อัจฉริยะสมองเพชร 1662-1663

 ตอนที่ 1662

 

ศาลเจ้าขงจื๊อ

สำหรับจางเซวียน ก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าเขาเป็นคนสูงส่งและไม่เห็นแก่ตัว เพราะบางครั้งเขาก็ยังเห็นแก่ตัวบ้าง และเหตุผลหลักที่เขาไต่เต้าขึ้นมาเป็นปรมาจารย์ก็ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์ แต่เพื่อใช้ประโยชน์จากตัวตนดังกล่าวให้สามารถเข้าถึงหนังสือได้มากขึ้น…แต่ก็มีบางครั้งที่คนคนหนึ่งไม่อาจล่าถอยได้


หากมวลมนุษย์กำลังจะถูกสังหารหมู่ ความแข็งแกร่งของเขาจะมีประโยชน์อะไร?


เขาไม่ใช่คนคนเดียวกับเมื่อครั้งแรกที่ทะลุมิติมายังโลกใบนี้แล้ว ตอนนี้เขามีทั้งครอบครัวและลูกศิษย์ ทั้งตระกูลเจียงและตระกูลหลัวต่างก็เฝ้าคอยการชี้นำของเขา มีผู้คนอีกมากมายในโลกใบนี้ที่เขาจะต้องปกป้อง


อันที่จริง เหตุผลที่จางเซวียนมุ่งมั่นจะสมานความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลัวกับตระกูลจางให้ได้ก็เพื่อวัตถุประสงค์นี้


ในเมื่อภัยคุกคามจากเผ่าพันธุ์ปีศาจมารออยู่ตรงหน้าแล้ว ก็ไม่มีทางที่เขาจะล่าถอยได้


“อุ่นใจเหลือเกินที่มีคุณเป็นพันธมิตรของเรา!”


ได้ยินคำตอบรับของจางเซวียน เหรินชิงหยวนกับปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนอื่นๆต่างโล่งอก


พวกเขายังคิดอยู่ว่าควรจะเจรจากับจางเซวียนเรื่องนี้อย่างไร แต่ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะตอบรับเป็นมั่นเหมาะขนาดนี้?


“ผมจะส่งคำสั่งไปยังสามตระกูลชั้นนำว่าให้ทำตามคำสั่งของสภาปรมาจารย์โดยตรงเดี๋ยวนี้แหละ!” จางเซวียนตอบ


เห็นจางเซวียนถ่ายทอดคำสั่งของเขาไปยังสามตระกูลชั้นนำโดยไม่รอช้า เหรินชิงหยวนจึงรีบหันกลับไปหารือกับเหล่าปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวถึงยุทธวิธีอีกหลายอย่าง ก่อนจะสลายการประชุม


หากได้รับการช่วยเหลือจากสามตระกูลชั้นนำ เหรินชิงหยวนรู้ดีว่าพวกเขาจะสามารถยับยั้งภัยคุกคามจากเผ่าพันธุ์ปีศาจในเวลานี้ได้ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็หันไปมองจางเซวียนและตั้งคำถาม “ปรมาจารย์จาง ขออภัยที่ปล่อยให้คุณรอ ไม่ทราบว่าเหตุผลที่คุณมาเยือนสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่คืออะไร?”


ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อชายหนุ่ม อีกฝ่ายไม่ได้เป็นใครอื่นนอกเสียจากคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งที่เลือกจะปลอมตัวเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์หยาง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะรู้ตัว ชายหนุ่มก็กลายเป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ที่มีอิทธิพลทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์ เหนือชั้นกว่าเขาเสียอีก


ภายใน 1 เดือนที่ผ่านมานี้เกิดอะไรขึ้นมากมาย และแทบทุกอย่างก็มีศูนย์กลางอยู่ที่จางเซวียน ตราบใดที่ชายหนุ่มไม่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ก็มีโอกาสที่ในอนาคตเขาจะไปได้ไกลกว่าแม้แต่ปรมาจารย์หยาง


“พูดตามตรงนะ ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือคุณ” จางเซวียนประสานมือ “ผมอยากไปเยี่ยมเยียนศาลเจ้าขงจื๊อ”


ระหว่างการเดินทางมาที่นี่ หลัวลั่วชิงบอกเขาว่ามีความเป็นไปได้ที่กรรมวิธีการฝ่าด่านวรยุทธขั้นสูงของปรมาจารย์ขงน่าจะอยู่ในศาลเจ้าขงจื๊อ


ศาลเจ้าขงจื๊อเป็นมรดกตกทอดที่ถูกสร้างขึ้นหลังการจากไปของปรมาจารย์ขง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความสำเร็จของเขา ที่นั่นมีทั้งลายมือ เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวบางอย่างเก็บไว้


“ผมก็สงสัยอยู่ว่าคุณจะขอร้องอะไร ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ทุกคนจะต้องไปเยือนศาลเจ้าขงจื๊ออยู่แล้ว มันเป็นส่วนหนึ่งของพิธีการ เพราะฉะนั้น แน่นอนว่าคุณจะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ศาลเจ้าขงจื๊อ ให้ผมพาคุณไปที่นั่นตอนนี้เลยเถอะ!”


เมื่อได้ยินคำขอ เหรินชิงหยวนหัวเราะเบาๆและตอบรับ


“ไม่เป็นไร ในช่วงเวลาแบบนี้ คุณคงมีเรื่องด่วนมากมายต้องจัดการ ผมจะไม่รบกวนคุณหรอก แต่จะขอร้องตามตรงอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ผมอยากพาลั่วชิงเข้าไปในศาลเจ้าขงจื๊อกับผมด้วย”จางเซวียนพูด


กรรมวิธีการฝ่าด่านวรยุทธขั้นสูงน่าจะถูกซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่ที่ไม่เตะตานัก เขาจึงต้องการความช่วยเหลือจากหลัวลั่วชิงในเรื่องนั้น อีกอย่าง ถ้าเหรินชิงหยวนตามไปด้วย ก็จะไปกีดขวางความพยายามในการค้นหาของเขา


“เอ่อ…” เหรินชิงหยวนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำขอ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ตามธรรมเนียม มีแต่ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ศาลเจ้าขงจื๊อ และปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่จะต้องมีปรมาจารย์ที่เป็นรุ่นพี่เป็นผู้พาเข้าไป แต่ในฐานะที่คุณสร้างคุณงามความดีต่อมวลมนุษย์ ผมจะถือเป็นข้อยกเว้นให้ แต่ก็ต้องขอร้องคุณว่าอย่าอยู่ในศาลเจ้าขงจื๊อนานเกินไปนะ ให้เวลา 1 วันเป็นอย่างมาก!”


“ขอบคุณ” จางเซวียนตาโตเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขารีบประสานมือด้วยความสำนึกในบุญคุณ


ในเมื่อศาลเจ้าขงจื๊อมีทั้งลายมือและข้าวของส่วนตัวของปรมาจารย์ขง ลำพังแค่บริเวณอาณาเขตรอบศาลเจ้าก็คงเป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝนวรยุทธแล้ว ผู้ที่ได้เข้าไปย่อมจะกลับออกมาด้วยภูมิปัญญาใหม่และวรยุทธที่ได้รับการยกระดับสูงขึ้นอีกมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวจะไปเยี่ยมเยียนสถานที่ดังกล่าว…


แต่เรื่องนี้ไม่อาจปฏิบัติในทำนองเดียวกันได้กับผู้ที่ไม่ได้เป็นปรมาจารย์ และแถมยังจะใช้เวลาถึง 1 วันเต็มที่นั่น


ถือว่าไม่ง่ายเลยที่เหรินชิงหยวนจะเปิดทางให้เขาแบบนี้


“ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” จางเซวียนพูด


หลังจากได้รับอนุมัติจากเหรินชิงหยวน จางเซวียนก็หาตำแหน่งที่ตั้งของศาลเจ้าขงจื๊อก่อนจะเดินออกจากห้อง เขาตามหาหลัวลั่วชิง แล้วทั้งคู่ก็มุ่งหน้าไปยังเป้าหมาย


ศาลเจ้าขงจื๊อก่อตั้งโดยศิษย์สายตรงคนหนึ่งของปรมาจารย์ขง คือนักปราชญ์โบราณจื่อหยวน หลังจากที่ปรมาจารย์ขงจากไป ทั้งลายมือ เสื้อผ้า อาวุธ และข้าวของจำนวนมากก็ถูกเก็บไว้ในศาลเจ้าแห่งนี้ วัตถุประสงค์หลักของการสร้างศาลเจ้าขึ้นมาก็เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงจิตวิญญาณของครูบาอาจารย์ของโลก และได้สัมผัสประสบการณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของเขา


ของล้ำค่าจำนวนมากที่อยู่ภายในศาลเจ้าขงจื๊อนั้นไม่ได้มีอานุภาพในการโจมตี กล่าวคือมีประสิทธิภาพในการต่อสู้น้อยมาก แต่พวกมันสามารถสร้างแรงบันดาลใจอย่างล้ำลึกให้กับนักรบ ทำให้พวกเขาเกิดการตระหนักรู้และภูมิปัญญา


เมื่อเดินเข้าไปในศาลเจ้า ทั้งคู่เห็นเสื้อคลุมเปื้อนเลือดที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้หลังจากปะทะกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น จดหมายที่เขาส่งออกมาระหว่างที่ถูกกักขังอยู่ที่เฉินข่าย…จางเซวียนถึงกับพูดไม่ออกอยู่นาน


แม้แต่ผู้ทรงพลังอย่างปรมาจารย์ขงก็ต้องประสบความยากลำบากไม่น้อยในการรับมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น


หลังจากที่เดินวนรอบห้อง ในที่สุดหลัวลั่วชิงก็มาหยุดอยู่ที่ของล้ำค่าชิ้นหนึ่งและชี้นิ้วไป


“นี่คือแท่นสถาปนานักปราชญ์ที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้หลังจากที่เขาฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นการพักฟื้นภายในได้แล้ว หากเขาจะทิ้งเทคนิควรยุทธไว้ที่ไหนสักแห่ง ก็น่าจะเป็นที่นี่แหละ”


จางเซวียนรีบหันไปมองและเห็นแผ่นหินรูปกลมอยู่ท่ามกลางของล้ำค่าหลายชิ้น พื้นผิวของมันถูกปกคลุมด้วยชั้นของลำแสงสวยงาม ดูราวกับหยก


“นี่คือ…ผลจากการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์หรือ?” จางเซวียนตั้งข้อสังเกตด้วยความอัศจรรย์ใจ


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวัสดุที่มีรูปร่างเหมือนแผ่นหินนั้นคือหินหยกสีน้ำเงิน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันดูพิเศษกว่าธรรมดา ราวกับมีใครยกระดับคุณภาพของมันไว้ มันแผ่รังสีที่เป็นประกายเจิดจ้ากว่าหินหยกสีน้ำเงินโดยทั่วไป เทียบได้กับหยกน้ำงามอันไร้ที่ติ


พละกำลังเดียวในโลกนี้ที่สามารถเปลี่ยนหินหยกสีน้ำเงินธรรมดาสามัญให้กลายเป็นหยกอันไร้ที่ติได้ก็คงจะมีแต่เปลวเพลิงสวรรค์เท่านั้น


ยิ่งไปกว่านั้น จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขายังรับรู้ถึงรังสีที่แผ่ออกมาจากหินหยกสีน้ำเงินด้วย ทำให้แน่ใจในข้อสงสัยนั้นมากขึ้น


“มันคือผลงานของเปลวเพลิงสวรรค์” หลัวลั่วชิงพยักหน้า


หลังจากแน่ใจแล้ว จางเซวียนก็เปิดใช้ดวงตาหยั่งรู้และสำรวจแท่นหินอย่างถี่ถ้วน ครู่ต่อมา รอยย่นลึกก็ปรากฏบนหน้าผากของเขา


เขารู้แล้วว่าเปลวเพลิงสวรรค์ได้แปรเปลี่ยนหินหยกสีน้ำเงินธรรมดาสามัญให้อยู่ในสภาพนี้ แต่ก็ยังสงสัยว่าปรมาจารย์ขงเรียกการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์สำหรับการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นการพักฟื้นภายในมาได้อย่างไร


แท่นหินนั้นไม่มีอะไรที่เป็นเงื่อนงำให้เขาไขข้อสงสัยได้เลย


จางเซวียนหันไปถามหลัวลั่วชิง “ถ้ากรรมวิธีการฝ่าด่านวรยุทธขั้นสูงถูกซ่อนอยู่ที่นี่จริงๆ แต่ก็มีปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวผู้เก่งกาจมากมายที่เข้ามาพิจารณาแท่นหินนี้ แล้วความลับที่ถูกซ่อนอยู่จะมิถูกเปิดเผยไปแล้วหรือ?”


เหล่าปรมาจารย์นั้นเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการหยั่งรู้อันเฉียบแหลม แม้ดวงตาหยั่งรู้ของจางเซวียนจะถือว่าไร้เทียมทานเมื่อเทียบกับความสามารถเหล่านั้น แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 10 คนที่มีชีวิตมาก่อนหน้าเขาซึ่งมีความสามารถแบบเดียวกัน อย่างเช่นหัวหน้าปูชนียสถานนักปราชญ์คนก่อน


ถ้าแม้แต่คนเหล่านั้นยังไม่พบสิ่งผิดปกติกับแท่นหินนี้ แล้วจะมีเทคนิควรยุทธซุกซ่อนอยู่จริงๆหรือ?


“คุณนำแท่นสถาปนาเซียนที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้มาด้วยหรือเปล่า?” แทนที่จะอธิบาย หลัวลั่วชิงกลับตั้งคำถามอีกคำถามหนึ่งที่เป็นคนละเรื่อง


“…ผมนำมาด้วย”


จางเซวียนสะบัดข้อมือ แล้วแผ่นหินอีกอันหนึ่งก็มาอยู่ตรงหน้า


ก่อนที่จะมอบลูกคริสตัลทรงกลมที่บรรจุพระราชวังชิวอู๋ให้กับหลัวกั้นเจิน เขาได้นำแท่นสถาปนาเซียนเก็บไว้ในแหวนเก็บสมบัติของตัวเองก่อนแล้ว


“พยายามใช้เทคนิควรยุทธของแท่นสถาปนาเซียนเพื่อถ่ายทอดพลังปราณของคุณเข้าสู่แท่นสถาปนาเซียน” หลัวลั่วชิงสั่งการ


จางเซวียนไม่แน่ใจนักว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พยักหน้า เขาสูดหายใจลึกและถ่ายทอดพลังปราณเข้าสู่แท่นสถาปนาเซียน


ฟิ้ววววว!


หลังจากที่พลังปราณไหลเวียนทั่วแท่นสถาปนาเซียน มันก็เริ่มแผ่พลังงานที่มีหลากหลายสีสันออกมาและค่อยๆลอยขึ้นสู่กลางอากาศ ในเวลาเดียวกัน ราวกับได้รับแรงดึงดูดจากพลังงานของแท่นสถาปนาเซียน แท่นสถาปนานักปราชญ์ก็เริ่มลอยขึ้น


แท่นหินทั้งสองเริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกัน ไม่ช้ามันก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียว


“เฮ้ย…” จางเซวียนถึงกับผงะ


เขานึกไม่ถึงว่าแท่นหินทั้งสองจะหลอมรวมเข้าด้วยกันได้แบบนี้


บึ้มมม!


ขณะที่เขากำลังจะถามหลัวลั่วชิงว่าเกิดอะไรขึ้น ลำแสงเจิดจ้าก็ระเบิดออกจากแท่นหิน ร่างสีดำร่างหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางรังสีที่แผ่ไปโดยรอบ ร่างนั้นนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นหิน นัยน์ตาของเขาปิดสนิท


“นี่คือสิ่งที่ปรมาจารย์ขงบันทึกไว้เมื่อครั้งที่เขาฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ขั้น 1 และกรรมวิธีการฝ่าด่านวรยุทธก็อยู่ที่นี่!” หลัวลั่วชิงพูดอย่างตื่นเต้น

 

 

 


ตอนที่ 1663

 

 เทคนิควรยุทธของขงจื๊อ

“สิ่งที่ถูกบันทึกไว้?”


จางเซวียนจ้องมองอย่างถี่ถ้วน และรู้ทันทีว่าร่างนั้นกำลังฝึกฝนวรยุทธอยู่ กระแสพลังจิตวิญญาณพวยพุ่งเข้าสู่ร่างของเขาและหมุนเวียนไปรอบทางเดินพลังปราณ


“นี่คือ…ปรมาจารย์ขง?” จางเซวียนอ้าปากค้าง


ร่างนั้นดูไม่เหมือนมนุษย์ เหมือนกับหัวมันที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมมากกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะหลัวลั่วชิงพูดขึ้นมา เขาคงจะไม่คิดว่านั่นคือมนุษย์…สิ่งที่ดำปิ๊ดปี๋นั้นคือปรมาจารย์ขงจริงๆหรือ?


เห็นจางเซวียนกำลังวอกแวกเพราะรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ หลัวลั่วชิงถอนหายใจอย่างจนปัญญา “บันทึกนี้จะปรากฏแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ มันปรากฏขึ้นก็เพราะความสำเร็จในการฝ่าด่านวรยุทธเป็นเซียนฟ้าประทานของคุณ โอกาสนี้จะไม่มีอีกแล้วหากคุณไม่ใส่ใจมันให้ดี”


ได้ยินคำนั้น จางเซวียนรีบกลับมาสนใจกระบวนท่าของร่างดำปิ๊ดปี๋นั้น


ในเมื่อมันจะปรากฏเพียงครั้งเดียว เขาก็ต้องจับตามองให้ดี ไม่อย่างนั้น หากพลาดอะไรไป ก็คงสายเกินกว่าที่จะมาเสียใจภายหลัง


ข้อบกพร่อง! จางเซวียนเพ่งสมาธิ


ฟึ่บ!


หอสมุดเทียบฟ้ากระตุก แต่ไม่มีหนังสือเล่มไหนถูกประมวลออกมา


จางเซวียนเลิกคิ้ว


มันทรยศเขาในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอีกแล้ว


แน่นอนว่าคงเป็นเพราะปรมาจารย์ขงมีสภาวะของการปฏิเสธคำทำนายโดยสิ้นเชิง ดังนั้น ร่างที่เขาเห็นจึงไม่อาจถูกประมวลโดยหอสมุดเทียบฟ้าได้


ช่างมันเถอะ เราก็แค่พยายามจดจำทุกอย่างให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ก็พอ!


เมื่อเห็นหอสมุดเทียบฟ้าไม่ทำงาน จางเซวียนจึงจับจ้องทุกกระบวนท่าของร่างที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเคร่งเครียด


ร่างนั้นนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นหิน พลังจิตวิญญาณจากโดยรอบพุ่งเข้าสู่ร่างดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รังสีของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ


หลังจากจับจ้องอยู่ครู่หนึ่ง จางเซวียนก็ขมวดคิ้ว


มีบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับวิธีการที่พลังจิตวิญญาณพุ่งเข้าสู่ร่างนั้น…


ในการฝ่าด่านวรยุทธ เหล่านักรบจะเปิดจุดชีพจรทั้งหมดเพื่อซึมซับพลังจิตวิญญาณให้เข้าไปในร่างกายอย่างทั่วถึง และส่งมันเข้าสู่จุดตันเถียนเพื่อยกระดับวรยุทธของพวกเขา


แต่สำหรับร่างนี้ กลับไม่ได้เป็นไปตามกระบวนการดังกล่าว เขาซึมซับพลังจิตวิญญาณอย่างรวดเร็วจากศีรษะ ตามด้วยอวัยวะภายใน จากนั้นก็แขนขา ยิ่งไปกว่านั้น องค์ประกอบของพลังจิตวิญญาณที่เขาซึมซับเข้าไปก็แตกต่างกันด้วย


พลังจิตวิญญาณที่พุ่งขึ้นสู่ศีรษะของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต ดูเหมือนจะนำทางองค์ประกอบที่เหลือ ส่วนพลังจิตวิญญาณที่ถูกส่งเข้าสู่อวัยวะภายในมีองค์ประกอบของไฟ พลังจิตวิญญาณที่ถูกส่งเข้าสู่แขนมีองค์ประกอบของไม้ พลังจิตวิญญาณที่ถูกส่งเข้าสู่ขาและร่างกายส่วนล่างมีองค์ประกอบของพลังเย็น


เห็นสีหน้าสับสนของจางเวียน หลัวลั่วชิงอธิบาย “มันคือ 4 ฤดูกาล”


“4 ฤดูกาล?” จางเซวียนทวนคำด้วยความสงสัย


“โลกนี้แบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล ผู้คนมักพูดกันว่าโลกใบที่เราอาศัยอยู่นั้นไม่มีชีวิตจิตใจ แต่อันที่จริงแล้วมันเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติเพื่อกำจัดสิ่งแปดเปื้อนที่มันได้สะสมไว้ ยกตัวอย่าง กูรูยาพิษสามารถผสมยาพิษและโปรยมันไปทั่วดินแดนได้ แต่หากเวลาผ่านไปนานพอ โลกก็สามารถเจือจางยาพิษนั้นได้โดยใช้พลังของการเปลี่ยนฤดูกาล ส่งผลให้เกิดการเยียวยาความบอบช้ำที่โลกได้รับ” หลัวลั่วชิงอธิบาย


“ก็เหมือนกับการขจัดเซลล์ที่ได้รับความบอบช้ำในวรยุทธขั้นการพักฟื้นภายในใช่ไหม?”


จางเซวียนตาโตเมื่อนึกได้


โลกใบนี้มีพละกำลังอันน่าทึ่งในการเยียวยาความบอบช้ำที่มันได้รับโดยใช้กาลเวลา ไม่ว่าจะรุนแรงขนาดไหนก็ตาม มันอาจใช้เวลาหลายร้อย หลายพัน หรือแม้แต่หลายหมื่นปี แต่ในที่สุด ทุกความบอบช้ำก็จะได้รับการเยียวยา มันจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย


ดังนั้น ในแง่ของการเติบโต ไม่มีอะไรที่จะขัดขวางพละกำลังโดยธรรมชาติของโลกได้ แม้แต่นักปราชญ์โบราณก็ไม่อาจแข่งขันกับมัน


จางเซวียนพยักหน้าด้วยความอัศจรรย์ใจ สิ่งที่ปรมาจารย์ขงทำคือการทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของ 4 ฤดูกาลและนำมันมาหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาเพื่อให้เกิดการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นการพักฟื้นภายใน…


สมกับที่เป็นครูบาอาจารย์ของโลก เขาช่างไม่ธรรมดาจริงๆ!


ไม่น่าแปลกใจแล้วที่ปรมาจารย์ขงสามารถเรียกการทดสอบเปลวเพลิงสวรรค์มาได้ทันทีที่เขาฝ่าด่านไปสู่วรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ขั้น 1 ได้สำเร็จ ด้วยการใช้เทคนิควรยุทธที่ใกล้ชิดและสอดคล้องกับโลกมากขนาดนี้ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่สวรรค์จะต้องเกิดความอิจฉา


เปรียบร่างกายเป็น 4 ฤดูกาล, อวัยวะภายในคือ 5 ทิศ, จิตคือสวรรค์, ร่างกายคือโลก, การก่อเกิดพลังหยินหยางคือวิญญาณ…


จางเซวียนยิ่งจ้องมองเท่าไหร่ก็ยิ่งอัศจรรย์ใจขึ้นเท่านั้น เขาค่อยๆทรุดตัวลงนั่งและเริ่มฝึกฝนวรยุทธ ด่านคอขวดที่เคยกีดขวางระดับวรยุทธของเขาไว้อย่างแน่นหนาในอดีตค่อยๆคลายตัวลง ดูเหมือนเขาพร้อมจะก้าวข้ามขั้นสุดท้ายไปได้ทุกขณะ


ขณะที่จางเซวียนกำลังจะฝ่าด่านวรยุทธ ก็พลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้น ไม่ใช่สิ แบบนี้ไม่ถูกต้อง…ปรมาจารย์ขงมีกรรมวิธีของตัวเองในการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เราไม่ได้มีสภาวะแบบเดียวกับเขา เราควรใช้ภูมิปัญญาของเขาเป็นแนวทาง แต่จะเลียนแบบเขาอย่างหูหนวกตาบอดแบบนี้ไม่ได้…


ปรมาจารย์ขงใช้ทั้งชีวิตต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น มีทั้งความแข็งแกร่งและความชอบธรรม ส่วนจางเซวียนมีวิถีทางและประสบการณ์ของตัวเองซึ่งแตกต่างจากปรมาจารย์ขง ด้วยเส้นทางที่ไม่เหมือนกัน กรรมวิธีการฝึกฝนวรยุทธก็ไม่ควรจะเหมือนกันด้วย หากจางเซวียนถูกบังคับให้พยายามเดินตามเส้นทางของใคร ก็มีโอกาสสูงที่วรยุทธของเขาจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก


เรามีหอสมุดเทียบฟ้าอยู่ในครอบครอง เทคนิคที่เราฝึกฝนล้วนแต่สมบูรณ์แบบทั้งนั้น หากเปรียบเทียบกับสวรรค์ ก็ไม่มีใครที่จะแข่งขันกับเราได้…จางเซวียนคิดด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย


นับตั้งแต่เริ่มฝึกฝนวรยุทธมา เขาไม่เคยก้าวพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว นักรบคนอื่นอาจใช้เวลาทั้งชีวิตแสวงหาหนทางในโลกนี้ด้วยความสิ้นหวัง แต่ลงท้าย สิ่งที่พวกเขาค้นพบก็เป็นเพียงความเข้าใจอันตื้นเขินที่มีต่อโลก แต่สำหรับจางเซวียน สิ่งที่เขาได้รับคือแก่นสำคัญของสวรรค์!


จะมีใครในโลกนี้ที่จะเข้าอกเข้าใจโลกได้ดีไปกว่าเขา?


นับตั้งแต่เทคนิควรยุทธของนักรบทั่วไป เทคนิควรยุทธของนักรบเหนือมนุษย์ เทคนิควรยุทธของนักรบระดับเซียน…


ขณะที่ความเข้าใจของเทคนิควรยุทธระดับต่างๆไหลเข้าสู่สมองของเขา พวกมันก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน เกิดเป็นภาพปะติดปะต่ออันน่าทึ่ง


นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการ! จางเซวียนคิดขณะที่ดำดิ่งเข้าสู่การพิจารณาภาพปะติดปะต่อนั้น


พริบตาต่อมา เขาก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ในดินแดนที่ไม่รู้จัก เป็นโลกที่เขาไม่เคยพบมาก่อน


บึ้มมมม!


ด่านคอขวดที่เคยสกัดกั้นวรยุทธระดับเซียนขั้น 9 สูงสุดไว้ถูกทำลายไปแล้ว พลังปราณของเขา พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ในเวลาเดียวกัน รังสีของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างดุเดือด


เราฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จแล้ว! เพราะฉะนั้น นี่ก็คือพละกำลังที่แท้จริงของนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่…


เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานอันน่าทึ่งที่ไหลเวียนไปทั่วทางเดินพลังปราณ จางเซวียนถึงกับใจเต้นตึกตัก


โชคดีที่หลัวลั่วชิงยับยั้งเขาไว้จากการพยายามฝ่าด่านวรยุทธก่อนหน้านี้ หากเขาใช้กระบวนการฝ่าด่านวรยุทธขั้นต่ำ คงจะมีวรยุทธอ่อนด้อยกว่าตอนนี้มาก


ฟิ้วววว!


ไม่นานหลังจากการฝ่าด่านวรยุทธ หมู่เมฆดำก็เริ่มก่อตัวขึ้นภายใน พลังงานจำนวนมหาศาลเข้ามารวมตัวกันในพื้นที่ ครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณของศาลเจ้าขงจื๊อ


“มันเกิดอะไรขึ้น?”


“หมอนั่นคงไม่ได้ฝ่าด่านวรยุทธที่นั่นหรอกนะ ใช่ไหม?”


“ซวยแล้ว! นั่นมันศาลเจ้าขงจื๊อนะ!”


…..


เมื่อเห็นหมู่เมฆดำก่อตัวขึ้นทั่วบริเวณ ใบหน้าของเหล่าปรมาจารย์ในสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ล้วนซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึง พวกเขาแทบกระอักเลือดออกมา


ไอ้น้อง คุณควรจะหาพื้นที่ที่ดีกว่านี้ในการฝ่าด่านวรยุทธ ใช่ไหม?


นั่นมันศาลเจ้าขงจื๊อนะ! คุณรู้หรือเปล่าว่าการทำลายที่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการทำตัวเป็นศัตรูกับเหล่าปรมาจารย์ทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์? มันจะเป็นตราบาปที่คุณจะไม่มีวันหลุดพ้นไปได้!


“เร็วเข้า ยับยั้งเขาไว้!” เหรินชิงหยวนร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง


ถ้าเขารู้เสียก่อนว่าจะเป็นอย่างนี้ จะไม่มีทางปล่อยให้เจ้าตัวปัญหานั่นเข้าไปเลย


ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนอื่นๆที่เข้าสู่ศาลเจ้าขงจื๊อจะได้รับการชำระจิตวิญญาณ กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงพลังที่พร้อมจะมอบชีวิตของตัวเองให้กับมวลมนุษย์ แต่เมื่อหมอนั่นเข้าไป ก็กลับเรียกการทดสอบวรยุทธที่จะมาทำลายสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์นั้น


แค่นี้ก็เลวร้ายพออยู่แล้วที่หมอนั่นใช้การทดสอบวรยุทธทำลายทั้งตระกูลจางและศาลาว่าการที่ราบธารน้ำแข็งจนพินาศ…ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพียงเท่านั้นเขาจะยังไม่สาแก่ใจ!


นี่เขาอยากทำลายศาลเจ้าขงจื๊อของสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่จริงๆใช่ไหม?


เมื่อครู่นี้ผมก็ทำดีกับคุณไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงอยากหาเรื่องผมอีก? ผมยังขอโทษคุณไม่พอหรือไงกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น?


ขณะที่ก่นด่าสาปแช่งจางเซวียนอยู่ในใจ เหรินชิงหยวนก็รุดหน้าไปยังศาลเจ้าขงจื๊อพร้อมกับผู้อาวุโสคนอื่นๆ ขณะที่กำลังจะพรวดพราดเข้าไป ก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนเดือดพล่านที่พวยพุ่งออกมาจากศาลเจ้า ทำให้ทุกคนต้องชะงักอยู่กับที่


เหรินชิงหยวนคว้าตัวปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวคนหนึ่งมาถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”


“ศาลเจ้าขงจื๊อถูกโอบล้อมด้วยพลังพิเศษบางอย่างที่ป้องกันไม่ให้พวกเรามองเห็นด้านในได้ ต่อให้ใช้การรับรู้จิตวิญญาณก็ตาม พวกเราจึงไม่รู้ว่า…” ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวผู้นั้นรีบอธิบาย


“พลังพิเศษบางอย่าง? ป้องกันได้แม้แต่การรับรู้จิตวิญญาณของปรมาจารย์ระดับ 9 ดาว?”


เหรินชิงหยวนถึงกับผงะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)