ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1654-1661

 ตอนที่ 1654 เชือดไก่ให้ลิงดู


เหยียนหมิงซุ่นวางสายไปพร้อมทั้งให้โม่ซิวหย่วนหยุดก่อน “รอตำรวจมาค่อยจัดการ ไม่รีบ!”


ชาวบ้านคนอื่น ๆที่ยังไม่ได้ต้นไม้คืนหลงคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะกลับคำเลยโพล่งขึ้นอย่างร้อนรนว่า “เราจะซื้อคืน ไม่เบี้ยวแม้แต่หยวนเดียว!”


ความจริงคนพวกนี้ก็แอบมีแผนในใจโดยยุยงให้โม่จินกุ้ยโวยวายหาเรื่อง พวกเขาคิดว่าทางที่ดีควรจะซื้อต้นไม้คืนได้ทั้งหมดหรือไม่ต้องจ่ายเงินสักแดงเดียว แต่ตอนนี้เห็นท่าทางของเหยียนหมิงซุ่นแล้วพวกเขายังจะกล้าเอารัดเอาเปรียบอะไรอีก หวังเพียงแค่ซื้อต้นเงินต้นทองครึ่งหนึ่งกลับมาก็เพียงพอแล้ว


เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจพวกเขาแล้วหยิบถั่ววอลนัทในจานของว่างมากำหนึ่ง เพียงใช้สองมือบีบเบา ๆเปลือกถั่วก็แตก เนื้อถั่วกระจายเรียงตัวสวยอยู่บนฝ่ามือ สวยกว่าใช้คีมปอกเปลือกแงะอยู่มากโข


เขาไซร้หยิบเนื้อถั่วออกมาเป่าเศษเปลือกออกแล้วยัดใส่ปากเหมยเหมยพร้อมถามเสียงเบา “อร่อยไหม?”


“อร่อย ฉันปอกให้พี่กินด้วย”


เหมยเหมยเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยและหยิบมาลูกหนึ่งเอาคีมที่ไว้ใช้ปอกเปลือกแงะเปิดออก แต่เพราะใช้แรงมากเกินไปถั่วเลยแตกละเอียดจนถั่วและเปลือกปนกันไปหมด เธอเบะปากอย่างหงุดหงิดแล้วคิดจะลองอีกที


เหยียนหมิงซุ่นหยิบคีมจากมือเธอไป พูดกลั้วหัวเราะ “ฉันปอกให้เธอกินก็พอ เดี๋ยวคีมหนีบโดนมือก็ร้องไห้เอาหรอก”


ลูกวอลนัทอร่อยแต่แกะยาก ทว่าสำหรับเหยียนหมิงซุ่นแล้วไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถอะไร ง่ายดายเหมือนแกะถั่วลิสง เหมยเหมยทานอย่างเอร็ดอร่อยแถมป้อนให้เหยียนหมิงซุ่นทานเป็นพัก ๆ คู่รักสองคนกระหนุงกระหนิงรักใคร่ใส่ใจจนหาที่เปรียบไม่ได้


ชาวบ้านต่างมีความคิดในใจและไม่กล้าดูถูกเหมยเหมยอีกต่อไป


เมื่อครู่โม่จินกุ้ยแค่ผลักสาวน้อยคนสวยนี่เบา ๆทีเดียวเหยียนหมิงซุ่นก็โทรเรียกตำรวจมาจับ เห็นได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นสนใจสาวน้อยคนสวยนี้มากแค่ไหน ดูความใส่ใจนี่สิยิ่งกว่าดูแลลูกสาวเสียด้วยซ้ำ!


เพราะถนนเส้นมาหมู่บ้านโม่มาง่ายเลยทำให้รถตำรวจมาถึงในเวลาไม่นาน ยังไม่ทันเข้าหมู่บ้านก็ได้ยินเสียงไซเรนดังสนั่นจนทำเอาชาวบ้านตัวสะท้านเฮือก ความสงสัยแต่เดิมมลายหายไปในพริบตา


เห็นทีว่าเหยียนหมิงซุ่นจะรู้จักสารวัตรประจำสถานีตำรวจจริง ๆด้วย!


ดูความว่องไวนี้สิ คำสั่งได้ผลยิ่งกว่านายอำเภอเสียด้วยซ้ำ!


สารวัตรเหมา ‘เหลวไหล นายอำเภอเปรียบกับคุณชายหมิงได้หรือ?’


โม่จินกุ้ยเองก็ใจเต้นระส่ำจนหลงลืมความเจ็บตรงแขนไป สองขาสั่นไม่หยุด


มาจับตัวเขาจริง ๆหรือ?


พอเห็นตำรวจในชุดเครื่องแบบเต็มยศวิ่งลงจากรถ ชาวบ้านต่างขาอ่อนยวบกันพร้อมหน้า วันปีใหม่แบบนี้นี่คิดจะทำอะไร?


พวกเขาเป็นประชาชนคนดีนะ!


ตำรวจที่แต่เดิมยังรู้สึกตื่นเต้นก็เอือมระอาสุดฤทธิ์เมื่อเห็นว่าหมู่บ้านโม่ยังสงบดี ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนถูกผู้ก่อการร้ายบุกรุกนี่นา!


เหยียนหมิงซุ่นกดตรงแขนโม่จินกุ้ยทีหนึ่งแล้วกล่าว “เหมาอ้ายกั๋วให้พวกนายมาสินะ นี่แหละโม่จินกุ้ย รบกวนช่วยพากลับไปด้วย ให้เขาไปสำนึกผิดในนั้น”


พอหัวหน้าคุมตำรวจผู้มากประสบการณ์เห็นท่าทางน่าเกรงขามของเหยียนหมิงซุ่นรวมถึงเรียกชื่อสารวัตรออกมาโต้ง ๆเลย เขาจึงรู้ทันทีว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คนธรรมดาจึงเปลี่ยนท่าทีนอบน้อมในทันที


“ครับ จะให้โม่จินกุ้ยสำนึกผิดอย่างดี สบายใจได้เลยครับ!”


เขาสะบัดมือแล้วพูดเสียงขรึม “พาตัวไป!”


ตำรวจสองนายหิ้วปีกโม่จินกุ้ยที่นั่งหน้าซีดขึ้นเรื่อย ๆกันคนละข้างแล้วลากขึ้นรถตำรวจอย่างไม่คิดจะสนใจเสียงร้องโหยหวนของเขา ชาวบ้านคนอื่น ๆต่างตกใจจนนิ่งอึ้งไปไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง


โม่เหวินต้งเป็นคนฉลาดวิ่งกลับเข้าบ้านไปเอาอั่งเปามาสิบกว่าซอง เดินไปตรงรถตำรวจแล้วยิ้มตาหยียัดใส่มือแต่ละคน “ปีใหม่แบบนี้ลำบากทุกคนแย่เลย วันนี้มีธุระนิดหน่อยเลยไม่ได้ชวนทุกคนอยู่ทานข้าวที่บ้าน ขอโทษด้วยนะ!”


รถตำรวจขับออกไปแล้ว ด้านหลังมีโม่จินกุ้ยที่หน้าซีดหม่นหมองราวกับคนตายก็ไม่ปานถูกขังอย่างเดียวดาย


มีตำรวจหนุ่มคนหนึ่งอารมณ์ร้อนจึงแอบเปิดซองอั่งเปา พอเห็นจำนวนเงินในนั้นชัดเจนแล้วก็สะดุ้งตกใจ


โอ้โห นี่มันเงินเดือนครึ่งเดือนของเขาเชียวนะ!


คนอื่น ๆก็แอบเหลือบมองจำนวนเงินตั้งนานแล้ว ทำให้ความเบื่อหน่ายที่ต้องออกปฏิบัติการในวันปีใหม่หายวับไปในชั่วพริบตา


ภารกิจแบบนี้พวกเขาอยากให้มีทุกวันเลย!


……………………..


 ตอนที่ 1655 ยำหรือผัด


รถตำรวจขับออกไปพักใหญ่แล้ว แต่บ้านตระกูลโม่ก็ยังเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใด ๆเพราะชาวบ้านยังตกใจไม่หาย


ชาวบ้านไม่สู้กับคนมีอำนาจ พวกเขาไม่กลัวที่คนตระกูลโม่รวยแต่พวกเขากลัวตระกูลโม่มีคนเป็นข้าราชการต่างหาก!


โม่จินกุ้ยเข้าไปอยู่ในสถานที่กลืนกินคนแบบ จะมีชีวิตรอดกลับมาได้คงยาก!


ชาวบ้านที่ยังไม่ได้ซื้อต้นวอลนัทคืนยิ่งนึกเสียใจ หากรู้แต่แรกว่าเหยียนหมิงซุ่นมีอำนาจขนาดนี้พวกเขายังจะกล้าโวยวายอะไรอีก?


จ่ายเงินแต่โดยดีก็พอแล้วไม่ใช่หรือ


ตอนนี้ดีล่ะสิ คนอื่นได้ต้นไม้คืนไปครึ่งหนึ่งแต่พวกเขาไม่ได้แม้แต่ต้นเดียว


ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นไม่คืนให้พวกเขา พวกเขาก็ไม่มีความกล้าที่จะหาเรื่อง ไม่อย่างนั้นต้องมีจุดจบเหมือนโม่จินกุ้ยแหง!


เหยียนหมิงซุ่ยยังคงป้อนภรรยาตัวน้อยของตนต่อไป ส่งผลให้มีแต่เสียงแกะลูกวอลนัทดังขึ้นในบรรยากาศที่ไม่มีใครกล้าปริเสียงขึ้นมา


เขาแกะลูกวอลนัทในมือจนหมดถึงส่งสายตาให้โม่ซิวหย่วน โม่ซิวหย่วนเข้าใจความหมายเลยพูดขึ้นเสียงดัง “ครอบครัวที่เหลือมีความคิดเห็นอะไรอีกไหม?”


“ไม่มี ๆ เอาตามที่พวกเธอว่าเลย” ชาวบ้านที่เหลืออยู่ดีใจขึ้นมาทันตาแล้วรีบโพล่งตอบกลับไป เพราะกลัวว่าถ้าตอบช้าต้นเงินต้นทองจะหายวับไป


ชาวบ้านที่เหลือจัดการเซ็นสัญญาอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เป็นอันเสร็จสิ้น แต่ละคนยิ้มกว้างเพราะจะมีรายได้จำนวนไม่น้อยทุกปีแล้วจะไม่ให้ดีใจได้หรือ?


โม่ซิวหย่วนเอ่ยเสียงดัง “ต้นไม้ครึ่งหนึ่งพวกเธอแบ่งกันเอง หวังว่าทุกคนจะรู้ตัวกันดี อย่าทำเรื่องสกปรกที่ตัวเองไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นอย่างโม่จินกุ้ย”


“ไม่หรอก ไม่ทำอะไรแน่ ๆ!”


ทุกคนใจดิ่งวูบแล้วยังจะกล้าเล่นตุกติกอะไรอีกต่างพูดรับปากเป็นเสียงเดียวกัน


ตอนนี้รู้ว่าตระกูลโม่รู้จักคนมีตำแหน่งใหญ่โต ต่อให้พวกเขากล้าแค่ไหนก็ไม่อาจหาญที่จะหาเรื่องด้วยหรอก!


พวกชาวบ้านต่างยิ้มแป้นกลับบ้านไปด้วยความพึงพอใจ ถึงขั้นรู้สึกว่าตระกูลโม่ดีมากแล้วเพราะอย่างน้อยก็คืนให้พวกเขาตั้งครึ่งหนึ่ง!


คนก็เป็นเช่นนี้แหละ ได้อะไรมาง่ายดายเกินไปก็จะผุดความคิดที่ร้าย ๆขึ้นมา พอได้คืบก็จ้องจะเอาศอก เหยียนหมิงซุ่นคาดเดาถึงจุดนี้ได้เลยยอมคืนไปแค่ครึ่งเดียวแล้วยังต้องเอาเงินมาไถ่คืน


ผู้ใหญ่บ้านอาวุโสเป็นห่วงโม่จินกุ้ยมากเลยช่วยพูดอ้อนวอนแทนเขา “คนหมู่บ้านเดียวกันแล้วยังไหว้บรรพบุรุษเดียวกัน ให้โอกาสเขาอีกครั้งเถอะ!”


โม่ซิวหย่วนพูดแค่นเสียง “โม่จินกุ้ยไม่ได้หาเรื่องเป็นครั้งแรก คนพาลแบบนี้ต้องให้มันสำนึกผิดอยู่ในนั้นนั่นแหละ ถ้าไม่สั่งสอนมันให้หลาบจำล่ะก็อนาคตต้องก่อความวุ่นวายอีกแน่”


ผู้ใหญ่บ้านอาวุโสถอนหายใจเฮือกหนึ่ง รู้ว่าคนตระกูลโม่ตั้งใจจะลงโทษโม่จินกุ้ยเลยไม่เกลี้ยกล่อมอะไรอีก


จะว่าไปโม่จินกุ้ยก็ทำตัวเองทั้งนั้น สมน้ำหน้า!


ตกดึกพ่อแม่รวมถึงภรรยาของโม่จินกุ้ยต่างวิ่งแจ้นมาอ้อนวอนร้องขอความเห็นใจ ร่ำไห้จะเป็นจะตายทำเอาบ้านตระกูลโม่กินไม่ได้นอนไม่หลับ เหยียนหมิงซุ่นเองก็ชักรำคาญเลยพูดเสียงเย็นชาว่า “ถ้ายังไม่หยุดโม่จินกุ้ยก็อยู่ในคุกไปจนตายนั่นแหละ!”


เสียงร้องไห้หยุดลงฉับพลัน ครอบครัวนี้เดินกลับไปอย่างน่างสงสารรวมถึงของฝากที่พวกเขาหิ้วมาด้วยก็ถูกคืนกลับมาทั้งหมด


พอผ่านเรื่องน่าตกใจของโม่จินกุ้ยไปแล้ว ตำแหน่งของตระกูลโม่ในหมู่บ้านก็ถูกยกระดับขึ้นไม่น้อย อดีตที่ชาวบ้านมีแต่ความอิจฉาริษยาต่อตระกูลโม่นั้น บัดนี้กลับมีความหวาดผวาเพิ่มขึ้นและไม่กล้าพูดเหลวไหลอีก จึงทำให้คนตระกูลโม่สบายใจขึ้นไม่น้อย


แต่กลับมีคนบางกลุ่มที่คิดวางแผนเล่นตุกติก แล้วเริ่มทำตามแผนการอย่างลับ ๆ


เช้าวันรุ่งขึ้นเหยียนหมิงซุ่นพาเหมยเหมยขึ้นเขา คราวก่อนบอกไว้ว่าจะพาเธอไปชมดอกท้อแต่กลับต้องยกเลิกเพราะมีเรื่องอื่นมาแทรกก่อน


“ตอนนี้หนาวขนาดนี้บนภูเขาจะมีดอกท้อได้อย่างไร? พี่ดูผิดหรือเปล่า เป็นดอกบ๊วยหรือเปล่า?” เหมยเหมยพูดหยอกเย้า


เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าเป่าลมอุ่นพ่นใส่ข้างหูเธอ “แล้วถ้าเป็นดอกท้อจริง ๆล่ะทำไง?”


“จริงก็จริงสิ หรือว่าจะทำเป็นยำได้หรือไง!”


เหมยเหมยจับความหมายคลุมเครือในน้ำเสียงเขาได้เลยหน้าแดงระเรื่อ ไม่ยอมหลงกลหรอกนะ!


เหยียนหมิงซุ่นกระตุกยิ้มที่มุมปากและนัยน์ตาแววตาอันตราย จะยำหรือผัด เขาเป็นคนตัดสินใจเอง!


ตอนที่ 1656 เป็นความคิดที่ดี


เหยียนหมิงซุ่นพาเหมยเหมยไปหลังเขา บริเวณนั้นเป็นเนินเขาสูงชันอีกทั้งยังมีเถาวัลย์มากมาย ปกติชาวบ้านน้อยคนนักที่จะไปบริเวณนั้นเพราะได้ข่าวว่ามักมีหมูป่าปรากฏตัวบ่อยครั้ง


พอเหมยเหมยเห็นเถาวัลย์ที่พันกันมั่วแบบนั่นก็ตกตะลึง แล้วแบบนี้จะเดินอย่างไร?


เหยียนหมิงซุ่นช้อนตัวเหมยเหมยขึ้นมาแล้วฉีกยิ้มให้เธอก่อนแบกเธอขึ้นหลัง “กอดให้แน่น!”


เหมยเหมยรีบโอบลำคอเหยียนหมิงซุ่นไว้แน่นแล้วยังเอาขาเกี่ยวเอวเขาไว้แนบแน่น


เหยียนหมิงซุ่นตบบั้นท้ายเธอเบา ๆพลางเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “ตอนนี้ไม่ต้องรัดแน่นขนาดนั้น!”


เหมยเหมยเขินจนหน้าแดงก่ำแล้วกัดที่หลังคอเขาแรง ๆทีหนึ่ง คนหื่น ยิ่งอยู่ก็ยิ่งหื่น


เหยียนหมิงซุ่นไม่ใส่ใจพลางหยิบมีดสำหรับทหารออกมาแล้วตวัดซ้ายขวาก่อนที่เส้นเถาวัลย์จะขาดร่วงตกลงพื้นเพื่อเปิดเส้นทางเล็ก ๆที่แสนคดเคี้ยวให้เส้นหนึ่ง


“ตอนเด็กพี่มาเล่นที่หลังเขานี่บ่อย ๆแล้วได้รู้จักอาจารย์ของพี่ที่นี่” เหยียนหมิงซุ่นเริ่มเล่าเหตุการณ์ในวัยเด็กของเขาเหมยเหมยฟังอย่างตั้งใจกระทั่งเดินทางมาถึงครึ่งเขาโดยไม่รู้ตัว


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ปีนขึ้นไปสูงกว่านี้แต่เลือกเดินเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง เปิดไฟฉายส่องถ้ำที่มืดสนิทแล้วยังมีเสียงหยดน้ำด้วย ทว่าอากาศกลับสดชื่นบริสุทธิ์จนพอจะรู้ว่าที่นี่มีช่องผ่านลม


เดินเข้าไปในถ้ำราว ๆสิบนาทีพวกเขาก็มุดออกมา เหยียนหมิงซุ่นเดินไปข้างหน้าอีกระยะหนึ่งแล้วถึงปล่อยเธอลงพื้นก่อนพูดยิ้ม ๆว่า “หลับตา!”


เหมยเหมยมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่ง ทำเป็นลึกลับแต่เธอก็หลับตาลงแต่โดยดี เหยียนหมิงซุ่นใช้มือปิดตาไว้แล้วพาเธอเดินไปข้างหน้าช้า ๆ


เดินไปสิบกว่าก้าวเหยียนหมิงซุ่นถึงเลื่อนฝ่ามือออกพลางพูดชิดหูเธอว่า “โอเคที่รัก ลืมตาสิ!”


เหมยเหมยลืมตาขึ้นช้า ๆ ภาพสวยงามตรงหน้าทำเอาเธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เธอคิดว่านี่เป็นภาพลวงตาเลยกะพริบตาปริบ ๆแต่ภาพแสนงดงามนี้ก็ยังอยู่ มันเป็นของจริง


ตรงหน้าเป็นหุบเขาสลับซ้อนกันอย่างสวยงาม ขนาดไม่ใหญ่มากแต่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ในหุบเขามีแต่ต้นท้อจำนวนหลายร้อยต้นซึ่งส่วนมากได้ออกดอกออกผลเป็นที่เรียบร้อย งดงามราวกับสวรรค์บนดินที่ต่อให้ใช้คอมพิวเตอร์แต่งภาพก็ไม่อาจแต่งภาพให้สวยงามเท่าตรงหน้านี้ได้


“สวยจัง ฉันจะวาดเก็บไว้ ฉันจะให้บทรักครั้งแรกของพระเอกนางเอกของฉันเกิดขึ้นในที่สวยงามแบบนี้ มอบครั้งแรกของตัวเองให้กันและกันท่ามกลางดอกท้อ โรแมนติกจังเลย…”


เหมยเหมยอดพึมพำไม่ได้และลืมเจ้าหมาป่าเจ้าเล่ห์ข้างกายไปโดยสิ้นเชิงก่อนจะล้วงดินสอกระดาษออกมาอย่างลืมตัว


เหยียนหมิงซุ่นหูผึ่ง ทำใต้ต้นดอกท้อ…ไม่เลว ความคิดของภรรยาเป็นความคิดที่ดีมาก


เขากวาดสายตามองรอบหนึ่งแล้วตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะให้ภาพสวยงามนี้สูญเปล่าไปไม่ได้ แต่ต้องจัดเตรียมสถานที่สักหน่อยสิ เขาเหลือบมองเหมยเหมยที่กำลังง่วนอยู่กับการวาดรูปแวบหนึ่งก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วลงมือจัดการ


เตียงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ผืนฟ้าใช้เป็นผ้าห่มได้แต่ผืนดินจะใช้เป็นเตียงไม่ได้ ยายปีศาจตัวเล็กผิวบอบบางและหญ้าบนพื้นหยาบเกินไป


อืม…แล้วต้องเลือกต้นท้อที่ใหญ่และสวยงามที่สุดถึงจะได้บรรยากาศ ต่อให้เขาไม่สนใจสิ่งนอกกายพวกนี้เท่าไรขอแค่อีกฝ่ายเป็นเหมยเหมยก็พอ แต่เมื่อครู่เหมยเหมยบอกแล้วว่าอยากได้แบบโรแมนติก ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะเติมเต็มยายปีศาจตัวน้อยนี้แล้วกัน!


เหยียนหมิงซุ่ยยิ่งคิดก็ยิ่งได้ใจ ดวงหน้าเย็นชาอ่อนโยนขึ้นเรื่อย ๆจนแทบกลั้นไว้ไม่อยู่


กลางแจ้งเลยงั้นหรือ…เมื่อก่อนทำไมเขาถึงคิดไม่ได้นะ?


แค่คิดก็เร้าใจแล้ว!


เหมยเหมยร่างภาพอันสวยงามนี้เสร็จพอเงยหน้าขึ้นมากลับเห็นเหยียนหมิงซุ่นยืนอยู่ใต้ต้นท้อดอกบานสะพรั่งอย่างงดงามต้นหนึ่ง ใต้ต้นไม้นั้นยังปูฟูกหนา ๆไว้หนึ่งชั้น บนฟูกเต็มไปด้วยกลีบดอกท้อที่มีลอยพลิ้วอยู่กลางอากาศบ้างบางส่วน


ชายหนุ่มยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางกลีบดอกไม้ที่งดงามราวกับภาพวาดทว่ากลับแฝงด้วยความอันตรายนิด ๆ แต่เหยื่อกลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดทั้งยังวิ่งโร่เข้าไปหาอย่างมีความสุข


……………………


 ตอนที่ 1657 ขี้โกง


กลีบดอกไม้ยังคงปลิวว่อนอยู่กลางอากาศ ซึ่งมีหลายกลีบร่วงตกอยู่เหนือศีรษะของเหมยเหมยขับให้เจ้าตัวดูงดงามยิ่งกว่าดอกไม้จนสายตาเหยียนหมิงซุ่นเข้มขึ้นกว่าเดิม จึงยกมือขึ้นมาปัดกลีบดอกที่ร่วงตกอยู่ระหว่างคิ้วของหญิงสาว


กลีบดอกไม้ไม่รู้ความ บดบังไฝสีแดงที่เขาชอบมากที่สุดไปได้


“ทำไมกลีบดอกพวกนี้ถึงร่วงหมดเลยล่ะ?” เหมยเหมยเอะใจทั้งที่หุบเขานี้ไม่มีลมพัดด้วยซ้ำ


“พี่เตะไปทีหนึ่ง”


ต้นท้อบ่นอุบ ‘ใช้มือโยกหน่อยจะหักหรือไง?’


เห็นเหมยเหมยชื่นชอบฝนกลีบดอกท้อนี้มากเหยียนหมิงซุ่นเลยหันไปเตะอีกหนึ่งทีให้ดอกร่วงโรยปลิวกระจายไปทั่ว เหมยเหมยหมุนตัวท่ามกลางกลีบดอกไม้อย่างมีความสุขก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกที่เกะกะเธอออกไปพร้อมกล่าวอย่างตื่นเต้น “ฉันเต้นรำให้พี่ดูนะ!”


 เหยียนหมิงซุ่นดวงตาเข้มขึ้นกว่าเดิมพลางกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจ ดีมาก เป็นฝ่ายถอดเสื้อเองแล้วด้วย


ยายปีศาจตัวน้อยเป็นเด็กดีขึ้นเรื่อย ๆแล้ว!


ข้างในเสื้อกันหนาวเหมยเหมยสวมเสื้อไหมพรมขนแกะแนบเนื้อ เธอยิ้มให้เหยียนหมิงซุ่นพลางกางแขนออกแล้วเริ่มหมุนตัว ทั้งที่เป็นท่วงท่าง่าย ๆแต่พอเธอทำแล้วกลับงดงามดั่งภาพวาด งามเสียจนคนมองตาค้าง


“…สวยไหม?”


เหมยเหมยหยุดเต้น ตามตัวมีกลีบดอกไม้ติดตัวไม่น้อย หอบหายใจหน่อย ๆ ขณะที่เสื้อไหมพรมบนตัวเผยให้เห็นหุ่นเพรียวได้รูปของเธอ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงตามลมหายใจก็ได้จุดติดไฟราคะของใครบางคนให้ก่อตัวขึ้นมา


“สวยมาก!” เสียงแหบลงแล้ว กำลังรอมันปะทุออกมา


    เหมยเหมยยิ้มอย่างได้ใจก่อนพูดเสียงเล็กเสียงน้อย“ฉันเต้นให้พี่ดูอีกเพลง”


    “อืม…พี่เต้นกับเธอด้วย!”


เหยียนหมิงซุ่นวาดแขนรั้งตัวเหมยเหมยให้เข้าไปในอ้อมแขนของเขาก่อนที่จูบเร่าร้อนจะประทับลงมาคล้ายจะกลืนกินตัวเธอยังไงอย่างนั้น เหยียนหมิงซุ่นเองยังคิดไม่ตกเลยว่าทั้ง ๆที่จูบไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้วแท้ ๆแต่เขากลับจูบไม่เคยพอเลย ราวกับโดนฤทธิ์ของฝิ่นที่ต้องการไม่เคยจบไม่เคยสิ้น


“ยัยปีศาจ…”


เขากัดริมฝีปากของหญิงสาวอย่างนึกขุ่นเคืองไปทีหนึ่ง เหมยเหมยร้องออกมาอย่างเจ็บปวดจนเขาปวดใจอีกแล้วเลยแลบลิ้นเลียอย่างอ่อนโยน ทั้งคู่โอบกอดแนบแน่นอยู่ท่ามกลางกลีบดอกท้อร่วงโรย


เธอมีฉัน ฉันมีเธอ!


“…ไหนพี่บอกเต้นรำไง?” เหมยเหมยหายใจหอบถี่พลางมองใครบางคนที่พยายามถอดเสื้อผ้าตัวเองอย่างเอือมระอา


    ไหนว่าเต้นรำไง?


“กำลังเต้น…เต้นรำถอดเสื้อผ้า…”


    หื่นใส่กันซึ่ง ๆหน้าเลย เหยียนหมิงซุ่นยังคงมีสีหน้าเหมือนตอนทำงานไม่มีผิด อีกทั้งยังถอดเสื้อผ้าในความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานก็เปลื้องอาภรณ์จนเปลือยเปล่า เขาใช้เสื้อกันหนาวกระชับกอดทั้งคู่ไว้แล้วค่อย ๆล้มตัวอีกฝ่ายลงบนฟูกหนาที่เตรียมไว้ในตอนแรก


แม้เหมยเหมยจะหวั่นไหวแต่ยังขืนตัวอยู่บ้าง


กลางวันแสก ๆเชียวนะ!


“…พอได้แล้ว…ถ้ามีคนเห็นเข้าจะทำอย่างไร?” แบบนี้เธอก็อับอายขายหน้าแย่


    เหยียนหมิงซุ่นกำลังใจจดใจจ่อกับการสร้างรอยเลยตอบเสียงอื้ออึง “สบายใจได้ แม้แต่ยุงยังบินเข้ามาไม่ได้”


เหมยเหมยโกรธจนหยิกหลังแผ่นกว้างของเขาไปแรง ๆทีหนึ่ง ฤดูหนาวแบบนี้ยุงจะมาจากไหน?


โกหกเธออยู่ได้!


เหยียนหมิงซุ่นไม่ค่อยพอใจนักกับการที่หญิงสาวใต้ร่างเสียสมาธิเลยกระแทกตัวเข้าไปแรง ๆ “ที่รัก…ตั้งใจหน่อย ถ้าไม่ตั้งใจทำงานจะโดนทำโทษนะ”


“คนนิสัยไม่ดี…ทั้งที่บอกว่าแค่…มาดูดอกท้อ…” เหมยเหมยอดหอบไม่ได้แล้วขูดหลังเขาเป็นรอยแดงหลายรอย


“ตอนแรกก็แค่ดูดอกท้อหรอก แต่ที่รักบอกเองว่าอยากทำเรื่องอย่างว่าท่ามกลางดอกท้อ พี่ก็ต้องทำให้เธอพอใจสิ…”


“ฉันหมายถึงในนิยาย…”


“พี่ก็คิดว่าเธอกำลังสื่อความคิดของเธอผ่านนิยายอยู่ วันหลังถ้าต้องการอะไรก็บอกมาตรง ๆ อย่าเขิน!”


“พี่มัน…ขี้โกงที่สุด!”


“เด็กดี!”


เหยียนหมิงซุ่นประกบจูบอุดปากที่พร่ำบ่นไม่หยุดของเหมยเหมยเอาไว้ เหลือเพียงบทรักร้อนแรงลึกซึ้งที่แม้แต่ต้นท้อยังต้องใช้กลีบดอกไม้ปิดตาด้วยความอาย


    …


หนึ่งครั้งสองครั้งสามครั้ง…เป็นเลขที่นับไม่จบไม่สิ้นอีกครั้ง


เหมยเหมยฟุบอยู่บนอกของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเหนื่อยอ่อนที่กระทั่งลืมตายังทำไม่ได้ บนตัวมีแต่รอยแดงเต็มไปหมดดูเย้ายวนยิ่งกว่าดอกท้อด้วยซ้ำ


ตอนที่ 1658 พูดดีๆ


เหยียนหมิงซุ่นก้มมองหญิงสาวที่นอนอ่อนแรงปนง่วงในอ้อมแขนแวบหนึ่ง จึงยิ้มที่มุมปากอย่างอ่อนโยนแล้วก้มจูบหน้าผากเธอแผ่วเบาก่อนวางเหมยเหมยลงเพื่อเอาเสื้อกันหนาวคลุมตัวเธอ จากนั้นตนค่อยลุกมาสวมเสื้อให้ดี


บนพื้นถูกปูเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้สวยงามจนเหยียนหมิงซุ่นเคลิบเคลิ้มตาม จากนั้นจึงเก็บรวบมากำหนึ่งพร้อมดอกหญ้าหนึ่งเส้นก่อนจะค่อย ๆร้อยเรียงเป็นพวงทีละกลีบ ๆ ไม่นานก็ร้อยเป็นมงกุฎดอกไม้ เขายิ้มอย่างพึงพอใจแล้วสวมมงกุฎดอกไม้ไว้บนศีรษะเหมยเหมย


ดอกหญ้าสีเขียวคู่กับกลีบดอกท้อสีชมพู รวมถึงสีแดงระเรื่อที่ยังไม่จางหายไปจากพวงแก้มของหญิงสาวสวยเสียกว่ามงกุฎอีก คนกับดอกไม้แข่งกันสวยแต่กลับกลายเป็นว่าคนสวยกว่าดอกไม้เสียอย่างนั้น


เหมยเหมยไม่ได้หลับไปจริง ๆจึงรู้สึกคันยุบยิบตรงบริเวณศีรษะเลยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ส่งเสียงท้วงน้อย ๆยื่นมือขึ้นหมายจะปัดสิ่งที่เกะกะศีรษะตัวเอง


เหยียนหมิงซุ่นตะครุบมือเล็ก ๆไว้แล้วพูดเสียงเบา “อย่าขยับ…ไม่งั้นพี่จะ…”


เหมยเหมยรีบชักมือกลับด้วยความตกใจ หลับตาปี๋พึมพำเสียงเบา “ฉันหลับแล้วนะ!”


พระเจ้า ถ้ามาอีกรอบต้องถึงตายแน่ ๆ!


เหยียนหมิงซุ่นแค่หลอกให้เธอตกใจเท่านั้นเพราะหากคิดเอาจริงก็ต้องรอตกดึกเสียก่อน เขารู้ดีว่าควรค่อยเป็นค่อยไป


เห็นเหมยเหมยสวมมงกุฎดอกไม้แล้วงดงามเพียงนี้ก็เกิดนึกสนุกเป็นเด็ก ๆขึ้นมาฉับพลันเลยถอนดอกหญ้าอีกหลายเส้นเริ่มร้อยเป็นกำไลแล้วสวมไว้ตรงข้อมือคนรัก แขนขาวเนียนดุจหิมะช่างเหมาะสมกับดอกท้อสุดเย้ายวนนี้เสียจริง


ข้างกายกลับเป็นผืนหญ้าเขียวขจีและต้นท้อแสนเย้ายวน เหมยเหมยราวกับเจ้าหญิงนิทราที่เสมือนว่าพร้อมจะลอยตามสายลมตลอดเวลา ไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอยู่โลกมนุษย์เลย


เหยียนหมิงซุ่นเองก็จ้องจนตาค้าง แม้เขารู้ดีว่าคนรักตนเองสวยมาตลอดแต่กลับไม่เคยอึ้งเท่าวันนี้มาก่อน หวังเพียงว่าเวลาจะหยุดเวลานี้ไว้ เพื่อที่ภาพอันแสนงดงามจะได้ถูกสะกดไว้ตลอดไป


เหมยเหมยรู้สึกได้ว่าบรรยากาศเงียบผิดปกติเลยลืมตาขึ้นด้วยความแปลกใจ จึงขัดจินตนาการของเหยียนหมิงซุ่นไปด้วย


“โอ้ มงกุฎดอกไม้นี้สวยจัง พี่หมิงซุ่นดีสุด ๆไปเลย!”


แล้วเหมยเหมยก็ยื่นแขนขึ้นมาชื่นชมกำไลดอกไม้ตรงข้อมือใต้แสงอาทิตย์ด้วยความรู้สึกหวานชื่นปานหยดน้ำผึ้ง


พี่หมิงซุ่นของเธอเวลาโรแมนติกก็อบอุ่นสุด ๆไปเลย!


เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ แค่มงกุฎดอกไม้ธรรมดาก็ดีใจขนาดนี้ ช่างเอาใจง่ายเสียจริง!


แววตาเขาเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เดินไปดึงเสื้อกันหนาวบนตัวเหมยเหมยขึ้นเล็กน้อยเพื่อบดบังภาพสวยงามเอาไว้ ทั้งคู่หยอกเอินอีกสักพักก็เตรียมกลับบ้าน


เหมยเหมยดันไม่อยากกลับเลยบิดตัวออดอ้อน “เล่นอีกแป๊บหนึ่งสิ พี่…ได้ไหม?”


เสียงที่ทำเอาคนฟังเสียวซ่านถึงใจ เหยียนหมิงซุ่นแคะหูหน่อย ๆถึงจะระงับไฟที่เริ่มสุมขึ้นในท้องได้ก่อนพูดสีหน้าเรียบตึง “พูดดี ๆ จริงจังหน่อยสิ!”


เหมยเหมยกลอกตาใส่เขาที “เมื่อกี้ยังมีคนให้ฉันพูดแบบนี้อยู่เลย!”


เหยียนหมิงซุ่นสะอึกหน้าแดง ก่อนหน้านี้เหมือนจะให้ยัยตัวแสบนี่เรียกว่าสามีนี่นา เหมยเหมยแค่นหัวเราะอย่างได้ใจทีหนึ่ง ทีนี้เถียงไม่ออกแล้วสินะ?


“ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้น ตอนนี้ก็ส่วนตอนนี้ ถ้าไม่กลับไปอีกก็ต้องค้างคืนที่นี่แล้ว เสื้อก็ไม่ต้องใส่ละ!” เสียงของเหยียนหมิงซุ่นฟังดูอันตรายมากขึ้นและแฝงความข่มขู่เอาไว้


 “คนนิสัยไม่ดี…”


เหมยเหมยยู่ปากถลึงตาจ้องเขาอย่างไม่พอใจ อาศัยความร่างโตกว่ารังแกเธอ เป็นแบบนี้เสียทุกครั้งเลย!


เหยียนหมิงซุ่นใจอ่อนอีกแล้วเลยก้มเก็บเสื้อผ้าบนพื้นช่วยสวมให้เธอพร้อมพูดเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็นไปด้วย “เด็กดี คุณยายต้องทำกับข้าวเสร็จแล้วแน่ ๆ จะให้คนตั้งมากมายรอเราไม่ได้ วันหลังเราค่อยมาใหม่”


“แต่กลับปักกิ่งก็ไม่เห็นอีกแล้ว”


“งั้นฉันซื้อที่นี่ไว้ ถ้าเธออยากมาดูฉันก็จะขับเครื่องบินพาเธอมาดู” เพื่อรอยยิ้มของสาวงามสักครั้งยอมลงทุนซื้อภูเขาเพื่อเอาใจเลยอ่ะ


“พี่ใจดีจัง!” คนงามยิ้มร่า


เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงเบา ๆ แต่กลับจุดยิ้มมุมปากตลอดเวลา ชอบดูท่าทางของยัยตัวแสบหลังตัวเองเอาใจเช่นนี้แหละ มันทำให้รู้สึกประสบความสำเร็จมาก


…………………………….


 ตอนที่ 1659 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ


บ้านตระกูลโม่ในเวลานี้กลับมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือน เป็นหญิงที่แต่งงานแล้วอายุราวสี่สิบกว่าปีที่คนเรียกกันว่าคุณป้าฮวา สามีเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันกับโม่เหวินต้ง เป็นคนสกุลโม่เช่นกันแต่แยกครอบครัวออกจากตระกูลไปแล้ว


คุณป้าฮวาสมัยสาว ๆก็สวยไม่เบาแต่ตอนนี้มีอายุแล้วก็สวยไม่เสื่อมคลาย เพียงแค่อ้วนกว่าเดิมหน่อยทำให้หน้าทรงไข่กลายเป็นทรงกลม บั้นท้ายงอนเด้งก็ขยายใหญ่ขึ้น เอวคอดกลายเป็นทรงกระบอกตรงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากที่สุด


ผู้หญิงคนนี้เขากับคนในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ค่อยได้สักเท่าไรเพราะเป็นคนปากพล่อย มักติฉินนินทาผู้อื่นลับหลังเสมอแต่สามีของเธอโม่มู่เกินกลับเป็นคนที่ซื่อสัตย์ใสซื่อทั้งยังชอบช่วยเหลือผู้อื่นเลยค่อนข้างมีชื่อเสียงในทางที่ดี ทุกคนเลยไม่ถือสาคุณป้าฮวาเพราะเห็นแก่โม่มู่เกิน


ผู้ที่มาพร้อมกับคุณป้าฮวาคือหญิงสาวอีกคนซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กของเธอชื่อโม่ฉิ่วหลิง รูปลักษณ์หน้าตาเหมือนคุณแม่เธอสมัยสาว ๆไม่มีผิด หุ่นมีน้ำมีนวลอ้อนแอ้นถือว่าเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยคนหนึ่งเลย


หนำซ้ำโม่ฉิ่วหลิงยังเป็นสาวยอดนิยมประจำหมู่บ้าน เธอกำลังร่ำเรียนอยู่มหาวิทยาลัยครูเมืองหลวงซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเดียวกับอู่เชา


“ฉิ่วหลิงสวยขึ้นทุกวันนะเนี่ย สวยกว่าตอนแม่เธอสาว ๆอีก” คุณยายโม่ต้อนรับสองแม่ลูกคู่นี้อย่างอบอุ่น เธอค่อนข้างชอบโม่ฉิ่วหลิงเพราะไม่ได้น่ารำคาญเท่าแม่ของเธอ


สิ่งสำคัญที่สุดเพราะเมื่อสิบกว่าปีก่อนโม่มู่เกินเคยช่วยชีวิตคุณตาโม่ไว้ เมื่อนั้นคุณตาโม่กำลังปล่อยวัวบนภูเขาแล้วถูกงูฉกเข้า หากไม่ได้โม่มู่เกินช่วยเอาพิษออกได้ทันเวลาก่อนส่งตัวไปยังโรงพยาบาลแล้วล่ะก็ คุณตาโม่คงไม่พ้นขีดอันตราย!


คุณป้าฮวายิ้มอย่างได้ใจ ลูกสาวเป็นความภาคภูมิใจมากที่สุดของเธอ ผู้ชายธรรมดาไม่มีวันถูกตาต้องใจเธอหรอก เธอจะต้องหาลูกเขยคนเก่งให้ลูกสาวตัวเองให้ได้


“พวกเธอสองคนแม่ลูกก็กินข้าวเที่ยงเสียที่นี่แหละ ตามมู่เกินมากินด้วยกัน สือโถวไปตามลุงมู่เกินของเธอมาสิ”


“มู่เกินไปทำงานที่บ้านคุณอาของเขาแล้ว วันนี้ลูกชายอาเขาแต่งงานน่ะ” คุณป้าฮวาห้ามสือโถ่วไว้


หวังเฟิ่งเจินเหลือบมองมาทางสองแม่ลูกคู่นี้แวบหนึ่งแล้วกัดฟันกรอด


พวกอีเห็นสวัสดีปีใหม่ไก่[1] ไม่มีความหวังดีกันทั้งนั้น!


“หมิงซุ่นกับเหมยเหมยทำไมยังไม่กลับมานะ? ไข่ข้าวนี่จะเย็นอยู่แล้ว ฉันเอาไปต้มอีกสักหน่อย” คุณยายโม่พึงพำแล้วเอาไข่ลูกเจี๊ยบที่เย็นชืดเข้าไปต้มในหม้อใหม่


ไข่ข้าวอุดมไปด้วยสารอาหาร หากหลานชายได้ทานจะช่วยบำรุงร่างกายได้


“พี่สะใภ้สวยจัง เหมือนนางฟ้าเลย พี่สะใภ้นางฟ้า…” สือโถ่วปรบมือร้องเฮแล้วหัวเราะคิกคัก


เหยียนหมิงซุ่นจูงมือเหมยเหมยเดินเข้าบ้านมา หนุ่มหล่อสาวงามที่เหมาะสมกันราวกับคู่กิ่งทองใบหยก


เหมยเหมยสวมมงกุฎดอกไม้ไว้เหนือศีรษะเช่นเดียวกับตรงข้อมือราวกับเทพธิดาดอกไม้ มิน่าสือโถ่วถึงเรียกเธอว่านางฟ้า


โม่ฉิ่วหลิงดวงตาสีเข้มขึ้น เธอปกปิดความอิจฉาไว้อย่างดีเลยได้แต่ยิ้มแต้มอยู่อย่างนั้น ขณะมือเองก็เผลอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว


ผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวยกว่าเธออีก เสื้อผ้าบนตัวก็ดูดีมากเช่นกันล้วนเป็นยี่ห้อดังที่ซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ในเมืองเมืองหลวงเท่านั้น ไม่เหมือนเธอที่ทำได้แค่ซื้อเสื้อผ้าตามท้องตลาดราคาถูก


“คุณยาย มงกุฎดอกไม้อันนี้พี่หมิงซุ่นร้อยให้หนูค่ะ สวยใช่ไหมล่ะคะ?” เหมยเหมยเอ่ยอย่างร่าเริงเหมือนได้อวดของรักของหวง สายตาของเหยียนหมิงซุ่นเต็มไปด้วยความรักใคร่ที่แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ


แต่คนรอบข้างกลับเห็นได้อย่างชัดเจน


คุณป้าฮวาเบะปาก ก็แค่ดอกหญ้าเท่านั้นไม่ใช่หรือ มีเต็มภูเขาจะวิเศษวิโสอะไรนักหนา?


ดูเหมือนเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ใส่ใจเด็กผู้หญิงคนนี้เท่าไรนี่นาถึงได้ใช้ดอกหญ้าไร้ค่าเอาใจแบบกำปั้นทุบดิน โง่เขลาเสียจริง


เหอะ แต่ยิ่งโง่ยิ่งดี เช่นนนี้ฉิ่วหลิงของเธอถึงจะมีโอกาสสิ!


จากหน้าตาและระดับการศึกษาของฉิ่วหลิงของเธอรวมถึงบุญคุณที่สามีเธอได้ช่วยชีวิตคุณตาโม่ไว้ ลูกเขยเหยียนหมิงซุ่นหนีไม่พ้นเธอแน่!


ขอแค่ลูกสาวแต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่น เช่นนี้เธอจะได้ย้ายไปใช้ชีวิตสุขสบายในเมืองหลวงแล้ว!


ไม่ทนอยู่ในหมู่บ้านชนบททุรกันดารแบบนี้หรอก!


……………………….


[1] อีเห็นสวัสดีปีใหม่ไก่ เป็นสุภาษิตเปรียบเปรยคนที่เข้าหาอย่างมีเจตนาและไม่หวังดี


ตอนที่ 1660 กลั่นแกล้งภรรยาแสนซื่อ


เหยียนหมิงซุ่นปรายตามองโม่ฉิ่วหลิงอย่างเฉยเมยแวบหนึ่ง ด้วยความที่ไม่รู้จักเขาจึงละสายตาออกอย่างไวก่อนกล่าวต่อเหมยเหมยว่า “ถึงบ้านก็ต้องถอดมงกุฎดอกไม้ออกแล้วสินะ?”


เขาไม่เคยคิดเลยว่าเหมยเหมยจะชอบมงกุฎดอกไม้ที่ตัวเองร้อยมากขนาดนี้ ช่างโง่เขลาจริง ๆ!


“อืม ฉันจะตากเป็นดอกไม้แห้งแล้วทำเป็นถุงบุหงาแขวนไว้บนหัวเตียงฉัน” เหมยเหมยพูดเสียงหัวเราะคิกคักแล้วให้เหยียนหมิงซุ่นช่วยหยิบมงกุฎดอกไม้ลงมาให้เธอเพื่อเก็บรักษาไว้อย่างดี


คุณยายโม่เห็นคู่รักรักกันดีก็มีความสุข “เหมยเหมยชอบดอกท้อเหรอ รออีกไม่กี่วันดอกท้อก็จะบานเต็มเขาแล้ว ยายให้คนช่วยเก็บไว้ให้เธอหนึ่งกระสอบนะ ตากแห้งแล้วจะได้เอาไปทำเป็นหมอนดอกท้อ”


“หมอนดอกท้อก็ดีเลยสิคะ ขอบคุณค่ะคุณยาย” เหมยเหมยปากหวานเลยพูดประจบประแจงคนแก่จนหุบยิ้มไม่ลง ตักไข่ลูกเจี๊ยบในหม้อออกมาวางไว้บนโต๊ะ


“รีบมากินไข่ข้าวเร็ว คราวก่อนพวกเธอไม่ได้กิน ครั้งนี้ก็กินเยอะ ๆหน่อย เพิ่งยี่สิบเอ็ดวัน สดมากเลยล่ะ”


คุณป้าฮวากับโม่ฉิ่วหลิงตาวาวเป็นประกายวับเพราะสองแม่ลูกชอบทานไข่ข้าวกันทั้งคู่ โดยเฉพาะไข่ข้าวที่มีอายุยี่สิบเอ็ดวันมีทั้งหัวทั้งแขนและขนครบ รสชาติสดใหม่หาที่เทียบไม่ได้


เป็นครั้งแรกที่เหมยเหมยทาน เมื่อก่อนเธอเคยได้ยินเหยียนซินหย่าเอ่ยถึงแต่เหยียนซินหย่าไม่ทานโดยให้เหตุผลว่าน่าสยดสยองเกินไปเลยทานไม่ลง


เหยียนซินหย่าพูดอ้อมแอ้มเหมยเหมยเลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แค่ไข่ฟองธรรมดาแล้วมันน่าสยดสยองอย่างไรกัน?


ไข่แดงของไข่เยี่ยวม้าหน้าตาคล้ายก้อนอุจจาระเหยียนซินหย่ายังทานอย่างเอร็ดอร่อยได้เลย!


“หนูเพิ่งได้กินไข่ข้าวครั้งแรกค่ะ อันนี้ต้องกินอย่างไรเหรอคะ?” เหมยเหมยถามด้วยความสนอกสนใจ


เหยียนหมิงซุ่นจุดยิ้มมุมปากแล้วเกิดแผนร้ายในใจเลยหยิบไข่ข้าวฟองหนึ่งมาแสดงเป็นตัวอย่างให้ดู “เคาะทีหนึ่งให้มีรูเล็ก ๆแล้วดูดน้ำซุปจากรูค่อยปอกเปลือกแล้วจิ้มเกลือกิน”


เขาเอาไข่ข้าวที่เคาะเป็นรูมาไว้ข้างปากก่อนดูดเบา ๆให้น้ำซุปหอมหวานไหลเข้าปาก เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจถึงเริ่มปอกเปลือกไข่ เหมยเหมยจ้องตาเป็นมันเลยรีบเคาะรูบนเปลือกไข่ตาม


ดูดคำหนึ่งให้น้ำซุปอุ่นร้อนเข้าปาก รสชาติสดใหม่จริง ๆด้วย เธอยกนิ้วโป้งให้เหยียนหมิงซุ่นพร้อมพูดชม “อร่อยจริง ๆด้วย!”


“ปอกเปลือกกินเนื้อข้างใน” เหยียนหมิงซุ่นตาแพรวพราวและเริ่มรู้สึกผิดในใจเล็กน้อย


หลอกภรรยาตัวเองแบบนี้นิสัยไม่ดีเกินไปหรือเปล่า?


แต่อยากกลั่นแกล้งภรรยามากจริง ๆนี่นา!


เหมยเหมยจะรู้แผนร้ายในใจของเหยียนหมิงซุ่นได้อย่างไร เธอปอกเปลือกไข่อย่างตั้งอกตั้งใจก่อนจะเผยให้เห็นเนื้อสีน้ำตาลอ่อนด้านในเลยนึกแปลกใจคนเดียว สีนี้น่าแปลกดีจังแต่เธอก็ไม่ได้คิดมากอะไร


บางทีอาจจะเป็นสีของไข่ข้าวก็ได้ ไข่เยี่ยวม้ายังเป็นสีดำเลยนี่นา!


ปอกเปลือกไปครึ่งหนึ่งแล้วจิ้มเกลือเล็กน้อยก่อนจะกัดไปคำโต สด นุ่ม หอม…


“อร่อย…รู้สึกเหมือนกำลังกินเนื้ออยู่เลย อร่อยมาก!”


เหมยเหมยค่อย ๆเคี้ยวอย่างละเอียด เหยียนหมิงซุ่นจัดการไข่ข้าวในมือภายในคำสองคำ หลังจากหมดฟองยังไม่หายอยากเลยปอกฟองใหม่ทานต่อโดยไม่กล้าจะมองเหมยเหมย


“อร่อยก็กินเยอะ ๆ ไม่พอค่อยต้มใหม่!” คุณยายโม่พูดอย่างใจป้ำ


เหมยเหมยกลับยิ่งเคี้ยวยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ ทำไมในไข่มีกระดูกด้วยล่ะ?


เธอก้มมองไข่ที่ยังเหลือครึ่งฟองในมือพลันหน้าเปลี่ยนสี ปีก เล็บ ตัวยังอยู่ครบแต่ศีรษะถูกเธอทานไปแล้ว ความจริงในไข่ก็คือลูกเป็ดตัวน้อย ๆนั่นเองเพียงแค่ไม่มุดออกมาเท่านั้น


เมื่อครู่เธอทานลูกเป็ดไปตัวหนึ่งแถมยังทานลงไปพร้อมลำไส้!


“อุ๊บ…”


เหมยเหมยรีบเอามือปิดปากพุ่งตัวออกไปคายไข่ที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียดออกมาก่อนจะอาเจียนไม่หยุดจนน้ำตาเล็ด


มิน่าเหยียนซินหย่าถึงบอกว่าน่าสยดสยองเกินไป ไม่เกินจริงเลยสักนิด!


เหยียนหมิงซุ่นเห็นแล้วปวดใจเลยก่นด่าตัวเองอยู่ภายในใจแล้วส่งน้ำชาให้เหมยเหมยบ้วนปาก


“เพราะพี่นั่นแหละ ทำไมไม่บอกให้ชัดเจน? พี่ต้องจงใจแน่ ๆ…” เหมยเหมยบ้วนปากจนน้ำหมดแก้วถึงรู้สึกสบายขึ้นมาเล็กน้อย แต่ความรู้สึกสะอิดสะเอียนในใจกลับไม่จางหายไปไหน เธอทุบกำปั้นใส่ตัวต้นเหตุด้วยความโมโห


………………………..


 ตอนที่ 1661 มีแต่น้ำลายของเธอ น่ารังเกียจจะตายอยู่แล้ว


เหยียนหมิงซุ่นโอ๋ด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานอีกไม่กี่ประโยคเหมยเหมยถึงหลุดขำแทนร้องไห้ มองค้อนใส่แรง ๆทีหนึ่งก่อนเอ่ยเสียงเบา “ไว้กลับไปฉันจะซื้อทุเรียนตุนเต็มบ้านเลย หึ!”


เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนไม่เลือกทานแต่เขาไม่ชอบทุเรียน ปกติซื้อมาก็ถูกเหมยเหมยจัดการจนเรียบ


เดิมทีคุณยายโม่ยังเป็นห่วงว่าเหมยเหมยจะเป็นอะไรไปแต่เห็นคู่รักหยอกเอินกันอีกแล้วถึงค่อยสบายใจ แล้วเรียกป้าสะใภ้ไปทำกับข้าวพร้อมกับเธอ ในเมื่อไม่ชอบทานไข่ข้าวถ้าอย่างนั้นก็ผัดไข่ห่านให้หลานสะใภ้ทานแล้วกัน


เมื่อวานห่านที่บ้านเพิ่งฟักไข่ได้สองฟอง พอจะผัดได้จานใหญ่เชียวล่ะ!


คุณป้าฮวาที่ทานไข่ข้าวไปสามฟองกำลังปอกฟองที่สี่แล้วทานอย่างเอร็ดอร่อยก็จงใจเอ่ย “เด็กในเมืองก็คุณหนูแบบนี้สินะ กินไข่ข้าวฟองเดียวทำอย่างกับคนท้อง เหอะ ๆ!”


โม่ฉิ่วหลิงเอาศอกกระทุ้งเธอเบา ๆทีหนึ่งเป็นเชิงให้เธอพูดให้น้อย ๆหน่อย คุณป้าฮวามองเหมยเหมยตรงประตูอย่างดูถูกดูแคลนแวบหนึ่ง หน้าตาเหมือนลูกเจี๊ยบไม่มีผิด ไม่มีหน้าอกไม่มีก้น ดีกว่าลูกสาวเธอตรงไหน?


มื้อกลางวันมีแขกเพิ่มมาอีกสองคนคือสองแม่ลูกคุณป้าฮวา โม่ฉิ่วหลิงนั่งทานข้าวเงียบ ๆเลยไม่เป็นที่น่าเกลียดน่าชังเท่าไรแต่คุณป้าฮวากลับไม่เคยหยุดพูดมาตั้งแต่ต้น พูดน้ำไหลไฟดับจนน้ำลายกระเด็นใส่จานกับข้าวตรงหน้าเธอแล้ว


เหมยเหมยขมวดคิ้วแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาอีกรอบจนความอยากอาหารหายไปแทบไม่เหลือ เธอวางถ้วยลงพูดเสียงเบา “ฉันอิ่มแล้ว ข้าวพวกนี้ฉันเอาไปเทให้ไก่กินนะ”


เหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าเธอกำลังรังเกียจคุณป้าฮวาซึ่งความจริงเขาก็รังเกียจเช่นกัน


“ฉันไปต้มบะหมี่ให้หน่อยแล้วกัน” เหยียนหมิงซุ่นเองก็วางถ้วยลงลุกเดินไปตรงหน้าเตา เหมยเหมยเดินตามหลังเขาไปต้อย ๆ “ฉันจะก่อไฟให้นะ พี่ใส่น้ำพริกเยอะหน่อยล่ะจะได้เพิ่มความอยากอาหาร”


เธอต้องการพริกเพื่อขับไล่ความรู้สึกพะอืดพะอมนี้อย่างเร่งด่วน


คุณยายโม่ก็เข้าใจได้ทันทีเพราะหลานชายรักสะอาดตั้งแต่เด็กเลยรังเกียจคุณป้าฮวาอย่างไม่ต้องสงสัย เธอตะโกนไปทางเหยียนหมิงซุ่น “หมิงซุ่น ในหม้อมีซุปเป็ด หลานตอกไข่ใส่อีกหลาย ๆใบสิ”


คุณป้าฮวากลับไม่รู้ตัวเลยสักนิดเลยอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “กับข้าวเยอะขนาดนี้แล้วยังต้มบะหมี่กินอีก? เด็กสาวในเมืองก็คุณหนูแบบนี้แหละ!”


เหมยเหมยชะงักฝีเท้า บ้าเอ้ย…ด่าว่าเธอเป็นคุณหนูครั้งที่สองแล้วนะ!


ครั้งแรกเธออยู่ข้างนอกเลยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแต่ครั้งนี้พูดต่อหน้าเธอ คนในเมืองมีความแค้นอะไรกับหล่อนอย่างนั้นหรือ?


เหมยเหมยกัดปากพยายามอดทนไม่เถียงกลับ มาเป็นแขกบ้านคนอื่นต้องสงบเสงี่ยมไว้…ฟู่…อย่าโกรธนะ


อดทนไว้!


เหยียนหมิงซุ่นเองก็ชักไม่พอใจแล้ว เขาพอจะดูออกว่าคุณป้าฮวากำลังเจาะจงมาที่เหมยเหมยอยู่ ไม่ว่าเรื่องอะไรจะเกิดขึ้นเกินสามครั้งไม่ได้ ถ้าหากมีครั้งที่สามเขาจะไม่เห็นแก่คุณตาคุณยายอีกแล้ว


ผู้หญิงของเขาไม่ได้มีไว้ให้คนอื่นมาสั่งสอนสักหน่อย!


หวังเฟิ่งเจินถลึงตาจ้องคุณป้าฮวาอย่างรังเกียจ เธอเองก็ทานไม่ลงแต่นึกเสียดายกับข้าวทั้งโต๊ะนี้


“พี่สะใภ้ฮวากินกับข้าวเยอะ ๆหน่อย อย่ามัวแต่พูดมาก” หวังเฟิ่งเจินคีบขาหมูชิ้นใหญ่ให้คุณป้าฮวา อ้วนให้ตายไปเลย


โม่ฉิ่วหลิงรู้ว่าแม่ของตนกลายเป็นที่รังเกียจของคนอื่นไปแล้วเลยแอบเตะไปทีหนึ่ง คุณป้าฮวาจำต้องหุบปากแล้วเริ่มลงมือทานขาหมูอย่างมีความสุข ของโปรดของเธอเชียวนะ


แต่ปากเธอกลับไม่ยอมสงบสักที ทีนี้ยิ่งแล้วใหญ่ทานไปด้วยพูดไปด้วย เศษเนื้อกระเด็นออกจากปากพร้อมน้ำลาย ช่างเป็นภาพอุจาดตาสิ้นดี และไม่มีกับข้าวจานไหนรอดพ้นเลยแม้แต่จานเดียว


โม่เหวินต้งวางถ้วยลงด้วยความโมโหก่อนตะโกนไปในครัว “หมิงซุ่นต้มบะหมี่เยอะ ๆหน่อยนะ”


ถ้าไม่เห็นแก่โม่มู่เกิน ป่านนี้เขาใช้ไม้กวาดไล่กลับไปแล้ว


“กินบะหมี่อะไรกัน? กับข้าวเยอะขนาดนี้ไม่กินเสียดายแย่เลย” คุณป้าฮวาไม่เข้าใจอย่างมาก คนมีเงินไม่รู้จักการใช้ชีวิตเลยจริง ๆ มีปลามีเนื้ออยู่ตรงหน้าไม่ทานดันไปทานบะหมี่เสียอย่างนั้น


สือโถ้วทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงตะโกนออกไปว่า  “บนกับข้าวมีแต่น้ำลายของคุณป้า น่ารังเกียจจะตายชัก แล้วจะให้กินอย่างไรล่ะ?”


โม่ฉิ่วหลิงหน้าแดงก่ำราวกับสีเลือดและยิ่งรู้สึกรำคาญแม่ของเธอมากกว่าเดิม


น่าอับอายขายหน้าเสียจริง!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)