อัจฉริยะสมองเพชร 1666-1667

ตอนที่ 1666

 

เขากำลังตีเหล็ก?

สภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดที่เกาะกุมเขามานานนับปีหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ตรงที่ๆมันเคยอยู่นั้น มีลูกบอลลูกหนึ่งซึ่งเกิดจากกลุ่มควันสีดำวางอยู่


กลุ่มควันสีดำนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก ราวปลายเล็บเท่านั้น มันนอนนิ่งอยู่กลางทางเดินพลังปราณของเขา ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย


เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ดูท่าจะไม่ดีแน่ ขอดูหน่อยเถอะว่าจะกำจัดมันได้หรือเปล่า!


จางเซวียนส่งพลังจากเปลวเพลิงสีดำเข้าสู่ร่างของเขาเพื่อแผดเผาลูกบอลที่เกิดจากกลุ่มควันสีดำนั้น แต่ดูเหมือนจะไม่ทำให้มันรู้สึกรู้สาอะไร ขนาดเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดซึ่งสามารถแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังทำอะไรมันไม่ได้!


ลูกควันสีดำนี้คืออะไรกัน?


จากนั้น จางเซวียนก็พยายามใช้พลังจิตวิญญาณและพลังปราณของเขากำจัดลูกควันสีดำออกไป แต่ก็ต้องประหลาดใจที่ดูเหมือนมันจะหยั่งรากลึกอยู่ในร่างกายของเขา จะฉุดดึงอย่างไรก็ไม่ยอมขยับเขยื้อน


หรือว่า นี่คือ ‘ปัญหา’ ที่ปรมาจารย์ขงเคยพูดถึงในครั้งนั้น? จางเซวียนคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว


หลังจากทำให้ตราสัญลักษณ์ประธานสภาปรมาจารย์ยอมจำนนได้แล้ว เขาก็ได้พบกับเจตจำนงของปรมาจารย์ขง ซึ่งอีกฝ่ายบอกเขาว่าการกำจัดสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดนั้นไม่ได้ยากเกินไป แต่ปัญหาที่แท้จริงก็คือสิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้น…


ตอนนี้ จางเซวียนกำจัดสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดได้สำเร็จแล้ว แต่ที่ๆมันเคยอยู่กลับมีลูกบอลที่เกิดจากกลุ่มควันปรากฏขึ้นแทน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้จะต้องเป็น ‘ปัญหา’ ที่ปรมาจารย์ขงเคยพูดถึงแน่!


สำหรับอะไรอย่างหนึ่งที่แม้แต่ปรมาจารย์ขงยังเรียกว่า ‘ปัญหา’ คงเป็นสิ่งที่รับมือได้ยาก


ลูกควันสีดำนี้ฝังอยู่ในทางเดินพลังปราณส่วนที่แคบของเรา จิตวิญญาณต้นกำเนิดจึงเล็ดลอดเข้าไปไม่ได้ แถมหอสมุดเทียบฟ้าก็ไม่บอกอะไรเกี่ยวกับมันด้วย…จางเซวียนครุ่นคิดอย่างหงุดหงิด


เขาได้ใช้ทั้งดวงตาหยั่งรู้ หอสมุดเทียบฟ้า และทุกอย่างที่มีจนหมดไส้หมดพุงแล้ว แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าลูกควันสีดำนี้คืออะไร


ช่างมันเถอะ! เท่าที่ดูจากสภาวะของมันตอนนี้ มันคงยังไม่เป็นอันตรายกับเรา คราวหน้าที่เราเจอปรมาจารย์ขง ค่อยสอบถามเรื่องนี้ก็ได้


จางเซวียนตรวจสอบลูกควันสีดำนั้นอย่างถี่ถ้วน ซึ่งก็ดูไม่เหมือนว่าจะมีพิษ ในระยะอันใกล้นี้ มันคงยังไม่ทำอันตรายเขา เขาจึงตัดสินใจวางเรื่องนั้นไปก่อน


แม้จะยังไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาก็ยังกำจัดมันไปไม่ได้อยู่ดี


ถึงอย่างไร ในที่สุดเขาก็กำจัดสภาวะครรภ์เป็นพิษแต่กำเนิดได้แล้ว และนั่นไม่ต่างอะไรกับการยกภูเขาออกจากอก


ความตึงเครียดและความกังวลที่ต้องแบกรับตลอด 1 ปีที่ผ่านมาหายไปอย่างไร้ร่องรอย จางเซวียนรู้สึกโล่งสบายและเป็นอิสระ


ในเวลาเดียวกัน หมู่เมฆสีดำที่อยู่กลางอากาศก็สลายตัวไปกว่าครึ่ง การทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์กำลังจะจากไปในไม่ช้า…


ตอนนี้ การทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ไม่เป็นอันตรายกับเราอีกต่อไปแล้ว


แม้ขณะที่การทดสอบอยู่ในสภาวะแข็งแกร่งสูงสุด ก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้มันพร้อมที่จะสลายตัว ก็ไม่มีทางจะทำอันตรายเขาได้อีกต่อไป


แต่คงจะเป็นการสูญเปล่าหากปล่อยให้เปลวเพลิงสีดำสลายตัวไปแบบนี้ อีกอย่าง ใครจะรู้ว่าเราจะได้พบกับมันอีกครั้งเมื่อไหร่? จางเซวียนครุ่นคิด


เขายิ้มมุมปากขณะสะบัดข้อมือและนำแผ่นหินที่มีความกว้างราว 3 เมตรออกมา


หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำ!


มันคือของล้ำค่าที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรได้มอบให้เขาเมื่อครั้งอยู่ในอาณาจักรโบร่ำโบราณของนักปราชญ์โบราณหรันชิว แต่เขาไม่มีเปลวเพลิงที่เหมาะสมพอที่จะหลอมมัน จึงได้แต่เก็บไว้ในแหวนเก็บสมบัติตลอดมา ในเมื่อตอนนี้เปลวเพลิงสวรรค์ยังคงอยู่กลางอากาศและดูเหมือนจะไม่มีเรื่องอื่นที่มันทำประโยชน์ได้ จึงเป็นโอกาสเหมาะสมที่สุดที่จะหลอมหม้อต้นกำเนิดทองคำ!


เจ้านี่ติดตามจางเซวียนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เพราะเขายกระดับวรยุทธของตัวเองอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าไม่นานมันก็ไร้ประโยชน์ แต่ในเมื่อตอนนี้เขาพอมีเวลา จึงเป็นโอกาสดีที่จะยกระดับวรยุทธให้กับบริวารผู้ภักดีของเขา


ฟึ่บ!


ทันทีที่หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำสัมผัสกับเปลวเพลิงสวรรค์ โลหะล้ำค่าที่แม้แต่เปลวเพลิงปฐพีที่ร้อนแรงที่สุดก็ยังหลอมได้ยากก็เริ่มอ่อนตัวลง ในเวลาเพียงไม่ถึงสิบอึดใจ แผ่นหินขนาดใหญ่นั้นก็กลายเป็นโลหะหลอมละลายที่มีลักษณะยืดหยุ่น


“หม้อต้นกำเนิดทองคำ ออกมาซิ!” จางเซวียนสะบัดข้อมือ


ฟึ่บ!


หม้อต้นกำเนิดทองคำปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ทันทีที่โผล่ออกมา ก็กู่ก้องร้องตะโกนด้วยความยินดีปรีดา “นายท่าน คุณคิดถึงผมจริงๆใช่ไหม? มีใครรังแกคุณอีกหรือเปล่า? บอกมาเลยว่าเขาเป็นใคร ผมจะจัดการมันให้…”


แต่ยังไม่ทันจะร้องจบ หม้อต้นกำเนิดทองคำก็พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเห็นเปลวเพลิงสีดำโอบล้อมตัวมัน มันก็ร้องลั่นด้วยความพรั่นพรึง “นะ-นายท่าน นั่นมันอะไร? ทำไมร้อนขนาดนี้? นายท่าน, ผมทำอะไรให้คุณขุ่นเคืองใจหรือ คุณถึงอยากจะทำให้ผมละลาย? ได้โปรด อย่าเพิ่งสังหารผมนะ ถ้าคุณอยากได้ผมจริงๆล่ะก็ ผมมอบครั้งแรกของผมให้คุณก็ได้!”


“….” จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด


“หุบปาก! ฉันกำลังพยายามจะยกระดับวรยุทธให้แก ถ้าแกพล่ามเหลวไหลอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะโยนแกใส่เปลวเพลิงสีดำนั่น แล้วเผาแกให้ตายเสียเลย!”


“อ่าาา…ขอรับนายท่าน!” เมื่อได้ยินว่านายท่านของมันตั้งใจจะยกระดับวรยุทธให้ หม้อต้นกำเนิดทองคำถอนหายใจอย่างโล่งอก


ขณะที่มันกำลังจะอ้าปากพูดอีก ความร้อนแผดเผาอย่างรุนแรงจากเปลวเพลิงสีดำก็พวยพุ่งเข้ามาจากโดยรอบ ภายใต้ความร้อนแสนสาหัสนั้น ร่างของมันเริ่มบิดเบี้ยวและสูญเสียความแข็งแกร่งของโครงสร้างเดิมไป มันเริ่มจะหลอมละลาย


จางเซวียนโบกมือ แล้วหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำที่หลอมละลายก็ลอยมา เขาประสานมันเข้ากับหม้อต้นกำเนิดทองคำ


“ไม่ได้การละ แบบนี้ไม่ถูกต้องแล้ว…หม้อต้นกำเนิดทองคำมีระดับขั้นสูงเกินไป เทคนิคการตีเหล็กที่เราเคยเรียนมาไม่สามารถใช้กับมันได้ เราจะต้องประสานหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำมากขนาดไหนถึงจะเพิ่มความแข็งแกร่งสูงสุดให้กับหม้อต้นกำเนิดทองคำได้ล่ะนี่?” จางเซวียนตัวแข็งไปทันทีขณะที่เกิดคำถามขึ้นในหัว


ความรู้ความเข้าใจเรื่องการตีเหล็กของเขาเทียบเท่าเพียงแค่กับช่างตีเหล็กระดับ 8 ดาว และเห็นได้ชัดว่าความรู้ที่เขามีตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะจัดการกับกระบวนการหลอมหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำได้อย่างเหมาะสม


สินแร่หลากหลายชนิดจะต้องถูกผสมกันในสัดส่วนที่ถูกต้องเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับโลหะที่ถูกหลอมออกมา ยิ่งโลหะที่ได้รับการหลอมมีสัดส่วนขององค์ประกอบที่ถูกต้องแม่นยำมากเท่าไหร่ มันก็จะทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น


จางเซวียนไม่เคยใช้หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำมาก่อน เพราะมันหายากเกินไป เขาเคยได้ยินแต่ชื่อของมันเท่านั้น จึงไม่มีทางจะรู้ได้ว่าสัดส่วนเท่าไหร่ที่ควรจะนำมันหลอมรวมเข้ากับโลหะชนิดอื่นเพื่อให้ได้โลหะผสมที่สมบูรณ์แบบที่สุด


“เราหุนหันพลันแล่นเกินไปเสียแล้ว…” จางเซวียนอ้าปากค้างด้วยความกระอักกระอ่วน


ถ้าสัดส่วนของโลหะที่ถูกผสมนั้นผิดพลาด ต่อให้เขาจะใช้กระบวนการหลอมที่ดีวิเศษสักแค่ไหน ของล้ำค่าที่ได้ออกมาก็จะไม่ทรงพลังมากนัก


เขามัวแต่คิดว่าจะใช้ประโยชน์จากเปลวเพลิงสีดำให้เต็มที่โดยการนำมันมาหลอมหม้อต้นกำเนิดทองคำอีกครั้ง จนลืมคิดเรื่องอื่นๆให้ถี่ถ้วน แต่ในเมื่อตอนนี้เขาได้ประสานหม้อต้นกำเนิดทองคำเข้ากับหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำแล้ว ก็สายเกินกว่าที่จะหันหลังกลับ


“ช่างมันเถอะ! หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำเป็นโลหะที่ทรงพลังมาก แล้ววัตถุที่ใช้หลอมเป็นหม้อต้นกำเนิดทองคำก็ธรรมดาสามัญเกินไป การนำมันเข้าไปแทนที่จึงถือว่าเหมาะสมแล้ว…” จางเซวียนพยายามมองโลกในแง่ดี เขาโยนความวิตกกังวลต่างๆทิ้งไป


แม้สัดส่วนจะผิดพลาด แต่ของล้ำค่าที่ได้รับการประสานหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดเข้าไปนั้น ผลลัพธ์ที่ได้คงไม่มีทางอ่อนด้อย ในเมื่อเขาทำผิดพลาดไปแล้ว ก็ควรจะเพิ่มมันเข้าไปอีก บางทีอาจจะแก้ไขความผิดพลาดก่อนหน้านี้ได้!


ซรืดดดดดด!


หม้อต้นกำเนิดทองคำถูกหลอมรวมเข้ากับแผ่นหินรูปกลมที่มีความกว้าง 3 เมตร ตอนนี้มันกลายเป็นก้อนโลหะก้อนหนึ่ง


ฟึ่บ!


และในเวลานั้น หมู่เมฆดำก็ดูเหมือนจะหมดพลัง ในชั่วพริบตา เปลวเพลิงสีดำก็ค่อยๆหายไป


“เวรแล้ว เปลวเพลิงสีดำสลายตัวเร็วเกินไป เรายังไม่ได้เริ่มหลอมมันเลย” จางเซวียนอ้าปากค้างด้วยความพรั่นพรึง


เขาตั้งใจจะยกระดับวรยุทธให้หม้อต้นกำเนิดทองคำ ไม่ใช่เปลี่ยนรูปร่างของมัน หากเปลวเพลิงสีดำพร้อมใจกันสลายตัวไปแบบนี้ โลหะที่ถูกผสมก็จะแข็งตัว ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขึ้นรูปมันให้กลับไปเป็นรูปหม้อเหมือนเดิม!


จางเซวียนรีบสะบัดข้อมือและนำค้อนอันหนึ่งออกมา เขารี่เข้าใส่ก้อนโลหะนั้นและเริ่มตีมันด้วยเรี่ยวแรงอันทรงพลัง


เสียงตีเหล็กดังก้องไปทั่ว


…..


ด้านนอกศาลเจ้าขงจื๊อ…


เหรินชิงหยวนกับคนอื่นๆกำลังเงยหน้ามองหมู่เมฆดำด้วยความกังวล


“ต่อให้ตัวผมก็ต้องหนีหากเผชิญหน้ากับเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด แล้วปรมาจารย์จางเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธได้ไม่นานนี้เอง เขาจะเอาชีวิตรอดจากการทดสอบวรยุทธได้จริงๆหรือ?”


“ผมก็ไม่รู้ แต่…เขามีความสามารถในการควบคุมการทดสอบสายฟ้านี่ บางทีเขาอาจจะทำแบบเดียวกันกับการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ก็ได้”


“พื้นฐานของการทดสอบสายฟ้ากับการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์นั้นต่างกันนะ ดูนั่นสิ! เขากำลังพุ่งขึ้นสู่ใจกลางหมู่เมฆแล้ว!”


เห็นจางเซวียนพุ่งขึ้นสู่ใจกลางหมู่เมฆ ฝูงชนพากันรู้สึกไม่สบายใจ ความกังวลของพวกเขาหนักหน่วงกว่าเดิม


“เขาอาจต้านทานพลังสายฟ้าที่อยู่ในหมู่เมฆของการทดสอบสายฟ้าได้ แต่เมฆดำเหล่านี้มีพลังแผดเผารุนแรง เขาจะเอาชีวิตรอดจากความร้อนแผดเผาขนาดนั้นได้หรือ?”


“ทำแบบนี้หุนหันพลันแล่นไปหรือเปล่า? พวกเราก็ได้แต่ภาวนาขอให้เขามีแผนการในใจแล้ว…”


ขณะที่เหล่าปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวยังคงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน หมู่เมฆดำก็ส่งสัญญาณของการเริ่มสลายตัว


“ฮะ? การทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์กำลังจะสลายตัวแล้ว…”


“เร็วขนาดนี้เลยหรือ? คงไม่ได้เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นกับเขาหรอกนะ หรือไง?”


ฝูงชนรีบเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า หวังจะได้เห็นอัจฉริยะในตำนานผู้สามารถทำสิ่งเหลือเชื่อและเอาชีวิตรอดจากเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดที่มีอานุภาพทำลายล้างได้ แต่ลงท้าย ก็กลับได้เห็นสิ่งที่คาดไม่ถึง


ท่ามกลางหมู่เมฆดำนั้น พวกเขาเห็นร่างหนึ่งถือค้อนไว้ในมือ ร่างนั้นตั้งต้นตีก้อนโลหะที่ลอยอยู่ตรงหน้า


เสียงตีนั้นเป็นจังหวะ จัดว่าไพเราะเสนาะหูเลยทีเดียว


“ขะ-เขากำลังหลอมอาวุธหรือ?”


สิ้นคำถามนั้น ความเงียบงันก็เข้าครอบคลุมเหล่าปรมาจารย์ทุกคน

 

 

 


ตอนที่ 1667

 

วิหารแห่งขงจื๊อปรากฏ

นักรบทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์เป็นการทดสอบวรยุทธที่อันตรายมาก มีนักรบผู้เก่งกาจนับไม่ถ้วนที่เสียชีวิตเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพละกำลังทำลายล้างของมัน


แม้แต่ในสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ซึ่งเป็นที่รวมตัวกันของเหล่าอัจฉริยะชั้นยอดในทวีปแห่งปรมาจารย์ เหล่าปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวก็ยังต้องใช้เวลานับตั้งแต่หลายสิบปีไปจนถึงร้อยปีเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ที่มีอานุภาพแผดเผารุนแรงนี้


เมื่อไม่นานมานี้ จางเซวียนยังเป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 9 แต่ก่อนที่ใครจะทันรู้ตัว เขาก็เรียกการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์มา แถมทุกอย่างยังเลวร้ายลงไปอีก เพราะเพราะการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ที่เขาเรียกมานั้นคือการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุดที่น่าพรั่นพรึงที่สุดในบรรดาเปลวเพลิงสวรรค์ทั้งหมด


ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนจะคาดเดาว่าเขาไม่น่าเอาชีวิตรอด มนุษย์คนหนึ่งจะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์รุนแรงระดับนี้ได้จริงๆหรือ?


แต่กลับตรงกันข้าม ไม่เพียงชายหนุ่มจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากการทดสอบ พวกเขายังพบว่าอีกฝ่ายถึงขนาดใช้ประโยชน์จากเปลวเพลิงสวรรค์เพื่อหลอมของล้ำค่าด้วย…


ให้ตายเถอะ!


เหล่าปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวที่อยู่บริเวณนั้นต่างมีสีหน้าเหมือนคนท้องผูก พวกเขาสบตากันด้วยนัยน์ตาเบิกโพลง ไม่รู้ว่าจะทำความเข้าใจสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร


พวกเขาได้คาดการณ์ความเป็นไปได้ไว้มากมายหลายประการ บางทีชายหนุ่มอาจถูกแผดเผาจนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน หรือบางทีเขาอาจจะมีชีวิตรอดมาพร้อมกับบาดแผลและความบอบช้ำสาหัส แต่ความคิดที่ว่าชายหนุ่มจะใช้ประโยชน์จากเปลวเพลิงสวรรค์เพื่อหลอมของล้ำค่านั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ไม่เคยแม้แต่สักครั้ง!


โลกนี้ผิดเพี้ยนไปแล้วหรือ?


การที่ชายหนุ่มจะควบคุมการทดสอบสายฟ้าได้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถึงกับใช้ประโยชน์จากเปลวเพลิงสวรรค์ในการหลอมของล้ำค่าได้ด้วย…ให้นรกกินหัวเถอะ มันจะมากเกินไปแล้ว!


ไอ้น้อง วงศ์ตระกูลของคุณเป็นเจ้าของสวรรค์หรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?


การทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์ควรจะเป็นการลงทัณฑ์ที่สวรรค์เล่นงานคุณ ไม่ใช่เป็นไฟแช็คให้คุณเอาเปลวเพลิงมาใช้แบบนี้!


ขณะที่สมองของทุกคนกำลังปั่นป่วนกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา จางเซวียนก็หันมามองพวกเขาและถามว่า “มีใครในหมู่พวกคุณที่มีน้ำทิพย์จิตวิญญาณเหมันต์บ้าง? ขอผมยืมสักหน่อย ผมต้องการหล่อเย็นของล้ำค่าของผม…”


“น้ำทิพย์จิตวิญญาณเหมันต์?” คำขอปุบปับนั้นทำให้เหรินชิงหยวนทำหน้าไม่ถูก แต่เขาก็รีบพยักหน้าแล้วตอบว่า “ผมมี”


เขานำขวดหยกใบหนึ่งออกมาด้วยการสะบัดข้อมือ ก่อนจะโยนมันขึ้นไปกลางอากาศ


“ขอบคุณมาก!” จางเซวียนคว้าขวดหยกไว้และรีบเปิดมันออก


ฟึ่บ!


น้ำทิพย์จิตวิญญาณเหมันต์พุ่งออกจากขวดหยกและกระจายตัวไปทั่วหม้อต้นกำเนิดทองคำ


เกิดควันสีขาวขึ้นโขมงโอบล้อมหม้อต้นกำเนิดทองคำไว้ เกิดเป็นภาพที่ดูลึกลับ


การรักษาสัดส่วนที่ถูกต้องระหว่างโลหะชนิดต่างๆที่ใช้ในการหลอมโลหะผสมนั้นจัดว่าสำคัญ แต่การหล่อเย็นก็มีบทบาทที่สำคัญกว่าในการกำหนดคุณภาพขั้นสุดท้ายของของล้ำค่าแต่ละชิ้น


น้ำทิพย์จิตวิญญาณเหมันต์เป็นของล้ำค่าขั้นสูงสุดสำหรับการหล่อเย็น ดังนั้นช่างตีเหล็กระดับ 9 ดาวส่วนใหญ่จึงมักพกติดตัว ในเมื่อมีปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวอยู่มากมายในบริเวณนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าคงจะมีใครสักคนที่มีมันอยู่


“เขากำลัง…หลอมอาวุธหรือ?”


ไม่ช้า ควันสีขาวก็ค่อยๆสลายตัวไป เผยให้เห็นของล้ำค่าหน้าตาแปลกประหลาดที่ได้รับการหลอมโดยใช้เปลวเพลิงสวรรค์ และในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก


เหรินชิงหยวนกับปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนอื่นๆรีบเงยหน้ามอง สิ่งที่เห็นทำให้พวกเขาอ้าปากค้างด้วยความพรั่นพรึงและแทบเข่าอ่อน


พวกเขาคาดว่าอาวุธที่จางเซวียนหลอมโดยใช้เปลวเพลิงสวรรค์นั้นคงจะงดงามอย่างน่าทึ่ง อย่างน้อยที่สุดก็คงจะเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เทียบชั้นได้กับอาวุธในตำนานซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในโลก


ใครบอกพวกเราได้บ้างว่าไอ้ก้อนสีดำที่อยู่ตรงนั้นมันคืออะไร?


มันดูไม่เหมือนหม้อ ไม่เหมือนอิฐ…บ้าบอคอแตก จะเรียกว่าอึก็ยังดูดีเกินไปด้วยซ้ำ! หลังจากการตีเหล็กโดยใช้เทคนิคอันน่าทึ่งต่างๆนานา นี่คือผลงานของคุณหรือ?


ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนหนึ่งส่ายหน้าอย่างไม่แน่ใจขณะตรวจสอบของล้ำค่าที่อยู่กลางอากาศอย่างถี่ถ้วน “มันน่าจะเป็นหม้อใบหนึ่ง…ใช่ไหม?”


“ดูไม่เหมือนหม้อนะ สำหรับผม มันเหมือนช้อนใส่รองเท้ามากกว่า…”


“ผมว่าคุณพูดถูก ช้อนใส่รองเท้าที่มีรูปร่างเหมือนอิฐ”


“….” จางเซวียน


“ฮ่าฮ่าฮ่า ผม, หม้อต้นกำเนิดทองคำ ได้รับการยกระดับแล้ว ขอบคุณมาก นายท่าน!” เมื่อการหล่อเย็นเสร็จสิ้น เสียงอุทานอย่างตื่นเต้นก็ดังก้องไปทั่ว แต่ไม่ช้า คิ้วขมวดมุ่นก็ปรากฏบนใบหน้าบิดเบี้ยวของหม้อต้นกำเนิดทองคำขณะที่มันตั้งคำถาม “นายท่าน ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ทำไมหัวของผมมันถึงเป็นสี่เหลี่ยมแบบนี้ มันดูจะประหลาดอยู่สักหน่อยเวลาผมเดิน…เดี๋ยวก่อนนะ แล้วขาของผมอยู่ไหน?”


“ขาอ้วนม่อต้อของแกน่ะเป็นสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบที่สุด ทำให้ความเป็นศิลปะของแกเสียไป ฉันก็เลยปรับปรุงให้แกนิดหน่อย” จางเซวียนตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ


“คุณปรับปรุงมันหรือ? แล้วเตาหลอมของผมอยู่ไหนล่ะ?” หม้อต้นกำเนิดทองคําตรวจสอบร่างกายของมันอย่างถี่ถ้วนอยู่นาน แต่ก็หาเตาหลอมไม่เจอ จึงอดตั้งคำถามไม่ได้


“มันทำให้แกดูเทอะทะ ฉันก็เลยใช้หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำมาเสริม” จางเซวียนตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามสร้างความมั่นใจ


“แล้วผมจะหลอมยาหรือของล้ำค่าได้อย่างไรล่ะถ้าไม่มีเตาหลอม?”


“เรื่องพวกนั้นมันเรื่องเล็กน่ะ แกต้องยอมทิ้งข้าวของบางอย่างไปบ้างเพื่อยกระดับตัวแกให้ดีขึ้น ไม่รู้สึกบ้างหรือว่าก้นของแกน่ะมันใหญ่ขึ้น? ฉันทำให้รูปร่างของแกออกมาแบบนี้เพื่อเสริมประสิทธิภาพการต่อสู้ ด้วยก้นใหญ่ๆนี่แหละ แกจะใช้มันเล่นงานคู่ต่อสู้ได้สบาย!”


จางเซวียนพูดอย่างจริงจัง “บอกตามตรงนะ ฉันว่าแกดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ…”


“ผมน่ะหรือ? ฮ่าฮ่า ผมว่าผมก็ตั้งคำถามในสิ่งที่รู้กันอยู่แล้ว ใครจะมาดูดีกว่าผมซึ่งเป็นหม้อต้นกำเนิดทองคำได้อีกล่ะ? ต่อไปผมคงดึงดูดหม้อสาวๆได้มากมายทีเดียวแหละ” หม้อต้นกำเนิดทองคำหัวเราะร่าด้วยความพอใจ


“….” เหรินชิงหยวน


“….” เหล่าปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว


เจ้านายกับลูกน้องคู่นี้ออกจะมีแนวคิดเรื่องความสวยความงามที่แปลกประหลาดไปหน่อยไหม?


ใครก็ตามที่ตายังไม่บอดก็บอกได้ทั้งนั้นว่ามันหน้าตาไม่เหมือนหม้อเลย นี่หลอกตัวเองแล้วมีความสุขหรือไง?


อ้อ ลืมไป! เหล่าอัจฉริยะมักมีความแปลกประหลาดในแบบของตัวเอง ทำตามที่พวกคุณสบายใจก็แล้วกัน!


จางเซวียนไม่ใส่ใจฝูงชนด้านล่างที่กำลังตาค้าง เขาตรวจสอบหม้อต้นกำเนิดทองคำที่อยู่ตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน


เพราะเขาประสานหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทองคำมากเกินไป มันจึงดูไม่ต่างอะไรกับก้อนโลหะเละๆก้อนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น ประสิทธิภาพการต่อสู้ของมันก็ไม่อาจประมาทได้ แม้จะหน้าตาไม่งดงามก็เถอะ


อาจเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับใครก็ตามที่มองมันเพียงแค่ภายนอก แต่หม้อต้นกำเนิดทองคำในเวลานี้จัดเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่


น้ำหนักของมันหนักอึ้งอย่างน่าสะพรึง จนถึงขั้นที่แม้แต่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานขั้นต้นก็อาจเละเป็นเนื้อบดได้หากถูกหม้อต้นกำเนิดทองคำทุ่มตัวใส่


“เอาล่ะ แกควรจะพยายามทำความคุ้นเคยกับพละกำลังใหม่ของแกและยกระดับวรยุทธให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ” จางเซวียนสั่งการ


เขานำหม้อต้นกำเนิดทองคำที่มีสีหน้าพออกพอใจใส่กลับเข้าไปในรังนางพญามด จากนั้นก็เริ่มสำรวจความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตัวเองโดยใช้การรับรู้จิตวิญญาณ


หลังจากที่ผ่านการบ่มเพาะจากเปลวเพลิงสวรรค์ขั้นสูงสุด ไม่เพียงแต่ระดับวรยุทธของจางเซวียนจะกลายเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 1-การพักฟื้นภายใน แต่สิ่งปนเปื้อนทั้งหมดในร่างกายของเขาก็ถูกชำระไปจนหมดสิ้นด้วย ทุกเซลล์มีพลังชีวิตเต็มเปี่ยมราวกับเด็กเกิดใหม่


“นี่คือ…การพักฟื้นภายใน โลกจารึก?” จางเซวียนตาโตด้วยความยินดีปรีดา


โดยปกติ จะต้องใช้เวลาหลายปีสำหรับนักรบการพักฟื้นภายในขั้นต้นคนหนึ่งที่จะขัดเกลาร่างกายและยกระดับวรยุทธ แต่ด้วยการบ่มเพาะจากเปลวเพลิงสวรรค์ ระดับวรยุทธของจางเซวียนพุ่งพรวดขึ้นไปจนถึงขั้นโลกจารึก


ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งกายเนื้อและพลังปราณของเขาก็เริ่มเปล่งประกายสีทองด้วย


เท่าที่เห็น เขาคงใช้เวลาขัดเกลาวรยุทธอีกไม่นาน ก็พร้อมที่จะฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นร่างอันทรงเกียรติแล้ว!


“ด้วยระดับวรยุทธของพลังปราณและจิตวิญญาณที่เรามีอยู่ในตอนนี้ ประกอบกับหม้อต้นกำเนิดทองคำและหอกสวรรค์กระดูกมังกร เราสามารถรับมือได้แม้แต่กับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนักรบขั้นกัลปาวสานขั้นสูงสุด” จางเซวียนกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น


สำหรับวรยุทธขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ จะมีช่องว่างที่ห่างกันมากระหว่างวรยุทธแต่ละขั้นย่อย ทำให้การยกระดับวรยุทธแต่ละขั้นนั้นทั้งสิ้นเปลืองเวลาและเป็นไปด้วยความยากลำบาก


แต่ภายในเวลาเพียง 1 วัน ไม่เพียงแต่จางเซวียนจะยกระดับจิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขาไปถึงขั้นร่างอันทรงเกียรติ โลกจารึกได้ ยังผลักดันวรยุทธของพลังปราณไปสู่ขั้นการพักฟื้นภายใน โลกจารึกได้อีกด้วย…ต่อให้ไม่พึ่งพาพละกำลังจากของล้ำค่าที่เขามีอยู่ เขาก็มั่นใจว่าตอนนี้จะสามารถเอาชนะเซียนดาบชิงเหมิงได้สบาย!


วันนี้ไม่ใช่วันที่อะไรๆเป็นไปได้โดยง่ายเลย แต่ความพยายามของเขาก็ส่งผล


ก่อนหน้านี้ หากเขาต้องเผชิญหน้ากับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสาน ก็มีแต่จะหมดหนทางหากปราศจากหยดเลือดของปรมาจารย์ขง ทางเดียวที่ทำได้คือต้องหลบหนี แต่ด้วยพละกำลังที่มีอยู่ในตอนนี้ เขาสามารถต่อสู้กับคนเหล่านั้นได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ


“แต่เราก็ยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะคุ้นชินกับพละกำลังใหม่ และปลดปล่อยมันออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”


เพราะเขาไม่ได้ยกระดับวรยุทธของพลังปราณและวรยุทธของจิตวิญญาณในคราวเดียวกัน จึงยังมีความไม่สมบูรณ์แบบปรากฏอยู่ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ภายในเวลาเพียง 2-3 วัน จางเซวียนก็จะสามารถผสานวรยุทธทั้งสองรูปแบบให้กลมกลืนกันและเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาได้


หลังจากแน่ใจในการเปลี่ยนแปลงของร่างกายแล้ว จางเซวียนก็ร่อนลงสู่พื้น


เขาอยู่ในศาลเจ้าขงจื๊อตอนที่เรียกการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์มา แต่ก็ได้กลืนกินลูกไฟสีดำที่พุ่งเข้าใส่โลกเอาไว้ทั้งหมด ดังนั้น ตึกรามบ้านช่องที่อยู่โดยรอบจึงไม่ได้รับความเสียหายจากการทดสอบวรยุทธของเขา


หลังจากที่จางเซวียนร่อนลงสู่พื้นได้ไม่นาน หลัวลั่วชิงก็เดินออกมาจากศาลเจ้าขงจื๊อ


“ประธานเหริน ผมขอขอบคุณมาก…” จางเซวียนเดินเข้าไปประสานมือให้เหรินชิงหยวน


เขากำลังขอบคุณเหรินชิงหยวนที่อนุญาตให้เข้าสู่ศาลเจ้าขงจื๊อ ก็พอดีกับที่พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมาอย่างปุบปับ


จากนั้น แสงอาทิตย์ก็ส่องสว่างเจิดจ้าไปทั่ว ทำให้แทบมองอะไรไม่เห็น


ภายในแสงอาทิตย์เจิดจ้านั้น ทุกคนเห็นศาลเจ้าขนาดใหญ่หลังหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง ดูเหมือนพระราชวังที่อยู่กลางอากาศ


“วิหารแห่งขงจื๊อ…” เหรินชิงหยวนพึมพำพร้อมกับหรี่ตา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)