ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1666-1669
ตอนที่ 1666 ไม่ซื่อสัตย์
คุณป้าฮวายังคิดจะร้องคร่ำครวญต่อแต่พอเห็นสีหน้าเย็นชาของเหยียนหมิงซุ่นก็อดตัวสะท้านเฮือกไม่ได้ ความเยือกเย็นก่อตัวขึ้นในใจ
หลานชายตระกูลโม่น่ากลัวจัง ท่าทางเหมือนจะฆ่าคนยังไงอย่างนั้น!
โม่ซิวหย่วนสิดี แต่ลูกสาวดันไม่ถูกใจ เฮ้อ!
โม่เหวินต้งยังอยากจะดูเรื่องสนุก ๆต่อเลยผลักหลานชายคนโตอย่างโม่จื้อหย่วนทีหนึ่งเป็นเชิงให้เขาไปรับ โม่จื้อหย่วนจึงจำต้องขับรถไปตามคำสั่งแต่โดยดี โม่มู่เกินอยู่บ้านคุณอาหญิงที่อยู่หมู่บ้านข้างเคียงซึ่งขับรถไปใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ไม่นานโม่มู่เกินก็ถูกรับตัวมาพร้อมกับลูกชายทั้งสองคนของเขา พ่อลูกสามคนล้วนเป็นคนซื่อสัตย์และหน้าตาใสซื่อ
เห็นคุณป้าฮวาที่ตกอยู่ในสภาพดูไม่จืดบนพื้นโม่มู่เกินก็นึกแปลกใจเหลือเกินเลยยิ้มกล่าวว่า “ลุงไป่ซ่าน เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
คุณตาโม่ถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเล่าเรื่องก่อนหน้านี้ของคุณป้าฮวาให้ฟังคร่าว ๆ “มู่เกิน บุญคุณที่แกช่วยชีวิตฉันไว้ฉันขอบคุณมาก ฉะนั้นตลอดหลายปีมานี้เมียของแกมาขอเงินที่บ้านฉันอยู่บ่อย ๆฉันก็ไม่ได้คัดค้านอะไร แต่เรื่องผูกญาติฉันไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ หมิงซุ่นไม่ใช่คนตระกูลโม่ เขาสกุลเหยียน”
“แต่ก็เรียกท่านว่าคุณตานะ แล้วทำไมถึงตัดสินใจไม่ได้…” คุณป้าฮวาพูดแทรกขึ้นมาประโยคหนึ่ง
โม่มู่เกินหน้าแดงก่ำดั่งสีของตับหมู เขาไม่รู้เรื่องที่คุณตาโม่พูดเลยสักนิด ผู้หญิงโง่คนนี้!
“หุบปาก!”
โม่มู่เกินตวาดเสียงดัง คนซื่อสัตย์จริงใจไม่ค่อยโกรธเท่าไรแต่หากโกรธเมื่อไรกลับน่ากลัวอย่างมาก คุณป้าฮวาเสียวสันหลังวาบเลยหุบปากไปแต่โดยดี
“ลุงไป่ซ่าน ผมจะกลับไปอบรมเธอที่บ้านเอง คนใจกว้างอย่างท่านได้โปรดอย่าถือสาเธอ บุญคุณที่ช่วยชีวิตอะไรนั่นก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว คนบ้านเดียวกันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร!”
โม่มู่เกินรีบพูดเอาใจด้วยใบหน้ารู้สึกผิดปนอับอาย
เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากฟังคำไร้สาระต่อเลยพูดเสียงเย็นชา “ก็ยังต้องพูดถึงอยู่ ผู้หญิงคนนี้ถ้าคุณควบคุมได้เธอคงไม่ถึงกับอ้างบุญคุณนี้มาข่มขู่บ้านคุณตาผมมาสิบกว่าปีหรอก วันนี้เรื่องนี้ต้องสะสางให้จบ พวกคุณเสนอราคามาเลย!”
ถึงขนาดคิดวางแผนจับเขา แล้วยังด่าผู้หญิงของเขานับครั้งไม่ถ้วน เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางเกรงใจอยู่แล้ว!
โม่มู่เกินหน้าแดงก่ำพลางถูมืออย่างไม่สบายใจแต่ในใจกลับนึกเกลียดคุณป้าฮวาเหลือเกิน
ไพ่ใบดี ๆแบบนี้ ทุกอย่างกลับถูกนังโง่คนนี้ทำพังยับเยิน
“คนบ้านเดียวกันพูดเรื่องเงินเดี๋ยวก็ทำลายความรู้สึกกันหรอก เรื่องแบบนี้ไม่มีค่าพอให้พูดถึงอะไร” โม่มู่เกินยิ้มซื่อบอกเพียงว่าไม่เอาเงิน
แม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตแต่กลับไม่โง่ ครั้งนี้หากรับเงินไว้คราวหลังก็ไม่สามารถอ้าปากขอให้ตระกูลโม่ช่วยทำธุระให้อีกแล้ว ขอแค่เขาไม่ตายบุญคุณนี้จะต้องมีผลต่อไปอย่างยาวนานซึ่งมันคุ้มกว่าการรับเงินก้อนในคราวเดียว
เหมยเหมยอดพูดประชดไม่ได้ “แต่ภรรยาของคุณพูดอยู่ทุกวี่วัน ถ้าจะบอกว่าคุณช่วยชีวิตคุณตาไว้หนึ่งชีวิตแต่บ้านเราช่วยภรรยากับลูกสาวคุณไว้รวมสองชีวิต สองต่อหนึ่ง ต่อให้เป็นดอกเบี้ยก็ถือว่าชดใช้หมดแล้ว”
ผู้ชายคนนี้ดูท่าทางเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจแต่กลับไม่ซื่อสัตย์เลยสักนิด
เธอไม่เชื่อหรอกว่าการกระทำของคุณป้าฮวาในตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้โม่มู่เกินจะไม่รู้เลยงั้นเหรอ?
เหมือนคุณปู่จ้าวที่แค่แกล้งโง่เท่านั้นแหละ!
หนำซ้ำปากบอกไม่ใช่เรื่องที่มีค่าพอจะเอ่ยถึงแต่กลับไม่เคยพูดถึงเรื่องที่ตระกูลโม่ช่วยสองชีวิตไว้ เหอะ ถ้าเช่นนี้เธอจะช่วยเตือนสติผู้ชายคนนี้สักครั้งแล้วกัน
โม่มู่เกินอายจนหน้าแดงกว่าเดิมและนึกบ่นในใจว่าเหมยเหมยเป็นใครกัน ทำไมถึงฝีปากเก่งกล้าขนาดนี้ คนตระกูลโม่ยังไม่พูดอะไรด้วยซ้ำแล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาพูด?
คุณป้าฮวาได้ยินว่าจะให้เงินเลยเริ่มชั่งใจ
คนอย่างเหยียนหมิงซุ่นอยู่ด้วยกันยากเกินไป หากลูกสาวแต่งเข้าบ้านไปต้องไม่มีความสุขแน่ สู้เอาเงินก้อนมาทีเดียวเลยดีกว่า
“หนึ่งหมื่นหยวน ไม่สิ หนึ่งแสนหยวน ฉันจะไม่พูดถึงอีก” คุณป้าฮวาเอ่ยเสียงดัง
ชาวบ้านต่างสะดุ้งเฮือก โอ้โห หนึ่งแสนหยวนเชียว!
คุณป้าฮวาคนนี้มันหวังเกินตัวชัด ๆ!
…………………………
ตอนที่ 1667 จบลงอย่างสิ้นเชิง
โม่มู่เกินเองก็ตกใจเฮือกพลางตวาดด่า “เธอหุบปาก!” เขารีบยิ้มขอโทษคนตระกูลโม่อีกครั้ง “อย่าไปฟังเธอพูดเหลวไหล คนบ้านเดียวกันจะพูดถึงเรื่องเงินได้อย่างไร!”
โม่เหวินต้งอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ตลอดหลายปีมานี้เมียของแกมาขอเงินบ้านฉันรวม ๆแล้วก็เกินหนึ่งหมื่นหยวน เทียบกับการขอไปทีละเล็กละน้อยสู้จ่ายให้มันจบ ๆทีเดียวเลยดีกว่า!”
ชาวบ้านคนอื่น ๆเห็นแล้วก็อิจฉาตาร้อน อิจฉาโม่มู่เกินที่จับพลัดจับผลูโชคหล่นทับหัวบังเอิญไปช่วยพ่อของเศรษฐีเข้า หนึ่งแสนหยวนเชียว พอใช้ทั้งชีวิตไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว!
“มู่เกินแกอย่าไปฟังเมียแกนะ คุณลุงไป่ซ่านชดใช้พวกแกไปสองชีวิตแล้ว แกยังมีหน้าเอาเงินอีกเหรอ?”
“นั่นสิ คนอื่นช่วยชีวิตบ้านพวกแกกลับปิดปากเงียบไม่พูดถึง ตอนนี้ยังทำตัวเหมือนโจรที่อ้าปากทีก็ขอหนึ่งแสน หน้าด้านจริงๆ!”
“วันหลังอยู่ให้ห่างจากบ้านพวกเขานะ ผู้หญิงคนนี้อย่างกับปลิงถ้าโดนเกาะทีก็หนีไม่พ้นแล้วล่ะ”
……
ชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงฮือฮาล้วนตำหนิคุณป้าฮวาหน้าไม่อาย ซึ่งแน่นอนว่าจิตใต้สำนึกนั้นก็หวังว่าโม่มู่เกินจะไม่ได้เงินก้อนนี้ไป
ไม่เช่นนั้นเห็นครอบครัวที่เดิมทีฐานะพอ ๆกันกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน พวกเขาจะทนไหวได้อย่างไร?
พ่อลูกโม่มู่เกินยิ่งอับอายจนนึกอยากแทรกแผ่นดินหนี คุณป้าฮวากลับทำตัวเหมือนคนไม่มีเรื่องอะไรแล้วยังตะโกนด่าพวกชาวบ้านกลับไปหลายทีหาว่าพวกเขาอิจฉาตาร้อนเลยมายุ่มย่ามเรื่องคนอื่น!
เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเย็นชา “หนึ่งแสนก็ใช่ว่าจะให้ไม่ได้ ชีวิตของคุณตาฉันมีค่ามากกว่าสองชีวิตพวกคุณอีก แต่พวกคุณต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร สัญญาว่าหลังจากได้เงินไปจะไม่อ้างหนี้บุญคุณขอให้บ้านคุณตาฉันช่วยเรื่องใดอีก และจะขอเงินเพิ่มอีกหยวนเดียวก็ไม่ได้”
คุณป้าฮวาตะเบ็งเสียงดัง “เธอพูดจริงนะ?”
โม่เหวินต้งตะคอกใส่ “ทำไมจะไม่จริง? ผู้ชายอย่างเราคุยกันผู้หญิงอย่างเธอจะมาแทรกอะไรด้วย? พี่มู่เกินทำไมแค่ผู้หญิงคนหนึ่งพี่ก็คุมไม่อยู่นะ?”
หากเปลี่ยนเป็นภรรยาของเขาที่สร้างปัญหานอกบ้านแบบนี้เขาหย่าไปตั้งนานแล้ว!
โม่มู่เกินอับอายสุดฤทธิ์เลยตวัดฝ่ามือตบหน้าคุณป้าฮวาฉาดใหญ่ทำเอาคุณป้าฮวามึนไปเลยทีเดียวและนิ่งค้างไม่ได้สติไปพักใหญ่
“ไม่ต้องให้เงินหรอก หลังจากนี้บ้านเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว ฉันจะกลับไปอบรมสั่งสอนผู้หญิงคนนี้”
โม่มู่เกินฉุดคุณป้าฮวาขึ้นจากพื้นทีเดียวก่อนจะถลึงตาจ้องเขม็ง เรียกให้คุณป้าฮวาตัวสะท้านเฮือกและไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะกลัวโดนตบอีกฉาดหนึ่ง
เหยียนหมิงซุ่นห้ามเขาไว้ “คุณไม่เอาเงินไปบ้านเราไม่สบายใจ เอาไปเถอะจะได้จบลงสักที”
เงินหนึ่งแสนเยอะไปหน่อยก็จริงแต่บ้านตระกูลโม่จ่ายไหว ถือว่าซื้อความสบายใจแล้วกัน!
โม่ฉิ่วหลิงกัดฟันแน่นลอบอธิษฐานในใจขอให้พ่อของเธออย่ารับเงินไว้ ไม่อย่างนั้นต่อจากนี้เธอจะเข้าใกล้เหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไรอีก?
แต่ว่า–
โม่มู่เกินเองก็หวั่นไหวเช่นกัน ตลอดชีวิตของเขาไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อน สำหรับเขาแล้วเป็นจำนวนเลขมหาศาลแล้วจะไม่หวั่นไหวได้หรือ?
พวกพี่น้องโม่เหวินต้งเองก็ช่วยพูดโน้มน้าวจนโม่มู่เกินยอมรับเอาไว้ แม้จะรู้สึกเกรงใจแต่เงินหนึ่งแสนเย้ายวนใจมากเกินไปเลยทำให้เขาหลงลืมทุกสิ่ง
เหยียนหมิงซุ่นให้โม่ซิวหย่วนไปถอนเงินจากธนาคารมาก่อนที่เขาจะเขียนสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่นานโม่ซิวหย่วนก็กลับมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ที่ทำเอาทุกคนเห็นแล้วตาร้อนผ่าว ลอบด่าโม่มู่เกินในใจว่าช่างโชคดีจริง ๆ
“เซ็นแล้วประทับรอยนิ้วมือด้วย”
เหยียนหมิงซุ่นเอาเงินให้โม่มู่เกินทั้งยังเชิญชาวบ้านที่อายุค่อนข้างมากสามคนมาเป็นพยานก็ถือว่าเรื่องนี้จบเสียที
คุณป้าฮวาคอยมองเงินทั้งกระเป๋านั่นจนตาค้าง เริ่มวางแผนในใจแล้วว่าจะใช้เงินก้อนนี้อย่างไรดี
เธอต้องไปเป็นเจ้าคนนายคนในเมืองให้ได้แล้วค่อยซื้อสร้อยทองแล้วจ้างแม่บ้านมาสักคนหนึ่ง เธอเองก็อยากมีชีวิตที่สุขสบายสักหน
โม่มู่เกินมือสั่นเทาถือกระเป๋าเงินใบนั้นกลับบ้านไปโดยไม่ทันสังเกตเห็นสายตาเหยียดหยามและอิจฉาจากชาวบ้านโดยรอบเลย
สิ่งที่เขาไม่รู้คือเงินหนึ่งแสนหยวนนี้จะทำให้ครอบครัวเขากลายเป็นคนชายขอบของหมู่บ้าน อีกทั้งยังทำให้ชีวิตของคนในครอบครัวเขาต้องหลุดออกไปจากวงโคจรเดิม
ตอนที่ 1668 แม่บ้านคนใหม่
พวกเหมยเหมยพักที่หมู่บ้านโม่ไม่กี่วันก็เตรียมตัวกลับเมืองแล้ว เดิมทีเตรียมไปฉลองปีใหม่ที่ฮ่องกงแต่เหมยเหมยอยากอยู่กับเหยียนหมิงซุ่นมากหน่อย ไม่อยากให้งานกินเวลามากเกินไปเลยเลื่อนเวลาไปเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน
ส่วนปิดเทอมฤดูหนาวนี้ก็เที่ยวสนุกให้เต็มที่ไปเลย!
ด้วยกันกับคนรักไงล่ะ!
คืนก่อนกลับคุณยายโม่กับเหล่าสะใภ้หวังเฟิ่งเจินเริ่มวุ่นอีกครั้งเพราะมัวแต่เตรียมของกินให้พวกเหมยเหมยไม่ว่าจะเป็นขนมถวนหยวน ซาลาเปาเจไส้แคร์รอตต่าง ๆ ไหนจะห่อของฝากขึ้นชื่อในท้องถิ่นไปให้อีกหนึ่งกระเป๋าใหญ่
เนื้อตากเค็ม หน่อไม้ตากแห้ง ผักดองตากแห้งหรือกุนเชียงเป็นต้นล้วนเป็นของดองฝีมือพวกคุณยายกันทั้งสิ้น แม้หน้าตาสู้ของขายตามท้องตลาดไม่ได้แต่รสชาติไม่แพ้ใคร ในเมืองหลวงถึงมีเงินก็หาซื้อได้ยาก
“วันหลังถ้ามีเวลาก็กลับมาบ่อย ๆนะ ไม่รู้ว่ายายจะทำกับข้าวให้พวกเธอได้กินอีกกี่มื้อล่ะ”
หลังทานมื้อเที่ยงเสร็จเหยียนหมิงซุ่นก็เตรียมขับรถกลับเมืองจินโดยมีคุณยายโม่ส่งพวกเขาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านด้วยสีหน้าเศร้าโศกพร้อมมือที่ปาดเช็ดน้ำตาไปด้วย
เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยอย่างไม่พอใจ “คุณยายสุขภาพแข็งแรงขนาดนี้พูดอะไรอย่างนั้นล่ะครับ? คุณยายจะต้องอายุยืนร้อยปีแน่นอน!”
โม่เหวินต้งเองก็พูดคล้อยตามไม่กี่ประโยคทำให้คนแก่ดีใจอีกหน ยิ้มกว้างยืนส่งรถของเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยที่ค่อย ๆขับไกลออกไปจนกลายเป็นจุดดำลับสายตาไป
เฮ้อ!
คุณยายพรูลมหายใจยาวเฮือกหนึ่ง เจอกันหนึ่งครั้งก็น้อยลงไปหนึ่งครั้ง!
ระหว่างทางกลับเหยียนหมิงซุ่นอารมณ์ไม่ดีนัก ต่อให้คุณยายสุขภาพกายแข็งแรงเพียงใดแต่ก็เป็นหญิงชราวัยเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว ห่างจากอายุร้อยปีอีกแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้นเพราะท้ายที่สุดการจากลาก็ต้องมาถึงอยู่ดี
“พี่ ขอแค่กินยาวิเศษประจำ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่คุณยายจะอายุร้อยกว่าปี พี่อย่ากังวลไปเลย” เหมยเหมยพูดปลอบใจ
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกอุ่นวาบในใจทั้งลอบด่าตัวเองในใจว่าโลภมาก
หากไม่ใช่ยาวิเศษของเหมยเหมยคงยากที่คุณยายจะอายุถึงแปดสิบปีด้วยซ้ำ ตอนนี้อายุยืนนานร้อยปีแล้วเขายังไม่พอใจอะไรอีก?
“ขอบคุณนะเหมยเหมย!”
เหยียนหมิงซุ่นหันไปจุ๊บหน้าผากเหมยเหมยทีหนึ่ง ร้อยพันหมื่นถ้อยคำหล่อหลอมเป็นเพียงหนึ่งจูบที่สัญญากับตัวเองในใจว่าจะต้องรักและทะนุถนอมหญิงสาวตรงหน้านี้ไปตราบชั่วนิจนิรันดร์
“กับฉันพี่ยังจะเกรงใจไปทำไมอีก?” เหมยเหมยพูดเสียงดุ
“ใช่ ไม่ต้องเกรงใจภรรยาตัวเองนี่เนอะ” เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มมุมปากจู่ ๆก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันตา เพราะอีกห้าเดือนเขาก็จะได้จดทะเบียนสมรสกับเหมยเหมยแล้ว
เหมยเหมยเองก็คิดถึงเรื่องนี้เลยยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะเอียงศีรษะถาม “ยังมีวันหยุดอีกหนึ่งสัปดาห์ เราไปเที่ยวไหนดี?”
“ไปทางใต้ เราไปดูทะเลกัน!”
ตามหาชายหาดที่เงียบสงัดไร้ผู้คน ยามดวงจันทร์และกลุ่มดาวประดับท้องนภา คอยฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งด้วยกันกับเหมยเหมย…
บรรยากาศต้องดีเกินบรรยายแน่ ๆ!
เหยียนหมิงซุ่นมีความสุขจนยิ้มปากแทบฉีก นับตั้งแต่ได้ลิ้มรสความบันเทิงจากการเล่นกันกลางแจ้งในหุบเขาคราวก่อนเขาก็ได้เตรียมแผนการไว้มากมาย เนินเขา ที่สูงชัน ชายหาด ป่าไม้ บนรถ…
เขาไม่ใช่คนประเภทที่จินตนาการวาดฝันอย่างเดียว แผนการเหล่านี้เขาเตรียมที่จะดำเนินการช้า ๆ
เหมยเหมยจะรู้ได้อย่างไรว่าคนดีข้างกายกลายร่างเป็นอสูรไปแล้ว ตอนนี้ในหัวเต็มไปด้วยแผนการว่าจะล้มทับเธอและกลืนกินเธออย่างไรครั้งแล้วครั้งเล่า
“ไปซานย่าเหรอ? แบบนี้ก็อาจจะได้เจอพ่อแม่ฉันสิ!” เหมยเหมยดีใจอย่างมาก
“ไม่เจอหรอก พ่อแม่เธอกลับบ้านไปแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดอมยิ้มแล้วหยี่ตาลง นัยน์ตาฉายแววเจ้าเล่ห์
พอกลับถึงบ้านคุณย่าหยางดีใจอย่างมากเลยวุ่นอยู่กับการเตรียมมื้อเย็นในครัว แต่ในบ้านกลับมีคนแปลกหน้าเพิ่มมาอีกคนเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยหุ่นดีวัยยี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง
“นี่คือเสี่ยวหยู แม่บ้านที่เพิ่งมาใหม่” คุณย่าหยางแนะนำด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร
เหมยเหมยนึกแปลกใจเหลือเกินว่าทำไมจู่ ๆถึงจ้างแม่บ้านมา? ทั้งที่คุณย่าหยางไม่เคยพูดถึงมาก่อนเลยนี่นา!
……………………….
ตอนที่ 1669 อดอาหารประท้วง
แม่บ้านเสี่ยวหยูชื่อจริงว่าหยูเหม่ยเจิน เธอเป็นคนทำงานเก่งและขยันขันแข็งคนหนึ่งแถมยังปากหวานด้วย เดี๋ยวก็เรียกคุณปู่เหยียนอย่างนั้นคุณปู่เหยียนอย่างนี้เอาใจจนคุณปู่เหยียนดีใจยกใหญ่และพูดชมเธอไม่ขาดปาก
แต่เหมยเหมยกลับไม่ชอบเธอ เธอรู้สึกว่าหน้าตาหยูเหม่ยเจินดูเป็นคนเหลาะแหละ อีกทั้งดวงตาที่ไหวพริบดีเกินไปไม่เหมือนคนซื่อสัตย์สงบเสงี่ยมสักนิด
“ทำไมจู่ ๆถึงจ้างแม่บ้านล่ะ?” เหมยเหมยกระซิบถามเหยียนหมิงซุ่นเสียงเบา
เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไร เมื่อก่อนเขาเคยเสนอว่าจะจ้างแม่บ้านมาเพื่อดูแลคนแก่ทั้งสองแต่คุณย่าไม่ยอมบอกว่าไม่ชอบให้ที่บ้านมีคนแปลกหน้าเขาจึงไม่เคยเอ่ยถึงอีก
“พี่ลองไปถามดูก่อน”
เหยียนหมิงซุ่นสบโอกาสตอนที่คุณย่าหยางว่างแล้วเรียกเธอไปข้างนอกก่อนที่คุณย่าหยางจะระบายออกมายาวเหยียด
ที่แท้แล้วแม่บ้านคนนี้เหยียนโฮ่วเต๋อเป็นคนหามาซึ่งคุณย่าหยางไม่รู้ความแต่อย่างใด เธอไปซื้อผักกลับมาบ้านก็มีคนแปลกหน้าเพิ่มมาหนึ่งคนแล้ว คุณปู่เหยียนเป็นคนรั้งอีกฝ่ายเอาไว้เองบอกว่าให้ช่วยทำงานบ้านเธอจะได้สบายขึ้นหน่อย
ไหน ๆก็รั้งหล่อนไว้แล้วคุณย่าหยางเลยไม่สะดวกใจหากจะไล่กลับไปอีกแต่กลับไม่รู้สึกสบายใจนัก เพราะเหตุนี้เธอเลยทำสงครามเย็นกับคุณปู่เหยียนมาหลายวันแล้ว
“จ้างแม่บ้านสักคนมาช่วยงานบ้านคุณย่าได้แต่ฉันรู้สึกว่าหยูเหม่ยเจินคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร” มีอีกประโยคหนึ่งที่เหมยเหมยไม่ได้พูดออกมา คนที่เหยียนโฮ่วเต๋อเป็นคนหามาแล้วจะเป็นคนดีได้สักแค่ไหนเชียว?
คนประเภทเดียวกันมักอยู่ด้วยกันนี่นา!
เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ใส่ใจเท่าไรในเมื่อเขาไม่อาศัยบ้านหลังนี้บ่อย ๆอยู่แล้ว แม่บ้านจะร่างกลมหรือแบนก็ไม่สนใจหรอก ทว่าในเมื่อเหมยเหมยกับคุณย่าล้วนไม่ชอบใจถ้าเช่นนั้นก็เปลี่ยนคนใหม่แล้วกัน!
แน่นอนว่าต้องปรึกษาคุณปู่เหยียนสักหน่อย!
“ทำไมถึงเปลี่ยนล่ะ? ฉันว่าเสี่ยวหยูก็ดีออก ขยันทำงาน ฝีมือกับข้าวก็ไม่เลว อีกอย่างฐานะที่บ้านของเสี่ยวหยูก็ลำบาก หางานได้ทั้งทีแล้วจะไล่เธอกลับไปอย่างไม่มีเหตุผลได้อย่างไรกัน? ฉันไม่ตกลง!” คุณปู่คัดค้าน
หลายวันมานี้เขาได้สังเกตมาอย่างดีว่าหยูเหม่ยเจินนอกจากจะขยันกระตือรือร้นแล้วยังใฝ่รู้ใฝ่เรียน หล่อนมักมาขอถามเรื่องเรียนกับเขาประจำ ทั้งยังบอกว่าตอนเรียนหนังสือเมื่อก่อนสอบได้คะแนนดีตลอดมาแต่เพราะฐานะที่บ้านยากจนเลยไม่สามารถเรียนต่อได้ เธอลาออกมาเป็นแม่บ้านก็เพื่อหาเงินเลี้ยงลูกสาว ไม่อยากให้ลูกสาวต้องทิ้งการเรียนเช่นเดียวกับเธอ
คุณปู่เหยียนซาบซึ้งใจมาก ช่างเป็นมารดาผู้ยิ่งใหญ่ที่เข้มแข็งมุ่งมั่นดีจริง ๆ!
ฉะนั้นคนแก่อย่างเขาย่อมต้องช่วยเหลือเจ้าหนูน้อยที่ไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาคนนั้น จะปล่อยให้เจ้าหนูน้อยอดเรียนไม่ได้
คุณปู่เหยียนผู้ใจดีมีเมตตาไม่พอใจต่อคุณย่าหยางและเหยียนหมิงซุ่นอย่างมาก ทั้งที่หยูเหม่ยเจินกระตือรือร้นและเก่งกาจขนาดนี้ทำไมพวกเขาถึงไม่ชอบกันล่ะ?
“ถ้าพวกเธอกล้าไล่เสี่ยวหยูออก ฉันก็จะไม่ไปเมืองหลวงแล้ว…ฉัน…จะอดข้าว!”
ไม่รู้ว่าคุณปู่เหยียนเส้นประสาทเส้นไหนได้รับความเสียหายหรือเปล่าถึงบอกว่าจะอดอาหาร ไหนจะยังอดมื้อเย็นจริง ๆ ทำเอาคนร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก
แค่แม่บ้านคนหนึ่งเท่านั้นเองไม่ใช่ปัญหาที่สร้างความเสียหายมากมายอะไรอยู่แล้ว ทุกคนจึงไม่พูดถึงเรื่องเปลี่ยนแม่บ้านอีกแต่เลือกเก็บหยูเหม่ยเจินไว้ต่อ
หยูเหม่ยเจินลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ดวงตาเป็นประกาย
“หมิงซุ่น พวกหลานจะกลับเมืองหลวงเมื่อไร?” เวลามื้อเย็นคุณย่าหยางถามขึ้น
“ผมจะพาเหมยเหมยไปดูทะเลทางใต้ก่อน ถึงตอนนั้นเราค่อยกลับเมืองหลวงด้วยกัน ทางนั้นเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้วคุณย่ากับคุณปู่ไม่ต้องเอาอะไรไปทั้งนั้นนะครั้ง” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว
คุณย่าหยางรับคำอย่างมีความสุขเช่นเดียวกับคุณปู่เหยียนแต่หยูเหม่ยเจินกลับเริ่มลน
“แล้ว…ฉันไปไหน?”
คุณปู่เหยียนคิดได้เลยเอ่ยโดยไม่ทันคิด “ไม่งั้นก็พาเสี่ยวหยูไปเมืองหลวงด้วยสิ จะได้ไม่ต้องหาแม่บ้านที่นู่นอีก”
หยูเหม่ยเจินลอบยิ้มร่าในใจ เธอโตขนาดนี้แล้วยังไม่เคยได้ไปเมืองหลวงเลยสักครั้งเดียว ถ้าได้ไปจริง ๆงานนี้ก็คุ้มเหลือเกิน!
ไม่แน่เธออาจจะจับเจ้านายเศรษฐีระดับแถวหน้าของเมืองหลวงได้แล้วใช้ชีวิตสุขสำราญเยี่ยงคุณนายก็ได้นะ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น