คัมภีร์วิถีเซียน 1658-1662
ตอนที่ 1658 ข่มขู่
เมื่อผ่านการทดสอบเมื่อครู่ เขาก็ไม่สนใจอันใดในเนื้อหาของคัมภีร์อีก จึงทำได้เพียงปล่อยให้ต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้ถูกอสูรวิญญาณครวญดูดซับไปอย่างช้าๆ
อสูรวิญญาณครวญเป็นอสูรวิญญาณของเขา หากดูดซับแล้วพลังยุทธ์เพิ่มขึ้น ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง
ผลลัพธ์ดีกว่าให้ต้นกำเนิดจิตวิญญาณเที่ยงแท้ถือกำเนิดในอีกสองสามร้อยปีให้หลัง แล้วถ้าได้ตกอยู่ในมือของผู้ใด พลังยุทธ์ก็แข็งแกร่งเพิ่มไม่น้อย
หลังจากที่ขบคิดเช่นนั้น หานลี่ที่เดิมทีรู้สึกดีใจพลันรู้สึกโศกเศร้าผิดหวัง สุดท้ายก็ผ่อนคลายลง ทำให้สภาวะจิตใจค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
ยกมือหนึ่งปล่อยไปทางอสูรวิญญาณครวญ ดูดอสูรวิญญาณครวญกลับมา
จากนั้นเขาพลันครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ขวดหยกสีเขียวที่ดูธรรมดาใบหนึ่งปรากฏออกมา
ขวดหยกใบนี้ดูเหมือนธรรมดา แต่กลับแผ่ลำแสงสีเขียวอ่อนออกมา และยิ่งไปกว่านั้นปากขวดกลับมียันต์ต้องห้ามแปะอยู่หลายแผ่น
หานลี่ขมวดคิ้วโยนขวดนั้นขึ้นไปบนท้องฟ้า สะบัดแขนเสื้อ ธงอาคมเปล่งแสงสิบกว่าด้ามบินออกมา
ปากบริกรรมคาถา ชี้ไปทางธงอาคมเหล่านี้
ชั่วขณะนั้นเสียงร้องพลันดังขึ้น ธงอาคมเหล่านี้กลายเป็นลำแสงหลากสีสันสิบกว่าสาย เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ม่านลำแสงสีเหลืองอ่อนชั้นหนึ่งปรากฏออกมาจากในห้องลับ ผิวของมันมีอักขระตัวน้อยใหญ่ลอยพลิ้วอยู่
คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะวางเขตอาคมขนาดเล็กห่อหุ้มตนเองเอาไว้
หลังจากที่เขาทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ถึงได้อ้าปากเป่าพายุหมุนกลุ่มหนึ่งออกมาใส่ขวดหยกสีเขียวอย่างสบายใจ
หลังจากเสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ยันต์ต้องห้ามสองสามแผ่นตรงปากขวดก็ร่อนลงมาหลังจากที่พายุพัดผ่านไป
ปากขวดเปิดออก ด้านในมีลำแสงกะพริบวาบอยู่รางๆ
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นพลันยกมือขึ้นอย่างไม่ต้องขบคิด แล้วตะปบไปยังขวดหยกกลางอากาศ
ขวดหยกสีเขียวหมุนติ้วๆ แล้วเทลงมา หมอกลำแสงม้วนออกมา สิ่งประหลาดห้าสีสันพ่นออกมาจากปากขวด
รูปร่างเหมือนมนุษย์ ขนาดสองสามชุ่น แต่กลับนิ่งงัน ราวกับหุ่นเชิดมนุษย์หลากสีสัน
แต่หานลี่มองหุ่นเชิดกลับมิกล้าดูแคลนเลยแม้แต่น้อย ปากพลันบริกรรมคาถา ร่ายอาคมโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง
ผิวของหุ่นเชิดมนุษย์เปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้น แค่กะพริบวาบๆ ก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นใบหน้าดังเดิม
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์สูงสองจั้ง ใบหน้าเป็นสีเขียวมรกต แขนขาทั้งสี่กลับเป็นหนวดสีม่วงอ่อน
นั่นคือ ‘เห็ดเซียน’ ที่หานลี่ได้มาจากเทือกเขามารสีทองด้วยความบังเอิญ
มันในยามนี้ร่างกายมีอักขระต่างๆ ปรากฏอยู่ เรือนกายถูกตรึงเอาไว้แน่นหนา สองตาปิดสนิท จมเข้าสู่ในภวังค์การหลับใหล
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง พิจารณา ‘เห็ดเซียน’ ตรงหน้าขึ้นๆ ลงๆ ท่าทางเหมือนสนอกสนใจเป็นอย่างมาก
มิน่าล่ะเขาถึงได้มีท่าทีเช่นนี้
แม้ว่าหานลี่จะไม่เคยเห็นพวกสมุนไพรวิญญาณแปลงกายมาก่อน แม้กระทั่งโสมวิญญาณสลับฟันปลาก็สามารถทำให้เศษเสี้ยวของจิตวิญญาณกลายเป็นกระต่ายที่ดูสมจริงตัวหนึ่ง
แต่ ‘เห็ดเซียน’ ตัวนี้กลับแปลงสร้างภาพมายาให้กับร่างของตัวเอง และยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่ในร่างมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งที่สมุนไพรฟ้าดินอย่างโสมวิญญาณสลับฟันปลาจะเปรียบเทียบได้
ทว่าอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้คิดจะปลุกสมุนไพรวิญญาณในทันที แต่กลับซ่อนเอาไว้ตรงนิ้วในแขนเสื้อแล้วดีดออกมา
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น กระบี่ลำแสงบางๆ สายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไป วนล้อมรอบนวดสีม่วงของเห็ดเซียน
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วพริบตาบาดแผลขนาดสองสามชุ่นพลันปรากฏออกมา ของเหลวสีขาวนวลสองสามหยดพลันไหลออกมา
กลิ่นยาเข้มข้นโชยเต็มห้องโถง
แววตาของหานลี่ฉายแววเย็นเยียบ ชูมือข้างหนึ่งขึ้น ขวดเล็กขนาดเท่าหัวแม่มืออีกขวดที่เตรียมการเอาไว้นานแล้วบินออกมา
ในเวลาเดียวกันก็อ้าปากออกพ่นหมอกลำแสงออกมา
หมอกลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ม้วนเอาทุ่งหญ้าสีขาวบนหนวดของเห็ดเซียนขึ้นมา แล้วหมุนวนรอบหนึ่ง พร้อมกับบรรจุลงไปในขวด คาดไม่ถึงว่าจะไม่พลาดแม้แต่หยดเดียว
และในยามนั้นบาดแผลบนหนวดของเห็ดเซียนกลับเปล่งแสงสีม่วงจางๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ ราวกับว่าไม่เคยดำรงอยู่อย่างไรอย่างนั้น
หานลี่กลับดูเหมือนว่าจะคาดการณ์สถานการณ์เช่นนี้ได้ตั้งนานแล้ว และไม่ได้เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา แต่ใช้มือหนึ่งกวักออกไปกลางอากาศ
ชั่วขณะนั้นพลังไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศและห่อหุ้มลงมา
เสียง “สวบ” ดังขึ้น ขวดใบเล็กที่บรรจุของเหลวสีขาวนวลพุ่งออกมากลางอากาศ และถูกเขาตะปบเอาไว้ในมือ และหยิบขึ้นมาดมเล็กน้อย
“พลังวิญญาณที่บริสุทธิ์มาก!”
หานลี่เอ่ยพึมพำ ดูเหมือนจะถอนหายใจ แต่ใบหน้ากลับไม่ได้เผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจออกมา
แต่อีกมือหนึ่งพลันตะปบไปกลางอากาศ ลำแสงสีเงินกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นขวดทรงกลมขนาดครึ่งฉื่อ
ผิวของสิ่งนี้เปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ ลวดลายที่สลักอยู่ดูวิจิตรงดงามราวกับไม่ใช่ของธรรมดา
หานลี่เทขวดเล็กในมือลงในขวดขวดสีเงิน
ชั่วขณะนั้นของเหลวสีขาวนวลหยดหนึ่งพลันหยดออกมา และเปล่งแสงสว่างวาบพร้อมกับหยดลงไป
จากนั้นหานลี่พลันสะบัดแขนเสื้อไปบนพื้น กำไลเก็บของบินออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็พ่นหมอกลำแสงกลุ่มหนึ่งออกมาจากในนั้น
หลังจากที่หมอกลำแสงม้วนผ่านไป บนพื้นพลันมีอุปกรณ์บรรจุอย่างกล่องและขวดหลากหลายรูปแบบปรากฏออกมา
หานลี่กวาดสายตาไป ตะปบไปยังกล่องหยกหนึ่งในนั้น
ฝากล่องหยกบินออกมาโดยอัตโนมัติ จากนั้นของเหลวสีฟ้ากลุ่มหนึ่งพลันบินออกมาจากด้านใน กลายเป็นเส้นบางๆ สายหนึ่งตกลงไปถึงขวดสีเงิน
ครู่ต่อมาก็บินออกมาจากขวดอีกครั้ง และตรงไปหาขวดสีเงิน…
หลังจากผ่านไปสามสี่ชั่วยามเต็มๆ ทั้งห้องลับก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของยา แววตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบพลางจ้องเขม็งไปยังสิ่งที่อยู่ในขวดสีเงินที่ถืออยู่อย่างนิ่งๆ
ดูเหมือนว่าของที่อยู่ด้านในในยามนี้จะดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเขาเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เสียงหัวเราะอย่างขมขื่นก็ดังออกมาจากในห้องลับ จากนั้นในมือของหานลี่พลันเปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ ขวดสีเงินสลายหายไป
“ดูแล้วหากนำมาปรุงยา แม้ว่าโลหิตของเห็ดเซียนจะมีอิทธิฤทธิ์ไม่น้อย แต่คงไม่มีทางดึงดูดความสนใจของสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ขนาดนี้แน่ ดูแล้วมันคงมีอิทธิฤทธิ์ที่มหัศจรรย์ด้านอื่น” หานลี่นั่งลงอีกครั้ง แต่ก็เอ่ยพึมพำอย่างมีความคิด
เมื่อสิ้นเสียง เขาพลันเลื่อนสายตาไป อดที่จะมองไปยังเห็ดเซียนที่ลอยนิ่งอยู่ตรงหน้าไม่ได้
หานลี่ลูบใต้คางหลังจากที่แววตาเปล่งประกายสว่างวาบ ฉับพลันนั้นนิ้วทั้งสิบพลันร่ายอาคมอีกครั้ง
เส้นไหมสีเงินยี่สิบสามสิบสายพุ่งออกไปเปล่งแสงสว่างวาบแล้วทยอยกันจมหายเข้าไปในร่างของเห็ดเซียนอย่างไร้เงา
จากนั้นหานลี่พลันหยุดนิ้ว หดสองมือเข้าไปในแขนเสื้อ มองเห็นเห็ดเซียนไม่เคลื่อนไหวใดๆ อีก
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เห็ดเซียนที่เดิมนิ่งงันก็เปล่งแสงเจิดจ้า ลำแสงสีม่วงจางๆ ชั้นหนึ่งปรากฏออกมา
มันขยับเปลือกตาเบิกตาขึ้นอย่างช้าๆ และสบตากับสายตาของหานลี่ที่มองมา
เห็นเพียงดวงตาเป็นสีเขียวอ่อน รูม่านตากลับมีแสงสีเงินไหลวนโคจรอยู่ เห็นได้ชัดว่าแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
“ดูแล้ว ข้าคงต้องอยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว บอกข้าได้หรือไม่ ที่นี่คือที่ใดหรือ?” นอกเหนือความคาดหมายของหานลี่ เห็ดเซียนไม่ได้เผยสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมา กลับเอ่ยอย่างราบเรียบ ราวกับว่าเหมือนพูดคุยกับคนบนถนนธรรมดาๆ คนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หานลี่พลันเลิกคิ้ว ใบหน้าเผยสีหน้าอมยิ้มออกมา แต่ก็ตอบกลับอย่างไม่มีเจตนาจะปิดบังเลยสักนิด
“ที่นี่คือเมืองเมฆาที่อยู่ไม่ไกลกับเทือกเขามารสีทอง! ดูแล้วเจ้าคงจะเบิกเนตรไปตั้งนานแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะยังเยือกเย็นถึงเพียงนี้ได้”
“ข้าไม่เยือกเย็นแล้วจะทำอย่างไรได้ หรือว่าหากข้าเอ่ยปากขอร้อง เจ้าก็จะปล่อยข้าไป?” เห็ดเซียนเงียบขรึม แล้วถึงได้เอ่ยอย่างราบเรียบออกมา
“นั่นมันก็ใช่ นายท่านเป็นสมุนไพรฟ้าดินที่แปลงกายเป็นมนุษย์ได้ ทั้งแดนวิญญาณคงมีอยู่น้อยมาก ปล่อยเจ้าไปย่อมเป็นไปไม่ได้” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา กลับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เมื่อเห็นหานลี่มีท่าทีสงบและผ่อนคลายเช่นนี้ ใบหน้าของเห็ดเซียนกลับเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นสายตาก็กวาดไปยังบาดแผลบนหนวดที่ถูกหานลี่กรีดไปก่อนหน้าแวบหนึ่ง แล้วแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชาพร้อมกับหลับตาทั้งสอง ท่าทางไม่อยากพูดอันใดอีก
“ทว่าแปลกใจอยู่บ้าง นอกจากนายท่านจะเป็นสมุนไพรปรุงยาแล้ว ยังมีประโยชน์ด้านใดอีก มิเช่นนั้นจะถูกชนชั้นสูงไล่ตามอย่างไม่ลดละได้อย่างไร” หานลี่กลับไม่ใส่ใจเลยสักนิด แค่เอ่ยถามอย่างไม่สนใจอีกฝ่าย
เห็ดเซียนได้ยินหานลี่เอ่ยถามเช่นนี้ มุมปากก็เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา กลับยังคงปิดปากเงียบไม่มีท่าทีจะตอบกลับ
“ในเมื่อนายท่านเบิกเนตรแล้ว ก็คงมีจิตวิญญาณดั้งเดิมของตนเองสินะ คงไม่อยากให้ข้าใช้วิชาค้นจิตวิญญาณหรอกกระมัง” หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งขณะเอ่ย
“ค้นวิญญาณ?” เห็ดเซียนได้ยินกลับหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา
หานลี่ได้ฟังอีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้ ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
ในแดนวิญญาณแม้ว่าเคล็ดวิชาที่เหมือนกับเคล็ดวิชาลับรัดวิญญาณของเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้จะมีไม่มาก แต่ก็ไม่อาจบอกว่าน้อยได้ เห็ดเซียนที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตมากี่ปีแล้ว รู้จักเคล็ดวิชานี้ ก็นับว่าไม่ได้แปลกประหลาดอันใด
เขาขบคิดอย่างรวดเร็วไม่หยุด แต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลง ดูไม่ออกถึงความผิดปกติเลยสักนิด
“นายท่านไม่อยากพูดก็ไม่เป็นอันใด ข้าจะเอาตัวเจ้าใส่เข้าไปในยา ก็สามารถหลอมยาลูกกลอนระดับสุดยอดออกมาได้เช่นกัน แต่จากที่ข้ารู้มาปราณแท้แปลงกายของสมุนไพรวิญญาณฟ้าดินอย่างเจ้า มีประโยชน์ต่อการฝึกฝนเคล็ดวิชาลับเฉพาะของผู้บำเพ็ญเพียรเป็นอย่างมาก นายท่านเองก็ฝึกฝนมาตั้งไม่รู้กี่ปีถึงได้มีสติปัญญา หากตกอยู่ในมือผู้อื่น เกรงว่าการฝึกฝนอย่างหนักในอดีตคงไร้ผล” หลังจากที่หานลี่กะพริบตาปริบๆ ฉับพลันนั้นก็เอ่ยเช่นนี้ออกมา
“เจ้ากำลังข่มขู่ข้า!” ร่างของเห็ดเซียนสั่นเทาเบาๆ เบิกตาทั้งสองข้างขึ้น เอ่ยถามด้วยความโหดเ**้ยม
“นับว่าข่มขู่มิได้ แค่ข้าน้อยเสี่ยงอันตรายขนาดนี้เข้าไปในเทือกเขามารสีทอง หากไม่ได้สิ่งตอบแทนที่เพียงพอ ก็ทำได้เพียงต้องใช้ประโยชน์สูงสุดแล้ว” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา แต่ในสายตากลับไม่มีความรู้สึกเลยสักนิด
“หากข้าบอก เจ้าจะยอมสัญญาว่าจะปล่อยจิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าไปหรือ? เจ้าจะเอาอันใดมาให้ข้าเชื่อคำพูดเจ้า” เห็นได้ชัดว่าเห็ดเซียนฟังเจตนาของหานลี่ออก รูม่านตามีลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ พลางเอ่ยถามอย่างเย็นชา
“ปล่อยจิตวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าไปย่อมไม่ได้ ข้ากลัวว่าเจ้าจะชิงร่างแล้วไปเกิดไป หรือถูกคนอื่นจับเป็นไป แล้วแพร่งพรายอันใดไป แต่กลับแก้ปัญหาให้เจ้าได้ ส่งเจ้าเข้าไปในวัฏสงสาร ส่วนปัญหาเรื่องจะเชื่อหรือไม่ หรือว่านายท่านยังมีทางเลือกอื่นหรือ?” หานลี่หัวเราะอย่างเบิกบานขณะเอ่ยถาม
ตอนที่ 1659 ประนีประนอม
“ข้าไม่มีทางเลือก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เสนอเงื่อนไขเลยสักนิด!” สายตาของเห็ดเซียนเปล่งประกาย พลางเอ่ยอย่างแช่มช้า
“นายท่านมีเงื่อนไขอันใด ลองพูดมาให้ฟังสิ” หานลี่ฉีกยิ้ม ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจ
“ง่ายมาก เนื้อหาตามที่เจ้าบอก ข้าบอกความลับเกี่ยวกับพลังปราณในร่างของเจ้าได้ ข้าจะปล่อยจิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าให้สลายหาย ให้มันได้เข้าสู่วัฏสงสาร หากมีชาติหน้าล่ะก็ ก็มีโอกาสกลายเป็นมนุษย์อย่างพวกเจ้า แต่วิธีการแลกเปลี่ยนกลับต้องทำตามวิธีของข้า มิเช่นนั้นข้ายอมตายไปพร้อมกับร่างวิญญาณนี้ และจะไม่ทำเรื่องโง่เขลาอย่างให้ผู้อื่นควบคุมแล้ว” เห็ดเซียนดูเหมือนว่าจะขบคิดเอาไว้ตั้งนานแล้ว จึงเอ่ยเช่นนี้ออกมารวดเดียว
“รูปแบบอันใด?” หานลี่เอ่ยถามตรงๆ
“ข้าจะใช้เคล็ดวิชาลับพรสวรรค์ แยกจิตวิญญาณเที่ยงแท้ออกเป็นสองส่วน ในนั้นจะมีจิตสัมผัสหลักของข้าผสมอยู่เกือบครึ่ง ส่วนน้อยจะเป็นความทรงจำของข้า เจ้าต้องปล่อยจิตวิญญาณส่วนใหญ่ของข้าไปก่อน ขอแค่เจ้าทำตามสัญญาจิตวิญญาณส่วนที่เหลือของข้าก็จะบอกความลับกับเจ้า จากนั้นหลังจากที่เจ้าได้ของมาแล้ว ค่อยส่งเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณข้าเข้าสู่วัฏสงสาร หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลใดๆ แล้ว ข้าเองก็วางใจจะบอกเรื่องราวกับเจ้าแล้ว” เซียนเอ่ยด้วยใบหน้าราบเรียบ
“ไม่มีอันใดต้องกังวล ใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้น! เจ้าไปโดยทิ้งจิตวิญญาณดั้งเดิมไว้กว่าครึ่ง หากหลังจากนี้มีอันใดเสียใจภายหลังจนไม่บอกข้า ข้าจะไม่เสียเปรียบหรือ” หานลี่ใจเต้น แต่สิ่งที่แสดงออกมากลับเป็นเพียงส่ายหน้า
“ยามที่เจ้าจับข้า เดิมข้าก็มีแผลอยู่แล้ว ยามนี้ต่อให้ไม่ตกอยู่ในมือเจ้า ก็ต้องถูกผู้อื่นจับเป็นไปในอีกไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นจึงไม่มีความแค้นอันใดกับเจ้า ข้าไม่มีทางเอาจิตวิญญาณดั้งเดิมส่วนเล็กๆ ของตนเองมาล้อเล่นกับร่างที่ไม่มีประโยชน์หรอก ถึงอย่างไรเสียผู้ใดจะรู้ว่าหากจิตวิญญาณดั้งเดิมที่ชำรุดเข้าสู่วัฏสงสาร จะเกิดปัญหาอันใดหรือไม่” เห็ดเซียนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
หานลี่ลูบใต้คางไปมา แล้วพิจารณาเห็ดเซียนตรงหน้าสองสามแวบ ฉับพลันนั้นก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม : “เยี่ยม เอาตามที่เจ้าว่า ทำเช่นนั้นเถิด”
“เจ้าจะตอบรับง่ายๆ เช่นนี้หรือ?” เห็นหานลี่ตอบรับอย่างสบายใจ เห็ดเซียนกลับตกตะลึง แล้วเห็ดสีหน้าประหลาดใจออกมา
“อันใด สหายมีวิธีที่ดีกว่าหรือ?” มุมปากของหานลี่เผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา
“ไม่มี ข้ายังนึกว่าแม้ว่านายท่านจะตอบรับเรื่องนี้ก็ยังต้องขบคิดอีกนาน” เห็ดเซียนเอ่ยอย่างแช่มช้า
“มีอันใดให้คิดมาก ความจริงแล้วจับนายท่านได้ เดิมก็เป็นเรื่องน่าตกตะลึงแล้ว เหตุใดข้าต้องขบคิดให้มากมายด้วย” หานลี่เอ่ยอย่างมีเลศนัยเมื่อได้ยินคำนี้ของหานลี่ เห็ดเซียนก็หน้าเปลี่ยนสี แต่ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา
“เอาละ เจ้าสำแดงเคล็ดวิชาลับแยกจิตวิญญาณดั้งเดิมต้องใช้เวลาเท่าใด อย่าบอกข้าว่าต้องใช้เวลายี่สิบสามสิบปีหรือแม้กระทั่งร้อยปีหรอกนะ” หานลี่เอ่ยถามอีกครั้ง
“แน่นอนว่าไม่อาจใช้เวลานานขนาดนั้นได้ แต่เวลาที่เสียไปก็ไม่สั้นนัก น่าจะภายในเวลาหนึ่งปีถึงจะสำแดงเคล็ดวิชาลับนี้สำเร็จ แต่ในระยะเวลานี้เจ้าจำต้องถอนเขตอาคมในร่างข้าออกส่วนหนึ่ง” เห็ดเซียนมีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
“หนึ่งปี ได้ ให้เวลาเจ้าได้ และจะถอนอาคมในร่างเจ้าครึ่งหนึ่ง แต่นายท่านอย่าคิดเรื่องอื่นจะดีกว่า ข้าทำเช่นนี้เขตอาคมที่เหลืออยู่ก็จะลึกลับมากขึ้น หากเจ้าหนีได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้แซ่หานก็จะยอมรับว่าโชคร้ายเอง” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ
“ก่อนข้าถูกจับ บาดแผลในร่างยังไม่ถ่ายดี ยามนี้จึงไม่อาจฝืนระงับมันได้มากนัก ไหนเลยจะมีแรงหนีอีก” เห็ดเซียนได้ยินกลับหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
หานลี่ได้ฟังคำนี้พลันหัวเราะหึๆ ออกมาไม่ได้เอ่ยอันใด แต่นิ้วพลันร่ายอาคม ลูกไฟสีทองและเงินสองลูกบินออกมาจากแขนเสื้อ
เห็ดเซียนเห็นเช่นนั้น รูม่านตาพลันเปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ จ้องเขม็งไปด้วยความฉงนสงสัย
เห็นเพียงลูกไฟสองลูกเป็นแมลงเกราะทองและวิหคเพลิงสีเงินขนาดจิ๋ว
ทั้งสองมีขนาดเท่าหัวแม่มือ เปล่งแสงระยิบระยับ ราวกับสร้างขึ้นจากทองคำและเงินบริสุทธิ์
“แมลงกลืนทอง”
วิหคเพลิงสีเงินนั้นก็ช่างเถิด เห็ดเซียนเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของแมลงเกราะสีทอง พลันหน้าถอดสี
“อ๋อ นายท่านเองก็รู้จักแมลงวิญญาณชนิดนี้ เช่นนั้นละก็ยิ่งดีใหญ่ สหายรู้จักความร้ายกาจของแมลงตัวเอง คิดดูแล้วก็น่าจะไม่มีความคิดอันใดอีก” หานลี่หัวเราะอย่างแผ่วเบาออกมา ยกมือขึ้นชี้ไปที่แมลงกลืนทองและวิหคเพลิงสีเงิน
ชั่วขณะนั้นทั้งสองลอยไปหาเห็ดเซียน
สีหน้าของเห็ดเซียนเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง
ความร้ายกาจของแมลงกลืนทอง มันจะไม่รู้ได้อย่างไร ตัวที่ยังไม่โตเต็มวัยตรงหน้า หากไม่ถูกกักไว้ในร่าง เกรงว่ามันคงคิดหนีไปตั้งนานแล้ว
แม้ว่าอีกฝ่ายจะทลายวิหคเพลิงสีเงินที่กลายเป็นเปลวเพลิงอีกลูกหนึ่งได้ แต่ปล่อยออกมาพร้อมกับแมลงกลืนทองได้ คิดดูแล้วแม้ว่าระดับความน่ากลัวจะเทียบไม่ได้ แต่ก็คงไม่ต่างกันเท่าใดแน่
ทว่ามองเห็นทั้งสองสิ่งมาอยู่ที่มุมปาก เห็ดเซียนแค่ขบคิดเล็กน้อยก็กัดฟันอ้าปากออก
ชั่วขณะนั้นแมลงเกราะทองและวิหคเพลิงสีเงินก็เปล่งแสงสว่างวาบ จมหายเข้าไปในปากของเขาพร้อมกัน
หานลี่ฉีกยิ้มน้อยๆ มือหนึ่งตะปบไปทางร่างของเห็ดเซียน
เสียงแหวกอากาศดัง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น เส้นไหมสีเงินยี่สิบสามสิบสายบินออกมาจากร่างของเห็ดเซียน แค่เปล่งแสงสว่างวาบก็จมหายไปในแขนเสื้อของเขาอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นเสียงบริกรรมคาถาพลันดังขึ้น หมอกลำแสงหลากสีสันพวยพุ่งออกมาจากร่างของเห็ดเซียน กลายเป็นยันต์วิเศษห้าสีสลายหายไปกลางอากาศ
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นแววตาของเห็ดเซียนพลันมีลำแสงสีเงินไหลวนโคจร ลำแสงสีม่วงที่ผิวเจิดจรัสขึ้นมาในพริบตา และสีเขียวมรกตบนใบหน้าก็อ่อนแสงลงครึ่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นหนวดสีม่วงตรงแขนขาทั้งสี่ก็พลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแขนขาเหมือนคนธรรมดาอย่างไรอย่างนั้น
“จุ๊ๆ คู่ควรกับที่เป็นสมุนไพรวิญญาณฟ้าดินจริงๆ แม้ว่าก่อนหน้าจะได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนั้น ยามนี้ก็ยังฟื้นฟูกลับมาได้เองถึงขั้นนี้” หานลี่หัวเราะร่าออกมา
“ที่นี่มีสวนสมุนไพรสินะ ข้าจะฝังรากลงไปในสวนสมุนไพรของเจ้าก่อน เช่นนั้นละก็จะได้อาศัยยืมไอวิญญาณของสมุนไพรวิญญาณอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อสำแดงเคล็ดวิชาลับแยกจิตวิญญาณดั้งเดิมได้เร็วขึ้นสักหน่อย” เห็ดเซียนกลับเอ่ยซักถามขึ้นมาตรงๆ เสียเลย
“สวนสมุนไพรนั้นแน่นอนว่ามีอยู่แล้ว สหายตามข้ามาเถิด” คำพูดของเห็ดเซียนกลับอยู่ในความคิดของหานลี่ ทันใดนั้นจึงตอบพร้อมกับพยักหน้า
หากเห็ดเซียนตัวนั้นอาศัยอยู่ในสวนสมุนไพร แน่นอนว่าย่อมสามารถออกคำสั่งให้ ‘หวาหวา’ คอยจับตาดูอยู่ข้างๆ ได้ ถึงอย่างไรเสียพลังของเห็ดเซียนก็ไม่ได้สูงมากนัก ประกอบกับได้รับบาดเจ็บและถูกร่ายอาคมกักไว้ในถ้ำพำนัก จากพลังยุทธ์ระดับหลอมสุญตาขั้นต้นของหวาหวา ย่อมดูแลได้แน่
เมื่อขบคิดเช่นนั้นหานลี่ก็หยัดกายลุกขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นพลันโบกมือ ลำแสงสีเขียวม้วนวนพุ่งออกมา เก็บขวดและกระป๋องด้านหน้าไปจนเกลี้ยง
ในเวลาเดียวกันพื้นผิวของประตูหินของห้องลับพลันเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ แล้วค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นหานลี่พลันสาวเท้ายาวๆ ล่วงหน้าออกไป
หลังจากเห็ดเซียนครุ่นคิดเล็กน้อยก็ตามไป
เมื่อเดินออกจากประตูหิน ด้านนอกด้านหนึ่งกลับมีหญิงสาวที่มีใบหน้าไร้ความรู้สึกยืนอยู่เงียบๆ คนหนึ่ง มีไอเย็นเยือกแผ่ออกมาจางๆ นั่นคือหุ่นเชิดสะท้านฟ้าที่ถูกหานลี่ใช้จิตสัมผัสเรียกออกมา ‘หวาหวา’
เมื่อเห็นหานลี่ออกมาหญิงสาวก็ค้อมตัวลงในทันใดและหยัดตัวขึ้นด้วยสีหน้าแข็งทื่อ
หานลี่พยักหน้าไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาก็สาวเท้าตรงไปยังสวนสมุนไพรที่อยู่ตรงหน้า
จากระดับความน้อยนิดของถ้ำพำนักในเมืองเมฆาแน่นอนว่าสวนสมุนไพรของหานลี่จึงไม่ใหญ่นัก มีขนาดแค่สองสามร้อยจั้งเท่านั้น
แต่เมื่อเห็ดเซียนเดินตามหานลี่มาถึงประตูสวน กลับเอ่ยด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ
“ไม่เลว! แม้ว่าที่นี่จะไม่ใหญ่นัก แต่ก็มีไอวิญญาณเข้มข้น สหายเลือกสถานที่ดีจริงๆ”
“หึๆ ข้าไม่ได้เลือกสถานที่ดีอันใดหรอก แต่ไอวิญญาณของภูเขาวิญญาณทั้งลูกนั้นไม่เลวต่างหาก นายท่านหาที่ฝังรากลงเถิด” หานลี่กลับเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“งั้นหรือ เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว” เห็ดเซียนพยักหน้าทันที ร่างกายพลิ้วไหวชิงมาอยู่ตรงหน้าของหานลี่และเดินไปยังส่วนลึกของสวนสมุนไพรอย่างตามอำเภอใจ
มุมปากของหานลี่กระตุกแล้วเดินตามไปอย่างไม่รีบร้อน หวาหวาเองก็ตามอยู่ด้านหลังเองอย่างเงียบเชียบ
เห็ดเซียนเดินไปพลาง สายตาก็กวาดไปมองส่วนต่างๆ ของสวนสมุนไพรไม่หยุดไปพลาง ผลคือแค่ผ่านไปชั่วครู่ใบหน้าของเขาก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
สมุนไพรวิญญาณเต็มสวนนี้ไม่ต้องพูดถึงระดับความหายากของมัน คาดไม่ถึงว่ากว่าครึ่งในนั้นล้วนมีอายุหมื่นปีขึ้นไป ส่วนที่เหลือพันปี สองสามร้อยปีก็มีอยู่มากมาย
ทั้งสวนสมุนไพรกลับมีกลิ่นยาเข้มข้น หากคนธรรมดาลอยอยู่ในสวนสมุนไพรนี้ชั่วครู่ แม้ว่าจะไม่อาจพูดได้ว่าอายุขัยจะเพิ่มขึ้นทันที แต่ก็อาจจะรักษาโรคได้สารพัดโรค
เห็ดเซียนตกตะลึงไปเล็กน้อยในใจมีความคิดอยากสำรวจทั้งสวนสมุนไพรรอบหนึ่ง ดังนั้นแม้ว่าจะผ่านใจกลางของสวนสมุนไพรมาก็ยังคงเดินไปข้างหน้าต่อ
หานลี่เห็นสถานการณ์นี้อยู่ด้านหลัง แค่ตามหลังเขาไปอย่างเงียบๆ
สวนสมุนไพรเล็กเช่นนี้ หลังจากผ่านไปชั่วครู่เห็ดเซียนก็เดินไปตามทางเล็กๆ ตรงกลางและมาถึงสุดอีกด้านของสวนสมุนไพร
แต่ในยามนั้นเงาสีขาวพลันเปล่งแสงสว่างวาบของขนาดครึ่งฉื่อกระโดดออกมาจากสมุนไพรด้านข้าง
จากนั้นพลันบิดกายกระโดดเข้าไปในถนนเล็กๆ อีกด้านของสวนสมุนไพร
เป็นกระต่ายหยกสีขาวบริสุทธิ์
นั่นคือจิตวิญญาณดั้งเดิมของโสมวิญญาณสลับฟันปลาที่แปลงเป็นกระต่ายขาวต้นนั้น
“นี่คือ?” เห็ดเซียนเห็นกระต่ายหยกตัวนี้ชัดเจน ร่างกายสั่นเทา ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้งใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนดีใจ
“เหตุใดสหายถึงตกใจเพียงนี้หรือก่อนหน้านี้ไม่เคยพบผู้ที่แปลงกายได้เช่นเดียวกันหรือ?” หานลี่กลับประหลาดใจไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างแปลกใจอยู่ด้านหลัง
“แน่นอนว่าเปล่า ปกติแล้วพวกเราจะซ่อนตัวอยู่ในที่ที่รกร้างและอันตราย” ในเวลาเดียวกันก็พบจุดที่โสมวิญญาณสลับฟันปลาฝังร่างเอาไว้ จิตวิญญาณดั้งเดิมของมันกลายเป็นกระต่ายขาวกำลังหมอบแทะรากที่มาจากส่วนใดของสวนสมุนไพรก็สุดจะรู้ได้ พลางกัดไปคำใหญ่เมื่อมันเห็นหานลี่และพวกมาก็แค่กวาดสายตาที่ดูเหมือนศิลาสีแดงไปแวบหนึ่งอย่างไม่สนใจ แล้วกัดกินสิ่งที่อยู่ในปากต่อท่าทางเหมือนไม่มีผู้ใดอยู่ตรงนั้น
ท่าทางหวาดกลัวดุจหนูที่เคยแสดงออกต่อหน้าหานลี่ในยามนี้ไม่พบเห็นเลยสักนิด
หานลี่เห็นเช่นนั้นก็ลูบหน้าผากอดที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้
ตอนที่ 1660 ซ่อมเกราะ
เห็ดเซียนที่อยู่ด้านข้างเห็นฉากนี้กลับมีสีหน้าอ่อนโยนเป็นพิเศษ ฉับพลันนั้นพลันก้าวไปข้างหน้ามือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศทางกระต่ายขาว
ลำแสงสีม่วงบินออกมาจากมือ ชั่วครู่ก็ม้วนเอารากที่อยู่บนพื้นพร้อมกับกระต่ายขาวขึ้นมาอยู่ตรงหน้า
กระต่ายขาวที่อยู่ในม่านลำแสงยังคงกินเจ้าสิ่งนั้นไม่หยุด ราวกับว่าไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลยสักนิด
หลังจากเห็ดเซียนจ้องเขม็งไปยังกระต่ายขาวชั่วครู่ แววตาพลันเปล่งประกาย ยกมือขึ้นลูบไปทางไปในม่านลำแสงอย่างอดไม่ได้
แต่ไม่รอให้นิ้วของเขาสัมผัสกับขนปุกปุยของกระต่ายขาว ผิวของกระต่ายตัวนี้ก็เปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นเงาสายหนึ่งหายวับไป
ครู่ต่อมากระต่ายขาวพลันปรากฏขึ้นบนพื้นดินอีกครั้ง แต่ขาหลังของมันกลับเหยียดตรง ขนสีขาวหิมะทั่วร่างก็ลุกชันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่เห็ดเซียนไม่หยุด
เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวของเห็ดเซียนทำให้สมุนไพรวิญญาณต้นนี้โกรธเกรี้ยวขึ้นมา
เห็ดเซียนเห็นเช่นนี้กลับหัวเราะ กลิ่นอายบนร่างเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกันลำแสงสีม่วงบนผิวกายก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต
ไอวิญญาณไม้หนาแน่นแผ่ออกมาจากร่างของมัน
กระต่ายขาวที่เดิมแยกเขี้ยวกางเล็บสัมผัสกับไอวิญญาณนี้ก็ตกตะลึง ปลายจมูกสีชมพูดมฟุดฟิด คาดไม่ถึงว่าสีหน้าจะผ่อนคลายลง แม้กระทั่งสายตาที่มองไปยังเห็ดเซียนก็ยังเปลี่ยนเป็นสนิทสนมขึ้นหลายส่วน
“เจ้าตัวน้อย มานี่เถิด” เห็ดเซียนตบมือใช้มือหนึ่งเรียกกระต่ายขาว
กระต่ายขาวดูเหมือนจะฟังคำพูดของเห็ดเซียนออกจริงๆ หลังจากลังเลเล็กน้อยสองขาก็ถีบตัวออกไป คาดไม่ถึงว่าจะกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของเขาจริงๆ
เห็ดเซียนพลันดีใจยกใหญ่ ยื่นมือออกไปลูบหัวของกระต่ายขาวอย่างระมัดระวัง ท่าทางดีใจเป็นอย่างยิ่ง
กระต่ายขาวหยีตาทั้งสองข้างลง เผยท่าทางพึงพอใจออกมาและแลบลิ้นเล็กๆ สีชมพูออกมาเลียนิ้วของเห็ดเซียน
“เอาละๆ ดูแล้วมันใกล้จะได้เบิกเนตรแล้ว สหายหานในเมื่อพวกเดียวกับข้าเคลื่อนไหวอย่างอิสระอยู่ในสวนสมุนไพรของเจ้าได้ ก็เห็นได้ชัดว่าปกติแล้วเจ้าเอ็นดูมันมาก ถ้าเป็นเช่นนี้ข้าจะทำให้สติปัญญาของมันพัฒนาขึ้นอีกระดับ และถ่ายทอดความรู้ให้มันสักหน่อย เจ้าไม่มีความคิดเห็นอะไรสินะ!” เห็ดเซียนลูบกระต่ายขาวในอ้อมกอดไปพลางหันหน้ามาเอ่ยกับหานลี่อย่างจริงจัง
“ช่วยมันเบิกเนตร?” หานลี่ตกตะลึงไปเล็กน้อย เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
“ใช่แล้ว ข้าเป็นสมุนไพรวิญญาณที่บรรลุแล้วจึงมีอิทธิฤทธิ์และรู้จักเคล็ดวิชาอยู่บ้าง และมีเพียงพวกเดียวกันถึงเพียงจะถ่ายทอดไปได้ วันข้างหน้ามันจะได้ไม่ต้องเดินอ้อมไปมา หากเจ้าตัวนี้สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้เหมือนข้า วันข้างหน้าก็คงมีประโยชน์ต่อสหายไม่น้อย” แววตาของเห็ดเซียนพลันเปล่งประกาย พลางเอ่ยอย่างเชื่องช้า
“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรกับมันก็ต้องให้หุ่นเชิดของข้าคอยดูอยู่ด้วย และยิ่งไปกว่านั้นวันข้างหน้าหุ่นเชิดตัวนี้จะติดตามเจ้าไม่ห่างกาย” หลังจากที่หานลี่จ้องเขม็งไปที่เห็ดเซียนชั่วครู่ ในที่สุดก็พยักหน้าแต่เอ่ยเงื่อนไขของตัวเองออกมา
“ย่อมไม่มีปัญหา สิ่งที่ข้าทำไม่ใช่ความลับอันใด” เห็ดเซียนเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
“งั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว ในหนึ่งปีนี้นายท่านก็พักผ่อนอย่างสงบอยู่ที่นี่เถิด หากมีอะไรก็บอกหุ่นเชิดตัวนี้ได้เลย” หานลี่เอ่ยเสร็จก็พลิกฝ่ามือกวักเรียกไปด้านหลัง
ชั่วขณะนั้น ‘หวาหวา’ ที่อยู่ด้านหลังพลันก้าวมาข้างหน้าแล้วเดินมาอยู่ด้านข้าง
“ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าก็ติดตามสหายเห็ดเซียนไป ห้ามห่างกายแม้แต่น้อย” หานลี่ออกคำสั่งอย่างเข้มงวด
แม้ว่าหุ่นเชิดสะท้านฟ้าตัวนี้จะมีสติปัญญาไม่สูงส่ง แต่คำสั่งง่ายๆ เหล่านี้แน่นอนว่าย่อมฟังเข้าใจ
แววตาของหวาหวาเปล่งประกายสองครั้งแล้วพยักหน้าด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
เห็ดเซียนเห็นเช่นนี้กลับหัวเราะออกมาเบาๆ สะบัดข้อมือข้างหนึ่ง หมอกสีม่วงม้วนวนออกมาส่งกระต่ายขาวออกจากอ้อมกอดลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล
ร่างของมันพลิ้วไหวปรากฏอยู่ห่างจากโสมวิญญาณสลับฟันปลาสองสามจั้ง สองเท้าแยกออกเรือนกายมีลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบ แขนขาทั้งสี่กลายเป็นสีม่วงอ่อนอีกครั้ง และทะลวงเข้าไปในใต้ดิน
และในยามนี้เองร่างของเห็ดเซียนก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกตเปล่งแสงสีเขียวมรกตเจิดจ้าออกมา…
หานลี่ยืนอยู่ที่เดิม รอจนเห็ดยักษ์สีม่วงสูงขึ้นสองสามจั้งปรากฏขึ้นตรงหน้าและนำรากทั้งหมดฝังลึกลงไปใต้ดินเท่าใดก็สุดจะรู้ได้ ถึงได้หันกายมาพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ แล้วออกจากสวนสมุนไพร
แม้ว่าเขาจะสนใจประโยชน์อันลึกลับของเห็ดเซียนตัวนี้ แต่ยามนี้กลับต้องออกจากถ้ำพำนักไปก่อนสักรอบ
วันที่เซียนเซียนและเขานัดกันที่จะซ่อมแซมเกราะมารเหนือฟ้าใกล้จะมาถึงแล้ว
เขารู้สึกรอคอยเกราะมารนี้เช่นกัน
ทว่าเพื่อความระมัดระวังยามที่หานลี่ออกจากถ้ำพำนักก็ปล่อยอสูรเกล็ดมิคาทนและจิตวิญญาณดั้งเดิมที่สองไว้ในถ้ำพำนัก เปิดใช้เขตอาคมในถ้ำพำนักทั้งหมดแล้วถึงได้ออกไปอย่างวางใจ
หลังจากผ่านไปสองสามชั่วยามเขาก็โดยสารรถอสูรคันหนึ่งมาปรากฏตัวที่ด้านหน้าร้านของหญิงสาวเผ่าผลึก
ประตูของร้านค้ายังคงปิดสนิท ท่าทางเหมือนจะยังไม่เปิดต้อนรับลูกค้า
หานลี่เองก็ยกมือข้างหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ ในแขนเสื้อมีลำแสงสีเพลิงปรากฏขึ้นชั่วขณะนั้นเพลิงลำแสงพลันบินออกมาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในประตูอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นเขาก็รออยู่ด้านนอกประตูอย่างเงียบๆ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ประตูใหญ่ก็เปล่งเสียง “แอ๊ด” เปิดออก ด้านในมีเสียงนุ่มนวลของหญิงสาวเผ่าผลึกดังออกมา
“พี่หานช่างรักษาสัญญาจริงๆ เพิ่งจะครึ่งเดือนก็มาหาแล้ว”
“ผู้แซ่หานเองก็ร้อนใจอยากซ่อมแซมเกราะมาร จึงใจร้อนไปหน่อยหวังว่าท่านเซียนจะไม่ถือสา!” หานลี่หัวเราะฮ่าๆ และสาวเท้าเดินเข้าไป
ส่วนประตูใหญ่ก็พลิ้วไหวเล็กน้อยและปิดลงโดยอัตโนมัติ
ภายในร้านค้าหญิงสาวผู้งดงามและอ่อนโยนคนหนึ่งกำลังมองมาทางหานลี่ด้วยรอยยิ้ม
นั่นก็คือเซียนเซียนนั่นเอง
หญิงสาวผู้นี้เห็นหานลี่ลงมาก็เม้มปากไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา มือหนึ่งร่ายอาคมชั่วขณะนั้นก็กระตุ้นเขตอาคมส่งตัว
เห็นเพียงม่านลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบหานลี่และสตรีผู้นี้หายวับไปพร้อมกันจากกลางร้าน ถูกส่งตัวไปที่รอยแยกมิติเวลาหญิงสาวเผ่าผลึก
เมื่อเท้าของหานลี่เดินออกจากเขตอาคมก็กวาดสายตาไปหยุดอยู่มุมหนึ่งกลางอากาศ
ตรงนั้นมีเขตอาคมขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางสิบจั้งเศษติดตั้งอยู่ เป็นสีดำสนิทดุจน้ำหมึกรอบด้านมีผลึกหินสีดำเช่นเดียวกันสิบหว่าก้อนฝังอยู่
ตรงใจกลางเขตอาคมมีหม้อสัมฤทธิ์สีเขียวใบหนึ่งสูงครึ่งจั้งผิวของมันมีอักขระสลักอยู่อย่างซับซ้อน มีหมอกสีขาวแผ่ออกมาจางๆ
กลางอากาศเหนือหม้อสัมฤทธิ์ขึ้นไปสองสามฉื่อมีสิ่งหนึ่งถูกหมอกสีขาวบางๆ ห่อหุ้มเอาไว้ขนาดเท่ากำปั้นแผ่แสงสีดำเจิดจ้าออกมาและลอยอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้สองตาก็อดที่จะหรี่ลงไม่ได้
แม้ว่ารูปร่างของของที่อยู่ในหม้อจะเปลี่ยนแปลงไปแต่ไอมารเย็นเยียบที่แผ่ออกมา กลับไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด เป็นแกนมารระดับศักดิ์สิทธิ์ของวานรมารตัวนั้น
แต่ยามนี้แกนมารมีสีสันแวววาวแล้ว ราวกับว่าเป็นผลึกวารีสีดำก้อนหนึ่ง
“สหายคิดว่าอย่างไร ช่วงนี้ข้าก็ไม่ได้พักเลย เสียแรงไปมากแถมยังทุ่มเทวัตถุดิบล้ำค่าไปไม่น้อยถึงได้กำจัดร่องรอยของวานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ในแกนมารได้ และไอมารที่แฝงอยู่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเกินยากจะควบคุม” หลังจากเดินออกมาจากเขตอาคมส่งตัวเช่นเดียวกันเซียนเซียนก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“อ๋อ เช่นนี้ท่านเซียนเซียนก็ไม่ได้คิดจะฝังแกนมารทั้งหมดเข้าไปในเกราะมารสินะ แต่เตรียมจะหลอมมันให้หมดแทน” หานลี่ลูบใต้คางพลันเอ่ยถาม
“คิดไม่ถึงว่าพี่หานเองจะเชี่ยวชาญด้านการหลอมยุทธภัณฑ์ ใช่แล้วน้องหญิงคิดเช่นนั้นจริงๆ การฝังแกนมารลงไปในเกราะมารย่อมสามารถซ่อมแซมร่องรอยที่ใหญ่ๆ ได้ แต่ร่องรอยเล็กๆ กลับทำไม่ได้ พี่หานคงไม่หวังว่าในยามที่ใช้เกราะมารต่อกรกับศัตรูจะเหลือโอกาสงามๆ เอาไว้ให้ศัตรูสินะ” หญิงสาวเผ่าผลึกตกตะลึงเล็กน้อยแต่ปากก็เอ่ยอธิบายออกมา
“ในด้านการหลอมยุทธภัณฑ์นั้น ข้าน้อยก็พอรู้มาบ้างเท่านั้น สหายทำตามแผนเดิมเถอะ ข้าน้อยมั่นใจในการหลอมยุทธภัณฑ์ของเผ่าผลึกมาก” หานลี่เอ่ยพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ออกมา
“อีกเดี๋ยวยามที่ซ่อมแซมเกราะมาร ข้าน้อยจะเปิดเขตอาคมของมิติเวลานี้ และยิ่งไปกว่านั้นถึงยามนั้นอาจจะต้องให้สหายช่วยอีกแรง เดาว่าหากทุกอย่างราบรื่นสามวันให้หลังก็จะซ่อมแซมสำเร็จ” เมื่อได้เห็นท่าทางถ่อมตัวของหานลี่เซียนเซียนก็ฉีกยิ้มเบิกบานไม่ได้เอ่ยซักไซ้อะไร กับใช้น้ำเสียงนุ่มนวลอธิบายกับหานลี่
“สามวันก็ไม่นับว่ายาว และยิ่งไปกว่านั้นการซ่อมแซมสมบัติของข้าน้อยผู้แซ่หานต้องออกแรง ย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้อยู่แล้ว” หานลี่ไม่มีท่าทีใส่ใจเลยสักนิด
“ในเมื่อพี่หานไม่มีข้อขัดแย้งเช่นนั้นพวกเราก็เริ่มกันเถอะ”
เซียนเซียนดูเหมือนว่าจะไม่อยากพูดพร่ำอะไรให้เสียเวลาอีก ทันใดนั้นมือเรียวของเซียนเซียนก็ชูขึ้น จากนั้นจานอาคมก็บินออกมาจากฝ่ามือลอยหมุนคว้างอยู่เหนือหัว
ม่านลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ อาคมหลากสีสันบินออกมาจากด้านบนเป็นสายๆ เปล่งแสงสว่างวาบและหายวับไปกลางอากาศ
ครู่ต่อมากลางอากาศพลันมีพายุก่อตัวขึ้น เมฆสีดำสนิททะลักออกมา ในเวลาเดียวกันกำแพงทั้งสี่ด้านก็เปล่งเสียงคำรามปรากฏไอสีเทาออกมาเป็นชั้นๆ
บรรยากาศทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ด้านหลังมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า ราวกับตกอยู่ในหุบเขามารโรยอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้กับแววตาเปล่งประกายสว่างวาบ สะบัดแขนเสื้อ ดวงแสงขนาดเท่าไข่ไก่บินออกมาวนล้อมรอบร่างกายของเขาเอาไว้
ทำให้รอบด้านสว่างไสวขึ้นไม่น้อย
และในยามนี้เองเซียนเซียนกับเดินนวยนาดไปอยู่ตรงหน้าเขตอาคมขนาดใหญ่ตั้งนานแล้ว
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ไม่ได้ปริปากใดๆ แต่ร่างกายพลันเคลื่อนไหว
ดูเหมือนจะแค่ก้าวอย่างแช่มช้าสองก้าว คนกลับมาปรากฏอยู่ตรงด้านหลังหญิงสาวเผ่าผลึกราวกับเคลื่อนย้ายกายอย่างไรอย่างนั้น
เซียนเซียนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นกับเรื่องนี้ แค่ยกมือขึ้นร่ายอาคมไปยังเขตอาคมตรงหน้าสายหนึ่ง
ชั่วขณะนั้นพลันมีเสียงหึ่งๆ เปล่งออกมา จากนั้นลำแสงสีดำสนิทก็หมุนวนเขตอาคมทั้งหมดถูกกระตุ้น
หานลี่ชักสีหน้า
เขายังมองไม่ออกว่าเขตอาคมนี้มีประโยชน์อันใด แต่จากไอมารที่แผ่ออกมาจากเขตอาคมเป็นระลอกๆ แล้วกลับบริสุทธิ์จริงๆ และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปรวบรวมไอมารที่บริสุทธิ์แบบนี้มาจากที่ใด
และในยามนั้นเองเซียนเซียนพลันบริกรรมคาถา จากนั้นเงากิเลนลวงตาสีเขียวบนร่างก็เริ่มเคลื่อนไหว แผ่นหลังมีเงาลวงตากิเลนสีเขียวสองสามจั้งปรากฏขึ้น
ยามแรกเงากิเลนลวงตานั้นไม่ได้เคลื่อนไหว แต่เมื่อคาถาที่หญิงสาวเผ่าผลึกร่ายออกมากระชั้นขึ้นในที่สุดก็ค่อยๆ อ้าปากออกพ่นดวงแสงเพลิงขนาดเท่าศีรษะออกมา
ดวงแสงเพลิงนี้แปลกประหลาดมาก คาดไม่ถึงว่าจะมีสีดำและเขียวผสมกัน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปยังหม้อสัมฤทธิ์ตรงใจกลางเขตอาคม
เสียง “ฟู่ๆ” ดังขึ้น ผิวของหม้อสัมฤทธิ์มีเปลวเพลิงสีดำเขียวปรากฏขึ้นและลุกไหม้อย่างโชติช่วง
ตอนที่ 1661 จิตมารข้ามแดน
“พี่หาน เจ้าเอาเกราะมารออกมาเถิด” หญิงสาวเผ่าผลึกหันหน้าม้า เอ่ยกับหานลี่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
แน่นอนว่าหานลี่ย่อมไม่มีความเห็นอันใด ทันใดนั้นพลันพลิกฝ่ามือ กล่องหยกขนาดสองสามฉื่อปรากฏออกมา ผิวของมันมียันต์ต้องห้ามแปะอยู่สองแผ่น
แขนเสื้อปัดไปบนกล่อง ชั่วขณะนั้นฝากล่องพลันเปิดออก ไอสีดำกลุ่มหนึ่งทะลักออกมา
ท่ามกลางไอสีดำ เกราะสงครามสีม่วงขนาดครึ่งฉื่อชิ้นหนึ่งปรากฏออกมา
เกราะนี้ไม่เพียงมีรูปลักษณ์ที่น่ากลัว ตรงหัวไหล่ยังมีหนามแหลมๆ ทิ่มออกมา ผิวของมันมีลวดลายสีดำ ไอมารพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ตรงทรวงอกพลันมีรูขนาดใหญ่ที่สะดุดตาอยู่รูหนึ่ง ตรงขอบมีลอยแตกร้าว
หลังจากที่เซียนเซียนเห็นไอสีดำที่วงเวียนโคจรอยู่บนเกราะมาร พลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย มือเรียวโบกสะบัด หลังจากที่บนเรือนร่างเปล่งแสงแวววับ ถึงได้ชี้ไปที่กล่องใบนั้น
เกราะสงครามสีม่วงราวกับถูกพลังไร้รูปร่างชักจูง ตรงลอยเข้าไปหาเขตอาคม
แต่ไม่ทันได้มาถึงใจกลาง หญิงสาวเผ่าผลึกพลันชูมือหนึ่งขึ้น อาคมสีเงินอ่อนสายหนึ่งบินออกไป
เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วจมหายเข้าไปในหม้อสัมฤทธิ์อย่างไร้ร่องรอย
ชั่วขณะนั้นเสียงระฆังดังเหง่งหง่างพลันดังขึ้น ผิวหม้อสัมฤทธิ์มีเปลวเพลิงสีดำเขียวปรากฏขึ้น ชั่วครู่ก็ม้วนเอาเกราะมารสีดำไว้ข้างใน แล้วดึงกลับไปในหม้อ
จากนั้นเสียงฟ้าผ่าก็ดังออกมาจากในหม้อ ลวดลายวิจิตรตระการตาที่กำแพงด้านนอกเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ
และแทบจะในเวลาเดียวเขตอาคมทั้งเขตด้านล่างก็มีไอสีดำหมุนวน จุดต่างๆ มีอักขระสีเงินอ่อนปรากฏขึ้น พวกมันเพิ่งปรากฏตัว ก็ทะลักเข้าไปในหม้อ และทยอยกันจมหายเข้าไปอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นปากของเซียนเซียนพลันบริกรรมคาถาเบาๆ มือหนึ่งร่ายอาคม เขตอาคมในบริเวณรอบเริ่มบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ทั้งสี่ทิศมีลำแสงสีเหลืองเจิดจ้า จุดต่างๆ ของแท่นบูชามีศิลาสีเหลืองเข้มปรากฏขึ้น
แท่นบูชาเหล่านี้สูงแค่หนึ่งจั้ง แต่ทุกอันล้วนใสแวววับ ด้านบนมีธงสีดำสนิทปักอยู่
ส่วนด้านล่างธงก็มีขวดกระปุกมากมายวางเรียงรายอยู่
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้พลันหน้าเปลี่ยนสี แต่ทันใดนั้นก็ฟื้นฟูกลับมามีสีหน้าปกติ
ท่ามกลางเสียงบริกรรมคาถา ธงสี่ด้ามเปลี่ยนจากเล็กเป็นใหญ่ จนมีขนาดห้าหกจั้ง
เซียนเซียนถึงได้หยุดร่ายคาถา แล้วหันหน้ามาเอ่ยกับหานลี่
“สหายหาน พวกเราเริ่มกันเถิด ระหว่างการซ่อมแซมพี่หานแค่ฟังคำสั่งของข้า ถึงยามนั้นก็บรรจุลมปราณเข้าไปธงทั้งสี่ด้ามก็พอแล้ว”
“ไม่มีปัญหา” หานลี่พยักหน้าอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
เผ่าผลึกได้ยินใบหน้าพลันประดับไปด้วยรอยยิ้ม ยกมือขึ้นชี้ไปที่จานอาคมที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศอีกครั้ง
ชั่วขณะนั้นในจานอาคมพลันมีเสียงร้องยาวๆ ดังขึ้น อาคมจำนวนนับไม่ถ้วนถูกพ่นออกมากลางอากาศอีกครั้ง
เมฆสีดำปรากฏขึ้นกลางอากาศ กดลงมาทะมึนทึบ บรรยากาศรอบด้านมีไอสีเทาขวางกั้นอยู่
ชั่วครู่เงาร่างของหานลี่และเซียนเซียนก็ถูกม่านหมอกม้วนเข้าไปข้างใน
ได้ยินเพียงส่วนลึกของม่านหมอก มีเสียงอึกทึกดังออกมาเป็นบางครั้งคราว
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป ชั่วพริบตาก็ผ่านไปสามวัน
ประตูร้านค้าเปิดออก เงาร่างที่มีสีหน้าราบเรียบเดินออกมา และยกมือขึ้นกวักเรียกรถอสูรคันหนึ่ง พลางออกจากถนนสายนั้นไปอย่างไม่รีบร้อน
ภายในมิติเวลาส่วนตัวในร่าง เซียนเซียนกลับยืนอยู่ตรงขอบของเขตอาคม เหลือบมองหม้อสัมฤทธิ์ตรงหน้าอย่างเหม่อเลย
ผิวของหม้อสัมฤทธิ์นี้มีรอยแตกเต็มไปหมด
ส่วนเขตอาคมด้านล่างก็เฉกเช่นเดียวกัน ส่วนน้อยถูกทำลาย ส่วนผลึกศิลาสีดำที่ฝังอยู่รอบๆ พลันกลายเป็นกองขยะ
เหนือหัวของหญิงสาวผู้นี้ เงาลวงตากิเลนตัวนั้นมีขนาดแค่สองสามฉื่อ กำลังขบคิดอะไรสักอย่างด้วยแววตาที่เปล่งประกายเช่นเดียวกัน
“เกรงว่าเกราะมารนี้คงมีประวัติความเป็นมาร เกราะมารของมารเหนือฟ้าธรรมดาๆ ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้แน่” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เงาลวงตากิเลนถึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งขณะเอ่ย
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากที่ซ่อมแซมเกราะมารเสร็จ คาดไม่ถึงว่าเรียกจิตของมารในแดนอื่นมาร จนเกือบจะทำให้มันอาศัยไอมารของที่นี่รวมตัวกันเป็นร่างมารได้” ใบหน้าของเซียนเซียนอดที่จะเผยสีหน้าหวาดผวาไม่ได้
“ทว่าโชคดีที่เจ้าเด็กแซ่หานมีอัสนีเทวะปัดเป่าภยันตราย โจมตีไอมารที่รวมตัวกันได้ มิเช่นนั้นคงยุ่งยากไม่น้อย” กิเลนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“แต่คาดไม่ถึงว่ามารตนนั้นจะใช้จิตข้ามแดนลงมาจุติได้ เห็นได้ชัดถึงความน่ากลัวของพลังยุทธ์ของมัน ไม่มีทางด้อยไปกว่าระดับจิตวิญญาณเที่ยงแท้แน่ หรือว่าเกราะมารชิ้นนี้มีความมหัศจรรย์อันใดอีก? แต่หลังจากซ่อมแซมเสร็จแล้ว ข้ากลับไม่พบอันใด” เซียนเซียนเอ่ยพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ระยะเวลามันสั้นเกินไป ข้าเองก็มองอันใดไม่ออก แต่หากรู้เช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางส่งเกราะมารชิ้นนี้ให้ผู้อื่นแน่ ความจริงแล้วยามที่ซ่อมเกราะมารเมื่อครู่ เจ้าก็ใช้ข้ออ้างเก็บมันเอาไว้ก็ได้ แล้วเอาสมบัติชิ้นอื่นมาเปลี่ยนให้เข้าแทน” ฉับพลันนั้นกิเลนสีเขียวก็เอ่ยเช่นนี้ออกมา
“ข้าก็คิดจะทำเช่นนั้น แต่หลังจากที่คนผู้นี้โจมตีไอมารนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่เยือกเย็นเลย แต่ข้าสัมผัสได้ว่ายามนั้นถ้าพูดคำว่า ‘ไม่’ ออกมา เกรงว่าสหายหานผู้นี้คงจะลงมือกับข้าทันทีอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ความสามารถของเขาแทบจะไม่ด้อยไปกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้น ส่วนสมบัติช่วยชีวิตสองสามชิ้นที่ข้าหลอมเอาไว้ ก็ใช้ไปในเทือกเขามารสีทองเกือบหมดแล้ว ไม่มีความมั่นใจว่าจะหนีเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือที่โหดเ**้ยมของอีกฝ่ายได้เลยสักนิด” หญิงสาวเผ่าผลึกหัวเราะอย่างขมขื่นขณะเอ่ยตอบ
“น่าเสียดาย ตอนแรกข้าเสียปราณแท้ไปเยอะในเทือกเขามารสีทอง มิเช่นนั้นล่ะก็ คงอาศัยเขตอาคมห้วงเวลาแห่งนี้ พวกเราสองคนร่วมมือกันก็ไม่ใช่ว่าจะรั้งเจ้าสิ่งนี้ไว้ไม่ได้” กิเลนสีเขียวเอ่ยอย่างกลัดกลุ้มเล็กน้อย
“ช่างเถิด ต่อให้เกราะมารชิ้นนี้มีอิทธิฤทธิ์เหนือชั้นขนาดไหน ถึงอย่างไรก็เป็นยุทธภัณฑ์มารชิ้นหนึ่ง ต่อให้ข้าเก็บเอาไว้ก็ไม่อาจบวงสรวงนำมาใช้ได้ กลับจะไปล่วงเกินทัพเสริมอย่างสหายที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเราซึ่งหาได้ไม่ง่ายอีกด้วย มันได้ไม่คุ้มเสีย” หญิงสาวเผ่าผลึกมีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่งขณะเอ่ย
“หึๆ เจ้าคิดเช่นนี้ ก็นับว่าไม่ผิด นับว่าเสียเปรียบเจ้าเด็กนั้นก็แล้วกัน ส่วนความลับในนั้น ก็ต้องดูวาสนาของเจ้าเด็กนั้นแล้ว แต่แค่เสียดายเล็กน้อยต้นกำเนิดของเกราะมารอาจจะมีวาสนากับเจ้า” เงาลวงตากิเลนครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วทำได้เพียงถอนหายใจออกมาขณะเอ่ย
“วาสนานั้นหากมีเจ้าอยู่ ข้าจะขาดแคลนหรือ?” เซียนเซียนดูเหมือนว่าจะคิดเรื่องนี้ออกแล้ว จึงหัวเราะน้อยๆ ออกมา
“นั่นมันก็ใช่ ตอนนี้เจ้าไม่ได้ขาดแคลนวาสนา แต่รีบพัฒนาระดับพลังยุทธ์และความสามารถเถิด มิเช่นนั้นต่อให้วาสนาดีขนาดไหน ก็ไม่อาจคว้าเอาไว้ได้ จะเสียเวลาเปล่าๆ เอาละ เรื่องนี้ยังไม่ต้องพูดถึง สิ่งที่ข้าให้เจ้าสืบหา เจอแล้วหรือยัง?” เงาลวงตากิเลนพลันเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาไปเอ่ยถาม
“ยังไม่เจอ เบาะแสของสิ่งนั้นว่ากันว่ามีเพียงตัวประหลาดเฒ่าระดับศักดิ์สิทธิ์สองสามคนที่รู้ รับมือยากเป็นอย่างมาก” เซียนเซียนได้ยินคำนี้พลันเผยสีหน้าลำบากใจออกมา
“เช่นนั้นเจ้าต้องทุ่มเทให้มากแล้ว หากไม่มีสิ่งนั้น ต่อให้เจ้าไปที่ซากปรักหักพังโบราณเจ้าก็ไม่อาจบุกเข้าไปได้” กิเลนสีเขียวเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ข้าเองก็รู้เรื่องนี้ ข้ามีอีกวิธี ดูว่าสามารถซื้อสิ่งนั้นหรือยืมสิ่งนั้นมาจากบุตรหลานในสำนักของตัวประหลาดเฒ่าเหล่านั้นได้หรือไม่” หลังจากที่ครุ่นคิดชั่วครู่แววตาของเซียนเซียนก็เปล่งประกาย แล้วถึงได้เอ่ยอย่างแช่มช้าออกมา
ในยามที่หญิงสาวเผ่าผลึกและเงาลวงตากิเลนกำลังปรึกษาแผนการของตนนั้น หานลี่ก็อยู่ระหว่างทางที่กำลังกลับไปถ้ำพำนัก
บนรถอสูรเขาดูเหมือนว่าจะกำลังนั่งสมาธิด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่ความจริงแล้วในใจกลับกำลังคุกรุ่นดุจคลื่นพายุโหมกระหน่ำอย่างไรอย่างนั้น
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า แค่ซ่อมเกราะมารเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าจะเกือบดึงหายนะครั้งใหญ่มา
ฉับพลันนั้นมือข้างหนึ่งของเขาพลันพลิ้วไหว สอดเข้าไปในส่วนลึกของแขนเสื้ออีกด้าน ควานหาสิ่งที่เย็นเยียบ
กล่องหยกสีเขียวที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ เกราะมารเหนือฟ้าที่ซ่อมเสร็จแล้วเกราะนั้นถูกวางอยู่ในนั้น
แต่ผิวของกล่องหยกพลันมียันต์ต้องห้ามแปะอยู่สิบกว่าแผ่น
นิ้วของหานลี่ไล้ผ่านผิวของกล่องหยก อดที่จะย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในยามนั้นไม่ได้
ตอนนั้นระหว่างที่ซ่อมแซมเกราะมาร ครึ่งแรกล้วนผ่านไปอย่างราบรื่น แต่ต่อมากลับเริ่มมีความยุ่งยากเกิดขึ้นเล็กบ้างใหญ่บ้าง ไม่เขตอาคมหยุดทำงานกะทันหัน ก็เป็นหม้อสัมฤทธิ์มีรอยแตกปรากฏขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ โชคดีที่ปัญหาเหล่านี้ เขาสองคนร่วมแรงกันแก้ไขได้อย่างราบรื่น
แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ เมื่อเกราะมารซ่อมเสร็จ และบินออกมาจากหม้อนั้น พลันมีจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งมากสายหนึ่งฉีกห้วงเวลาออกมา ชั่วครู่มาจุติอยู่กลางอากาศ และกระโจนเข้าไปหาเกราะมารอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
เพราะว่ามันกะทันหันเกินไป เซียนเซียนจึงเผยท่าทีตกตะลึงออกมา
แต่โชคดีที่จิตสัมผัสข้ามแดนนี้ หานลี่ไม่ได้เห็นเป็นครั้งแรก ทันใดนั้นอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายสายหนึ่งก็พุ่งออกไป ชั่วครู่ก็โจมตีจิตสัมผัสนั้นจนแหลกสลายไปส่วนหนึ่ง และดีดตัวออกมา
ตามหลักการจิตสัมผัสที่เห็นว่าไม่สำเร็จ ก็ควรจะพุ่งแหวกอากาศหนีไปอีกครั้งทันที แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของจิตสัมผัสนี้ต้องการเกราะมารจริงๆ หรือคิดว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาสองคนไม่อยู่ในสายตา คาดไม่ถึงว่าจะไม่ยอมล่าถอยแต่กลับบุกเข้ามาในไอมารบริสุทธิ์ในเขตอาคม จากนั้นไอมารทั้งหมดก็รวมตัวกันอยู่ที่ตรงกลาง มารหน้าตาน่ากลัวหมายจะรวมร่างกัน
แต่หานลี่จะปล่อยให้มันสมประสงค์ได้อย่างไร ภายใต้ความตกตะลึงนั้น จึงปล่อยอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายที่เหลือในร่างทั้งหมดออกไปป้องกัน ให้มารตัวนี้ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง
น่าเวทนาแม้ว่ามารตัวนี้จะมีอิทธิฤทธิ์ลึกล้ำยากจะคาดเดา แม้กระทั่งจิตสัมผัสส่วนหนึ่งยังไม่รวมกันเป็นร่างมาร ล้วนสามารถรับการโจมตีจากอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายสิบกว่าสายอย่างต่อเนื่องกันได้ แต่ยามที่ประจุไฟฟ้าสีทองนับร้อยนับพันสายทะลักออกมาจากมือของหานลี่อย่างน่าสะพรึงกลัวแล้ว จิตสัมผัสของมารตนนี้ก็รวมตัวกันเป็นร่างมารอย่างต่อเนื่อง ไม่ทันได้เปล่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา ก็ถูกสายฟ้าสีทองทำให้หายวับไป
ทว่าเช่นนั้นไม่ว่าหานลี่หรือว่าหญิงสาวนามว่าเซียนเซียนย่อมรู้ว่าเกราะมารชิ้นนี้ไม่ธรรมดา ดูเหมือนว่าจะมีประวัติความเป็นมายิ่งใหญ่กว่าที่คิดเอาไว้
แน่นอนว่าหานลี่เองก็มองเห็นความลังเลของหญิงสาวเผ่าผลึก ทันใดนั้นใบหน้าของเขาพลันมีสีหน้าราบเรียบ แต่ในใจกลับเกิดความคิดขึ้น มองหญิงสาวผู้นี้ว่าจะทำเรื่องที่เป็นปฏิปักษ์หรือไม่
ผลคือแม้ว่าหญิงสาวนามว่าเซียนเซียนผู้นี้จะแสดงออกว่าไม่พอใจ แต่ก็ยังคงปล่อยให้หานลี่เก็บเกราะมารเข้าไปในกล่องหยกอย่างราบรื่น เขาจึงผ่อนคลายลงมาเฮือกหนึ่ง
เช่นนั้นหานลี่จึงรู้สึกดีกับหญิงสาวเผ่าผลึกผู้นี้ขึ้นมาสองสามส่วน แต่ก็ไม่ได้รอคอยอันใด หลังจากขอบคุณแล้ว ก็ออกจากห้วงเวลาของอีกฝ่าย และนั่งไปบนรถอสูร
ยามนี้เขาใช้นิ้วลูบไปบนกล่องหยกในแขนเสื้อไปพลาง ยิ่งรู้สึกประหลาดใจกับการซ่อมแซม
เกราะมารนี้ไปพลาง
ตอนที่ 1662 เผ่าเมฆา
แต่ตัวอยู่ในรถอสูรในยามนี้ แน่นอนว่าย่อมศึกษาไม่สะดวก
หานลี่จึงทำได้เพียงฝืนระงับความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ เก็บกล่องหยก นั่งสงบจิตสงบใจทำสมาธิอยู่บนรถ
สองสามชั่วยามต่อมา รถอสูรมาก็ถึงตีนเขา
หานลี่ลงจากรถ โยนศิลาวิญญาณก้อนหนึ่งให้พลขับอย่างส่งๆ แล้วบินขึ้นภูเขาไปด้วยสีหน้าราบเรียบ
ถ้ำพำนักของเขาอยู่ตรงสันเขา และผู้บำเพ็ญเพียรชนต่างเผ่าคนอื่นๆ บนภูเขาไม่ออกไปด้านนอกตลอดทั้งปี ก็ต้องฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างหนักอยู่ในถ้ำพำนัก ดังนั้นแม้ว่าภูเขาลูกนี้จะไม่เล็ก ปกติแล้วก็ไม่ค่อยมีเงาร่างมากนัก
แต่ครั้งนี้เมื่อลำแสงหลีกหนีของหานลี่หม่นแสงลงปรากฏตัวที่สันเขา กลับพบแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองท่านอยู่หน้าถ้ำพำนักของตน
หนึ่งในนั้นเป็นชายชราสวมชุดสีแดง อายุหกสิบกว่าปีที่เพิ่งจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ใช้น้ำเต้าสีแดงสดดูดซับพลังปราณฟ้าดินทั้งหมดของต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้ที่สูญเสียการควบคุมจากเขาไปนามว่า ‘ตัวประหลาดเฒ่าสวี่’
ยามนี้ตรงเอวของเขามีน้ำเต้าผลนั้นแขวนอยู่
เมื่อหานลี่มาปรากฏกาย เขาก็นั่งสมาธิอยู่หน้าประตูหินของถ้ำพำนักพร้อมกับชายหนุ่มหน้าตาหมดจดอายุสิบสี่สิบห้าปี
หานลี่เห็นเช่นนี้พลันได้สติ แน่นอนว่าย่อมเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
ดูเหมือนว่าจะสัมผัสได้ถึงการกลับมาของเจ้าของ ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เบิกตาทั้งสองข้างขึ้น แววตาเปล่งประกายสว่างวาบ ประสานสายตากับหานลี่ที่มองมาอย่างพอดิบพอดี
“นายท่านคือสหายหานที่เพิ่งย้ายเข้ามาสินะ” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เบะปากเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว ข้าคือผู้แซ่หาน สหายสวี่มาปรากฏตัวที่นี่ หรือว่ามาหาข้าน้อยโดยเฉพาะ” หานลี่เก็บสีหน้าตกตะลึง ปากพลันตอบกลับอย่างเกรงใจ
อีกฝ่ายทำให้ชนต่างเผ่าระดับเดียวกันทั้งภูเขาวิญญาณหวาดกลัว แน่นอนว่าย่อมมีอิทธิฤทธิ์ไม่น้อย เขาจึงไม่อยากไปล่วงเกินคนผู้นี้อย่างเปล่าประโยชน์
“หึๆ ใช่แล้ว ผู้แซ่สวี่มาเยี่ยมเยียนสหาย ผู้นี้คือทายาทสายตรงของข้าน้อย รีบคารวะสหายหานเร็วเข้า” นอกเหนือความคาดหมายของหานลี่ ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ผู้นี้หัวเราะร่า แล้วแนะนำชายหนุ่มหน้าตาหมดจดข้างกาย และออกคำสั่งสำทับ
“ชนรุ่นหลังสวี่หลุนเสียงคารวะท่านอาวุโสหาน” ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดได้ยิน ก็สาวเท้าก้าวเข้ามาข้างหน้า เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส
“หลานไม่ต้องมากพิธีหรอก” หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปบนร่างของชายหนุ่ม คาดไม่ถึงว่าจะเทียบเท่ากับระดับยอดสุดของระดับสร้างปราณในเผ่ามนุษย์ และเกือบจะบรรลุระดับผสานอินทรีย์แล้ว
จากอายุของชายหนุ่มผู้นี้ นับว่ามีพรสวรรค์เหนือชั้น
“การมาเยี่ยมเยือนของตาเฒ่า สหายหานคงไม่ได้รู้สึกว่าบุ่มบ่ามเกินไปหน่อยกระมัง” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เอ่ยพร้อมกลั้วหัวเราะ
“ผู้แซ่หานจะคิดเช่นนั้นได้อย่างไร สหายสวี่มาเยี่ยมถึงเรือนได้ ย่อมเป็นโชคดีของผู้แซ่หาน หากไม่ใช่สองสามวันมีธุระต้องออกไปพอดี ก็น่าจะได้ต้อนรับสหายตั้งนานแล้ว มา พี่สวี่ เข้าไปพักในถ้ำพำนักเถิด” หานลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลง และยิ่งไปกว่านั้นยังสะบัดแขนเสื้อไปทางประตูถ้ำพำนักขณะเอ่ย
หมอกสีเขียวม้วนวนออก ชั่วขณะนั้นประตูหินพลันเปิดออกอย่างเงียบเชียบ ด้านในเผยทางเดินสีขาวโพลนออกมา พื้นดินปูด้วยหยกงามสีเขียว
ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เองก็ไม่เกรงใจ เอ่ยปากขอบคุณ พาชายหนุ่มเดินตามหานลี่เข้าไปข้างใน
เมื่อเข้าไปในถ้ำพำนัก หานลี่พลันแผ่จิตสัมผัสออก เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณดั้งเดิมที่สองที่ให้รักษาการณ์อยู่ทันที
หลังจากได้รู้ว่าสามวันนี้นอกจากตัวประหลาดเฒ่าทั้งสองที่มาหาแล้ว ในถ้ำพำนักก็ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นอีก เขาจึงวางใจ พาตัวประหลาดเฒ่าสวี่และพวกทั้งสองคนไปที่ห้องโถงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลังจากรักษามารยาทรอบหนึ่ง ตัวประหลาดเฒ่าสวี่และหานลี่ก็แยกกันนั่งตรงตำแหน่งหลัก ชายหนุ่มกลับยืนประสานมือกันอยู่ด้านหลังตัวประหลาดเฒ่าสวี่อย่างเงียบๆ
“ไม่ปิดบังสหายหาน เดิมผู้แซ่สวี่กักตนมาระยะหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่นานถึงได้ออกจากการกักตนมา หลังจากออกจากการกักตน ก็ได้ยินว่าในภูเขาวิญญาณมีสหายย้ายมาพักใหม่ ได้ยินว่าถ้ำพำนักของพี่หานเป็นอาวุโสเชียนจีจื่อของเผ่าหมื่นโบราณเป็นผู้ออกคำสั่งจัดการด้วยตัวเอง สหายและท่านอาวุโสเชียนจีจื่อมีที่มาเดียวกันหรือ?” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เพิ่งนั่งลง ก็เอ่ยถามสิ่งที่ทำให้หานลี่รู้สึกประหลาดใจด้วยรอยยิ้ม
“หึๆ ข้าน้อยเป็นชาวนอกเผ่า ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับท่านอาวุโสเชียนจีจื่อ แค่ยี่สิบสามสิบปีก่อนข้าน้อยบังเอิญมีบุญคุณกับสหายอีกคนในเผ่าหมื่นโบราณ และสหายผู้นี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับท่านอาวุโสเชียนจีจื่อเท่านั้น” แววตาของหานลี่เปล่งประกาย พลางตอบกลับอย่างราบเรียบ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ก็เพียงพอแล้ว แม้ว่าเผ่าหมื่นโบราณจะมีตำแหน่งไม่ต่ำต้อยในสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์ ท่านอาวุโสเชียนจีจื่อเองก็เป็นอาวุโสของเผ่าหมื่นโบราณ ขอแค่เขาเอ่ยปากคำเดียว ก็เพียงพอจะรับประกันว่าพี่หานจะปลอดภัยในเมืองเมฆาแล้ว” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่หัวเราะร่าออกมาขณะเอ่ย
หานลี่ได้ยินก็แค่หัวเราะน้อยๆ ออกมา ไม่ได้เอ่ยอันใดต่อ
เขารู้ดีอยู่แก่ใจ คนผู้นี้มาหาถึงที่จะต้องมีสาเหตุอื่นแน่ จากนี้ถึงจะเป็นเนื้อหาที่แท้จริง
ดังคาดตัวประหลาดเฒ่าสวี่หยุดหัวเราะ หน้าเปลี่ยนสีเป็นจริงจังพลางเอ่ยขึ้น
“ความจริงแล้วที่ตาเฒ่ามาโดยไม่บอกกล่าวครั้งนี้ ก็เพราะมีเรื่องอยากสอบถามสหาย หากมีจุดที่สะเพร่าก็หวังว่าพี่หานจะให้อภัย”
หานลี่ได้ยินคำนี้ก็รู้สึกระมัดระวังขึ้นสามส่วน แต่ปากกลับตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ
“เหตุใดพี่สวี่ต้องเกรงใจเพียงนี้ ผู้บำเพ็ญเพียรอย่างพวกเราทำทุกอย่างเพราะมีผลประโยชน์กันทั้งนั้น สหายมีเรื่องอันใด ก็เอ่ยมาเถิด หากผู้แซ่หานรู้ จะต้องบอกอย่างไม่ปิดบัง”
“สหายหานกล่าวเช่นนี้ ผู้แซ่สวี่ก็จะไม่อ้อมค้อมแล้ว” ใบหน้าของตัวประหลาดเฒ่าสวี่อดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ แล้วประสานมือคารวะอีกครั้ง
หลังจากที่เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ถึงได้เอ่ยปากอย่างเคร่งขรึมว่า
“สองสามวันก่อนที่มีปรากฏการณ์บนภูเขาของพวกเรา รวบรวมปรากฏการณ์สวรรค์ที่น่าตกตะลึงนั้น เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสหายหานหรือไม่?” ในเวลาเดียวกันที่ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ถามคำนี้ แววตาพลันฉายแวววาวโรจน์ จ้องเขม็งไปยังหานลี่อย่างไม่กะพริบตา
หานลี่ได้ฟังพลันใจหายวาบ แต่กลับไม่เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา แม้กระทั่งกลับยิ้มแล้วถามย้อนกลับ
“เหตุใดสหายถึงคิดว่าปรากฏการณ์สวรรค์วันนั้นเกี่ยวข้องกับผู้แซ่หาน?”
“ง่ายมาก แม้ว่าปรากฏการณ์สวรรค์นั้นจะมีพลังปราณฟ้าดินที่น่าตกตะลึง แต่ใจกลางตรงจุดที่ระเบิดออก ผู้แซ่สวี่ย่อมคาดคะเนได้สองสามส่วน และยิ่งไปกว่านั้นวันนั้นเป็นเพราะข้าน้อยร้อนใจออกจากถ้ำพำนัก จึงได้เห็นลำแสงสีทองสายหนึ่งบินออกมาจากฉากใกล้ๆ กับถ้ำพำนักของสหาย” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่กลับไม่ปิดบังเลยสักนิด พลางเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
หานลี่ได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วมุ่น แต่ทันใดนั้นก็คลายออกแล้วฉีกยิ้มขณะเอ่ย
“ในเมื่อสหายสวี่มาถึงที่นี่แล้ว ผู้แซ่หานก็จะไม่มีปิดบัง ปรากฏการณ์สวรรค์วันนั้นข้าน้อยก่อขึ้นโดยมิได้ตั้งใจ จะว่าไปแล้วก็ต้องขอบคุณสหายที่สลายพลังปราณฟ้าดินในวันนั้นไปจนเกลี้ยง มิเช่นนั้นจากพลังยุทธ์ของข้าน้อย คิดจะขจัดปรากฏการณ์สวรรค์ คงต้องเสียแรงอีกมาก”
“ที่แท้สหายหานก็เป็นคนดึงดูดปรากฏการณ์สวรรค์เหล่านั้น ช่างดีเหลือเกิน ไม่ทราบว่าพี่หานมั่นใจว่าจะรวบรวมพลังปราณฟ้าดินแบบเดียวกันได้อีกครั้งหรือไม่” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ได้ยินหานลี่ไม่ปฏิเสธ ทันใดนั้นก็รู้สึกดีใจ และเอ่ยถามอย่างร้อนรน
“รวบรวมพลังปราณฟ้าดินอีกครั้ง? เหตุใดสหายถึงถามเช่นนี้ อธิบายให้ผู้แซ่หานฟังได้หรือไม่” หานลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา
“นั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ สหายหานรู้หรือไม่ว่าข้าน้อยอยู่ในสังกัดเผ่าใดในสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่พลันตกตะลึง ทันใดนั้นก็หัวเราะด้วยเสียงแหบแห้งขณะเอ่ย
“เรื่องนี้…ข้าน้อยพลังยุทธ์ตื้นเขิน จึงดูไม่ออกจริงๆ” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง มองอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ที่อยู่ตรงหน้าไม่ว่าจะรูปกายภายนอกก็แทบจะไม่ต่างอันใดกับเผ่ามนุษย์ธรรมดาๆ ช่างดูลักษณะพิเศษของชนต่างเผ่าไม่ออกเลยจริงๆ
“พี่หานดูไม่ออกก็ไม่แปลก เพราะว่าเผ่าเมฆาของพวกเรา เดิมก็เชี่ยวชาญการอำพรางกายอยู่แล้ว ต่อให้ผู้ที่อยู่ระดับสูงกว่าพวกเราสองสามขั้น ขอแค่พวกเราจงใจเก็บกลิ่นอาย ก็ไม่อาจแยกแยะได้เช่นกัน แต่แค่ตาเฒ่าเป็นตัวประหลาดในเผ่า กลับฝึกฝนเคล็ดวิชาธาตุเพลิงอาทิตย์ เทียบกับระดับเดียวกันในเผ่า การแปลงกายกลับไม่เพียงพอ สหายที่อยู่ที่ภูเขาแห่งนี้มานานย่อมรู้ตื้นลึกหนาบางของตาเฒ่า” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่หัวเราะออกมา
“เผ่าเมฆา? คือเผ่าที่มีอยู่น้อยมากในสิบสามเผ่า แต่จัดอยู่ในสามอันดับแรก” หานลี่หน้าเปลี่ยนสี พลันตกตะลึงขึ้นมาจริงๆ
เขาเคยได้ยินความลับของสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์มาแล้ว
“หึๆ ดูแล้วพี่หานคงรู้จักเผ่าเมฆาของพวกเราไม่น้อย เผ่าเมฆาและเผ่าผลึกของพวกเรานับว่าเป็นเผ่าที่มีอยู่น้อยที่สุดในสิบสามเผ่า แต่เผ่าผลึกนั้นไม่เหมือนกัน เผ่าเมฆาของพวกเรามีกำลังกายไม่อ่อนแอ ทั้งเผ่าไม่เคยอยู่เลยสามอันดับแรกในสิบสามเผ่า” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง
“เสียมารยาทจริงๆ ผู้แซ่หานเพิ่งเคยเห็นเผ่าของท่านเป็นครั้งแรก” หานลี่ตกตะลึงไปชั่วครู่ จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ขณะเอ่ย
“ไม่เป็นอันใด แม้ว่าเผ่าของพวกเราจะมีประชากรไม่มาก แต่ในเมืองเมฆาก็มีคนอยู่ไม่น้อยจริงๆ แต่แค่ไม่ค่อยแสดงฐานะต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น แม้กระทั่งเผ่าอื่นๆ ที่เจ้ารู้จักก็อาจจะเป็นคนของเผ่าเมฆาของพวกเราที่แปลงกายมา” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เอ่ยอย่างมีเลศนัย
หานลี่ได้ยินกลับรู้สึกหมดคำพูด
“ทว่า แม้ว่าเผ่าเมฆาของพวกเราจะมีชื่อเสียงด้านการแปลงกาย แต่ความจริงแล้วอิทธิฤทธิ์ที่แท้จริงของพวกเรา กลับเป็นพรสวรรค์อีกอย่างหนึ่ง สหายหานน่าจะเคยได้ยินมาสินะ” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ระงับสีหน้าพึงพอใจ พลางเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น
“อสูรเมฆาประจำกาย!” หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยออกมา ก็เอ่ยปากออกไปแล้ว
“ใช่แล้ว ก็คืออสูรวิญญาณและอสูรเมฆาประจำกายที่แปลงกายนั่น เผ่าของเรามีเพียงต้องฝึกฝนอสูรเมฆาของตนเอง ถึงจะนับว่าเป็นเผ่าเมฆาที่แท้จริง” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เอ่ยอย่างแช่มช้า
“อืม ข้าน้อยเองก็ได้ยินมาตำนานอสูรเมฆาประจำกายของเผ่าท่าน ว่ากันว่าหากเผ่าของท่านฝึกฝนอสูรเมฆาได้ ไม่เพียงจะเทียบเท่ากับมีร่างแยกที่มีอิทธิฤทธิ์เท่ากับตนเองเพิ่มขึ้นมาร่างหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นในยามคับขันยังรวมร่างกับอสูรวิญญาณได้ กลายเป็นจิตวิญญาณยักษ์อสูรเมฆาในตำนาน หากเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงพลังยุทธ์จะเพิ่มขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ที่เดิมไม่อาจสำแดงออกมาได้ได้อีกด้วย สหายกล่าวเรื่องนี้กับข้าน้อย หรือว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอสูรเมฆาประจำกายของสหาย?” หานลี่ลูบใต้คางเอ่ยด้วยท่าทีครุ่นคิด
“สหายช่วงดวงตาเฉียบแหลมนัก เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอสูรเมฆาจริงๆ แต่ไม่ใช่อสูรเมฆาของตาเฒ่า แต่เกี่ยวข้องกับอสูรเมฆาประจำกายของชนรุ่นหลังผู้นี้” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ แต่ชี้ไปที่ชายหนุ่มด้านหลังขณะเอ่ย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น