ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1662-1665
ตอนที่ 1662 ไร้เหตุผล
หวังเฟิ่งเจินแอบสะใจอยู่ลึก ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเสแสร้งสักหน่อย เธอเลยทำเป็นฟาดลูกชายไปทีหนึ่งพลางพูดเสียงตำหนิ “พูดจาเหลวไหล เดี๋ยวก็ตีซะหรอก”
โม่จิ้งน้องสาวของสือโถ่วที่อยู่อีกฟากกลับลุกยืนขึ้นหมายจะไปคีบเนื้อซี่โครง แต่กลับถูกหวังเฟิ่งเจินปัดมือทิ้งก่อนพูดเสียงดุ “ไม่ต้องกินแล้ว เดี๋ยวค่อยกินบะหมี่”
สือโถ่วแค่นเสียงใส่ทีหนึ่ง ผู้ใหญ่ชอบเสแสร้งแบบนี้สินะ!
โม่ฉิ่วหลิงอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา ส่วนคุณป้าฮวาเริ่มแสดงท่าทีไม่พอใจเลยทำหน้าบึ้งตึง “นี่กำลังรังเกียจฉันอยู่เหรอ งั้นฉันไม่กินแล้วก็ได้ ฉิ่วหลิงกลับกัน ไว้กลับไปบอกชาวบ้านว่ามากินข้าวที่บ้านคุณลุงไป่ซ่านต้องใส่ผ้าปิดปาก ไม่งั้นจะถูกรังเกียจเอาได้”
“แม่…” โม่ฉิ่วหลิงพูดเสียงสูงเล็กน้อยเพราะเริ่มร้อนใจ
คุณป้าฮวาได้แต่ปิดปากเงียบ ๆ เมื่อครู่ยังบอกว่าจะกลับไปอยู่เลย แต่ก้นกลับนั่งติดเก้าอี้ไม่ห่างขณะที่มือก็ยังถือขาหมูชิ้นโตอยู่ด้วยเพราะทำใจวางมันไม่ลง
คุณป้าสะใภ้กับคุณป้าสะใภ้รองช่วยพูดเกลี้ยกล่อมไม่กี่ประโยคคุณป้าฮวาเลยเริ่มลงมือทานต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนตระกูลโม่ต่างหมดความอยากอาหารกันถ้วนหน้าจึงหันมามองเธอกินแทนด้วยความรู้สึกทรมานสุดฤทธิ์
คุณป้าฮวาแทะขาหมูไปหลายชิ้นเลยอารมณ์ดีและเริ่มพูดมากขึ้นกว่าเดิม
“ฉันว่านะแต่งเมียเข้าบ้านก็ต้องมีทั้งคุณธรรมทั้งความสามารถ การศึกษาต้องมีอยู่แล้ว เหมือนฉิ่วหลิงของฉันไงเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังด้วย ในร้อยคนยังหาไม่ได้สักคนเลย”
โม่ฉิ่วหลิงผลักคุณป้าฮวาทีหนึ่งให้เธอพูดน้อย ๆหน่อยแต่สีหน้ากลับแฝงด้วยความได้ใจ
ทั้งหมู่บ้านมีเพียงเธอที่สอบติดมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง!
คุณป้าฮวาคุยจ้อไม่หยุด “แน่นอนว่าหน้าตาจะขี้เหร่มากไม่ได้ ก้นต้องใหญ่ อกต้องตูมแบบนี้ถึงจะเลี้ยงง่าย ฉิ่วหลิงของฉันก็มีลูกง่ายเหมือนตอนฉันสาว ๆ ผู้หญิงในเมืองหลวงพวกนั้นก็เหมือนลูกเจี๊ยบที่ไม่มีหน้าอกไม่มีก้น ต้องเลี้ยงยากแน่ ๆ…”
ลูกสองคนแรกของเธอล้วนเป็นลูกชาย ส่วนโม่ฉิ่วหลิงเป็นลูกคนที่สามและมีต้นทุนที่พอจะให้โอ้อวดได้
เหมยเหมยที่กำลังก่อไฟมือชะงักพลางก่นด่าอีกฝ่ายในใจ นี่ครั้งที่สามแล้วนะ!
เธอไม่มีอกไม่มีก้นตรงไหน?
สวยขนาดนี้เหยียนหมิงซุ่นชอบจะตาย!
เหยียนหมิงซุ่นตักบะหมี่ใส่ถ้วนเสร็จสรรพแล้วยกไปให้สองสามีภรรยาโม่เหวินต้ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับคุณป้าฮวาที่ยังคงพ่นน้ำลายไม่หยุดอย่างเย็นชาว่า “อย่างน้อยคนในเมืองก็ไม่ไร้มารยาทเหมือนคุณป้าหรอกครับ คุณป้ากินข้าวหรือพ่นขี้กันแน่? มาเป็นแขกแต่ไม่รู้จักสำนึกหน่อยเหรอ?”
คุณป้าฮวาเงยหน้าขึ้นมาฉับพลัน ถ้อยคำด่าทอที่จ่อปากอยู่ถูกกลืนกลับลงท้องไปเหมือนเดิมเพราะตกใจกับความเยือกเย็นของเหยียนหมิงซุ่น ทว่ากลับไม่พอใจอย่างมาก จะว่าอย่างไรเธอก็เป็นผู้อาวุโสกว่านะ ผู้อาวุโสน้อยกว่าอย่างเหยียนหมิงซุ่นกลับทำตัวไร้สัมมาคารวะกับเธอขนาดนี้
“ฉันไม่มีหน้ากินต่อแล้ว…ให้คนที่เด็กกว่าชี้หน้าด่าไร้มารยาท ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร…ฉิ่วหลิงลูกไปบอกพ่อของลูกนะว่าแม่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ไว้วันเชงเม้งเมื่อไหร่ก็อย่าลืมเผากระดาษเงินให้แม่เยอะ ๆ แล้วบอกเขาว่าทีหลังจะช่วยใครก็เบิกตาดูให้ดี ไม่ใช่เอะอะก็เสี่ยงชีวิตช่วยคนอื่นไปทั่ว…”
คุณป้าฮวาร่ำไห้เสียงดังอยู่ในบ้านตระกูลโม่เหมือนแม่หมอร่างทรงก็ไม่ปาน
คนตระกูลโม่ต่างมีสีหน้าย่ำแย่กันอย่างมาก พวกเขาไม่อยากโดนคนนินทาลับหลังหาว่าพวกเขาเนรคุณ ฉะนั้นสิบปีที่ผ่านมาถึงได้ทนคุณป้าฮวาครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ความอดทนของคนเรามักมีขีดจำกัด คุณป้าฮวาได้คืบจะเอาศอกซึ่งก็ได้ทำให้คนตระกูลโม่รำคาญเต็มทน
โม่ฉิ่วหลิงเกลี้ยกล่อมอีกหลายประโยคแต่คุณป้าฮวากลับไม่ยอมฟังทั้งยังตะโกนเสียงดังกว่าเดิม พร่ำบอกว่าคนตระกูลโม่ไร้หัวใจ เนรคุณ
หวังเฟิ่งเจินทนไม่ได้เลยด่ากลับไป “เธอพอได้แล้วนะ!พี่มู่เกินช่วยชีวิตคุณพ่อน่ะไม่ผิดหรอก แต่สิบกว่าปีที่ผ่านมาเธอได้ผลประโยชน์ไปจากเราแล้วเท่าไหร่ ตอนเธอคลอดฉิ่วหลิงเสียเลือดเยอะบ้านฉันก็เป็นคนสำรองค่ารักษาไปก่อน ไม่งั้นสองแม่ลูกคงไม่รอดมีชีวิตอยู่มาได้หรอก ถ้าพูดเรื่องช่วยชีวิต บ้านฉันช่วยบ้านเธอไปตั้งสองชีวิตด้วยซ้ำ!”
เพราะคุณตาโม่ใจดีมีเมตตา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นสองชีวิตแลกหนึ่งชีวิตก็ถือว่าชดใช้หนี้บุญคุณหมดไปตั้งนานแล้ว!
…………………………
ตอนที่ 1663 ผูกญาติ
หวังเฟิ่งเจินไฟโทสะสุมเต็มอกจึงพูดเปิดโปงผลประโยชน์ที่คุณป้าฮวาได้จากตระกูลโม่ในตลอดหลายปีนี้ออกมาทั้งหมด เพื่อนบ้านที่ได้รับข่าวก็เร่มาดูเรื่องสนุก ๆ แต่ละคนต่างส่ายศีรษะและนึกหยามคุณป้าฮวาอย่างมาก
เป็นคนจะโลภมากไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันอีก ช่วยชีวิตไว้ครั้งเดียวจะมาทวงบุญคุณทุกวันตลอดสิบกว่าปีแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
คุณป้าฮวาได้แต่พูดเสียงอ้ำอึ้ง “ตอนนั้นคุณลุงไป่ซ่านโดนงูกัด ถ้าไม่ได้มู่เกินช่วยไว้ก็ไม่มีทางรอดชีวิตมาได้ ตอนนั้นฉันแค่เลือดตกนิดหน่อยไม่ถึงกับจะตายสักหน่อย แล้วจะเทียบกันได้อย่างไร?”
โม่เหวิงต้งโกรธจนหงายหลังแต่พยายามพูดด้วยเสียงที่กำลังกลั้นโมโหไว้ “ฉันไม่คุยกับผู้หญิงอย่างเธอแล้ว ฉันจะไปถามพี่มู่เกินว่าถ้าเขาคิดแบบนี้ด้วยเหมือนกันงั้นวันนี้เราจะได้สะสางเรื่องนี้ให้ชัดเจนไปเลย บ้านเธอมีเงื่อนไขอะไรขอแค่พูดมา แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่สมเหตุสมผล”
เขาหลงคิดว่าจุดประสงค์ของคุณป้าฮวาก็เพื่อเงินเลยคิดจะใช้เงินแก้ปัญหา เพื่อจะได้ตัดรำคาญผู้หญิงคนนี้ที่ต้องเจอทุก ๆปีทิ้งไป!
“สมเหตุสมผลแน่นอน ฉันไม่ใช่คนไร้เหตุผลแบบนั้นสักหน่อย” คุณป้าฮวาตาวาวและจุดพลุในใจ
เธอคิดแล้วก็ดันโม่ฉิ่วหลิงให้เธอกลับบ้านไปก่อนเพราะเรื่องต่อจากนี้ไม่ควรให้เด็กผู้หญิงได้ยิน
โม่ฉิ่วหลิงก็พอจะเดาได้ ๆ แม้เธอรู้สึกว่าเช่นนี้ไม่ดีแต่เธอกลับไม่ได้ห้ามคุณป้าฮวา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตระกูลโม่ล้วนตอบตกลงข้อเรียกร้องที่แม่ของเธอเสนอทุกอย่างและบางทีคราวนี้ก็อาจยอมตกลงก็ได้!
ผู้ชายอย่างเหยียนหมิงซุ่น เธอแค่เห็นแวบแรกก็หลงเข้าเต็มเปาและถอนตัวไม่ได้แล้ว
เธอคิดว่าเธอคู่ควรที่จะเป็นภรรยาทหารนายหนึ่งมากกว่าผู้หญิงในเมืองที่เก่งแต่เรื่องออดอ้อน!
โม่ฉิ่วหลิงแสร้งเกลี้ยกล่อมคุณป้าฮวาอีกไม่กี่ประโยคก็เดินหน้าแดงกลับบ้านไป แต่เธอไม่ได้เดินไปไกลมากโดยเลือกหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งเพราะอยากรู้ว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร
หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเหมือนรัวกลอง
ผู้ชายเก่ง ๆในมหาวิทยาลัยมากมายล้วนไม่เข้าตาเธอแต่กลับตกหลุมรักเหยียนหมิงซุ่นตั้งแต่แรกพบ หรือว่านี่ก็คือพรหมลิขิตที่จางอ้ายหลิงชอบเอ่ยถึงอย่างนั้นหรือ?
เห็นเพียงแวบแรกก็ตราตรึงอยู่ในใจมานับหมื่นปี!
โม่เหวินต้งพูดเสียงเย็นชา “ฉันไม่ฟังเธอพูด ฉันจะฟังพี่มู่เกินพูด”
“มู่เกินไม่อยู่บ้าน บ้านเราฉันเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง” คุณป้าฮวาพูดอย่างร้อนใจ
“ผู้หญิงอย่างเธอจะตัดสินใจอะไรได้? เธอกลับไปก่อนเถอะ รอมู่เกินกลับมาแล้วค่อยให้เขามาคุยที่บ้านฉัน” น้ารองกล่าวอย่างไม่พอใจ เขาก็รำคาญผู้หญิงคนนี้เต็มทนแล้วเหมือนกัน
ชาวบ้านคนอื่น ๆเองก็ส่งเสียงฮือฮา ส่วนมากกำลังว่าคุณป้าฮวาไม่รู้กฎมารยาท อยู่นอกบ้านก็ไม่รู้จักรักษาหน้ารักษาตาให้สามีเลย
ตระกูลโม่มีเงินมีอำนาจแล้วยังใจกว้าง พวกชาวบ้านย่อมเลือกจะเข้าข้างฝ่ายครอบครัวคุณตาโม่อยู่แล้ว
คุณป้าฮวารีบตะโกนขึ้นมาด้วยความร้อนรน “บ้านฉันฉันนี่แหละเป็นหัวหน้าครอบครัว ทำไมคำที่ฉันพูดถึงไม่เป็นผล?”
เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยเสียงเย็นชา “งั้นป้าลองเอ่ยข้อเรียกร้องของป้ามาสิ”
คุณป้าฮวากวาดตามองเหยียนหมิงซุ่นราวกับกำลังประเมินสินค้า แม่ยายยิ่งดูลูกเขยก็ยิ่งรู้สึกชอบ เธอยิ้มกล่าว “ฉันไม่ใช่คนขี้ตื๊อขนาดนั้น มู่เกินช่วยชีวิตคุณลุงไป่ซ่านไว้ก็เท่ากับสองบ้านเรามีวาสนาต่อกัน ต้องผูกญาติกันยาวนานถึงจะดี”
คนตระกูลโม่ต่างเปลี่ยนสีหน้าไปจากเดิมเพราะถ้อยคำเหล่านี้ถือว่าสื่อความหมายชัดเจนดี
เหมยเหมยกลับเริ่มสังหรณ์ใจ ผูกญาติกันนาน ๆ?
ญาติอะไร?
คุณป้าฮวาพูดเสียงดัง “ฉันว่าสองบ้านเราผูกญาติกันก็ดีออก ฉิ่วหลิงของฉันทั้งสวยทั้งมีการศึกษาสูง ถนัดงานบ้านทุกอย่าง เป็นเด็กผู้หญิงดี ๆจากหนึ่งในร้อยเลย ใช่ไหมล่ะ?”
โม่ซิวหย่วนทำหน้าถมึงทึง นี่คิดจะให้เขาไปเป็นลูกเขย?
คนตระกูลโม่ในรุ่นนี้มีเพียงเขากับสือโถ่วที่ยังไม่ได้แต่งงาน แน่นอนว่าจะปล่อยให้เด็กอย่างสือโถ่วไปแต่งงานไม่ได้เลยมีแค่เขาคนเดียว
ฝันไปเถอะ!
คนตระกูลโม่เองก็คิดว่าคุณป้าฮวาถูกใจโม่ซิวหย่วน จะว่าไปโม่ฉิ่วหลิงเป็นหญิงสาวที่ดีคนหนึ่งจริง ๆ แต่ดันมีแม่ที่ไม่สงบเสงี่ยมแบบนี้ การผูกญาตินี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
ตอนที่ 1664 แย่งผู้ชายของฉันต่อหน้าฉัน อยากตายหรือไง
โม่เหวินต้งรู้ว่าโม่ซิวหย่วนไม่ถูกใจโม่ฉิ่วหลิงเลยแค่นเสียงกล่าว “ซิวหย่วนของฉันหาคู่ไว้แล้ว ไม่เหมาะกับลูกสาวเธอหรอก”
“ไม่ใช่ซิวหย่วน” คุณป้าฮวาโบกมือเป็นพัลวันและนึกเสียดายในใจ
หากให้เธอเลือกก็ต้องเลือกเอาโม่ซิวหย่วนเป็นลูกเขยอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นเจ้านายใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย ลูกสาวก็ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองหลวง ดีจะตาย แต่ลูกสาวกลับไม่ถูกใจโม่ซิวหย่วนดันไปชอบทหารอย่างเหยียนหมิงซุ่น
เฮ้อ ทหารจะสู้เจ้านายได้อย่างไร?
แต่เห็นแก่ที่เหยียนหมิงซุ่นรู้จักคนใหญ่คนโตเธอก็พอจะรับได้ มีอำนาจก็เท่ากับมีเงินนี่นา!
คนตระกูลโม่ไม่เข้าใจ ไม่ใช่โม่ซิวหย่วนแล้วจะเป็นใครได้?
ทุกคนต่างมองไปทางสือโถ่วอย่างพร้อมเพรียงซึ่งเจ้าเด็กนี่ก็รู้ทันภายในวินาทีเดียว ร้องคร่ำครวญอย่างไม่พอใจ “ไม่เอาพี่ฉิ่วหลิงเป็นเมีย ผมจะแต่งงานกับพี่สะใภ้ พี่สะใภ้สวย”
สือโถ่ววิ่งไปข้างเหมยเหมยที่กำลังทานบะหมี่อยู่พลางฉุดแขนเธอเป็นการออดอ้อน “พี่สะใภ้ พี่มาเป็นเมียผมเถอะ ผมจะเอาเงินค่าขนมให้พี่หมดเลย!”
เหมยเหมยหลุดขำพรืดแล้วจุ๊บแก้มสือโถ่วทีหนึ่งก่อนจะพูดเชิงล้อเล่น “ได้สิ เธอเอาเงินมาให้ฉันก่อน”
เหยียนหมิงซุ่นหน้าถมึงทึงทันที นี่เห็นเขาตายไปแล้วหรือไง?
“ไปเล่นตรงนู้นเลยไป พูดเหลวไหลอีกฉันจะตีให้ก้นลายเลย!” เหยียนหมิงซุ่นหิ้วเจ้าตัวเล็กขึ้นมาแล้วโยนกลับไปหาพ่อแม่ของเขา จากนั้นก็ถลึงตาใส่โม่เหวินต้งที่กำลังหัวเราะได้ใจอยู่
พ่อสอนไม่ดี ลูกก็พลอยไม่ดีตามไปด้วยสินะ!
เหมยเหมยขยิบตาให้สือโถ่วที่ทำท่าน้อยอกน้อยใจเล็กน้อยก่อนที่เจ้าเด็กนี่จะยิ้มออกมาได้อีกครั้ง ตัดสินใจว่าอีกประเดี๋ยวจะแอบเอาเงินค่าขนมไปให้พี่สะใภ้นางฟ้า จากนี้ไปก็เป็นเมียของเขาแล้ว
คุณป้าฮวาถลึงตาใส่สือโถ่วอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง เจ้าเด็กตาบอด ผู้หญิงคนกรุงคนนั้นสู้ฉิ่วหลิงได้ตรงไหนบ้าง?
“ฉันหมายถึงหมิงซุ่น หมิงซุ่นปีนี้ยี่สิบห้าสินะ โตกว่าฉิ่วหลิงห้าปีกำลังดีเลย อีกอย่างฉิ่วหลิงเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในเมืองหลวง หมิงซุ่นก็เป็นทหารอยู่ในเมืองหลวง พวกเธอดูสิว่านี่มันพรหมลิขิตขนาดนี้!
อีกอย่าวฉิ่วหลิ่งของฉันทั้งสวยทั้งนิสัยดี เป็นภรรยาและแม่ของลูกที่ดีได้แน่นอน ผู้หญิงนิสัยคุณหนูจากเมืองใหญ่คนนั้นจะสู้ฉิ่วหลิงของฉันได้อย่างไร…”
คุณป้าฮวายิ่งพูดก็ยิ่งได้อารมณ์จนปล่อยน้ำลายกระเด็นไปทั่ว ไม่ทันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าคนตระกูลโม่เลยสักนิด อีกฝ่ายยังได้ใจไม่เลิก
เหมยเหมยเส้นบะหมี่ติดคอเลยรีบกลืนลงไปพลันไฟโทสะก็พุ่งพรวดขึ้นมา
ให้ตายเถอะ กล้ามาแย่งของของเธอต่อหน้าเธอ เห็นเธอตายไปแล้วหรือไง?
เหมยเหมยที่ควบคุมอารมณ์โกรธไม่ไหวเลยเขวี้ยงชามใส่พื้นเสียงดังเพื่อขัดคุณป้าฮวาที่กำลังพูดอย่างออกรสออกชาติหันมามองเหมยเหมยอย่างดูถูกดูแคลน เหอะ ก็แค่ลูกเจี๊ยบที่มาจากเมืองใหญ่ไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ฉิ่วหลิงของเธอก็ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่เมืองใหญ่แล้ว แถมยังเป็นเมืองหลวงเสียด้วย!
“คนจากเมืองใหญ่ไปเผาบ้านหรือแย่งบ้านป้ามาหรือไง? เอะอะก็ว่าผู้หญิงจากเมืองใหญ่อย่างนั้นอย่างนี้ วันนี้ป้าพูดมาสี่ครั้งแล้วนะ สามครั้งก่อนหน้าฉันยอมทนเพราะเห็นแก่ตระกูลโม่ แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ทนอีกแล้ว”
เหมยเหมยยกชามขาหมูบนโต๊ะสาดใส่หน้าคุณป้าฮวา ชอบกินนักไม่ใช่หรือ กินทั้งหมดนี้เลยแล้วกัน เอาให้อ้วนตายไปเลย!
“ลูกสาวของเธอไม่มีคนเอาเลยหาคนแต่งด้วยไม่ได้สินะ? มีอย่างที่ไหนวิ่งมาขายลูกสาวในบ้านคนอื่นแบบนี้? หรือว่าหมู่บ้านโม่ใช้ธรรมเนียมแบบนี้กันหมด?”
“ไม่ใช่นะ ๆ แค่บ้านหล่อนบ้านเดียว เธออย่าพูดจาเหลวไหลสิ” ชาวบ้านคนอื่น ๆที่มีลูกสาวเช่นกันบางส่วนรีบเอ่ยปฏิเสธทันควัน ลูกสาวของพวกเขาใช่ว่าจะหาคนแต่งงานด้วยไม่ได้สักหน่อย
เหมยเหมยแค่นหัวเราะทีหนึ่งแล้วยกถ้วยซุปปลาอีกถ้วยมาสาดใส่หน้าคุณป้าฮวาที่กำลังขยี้ตาอยู่
“ฉันจะบอกให้ว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นผู้ชายของฉัน เธอแย่งผู้ชายของฉันไปต่อหน้าต่อตาฉัน ป้าเห็นฉันตายไปแล้วหรือไง?”
คนตระกูลโม่รวมถึงคนอื่น ๆต่างเขินอาย กล้าพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าคนมากมาย สาวจากเมืองใหญ่ช่างใจกล้าจริง ๆ!
เหยียนหมิงซุ่นจุดยิ้มมุมปากและมองด้วยแววตาเปื้อนยิ้ม ยัยปีศาจตัวน้อยอาละวาดโดยไม่ลืมที่จะแสดงความเป็นเจ้าของ แบบนี้เขาชอบมากจริง ๆ!
…………………………….
ตอนที่ 1665 อยากตายฉันไม่ห้ามเธอ
คุณป้าฮวาเพิ่งลืมตาได้ก็โดนน้ำซุปปลาสาดใส่เต็มหน้า น้ำซุปกระเด็นเข้าตาจนทรมานสุด ๆ
“ตาของฉัน…รีบเอาน้ำมาให้ฉันล้างเร็ว ยัยบ้าคอยดูเถอะ ยังไม่ทันแต่งงานก็เป็นผู้ชายของเธอแล้ว? หน้าไม่อายจริง ๆ!”
“ฉันกับพี่หมิงซุ่นจัดงานหมั้นมาแล้วแล้วจะไม่ใช่ผู้ชายของฉันได้อย่างไร? ป้าต่างหากที่ยังหน้าด้านอ้างบุญคุณเล็กน้อยเมื่อสิบกว่าปีก่อนบีบบังคับให้พี่หมิงซุ่นแต่งงานกับลูกสาวที่ขายไม่ออกของป้า ป้ายังมียางอายอยู่บ้างไหม?” เหมยเหมยพูดกระแทกแดกดันด้วยถ้อยคำร้ายกาจที่แม้แต่โม่ฉิ่วหลิงก็พลอยโดนด่าไปด้วย
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นเด็กดีอย่างที่ทำตัวให้เห็นหรอก ไม่แน่อาจเป็นกุนซืออยู่เบื้องหลังก็ได้ คุณป้าฮวาอาจเป็นเพียงหุ่นเชิดที่คอยออกหน้าแทนเท่านั้น!
เหอะ แววตาใช้ได้นี่ ถูกใจพี่หมิงซุ่นเสียด้วย!
คุณยายโม่ยังรู้สึกชอบโม่ฉิ่วหลิงอยู่บ้างอีกทั้งเธอคิดว่าควรแยกแยะเป็นเรื่อง ๆไป ไม่ควรโทษโม่ฉิ่วหลิง คุณยายกำลังคิดจะออกหน้าช่วยพูดแทนสักหน่อยแต่หวังเฟิ่งเจินกลับดึงตัวเธอไว้
เธอได้ฟังคำด่าทอของเหมยเหมยเมื่อสักครู่แล้วก็รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย ด่าอีกสักหน่อยถึงจะดี!
พวกโม่เหวินต้งเองก็มีความคิดเช่นเดียวกันเลยได้แต่นั่งอยู่เงียบ ๆ แล้วทานบะหมี่เสียงดังซู้ดซ้าดอีกต่างหาก
“โอ๊ย ยังมีความยุติธรรมอยู่อีกไหมนะ อุตส่าห์ใจดีช่วยชีวิตไว้แต่กลับต้องโดนด่าแบบนี้ ฉันไม่อยู่ต่อแล้ว…พวกเธออย่ารั้งฉันไว้เลย ฉันไม่อยู่แล้ว…”
คุณป้าฮวารออยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่เห็นคนตระกูลโม่จะออกรับหน้าแทนเลยเกิดแผนใหม่ที่คิดจะใช้วิธีการเดิม ๆก็คือการคิดสั้น
“ถุย…ทุกคนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน เธอช่วยฉันฉันช่วยเธอสิถึงจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขได้ มีอย่างที่ไหนเอาแต่ทวงบุญคุณทุกวี่วัน? อีกอย่างสามีของป้าช่วยไว้หนึ่งชีวิตแต่บ้านเราช่วยบ้านป้าไว้ตั้งสองชีวิต หรือว่าชีวิตของป้ากับลูกสาวป้าไม่มีค่า? ต่ำต้อยยิ่งกว่าหมูงั้นเหรอ?”
หวังเฟิ่งเจินหลุดขำพลางอ้าปากทานบะหมี่คำโต รสชาติไม่เลวเลยจริง ๆ!
“เธอยังมีความเป็นคนอยู่ไหม? ด่าฉันเป็นหมูเลยเหรอ? โอ๊ย…ฉันไม่อยู่ต่อแล้ว ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อแล้ว จะไม่ทนให้คนเด็กกว่าด่าเป็นหมูแล้ว!”
คุณป้าฮวาทิ้งตัวนั่งกับพื้นพลางเอามือตบต้นขาปล่อยโฮ
“ป้าไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่เองก็อย่าคาดหวังว่าคนอื่นจะให้เกียรติป้าเลย ป้าร้องอยู่นานแล้วนะทำไมยังไม่ไปตายอีกล่ะ? ป้าอยากตายแบบไหนเหรอ? ถ้าผูกคอตายฉันจะได้ให้เชือก กินยาฆ่าตัวตายฉันจะได้ไปซื้อยาฆ่าหญ้าให้ ถ้าจะเอามีดปาดคอฉันก็จะได้เอามีดให้ หรือจะเอาหัวโขกกำแพงก็เชิญกลับไปโขกกำแพงบ้านตัวเองอย่ามาเลอะที่บ้านฉัน อัปมงคล!”
เหมยเหมยหิ้วกระเป๋าเธอออกมาแล้วล้วงเชือกป่าน มีดสั้นออกมาในเวลาเพียงครู่เดียว เสียดายที่ไม่มียาฆ่าหญ้า
สือโถ่วกลอกตารอบหนึ่งก่อนจะวิ่งตึงตังไปที่โกดังแล้วอุ้มเล่อกั่ว(ยาฆ่าหญ้า)ออกมาหนึ่งขวด “พี่สะใภ้ นี่มียาด้วยครับ”
เหมยเหมยยกนิ้วโป้งให้เป็นรางวัลก่อนจะวางเล่อกั่วไว้บนโต๊ะแล้วตวาดเสียงดัง “ของพวกนี้ให้เธอทั้งหมดเลย เธอเอากลับไปฆ่าตัวตายที่บ้านช้า ๆนะ รับรองไม่มีใครห้ามเธอหรอก!”
คุณป้าฮวากลับไม่คิดว่าเหมยเหมยจะไม่ทำตามแผนของเธอ เมื่อก่อนขอแค่เธอใช้วิธีนี้ล้วนได้ผลทุกครั้งเลยบรรลุเป้าหมายได้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้เธอควรจะเล่นต่ออย่างไร?
ชาวบ้านต่างส่งเสียงหัวเราะดังครืน เพิ่งจะเคยเห็นคุณป้าฮวาชวดเป็นครั้งแรก!
วิธีนี้พวกเขาต้องเรียนรู้เอาไว้บ้าง คราวหลังจะได้เอามาใช้กับคุณป้าฮวา
โม่ฉิ่วหลิงมองไม่ค่อยชัดแต่กลับรู้ว่าแม่ของเธอเจรจาไม่สำเร็จ
เธอกัดปากอย่างไม่พอใจและยังคงไม่ยอมแพ้ ไม่กลัวหรอก รอกลับเมืองหลวงเธอค่อยหาวิธีเข้าใกล้เหยียนหมิงซุ่นแล้วกัน
ผู้หญิงไล่จีบผู้ชายง่ายเหมือนมีเพียงผ้าผืนบางกั้นไว้เท่านั้นเอง เธอไม่เชื่อหรอกว่าจะเอาพี่ทหารคนนี้ไม่อยู่!
เหยียนหมิงซุ่นเห็นเหมยเหมยระบายอารมณ์เพียงพอแล้วถึงเดินไปห้ามเธอไว้ก่อนเอ่ยเสียงเบา “ไปกินบะหมี่ไป ตรงนี้ให้ฉันจัดการเอง”
“อืม!”
เหมยเหมยด่ากราดไปยกหนึ่งก็รู้สึกสะใจขึ้นบ้างและเกิดความอยากอาหารขึ้นมาด้วยจึงกลับไปทานบะหมี่อย่างเป็นว่าง่าย
เหยียนหมิงซุ่นกล่าวต่อโม่เหวิงต้งว่า “ไปรับโม่มู่เกินมา เรื่องวันนี้ต้องสะสางให้จบสิ้น”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น