คัมภีร์วิถีเซียน 1646-1647

ตอนที่ 1646 สังหารผมสีเขียว

 

ภายใต้ความร้อนใจของหญิงสาว เสียงผิวปากดังขึ้น ปากบางเผยอออก พ่นหมอกลำแสงออกมาห่อหุ้มพัดที่อยู่ตรงหน้า


 


 


แต่หมอกโลหิตยังไม่ทันจมหายเข้าไปในพัด พัดหยกพลันเปล่งแสงสีโลหิตสว่างวาบ เสียงปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ดังขึ้น พลันกลายเป็นชิ้นๆ แล้วสลายหายไป


 


 


ยามนี้เปลวเพลิงสีเงินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลันกลืนกินเปลวเพลิงสีโลหิตไปจนเกลี้ยง


 


 


ชั่วขณะนั้นหญิงสาวที่อยู่ในลำแสงสีโลหิตก็เผยสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมา


 


 


พัดโลหิตไม่ใช่สมบัติธรรมดาๆ เปลวเพลิงสีโลหิตที่ปล่อยออกมาความจริงแล้วก็เป็นเปลวเพลิงหยินที่โหดเ**้ยมชนิดหนึ่ง โดยปกติแล้วหากโดนแค่นิดเดียว เกรงว่าต่อให้มีสมบัติวิเศษป้องกันตัว ก็ยังถูกพลังหยินกัดกินวรยุทธ์ไปอยู่ดี เป็นเพราะเริ่มกำเริบจากด้านใน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ยากจะป้องกัน


 


 


ปกติแล้วเมื่อสตรีผู้นี้ปล่อยเปลวเพลิงออกมา ก็จะราบรื่นไปเสียทุกครั้ง


 


 


แต่เปลวเพลิงสีโลหิตยังไม่ทันเข้าใกล้หานลี่ คาดไม่ถึงว่าจะถูกอีกฝ่ายปล่อยเปลวเพลิงประหลาดอีกชนิดออกมา กลืนกินไปจนเกลี้ยง จึงทำให้นางตกตะลึงเป็นอย่างมาก


 


 


ในเวลาเดียวกันนั้นเป็นเพราะสมบัติชิ้นนี้เชื่อมโยงกับจิตใจ ลำแสงสีโลหิตบนผิวของนางจึงสั่นเทาอย่างหนัก ทนไม่ไหวกระอักโลหิตบริสุทธิ์ออกมา ทำให้หน้าซีดขาวมากขึ้นไปสามส่วน


 


 


ทว่านางกลับไม่กล้าหละหลวมเลยสักนิด เพราะวิหคเพลิงสีเงินฝั่งตรงข้ามเก็บปีกสีเงินที่สยายออกเต็มท้องฟ้าไปแล้ว และกำลังพุ่งเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน


 


 


หญิงสาวสวมชุดชาววังสีโลหิตเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ขมวดคิ้วดำขลับ ฉับพลันนั้นก็ตบไปที่เอวบางของตนเอง


 


 


เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ลำแสงสีโลหิตกลุ่มหนึ่งบินออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง กลับกลายเป็นน้ำเต้าสีแดงโลหิตขนาดเท่าฝ่ามือ


 


 


นี่คือสมบัติวิเศษที่นางใช้พึ่งพาอาศัยอีกชิ้นหนึ่ง


 


 


เห็นเพียงปากบริกรรมคาถา ปากน้ำเต้าเปิดออก พ่นลำแสงสีโลหิตออกมาจากด้านใน


 


 


หลังจากเสียง “ซู่” ดังขึ้น สิ่งที่ดูเหมือนน้ำตกโลหิตพลันไหลทะลักออกมา จากนั้นพลันกลายเป็นคลื่นยักษ์โลหิต แล้วม้วนวนไปทางวิหคเงินฝั่งตรงข้าม


 


 


กลิ่นคาวโลหิตโชยมาปะทะจมูก ในเวลาเดียวกันด้านในมีไอสีดำแฝงอยู่ แผ่กลิ่นอายเย็นเยียบออกมา


 


 


เมื่อวิหคเพลิงกลืนวิญญาณเห็นวารีโลหิตกลับรู้สึกหวาดกลัวไปหลายส่วน ไม่ได้ใช้ร่างกายรับคลื่นยักษ์สีโลหิตไปตรงๆ แต่อ้าปากออกพ่นหมอกลำแสงสีขาวนวลออกมา


 


 


เมื่อหมอกสีขาวและวารีโลหิตปะทะกันกลางอากาศ ก็ตัดสลับพัวพันกัน คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งเสียงประหลาดๆ อย่าง “ฟู่ๆ” ออกมา วารีโลหิตส่วนหนึ่งกลายเป็นไอน้ำสีขาวแล้วสลายตัวไป


 


 


หมอกสีขาวคือสิ่งที่สร้างขึ้นจากเพลิงเที่ยงแท้สีทองดำ เป็นเพราะเป็นสัตว์หยางบริสุทธิ์ ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับวารีโลหิตธาตุหยิน จึงเป็นธาตุที่เป็นปฏิปักษ์กัน


 


 


ปากของวิหคสีเงินพ่นหมอกสีขาวออกมาไม่หยุด ส่วนวารีโลหิตที่น้ำเต้าสีโลหิตปล่อยออกมาก็ทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง


 


 


หมอกสีขาวทำให้ระลอกคลื่นโลหิตระเหยไปจนเกลี้ยง หรือว่าวารีโลหิตทำให้หมอกสีขาวสลายหายไปจนเกลี้ยง ดูเหมือนจะต้องดูว่าระหว่างน้ำเต้าโลหิตและวิหคเพลิงสีเงิน ใครจะยืนหยัดได้นานกว่ากัน


 


 


ระหว่างทั้งสองจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน


 


 


ทว่าสายตาของหานลี่แค่กวาดไปบนใบหน้าของหญิงสาวทีกระตุ้นน้ำเต้าโลหิตไม่หยุด ทันใดนั้นก็ละออก แล้วมองไปยังชนต่างเผ่าผมสีเขียวและชายชราแซ่เยี่ยนแวบหนึ่ง สุดท้ายแววตาก็ฉายแววเย็นชา แล้วตกอยู่บนเรือนร่างของชนต่างเผ่าผมสีเขียว


 


 


แม้ว่าสามคนนี้จะมีพลังยุทธ์อยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นสุดยอด แต่เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายของชายชราแซ่เยี่ยนอ่อนแอที่สุด หญิงสาวสวมชุดชาววังสีโลหิตแข็งแกร่งที่สุด และพลังยุทธ์ของคนผู้นี้ก็อยู่ตรงกลาง


 


 


ขอแค่สังหารคนผู้นี้ได้ก่อน คิดดูแล้วการร่วมมือของทั้งสามก็จะล้มเหลวแล้ว


 


 


เมื่อขบคิดเช่นนี้ หานลี่พลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง แผ่นหลังมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ปีกขนนกสีแวววาวคู่หนึ่งปรากฏออกมา ในเวลาเดียวกันบนร่างก็มีลำแสงสีทองสว่างวาบ เกราะเกล็ดสีทองปรากฏออกมา


 


 


สยายปีกคู่นี้ คนก็กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งแล้วสลายหายไป


 


 


ในเวลาเดียวกันดอกบัวสีเขียวใต้ฝ่าเท้าของหานลี่แต่เดิมก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวร้อยสายพุ่งออกไป และแยกออกเป็นสองกลุ่มพุ่งไปหาชายชราและหญิงสาวในลำแสงสีโลหิต


 


 


ชายชราและหญิงสาวเห็นกระบี่ลำแสงเหล่านี้ เป็นลำแสงสีเขียวมรกต ไม่ทันได้มาอยู่ตรงหน้า เสียงไอกระบี่ที่แหวกผ่านอากาศก็ดังขึ้น หน้าพลันเปลี่ยนสีไป


 


 


ร่างของชายชราแซ่เยี่ยนพลันหมุนติ้วๆ จานอาคมสีเงินบินออกมาจากเรือนร่าง พลิ้วไหวแล้วกลายเป็นสิบกว่าใบ ต้านทานกระบี่ลำแสงสีเขียวที่บินเข้ามาเอาไว้ด้วยลำแสงสีเงินระยิบระยับ


 


 


หญิงสาวสวมชุดชาววังสีโลหิตอ้าปากออก พ่นเส้นไหมสีโลหิตออกมา กลายเป็นเข็มบางๆ สีแดงโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วน


 


 


เสียง “เกร๊ง” ดังขึ้น เข็มบางๆ ตัดสลับกันไปมากับกระบี่ลำแสงอีกระลอกหนึ่ง เมื่อทั้งสองปะทะกัน ก็ระเบิดออกเป็นดวงลำแสง


 


 


เช่นนั้นแม้ว่าหญิงสาวผู้นี้ชายชราแซ่เยี่ยนจะต้านทานกระบี่ลำแสงสีเขียวเอาไว้ได้ชั่วคราว แต่ก็ไม่อาจไม่สนใจสิ่งอื่นได้อีก


 


 


ชนต่างเผ่าผมสีเขียวเห็นหานลี่หายลับไป ก็รู้สึกใจไม่ดี ทันใดนั้นมือหนึ่งพลันร่ายอาคม หัวไหล่สั่นเทา ลำแสงสีเหลืองพลันเปล่งแสงเจิดจ้า ขวานทองแดงสีเหลืองด้ามหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏออกมา


 


 


แทบจะในเวลาเดียวกันเหนือศีรษะของเขาพลันมีเสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ดังขึ้น สายฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างคนสีเขียวปรากฏออกมา ฝ่ามือสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกข้างหนึ่งยื่นออกมาจากแขนเสื้อ และตบลงไปกลางอากาศ


 


 


เปลวลำแสงห้าสีทะลักออกมาจากปลายนิ้ว เปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วพริบตาก็ผนึกตัวรวมกันกลายเป็นมือยักษ์ห้าสี ตบลงมาอย่างแรง


 


 


และในเวลาเดียวกันนั้นเตานภาสูญที่เปล่งแสงเจิดจ้าอยู่ไกลออกไปก็เปล่งเสียงอึกทึกขึ้น เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกมา แต่เมื่อบินออกมาจากปากเตา ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


ชนต่างเผ่าเรือนผมสีเขียวระมัดระวังตัวอยู่ตั้งนานแล้ว เมื่อหานลี่ปรากฏตัว ก็ถูกจิตสัมผัสของเขากวาดมา เห็นมือยักษ์ห้าสีตบลงมา จึงกระตุ้นขวานทองแดงสีเหลืองที่เพิ่งสำแดงออกมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด


 


 


ชั่วขณะนั้นขวานยักษ์พลันสั่นเทา แล้วระเบิดลำแสงสีเหลืองที่เจิดจ้าจนแสบตาออกมา กลายเป็นสายรุ้งสีเหลืองสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมาที่มือยักษ์


 


 


ขวานทองแดงด้ามนี้เป็นสมบัติวิเศษที่ชนต่างเผ่าผมสีเขียวได้มาจากซากปรักหักพัง ไม่เพียงจะแหลมคมมาก และยิ่งไปกว่านั้นยังเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาทำลายล้างโดยเฉพาะ หากเจอกับเคล็ดวิชาทมิฬแปลงกายธรรมดาๆ สับลงไปครั้งหนึ่งก็สำเร็จแตกออกในทันที


 


 


แต่มือยักษ์ห้าสีข้างนี้เป็นสิ่งที่หานลี่ใช้เปลวเพลิงลำแสงห้าสีผนึกขึ้น จะเทียบกับเคล็ดวิชาทมิฬธรรมดาได้อย่างไร


 


 


สายรุ้งสีเหลืองสับลงมา แค่ทำให้เปลวเพลิงบนผิวของมือใหญ่พลิ้วไหว ถึงได้แหวกผิวของมันออก แล้วสั่นเทาแต่ก็ไม่อาจปริแตกได้


 


 


ส่วนหานลี่พลันแววตาเปล่งประกาย กระตุ้นอาคมอย่างรวดเร็ว


 


 


ชั่วขณะนั้นมือยักษ์ห้าสีก็ขยายขนาดข้น นิ้วทั้งห้าประกบเข้าหากัน คาดไม่ถึงว่าจะตะปบไปที่ขวานทองแดงแน่น


 


 


ชนต่างเผ่าผมสีเขียวสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง ลมปราณในร่างหมุนวน หมายจะสำแดงอิทธิฤทธิ์อะไรออกมาอีก


 


 


และในตอนนั้นเองบรรยากาศรอบๆ พลันมีระลอกคลื่นก่อตัวขึ้น เส้นไหมสีเขียวปรากฏขึ้น แค่กะพริบวาบ เส้นไหมสีเขียวก็เคลื่อนย้ายไปรัดชนต่างเผ่าผมสีเขียวเอาไว้อย่างแน่นหนา


 


 


แน่นอนว่าชนต่างเผ่าพลันตกตะลึง กระตุ้นอาคมในใจอย่างไม่ต้องขบคิด ชั่วขณะนั้นเปลวเพลิงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นมาจากเรือนร่างแล้วหมุนวน


 


 


แต่เหตุการณ์ที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น


 


 


เมื่อเปลวเพลิงสีเขียวหมุนวนและขยายใหญ่ขึ้น เส้นไหมสีเขียวเหล่านั้นกลับตามติดเหมือนแมลงเกาะกระดูก แค่กะพริบวาบกลับไม่ได้เผาไหม้หรือถูกทำลายเลยสักนิด


 


 


หานลี่ที่อยู่กลางอากาศมุมปากเผยรอยยิ้มเยาะออกมา มือหนึ่งพลันพลิกฝ่ามือ เสียงหวีดร้องดังขึ้น เตาใบเล็กใบหนึ่งปรากฏออกมา


 


 


คาดไม่ถึงว่าเตานภาสูญที่อยู่ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้งจะถูกดูดเข้ามา


 


 


เขายกมืออีกข้างหนึ่งขึ้น นิ้วพลันร่ายอาคม


 


 


เสียง “เกร๊ง” ราวกับระฆังดังขึ้นจากเตาใบนั้น


 


 


เส้นไหมสีเขียวที่เดิมพันรัดอยู่บนร่างของชนต่างเผ่าผมสีเขียว ชั่วขณะนั้นพลันเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา เส้นไหมสีเขียวรัดแน่นกว่าเดิมหลายเท่า ทำให้ชนต่างเผ่าไม่อาจกระดิกกระเดี้ยตัวได้


 


 


เมื่อลมปราณของหานลี่เพิ่มขึ้น อานุภาพของเตานภาสูญเองก็ไม่เหมือนกับในอดีต เรียกได้ว่าอัศจรรย์มาก


 


 


และในเวลาเดียวกันมือยักษ์ห้าสีเองก็ร่อนลงมาด้านล่างพร้อมกับเปลวเพลิงลำแสง


 


 


ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งพลันปรากฏออกมา ชั่วครู่ก็กดร่างของชนต่างเผ่าผมสีเขียวเอาไว้ และเปล่งเสียงระเบิดดัง “ตูมๆ” ออกมา ราวกับจะกดร่างของเขาจนแตกออกเป็นผุยผงได้ตลอดเวลา


 


 


นี่เป็นเคล็ดวิชาเฉพาะที่ชนต่างเผ่าฝึกฝน เดิมทีกายเนื้อก็แข็งแกร่งมาก มิเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ร่างกายคงแตกสลายไปภายใต้พลังมหาศาลตั้งนานแล้ว


 


 


ทว่าเช่นนี้ชนต่างเผ่าผมสีเขียวก็มีสีหน้าแดงก่ำราวกับโลหิต ทำได้เพียงเบิกตาโพลงพลางมองมือยักษ์ที่กำลังจะตบลงบนศีรษะของตน โดยไม่อาจหลบหลีกได้เลยสักนิด


 


 


หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น ศีรษะของชนต่างเผ่าก็ถูกตบจนเละราวกับแตงโม เส้นไหมสีเขียวบนร่างเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป ร่างกายล้มลงไร้ซึ่งกลิ่นอายแห่งชีวิต พลางตกลงสู่พื้น


 


 


แต่เมื่อซากไม่สมบูรณ์ตกลงมาได้สองสามจั้ง เสียงอึกทึกก็ดังขึ้น ฉับพลันนั้นเปลวเพลิงสีเขียวก็กระโจนออกมาจากศีรษะที่แตกละเอียด และเปล่งแสงสว่างวาบพลางสลายหายไป


 


 


ครู่ต่อมาอีกที่ห่างออกไปสามสิบจั้งเศษ ระลอกคลื่นพลันปรากฏออกมา เพลิงสีเขียวปรากฏขึ้น ด้านในมีของที่รูปร่างเหมือนคนตัวเล็กปรากฏขึ้นรางๆ


 


 


แต่ไม่รอให้คนตัวน้อยสำแดงการเคลื่อนย้ายอะไรอีก ฉับพลันนั้นตรงหน้าพลันมีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่บินความยาวสองสามฉื่อปรากฏออกมา และสับลงมา การเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้าอย่างไรอย่างนั้น


 


 


คนตัวเล็กไม่ทันได้หลบหลีกเลยสักนิดก็ร้องคร่ำครวญออกมาแล้วถูกสับออกเป็นสองส่วน แล้วกลายเป็นลำแสงสีเขียวพร้อมกับสลายหายไป


 


 


หานลี่ใช้มือหนึ่งกวักเรียก กระบี่บินพลันพุ่งกลับมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่าง


 


 


หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาพลันเลื่อนสายตาไปมองหญิงสาวสวมชุดชาววังสีโลหิตและชายชราแซ่เยี่ยนที่อยู่ไกลออกไปด้วยความเย็นชา ใบหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร


 


 


ชายชราแซ่เยี่ยนและหญิงสาวเพิ่งถูกโจมตีอย่างบ้าคลั่งจนมือไม้พันกัน แต่ย่อมเห็นฉากที่หานลี่แค่ปะหน้าก็สังหารผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขาได้อย่างง่ายดายเข้าอย่างจัง


 


 


ทั้งสองพลันรู้สึกจิตใจหนักอึ้ง อดที่จะมองสบตากันแวบหนึ่งไม่ได้ และต่างก็มองเห็นแววตาหวาดกลัวของกันและกัน


 


 


หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง เตาใบเล็กในมือพลันขยับแล้วเคลื่อนไหวอีกครั้ง


 


 


เสียงคำรามราวกับจามรีดังออกมาจากท้องฟ้าที่ไกลออกไป เสียงอึกทึกดังขึ้นไม่หยุด สั่นสะเทือนจนเสียดแก้วหู!


 


 


ทั้งสามคนล้วนตกตะลึง กวาดตามองไปทางนั้นพร้อมกัน


 


 


เห็นเพียงวารีสีดำและเมฆสีเพลิงที่เดิมกำลังตัดสลับพัวพันกันในยามนี้แยกออกเป็นสองส่วน และม้วนวนไปทางพวกเขาอย่างดุดัน


 


 


คลื่นยักษ์วารีสีดำ เมฆาเพลิงและเปลวเพลิงสีแดงกำลังโหมกระหน่ำ


 


 


เมื่อฉากที่น่าตกตะลึงนี้ ไม่ใช่แค่หานลี่ ชายชราแซ่เยี่ยนและหญิงสาวในลำแสงสีโลหิตก็หน้าเปลี่ยนสี


 


 


ทว่าเตาใบเล็กในมือของหานลี่พลันสลายหายไปโดยไม่พูดไม่จา จากนั้นสองมือพลันร่ายอาคม ชี้ไปทางชายชราและหญิงสาวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


ทางด้านหญิงสาวลำแสงโลหิตเปล่งเสียงอึกทึกขึ้น ผิวของวิหคเพลิงสีเงินมีลำแสงไหลโคจรไปมา ฉับพลันนั้นพลันระเบิดออก กลายเป็นเปลวเพลิงสีเงินเป็นดวงๆ แล้วสลายหายไป


 


 


เหนือศีรษะของชายชราแซ่เยี่ยน ยอดเขาสีดำที่กำลังกดเมฆาสีขาวนวลกำลังลดระดับลงมาอย่างช้าๆ มันพลิ้วไหวแล้วสลายหายไปราวกับภาพลวงตา

 

 

 


ตอนที่ 1647 ศัตรูที่แข็งแกร่งไล่ตามมา

 

ครู่ต่อมาตรงหน้าของหานลี่ก็มีลำแสงสีเงินดำสองกลุ่มเปล่งแสงสว่างวาบ ภูเขาน้อยสีดำและวิหคเพลิงสีเงินล้วนหดเล็กลงจนมีขนาดจิ๋ว 


 


 


ถูกแขนเสื้อม้วนออกไปแล้วหายวับไปในทันที 


 


 


กระบี่แสงสีเขียวร้อยกว่าสายที่แต่เดิมกำลังพัวพันกับสมบัติอาคมของชายชราแซ่เยี่ยนและพวกทั้งสองคน ก็เปล่งเสียงร้องอันไพเราะออกมาแล้วพุ่งไปด้านหลัง 


 


 


เห็นเพียงมันเปล่งแสงสว่างวาบกลางอากาศ ชั่วพริบตากระบี่บินเหล่านี้ก็กลับมาอยู่ข้างกายของหานลี่ และหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าปลาตัวน้อยแล้วจมหายเข้าไปในร่างของเขา 


 


 


แม้กระทั่งเตาใบเล็กสีเหลืองที่สูญเสียเจ้านายจึงทำให้ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ก็ถูกตะปบดูดเข้ามาอยู่ในมือ 


 


 


หลังจากที่หานลี่เก็บสมบัติเต็มท้องฟ้ามาจนเกลี้ยง ปีกที่แผ่นหลังก็กระพือ กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งพุ่งออกไป แค่กะพริบวาบๆ ก็หายวับไปที่ขอบฟ้า 


 


 


ไกลออกไปจึงเหลือเพียงชายชราแซ่เยี่ยนและหญิงสาวในลำแสงสีโลหิตที่กำลังมองสบตากันไปมา 


 


 


หลังจากที่ทั้งสองเห็นขั้นตอนการสังหารชนต่างเผ่าผมสีเขียวของหานลี่ ก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่กล้าเสี่ยงไล่ตามไปอีก 


 


 


แม้ว่าสมบัติอาคมจะดีขนาดไหน ก็ต้องไปเอามาอย่างมีชีวิตถึงจะถูก 


 


 


ทว่าชายชราและหญิงสาวมองสบตากันแวบหนึ่งด้วยความหวาดกลัวแล้วก็เหลือบตามองวารีสีดำและเมฆาเพลิงที่อยู่ไกลออกไป ต่างเผยสีหน้าที่แตกต่างกันออกมา 


 


 


หญิงสาวที่อยู่ในลำแสงสีโลหิตไม่เคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าจะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสถานการณ์ประหลาดนั้น ส่วนชายชรากลับมีสีหน้าเคร่งขรึมฉับพลันนั้นก็ชี้ไปที่สมบัติอาคมรูปเมฆสีขาวกลางอากาศ 


 


 


ชั่วขณะนั้นสมบัติชิ้นนี้พลันสั่นสะเทือน กลายเป็นหมอกลำแสงสีขาวม้วนวนเขาเข้าไปข้างใน แล้วพุ่งแหวกอากาศไปอีกทาง 


 


 


ความเร็วของมันคาดไม่ถึงว่าจะไม่ต่างอะไรกับหานลี่ที่ใช้เคล็ดวิชาอัสนีหลีกหนีนัก 


 


 


เช่นนั้นที่นี่จึงเหลือเพียงหญิงสาวสวมชุดชาววังสีโลหิตเพียงผู้เดียว 


 


 


นางขมวดคิ้วดำขลับ จ้องเขม็งไปยังเมฆาเพลิงและวารีสีดำที่กำลังบินอยู่ไกลออกไป สีหน้าครุ่นคิดไม่ปริปากใดๆ  


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่เพลิงลำแสงวารีสีดำกลางอากาศก็เกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น แทบจะหมุนวนมาทางนี้ในเวลาเดียวกัน และหยุดลงเหนือศีรษะของหญิงสาว  


 


 


“เจ้าเด็กเสี่ยอิง เห็ดเซียนตนนั้นตกอยู่ในมือของเจ้าแล้วหรือ” หลังจากที่เมฆาเพลิงหมุนวนระลอกหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็มีสิ่งของขนาดสิบจั้งเศษปรากฏออกมา นั่นก็คือหัวกบยักษ์ 


 


 


ในยามนี้มารอสูรตนนี้มีผิวหนังสีแดงเพลิง ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท ในหัวมีไข่มุกกลมขนาดเท่ากำปั้นสีเทาลูกหนึ่ง กำลังเปล่งแสงระยิบระยับ 


 


 


“ท่านลุงเหล็กล้อเล่นแล้ว หลานไม่มีเห็ดเซียน ท่านมองปราดเดียวก็รู้มิใช่หรือ หากข้าได้สัตว์เทพตนนั้นมาละก็ คงหนีเตลิดไปตั้งนานแล้ว ไหนเลยจะมารอท่านลุงอยู่ที่นี่” หญิงสาวสวมชุดชาววังกลับไม่หวาดกลัว แค่ตอบกลับอย่างนอบน้อม 


 


 


“หึ เจ้าเด็กนี่เหมือนกับตาเฒ่าแขนโลหิตอย่างไรอย่างนั้น ล้วนเป็นผู้ที่ดูซื่อสัตย์แต่ในใจนั้นเจ้าเล่ห์นัก หากตาเฒ่าไม่ถาม จะวางใจจากไปได้อย่างไร แต่หากเจ้าหลอกข้า น่าจะรู้ผลที่ตามมาสินะ” เสียงแค่นเสียงอย่างเย็นชาดังออกมาจากปากของกบยักษ์ พลางเอ่ยอย่างเคร่งขรึม 


 


 


คาดไม่ถึงว่ากบยักษ์ตัวนี้จะถูกเจ้าของของมันอย่างมารปีกเหล็กตนนั้นสิงร่างอยู่ 


 


 


“เอาล่ะ อย่างพล่ามไร้สาระ รีบตามเห็ดเซียนไปจะดีกว่า เจ้าตกลงกับข้าแล้ว หากช่วยเจ้าชิงของมาได้ เจ้าจะมอบไข่มุกเคลือบวารีให้ข้า” วารีสีดำที่อยู่ด้านข้างพลันหมุนวน ชั่วครู่ก็มีศีรษะอัปลักษณ์สีดำสนิทยื่นออกมา ปากของมันใหญ่และกว้าง ในปากเต็มไปด้วยฟันที่แหลมคม 


 


 


“มารจระเข้ เจ้าเพิ่งจะบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ แม้แต่ระดับก็ยังไม่มั่นคง จะพูดอะไรก็มีมารยาทหน่อย มิเช่นนั้นแม้ว่าที่อยู่ตรงนี้จะเป็นแค่ร่างแยกที่ข้าสิงสู่ ก็เพียงพอจะทำให้เจ้าคืนร่างเดิมได้” กบยักษ์กลับตะโกนใส่สัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวขึ้นใหม่ด้วยความเย็นชา 


 


 


“หึๆ งั้นหรือ ข้ากลับอยากทดสอบว่าตอนนี้เจ้ามีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นหรือไม่” แววตาของมารจระเข้ฉายแววโหดเ**้ยม พลางตอบกลับอย่างหัวแข็ง  


 


 


กบยักษ์ได้ฟังคำนี้พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม หว่างคิ้วมีไข่มุกสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ เมฆาเพลิงรอบๆ ด้านพลันเดือดพล่านและพวยพุ่งขึ้นไป 


 


 


มารจระเข้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอ้าปากออก วารีสีดำรอบด้านเดือดพล่าน ดูเหมือนพอทั้งสองพูดขัดแย้งกัน ก็ทำท่าจะลงมือในทันที 


 


 


“ช่างเถิด เห็นแก่ฐานะเจ้านายในวันนั้นของเจ้า ข้าเองก็จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า ขอแค่ได้เห็ดเซียนนั้นมา แน่นอนว่าต้องมอบไข่มุกเคลือบวารีให้เจ้า เจ้าคงไม่ได้ไม่เชื่อคำพูดของตาเฒ่าหรอกนะ” หลังจากที่ใบหน้าของกบยักษ์บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวมารจระเข้อะไรสักอย่าง คาดไม่ถึงว่าจะฝืนระงับความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ แล้วเอ่ยอย่างน่าสะพรึงกลัว 


 


 


“ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็เป็นสิ่งมีชีวิตระดับศักดิ์สิทธิ์ในเผ่าศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา คิดดูแล้วคงไม่มีทางกลืนคำพูดตัวเอง พวกเขาไล่ตามไปกันเถิด ทว่าในเมื่อเห็ดเซียนนั่นไม่ได้อยู่กับแม่หนูนี่ เช่นนั้นก็ต้องอยู่กับคนนอกที่หนีไป ต้องถามแม่หนูสักหน่อยหรือไม่?” ปากของมารจระเข้เปล่งเสียงหัวเราะประหลาดๆ ออกมาขณะเอ่ย 


 


 


“ถามนาง? แม้ว่าในตัวนางจะไม่มีเห็ดเซียนจริงๆ แต่เจ้าคิดว่านางและแขนโลหิตจะอยากให้สิ่งนั้นตกอยู่ในมือของตาเฒ่าหรือ? ถึงอย่างไรเสียก็แค่สองคนเท่านั้น พวกเราแยกกันลงมือเถิด ไล่ตามไปคนล่ะคนก็ได้แล้ว เช่นนั้นจะไม่มีปลาหลุดรอดแหไปได้” กบยักษ์เอ่ยอย่างราบเรียบ 


 


 


“ตกลงตามนั้น ข้าจะไปตามคนทางนั้น หากได้เห็ดเซียนมา ก็ให้กลับมาแลกไข่มุกเคลือบวารีที่นี่” มารจระเข้หัวเราะฮ่าๆ ออกมา หดศีรษะเข้าไปในวารีสีดำทันที 


 


 


ทันใดนั้นเสียงอึกทึกก็ดังขึ้น วารีสีดำทั่วท้องฟ้าพลันหมุนวน ไล่ตามไปยังทิศทางที่ชายชราแซ่เยี่ยนหนีไป 


 


 


กบยักษ์ในเมฆสีเพลิงเองก็ไม่ได้ปริปากเช่นกัน เมฆสีเพลิงรอบๆ พลันหมุนวน ม้วนไปอีกด้าน 


 


 


นั่นก็คือทิศทางที่หานลี่บินไป 


 


 


ชั่วพริบตาที่นี่ก็เหลือเพียงหญิงสาวสวมชุดชาววังสีโลหิตที่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสสลับไปมา 


 


 


นางมองเมฆสีเพลิงและวารีสีดำเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปที่ขอบฟ้า แล้วถึงได้หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา พลางเอ่ยพึมพำกับตัวเอง 


 


 


“คิดไม่ถึงจริงๆ คาดไม่ถึงว่ามารจระเข้ตัวนี้จะบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว เช่นนั้นก็ควรจะรีบรายงานเรื่องนี้กับท่านพ่อ ส่วนเห็ดเซียนนั้นหวังเพียงว่าคนนอกแซ่หานผู้นั้นหาสัตว์เทพหนีไปได้จริงๆ” 


 


 


หลังจากเอ่ยพึมพำกับตัวเองจบหญิงสาวผู้นี้ก็กลายเป็นลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินออกไป 


 


 


ห่างออกไปสองสามพันลี้ หานลี่ที่อยู่ท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง กลายเป็นประจุไฟฟ้าพุ่งหนีออกไป 


 


 


ด้านหลังห่างออกไปร้อยกว่าลี้ เสียงอึกทึกดังขึ้นไม่หยุด ท้องฟ้ากว่าครึ่งถูกเพลิงสีแดงอาบย้อมเอาไว้ เมฆาเพลิงผืนนั้นไล่ตามมาทางเขา 


 


 


หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง 


 


 


เขาในตอนนี้มีอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายอยู่ไม่มากแล้ว ไม่อาจควบคุมปีกวายุอัสนีได้นานนัก  


 


 


ทว่าดูจากท่าทางของผู้ที่ไล่ตามมาจากด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ที่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่ เกรงว่าหากไม่จัดการคนผู้นี้ ก็ไม่อาจหนีรอดได้ 


 


 


ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังคงไม่มีเจตนาจะหยุดพัก วางแผนว่าหลังจากล่อผู้ที่ตามมาด้านหลังไปไกลแล้ว ค่อยลงมือ จะได้ไม่ต้องร่วมมือกับคนอื่นๆ 


 


 


เช่นนั้นหานลี่ที่อยู่ในสายฟ้าจะบินรวดเดียวออกมาแสนลี้เศษ มาปรากฏตัวเหนือยอดเขาสูงใหญ่สองสามลูก 


 


 


เขารู้สึกว่าอยู่ห่างกันพอสมควรแล้ว ก็ขมวดคิ้ว ประจุไฟฟ้าบนร่างหม่นแสง คนปรากฏกายขึ้นและหยุดอยู่ที่เดิม  


 


 


หันกลับไปมองปลายขอบฟ้าที่เปล่งแสงสีแดงระยิบระยับ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ร่างกายหมุนติ้วๆ ราวกับลูกข่าง ลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากร่าง เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วสลายหายไปกลางอากาศ อำพรางกายจนมองไม่เห็น 


 


 


หานลี่รู้ว่าผู้ที่อยู่ด้านหลังไม่ใช่คนธรรมดา คาดไม่ถึงว่าจะวางเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์อย่างไม่ลังเล 


 


 


เมื่อมีเขตอาคมกระบี่นี้ขอแค่ผู้ที่มาไม่ได้อยู่ในระดับผสานอินทรีย์ ล้วนสังหารศัตรูที่แข็งแกร่ง 


 


 


ทางด้านหานลี่ที่ว่างเขตอาคมกระบี่เสร็จได้ไม่นาน ด้านหลังก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้น เมฆสีเพลิงที่ดูทะมึนทึบปกคลุมกว่าครึ่งท้องฟ้า เปลวเพลิงสีแดงสดด้านในกะพริบเรืองๆ ราวกับเทพเทวะเพลิงกำลังจะลงมาจุติอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


“เรียกเห็ดเซียนออกมา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” มีเสียงอู้อี้ดังออกมาจากเมฆาสีเพลิง ราวกับเสียงฟ้าผ่าอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


จากนั้นเปลวเพลิงสีแดงสดในเมฆาก็ทะลักออกมา สิ่งมหึมาราวกับภูเขาขนาดย่อมพลันปรากฏออกมา 


 


 


หานลี่กวาดตามองอย่างละเอียด แล้วอดที่จะมีสีหน้าตกตะลึงไม่ได้ 


 


 


สัตว์ประหลาดตัวนี้มีเรือนกายสีแดงสด ร่างกายดูคล้ายกับคางคกยักษ์ แต่แผ่นหลังกลับมีปีกยักษ์สีดำสนิทคู่หนึ่ง 


 


 


บนปีกมีไอสีดำหมุนวนดูเหมือนไม่ใช่ของจริง และยิ่งไปกว่านั้นในไอสีดำยังมีอักขระสีทองอ่อนกะพริบอยู่รางๆ ทำให้ผู้คนที่มองไปรู้สึกลึกลับเป็นอย่างยิ่ง 


 


 


บนหัวคางคกที่มีขนาดใหญ่ราวกับหอคอย ดวงตาทั้งสองปิดสนิทอยู่ ตรงหน้าผากมีไข่มุกกลมสีเทาฝังอยู่ เปล่งแสงสีเทาสว่างวาบ ราวกับเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ 


 


 


หานลี่มองรูปร่างของสัตว์ประหลาดที่อยู่กลางอากาศ สองตาพลันหรี่ลงเล็กน้อย แต่ก็เอ่ยอย่างราบเรียบว่า 


 


 


“เห็ดเซียนอยู่ในมือข้าจริงๆ นายท่านอยากได้ก็ได้ เอาแกนมารของเจ้ามาแลกสิ” 


 


 


“ฮ่าๆ เด็กเอ่ยเจ้าช่างกล้าพูดเช่นนี้ คำนี้ตาเฒ่าไม่ได้ยินคนผู้มาไม่รู้กี่หมื่นปีแล้ว เห็นแก่เจ้าที่ทำให้ตาเฒ่าได้เบิกบานใจ อีกเดี๋ยวข้าจะกลืนจิตวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าลงไป จะลิ้มรสเป็นอย่างดี” เมื่อคางคกยักษ์ได้ยินคำพูดของหานลี่ ก็ราวกับได้ยินสิ่งที่น่าหัวเราะเยาะที่สุดในโลก ทันใดนั้นปากใหญ่ๆ ก็อ้าปากหัวเราะออกมา  


 


 


แต่เสียงหัวเราะยังไม่ทันหยุดลด ปากของคางคกยักษ์ก็เปล่งแสงสีแดงสว่างวาบ เงาสีแดงสายหนึ่งดีดตัวออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป มาปรากฏตัวตรงหน้าหานลี่ราวกับเคลื่อนย้ายกายได้ แล้วกระโจนไปหน้าอกของเขา 


 


 


หากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ การโจมตีที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ เกรงว่าไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ก็คงถูกเงาสีแดงทะลวงผ่านร่างไปในทันที 


 


 


แต่หานลี่จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร ไม่เพียงประสบการณ์การต่อสู้จะเฟื่องฟู ลำแสงสีฟ้ายังเปล่งแสงสว่างวาบในแววตา เรียกใช้อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณตั้งนานแล้ว 


 


 


ดังนั้นในสถานการณ์ที่คนอื่นเห็นว่าแทบจะไม่มีทางใช้ตาเนื้อจับเงาสีแดงนี้ได้ เขากลับมองเห็นอย่างชัดเจน เงาสีแดงนั่นคือลิ้นยาวๆ ขนาดเท่าข้อมือในปากของคางคกยักษ์ 


 


 


เสียง “ปัง” ดังขึ้น 


 


 


เงาสีแดงสั่นเทาแล้วดีดตัวกลับมา ตรงหน้าของหานลี่มีภูเขาขนาดย่อมสีแดงที่นิ่งงันไม่ขยับเขยื้อนปรากฏขึ้น ลอยอยู่ตรงนั้นราวกับโล่อย่างไรอย่างนั้น 


 


 


แม้ว่าลิ้นของคางคกยักษ์จะแฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล แต่จะเขย่าภูเขาเทวะดูดปราณในยามนี้ได้อย่างไร 


 


 


เมื่อลิ้นของคางคกยักษ์โจมตีไม่เป็นผล ก็ประหลาดใจไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ปีกสีดำที่แผ่นหลังกระพือ 


 


 


ชั่วขณะนั้นเมฆเพลิงกลางอากาศก็ได้รับการชักจูงจากพลังลึกลับบางอย่าง ค่อยๆ หมุนวนแล้วทะลักไปทางมารอสูรตัวใหญ่ยักษ์ 


 


 


ส่วนตัวของคางคกยักษ์ที่แต่เดิมดูเหมือนหลุมดำไร้ก้น เมฆาเพลิงก็ทะลักเข้าไปในร่างของมัน คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทางราวกับไม่เป็นอะไรเลย 


 


 


ทว่าหานลี่ที่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมาเป็นครั้งแรก 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)