ลำนำบุปผาพิษ 1672-1677

 บทที่ 1672 เหตุใดไม่บอกให้เร็วกว่านี้?


แต่ละเกล็ดเบาหวิวดุจปุยนุ่น ล่องลอยอยู่กลางอากาศ ตกลงบนกิ่งดอกเหมย ที่แดงก็ยิ่งแดง ที่ขาวก็ยิ่งขาว เกาะกลุ่มเป็นหย่อมๆ ในยามราตรีดูน่ามองเป็นพิเศษ


ช่วงเวลานี้กู้ซีจิ่วไม่สนใจจะชื่นชมหิมะกลางดงเหมยแดงอะไรทั้งนั้น เธอปวดจนเบื้องหน้ามืดมัวแล้ว


“ระดูมาหรือ?” มือตี้ฝูอียังคงจับชีพจรเธอไว้เช่นเดิม


“เจ้าไม่ต้องมายุ่ง!” ฝ่ามือเขาอบอุ่นยิ่ง แต่ยามที่กุมข้อมือเธอเธอรู้สึกเพียงว่าหงุดหงิด!


โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ปวดท้องอยู่ก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก


เธอพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ในที่สุดก็ดิ้นหลุดจากมือเขาได้ เซถอยหลังไปสองก้าว มองเห็นว่าด้านข้างมีศิลาเขียวก้อนหนึ่งอยู่ ไม่สนใจมองเลยว่าบนนั้นมีหิมะอยู่หรือไม่ เธอรีบนั่งลงไปทันที


ยังไม่ได้ทันได้นั่งอย่างมั่นคง ก็ถูกตี้ฝูอีฉุดขึ้นมาอีก “บนนั้นเย็น! สภาพเจ้าในยามนี้ได้รับความเย็นไม่ได้!”


เขาโบกมือสร้างเขตแดนอันหนึ่งขึ้น ซ้ำในเขตแดนยังปูพรมที่อ่อนนุ่มผืนหนึ่งไว้ด้วย ให้เธอนั่งลงบนพรม


ไม่รู้ว่าหยิบลูกกลอนสีแดงเพลิงเม็ดหนึ่งออกมาจากไหน จ่อเข้าที่ริมฝีปากเธอ “กินเข้าไป!”


กู้ซีจิ่วในยามนี้มีสัญชาตญาณหวาดกลัวโอสถที่เขามอบให้ พลันสะบัดหน้า หลีกหนีมือของเขา “ข้า…ข้ามียาของตัวเอง”


ฝืนหยิบขวดยาใบหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ เทลูกกลอนสีชมพูออกมาหนึ่งเม็ดแล้วกลืนลงไป


ลูกกลอนนี้มีสรรพคุณสร้างความอบอุ่น ส่วนเธอเป็นเพราะได้รับความหนาวเย็นในช่วงที่ประจำเดือนมา ตอนอยู่ในธารน้ำใต้ดินถูกไอเย็นที่มีฤทธิ์เป็นหยินแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ถึงได้ปวดเช่นนี้


เธออยากนั่งสมาธิ แต่เป็นเพราะอาการปวดรุนแรงเกินไป แทบจะนั่งไม่ติดแล้ว


ยามที่จรดนิ้วทำมุทรามือก็สั่นระริก


ทันใดนั้นฝ่ามือสองข้างก็ถูกตี้ฝูอีกุมไว้ “เจ้านั่งดีๆ ข้าจะรักษาให้เจ้า”


กู้ซีจิ่วยังคิดจะดิ้นรนขัดขืน ตี้ฝูอีก็เอ่ยต่อว่า “ข้าบอกไปแล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เจ้าป่วยไข้ข้าไม่สนใจไม่ได้ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด เจ้าเชื่อฟังเถอะ ข้าสามารถรักษาเจ้าให้หายอย่างรวดเร็วยิ่งได้”


หน้าผากกู้ซีจิ่วมีหยาดเหงื่อเย็นเฉียบผุดซึม ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับแจ่มชัดขาวดำตัดกันชัดเจน เธอฝืนสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง สงบสติอารมณ์เล็กน้อย “ขอบคุณมาก ท่านไปตามหาเองก็ได้นี่ ไม่จำเป็นต้องสนใจข้า”


เขาสามารถค้นหาต่อไปในธารน้ำได้ ทำไมจะต้องลากเธอไปให้ได้ด้วย?


ตอนนี้เธอไม่อยากร่วมงานกับเขาเลยจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่อยากสัมผัสเนื้อตัวของเขา


ตี้ฝูอีไม่พูดจาไร้สาระกับนางอีก ยื่นมือไปสกัดจุดนาง ให้นางสงบเสงี่ยมลงบ้าง


จากนั้นดึงสองมือของนางเข้ามา นั่งประจันหน้ากับนาง สองมือแนบชิดกัน พลังวิญญาณถ่ายเทออกจากฝ่ามือเขา ไหลเข้าสู่ฝ่ามือนาง ไหลเวียนไปตามชีพจร ค่อยๆ เข้าสู่ท้องน้อยของนาง…


ท้องน้อยของเธอเยียบเย็นปานน้ำแข็ง ภายในปวดจนแทบจะเป็นตะคริวแล้ว พลังวิญญาณของเขาอบอุ่นยิ่ง หลังจากเข้าสู่หน้าท้องเธอก็เริ่มกระตุ้นฤทธิ์ยาอย่างรวดเร็ว


เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา ในที่สุดอาการปวดคล้ายจะเป็นตะคริวตรงท้องเธอก็เบาบางลงแล้ว ค่อยๆ จางหายไป…


ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีก็ปล่อยมือเธอ คลายจุดให้เธอ พลางเอ่ยถาม “ตอนนี้รู้สึกอย่างไร?”


“ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณมาก”


กู้ซีจิ่วพรูลมหายใจเบาๆ คราหนึ่ง ลุกขึ้นยืน เนื่องจากข่มกลั้นความปวดเอาไว้นานเกินไป ยามนี้ถึงแม้จะไม่ปวดแล้ว แต่ร่างกายก็ยังค่อนข้างอ่อนแรงอยู่ เธอเคลื่อนไหวเล็กน้อย ให้เส้นเอ็นผ่อนคลายยิ่งขึ้น


ตี้ฝูอีมองสีหน้าที่ซีดเซียวของนาง “ปวดนานมากแล้วใช่ไหม? เหตุใดไม่บอกให้เร็วกว่านี้?”


กู้ซีจิ่วส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่จำเป็น”


ตี้ฝูอีนิ่งไปเล็กน้อย “…ไม่จำเป็น? หรือเจ้าจะรอให้ปวดจนสลบไปก่อนถึงจะจำเป็น?!”


กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองเขา ยิ้มมิเชิงยิ้ม “นี่ท่านเป็นห่วงข้างั้นหรือ?”


ตี้ฝูอีไม่มองเธอ ทว่าน้ำเสียงกลับเฉยเมยยิ่ง “เจ้าอย่าคิดมากไป ข้าบอกแล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ร่วมมือในเรื่องเดียวกัน…”


———————————————————————


บทที่ 1673 พวกนางล้วนยังมีชีวิตอยู่


ตี้ฝูอีไม่มองเธอ ทว่าน้ำเสียงกลับเฉยเมยยิ่ง “เจ้าอย่าคิดมากไป ข้าบอกแล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ร่วมมือในเรื่องเดียวกัน รักษาสภาพสมบูรณ์พร้อมเอาไว้ได้จะดีที่สุด เช่นนี้ยามประสบอันตรายจะได้ไม่เป็นตัวถ่วงของอีกฝ่าย เจ้าปวดท้องจนเป็นเช่นนี้ กลับฝืนทนไว้ไม่ยอมบอก ยามหน้าสิ่วหน้าขวานเจ้าสลบไปจะมิใช่ภาระหรอกหรือ?”


กู้ซีจิ่วหัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง “ข้าไม่ได้คิดมากจริงๆ เสียหน่อย ท่านไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขีดเส้นแบ่งแยกก็ได้ และข้าก็ไม่เอาแต่พึ่งพาท่านหรอก วางใจได้ ข้าก็เห็นท่านเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานเช่นกัน พอถึงเวลาท่านช่วยคนของท่าน ข้าช่วยคนของข้า ข้าจะไม่เป็นตัวถ่วงท่าน และจะไม่กลายเป็นภาระให้ท่านแน่นอน”


สมองเธอมีน้ำเข้าหรือไงถึงได้เอ่ยถามด้วยประโยคบ้าบอเช่นนั้นออกไป!


เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเธอก็จะไม่คิดมากทั้งสิ้น กันไม่ให้ตัวเองหาความไม่เป็นสุขใส่ตัว


เธอมองดูรอบข้าง รู้สึกรางๆ ว่าทิวทัศน์ของที่นี่ค่อนข้างคุ้นตา แต่ก็ไม่ได้คิดมาก ขยับตัวอีกเล็กน้อย คิดจะดำน้ำลงไปใต้ดินอีก


ตี้ฝูอียื่นมือขวางเธอไว้ “ไม่ต้องดำน้ำแล้ว! ธารน้ำใต้ดินหนาวเย็น ไม่เหมาะกับสุขภาพของเจ้าในตอนนี้”


กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “เช่นนั้นพวกเราแยกกันทำงานไหม? ท่านสืบหาร่องรอยใต้น้ำ เมื่อพบแล้วค่อยส่งข่าวให้ข้าดีไหม?”


วิธีที่นางเสนอออกมาเป็นความคิดที่ดีมากจริงๆ ตี้ฝูอีมองดูรอบข้าง ใจเต้นแรงเล็กน้อย!


ดอกเหมยของดงเหมยนี้มีสีแดงสดเป็นพิเศษ ในยามราตรีแฝงไอหยินชั่วร้ายเอาไว้รางๆ


เขาเด็ดดอกเหมยมากลีบหนึ่ง จ่อเข้าที่ปลายจมูกแล้วสูดดม ในกลิ่นหอมกระจ่างของดอกเหมยเคล้ากลิ่นคาวโลหิตอยู่จางๆ


แน่นอนว่ากลิ่นคาวโลหิตนั้นอ่อนจางยิ่งนัก หากไม่ดมดูอย่างละเอียดจะไม่ได้กลิ่นเด็ดขาด


“บางทีรังของศัตรูอาจอยู่แถวนี้” ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้นช้าๆ “ระวังหน่อย!”


กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง ดงเหมยนี้ก็คือดงเหมยที่เธอเคยมาก่อนหน้านั้น อยู่ห่างจากเมืองหลวงของอาณาจักรเฟยซิงเพียงหนึ่งร้อยสิบลี้


ตอนนั้นเธอก็รู้สึกเช่นกันว่าเหมยแดงของที่นี่ค่อนข้างพิกล เพียงแต่ยังไม่ทันได้ตรวจให้ละเอียด ก็ได้รับข่าวจากหลงซือเย่..ดงเหมยผืนนี้กว้างใหญ่ยิ่งนัก มีพื้นที่หลายร้อยหมู่[1] เส้นทางด้านในตัดสลับคดเคี้ยว ทางยิบย่อยวกวน


เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงดอกเหมยผลิบาน ทุกวันจึงมีคนเดินทางมาชมดอกเหมยไม่ขาดสาย ดังนั้นรอยเท้าในดงเหมยจึงสับสนวุ่นวายยิ่งนัก ถ้าคิดจะสืบหาจากรอยเท้า เป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย


“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะลงไปดูสักหน่อย” ตี้ฝูอีหมุนกายดำดิ่งลงสู่ธารน้ำใต้ดิน…


ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ขึ้นมา “ที่นี่เป็นจุดสิ้นสุดการเดินทางของพวกนาง ในธารน้ำด้านล่างไม่มีกลิ่นอายของพวกนางแล้ว”


กู้ซีจิ่วกระโจนลงมาจากต้นเหมยต้นหนึ่ง “ต้นเหมยของที่นี่มีไอหยินชั่วร้าย ที่นี่ประหลาด! บางทีพวกนางอาจอยู่แถวนี้”


ตอนกลางวันที่นี่มองไม่เห็นความผิดปกติอันใด เพียงแต่ดอกเหมยแดงสดกว่าที่อื่นเล็กน้อยเท่านั้น แต่ยามนี้เป็นตอนกลางคืน ประสาทสัมผัสที่เฉียบไวของกู้ซีจิ่วสัมผัสได้ว่าบนต้นเหมยมีไอหยินพิสดารกำจายอยู่


เธอหักดอกเหมยออกมากิ่งหนึ่ง จุดที่ถูกหักมียางสีแดงไหลซึมออกมา กลิ่นคาวโลหิตอบอวลขึ้นกว่าเดิม


กู้ซีจิ่วใจหายวาบ!


ป่าเหมยผืนนี้คงไม่ได้ใช้โลหิตสดๆ มาฉีดรดกระมัง?!


โม่เจ้าก็ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม?


หลานจิ้งอี๋ลักพาตัวจิ้งจอกน้อยมาที่นี่ เพราะถูกบังคับหรือเปล่า? หรือว่าสมัครใจร่วมมือกับอีกฝ่ายเอง?


แล้วตอนนี้จิ้งจอกน้อยยังมีชีวิตอยู่ไหม?


ข้อสุดท้ายนี้ทำให้กู้ซีจิ่วกังวลใจที่สุด


“พวกนางล้วนยังมีชีวิตอยู่” คล้ายตี้ฝูอีจะทราบว่าเธอกังวลอะไรอยู่ จึงกล่าวคลี่คลายความสงสัยของเธอ


กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก “หลานจิ้งอี๋สมรู้ร่วมคิดกับอีกฝ่าย นางย่อมไม่เกิดเรื่องอยู่แล้ว ข้าเป็นห่วงเพียงจิ้งจอกน้อย หากว่าช่วยนางออกมาได้อย่างปลอดภัยเช่นนั้นก็แล้วไป หากว่าจิ้งจอกน้อยเกิดเหตุอะไรขึ้น ข้าจะไม่ละเว้นหลานจิ้งอี๋!” ยามที่กล่าวประโยคสุดท้ายนี้ออกมา ประกายเยียบเย็นวาบผ่านดวงตาเธอ


——————————————————————-


[1] หมู่ เป็นหน่วยวัดพื้นที่ของจีน 1 หมู่ = 666.67 ตารางเมตร


บทที่ 1674 อย่าได้เอาแต่ใจ…


“หลานจิ้งอี๋เป็นน้องสาวของจิ้งเคอ ยามจิ้งเคอยังมีชีวิตเป็นห่วงเป็นใยนางที่สุด ข้ารับปากจิ้งเคอไว้ว่าจะดูแลน้องๆ ของนางไปทั่วชีวิต” ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเยือกเย็น “กู้ซีจิ่ว เจ้ากำจัดความคิดมุ่งร้ายที่มีต่อพวกเขาไปเสียจะดีที่สุด!”


สีหน้ากู้ซีจิ่วซีดเผือด ทว่ามุมปากกลับหยักยิ้มบางๆ “ไม่มีผู้ใดที่ปองร้ายสหายของข้าแล้วยังรอดกลับไปในสภาพสมบูรณ์ได้ หากว่าข้ามุ่งร้ายนางจะเป็นอย่างไรเล่า?”


ตี้ฝูอีหันหลังให้ “เช่นนั้นข้าก็จะมุ่งร้ายต่อสหายทุกคนของเจ้าเช่นกัน!”


เขาไม่สนใจเธออีก ตรงเข้าไปตรวจสอบหาเบาะแสร่องรอยในป่า


กู้ซีจิ่วยืนอยู่ที่เดิม นิ้วมือสั่นไหวเล็กน้อย


หากว่าเขาพูดจาข่มขู่ และมุ่งร้ายต่อเธอ บางทีเธออาจจะยอมแลกก็ได้! ด้วยอยากเห็นว่าเขาจะทำอะไรเธอได้ สังหารเธอ? กักบริเวณ? หรือจะขังไว้ในเขตหวงห้าม? เธอล้วนไม่แยแสทั้งสิ้น!


แต่ถ้าหากเขามุ่งร้ายต่อสหายของเธอ…


เขาเป็นคนที่กล้าพูดก็กล้าทำ!


แล้วเธอจะทำอย่างไรได้อีกเล่า?


ความเอาแต่ใจของเธอชักนำความเดือดร้อนมาให้หลงซือเย่แล้วครั้งหนึ่ง ทำให้พลังยุทธ์เขาถดถอยลงไปมาก แม้แต่ตำแหน่งสานุศิษย์สวรรค์ก็รักษาไว้ไม่ได้ หรือว่ายังต้องการจะสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาอีก?


ดังนั้นเธอไม่อาจล้างแค้นหลานจิ้งอี๋ได้ ต่อให้จิ้งจอกน้อยสิ้นชีพอยู่ที่นี่ เธอก็ไม่อาจเอาตัวหลานจิ้งอี๋มาล้างแค้นได้…


โกรธเคืองหรือว่าโศกเศร้า หรืออาจเป็นความไร้กำลังจะช่วยเหลือตัวเธอก็อธิบายไม่ได้เช่นกัน


โลหิตในทรวงพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เธอสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง สะกดความฝาดเฝื่อนที่พุ่งขึ้นมาในคอลงไป


กู้ซีจิ่ว อย่าโกรธ อย่าเศร้า หากว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งข่มขู่เธอเพื่อความปลอดภัยของน้องสาวคนรักเขา นี่เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง เธอคิดว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าไปเสียก็พอแล้ว


เธอปรับอารมณ์ของตัวเองเล็กน้อย ทำให้ตัวเองสงบลง


ขณะที่เธอกำลังจะตรวจสอบป่าเหมยดูเช่นเดียวกัน ยันต์ถ่ายทอดเสียงตรงหว่างเอวก็เรืองแสงขึ้นมา เป็นเยี่ยนเฉิน เขาก็ร้อนใจยิ่งนักเช่นกัน กำลังรอข่าวจากเธออยู่


ตลอดการเดินทางนี้ของกู้ซีจิ่ว ทุกครั้งตอนที่โผล่ขึ้นมาหายใจบนผิวดิน ล้วนต้องติดต่อหาเยี่ยนเฉิน บอกกล่าวทิศทาง ดังนั้นพวกเยี่ยนเฉินจึงเดินทางตามหลังมาตลอด


ในเมื่อยืนยันแล้วว่าดงเหมยแห่งนี้ประหลาดยิ่งนัก กู้ซีจิ่วจึงติดต่อหาสหายเหล่านั้นของเธอ ให้พวกเขาที่อยู่ในละแวกนี้มาเป็นกำลังสนับสนุนให้


เมื่อเธอจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นตี้ฝูอียืนอยู่ไม่ไกลจากเธอ คล้ายกำลังรออยู่


เธอไม่มองเขาอีก หันหลังคิดจะไปตรวจสอบบริเวณอื่น


“ที่นี่อันตรายยิ่งนัก เจ้าตามมากับข้า” ตี้ฝูอีก้าวเข้ามา


“ไม่จำเป็น! แยกกันหาเถอะ จะได้เร็วหน่อย” กู้ซีจิ่วสะบัดหน้าเดินไป


ตี้ฝูอียุดแขนเสื้อของเธอไว้ “อย่าเอาแต่ใจ…”


เกิดเสียงดัง ‘แควก!’ แขนเสื้อกู้ซีจิ่วขาดเป็นสองส่วน เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว หัวเราะหยันคราหนึ่ง “ตี้ฝูอี ท่านกลายเป็นยายเฒ่าจอมจู้จี้เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?! ดงเหมยกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ยังคงต้องแยกกันค้นหาถึงจะเร็วขึ้นหน่อย!”


“เจ้ากำลังโกรธเรื่องเมื่อครู่หรือ? ข้าไม่ได้เข้าข้างหลานจิ้งอี๋ ตลอดทางนี้ข้าตรวจสอบร่องรอยของนางแล้ว นางก็ถูกควบคุมเช่นกัน ที่ลักพาตัวหลานไว่หูมิใช่เจตนาของตัวนาง นาง…”


“เหอะๆ! ทราบแล้ว! วางใจเถิด ข้าไม่ปองร้ายนางหรอก!” กู้ซีจิ่วหัวเราะเบาๆ ตัดบทเขาเสีย ไม่คิดจะพูดกับเขาให้มากความอีก ใช้วิชาเคลื่อนย้ายจากไปทันที


เธอก็ชำนาญการแก้ค่ายกลเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วมกับเขาตลอด


เธอจำได้ว่าตอนอยู่ในยุคปัจจุบันก็เคยพบเห็นเรื่องเช่นนี้มาแล้ว ชายหญิงยุคปัจจุบันซื่อตรงใจกว้าง ต่อให้เลิกราเพราะคนรักทรยศนอกใจ ภายภาคหน้าก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ ถึงขั้นที่ไปมาหาสู่กันดั่งญาติพี่น้องได้


ตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าถูกต้องยิ่งนัก ยามนี้เมื่อนึกถึงขึ้นมากลับเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ!


เมื่อประสบพบพานการทรยศหักหลังแล้วยังเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายได้ จะต้องไม่เคยมีความรักลึกล้ำอย่างแท้จริงแน่นอน!


ก็เหมือนตัวเธอ ชั่วชีวิตนี้ไม่อาจมองตี้ฝูอีเป็นสหายได้ ถ้าไม่ได้รักกัน เช่นนั้นก็ตัดขาดกันไปจนตายเสีย


———————————————————————-


บทที่ 1675 จิ้งจอกน้อยเป็นของเขา!


เธอในตอนนี้ยอมตัดขาดกันไปจนตายเสียยังดีกว่า ไม่ต้องพบเจอกันอีก


เธอส่ายหน้า ข่มอารมณ์ด้านลบทั้งหมดในจิตใจเหล่านั้นลงไป และเริ่มวิจัยป่าเหมยนี้


กู้ซีจิ่วทะยานขึ้นไปกลางอากาศ การมองลงมาจากด้านบนเห็นได้ชัดเจนยิ่งกว่า


มองเห็นเบื้องล่างมีคนก้าวย่างบนเส้นทางที่สลับคดเคี้ยวท่ามกลางป่าเหมยแดงฉาน


ป่าเหมยกว้างใหญ่ยิ่งนัก ดูไม่ค่อยเป็นระเบียบ แทบจะไม่แตกต่างจากป่าเหมยทั่วไป และมองไม่เห็นว่ามีค่ายกลอะไร


สายตาเธอร่อนลงบนเส้นทางกลางป่าเหมยที่คดเคี้ยวดังใยแมงมุมเหล่านั้น เส้นทางเหล่านี้มีใครบางคนเหยียบย่ำและมีใครบางคนเก็บกวาดออกไป โดยเฉพาะรอบนอก โดยปกติล้วนเก็บกวาดโดยมนุษย์


หัวใจของเธอพลันสั่นไหว!


ป่าเหมยกว้างใหญ่ไพศาล คนที่มาเชยชมดอกเหมยโดยส่วนมากจะชมบริเวณรอบๆ ของป่าเหมย ไม่มีทางบุกลึกเข้าไปในที่ห่างไกลได้ เช่นนั้น ส่วนลึกของป่าเหมยก็ไม่ควรจะมีเส้นทางที่ผู้คนเหยียบย่ำมากมายขนาดนี้…


อีกฝ่ายจงใจสร้างกลอุบาย หรือเส้นทางเหล่านี้มีความลับอะไร?


เธอจ้องมองอีกช่วงระยะหนึ่ง รู้สึกรางๆ ว่าช่วงที่ทางเหล่านั้นมาบรรจบกันเหมือนเป็นรูปแบบค่ายกลอะไรสักอย่าง คล้ายกับใยแมงมุม…


ใจกลางใยแมงมุมมีต้นเหมยแดงที่น่าดึงดูดเป็นพิเศษต้นหนึ่ง ต้นเหมยแดงนี้ค่อนข้างประหลาด มองดูทิศทางของกิ่งก้านเหล่านั้นดุจแมงมุมยักษ์สีแดงสด อีกทั้งดอกเหมยด้านบนยังมีสีสันสดสวยกว่าต้นเหมยอื่นๆ


แน่นอนว่าต้นเหมยต้นนี้หลบซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นเหมยจำนวนมาก กิ่งก้านของดอกเหมยทุกต้นล้วนไม่เหมือนกัน มีบางกิ่งที่เหมือนกับสัตว์อื่นๆ ดังนั้นต้นนี้จึงไม่สะดุดตา


หากไม่ใช่ว่ากู้ซีจิ่วเป็นคนช่างสังเกต ต่อให้มียอดฝีมือค่ายกลอะไรมาเห็นทั้งหมดนี้ก็มองไม่ออกว่าคืออะไร


บางทีกลไกอาจอยู่บนต้นไม้ต้นนั้น!


ในขณะที่เธอกำลังจะเคลื่อนไหว ยันต์ถ่ายทอดเสียงที่เอวก็เปล่งแสงขึ้นอีกครั้ง เป็นเยี่ยนเฉินที่ติดต่อมาสอบถามทิศทาง


กู้ซีจิ่วบอกทิศทางไป หลังจากนั้นไม่นานเยี่ยนเฉินกับหลานเยวี่ยก็ตามมา


กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่าหลานเยวี่ยก็จะเหน็ดเหนื่อยเดินทางไกลตามมาด้วยเช่นกัน เธอเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง


หลานเยวี่ยเป็นคนเฉลียวฉลาด เข้าใจความหมายที่สายตาของกู้ซีจิ่วสื่อออกมา จึงทอดถอนใจ “นางเป็นคู่หมั้นของข้า ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องช่วยนางออกมาให้ได้”


คู่หมั้นสองคำนี้ระคายหูของเยี่ยนเฉินอย่างเห็นได้ชัด ทว่ายามนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจแข่งขันกับหลานเยวี่ยว่าผู้ใดที่เหนือกว่า


เขาตัดสินใจแน่วแน่ ครั้งนี้หลังจากช่วยจิ้งจอกน้อยออกมาได้ ไม่ว่านางจะสูญเสียพรหมจรรย์ไปแล้วหรือไม่ เขาจะไม่ยอมเสียนางไปอีกแล้ว ต่อให้เขาต้องใช้วิธีการผูกมัดก็ต้องมัดนางไว้ข้างกายเขาให้ได้!


จิ้งจอกน้อยเป็นของเขา!


เขาจะไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมท้อถอยอีกต่อไป


นางเข้ากับพ่อแม่เขาไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็จะพานางร่อนเร่ไปทั่วหล้า ไม่กลับบ้านอีก


ส่วนเรื่องการแต่งงานของนางกับหลานเยวี่ย เขาจะคิดหาทางช่วยให้นางถอนหมั้น ถึงแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตนี้ก็ตาม!


กู้ซีจิ่วบอกสิ่งที่ตัวเองตรวจสอบพบกับพวกเขา เยี่ยนเฉินร้อนใจ เขามองต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น ขณะที่กำลังจะกระโดดขึ้นไปก็ถูกกู้ซีจิ่วดึงรั้งไว้ “ช้าก่อน!”


หลานเยวี่ยก็ทอดถอนใจ “พี่เยี่ยน เจ้าช่างไม่สงบจิตใจเอาเสียเลย หากต้นไม้นี้เป็นตาค่าย จะต้องมีกลไกที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน เจ้าบุ่มบ่ามบุกเข้าไปเช่นนี้ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ? ต่อให้เจ้ามีพลังยุทธ์สูงส่ง ไม่มีทางรนหาที่ตาย ทว่าก็ทำให้คนในค่ายกลไหวตัวได้ทัน อยากจะช่วยคนออกมาก็ยิ่งเป็นการยาก!”


เยี่ยนเฉินทอดถอนใจเบาๆ เขาก็รู้ตัวว่าเขาบุ่มบ่ามเกินไป เพียงแค่ร้อนใจไปเท่านั้นเอง…


ทว่าเขาไม่เคยเห็นค่ายกลใหญ่ขนาดนี้ ควรจะทลายอย่างไรดี?


สายตาเขามองไปที่หลานเยวี่ย “เจ้ามีวิธีการอย่างไร?”


หลานเยวี่ยหักกิ่งดอกเหมยสูดดมอย่างละเอียด แล้วจึงพูดออกมาเพียงแค่คำเดียว “รอ!”


“รอ? รออะไร?”


“หากที่นี่คือสถานที่คุมขัง ด้านในต้องมีคนเข้าออกอย่างแน่นอน รอให้คนด้านในออกมา พวกเราลอบทำร้ายให้สลบคนหนึ่งแล้วค่อยแฝงตัวเข้าไปก็ได้”


บทที่ 1676 ไม่อาจพ้นเงื้อมมือของมันไปได้


“หากที่นี่คือสถานที่คุมขัง ด้านในต้องมีคนเข้าออกอย่างแน่นอน รอให้คนด้านในออกมา พวกเราลอบทำร้ายให้สลบคนหนึ่งแล้วค่อยแฝงตัวเข้าไปก็ได้” หลานเยวี่ยพูดวิธีการของเขาออกมา


วิธีนี้ของเขาเป็นวิธีการที่ดีและค่อนข้างปลอดภัย


ทว่ายามนี้เป็นยามค่ำคืน ช่วงเวลานี้ต่อให้ด้านในมีคนอยู่ก็ไม่มีทางออกมาจับจ่ายอะไร


เช่นนั้นพวกเขาไม่ต้องรอจนถึงพรุ่งนี้หรอกหรือ?


ยิ่งไปกว่านั้นหากด้านในมีสิ่งของพร้อมสรรพ ไม่แน่ภายในสิบวันถึงครึ่งเดือนก็ไม่มีทางมีคนออกมา หรือว่าพวกเขาต้องนั่งเฝ้าไปอีกสิบวันถึงครึ่งเดือน?


ช่วยเหลือคนเสมือนช่วยดับเพลิง จะให้รอต่อไปอย่างนี้ถึงเมื่อใด?


เยี่ยนเฉินโมโหเบิกตาโต “พวกเรารอได้ แต่จิ้งจอกน้อยรอไม่ได้!”


หลานเยวี่ยทอดถอนใจ “นางถูกจับมาแล้วสองวัน หากคนอื่นอยากทำอะไรนางจริงๆ ก็ทำสำเร็จไปนานแล้ว พวกเรามาเร็วหรือช้าไปหนึ่งวัน ความจริงก็ไม่แตกต่างเท่าใดนัก”


ความจริงเขาไม่ค่อยคาดหวังกับการนำจิ้งจอกน้อยกลับคืนมาโดยไม่บุบสลายแล้ว เขาแค่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยคนออกมาให้ได้


เยี่ยนเฉินไม่สนใจเขา มองไปทางกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว เจ้ามีวิธีหรือไม่?”


กู้ซีจิ่วมองเจ้าหอยยักษ์ข้างกาย “เอากระต่ายป่าที่ซ่อนอยู่ในเปลือกของเจ้าออกมาแล้วโยนลงไป”


เจ้าหอยยักษ์ติดตามมากับพวกเยี่ยนเฉิน เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ของกู้ซีจิ่ว มันยังคงงงงวย “เจ้านาย ท่านรู้ได้อย่างไรว่าในเปลือกของข้ามีกระต่ายซ่อนอยู่?”


เจ้าหอยยักษ์ชอบซ่อนเสบียงไว้ ด้วยเกรงว่าหากถูกโยนทิ้งที่ไหนแล้วจะอดอยากปากแห้ง เมื่อมันเดินทางผ่านที่ใด จับสิ่งใดได้ก็กินสิ่งนั้น สิ่งใดที่กินไม่ได้ก็เลี้ยงไว้ในเปลือก…


ยามนี้ภายในเปลือกของมันเลี้ยงกระต่ายไว้สามตัว ไก่ฟ้าสองตัว แม้กระทั่งหมูป่าตัวหนึ่งก็ยังมี!


กู้ซีจิ่วเป็นเจ้านายของมัน ย่อมรู้นิสัยนี้ของมันดี ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังได้ยินเสียงตะกุยของกระต่ายภายในเปลือกของมันด้วย…


เจ้าหอยยักษ์ค่อนข้างเสียดาย นำกระต่ายอวบอ้วนตัวหนึ่งออกมาจากในเปลือก จากนั้นก็ปรึกษากู้ซีจิ่ว “เจ้านาย หลังจากที่ข้าโยนมันลงไปแล้ว ยังเก็บมันกลับขึ้นมาได้อีกหรือไม่?”


กู้ซีจิ่วพยักหน้า “หากไม่มีอันตรายใด เจ้าย่อมเก็บกลับมาได้”


เจ้าหอยยักษ์วางใจแล้ว!


หากเก็บกลับมาได้ก็ดี กระต่ายนี้ไม่อาจพ้นเงื้อมมือของมันไปได้!


มันยื่นกระต่ายตัวนั้นให้กู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วทะยานไปละแวกต้นไม้ ก่อนโยนกระต่ายไปทางต้นไม้ต้นนั้น


เจ้ากระต่ายกำลังร่วงหล่นลงบนยอดของต้นไม้ใหญ่นั้น


กระต่ายหล่นลงไปด้วยความงุนงง มันกระโดดขึ้นกำลังคิดจะหลบหนี ทว่ากลับเหมือนถูกบางสิ่งมัดแขนขาไว้ ร่วงลงที่พื้นสองครั้ง จากนั้นทุกคนก็ได้เห็นภาพฉากที่น่าอัศจรรย์ใจ


รากฝอยนับไม่ถ้วนดังไหมบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นรอบตัวกระต่าย ไต่ไปตามแขนขา ทะลวงเข้าไปในตัวของมัน


กระต่ายตัวนั้นเหมือนถูกดูดเลือดเนื้อจนหมดสิ้น แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว…


เยี่ยนเฉินนิ่งอึ้ง


หลานเยวี่ยเบิกตาโพลงโต “เชื่อเถอะ! ต้นไม้นี้กลืนกินสิ่งมีชีวิต!”


เพียงชั่วพริบตา กระต่ายตัวนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่หนังติดกระดูกก็ไม่เหลือทิ้งไว้ ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน


เหงื่อเย็นเฉียบของเยี่ยนเฉินไหลโซมกาย นึกไม่ถึงว่าต้นไม้นี้จะร้ายกาจถึงเพียงนี้! หากเมื่อสักครู่เขาบุกเข้าไป เกรงว่าจะถูกดูดจนกลายเป็นมนุษย์แห้งเหี่ยวเหมือนกระต่ายตัวนี้…


เจ้าหอยยักษ์เจ็บปวดหัวใจ กระต่ายของมัน! เสบียงของมัน!


มันยังไม่ทันได้ไว้ทุกข์ให้กระต่ายของตัวเอง กู้ซีจิ่วก็ยื่นมือออกมาทางมันอีก “เอาไก่ฟ้าออกมาตัวหนึ่ง”


เจ้าหอยยักษ์นิ่งอึ้ง


มันเจ็บปวดเสียจริงๆ!


กู้ซีจิ่วตบเปลือกของมัน “เชื่อฟังเถอะ ต่อไปข้าจะย่างแกะทั้งตัวชดใช้ให้เจ้า”


ดวงตาเจ้าหอยยักษ์เป็นประกายขึ้นมาทันที!


แกะย่างทั้งตัวเป็นอาหารชั้นเลิศที่กู้ซีจิ่วถนัด มันชอบกินเป็นที่สุด!


——————————————————————–


บทที่ 1677 ทลายค่ายกล


มันรีบหยิบไก่ฟ้าออกมา ยื่นให้อย่างข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ “เจ้านาย นี่ให้ท่าน ตัวหนึ่งพอหรือไม่? หากไม่พอที่ข้ายังมีอีกตัวหนึ่ง”


กู้ซีจิ่วโยนไก่ฟ้าลงไปบนยอดไม้ในทันที


ไก่ฟ้านั้นเหมือนรู้สึกได้ถึงอันตราย อุ้งเท้าเพิ่งสัมผัสถูกยอดไม้ ก็รีบกระพือปีกโบยบินขึ้นในทันที


ทว่าเห็นได้ชัดว่าไม่ทันแล้ว กลีบดอกเหมยแดงบนยอดไม้ปลิวไสวขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง ห่อหุ้มไก่ฟ้าตัวนั้นไว้ในทันที ไก่ฟ้าได้แต่ส่งเสียงร้องเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแล้วก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก


ผ่านไปไม่นาน กลีบดอกที่ปลิวไสวรวมตัวกันก็สลายหายไป ร่วงหล่นกลับบนต้นไม้ใหม่อีกครั้ง ส่วนไก่ฟ้านั้นกลับหายไปไร้เงา


ดูเหมือนกลีบดอกเหมยนี้จะดื่มโลหิตเป็นอาหาร!


หลานเยวี่ยมองดอกเหมยในมือ สั่นสะท้านด้วยความกลัวดังถูกน้ำร้อนลวก เขารีบโยนกิ่งเหมยทิ้งทันที!


“นี่คือค่ายกลเหมยโลหิตใยแมงมุม!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้หลานเยวี่ยตกใจรีบหันหลังกลับ เห็นตี้ฝูอีที่มายืนอยู่ด้านหลังของพวกเขาตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ สายตากำลังมองดูดอกเหมยกิ่งนั้นเช่นกัน


หลานเยวี่ยโล่งใจ เขากำลังสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่พบเทพผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะปรากฏกายออกมาอย่างเงียบเชียบ


ดูเหมือนเขากับกู้ซีจิ่วแยกกันเคลื่อนไหว


หลานเยวี่ยรู้ข่าวคราวเป็นอย่างดี เขาย่อมรู้ว่ากู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว ดังนั้นเขาเลือกที่จะไม่ถามเรื่องราวเหล่านั้นอย่างชาญฉลาด


“อะไรคือค่ายกลเหมยโลหิตใยแมงมุม?” หลานเยวี่ยอยากรู้อยากเห็น


“มองเห็นเส้นทางเหล่านั้นท่ามกลางป่าเหมยหรือไม่? ความจริงพวกมันไม่ใช่เส้นทาง แต่เป็นเส้นเลือดของค่ายกล หลังจากที่เหมยโลหิตกลืนกินสิ่งมีชีวิต จะส่งอาหารผ่านเส้นเลือดเหล่านั้นไปยังต้นดอกเหมยโดยรอบเพื่อหล่อเลี้ยงพวกมัน เนื่องจากหล่อเลี้ยงด้วยโลหิต ดังนั้นดอกเหมยที่นี่จึงมีสีสันสดสวยเป็นพิเศษ ส่วนต้นดอกเหมยเหล่านี้ก็ดูดซับแก่นแท้สุริยันจันทรา แล้วค่อยส่งกลับไปบนเหมยโลหิตผ่านราก ทำให้เหมยโลหิตนี้เติบโตได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรง”


“มิน่า ดอกเหมยที่นี่ถึงบานสะพรั่งได้สดสวยขนาดนี้ ทว่าเหตุผลที่สร้างค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเหมยโลหิตนี้หรือ? หรือว่ามันทำอะไรได้หลังจากเจริญเติบโต?”


ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ที่นี่คือค่ายกล โดยปกติค่ายกลเป็นการปิดตาย ดังนั้นใครผ่านไปมาก็ไม่ต้องเป็นกังวล คนนอกก็ไม่มีทางรู้ เมื่อใดที่มีใครต้องการทลายค่ายกล เหมยโลหิตนี้ก็จะเคลื่อนไหวก่อน ทั่วทั้งป่าเหมยเปรียบเสมือนใยแมงมุม ต้นเหมยล้วนมีชีวิตต่อไปได้เหมือนกันกับเหมยโลหิตนี้ จับมนุษย์ กลืนกินมนุษย์ ป่าเหมยผืนนี้กว้างใหญ่ไพศาล หากถูกคุมขังไว้ด้านใน ก็หลบหนีออกไปได้ยาก”


นึกไม่ถึงว่าบนโลกใบนี้จะมีค่ายกลที่ชั่วร้ายเช่นนี้ด้วย!


หลานเยวี่ยได้รับความรู้ใหม่แล้ว!


เขามองไปที่เยี่ยนเฉิน “เคราะห์ดีที่เมื่อสักครู่เจ้าไม่ได้บุ่มบ่ามบุกเข้าไป มิเช่นนั้น พวกเราทั้งหมดกลายเป็นปุ๋ยของที่นี่แล้ว!”


เขามองเหมยโลหิตต้นนั้นอีกครั้ง “ป่าเหมยผืนนี้มีอยู่ตรงนี้มานานแล้ว เมื่อก่อนก็ไม่เคยได้ยินว่ามันทำสิ่งใดประหลาด”


ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเรียบเฉย “เหมยโลหิตนี้ไม่มีสิ่งใดแตกต่างกับต้นเหมยทั่วไปในเวลากลางวัน อีกทั้งมันถูกปลูกถ่ายขึ้นมาในช่วงหลัง และยังอยู่ในส่วนลึกที่สุดของป่าเหมย ดูดซับอาหารกลืนกินโลหิตยามค่ำคืน ในช่วงกลางวันต่อให้มีใครเดินผ่านใต้ต้นมันก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ฉะนั้นย่อมไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น”


ที่แท้เป็นเช่นนี้! หลานเยวี่ยเข้าใจแล้ว


ความจริงเยี่ยนเฉินไม่สนใจต้นกำเนิดของเหมยโลหิต เขาเพียงสนใจอยู่เรื่องเดียว “เช่นนั้นพวกเราควรจะทลายค่ายกลนี้อย่างไร?”


ตี้ฝูอีมองกู้ซีจิ่ว “นางไม่ได้กำลังทลายค่ายกลอยู่หรืออย่างไร?”


หลานเยวี่ยกับเยี่ยนเฉินมองกู้ซีจิ่ว ส่วนกู้ซีจิ่วกำลังเจ้าหอยยักษ์ให้นำ ‘เสบียง’ ออกมาจากเปลือกทั้งหมด


เจ้าหอยยักษ์รู้สึกเสียดาย ทว่ามันก็ขัดคำสั่งเจ้านายไม่ได้ ทำได้เพียงเอาออกมายื่นให้นางทีละตัวๆ ทั้งน้ำตา


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)