คัมภีร์วิถีเซียน 1663-1664

ตอนที่ 1663 แลกเปลี่ยน

 

“อ้อ สหายเอ่ยให้ละเอียดได้หรือไม่” หานลี่มองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเคารพและรอบคอบแวบหนึ่ง และแฝงไว้ด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย 


 


 


“แน่นอนว่าได้ จะว่าไปแล้วชนรุ่นหลังของผู้แซ่สวี่ก็มีไม่มากนัก เสียงเอ๋อร์คือชนรุ่นหลังที่ข้าเลี้ยงดูมากับมือเพียงคนเดียว ไม่ใช่ว่าผู้แซ่สวี่พูดเกินไป คุณสมบัติชนรุ่นหลังของข้าผู้นี้ แม้ว่าในเผ่าเมฆาก็ยังเรียกว่าเหนือชั้น ไม่ถึงร้อยปีก็บรรลุระดับเผ่าเบื้องบนได้” สายตาที่ผู้แซ่สวี่มองชายหนุ่ม ก็เผยสีหน้ารักใคร่เอ็นดูออกมา เห็นได้ชัดว่าให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก 


 


 


“คำพูดของท่านปู่เกินจริงไปแล้ว คุณสมบัติของเสียงเอ๋อร์แค่ธรรมดาๆ ไม่น่าอวดอ้างอันใด” ชายหนุ่มกลับโบกมือเป็นพัลวัน ดูเหมือนว่าจะขัดเขินเป็นพิเศษ 


 


 


“ฮ่าๆ สิบกว่าปีเจ้าก็ฝึกฝนจนมาอยู่ในระดับนี้ คุณสมบัติดีกว่าข้าในตอนนั้นมาก เหตุใดต้องถ่อมตัวด้วย” ตัวประหลาดเฒ่าแซ่สวี่เอ่ยพร้อมกับหัวเราะยกใหญ่ 


 


 


“จากคำพูดของสหายสวี่ หลานสวี่มีคุณสมบัติที่น่าตกตะลึงจริงๆ” หานลี่เองก็พยักหน้าพร้อมยิ้มน้อยๆ 


 


 


ชายหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีระเรื่อไม่ได้เอ่ยอันใดอีก 


 


 


“ตามหลักการแล้ว หลังจากที่ชนรุ่นหลังผู้นี้บรรลุแล้วน่าจะอยู่เหนือชั้นกว่าข้า แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของเขามีข้อบกพร่อง ทำให้ไม่อาจคาดเดาอันใดได้” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เก็บสีหน้าพึงพอใจ น้ำเสียงเคร่งขรึมไปเล็กน้อย 


 


 


หานลี่แววตาเปล่งประกายไม่ได้เอ่ยอันใดอีก รู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องอธิบายให้ฟังเอง  


 


 


ดังคาดน้ำเสียงของตัวประหลาดเฒ่าหยุดชะงัก จากนั้นพลันเอ่ยอีกว่า  


 


 


“แม้ว่าเขาจะมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม แต่กลับเกิดปัญหาที่อสูรเมฆาประจำกาย อสูรเมฆาประจำกายที่ควรจะฝึกฝนจนออกมาได้แล้วกลับติดอยู่ในขั้นสุดท้าย ไม่อาจหลอมออกมาได้ และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา แน่นอนว่าอสูรเมฆาประจำกายยิ่งฝึกฝนต้องยิ่งดีขึ้น มิเช่นนั้นก็จะมีข้อบกพร่องในการพัฒนาระดับขั้นและพละกำลังในอนาคต ครั้งนี้ที่ตาเฒ่ามาหาสหายหานก็อยากถามถึงเรื่องปราณแท้ฟ้าดิน เจตนาก็เพื่อสิ่งนี้”  


 


 


“คำนี้หมายความว่าอย่างไร?” หานลี่ชักสีหน้า ราวกับว่าไม่ค่อยเข้าใจนัก 


 


 


“เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน แต่พูดง่ายๆ ก็คือ ตาเฒ่าไปพบโดยบังเอิญยามที่รวบรวมพลังปราณฟ้าดินจากปรากฏการณ์สวรรค์ครั้งที่แล้ว คาดไม่ถึงว่าจะช่วยให้อสูรเมฆาประจำกายของชนรุ่นหลังของข้าหลอมรวมได้ แต่ปราณแท้ที่รวบรวมมาครั้งที่แล้วกว่าครึ่งถูกข้าใช้ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ที่เหลือก็ไม่พอใช้ ดังนั้นตาเฒ่าจึงมาขอร้องสหาย” ในที่สุดตัวประหลาดเฒ่าสวี่ก็เผยจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ออกมา 


 


 


“หากพลังปราณฟ้าดินมีประโยชน์ต่อหลาน จากอิทธิฤทธิ์ของสหาย การรวบรวมมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ยากเย็นอันใด เหตุใดต้องมาหาผู้แซ่หาน” หานลี่ตอบกลับอย่างราบเรียบ 


 


 


“ข้าเคยลองแล้วสองสามครั้ง พลังปราณฟ้าดินธรรมดาๆ ไม่มีประโยชน์ต่ออสูรเมฆาประจำกายของชนรุ่นหลังของข้า ดูแล้วปรากฏการณ์สวรรค์ที่สหายก่อขึ้นครั้งที่แล้วคงจะมีลักษณะพิเศษ ในนั้นคงมีสิ่งอื่นที่ไม่อาจพบเห็นได้ผสมอยู่ และเจ้าสิ่งนี้ที่ช่วยเสียงเอ๋อร์ได้” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เองก็มีท่าทีกลัดกลุ้มเล็กน้อย 


 


 


“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง” หานลี่เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา 


 


 


เขารู้ดี สิ่งที่เรียกว่าปรากฏการณ์สวรรค์ในตอนแรก ความจริงแล้วคือสิ่งที่แผ่ออกมาจากเม็ดผลึกต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้ ไม่แตกต่างอันใดกับพลังปราณฟ้าดินทั่วไปก็แปลกแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าสิ่งนี้จะมีประโยชน์กับอสูรเมฆาประจำกาย นี่จึงทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึง 


 


 


“ผู้แซ่สวี่มาหาครั้งนี้ หวังว่าสหายจะรวบรวมพลังปราณฟ้าดินที่เหมือนกับครั้งที่แล้วได้อีกครั้ง ผู้แซ่สวี่จะตอบแทนอย่างหนัก” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เอ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยการรอคอย 


 


 


“ไม่ใช่ว่าข้าน้อยไม่อยากช่วย แต่เรื่องนี้มันยากจริงๆ” มุมปากของหานลี่ขยับเล็กน้อย เอ่ยอย่างลังเล 


 


 


ต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้นั้นหายากขนาดไหน ต่อให้เขาไม่อาจหลอมได้ แต่ก็ยังคงมีประโยชน์กับยาลูกกลอนพัฒนาระดับขั้นของอสูรวิญญาณครวญ เขาจะให้เอาออกมาดูดซับง่ายๆ อีกครั้งได้อย่างไร 


 


 


แม้ว่าเม็ดผลึกกิเลนเที่ยงแท้ในร่างของอสูรวิญญาณครวญจะมีไม่น้อย แต่สุดท้ายอาจจะขาดสักเม็ดสองเม็ด และไม่อาจทำให้มันพัฒนาระดับพลังยุทธ์ให้สูงขึ้นได้พอดี 


 


 


แน่นอนว่าหานลี่ย่อมไม่ยอมให้อสูรวิญญาณของตนเองยอมพลีชีพเพื่อชนต่างเผ่าที่รู้จักกันครั้งแรกแน่ 


 


 


“อันใด สหายหานมีอันใดที่พูดมิได้หรือ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของชนรุ่นหลังข้า ขอแค่สหายยอมช่วย ศิลาวิญญาณมากแค่ไหนก็คุยกันได้” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่รู้สึกจิตใจหนักอึ้ง แต่ปากกลับให้คำมั่นอย่างไม่ต้องขบคิด 


 


 


“นี่ไม่ใช่เรื่องที่ศิลาวิญญาณจะแก้ไขได้ ไม่ปิดบังสหาย ปรากฏการณ์สวรรค์ครั้งที่แล้วไม่ใช่เคล็ดวิชาลับของข้าน้อยหรือวรยุทธ์ใดๆ ที่สามารถปล่อยออกมาได้ แต่เพราะทำสมบัติเสียหายไป ถึงได้ปรากฏขึ้น ส่วนสมบัตินั้นคือสมบัติอันใด ข้าน้อยก็ไม่สะดวกที่จะพูด แต่ปรากฏการณ์สวรรค์ที่ทำให้สูญเสียสมบัติอาคมไป คิดดูแล้วพี่สวี่คงจะรู้ดีสินะ และยิ่งไปกว่านั้นในมือของข้าน้อยก็มีหร็อมแหร็ม” หานลี่ครุ่นคิดอยู่นาน ถึงได้เอ่ยอย่างลำบากใจออกมา 


 


 


“สูญเสียสมบัติอาคมไป” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ได้ยินพลันหน้าเปลี่ยนสี  


 


 


“ใช่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสิ่งนี้ก็สำคัญกับข้าน้อยมาก มีประโยชน์ด้านอื่นมาก ต่อให้มีศิลาวิญญาณมากมายขนาดไหน ข้าน้อยก็ไม่ยอมเสียไปแน่” หานลี่อธิบายด้วยสีหน้าขอโทษขอโพย 


 


 


“หากเสียสมบัติอาคมไปจริงๆ เปลี่ยนเป็นข้าน้อยก็ไม่มีทางยอมแลกกับศิลาวิญญาณใดๆ ง่ายๆ แน่ แต่จะว่าไปแล้วไม่ว่าสมบัติจะล้ำค่าระดับใดก็ต้องมีมูลค่าของมัน ผู้แซ่สวี่มิได้ชาญฉลาด แต่ก็มั่นใจว่ามีเงินทองอยู่บ้าน ล้วนสามารถใช้สมบัติระดับเดียวกันแลกเปลี่ยนกับสหายหานได้” เห็นได้ชัดว่าก่อนมาตัวประหลาดเฒ่าได้หาข้ออ้างเอาไว้แล้ว จึงไม่มีเจตนาจะปล่อยไปเลยสักนิด 


 


 


“แลกเปลี่ยน!” หานลี่ได้ฟังพลันชักสีหน้า ดูเหมือนว่าจะใจเต้นขึ้นสองสามส่วน 


 


 


เมื่อเห็นสีหน้าของหานลี่ ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาจะไม่แลกเปลี่ยนจริงๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกดีใจ สะบัดแขนเสื้อไปบนโต๊ะด้านหน้าโดยไม่ปริปาก 


 


 


ม่านลำแสงสีแดงม้วนออกมา บนโต๊ะมีกล่องหยกขนาดน้อยใหญ่เจ็ดแปดกล่องปรากฏออกมา 


 


 


“ของเหล่านี้ล้วนเป็นของล้ำค่าที่ผู้แซ่สวี่สะสมมาหลายปี สองชิ้นในนั้นแม้กระทั่งเกือบเอาชีวิตของผู้แซ่สวี่ไป สหายหานลองดูเถิด ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นใด ก็เอาไปได้ทั้งหมด และยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ก็ถือว่าข้าน้อยได้รับความกรุณาจากสหายไม่น้อย” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เอ่ยสัญญาอย่างอารมณ์ดี 


 


 


หานลี่ได้ยินพลันฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยน หลังจากกวาดสายตาไปบนกล่องหยกบนโต๊ะ ความคิดก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว 


 


 


ตัวประหลาดเฒ่าสวี่อยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นสุดยอดแล้ว ประกอบกับเป็นชาวเผ่าเมฆา เดิมก็มีอิทธิฤทธิ์ไม่น้อย เอาของล้ำค่าออกมา คิดดูคงไม่ด้อยกว่ากันเท่าใดนัก 


 


 


แต่เขาเองก็มีสมบัติล้ำค่าอยู่กับตัว แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ก็ยังไม่กล้าคิดฝันถึงสมบัติสวรรค์ทมิฬตั้งสองชิ้น ในใจจึงไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องหยกเหล่านี้จะทำให้เขาอยากแลกได้ 


 


 


ถึงอย่างไรเสียหากไม่มีสิ่งที่ตนต้องการ เขาก็ไม่มีทางตอบรับง่ายๆ 


 


 


หานลี่ครุ่นคิดเช่นนั้น แต่ปากกลับเอ่ยอย่างไม่ชัดเจนพร้อมรอยยิ้ม 


 


 


“ในเมื่อสหายสวี่กล่าวเช่นนี้ เช่นนั้นผู้แซ่หานก็ขอเปิดหูเปิดตากับของสะสมของสหายก่อนแล้วกัน” 


 


 


ปากเอ่ยเช่นนั้น มือข้างหนึ่งพลันตะปบไปกลางอากาศฝั่งตรงข้าม 


 


 


ชั่วขณะนั้นกล่องหยกสีแดงเพลิงบนโต๊ะพลันพลิ้วไหว เปล่งเสียง “สวบ” ออกมาในทันที ถูกหานลี่ดูดเข้ามาอยู่ในมือ 


 


 


สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายร้อนฉ่าที่แผ่ออกมาจากกล่องหยก หานลี่เลิกคิ้วขึ้น มิกล้าดูแคลนลำแสงสีเขียวในมือเปล่งแสงสว่างวาบ ถูกลำแสงวิญญาณชั้นหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้ ในเวลาเดียวกันนิ้วมืออีกนิ้วก็ดีดไปทางกล่องหยก  


 


 


เสียงแผ่วเบาดังขึ้น ฝากล่องเปิดออกโดยอัตโนมัติ 


 


 


จากนั้นกลิ่นอายร้อนฉ่าก็ทะลักออกมาจากด้านใน ทั้งห้องโถงอุณหภูมิสูงขึ้น 


 


 


รูม่านตาของหานลี่มีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นก็มองเห็นของในกล่องอย่างชัดเจน 


 


 


เป็นไข่อสูรสีขาวใบหนึ่ง ทว่ามีขนาดเท่าไข่ไก่ แต่ผิวของมันกับมีลวดลายสีแดง แผ่ลำแสงสีแดงที่น่าตกตะลึงออกมา และค่อยๆ ขยายตัวและหดตัวลงไม่หยุด  


 


 


“นี่คือ?” หานลี่มีสีหน้าตกตะลึง อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้  


 


 


แม้ว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของไข่ใบนี้ที่ไม่อ่อนแอ แต่แน่นอนว่าย่อมไม่อาจแยกแยะได้ว่ามันอยู่ในประเภทไหน ถึงได้เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ 


 


 


“สหายหานช่างตาแหลมเสียจริง จับอันแรกก็จับไข่วิญญาณที่มีอยู่อย่างเดียวในเหล่าสมบัติเหล่านี้แล้ว นี่คือไข่แมลงใบหนึ่งที่ข้าบุกเข้าในส่วนลึกใต้ดิน และสังหารผีเสื้อเปลวไฟโหดเ**้ยมที่หายากตัวหนึ่งจนได้มันมา ผีเสื้อเปลวเพลิงตัวนี้มีอิทธิฤทธิ์ไม่ด้อยกว่าธาตุไฟของข้า ข้าเสียเวลาไปหนึ่งปีเต็ม วางกับดักอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็สังหารปีศาจอสูรตัวนี้ได้ เชื่อว่าหลังจากที่ไข่ใบนี้ฟักตัวออกมาและดูแลเป็นอย่างดี มันจะกลายเป็นอสูรวิญญาณที่ยอดเยี่ยมที่สุด หากไม่ใช่เพราะข้าเองก็มีอสูรปราณประจำกายอยู่แล้ว ไม่อาจแบ่งความสนใจไปหาอสูรวิญญาณตัวอื่นได้ ไม่แน่ว่าก็อาจจะฟักไข่ใบนี้ไปตั้งนานแล้ว” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ยิ้มจนตาหยีขณะเอ่ย 


 


 


“มีอิทธิฤทธิ์เทียบเท่ากับสหายสวี่ ระดับของผีเสื้อเปลวเพลิงตัวนี้ คงทำให้ผู้คนที่ได้ยินตกตะลึง น่าเสียดายข้าเองก็มีอสูรวิญญาณอื่นแล้ว มิเช่นนั้นคงต้องน้ำลายไหล” หานลี่เลื่อนสายตาออกมาจากไข่แมลง แล้วส่งเสียงจุ๊ๆ เอ่ยชม 


 


 


ตัวประหลาดเฒ่าสวี่พลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็ฉีกยิ้มแล้วเอ่ยว่า 


 


 


“นี่เป็นเพราะข้าขบคิดไม่รอบคอบ จากพลังยุทธ์ของพี่หานในยามนี้ จะไม่มีอสูรวิญญาณที่บ่มเพาะมาหลายปีได้อย่างไร ไม่เป็นไร สหายดูสมบัติอื่นต่อเถิด” 


 


 


หานลี่พยักหน้า ปิดฝากล่องหยกในมือ และโยนออกไปอีกครั้งเบาๆ 


 


 


ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพลันบินออกมาจากแขนเสื้อของหานลี่ ม้วนกล่องหยกเอาไว้ แล้วรองมันกลับมาบนโต๊ะฝั่งตรงข้าม แต่จากนั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ม้วนกล่องหยกอีกกล่องด้านข้างเข้ามาส่งให้หานลี่ 


 


 


หานลี่ยกมือขึ้น คว้ากล่องหยกอันใหม่เข้ามาอยู่ในมือ… 


 


 


เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา หานลี่ก็หยิบกล่องหยกของตัวประหลาดเฒ่าสวี่ออกมาแปดเก้าส่วนแล้ว  


 


 


กล่องหยกที่เหลือล้วนบรรจุวัตถุดิบหายากเอาไว้ และมีหนึ่งถึงสองชิ้นที่เป็นสมบัติที่มีอานุภาพไม่ธรรมดา แม้กระทั่งยังมีขวดยาลูกกลอนที่มีผลในการเพิ่มพลังยุทธ์ของระดับหลอมสุญตา 


 


 


ของเหล่านี้ไม่อาจเรียกว่าไม่ใช่ของล้ำค่าเลยสักชิ้นได้ แม้กระทั่งมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ด้อยไปกว่าสิ่งที่เอาออกมาประมูลในงานประมูลสี่เผ่า  


 


 


แต่น่าเสียดายตั้งแต่ต้นจนจบหานลี่ไม่ถูกใจเลยสักชิ้น ตั้งแต่ต้นจนจบแค่ฉีกยิ้มไม่พูดไม่จา 


 


 


เมื่อเขาชมของที่อยู่ในกล่องหยกกล่องสุดท้ายเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีกพลางยกมือขึ้นส่งกลับไป ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามพลันมีสีหน้าดูไม่ได้ 


 


 


“อันใด ของเหล่านี้ไม่เข้าตาสหายเลยสักชิ้นหรือ?” ในที่สุดตัวประหลาดเฒ่าสวี่ก็อดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น 


 


 


“ความจริงแล้วของพวกนี้ของสหายสวี่ล้วนเป็นของล้ำค่า โดยเฉพาะไข่ของผีเสื้อเปลวเพลิงตัวนั้น หากขายให้กับสหายที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาธาตุไฟ เกรงว่าเขาคงยอมจ่ายแน่ ต่อให้เอาไปประมูล เชื่อว่าราคาต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ของเหล่านี้สำหรับข้าน้อยแล้ว…” หานลี่เองก็เผยท่าทีจนใจออกมา และสั่นศีรษะขณะเอ่ยอย่างไม่จบประโยค 

 

 

 


ตอนที่ 1664 จิตของทองคำเพลิง

 

แม้ว่าหานลี่จะไม่ได้เอ่ยคำพูดทั้งหมด แต่ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ก็เข้าใจความหมายของเขาจึงอดที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยขึ้นมาไม่ได้แล้วเอ่ยถามว่า


 


 


“สหายต้องการสมบัติชนิดใดถึงต้องการจะแลกเปลี่ยน ก็พูดมาตรงๆ เถอะ ต่อให้ตาเฒ่าไม่มีแต่ก็มั่นใจว่าเป็นที่กว้างขวาง พอที่จะช่วยสหายตามหาได้”


 


 


หานลี่ได้ยินกลับครุ่นคิดไม่เอ่ยอะไร


 


 


หากบอกว่าเขาไม่มีสิ่งที่ต้องการแน่นอนว่าย่อมเป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น แต่วัตถุดิบล้ำค่าที่ชิงหยวนจื่อต้องการนั้นยังมีอีกเป็นกระบุง


 


 


แต่เพราะเหตุนี้เขาจึงเอ่ยปากไม่สะดวกนัก


 


 


ใช้ต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้แลกกับวัตถุดิบสองสามชนิด เขาย่อมรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า แต่หากแลกวัตถุดิบมากเกินไปเกรงว่าตัวประหลาดเฒ่าสวี่ย่อมคิดว่าเขาละโมบโลภมาก กลับจะทำให้อีกฝ่ายเกิดความโกรธแค้นเสียเปล่าๆ


 


 


ถึงอย่างไรเสียมูลค่าของต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้ ก็มีแต่ตนเองที่รู้ดี แต่เรื่องนี้ไม่อาจพูดกับอีกฝ่ายได้ จึงทำให้เขารู้สึกอึดอัด


 


 


“สหายสวี่ของที่ข้าน้อยต้องการล้วนเป็นของที่หายาก ถึงแม้ว่าจากพลังของสหายก็หาได้ไม่ง่าย ไม่ต้องพูดถึงหรอก ส่วนปราณแท้ฟ้าดินนั้น…” หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งใบหน้ายังคงมีสีหน้าลังเล


 


 


ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เห็นหานลี่มีท่าทีลำบากใจเช่นนี้ ใบหน้าก็บัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส


 


 


แต่หลังจากที่เขาเหลือบมองชายหนุ่มด้านหลังแวบหนึ่งก็กัดฟัน กล่องหยกสีฟ้าเข้มใบหนึ่งออกมาจากอ้อมอกและเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


“พี่หานลองดูสิ่งนี้เป็นอย่างไร? มูลค่าของเจ้าสิ่งนี้มากกว่าแม้กระทั่งของเหล่านี้ แต่แค่สิ่งนี้เป็นของที่อาวุโสท่านหนึ่งในเผ่าต้องการ เดิมผู้แซ่สวี่คิดจะมอบให้กับเขาเพื่อจะได้เรียกขอผลประโยชน์จากในพรรค แต่ยามนี้เพื่อชนรุ่นหลังของข้าก็ไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว พี่หานลองดูสักหน่อยเถิด ข้าน้อยเชื่อว่าต่อให้ของสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่สหายอยากได้ แต่ตัวมันก็เพียงพอที่จะชดเชยความเสียหายของสหายได้”


 


 


เมื่อเห็นตัวประหลาดเฒ่าสวี่เอ่ยเช่นนี้ หานลี่กลับไม่รู้สึกประหลาดใจใดๆ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาขอร้องเขาก็ไม่มีทางเอาของที่ล้ำค่าที่สุดออกมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว


 


 


ส่วนสิ่งที่ท่านอาวุโสในเผ่าต้องการตามที่อีกฝ่ายกล่าวถึงนั้น กว่าครึ่งคงเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ได้จริงจังอันใด


 


 


ดังนั้นหานลี่จึงพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ ยกมือขึ้นตะปบมือไปกลางอากาศดูดกล่องหยกสีฟ้าเข้ามาในมือ


 


 


เมื่อนิ้วสัมผัสกับกล่องหยกเขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบที่ส่งมาทันที จึงอดที่จะตกตะลึงไม่ได้


 


 


ไม่รู้ว่ากล่องหยกใบนี้ทำขึ้นจากหยกวิญญาณชนิดใด คาดไม่ถึงว่าจะเย็นเฉียบขนาดนี้ ระดับความเย็นเหนือกว่าหยกทมิฬที่เขารู้จักเสียอีก


 


 


หานลี่เริ่มรู้สึกสนใจของที่อยู่ในกล่อง นิ้วมือเคลื่อนไหวฝากล่องเปิดออกอย่างช้าๆ


 


 


เห็นเพียงลำแสงสีทองสว่างวาบ ในกล่องหยกมีสิ่งของสิ่งหนึ่งปรากฏขึ้น


 


 


คาดไม่ถึงว่าจะเป็นของที่ดูเหมือนกระจกทองคำสีแดงสดขนาดเท่ากำปั้น แต่ผิวของมันกลับเปล่งแสงสีทองเรืองรองออกมา


 


 


แววตาของหานลี่เปล่งประกายเผยแววลังเลออกมา ดูเหมือนว่าจะรู้จักประวัติความเป็นมาของเจ้าสิ่งนี้ แต่ก็มีท่าทีไม่อยากจะเชื่อ


 


 


ฉับพลันนั้นเขาพลันพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ลำแสงเย็นเยียบสว่างวาบ กระบี่สั้นสีขาวอ่อนเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ


 


 


กระบี่มีความยาวแค่ครึ่งฉื่อ แม้ว่าดูแล้วจะเย็นเยียบแต่เห็นได้ชัดว่าเป็นแค่ยุทธภัณฑ์ธรรมดาเล่มหนึ่ง


 


 


หานลี่ขยับข้อมือกระบี่สั้นกลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งไปในกล่องหยก


 


 


ครู่ต่อมาปลายกระบี่ก็ทะลวงเข้าไปในธาตุทองสีแดงสดในกล่อง


 


 


ฉากที่น่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น


 


 


เงียบเชียบไร้ซึ่งเสียง! เมื่อปลายกระบี่สัมผัสกับธาตุทองสีแดงสด กระบี่สั้นทั้งเล่มก็หลอมละลายราวกับเทียนไขกลายเป็นควันสีเขียวสลายหายไป


 


 


“จิตของทองคำเพลิง! คาดไม่ถึงว่าสหายจะหาสิ่งนี้พบ” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง


 


 


“สหายหานช่างตาแหลมเสียจริง จิตของทองคำเพลิงนี้เป็นวัตถุดิบระดับสุดยอดในการหลอมสมบัติธาตุเพลิง แม้กระทั่งผสมเข้าไปในสมบัติอาคมธรรมดาก็สามารถเพิ่มอิทธิฤทธิ์ธาตุเพลิงได้ แม้ว่าสมบัติที่สูญเสียไปของสหายจะล้ำค่าขนาดไหน คิดดูแล้วเจ้าสิ่งนี้ก็พอที่จะชดใช้ได้สินะ” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่มองกล่องหยกสีฟ้าในมือของหานลี่แล้วเอ่ยอย่างเชื่องช้าออกมา


 


 


“สหายตัดสินใจจะทำเช่นนี้จริงๆ หรือ! ข้าน้อยพอจะใช้ประโยชน์ของจิตของทองคำเพลิงได้ ทว่าของสิ่งนี้ล้ำค่าถึงเพียงนี้ผู้แซ่หานไม่อยากให้พี่สวี่เสียเปรียบ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันข้าจะจ่ายเป็นศิลาวิญญาณให้สหายห้าล้าน นับว่าขายครึ่งหนึ่งแลกครึ่งก็แล้วกัน” สีหน้าตกตะลึงบนใบหน้าของหานลี่ค่อยๆ สลายหายไป แต่หลังจากขบคิดเล็กน้อยกลับฉีกยิ้มขณะเอ่ย


 


 


“เยี่ยมทุกอย่างทำตามที่สหายหานว่า” ตัวประหลาดเฒ่าที่แต่เดิมรู้สึกเจ็บปวดใจเพราะต้องส่งจิตของทองคำเพลิงให้ ได้ยินคำพูดของหานลี่ก็มีสีหน้าผ่อนคลายลง พลางพยักหน้าขณะเอ่ยตอบ


 


 


สำหรับเขาแล้วแม้ว่าจิตของทองคำเพลิงจะล้ำค่า แต่เทียบกับอนาคตของชนรุ่นหลังของตัวเองแล้วแน่นอนว่าอย่างหลังสำคัญกว่าหลายส่วน


 


 


“แต่ไม่ทราบว่าสมบัติที่สหายหานพูดถึง…” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่มองหานลี่พลิกฝ่ามือเก็บกล่องหยกลงไป ก็ลองถามหยั่งเชิง


 


 


“พี่สวี่โปรดวางใจ เก็บศิลาวิญญาณถุงนี้ไปก่อนเถิด หลังจากนั้นให้ไปรอที่ยอดเขาก็พอแล้ว ข้าจะกระตุ้นสมบัติอาคมเรียกปรากฏการณ์สวรรค์ออกมาอีกครั้งทันที ขอแค่สหายไปดูดซับพลังปราณบนภูเขาก็พอแล้ว” หานลี่อธิบายพร้อมหัวเราะหึๆ ออกมา และใช้มือปัดไปที่กำไลเก็บของ ชั่วครู่ก็ตะปบถุงหนังศิลาวิญญาณออกมาถุงหนึ่งแล้วโยนให้กับตัวประหลาดเฒ่าสวี่


 


 


“ตกลง ผู้แซ่สวี่จะไปรออยู่บนภูเขา” เห็นได้ชัดว่าตัวประหลาดเฒ่าสวี่ไม่ได้คิดว่าหานลี่จะทำการแลกเปลี่ยนในทันที เมื่อรับถุงหนังไปแล้วพลันตกตะลึง ทันใดนั้นก็รู้สึกดีอกดีใจขึ้นมา


 


 


ดังนั้นเขาจึงหยัดกายลุกขึ้นกล่าวลา พาชายหนุ่มออกไปจากถ้ำพำนักของหานลี่ แล้วตรงไปที่ยอดเขา


 


 


หานลี่ส่งเขาที่ประตูหลังจากใช้สายตาส่งลำแสงหลีกหนีของทั้งสองหายวับไป ก็ระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ไหวมุมปากกระตุกรอยยิ้มจางๆ ออกมา


 


 


“คาดไม่ถึงว่าจะได้จิตของทองคำเพลิงมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ประกอบกับก่อนหน้านี้ก็ได้แมลงผลึกไขกระดูกทองคำและผลซิ่งโลหิตมา วัตถุดิบในการหลอมเทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ก็ครบสมบูรณ์แล้ว ขอแค่หาวัตถุดิบส่วนเสริมมาให้ครบก็สามารถเริ่มหลอมเทวรูปให้มีร่างที่แท้จริงได้แล้ว” หานลี่เอ่ยพึมพำออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา ดวงตาเปล่งประกายขึ้นหลายส่วน


 


 


จากนั้นเขาพลันปิดประตูหินแล้วกลับเข้าไปในถ้ำพำนักอีกครั้ง พลางตรงไปที่ห้องโถงใหญ่


 


 


จากนี้ทุกอย่างก็ง่ายดายแล้ว หานลี่เรียกวิญญาณครวญออกมาอีกครั้ง และดูดซับเม็ดผลึกต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้เม็ดหนึ่งออกมาจากร่างของมัน และจงใจใช้เพลิงวิญญาณห่อหุ้มสิ่งนี้เอาไว้


 


 


ผลคือฉากที่เหมือนกับวันนั้นพลันปรากฏขึ้น


 


 


เม็ดผลึกกลายเป็นลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งทะลุเพดานออกไปอีกครั้ง จมหายเข้าไปในยอดเขาแล้วปรากฏเป็นปรากฏการณ์สวรรค์ที่น่าตกตะลึงอีกครั้ง กวนพลังปราณฟ้าดินในบริเวณรอบทั้งหมด


 


 


ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ที่รักษาการณ์อยู่บนยอดเขานานแล้วย่อมอัญเชิญน้ำเต้าสีแดงสดตรงเอวออกมาอีกครั้งด้วยความยินดี ทำให้มันกลายเป็นมังกรวารีเพลิงตัวหนึ่งกระโจนออกไปกลางอากาศอย่างดุดัน


 


 


ผลคือผ่านไปแค่ชั่วครู่ปรากฏการณ์สวรรค์ที่เดิมทีดูน่าตกตะลึงก็สลายออกไปจนหมด พลังปราณฟ้าดินถูกมังกรวารีเพลิงดูดออกไปจนเกลี้ยง


 


 


ทุกขั้นตอนรวดเร็วกว่าครั้งที่แล้วมาก แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรชนต่างเผ่าคนอื่นๆ ในภูเขาวิญญาณก็ยังรู้ตัวแค่ไม่กี่คน


 


 


ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ทำให้มังกรวารีเพลิงกลับเป็นน้ำเต้าอีกครั้งแล้วเก็บกลับมา พลางพาชายหนุ่มกลับไปยังถ้ำพำนักของตัวเองด้วยความยินดีปรีดา


 


 


หานลี่มองเห็นทุกอย่างผ่านกระจกสัมฤทธิ์ในห้องโถงของถ้ำพำนัก ทันใดนั้นก็หยุดใช้เคล็ดวิชาลับด้วยรอยยิ้ม เก็บกระจกสัมฤทธิ์เข้าไปทันที จากนั้นก็ใช้จิตสัมผัสออกคำสั่งกับหวาหวาเล็กน้อย ส่วนเขาก็ออกจากถ้ำพำนักไปอีกครั้ง


 


 


ครั้งนี้หานลี่ตรงไปที่ร้านวัตถุดิบใหญ่ๆ สองสามร้านในเมืองเมฆา ซื้อวัตถุดิบต่างๆ สามสิบกว่าชนิดมาในทีเดียวด้วยจำนวนศิลาวิญญาณที่น่าตกตะลึง แล้วถึงได้กลับมาที่ถ้ำพำนักอีกครั้ง


 


 


โชคดีที่เมืองเมฆาเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ไม่กี่แห่งของเมฆาสวรรค์ มิเช่นนั้นวัตถุดิบสองสามชนิดที่พบเห็นได้ไม่ง่ายก็อาจจะรวบรวมได้ไม่ครบในเมืองอื่น


 


 


ในยามที่หานลี่เข้าไปในห้องลับอีกครั้งก็เริ่มกักตนบำเพ็ญเพียรไปครึ่งเดือน เมืองเมฆาก็เกิดเรื่องใหญ่ที่ไม่ค่อยมีผู้คนรู้เกิดขึ้น


 


 


ชั่วขณะนั้นประตูเมืองที่เดิมทีถูกป้องกันอย่างแน่นหนา ชั่วครู่ก็เข้มงวดขึ้นหลายส่วน


 


 


จำนวนคนที่ตรวจตราตามจุดต่างๆ ในเมืองก็เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ส่วนคนภายนอกที่เข้ามาใหม่ในเมืองก็ถูกคนลึกลับมาหาถึงที่ ถูกสอบสวนอย่างเข้มงวด


 


 


หนึ่งในนั้นที่มีปัญหาด้านฐานะก็หายตัวไปจากยุทธภพอย่างลึกลับ


 


 


ในห้องโถงที่ลึกลับที่สุดตามจุดต่างๆ ของเมืองเมฆา มีผู้ที่มีตำแหน่งยิ่งใหญ่สิบกว่าคนกำลังนั่งเรียงแถวเป็นสองแถวอยู่บนเก้าอี้ไม้


 


 


ในบรรดาคนเหล่านี้มีสามอาวุโสของเผ่าหมื่นโบราณอย่างเชียนจีจื่อ และยังมีไช่หลิวอิงของเผ่าผลึก ต้วนเทียนเริ่นของเผ่ารังไหมศิลาที่หานลี่รู้จักอีกด้วย ส่วนคนอื่นๆ แม้ว่าจะไม่คุ้นหน้า แต่ดูจากสีหน้าท่าทางแล้วเห็นได้ชัดว่าเป็นพวกที่อยู่ในระดับเดียวกับเชียนจีจื่อ


 


 


สิ่งมีชีวิตระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงภายนอกมากมายกลับนั่งอยู่ด้วยกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และต่างก็เผยสีหน้าระแวดระวังออกมา


 


 


ส่วนใจกลางของห้องโถงใหญ่กลับมีบุรุษและสตรีนั่งเรียงกันอยู่ตรงนั้น


 


 


บุรุษเป็นชายหนุ่มสวมชุดสีขาวอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี สตรีคือยายแก่เรือนผมสีขาว ใบหน้ามีริ้วรอยราวกับร่องน้ำ ซ้ำยังมีท่าทางไม่อาจแม้แต่จะลืมตาได้


 


 


หญิงชรายังพอว่า หากหานลี่เห็นหน้าตาของชายหนุ่มชุดขาวอย่างชัดเจนอีกครั้ง คงตกใจจนสะดุ้งโหยงเป็นแน่


 


 


เพราะว่าชายหนุ่มชุดขาวก็คือชายหนุ่มแซ่เวิงระดับมหายานที่เคยปรากฏตัวในงานประมูลสี่เผ่าแต่แค่ยามนี้สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งขรึมดุจสายธาร รอบกายล้วนมีไอเย็นเยียบที่อธิบายไม่ถูกแผ่ออกมา


 


 


“ผ่านไปหลายวันขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะยังหาเผ่าแมลงมีเขาที่แอบเข้ามาไม่พบ ดูแล้วเขาคงหนีไปตั้งนานแล้ว ไม่ก็ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ลับที่พวกเจ้าหาไม่เจอ สหายไป๋ช่วงนี้เป็นเผ่าภูตวารีของเจ้าที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องนี้สินะ เจ้าคิดเห็นอย่างไร” ชายหนุ่มแซ่เวิงพลันหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านข้างแล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชา คนผู้นั้นคือชายหนุ่มสวมชุดผ้าไหมเรือนผมสีขาวแต่ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ยามนี้ได้ยินชายหนุ่มแซ่เวิงเอ่ยถามเช่นนี้ก็มีสีหน้าดูไม่ได้ แต่ก็ยังคงรีบร้อนหยัดกายลุกขึ้นประสานมือคารวะแล้วตอบว่า


 


 


“อาวุโสเวิงครั้งนี้ข้าได้ระดมปรมาจารย์ด้านเคล็ดวิชาเย้ายวนใจทั้งหมดในเผ่ามาแล้วแทบจะสอบสวนผู้น่าสงสัยที่เข้าเมืองเมฆามาทั้งหมดในระยะเวลาครึ่งปี แม้กระทั่งหาสายลับที่เผ่าอื่นส่งมาในเมืองเมฆาสวรรค์ได้มากกว่าสองสามร้อยคน แต่คนของเผ่าแมลงมีเขาที่บุกเข้ามาในหอเซ่นไหว้กลับไม่มีร่องรอยเลยสักนิด ข้ารู้สึกว่าเขาอาจจะออกจากเมืองเมฆาไปแล้วมิเช่นนั้นคงไม่อาจหนีการสอบสวนที่เข้มงวดเช่นนี้ของพวกเราได้”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)