะหลบมันพ้น


พลั่ก!


ร่างของแม่ทัพบี้แบนอยู่กับพื้น ในชั่วพริบตา ร่างกายของเขาก็แหลกละเอียด เลือดสีแดงก่ำกระอักออกจากปากราวกับน้ำพุ


“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุด ผม, ติงติง ก็ได้กลับมาแล้ว! โลกจะต้องแตกเป็นเสี่ยงๆอยู่ใต้ก้นของผม!” เสียงร้องอย่างตื่นเต้นดังมาจากสิ่งที่อยู่เหนือร่างของแม่ทัพ


ก้นขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายอิฐบิดไปมาอยู่บนร่างของแม่ทัพ ทำให้เกิดเสียงกรุบกรับ ในการบิดตัวแต่ละครั้ง เลือดกองแล้วกองเล่าก็กระอักออกจากร่างของเขา


“….”


แม่ทัพอยากจะกู่ก้องร้องตะโกนออกมา


ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ การจะสร้างมันขึ้นก็เป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก ทำให้เป็นของล้ำค่าที่แสนจะหายาก แม้แต่นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องอิจฉาตาร้อนหากเขามีของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในครอบครอง แต่หอกและก้อนอิฐที่หมอนั่นมีก็เป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ…


เจ้าปีศาจตนนี้มาจากไหน?


“ผมเตือนคุณแล้วนะ ผมบอกให้คุณระวัง แต่คุณก็ไม่สนใจคำเตือนของผมเลย…” จางเซวียนส่ายหน้าอย่างผิดหวัง ราวกับกำลังตำหนิเด็กดื้อที่ไม่ยอมฟังคำแนะนำของผู้ใหญ่


เขาถอนหายใจเฮือก จากนั้นก็เดินเข้าหาร่างของแม่ทัพและรูดแหวนเก็บสมบัติออกจากนิ้วของเขา


“….” แม่ทัพ


ฉันยังไม่ตาย!


“ฉันจะยกหมอนี่ให้พวกแกนะ” หลังจากถอดแหวนเก็บสมบัติออกมาแล้ว จางเซวียนก็โบกมือก่อนจะเลิกสนใจแม่ทัพที่นอนแน่นิ่งอยู่


ทั้งหอกสวรรค์กระดูกมังกรและหม้อต้นกำเนิดทองคำต่างยินดีปรีดาที่ได้รับคำสั่งนั้น เนิ่นนานมาแล้วที่พวกมันไม่มีโอกาสได้สำแดงพลัง ดังนั้น หม้อต้นกำเนิดทองคำจึงบิดก้นของมันไปมาเพื่อรีดเลือดหยดสุดท้ายออกจากร่างของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อยู่ใต้ก้นของมัน ขณะที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็จ้วงแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า…


เมื่อมอบหมายภารกิจให้กับของล้ำค่าทั้ง 2 ชิ้นของเขาแล้ว จางเซวียนก็หันไปสนใจกระบี่ปีศาจ


กระบี่ปีศาจเล่มนี้แข็งแกร่งกว่าหม้อต้นกำเนิดทองคำเสียอีก รังสีอันตรายที่มันแผ่ออกมามีอานุภาพโจมตีจิตวิญญาณที่รุนแรงถึงขนาดที่ทำให้แม้แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจก็ยังต้องจังงัง ถ้าเขามีอาวุธชิ้นนี้ไว้ในครอบครอง คงจะเอาชนะบรรดาแม่ทัพได้ง่ายกว่าเดิมมาก


ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือนำกระบี่ปีศาจเล่มนี้มาผนึกกำลังกันกับหอกสวรรค์กระดูกมังกรและหม้อต้นกำเนิดทองคำ แล้วทั้งสามก็จะทำให้แม่ทัพทุกคนถึงจุดจบได้เพียงแค่เขากระดิกปลายนิ้ว


“ขอลองดูหน่อยเถอะ!”


จางเซวียนหวนนึกถึงสิ่งที่แม่ทัพทำเมื่อครู่นี้ เขาเดินเข้าไปแล้วคว้าด้ามจับของกระบี่ปีศาจไว้


บึ้มมม!


เจตนาสังหารพวยพุ่งเข้าสู่ร่างของเขา แทงทะลุเข้าสู่จิตวิญญาณต้นกำเนิด


วิ้ง!


จิตวิญญาณต้นกำเนิดของจางเซวียนเรืองแสงสีทองออกมา และสลายเจตนาสังหารนั้นไป


“ช่างเป็นการโจมตีที่น่าทึ่งจริงๆ…”


แม้จะสกัดกั้นการโจมตีได้สำเร็จ แต่จางเซวียนก็ยังต้องถอยไปก้าวหนึ่งเพราะพลังจากเจตนาสังหารนั้น


ถ้าเขาไม่ได้บ่มเพาะจิตวิญญาณต้นกำเนิดด้วยเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดมาก่อน การโจมตีครั้งนี้คงจะสร้างความบอบช้ำสาหัสให้เขาแน่


“ขอดูหน่อยเถอะว่าเจตนาสังหารของแกจะเหนือชั้นกว่าฉันหรือเปล่า!”


ถ้าแกคิดจะใช้เจตนาสังหารเล่นงานฉัน ฉันก็จะไม่มีพิธีรีตองแล้วนะ


จางเซวียนขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้า และในชั่วพริบตา เจตนาสังหารดุเดือดก็พุ่งเข้าใส่กระบี่ปีศาจ มันเป็นเจตนาสังหารดิบๆที่ยังไม่ได้ผ่านการขัดเกลา แต่ความบริสุทธิ์ของมันนั้นสามารถทำให้เลือดในกายของคู่ต่อสู้ถึงกับแข็งตัวได้


แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด ยังไม่ทันที่เจตนาสังหารจะเข้าถึงกระบี่ปีศาจที่แสนหยิ่งเล่มนั้น กระบี่ปีศาจก็ร่วงลงกับพื้น แล้วโน้มตัวลงต่ำอย่างนอบน้อมราวกับกำลังคารวะเจ้านายคนใหม่ ร่างของมันสั่นสะท้านไม่หยุด บ่งบอกถึงความหวาดกลัวอย่างล้ำลึกในตัวบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้า


“….”


แม่ทัพมองเห็นภาพนั้นผ่านนัยน์ตาที่บวมเป่ง น้ำตาไหลเป็นทางอาบใบหน้าของเขา


แกควรจะเป็นอาวุธที่เย่อหยิ่งและรักศักดิ์ศรีไม่ใช่หรือ?


ทำไมถึงยอมจำนนให้หมอนั่นรวดเร็วขนาดนี้? ศักดิ์ศรีและความโอหังของแกหายไปไหนหมด?

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)