ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 165-168
บทที่ 165 ทิวทัศน์ทางใต้
ไมอามีกับบอสตัน ล้วนตั้งอยู่ทางชายฝั่งทะเลตะวันออกของอเมริกา เพียงแต่ทั้งสองที่นั่นตั้งอยู่ทางเหนือสุดและทางใต้สุด หากบินจากบอสตัน ก็เหมือนการบินข้ามประเทศไป
แต่ตอนนี้ด้วยพลังแห่งเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ระยะทางเท่านี้ ใช้เวลาสามชั่วโมงกว่าแวบเดียวก็ถึงแล้ว ขึ้นเครื่องตอนเช้า ถึงสนามบินนานาชาติไมอามีตอนเที่ยง
ในบรรดาเมืองใหญ่ของอเมริกา ไมอามีถือว่ามีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก แต่เพราะอากาศดี ทิวทัศน์ที่สวยงาม โอกาสในหน้าที่การงานมากมาย ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประชากรอเมริกันหนาแน่นที่สุดและเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกา
ที่บอสตัน ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าจังหวะชีวิตในเมืองมันเร็วมากแล้ว ทั้งคลื่นฝูงคน รถวิ่งขวักไขว่ แต่พอมายังไมอามีถึงได้รู้ ว่าของเดิมน่ะแทบเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ!
สนามบินอยู่ห่างจากตัวเมืองไมอามีสี่สิบกิโลเมตร รอบข้างไม่มีสิ่งปลูกสร้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ในเมื่อไมอามีเป็นหนึ่งในสิบเมืองท่องเที่ยวของอเมริกา ปริมาณคนเท่านี้จึงเป็นเรื่องปกติ
ฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงถือกระเป๋าเดินทางออกจากสนามบินเหมือนกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ พวกเขาสวมแว่นกันแดด ใส่เสื้อสบายๆ เหมาเหว่ยหลงใส่กางเกงชายหาดสีสันสดใสพร้อมรองเท้าแตะ
พอทั้งสองออกมาจากสนามบินก็มีรถแท็กซี่สีเหลืองขับเข้ามา ด้านหลังรถคันนี้ยังมีแถวแท็กซี่อีกยาวเหยียด แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเมืองนี้เฟื่องฟูแค่ไหน
ขึ้นรถมา คนขับเป็นคุณลุงผิวสีไว้จอน มองเผินๆเหมือนเป็นคนอารมณ์ร้าย แต่ความจริงคือคนอบอุ่นช่างคุย พอรู้ว่าทั้งสองเพิ่งเคยมาไมอามีครั้งแรก คนขับก็ถามว่า “เพื่อน พวกคุณรู้ไหมว่าเมืองที่ร่ำรวยที่สุดของอเมริกาอยู่ที่ไหน?”
เหมาเหว่ยหลงยิ้มตอบว่า “ยังต้องถามอีกหรือ ก็ต้องเมืองบิ๊ก แอปเปิลสิ!”
บิ๊ก แอปเปิลเป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของเมือง ที่บ่งบอกถึงความนิยมของมัน แต่ชื่อจริงๆ ก็คือนิวยอร์กนั่นเอง! ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจโลกหรือศูนย์กลางจักรวาลตามที่อเมริกาหลงตัวเองไว้!
คนขับหัวเราะ พลางส่ายหน้า ตอบว่า “ไม่ถูกครับ ลองทายอีกรอบไหม?”
ฉินสือโอวเอ่ย “งั้นก็ลอสแอนเจลิส หรืออย่าบอกนะว่าเป็นไมอามี”
เขากล่าวจบคนขับก็ตบแตรบนพวงมาลัย แล้วร้อง ‘วู้ว’ เสียงดัง คนขับตอบว่า “คุณทายถูกแล้ว เพื่อนผิวเหลืองของผม! ใช่ ไมอามีไงล่ะ พวก คุณได้ก้าวเข้าสู่เมืองที่เฟื่องฟูที่สุดในอเมริกาแล้ว!”
ฉินสือโอวยิ้มไม่ได้พูดอะไร คนอเมริกันส่วนใหญ่ถือดีและหัวแข็ง ทุกๆ เมืองล้วนคิดว่าบ้านตัวเองดีที่สุดทั้งนั้น
คนขับเข้าใจความหมายรอยยิ้มของเขา จึงหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งจากแผ่นบังแดดโยนไปเบาะหลัง ฉินสือโอวเปิดดู เป็น ‘แถลงไมอามี’
นี่คือหนึ่งในหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อสุดของฟลอริด้า บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ รายงานข่าวล่าสุดว่ายูบีเอส[1]ได้ประเมินความร่ำรวยของเมืองทั่วโลก ซึ่งไมอามีถูกนับเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในอเมริกา และอยู่อันดับที่ห้าของโลก
รอจนฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงอ่านจบ คนขับจึงเริ่มพูดเป็นต่อยหอยแนะนำเมือง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความภูมิใจโอ้อวด
รถขับไปบนถนนราบเรียบอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ปรากฏชายฝั่งทะเลตรงข้างทางหลวง เผยให้เห็นชายหาดที่สวยงาม ทรายสีทองเป็นประกายอยู่ตามชายฝั่ง โฟมคลื่นสีขาวซัดสาดไปมา เทียบกับคลื่นทะเลอันองอาจของเมืองแฟร์เวลแล้ว ก็ดูไร้รสนิยมไปเลย
นี่คือหาดยอดนิยมของไมอามี ไม่ไกลมีกำแพงกั้นน้ำพาดผ่านอ่าวบิสเคย์น ซึ่งกำแพงกั้นน้ำนี้ถูกคนในพื้นที่เรียกว่าสันทรายพันล้าน ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองนี้
รถขับมาด้วยความเร็วห้ากิโลเมตรกว่า เข้าสู่เขตเมืองตะวันออกของไมอามี เวลานี้มีรถมากขึ้นบนถนนใหญ่ รถจึงติดกันวุ่นวาย หยุดนิ่งไปสองนาที
ฉินสือโอวเปิดหน้าต่างดู ด้านนอกไม่ไกลเป็นชายหาด ทำให้มีคนสัญจรข้ามถนนเรื่อยๆ ยิ่งเป็นบริเวณสถานที่อาบน้ำกลางแจ้ง คงมองหานักท่องเที่ยวที่จะเคารพกฎจราจรได้ยาก
สักพักรถก็ยังไม่ขยับ เหมาเหว่ยหลงตบเข่าอย่างทนไม่ไหว พูดว่า “เฮ้อ ฉันหลับตาไปแป๊บเดียว ก็กลับมาเมืองปักกิ่งแล้วหรือเนี่ย?”
ฉินสือโอวส่ายหัวตอบ “เทียบกันแล้วยังแย่กว่าอีก คนปักกิ่งยังไม่กล้าถึงขั้นฝ่าไฟแดงเลย คนอเมริกันไม่ได้ถือดีคิดว่าตัวสูงส่งงั้นหรือ? ตอนนี้แทบมองไม่ออกเลย”
พวกเขาคุยกันเป็นภาษาจีน คนขับจึงฟังไม่ออก นึกว่าทั้งสองกำลังบ่น เลยเอ่ยยิ้มๆว่า “ที่นี่คือไมอามีนะ พวก สถานที่ที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลก ชื่นชมกับบรรยากาศมันดีกว่าไหม? ไม่ต้องรีบ ให้จังหวะคุณได้ช้าลงหน่อย คุณมาพักผ่อน ก็เหมือนมาสนุกกับชีวิต นั่งอยู่ในรถกับนั่งอยู่ในโรงแรมจะต่างอะไรกัน?”
ตอนรถด้านหน้าเริ่มเคลื่อน ก็มีหญิงสาวขายาวสองคนสวมเสื้อน้อยชิ้นเข้ามาเคาะหน้าต่าง ภายนอกพวกเธอดูอายุประมาณยี่สิบปีได้ สวมชุดขาดๆ ไม่ต่างจากบิกินี่ ผมยาวพลิ้วไหว ปากแดงร้อนแรง ดูมีเสน่ห์
คนขับดึงกระจกลงถาม “หวานใจ มีอะไรเหรอ?”
“สะดวกพาเราไปส่งที่โรงแรมแอมโพลิสหน่อยได้ไหมคะ? พวกเราไม่มีเงิน แต่พอช่วยให้คุณได้ปลอดโปร่งกันระหว่างทางได้นะ” หญิงสาวคนหนึ่งพูดพลางกลั้วหัวเราะ
คนขับกลับไม่สะทกสะท้าน แล้วชี้ไปด้านหลัง “น่าเสียดายนะ หวานใจ พอดีฉันพาเพื่อนมาน่ะ ไว้วันหลังแล้วกัน”
กล่าวจบ ก็เหยียบคันเร่ง แล่นรถจากไป
เหมาเหว่ยหลงมองฉินสือโอวอึ้งๆ พูดอย่างอดไม่ได้ “เวรแล้ว ฉินโซ่ว นี่น่ะหรือประเทศทุนนิยมบ้านั่น? นายดูสิ นายดู คนหลงผิดจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว! ไม่ได้การ ฉันคงต้องอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือเหล่าเด็กที่หลงผิด!”
ฉินสือโอวแสยะยิ้ม ตอบว่า “ไร้เดียงสาเสียจริงไอ้หนู รู้หรือเปล่าว่าไมอามีขึ้นชื่อเรื่องอะไรที่สุด? ทอร์นาโดกับมาเฟียไงเล่า! ระวังนายจะโดนเด็กหลงผิดพวกนี้ตัดไตเข้าให้ แล้วได้ใช้ชีวิตที่เหลือปลอดโปร่งสมใจแน่”
คนขับถามว่าพวกเขาคุยอะไรกัน ฉินสือโอวยิ้มชี้เล่นบอกว่าพวกเขากำลังพูดถึงสาวสวยที่เพิ่งเจอ คนขับเบ้ปาก “คุณคิดจริงๆ เหรอว่าพวกเธอจะยอมให้คุณฉวยโอกาส? หึ ถึงพวกเธอจะดูเหมือนสาวขายบริการ แต่เป็นจอมล่อลวงเจ้าเล่ห์ต่างหาก น่าโมโหจริงๆ ไม่เคยเจอแบล็กเพนเตอร์ เซารอนอย่างฉันหรือไง? ยังคิดจะมาหลอกฉันอีกเหรอ?”
วินนี่อาศัยอยู่ในมหาวิทยาลัยนานาชาติฟลอริด้าวิทยาเขตใกล้ตัวเมือง ทางบริษัทสายการบินแคนาดาให้พวกเธอเช่าห้องพักในอพาร์ตเมนต์ ฉินสือโอวตรงไปยังมหาวิทยาลัยพลางสัมผัสได้ถึงมนต์ขลังของสถานศึกษาที่เป็นหนึ่งในยี่สิบห้าโรงเรียนเอกชนชื่อดังของอเมริกา
เมื่อถึงที่หมาย ฉินสือโอวจ่ายเงินให้คนขับหนึ่งร้อยดอลลาร์อเมริกา พอคนขับจะทอนเงิน เขาก็เอ่ยยิ้มๆว่า “ถือเป็นทิปครับ”
หลังคนขับคนอื่นๆ ทราบว่าพวกเขาเป็นนักท่องเที่ยว ก็พากันแนะนำสถานที่สวยๆ ในเมือง และยังสอนเทคนิคการซื้อของอีกเล็กน้อย แม้ไม่ง่าย แต่ฉินสือโอวก็พยายามสุภาพด้วยพักหนึ่ง
คนขับไว้หนวดชูธนบัตรสีเขียวโบกไปมา พลางผิวปากเอ่ยว่า “เจ๋งเลย พวก ผมล่ะชอบคนจีนอย่างพวกคุณจริงๆ พวกคุณทั้งรวย ทั้งใจกว้าง นี่นามบัตรผม ผมชื่อเซารอน แบล็กเพนเทอร์ เซารอน ถ้าวันไหนพวกคุณต้องการใช้รถ ติดต่อผมได้”
ฉินสือโอวรับบัตรมา ส่วนเหมาเหว่ยหลงเจอร้านสะดวกซื้อร้านหนึ่งจึงคิดจะหาอะไรกินก่อน ตั้งแต่พวกเขากินอาหารเช้าที่โรงแรมก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
ร้านสะดวกซื้อมีชื่อว่า ‘คริส กริลล์ เบอร์เกอร์’ ที่ตกแต่งแบบเดียวกับเคเอฟซี เพียงแต่มีแคชเชียร์ตรงทางเข้าแทน
ฉินสือโอวสั่งอาหารมาสองชุด จ่ายเงินและถืออาหารไปหาที่นั่ง เขาเอ่ยยิ้มๆว่า “เจ้าของร้านนี้ช่างกล้า เอาแคชเชียร์ไปไว้ตรงทางเข้าแบบนั้น สะดวกโจร ปล้นเงินเสร็จก็ชิ่ง…”
เขาพูดไม่ทันขาดคำ รถกระบะจีเอ็มซีก็ขับเข้ามาเสียงดัง แล้วหักเลี้ยวอย่างสวยงามหมุนท้ายรถบังประตูร้าน ชายร่างกำยำสองคนสวมผ้าคลุมหัวสีดำกระโดดลงมาจากรถ ในมือถือปืนพก เป็นปืนลูกโม่ดีเอส เส้นผ่าศูนย์กลางปากกระบอก 38 ที่เล็กพริกขี้หนู และทรงพลัง ส่วนอีกคนถือไรเฟิลที่ฉินสือโอวคุ้นเคยดี…
อาวุธชิ้นโปรดของโจร ของเทพระยะประชิด ปืนลูกซองเรมิงตัน 870!
…………………………………………………………..
[1] Union Bank of Switzerland
บทที่166 สถานการณ์ในไมอามี
โดย
Ink Stone_Fantasy
พอคนทั้งสองโผล่มา คนในร้านก็เริ่มแตกตื่น กระทั่งพวกเขายกปืนขึ้น พวกผู้หญิงจึงกรีดร้องพร้อมเสียงโต๊ะเก้าอี้ที่ชนกันวุ่นวายดังไม่หยุด
ฉินสือโอวตาเร็วมือไวรีบดึงเหมาเหว่ยหลงหลบใต้โต๊ะ แม้การกระทำนี้จะค่อนข้างหน้าไม่อาย แต่จะให้รนหาที่ตายหรือไง? ถ้าเกิดโดนโจรจับเป็นตัวประกันแล้วถูกกระสุนลูกหลงตายขึ้นมา นั่นแหละที่ไม่คุ้ม!
ตั้งแต่ได้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมา ฉินสือโอวก็ตระหนักว่าตอนนี้เขาต้องรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ เขาจึงไม่ลังเลที่จะเอาตัวรอดไม่ว่าต้องเจอกับสถานการณ์อะไร เขาจะรักษาชีวิตตัวเองเป็นอันดับแรก
ถ้าภูเขายังถูกพลิก จะยังมีลมอะไรมาจุดไฟได้กัน?
เหมาเหว่ยหลงใจเย็นมาก เขาถามอย่างปวดหัวว่า “รอบนี้นายคงไม่ได้จ้างใครมาแสดงอีกใช่ไหม?”
ฉินสือโอวรีบตอบเสียงเบา “เงียบน่า ฉันจะแสดงบ้าอะไร! ถ้าใครมันมาเล่นแบบนี้ในไมอามี นั่นไม่ใช่การแสดงแล้ว แต่เป็นของจริง!”
ปกติฉินสือโอวชอบเล่นมีดเล่นปืน เวลาเล่นเขาจะรู้สึกมีอำนาจและเหมือนได้ปลดปล่อยยามควบคุมอาวุธพวกนั้น ตอนนี้มาโดนคนจ่อปืนใส่บ้างถึงได้รู้ว่ามันอึดอัดแค่ไหน
ถ้าไม่ได้มาเผชิญหน้ากับปากกระบอกปืนสีดำสนิท คงไม่มีทางรู้ว่าการที่ความตายมาแสยะยิ้มอยู่ด้านข้างจะน่ากลัวขนาดนี้!
ทำฉินสือโอวนึกถึงครั้งที่เขาแกล้งเหมาเหว่ยหลงไปหนักมาก ตอนเหมาเหว่ยหลงโดนจ่อปืนบนรถ เขาไม่ร้องโวยวายหรือถ่ายราดเลย ช่างเป็นชายใจแกร่งจริงๆ
โชคดีที่โจรสนใจแค่เงินไม่ได้คิดจะฆ่า เรมิงตันจ่อไปยังทุกคน ชายถือปืนพกนำถุงใบหนึ่งโยนให้แคชเชียร์แล้วคำรามใส่ “แกไอ้ดำ รีบใส่เงินมาให้ฉันเร็ว! ฉันให้เวลาแกสิบห้าวินาที ถ้าช้าแม้แต่วิเดียวฉันยิงแกเละแน่!”
แคชเชียร์คนนั้นรวดเร็วมาก พอโดนปืนจ่อหน้าผาก เขาก็ดึงเงินออกจากลิ้นชักคิดเงิน เอาเงินทั้งหมดใส่ถุงแล้วส่งให้โจรอย่างไว
เหมาเหว่ยหลงที่หลบอยู่ใต้โต๊ะได้เห็นความเร็วของมือแคชเชียร์ก็อ้าปากค้าง เอ่ยว่า “ถ้าคนนี้เล่นแอลโอแอล ต้องอยู่แรงค์บีแน่เลย!”
ฉินสือโอวกลอกตาอย่างอดไม่ได้ เจ้าหมอนี่เวลาอย่างนี้ยังจะคิดเรื่องเล่นๆ ได้อีก?
แต่เรื่องนี้สำหรับคนทั่วไป เหมือนหนึ่งครั้งในรอบร้อยปี การจะได้พบสักครั้งในชีวิตก็ไม่ต่างจากการสุ่มซื้อลอตเตอรี่ ฉินสือโอวไม่คิดว่าตัวเองจะดวงดีขนาดนี้เช่นกัน เพิ่งถึงไมอามีก็ได้มาเจอฉากในหนังฮอลลีวูดเข้าเสียแล้ว
น่าเสียดายแต่ก็เป็นโชคดีที่หนังฮอลลีวูดกำลังเข้าสู่ตอนจบ เมื่อมันได้เงินเรียบร้อยก็ยกเรมิงตันขึ้นยิงใส่เพดานนัดหนึ่ง จากนั้นอาศัยควันพรางและความวุ่นวายของผู้คนที่แตกตื่นกรีดร้อง ขึ้นกระบะจีเอ็มซีหนีหายไป
ตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นว่า “รีบโทรเรียก 911 เร็วเข้า!”
ฉินสือโอวผ่อนลมหายใจ พอหันไปเขาก็ต้องเจ็บใจ เหมาเหว่ยหลงช่างเป็นคนกล้าหาญจริงๆ เวลานี้ยังถือมือถือถ่ายวิดีโอไว้อีก!
“ได้โอกาสเนียนอีกแล้ว” เหมาเหว่ยหลงเอ่ยอย่างพอใจ
ไม่เหมือนในหนังฮอลลีวูดตรงที่มีการยิงกราดตอนเผชิญหน้ากับโจร หลังกดโทร 911 ไม่เกินห้าหกนาทีก็มีรถตำรวจคันหนึ่งขับเข้ามา
ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงถูกกักตัวที่ร้านเบอร์เกอร์ ทั้งแคชเชียร์กับพนักงานเสิร์ฟไม่ยอมให้ไปเพราะพวกเขาถือเป็นพยานในเหตุการณ์
ด้วยเหตุนี้ ฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงจึงเข้าสถานีตำรวจอเมริกาไปด้วยกัน ดีที่พวกเขาเป็นพยานและนักท่องเที่ยวต่างชาติ พวกตำรวจเลยแสดงความเป็นมิตรด้วย เข้าโรงพักไปก็มีคนรีบมาเสิร์ฟกาแฟให้
สถานะนักท่องเที่ยวต่างชาติมีข้อดีย่อมมีข้อเสีย ข้อดีคือพวกตำรวจจะไม่กดดันพวกเขา ข้อเสียคือถ้าบันทึกคำให้การแล้วพวกเขาก็ไปไหนไม่ได้
พวกเขาเป็นคนผิวเหลืองเพียงสองคนที่อยู่ร้านเบอร์เกอร์ในเวลานั้น พนักงานเสิร์ฟคอยมองพวกเขาอยู่ตลอด ซึ่งมีพนักงานคนหนึ่งที่พอฟังภาษาจีนได้ แล้วแจ้งตำรวจว่าหลังทั้งสองเข้ามาในร้านก็มีการพูดคำว่า ‘ปล้น’ และเรื่องอื่นๆ อีก
ฉินสือโอวชะงัก เขารีบอธิบายตำรวจว่า มาอเมริกาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันบาสเกตบอลเพื่อการกุศลในโครงการมะเร็งสมองบอสตันต่างหาก พวกตำรวจจึงทำการกักตัวชั่วคราว และบอกว่าพวกเขาสามารถโทรติดต่อให้ทางบอสตันช่วยดำเนินการได้ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรถึงจะยอมปล่อยตัว
เหมาเหว่ยหลงถ่ายเซลฟี่อยู่อีกด้าน พร้อมพูดจาเสียดสี “ดูสิ ปากพล่อยของนาย ทำเรื่องใหญ่กว่าเดิมอีกไหม? ไม่ใช่ว่านายวางแผนมาเซอร์ไพรส์แม่สาวแอร์คนนั้นหรือไง? เฮ้อ เดี๋ยวได้เซอร์ไพรส์จริงๆแน่”
ฉินสือโอวนั่งลงอย่างหดหู่ เขาโทรหาเออร์บัก ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบเตรียมจองตั๋วเครื่องบินมาไมอามีทันที บอกให้เขาไม่ต้องร้อนใจไป เรื่องนี้จัดการง่ายมาก
แต่ฉินสือโอวไม่กล้าเสี่ยงให้ร่างกายที่ยังไม่ฟื้นฟูดีของเออร์บักต้องเหนื่อยจากการเดินทาง จึงบอกว่าเออร์บักไม่ต้องมาเองก็ได้ เรื่องเล็กๆ นี้ แค่ให้ทางโรงพยาบาลใหญ่ทั้งห้ากับเอ็นบีเอที่เป็นผู้จัดงานออลสตาร์เพื่อการกุศลช่วยยืนยันกับตำรวจก็พอแล้ว
จากนั้น ภายในห้องสอบปากคำเดี่ยว ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงก็รอจนบ่าย พวกตำรวจไม่ได้ทำพวกเขาอึดอัดเลย แถมช่วยเสิร์ฟกาแฟกับโดนัท ถึงขั้นมีตำรวจสาวคนหนึ่งมาถามด้วยว่าต้องการวายฟายไหม
“เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอารยธรรมจริงๆ” เหมาเหว่ยหลงที่เกิดมากับตำรวจประเทศโลกที่สามเหมือนได้เปิดโลก แต่ตำรวจประเทศตัวเองก็ปฏิบัติกับชาวต่างชาติดีแบบนี้พอกันนี่ ไม่ใช่ว่านั่นเป็นเรื่องปกติของโลกอยู่แล้วหรือ?
ตอนห้าโมงครึ่ง ตำรวจนายหนึ่งเปิดประตูเข้ามาถามว่า “คนไหนคือ SHINOU-QIN?”
ฉินสือโอวยกมือขึ้นอย่างอ่อนแรง ตำรวจกวักมือเรียก “พวก ตามผมมา มีคนอยากพบคุณน่ะ”
“แล้วผมล่ะ?” เหมาเหว่ยหลงถาม
ตำรวจนายนั้นยักไหล่ ตอบ “คุณอยู่ต่อไปก่อน จะเติมกาแฟอีกแก้วไหม?”
ฉินสือโอวออกไป ก็เห็นร่างงดงามกำลังรอเขาอย่างกระวนกระวายในโถงสถานี ไม่ใช่วินนี่แล้วจะเป็นใครล่ะ?
สภาพวินนี่ดูไม่ค่อยดีเท่าไร หายใจหอบ ผมสวยยุ่งเหยิง และยังแต่งชุดไม่เข้ากันซึ่งผิดกับภาพลักษณ์แอร์โฮสเตสสาวสวยที่ดูแลตัวเองอย่างดี ด้านบนสวมเสื้อแขนชีฟองลายใบบัวที่ดูประณีตหรูหรา แต่ด้านล่างกลับเป็นกระโปรงสูทแอร์โฮสเตสสายการบินแคนาดาสีน้ำเงินเข้ม บนขาเปลือยสวยมีรอยเปื้อนฝุ่น เหมือนเหยียบคันเร่งรถมา
พอเห็นฉินสือโอว คิ้วที่ขมวดมุ่นของวินนี่ก็คลายลง เธอถอนหายใจ แล้วพูดด้วยความโมโหทั้งน้ำตาคลอว่า “เฮ้ คุณเจ้าของฟาร์มปลา เกิดเรื่องแบบนี้แล้ว ยังไม่คิดจะโทรหาฉันอีกเหรอ? คุณนี่มันมั่นหน้าแล้วก็แอบโง่อะไรอย่างนี้!”
ทีแรกฉินสือโอวไม่รู้ว่าวินนี่โกรธทำไม รอจนเธอพูดจบ ถึงเข้าใจเหตุผล
วินนี่พูดว่า “ถ้าเกิดฉันไม่ได้ดูทีวีตอนอยู่ห้องเปลี่ยนเสื้อ คงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องน่ากลัวแบบนี้! พระเจ้า คุณรู้ไหมว่าเคเบิลทีวีของไมอามีนำเสนอพวกคุณยังไง? รูปขาวดำของคุณกับเพื่อน! ใช่ บ้าเอ้ย รูปขาวดำเลยนะ! ฉันคิดว่า ฉันคิดว่า…”
พูดอะไรไม่ออก วินนี่โบกแขนไปมา กัดฟันเม้มปากจ้องฉินสือโอว แล้วยกเท้ากระทืบพื้นเต็มแรง แต่ลืมไปว่าเธอเปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นสูงหลังลงจากเครื่องมา ส้นสูงจึงกระแทกเข้าเท้าเบาๆ
ฉินสือโอวรีบเข้าไปประคองเธอ ในใจรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนที่แผ่ซ่าน เขาพูดเสียงเบา “ขอโทษนะ ที่ทำให้คุณเป็นห่วง จริงสิ คุณเพิ่งลงจากเครื่องมาใช่ไหม?”
วินนี่ย่นจมูกใส่เขา ตอบว่า “ใช่สิ คุณไม่เห็นเหรอว่าชุดฉันยังเปลี่ยนไม่เสร็จเลย”
ฉินสือโอวพูดอย่างอดไม่ได้ “คุณยังอยู่บนเครื่อง แล้วผมจะโทรหาคุณได้ยังไงเล่า?”
วินนี่นิ่งไป ฉินสือโอวดึงมือเล็กๆของเธอ พลางเอ่ยเบาๆ “ยิ่งเกิดเรื่องนี้ จะให้ผมโทรหาคุณได้ไงกัน? ผมปลอดภัยดี ไม่เป็นอะไร ซึ่งผมรู้ดีแต่คุณไม่ ผมเลยไม่อยากทำให้คุณกังวลเปล่าๆ อย่างที่ผมวิดีโอบอกเมื่อวันนั้น ผมหวังว่าเวลาที่คุณอยู่กับผม คุณจะมีแต่ความสุข”
ภายในโถงออฟฟิศมีตำรวจที่กำลังทำงานอยู่ไม่น้อย พวกที่ได้ยินคำพูดของฉินสือโอวจากด้านข้างพร้อมใจกันยกนิ้วโป้งให้เขา กดไลก์ให้เลย เจ้าหนุ่มช่างจัดการสาวได้อยู่หมัดจริงๆ
……………………………………………………
บทที่ 167 เด็กๆ ที่น่าสงสาร
โดย
Ink Stone_Fantasy
วินนี่ควรนับเป็นดาวนำโชคของฉินสือโอว เธอเพิ่งมาไม่นาน ข้อมูลสองอย่างก็มาถึงสถานีตำรวจ อันหนึ่งคือจดหมายเชิญฉินสือโอวจากการแข่งขันออลสตาร์เพื่อการกุศลบอสตัน อีกอันคือเอกสารรับรองทรัพย์สินของฉินสือโอวจากธนาคารมอนทรีออล
เมื่อมีข้อมูลสองอย่างนี้ ข้อสงสัยที่มีต่อฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงก็เป็นอันลบล้าง เพราะไม่มีทางที่เศรษฐีอย่างเขา จะจงใจวิ่งมายังไมอามีเพื่อปล้นร้านสะดวกซื้อเล็กๆ แน่
ตำรวจสองนายส่งฉินสือโอวออกจากสถานีอย่างนอบน้อม วินนี่ยิ้มหัวเราะกล่าวว่า “พวกเขากลัวทนายคุณจะมาทำเรื่องฟ้องน่ะสิ”
ฉินสือโอวเอ่ยอย่างสงสัย “พวกเขาแค่ทำตามกฎหมายนี่? ยังจะกลัวผมฟ้องทำไม? แล้วระหว่างดำเนินเรื่องก็ไม่มีการใช้ความรุนแรงอะไรด้วย”
วินนี่อธิบาย “เรื่องนี้มองแค่ส่วนนั้นไม่ได้ ในอเมริกามีหลายคดีที่ไม่สนใจผลลัพธ์ ถ้าคุณฟ้องสถานีตำรวจ พวกเขาก็จะทำงานกันลำบากขึ้น แล้วยังกลายเป็นข่าวไปถึงสื่อ ส่งผลต่อภาพลักษณ์และการเลื่อนขั้น ถ้าพวกเขารู้ว่าคุณจะรวยขนาดนี้ คงไม่กล้ากักตัวคุณหรอก คนรวยสามารถเชิญทนายมาฟ้องได้สบาย พวกเขาแค่ไม่อยากเสียหายน่ะ”
หลังออกจากสถานีตำรวจ วินนี่ก็ไปเรียกแท็กซี่ข้างทาง เหมาเหว่ยหลงพิจารณาเธออย่างละเอียดแล้วจู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “ฉินโซ่วเด็กนายนี่โอเคเลย แม่สาวแอร์คนนี้สวย นิสัยดี มิน่า นายแอบชอบเธออยู่นี่เอง ฉันแนะนำสาวไหนไปนายก็ปฏิเสธหมด ถ้าฉันได้รู้จักผู้หญิงแบบนี้ก็คงเป็นเหมือนนายแหละ แล้วไม่ขอเธอแต่งงานล่ะ”
เหมาเหว่ยหลงทำหน้าจริงจัง พูดภาษาจีนล้อฉินสือโอว
ฉินสือโอวหน้าซีด ไอ้เวรนี่พูดบ้าอะไร? นายแนะนำสาวให้ฉันตั้งแต่เมื่อไรวะ? ปัญหาความสัมพันธ์ของตัวนายนี่มันเกินเยียวยาแล้วใช่ไหม? ที่สำคัญ ไอ้เวร วินนี่ฟังภาษาจีนออกโว้ย!
คิดดังนั้น เขาลังเลว่าจะเตือนเหมาเหว่ยหลงดีไหม วินนี่ก็หันมา ส่งสายตาห้ามฉินสือโอวไว้ก่อน แล้วยิ้มตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า “ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่หรือคะ?”
เหมาเหว่ยหลงยังทำหน้าจริงจัง ตอบกลับด้วยภาษาอังกฤษแปร่งๆ “ผมแค่กำลังชมคุณครับ”
กล่าวจบ เขาก็ขยิบตาให้ฉินสือโอว “หาสาวต่างชาติเป็นภรรยาก็ดีนะ เธอฟังที่พวกเราพูดไม่ออก นายจะได้รักษาความเป็นส่วนตัวได้ จริงสิ ไม่ใช่นายวางแผนว่าตอนมาจะซื้อดอกไม้ให้แล้วค่อยสารภาพรักหรอกเหรอ? เกิดเรื่องแบบนี้แล้วยังจะสารภาพอยู่ไหม?”
ฉินสือโอวมุมปากกระตุก เป็นเพื่อนเลวกันมาสี่ปี ทำไมเขาจะไม่เข้าใจความหมายของเหมาเหว่ยหลง?
เหมาเหว่ยหลงดูจะรู้ว่าวินนี่เข้าใจภาษาจีน ซึ่งฉินสือโอวจำได้ว่าตัวเองคงเคยบอกไปแล้ว ดังนั้นการที่เหมาเหว่ยหลงพูดเช่นนี้ ที่แท้คือคอยช่วยให้เขาได้สารภาพรักนั่นเอง เจ้าเพื่อนเลวรู้ว่าเขาอายเกินกว่าจะยอมพูดจึงพยายามช่วยเขาเป็นพิเศษ
วินนี่แสร้งมองฉินสือโอวอย่างงุนงง ส่วนเหมาเหว่ยหลงก็ทำเป็นภาคภูมิใจมาก ฉินสือโอวถอนหายใจ เขานึกว่าตัวเองเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูดมาตลอด ตอนนี้พอเห็นการแสดงของสองคนนั้น พลันรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่คนทึ่มหัดแสดงไปเลย
เมื่อนั่งแท็กซี่ตรงมายังอพาร์ตเมนต์แอร์โฮสเตสของพวกวินนี่ หลังลงจากรถวินนี่ดึงฉินสือโอวไว้ พลางยิ้มน่ารักเอ่ยว่า “ฉิน คุณห้าม คุณห้ามบอกเพื่อนคุณ ว่าฉันรู้ภาษาจีนเด็ดขาด…”
เธอเดินไปได้สองก้าวก็หันกลับมา ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “นี่คงไม่ใช่แผนที่คุณกับเพื่อนเตรียมกันไว้หรอกนะ?”
ฉินสือโอวยิ้มขม “คุณคิดว่าผมเป็นแบบเลดี้ส์แมน[1]เหรอ?”
วินนี่หยิบชุดที่เตรียมไว้ส่งให้เขา พลางตอบ “งั้นฉันคงคิดมากไป แต่ฉันก็อยากทำให้แน่ใจว่าพวกคุณกำลังแสดง หรือ ที่เพื่อนของคุณพูดเป็นเรื่องจริงกันแน่?”
ฉินสือโอวมองวินนี่ตาโต “ใช่ วินนี่ ผมมาครั้งนี้ เพื่อมาสารภาพรักกับคุณ ผมชอบคุณ ไม่ใช่แค่เพราะคุณสวยเซ็กซี่ แต่เพราะจิตใจที่ดีงามและความน่ารักนั้น ผมเลยอยากจีบคุณครับ”
วินนี่จิ้มปลายจมูกเล็กๆ ตอบว่า “พ่อรูปหล่อ ฉันจะให้โอกาสคุณ แค่โอกาสในการจีบเท่านั้นนะ ยังไม่ได้ตกลงว่าฉันจะเป็นแฟนคุณหรอก”
ได้ยินดังนั้นฉินสือโอวก็ยิ้มกว้าง หันไปทำท่าชูสองนิ้วให้เหมาเหว่ยหลง อีกฝ่ายก็ยกนิ้วโป้งให้เงียบๆ ทำได้สวย!
ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงพักอยู่ในกรีนเฮาส์ด้านข้างที่พักของสายการบินแคนาดา โรงแรมนี้เหมือนกับเซเว่นเดย์ อินน์[2]ของจีน เป็นโรงแรมสำเร็จรูป หรือห้องพักริมทางที่มักเห็นได้บ่อยในหนังฮอลลีวูดและซีรีส์อเมริกันนั่นเอง
วางของเสร็จฉินสือโอวก็โทรไปยังฟาร์มปลา บอกชาร์คว่าจะกลับช้าอีกสองวัน
ได้ฟังดังนั้น ชาร์คก็พูดด้วยความลำบากใจ “บอส ฟาร์มปลาไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่ลูกๆ คุณน่ะปัญหาเยอะมาก ตั้งแต่วันที่คุณไป ลูกคุณก็เริ่มดื้อกันเลย หู่จือกับเป้าจือวิ่งหาคุณทั่วฟาร์มปลาตลอด ฉงต้าก็ร้องเอ๋งๆ ไม่ยอมกินอะไร ทำพวกเราหัวหมุนไปหมด”
ฉินสือโอวให้ชาร์คเปิดวิดีโอ หู่จือกับเป้าจือนอนแผ่บนพรมอย่างหม่นหมองโดยมีฉงต้าเอนอยู่ด้านข้าง ต้าป๋ายปีนขึ้นไปบนพุงมัน ดูหมดอาลัยพอกัน บนพื้นมีของเคี้ยวเล่นวางกองไว้ แต่ไม่มีตัวใดสนใจของพวกนี้เลย
ฉินสือโอวพลันปวดใจ จึงพูดผ่านกล้องวิดีโอว่า “เด็กๆ มาเร็ว ดูซิใครอยู่ตรงนี้ หันมาสิ นี่พ่อเองนะ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเขา หู่จือกับเป้าจือก็พุ่งเข้ามา ฉงต้าเงยหน้าขึ้นแล้วพยายามจะพลิกตัว แต่มันอ้วนเกินไป ลองอยู่สองครั้งก็ไม่สำเร็จ ตัวอ้วนกลมของมันดุ๊กดิ๊กไปมา ทว่าแม้แต่ต้าป๋ายยังไม่สะเทือนด้วยซ้ำ
พอเห็นอย่างนั้น วินนี่ก็หลุดหัวเราะ
หมีสีน้ำตาลโคดิแอคเป็นหมีที่แข็งแรงที่สุดชนิดหนึ่ง ความแข็งแกร่งนี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงอุปนิสัยของพวกมัน ยังรวมถึงโครงสร้างทางร่างกายอีกด้วย พวกมันไม่เหมือนหมีสีน้ำตาลทั่วไปที่อ้วนเชื่องช้า เพราะมันมักจะวิ่งและปีนเขา ทำให้ร่างกายพวกมันค่อนข้างผอมเพรียว
ตอนนี้ฉงต้ากลายเป็นก้อนเนื้อกลมไปแล้ว ปกติพอกินอิ่มก็นอนแผ่กับพื้นทันที ทำให้หัวกลม ตัวกลม ใบหูกลม เท้าทั้งสี่ค่อยๆ กลม หางฟูกลม จนทั้งตัวกลายเป็นก้อนเนื้อกลมขนฟูในที่สุด
หู่จือกับเป้าจือยืนสองขา ขาหน้าเกาะบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ส่งเสียงร้องเอ๋งๆ หู่จือร้องสักพักก็อยากเลียฉินสือโอว แต่มันทำได้เพียงเลียโดนหน้าจอเท่านั้น ยิ่งทำให้มันกระวนกระวายกว่าเดิม จึงอยู่ไม่สุขอยากกระโดดขึ้นโต๊ะให้ได้
ฉงต้าที่ลุกขึ้นมาได้ในที่สุด ใช้อุ้งมือดันเจ้าสองตัวออก ยื่นหน้าเข้ามามองฉินสือโอวในหน้าจออย่างโง่งม มันกะพริบตาเล็กสีดำปริบๆ ชี้อุ้งมือไปที่ฉินสือโอว แล้วร้องด้วยความเสียใจ
หู่จือกับเป้าจือร้องตามด้วยเสียงอันโศกเศร้า ตาสีดำน้ำตาคลอดูน่าสงสาร
ในใจฉินสือโอวรู้สึกผิด ตั้งแต่เลี้ยงเจ้าสามตัวนี้มา เขาไม่เคยห่างจากพวกมันไกลขนาดนี้เลย เขารีบปลอบ
ฉงต้ายังร้องไม่หยุด วินนี่จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินสือโอวยิ้มขมตอบว่า “เจ้าเด็กโง่พวกนี้เหมือนจะเข้าใจว่าผมโดนขังอยู่ในคอมล่ะมั้ง? คุณไม่เห็นเหรอ มันพยายามยื่นอุ้งมือมาดึงผมให้ได้อยู่น่ะ?”
มองเผินๆ เจ้าสามตัวนี้อาจดูน่าขำ โง่งม แต่ถ้าได้รู้ถึงความผูกพันอันบริสุทธิ์ไร้สิ่งใดแอบแฝงที่มีต่อฉินสือโอว ก็คงประทับใจฉากนี้ทีเดียว
ฉินสือโอวปลอบอยู่พักใหญ่ แทบอยากทะลุผ่านคอม กลับคฤหาสน์ไปกอดเจ้าสามตัว วิดีโอคอลไปสักพักทั้งสามตัวถึงสงบลง
จากนั้นก็เหลือแค่พักร้อน วินนี่มีวันหยุดสองวัน เหมาเหว่ยหลงบอกว่าไม่ต้องสนใจเขา ไปกับวินนี่ก็พอ
ทำไมฉินสือโอวถึงรู้สึกผิดที่ทำแบบนี้กัน? เขากับวินนี่มีโอกาสเจอกันอีกเยอะ แต่เหมาเหว่ยหลงกลับมีโอกาสหยุดแค่ปีละครั้ง
สองวันต่อมา วินนี่ทำหน้าที่เป็นไกด์พาฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงเที่ยวชมไมอามีรอบหนึ่ง แล้วได้สัมผัสถึงความหรูหราของเมืองอเมริกาเหนือ และช่วงนั้นก็ต้องวิดีโอคอลด้วยไม่งั้นเจ้าสามตัวจะไม่ยอมกินข้าวอีก
ที่ไมอามี ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงกลายเป็นคนดัง การปล้นที่ร้านสะดวกซื้อจนตอนนี้ก็ยังปิดคดีไม่ได้ ยังมีรายงานจากสื่อออกมาเรื่อยๆ เดิมตอนพวกเขาอยู่สถานีตำรวจก็ถูกนักข่าวถ่ายรูปด้วย และตอนนี้ยังโดนนำมาแปะไว้ตรงมุมระหว่างประกาศข่าว
วินนี่พูดถูก นักข่าวไมอามีไร้จรรยาบรรณเกินไปแล้ว แถมใช้รูปพวกเขาเป็นขาวดำ ที่ถึงจะปิดตาไว้ ก็น่ากลัวอยู่ดี บางสื่อยังใช้รูปพวกเขาส่งเดช บอกว่า ‘ชาวจีนวัยรุ่นสองคนเสียชีวิตจากการปล้นครั้งรุนแรง’ น่ากลอกตานัก
ฉินสือโอวโกรธมาก พูดอย่างโมโหว่า “ผมควรให้ปู่เออร์บักเชิญหน่วยงานทนายมาจัดการพวกสื่อเวรนี่ดีไหมเนี่ย?”
วินนี่ปลอบเขา “อย่าลดตัวลงไปหาพวกเขาเลย ในอเมริกาเหนือสิ่งที่กลัวทนายที่สุดคคือหน่วยงานราชการ และสิ่งที่ไม่เกรงทนายมากที่สุดคือสื่อ ถ้าคุณยิ่งทำเรื่องใหญ่โตพวกเขายิ่งชอบ เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือหัวข้อประเด็นร้อน”
นี่ค่อนข้าง…เป็นเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจฉินสือโอวทีเดียว แต่ที่เหลือก็ไม่เลว ผ่านไปสองวันที่ไมอามี ฉินสือโอวถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใบเล็กเข้าสนามบินนานาชาติไมอามี
พอดีกับที่วินนี่มีเที่ยวบิน พวกเขาจึงขึ้นรอบของวินนี่จากไมอามีไปโทรอนโต
การเที่ยวไมอามีครั้งนี้ ฉินสือโอวได้ประสบการณ์มากมายทีเดียว แม้วินนี่บอกว่าแค่ให้โอกาสเขาจีบเท่านั้น แต่ลึกๆ ก็ยอมรับเขาไปแล้ว
เหมาเหว่ยหลงก็ได้ประสบการณ์ไม่น้อยเช่นกัน เขาโพสต์วิดีโอการปล้นร้านสะดวกซื้อลงในบอร์ด ทำให้เขาเริ่มโด่งดังในโมเมนท์[3]
เมื่อขึ้นเครื่องบิน ก็หมายถึงเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันของสือโอวกับวินนี่กำลังนับถอยหลัง ฉินสือโอวไม่อยากไปแต่ก็คิดถึงบ้านใจจะขาด ยิ่งมีเจ้าโง่สามตัวคอยเขาที่บ้านอยู่
วินนี่แอบหยิบโหลปลาแบบมีฝาปิดขนาดเท่าฝ่ามือให้เขาดู ด้านในเป็นทรายละเอียดที่เปียกชื้นและชิ้นส่วนของแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส มังกรน้ำเงินอยู่ด้านในอย่างเอื่อยเฉื่อย
“ฉันเลี้ยงดีใช่ไหมล่ะ” วินนี่ค่อนข้างภูมิใจ
อาจเพราะพลังโพไซดอนที่ช่วยวิวัฒนาการร่างกายของมัน รูปลักษณ์มันจึงเป็นสีฟ้ากว่าเดิม และอาศัยน้ำทะเลธรรมชาติน้อยลง ทีแรกเจ้าสองตัวนี้เป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกมา ตอนนี้กลับสามารถอยู่บนบกได้นานกว่าเดิม ตราบใดที่สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยไอน้ำ
“ถ้าโดนตรวจเจอ คุณจะโดนไล่ออกไหม?” ฉินสือโอวถามอย่างเป็นห่วง
วินนี่หัวเราะหึๆ ตอบว่า “ถ้าทำได้น่ะนะ แต่ไม่มีใครตรวจฉันหรอก เส้นสายฉันดี เพื่อนสาวฉันช่วยปกปิดได้”
ฉินสือโอวหยอกว่า “ไม่ ที่รัก คุณเข้าใจความหมายผมผิดแล้ว ถ้าคุณสามารถถูกไล่ออกเพราะเรื่องนี้ ผมจะได้แจ้ง แล้วคุณก็ต้องไปฟาร์มปลาของผมไง”
เพราะได้รับการศึกษาและสภาพแวดล้อมที่เติบโตมาต่างกัน ทำให้มีบางครั้งที่วินนี่กับฉินสือโอวมีโลกทัศน์ไม่เหมือนกัน พอได้ยินเขาพูดเช่นนั้น วินนี่ก็ถามอย่างหดหู่ “คุณไม่หวังให้ฉันได้ทำงานเป็นแอร์โฮสเตสแบบนี้จริงๆ เหรอ? แต่ฉันไม่อยากเป็นแม่บ้านอยู่บ้านนี่นา”
ฉินสือโอวรู้ว่าหญิงสาวจริงจังกับมุกของเขาไป จึงกอดปลอบเธอ “ผมแค่ล้อเล่น คุณชอบงานนี้ก็ทำไปเถอะ ไม่ชอบก็ค่อยลาออก ชอบอะไรทำเลย ผมสนับสนุนคุณทั้งนั้น”
แอร์โฮสเตสสองคนเดินคุยเล่นผ่านมา และเห็นฉินสือโอวกำลังกอดวินนี่พอดี ทั้งสองจ้องตาโตอย่างตะลึงแล้วร้อง ‘ว้าว’ ออกมาพร้อมกัน
เหมาเหว่ยหลงที่นั่งอยู่เก้าอี้พักผ่อนขนาดใหญ่ด้านข้างรีบเข้าช่วยเพื่อน ทำหน้ายิ้มขี้เล่น เอ่ยว่า “สาวๆ ทั้งสอง พวกคุณใครชอบถักไหมพรมบ้าง? พวกคุณจะอาจไม่รู้ อะแฮ่ม แต่ผมน่ะเป็นเจ้าพ่อถึงแห่งการถักไหมพรมเลยะ”
วินนี่มองฉินสือโอวอึ้งๆ ส่วนฉินสือโอวเองก็ทำหน้ายุ่งยากใจ
…………………………………………..
[1] The Ladies Man หนังปี 2000 เกี่ยวกับตัวเอกที่เป็นคนเจ้าเสน่ห์สามารถมัดใจผู้หญิงได้ทุกคน
[2] 7 Days Inn โรงแรมในเครือของจีน
[3] หน้าไทม์ไลน์ของ WeChat
บทที่ 168 ไม่มีอะไรดีเท่าบ้าน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตั้งแต่มาถึงสนามบินนานาชาติโทรอนโต ฉินสือโอวก็ยังหันมองรอบข้างไม่หยุด
จนเหมาเหว่ยหลงจับหัวเขาหันมาพูดอย่างทนไม่ไหว “พอแล้วพอแล้ว เพื่อน จะหวานกันก็ให้มันมีขอบเขตหน่อย มองไม่เห็นเขาแล้ว นายยังจะหันหาอะไรอีก?”
ฉินสือโอวยิ้มเยาะตอบว่า “ฉันจะมองหาเงาภรรยาฉัน นายจะทำไม อิจฉาตาร้อนหรือไง?”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะประชดแล้วชี้ใส่เขา เอ่ยว่า “ฉันเนี่ยนะอิจฉาตาร้อน? ถ้าไม่ได้พ่อ ไอ้หนูอย่างนายเหรอจะได้แฟน? ได้เจ้าสาวแล้วโยนแม่สื่อข้ามกำแพงทิ้งนี่หว่า ฉินโซ่วหนอฉินโซ่ว ไม่นึกว่าเลยว่าพ่อหนุ่มหน้ามนอย่างนายจะเห็นแฟนดีกว่าเพื่อน!”
ทั้งสองต่างส่งเสียงเอะอะ หลังได้พักคืนหนึ่งก็เปลี่ยนเครื่องจากโทรอนโตไปเซนต์จอห์นต่อ
เทียบกับบอสตันและไมอามี เซนต์จอห์นมีพื้นที่ใหญ่กว่า
อย่างไรก็ตาม ฉินสือโอวชอบสไตล์บ้านนอกแบบนี้ เมื่อมาถึงท่าเรือหมายเลขหนึ่ง เขาก็สูดลมทะเลเข้าเต็มปอดแล้วถอนหายใจ “นี่แหละบ้านฉัน!”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะเยาะต่อและชี้ใส่เขาอีกครั้ง “ฉินโซ่วหนอฉินโซ่ว ไม่นึกว่าเลยพ่อหนุ่มหน้ามนอย่างนายจะนับประเทศต่างแดนเป็นบ้านเกิดตัวเองแล้ว?”
ฉินสือโอวเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “งั้นฉันบอกว่าไม่มีที่ไหนดีเท่าบ้านตัวเองแทนก็พอใช่ไหม?”
ทันทีที่นั่งเรือโดยสารมาถึงเกาะแฟร์เวล ฉินสือโอวก็ขับเจ็ทสกีแล่นไปบนทะเล จนถึงเขตฟาร์มปลาแล้วปลดปล่อยจิตสำนึกโพไซดอน
ในพื้นที่แนวปะการัง บอลหิมะกับไอซ์สเกตกำลังไล่ดักฉลามแมวเล่นกัน อย่างไรฉลามกบก็อยู่ในวงศ์ตระกูลฉลาม มาตอนนี้กลับโดนลูกวาฬเบลูกากับลูกฉลามเสือทรายรุมรังแก ช่างเสียชื่อพวกฉลามจริงๆ
ฉินสือโอวช่วยพ่อคนเสียหน้าโดยการแผ่จิตสำนึกโพไซดอน บอลหิมะกับไอซ์สเกตหันมาทันที แล้วไล่ตามจิตสำนึกด้วยความดีใจมาทางฉินสือโอว
เจ็ทสกีของเหมาเหว่ยหลงอยู่ไม่ไกลจากฉินสือโอว เขาทำเหมือนล่องไปในเจ็ดคาบสมุทรเพื่อเตรียมแต่งกลอนน้ำเน่าสักบท ก็ปรากฏครีบหลังสีขาวสองครีบว่ายแหวกคลื่นมาขนาบข้าง พร้อมหัวกลมหัวแหลมสองหัวโผล่พ้นน้ำ
“เชี่ย ฉลาม!” เหมาเหว่ยหลงกรีดร้อง
เขารีบหักหัวเลี้ยวทั้งมือสั่น จังหวะนั้นบอลหิมะกับไอซ์สเกตก็พุ่งมาพอดี แต่พวกมันไม่ได้เหลือบมองเขาแม้แต่น้อย เพียงตรงไปทางฉินสือโอว พอเข้าใกล้แล้วไอซ์สเกตก็เข้าพ่นน้ำใส่ ส่วนบอลหิมะส่งเสียง ‘บรืนบรืน’ อยู่ด้านข้าง
พลังในการเลียนเสียงของบอลหิมะพัฒนาขึ้นมาก คงเป็นผลจากพลังโพไซดอนที่วิวัฒนาการมัน มันเลียนเสียงคำรามของเครื่องยนต์ติดท้ายเรือเจ็ทสกี ซึ่งฟังดูคล้ายของจริงทีเดียว
พอฉินสือโอวดับเครื่องยนต์ เจ็ทสกีจึงเหมือนเรือเล็กที่ลอยบนน้ำ ถึงคลื่นทะเลจะโคลงเคลง แต่เทพเจ้าสายฟ้ามืดเป็นเจ็ทสกีลำใหญ่ที่มีศูนย์ถ่วงมั่นคงมาก ล่องโคลงเคลงไปตามคลื่นได้โดยไม่เกิดการพลิกคว่ำ
บอลหิมะยื่นหัวมาด้านข้างส่งเสียง ‘บรืนบรืน’ ต่อ ส่วนไอซ์สเกตพลิกตัวสาดน้ำใส่เขาไปมา ไม่นานก็ทำเขาเปียกทั้งตัว สภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำ
ฉินสือโอวยื่นมือไปลูบพวกมันทั้งสอง เหมาเหว่ยหลงที่คอยดูอยู่ไม่ไกลกำลังวนรอบๆอย่างลังเล เขาไม่แน่ใจว่า ฉินสือโอวดับเครื่องไปหรือยัง เสียงเครื่องยนต์ท้ายเรือก็ยังคำรามอยู่ แต่ทำไมเจ็ทสกีถึงไม่เคลื่อนไหวเลย?
เล่นเป็นเพื่อนกับบอลหิมะและไอซ์สเกตสักพัก ฉินสือโอวก็สตาร์ทเจ็ทสกีใหม่เพื่อขับไปยังฟาร์มปลา โดยมีทั้งสองตัวตามหลัง โผล่น้ำมาเป็นพักๆ น่าเสียดายที่เล่นแสดงการกระโดดเหนือน้ำแบบโลมาไม่ได้
เมื่อใกล้ถึงชายหาดฟาร์มปลา บนท้องฟ้าก็ปรากฏเงาดำ ไม่ช้าเงานั้นก็ใหญ่ขึ้น นกสีดำตัวหนึ่งทะยานลงมา พอถึงเหนือหัวฉินสือโอวมันก็กระพือปีกรุนแรง กรงเล็บผอมบางของมันเข้าเกาะบนไหล่ หุบปีกแล้วขดตัวอย่างนั้น
เหมาเหว่ยหลงจะบ้าตาย นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ทีแรกฉินสือโอวก็สะดุ้ง ยังคิดว่าเป็นนกตัวใหญ่ที่มาล่าบอลหิมะกับไอซ์สเกต ที่แท้ก็คือนกฟรีเกตนิมิตส์เชสเตอร์นั่นเอง
ช่วงปีก อก ท้อง คอของเชสเตอร์ มองไม่เห็นบาดแผลแล้ว แถมยังงอกขนใหม่อย่างรวดเร็ว ขนที่ขึ้นใหม่ยังสั้นแต่ก็นุ่ม ทำให้มันดูไม่ค่อยน่าเกรงขามเท่าไร ดูยุ่งเหยิง เหมือนทรงผมโอตาคุมากกว่า
ฉินสือโอวขับเจ็ทสกี พลางใช้หัวถูไถปีกเชสเตอร์ จนมันเริ่มยืนไม่อยู่ จึงรีบยื่นหัวไปคลอเคลียเขาคืน ก่อนกางปีกบินขึ้นอีกครั้ง แต่ยังอยู่บริเวณเหนือหัวฉินสือโอว ดูคล้ายกับเครื่องบินสีดำลำเล็ก
ตอนใกล้ถึงฝั่ง บอลหิมะกับไอซ์สเกตยังตามหลังมา ฉินสือโอวรีบแปะหัวพวกมันให้กลับไปยังเขตปะการัง ไม่ให้เข้าใกล้ชายหาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุยุ่งยากตามมา
ไอซ์สเกตพ่นน้ำใส่อีก ส่วนบอลหิมะส่งเสียงขัดใจเล็กน้อย ก่อนทั้งสองจะดำน้ำลงไป
สองตัวนั้นจากไปไม่ทันไร ก็มีอีกสองตัวโผล่หน้ามา หู่จือกับเป้าจือทั้งกระโดดทั้งเห่าอยู่ตรงชายหาด หูใบใหญ่โบกสะบัดไปมา หางเล็กๆ หมุนไม่หยุด แทบจะกลายเป็นใบพัดเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นไปแล้ว
“เด็กดี คิดถึงฉันไหม?” ฉินสือโอวกระโดดไปยังชายหาดแล้วอุ้มหู่จือกับเป้าจือ
การไปอเมริกาครั้งนี้เป็นการแยกจากที่ห่างไกลที่สุดตั้งแต่ฉินสือโอวเลี้ยงทั้งสองตัวมา ตอนนี้เมื่อได้กลับมาเจอกัน เจ้าสองตัวจึงตื่นเต้นดีใจมาก ซุกเข้าอ้อมกอดเขา ยื่นลิ้นไปเลียหน้าเขาไม่หยุด
เหมาเหว่ยหลงโผล่หน้าเข้ามาแจมอยากอุ้มแลบราดอร์น่ารักๆ บ้าง แต่หู่จือกลับหันหัวหลบมือเขา เหลือบมองเขาทีหนึ่ง เหมาเหว่ยหลงชะงัก พูดว่า “ดูสายตามันสิ ฉันควรรู้สึกยังไงเนี่ย เจ้าเด็กนี่ เกลียดฉันแล้วหรือไง?”
พอฉินสือโอวกลับมา สนามหญ้าหน้าวิลล่าก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา ฉงต้า ต้าป๋าย หู่จือ เป้าจือ เสี่ยวหมิงและครอบครัวกระรอกน้อย ตอนเชสเตอร์ร่อนลงมา ขาของมันยังไม่หายดี จึงยังเดินตุปัดตุเป๋แต่แน่วแน่มาหยุดตรงหน้าฉินสือโอว
เหมาเหว่ยหลงที่ยังหดหู่เอ่ยว่า “ฉันว่านะฉินโซ่ว นายมันเหมาะกับชื่อนี้มากเลย เจ้าฉินโซ่วน้อยที่ช่วยไว้ทำเหมือนนายเป็นพ่อเสียแล้ว”
ฉินสือโอวครึ้มใจทีเดียว เขารู้สึกภูมิใจมาก ใช่สิ ก็เจ้าตัวนี้ได้นับเขาเป็นคนสำคัญที่สุดแล้ว
ฉินสือโอวกลับมา พวกมันก็เจริญอาหารขึ้น ฉินสือโอวผัดไข่ผัดข้าว โดยมีหู่จือกับเป้าจือกลืนน้ำลายอึกๆ ฉงต้าพยายามไม่อ้าปากค้าง
ชาร์คบอกว่า “พวกมันไม่ได้จริงจังกับการกินขนาดนี้มาหลายวันแล้ว”
โทรศัพท์ฉินสือโอวแผดเสียง เขาเห็นว่าเป็นวินนี่จึงรับสาย ตื่นเต้นเล็กน้อย เขาเปิดวิดีโอคอล ให้เธอเห็นพวกเด็กๆ
หู่จือกับเป้าจือเห่าเรียกเธออย่างสนิทสนมสองครั้ง ฉงต้าไม่เล่นด้วย ฉินสือโอวยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้ามัน มันไม่สนใจคำเรียกเอาใจของวินนี่และเอาหัวดันออก แล้วจุ่มหน้ากินข้าวผัดต่ออย่างตะกละตะกลาม
วินนี่หลุดหัวเราะ ฉินสือโอวเอ่ย “ดูสิ ความน่ารักคุณก็มีวันหมดเหมือนกันสินะ?”
วินนี่ตอบ “ไม่เป็นไร มันยังไม่เคยเจอฉันตัวจริง ไว้ได้เจอกันก่อนเถอะ ฉงต้าได้หลงเสน่ห์ฉันแน่ จริงสิ ฉิน คุณต้องให้ฉงต้าลดน้ำหนักแล้วนะ อย่าให้มันอ้วนเกินไป สามีเพื่อนมหาวิทยาลัยของฉันที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องหมี เขาบอกว่าหมีสีน้ำตาลที่อ้วนเกินไปจะมีผลกับการเจริญเติบโตของกระดูก และทำให้มันป่วยง่าย”
ฉินสือโอวครุ่นคิด ก็จริง พอฉงต้ามาอยู่ที่ฟาร์มปลาก็ออกกำลังกายน้อยมาก
ตอนปีนเขาครั้งล่าสุด ฉงต้าทั้งปีนเขาขึ้นลงวิ่งผ่านทุ่งหญ้า ใช้พลังงานเยอะทีเดียว ครั้นเผชิญหน้ากับหมาป่าสีเทาก็ไม่เกรงกลัว กล้าพุ่งเข้าต่อสู้ ควรค่าแก่การเป็นราชาแห่งหุบเขา
เขามองฉงต้าแล้วพยักหน้า เอาล่ะ ตั้งแต่พรุ่งนี้จะเริ่ม พาฉงต้าไปออกกำลังกายแล้ว
………………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น