คัมภีร์วิถีเซียน 1642-1643

ตอนที่ 1642 สังหารในพริบตา

 

ผึ้งยักษ์ได้ยินคำนี้พลันพยักหน้า จากนั้นก็ไม่เห็นว่ามันจะเคลื่อนไหวใดๆ ผึ้งมารรอบๆ กรูกันเข้ามาทันที กลายเป็นเมฆสีเขียวจมหายเข้าไปในทะเลหมอก


 


 


ส่วนอู่ลี่และพวกทั้งสามกลับขยับริมฝีปากพูดอย่างแผ่วเบา แล้วถึงได้สะบัดหางบินตามไป


 


 


ฝูงผึ้งที่อยู่ในทะเลหมอกบินออกมาได้เล็กน้อย ก็เปล่งเสียง “หึ่ง” ออกมา กลายเป็นดอกไม้สีเขียว พุ่งไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน


 


 


ตัวผึ้งยักษ์กลับมีการเคลื่อนไหวที่ไม่รวดเร็วนัก แม้กระทั่งร่อนลงด้านล่างอู่ลี่และมารอินทรีที่ลายเป็นชายชุดสีเหลือง


 


 


มารอีกสองตัวกลับเคยชินกับสิ่งนี้ ท่าทางไม่สนใจเลยสักนิด


 


 


แม้ว่าเคล็ดวิชาผึ้งพันตัวแยกร่างจะมีอานุภาพไม่น้อย แต่เมื่อสำแดงออกมา ตัวของผึ้งยักษ์กลับพลังยุทธ์ลดลงครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก


 


 


ร่างแยกผึ้งมารจำนวนมากบินเริงระบำอยู่ท่ามกลางทะเลหมอก ชั่วขณะนั้นก็ค้นหาทุกอย่างรอบๆ ด้าน แล้วเคลื่อนตัวไปด้านหน้า


 


 


ทะเลหมอกทั้งผืนแผ่ออกไปแค่ร้อยกว่าลี้เท่านั้น ไม่นับว่ามากมายอะไร แต่แค่ครู่ต่อมามารอสูรทั้งสามตัวก็จมเข้าไปในส่วนลึกไม่น้อย


 


 


แต่ยามนี้ยังคงไม่ได้อะไร


 


 


ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้อู่ลี่ก็ยิ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมยิ่งขึ้น อสูรสองตัวที่เหลือก็มีสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


หลังจากผ่านไปอีกชั่วครู่ มองเห็นฝูงผึ้งบินมาอยู่ตรงส่วนลึกของม่านหมอก ฉับพลันนั้นเสียง “ครืนๆ” ก็ดังห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบท่ามกลางม่านหมอก มีดยาวเล่มหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น สับผึ้งมารตัวหนึ่งออกเป็นสองส่วน


 


 


จัดการได้อย่างเรียบร้อยเป็นอย่างมาก!


 


 


จากนั้นเงาสีทองสายหนึ่งก็พุ่งออกมา กลายเป็นสายรุ้งสีทองสายหนึ่งพุ่งหนีไป ความเร็วน่าตกตะลึง


 


 


“หาพบแล้ว รีบตามไป!” เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ผึ้งยักษ์สีเขียวก็ร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจทันที จากนั้นก็กระตุ้นร่างแยกอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด


 


 


รอบด้านมีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ผึ้งมารที่เหลือกลายเป็นดอกบัวสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตามไป


 


 


ส่วนมารสองเขาและมารอินทรีพลันมองสบตากันแวบหนึ่ง แววตาฉายแววประหลาดใจ แต่ทันใดนั้นร่างกายก็ขยับ บินมาด้วยกัน


 


 


เสียง “ปัง” ดังขึ้น วายุมารสีดำกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า หมุนวนแล้วไล่ตามเงาสีทองที่อยู่ไกลออกไปไป


 


 


กลับเป็นร่างของผึ้งยักษ์สีเขียวที่สยายปีกทั้งสองข้างออก ยังคงบินด้วยความเร็วธรรมดาๆ


 


 


เมื่อศิลาเพลิงสายฟ้าที่ด้านหน้าถูกไล่ตามมา หลังจากผ่านไปชั่วครู่ไม่ว่าเงาผึ้งมารสีทองหรือว่าวายุสีดำ ต่างก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป


 


 


ผึ้งสีเขียวเห็นเช่นนั้นดวงตาประกอบก็กะพริบปริบๆ สองปีกพลันหยุดชะงัก ท่าทางไม่อยากตรงไปข้างหน้าอีก


 


 


และในยามนั้นเองเหนือศีรษะของมารตัวนั้นก็มีหมอกสีเทาอีกกลุ่มพุ่งแหวกอากาศมา ลำแสงสีทองสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏตัวออกมา แล้วตรงไปยังหัวของผึ้งสีเขียวอย่างรวดเร็ว


 


 


ลำแสงสีทองเปล่งแสงเจิดจ้าหาที่เปรียบ ไม่รอให้เข้าใกล้ผึ้งยักษ์ พลังแรงกดก็ครอบลงมา


 


 


เดิมพลังยุทธ์ของผึ้งยักษ์สีเขียวก็อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุดในบรรดามารทั้งสามตน ประกอบกับสำแดงเคล็ดวิชาผึ้งพันตัวแยกร่างไปเมื่อครู่จนทำให้พลังยุทธ์ลดลงเป็นอย่างมาก มองเห็นลำแสงสีทองพุ่งเข้ามาด้วยท่าทีน่าดุดัน สายตาก็อดที่จะฉายแววหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้


 


 


แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือมารตนนี้กลับนิ่งงันอยู่กลางอากาศ ไม่มีเจตนาจะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย


 


 


มองเห็นลำแสงสีทองสว่างวาบ หมายจะกระโจนผ่านหัวผึ้งยักษ์ไป ฉับพลันนั้นกลางอากาศพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น หอกกระดูกสีขาวด้ามหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้ามารตัวนั้น


 


 


หลังจากเสียง “เคร๊ง” ดังขึ้น หอกกระดูกก็ต้านทานเอาไว้ เปลวเพลิงสีดำชั้นหนึ่งปรากฏออกมา ชั่วครู่ก็ดีดลำแสงสีทองที่พุ่งเข้ามาออกไป


 


 


และหลังจากที่ลำแสงสีทองหมุนวน ก็คืนร่างเดิม


 


 


เป็นทวนยาวสีทองเรืองรอง


 


 


จากนั้นเบื้องหน้าผึ้งยักษ์ก็มีลำแสงสีเหลืองปรากฏขึ้น ด้านในมีเงาร่างคนปรากฏขึ้นลาง


 


 


คาดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้ที่หนีไปไกลอย่างมารอินทรีที่แปลงกลายเป็นชายชุดเหลือง


 


 


เขายกมือขึ้นกวักเรียก เสียง “สวบ” ดังขึ้น หอกกระดูกเปล่งแสงสว่างวาบพลางถูกดูดเข้ามาอยู่ในมือ ส่วนมืออีกข้างพลันพลิ้วไหว โล่กลมสีทองปรากฏออกมาต้านทานเอาไว้เบื้องหน้า


 


 


ทว่าเขาในยามนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ สายตาเปล่งประกายพลางจ้องเขม็งไปยังลำแสงสีทองที่พุ่งออกมาจากหมอกสีเทา


 


 


ส่วนในม่านหมอกพลันมีลำแสงสีดำสว่างวาบ เงาสีดำขนาดเท่าโต๊ะกลมสองตัวปรากฏขึ้น และกดลงมาด้านล่างอย่างแรง


 


 


เสียงวายุดังสนั่นขึ้น เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น!


 


 


หลังจากเงาสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ กลางอากาศก็บิดเบี้ยว ราวกับถูกฉีกออกอย่างไรอย่างนั้น


 


 


ยิ่งมีพลังไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งฉีกหมอกด้านล่างออกในชั่วพริบตา


 


 


ชั่วขณะนั้นด้านล่างพลันมีเงาร่างคนเปล่งแสงสีทองเรืองรองปรากฏออกมา


 


 


เงาร่างคนผู้นี้เห็นร่างกายถูกเปิดโปง ก็ดูเหมือนว่าจะร้อนรน รีบร้อนใช้สองมือโจมตีไปกลางอากาศ เงากำปั้นสีทองสองกำปั้นพุ่งแหวกอากาศมา ตรงไปหาเงาสีดำ ส่วนตัวของเงาสีทองก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนี กลายเป็นสายรุ้งสายหนึ่งพุ่งออกไป


 


 


“คิดจะไปไหน!” เสียงคำรามแสบแก้วหูดังออกมากลางอากาศ


 


 


จากนั้นเงาสีดำสองกลุ่มก็ร่อนลงมา ม่านลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ โจมตีเงากำปั้นสีทองจนแตกละเอียด แล้วพลิ้วไหวเผยค้อนสีดำยักษ์สองด้ามออกมา


 


 


ค้อนยักษ์สองด้ามหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ พลังดูดยักษ์สองกลุ่มปรากฏออกมา ชั่วครู่ก็ครอบคลุมด้านล่างในรัศมียี่สิบจั้งเศษ


 


 


เงาร่างคนสีทองกลายเป็นสายรุ้งเพิ่งจะบินไปได้สิบจั้งเศษ ลำแสงหลีกหนีก็หยุดชะงักแล้วลดความเร็วลงเป็นอย่างมาก


 


 


ชายชุดเหลืองที่มองดูอยู่ไกลๆ พลันโบกมือทั้งสอง ชั่วขณะนั้นหอกกระดูกในมือพลันเปล่งเสียงกรีดร้อง กลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกมา


 


 


ส่วนหางของผึ้งยักษ์สีเขียวก็สะบัด เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกมา


 


 


ทั้งสองแค่กะพริบวาบ ก็มาอยู่ตรงหน้าเงาร่างคนสีทองตามลำดับ


 


 


เส้นไหมสีเขียวดูเหมือนไม่สะดุดตา แต่ตั้งแต่ปรากฏขึ้นจนถึงตอนนี้ แค่รางเลือนไปเล็กน้อยก็จมหายเข้าไปในร่างของเงาสีทอง


 


 


ชั่วขณะนั้นเงาร่างกายของสีทองก็สั่นสะท้าน ลำแสงสีทองที่แผ่ออกมาหม่นแสง กลิ่นอายคละคลุ้งโชยออกมา


 


 


ครู่ต่อมาลำแสงสีดำพลันสั่นคลอน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วทะลวงผ่านจุดตันเถียนของเงาลวงตาเช่นกัน


 


 


เปลวเพลิงสีดำชั้นหนึ่งเผาไม้บนเรือนร่างของเงาลวงตา กลืนกินมันเอาไว้ข้างในจนหมด


 


 


ค้อนยักษ์สีดำกลางอากาศร่อนลงมาทันที ทุบลงไปบนเปลวเพลิงสีดำอย่างรุนแรง


 


 


เสียง “ปัง” ดังสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้น!


 


 


เปลวเพลิงสีดำรวมทั้งเงาร่างคนสีทองด้านใน สลายหายไปกลายเป็นผุยผงภายใต้พลังมหาศาล


 


 


ระลอกคลื่นยี่สิบสามสิบจั้งปรากฏขึ้น เงามารสองเขาร่างกายสูงใหญ่ถึงได้เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น


 


 


เขามองเห็นการณ์ด้านล่างด้วยรอยยิ้มเ**้ยมเกรียม


 


 


มารอินทรีและผึ้งสีเขียวที่อยู่ไกลออกไปเห็นฉากนี้ ใบหน้าพลันทยอยเผยรอยยิ้มออกมา


 


 


พวกมันใช้แผนการที่ปรึกษาเอาไว้ก่อนหน้า คือใช้ฝูงผึ้งแหวกหญ้าให้งูตื่น แล้วค่อยทำให้ผึ้งยักษ์เผยพิรุธของศัตรูออกมา สำเร็จดังคาด สังหารศัตรูผู้นี้ได้


 


 


แต่ในยามที่ทั้งสามคนกำลังรู้สึกผ่อนคลายลงนั้น ด้านหลังผึ้งยักษ์สีเขียวห่างออกไปสองสามจั้ง กระบี่ยาวสีเขียวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน หลังจากเสียงหึ่งๆ ต่ำๆ ดังขึ้น ก็กลายเป็นกระบี่ลำแสงที่เจิดจ้าจนแสบตาสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป


 


 


“แย่แล้ว”


 


 


ถึงอย่างไรเสียผึ้งยักษ์สีเขียวก็เป็นมารอสูรระดับสูงที่เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตา แทบจะความผิดปกติที่ด้านหลังได้ในเวลาเดียวกัน ภายใต้ความตกตะลึงนั้นหางทรงกรวยก็สะบัดอย่างไม่ต้องขบคิด


 


 


พ่นหนามพิษสีเขียวออกมา ความยาวสองสามฉื่อ และสั่นเทา เงาหนามเป็นชั้นๆ เปล่งเสียงระเบิดแหลมๆ ออกมา ชั่วครู่ก็ครอบคลุมร่างของผึ้งยักษ์เอาไว้


 


 


ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ!


 


 


ผึ้งยักษ์แค่สั่นเทาก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ซากศพร่วงลงสู่พื้น


 


 


ส่วนหนามพิษที่สร้างขึ้น ก็กลายเป็นสองส่วนอย่างเงียบเชียบ ไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด


 


 


เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น เปลวเพลิงสีเขียวกลุ่มหนึ่งบินออกมาจากซากศพครึ่งท่อน


 


 


“สหายอิงถัง ช่วยด้วย!” ผึ้งสีเขียวขนาดจิ๋วในเปลวเพลิงสีเขียว ร้องตะโกนอย่างร้อนรนทำอะไรไม่ถูกไปพลาง พุ่งเข้ามาชายชุดสีเหลืองที่อยู่ใกล้เคียงไปพลาง


 


 


จนถึงยามนี้มารอินทรีที่มีนามว่าอิงถังก็พบความเปลี่ยนแปลงด้านหลังของตนเองแล้ว ใบหน้าจึงเปลี่ยนสี สะบัดแขนเสื้อโดยมิได้ปริปากใดๆ


 


 


ไอสีดำกลุ่มหนึ่งม้วนออกมา ม้วนเอาจิตวิญญาณดั้งเดิมของผึ้งยักษ์ไป


 


 


แต่เสียงแค่นเสียงอย่างเย็นชาพลันดังขึ้นกลางอากาศ


 


 


ชายชุดเหลืองได้ฟังก็จับศีรษะของตนเองด้วยความรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเข็มแหลมทิ่มแทง อดที่จะร้องคร่ำครวญออกมาไม่ได้ เงาร่างร่อนลงมาราวกับวิหค


 


 


ห่างออกไปแค่คืบเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น จากนั้นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น และมีมือสีขาวนวลดุจหยักตัดยื่นออกมา


 


 


นิ้วทั้งห้ากางออก เปลวเพลิงลำแสงห้าสีม้วนวนออกมา ชั่วครู่ก็ม้วนมารตนนี้เข้าไปข้างใน


 


 


ร่างกายของชายชุดสีเหลืองที่แต่เดิมลดระดับลง พลันแข็งค้างในชั่วพริบตา


 


 


และในชั่วพริบตาที่เสียเวลานั้น นิ้วทั้งห้าพลันกางออก กลายเป็นสีทองเรืองรอง และขยับราวกับสายฟ้า พุ่งไปที่ทรวงอกของมารอินทรี


 


 


ชายชุดสีเหลืองมีสีหน้าไร้สีโลหิต


 


 


แม้ว่าจิตสัมผัสของเขาจะยังคงรู้สึกเจ็บปวดยากจะรับไว้ แต่ถึงอย่างไรเสียก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ ในช่วงเวลาเป็นตายเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะกดความคิดที่ซับซ้อนเอาไว้ แล้วฝืนใช้จิตสัมผัสของตนเอง


 


 


ชั่วขณะนั้นโล่กลมสีทองที่ลอยอยู่ตรงหน้าเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า ท่ามกลางลำแสงสีทอง ผิวของมันพลันมีอักขระประหลาดขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันปรากฏขึ้น


 


 


อานุภาพของโล่ใบนี้ถูกเขากระตุ้น ต้านทานเอาไว้ให้เขาอยู่เบื้องหลัง


 


 


สำหรับมารตนนี้ความรู้สึกเจ็บปวดที่หัวกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ขอแค่ต้านทานการโจมตีนี้ไว้ได้ จากนี้ย่อมรักษาชีวิตและโจมตีย้อนกลับได้


 


 


ในยามที่ความคิดของมารอินทรีตัวนี้ผุดขึ้นมา ลำแสงสีทองพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ฝ่ามือสีทองสอดเข้าไปในโล่ คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีท่าทีหลบหลีกเลยสักนิด


 


 


เสียงระเบิดดังเสียดแก้วหูดังขึ้น ขณะที่ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ฝ่ามือสีทองก็จมหายเข้าไปในโล่ทรงกลม เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งผ่านทรวงอกของชายชุดเหลือง ตะปบแกนมารในร่างของเขาออกมา


 


 


จากนั้นแขนทั้งแขนก็เปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ ฉับพลันนั้นเปลวเพลิงสีเงินชั้นหนึ่งพลันทะลักออกมา ชั่วพริบตาก็ห่อหุ้มร่างของมารอินทรีเอาไว้


 


 


จิตวิญญาณดั้งเดิมที่ชำรุดด้านใน ทำได้เพียงร้องคร่ำครวญ ก็กลายเป็นควันสีเขียวสายหนึ่งสลายหายไปอย่างไร้เงากลางท้องฟ้าและพื้นดิน


 


 


สายฟ้าสีเขียวขาวในยามนี้หม่นแสง ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเขียวคนหนึ่ง แผ่นหลังมีปีกคู่หนึ่งถึงได้ปรากฏขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก และค่อยๆ ดึงแขนข้างนั้นกลับมา


 


 


บนฝ่ามือตะปบแกนมารสีดำอ่อนเปล่งแสงเรืองๆ เอาไว้


 


 


ชายหนุ่มนี้ก็คือหานลี่


 


 


จิตวิญญาณดั้งเดิมของผึ้งสีเขียวที่เดิมคิดจะพุ่งมาเห็นเหตุการณ์นี้ ชั่วขณะนั้นก็ตกใจจนขวัญกระเจิง ผิวของมันเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ เปลี่ยนทิศทางหนีไปอีกครั้งในทันที


 


 


แต่กลับสายไปแล้ว!


 


 


มุมปากของหานลี่รอยยิ้มเยาะออกมา แขนอีกข้างสะบัดออกไป


 


 


หมอกลำแสงสีเทากลุ่มหนึ่งม้วนออกมาจากแขนเสื้อ แค่กะพริบวาบก็ห่อหุ้มจิตวิญญาณดั้งเดิมที่หนีไม่ทันของผึ้งสีเขียวเอาไว้


 


 


จากนั้นลำแสงเทวะดูดปราณก็เปล่งแสงเจิดจ้าเป็นหมื่นสาย!


 


 


ผึ้งสีเขียวขนาดจิ๋วแค่นเสียงหึ ถูกหมอกลำแสงสีเทาต้านเอาไว้แล้วระเบิดออก กลายเป็นดวงลำแสงสีเขียวแล้วหายวับไป

 

 

 


ตอนที่ 1643 ได้กระจก

 

ในชั่วพริบตาที่จิตวิญญาณดั้งเดิมของผึ้งเขียวถูกทำลาย ห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง ผึ้งมารที่บินหึ่งๆ อยู่ท่ามกลางม่านหมอกเหล่านั้น ก็เปล่งแสงสว่างวาบ 


 


 


เสียง “ปังๆ” ดังขึ้น ระเบิดร่างกายตัวเองออกทีละตัวๆ 


 


 


ตั้งแต่ที่ผึ้งยักษ์สีเขียวถูกทำลายร่าง จนถึงตอนที่จิตวิญญาณมารสองตัวสลายหายไป ก็เกิดขึ้นแค่ชั่ววินาทีเท่านั้น 


 


 


หานลี่ไม่แม้แต่จะมองซากศพของมารอินทรีที่ตกลงมา เลื่อนสายตาไปมองอสูรมารระดับสูงตัวสุดท้ายที่อยู่ไกลออกไป 


 


 


สายตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง 


 


 


แน่นอนว่ามารสองเขาย่อมมองเห็นเหตุการณ์ทางด้านนี้ทั้งหมด ภายใต้ความตกตะลึง ก็มีสีหน้าเขียวคล้ำ 


 


 


แม้ว่าผึ้งยักษ์และมารอินทรีจะมีพลังยุทธ์ไม่เท่าเขา แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก คาดไม่ถึงว่าแค่ปะหน้าทั้งสองก็จะถูกอีกฝ่ายสังหารได้อย่างง่ายดาย แม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมก็ยังหนีไม่พ้น 


 


 


นี่จะไม่ทำให้มันรู้สึกหนาวสะท้านได้อย่างไร  


 


 


แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำสำเร็จ แต่ก็เป็นเพราะใช้การลอบโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว เขาถามตัวเองหากตนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับอีกฝ่าย ก็ไม่อาจสังหารสหายร่วมวิถีได้อย่างเรียบร้อยเช่นนี้ 


 


 


ทว่ามารตัวนี้เองก็แปลกประหลาดใจอยู่บ้าง 


 


 


การดึงดูดความสนใจของพวกเขาเมื่อครู่และสิ่งที่ปรากฏขึ้นทีหลังอย่างเงาสีทองซึ่งถูกค้อนของเขาทำลาย มันคืออะไรกัน 


 


 


พวกเขาสัมผัสได้ชัดๆ ว่ามีพลังวิญญาณที่ไม่ธรรมดา มิเช่นนั้นคงไม่ถูกหลอกอย่างง่ายดายเช่นนี้ 


 


 


ไม่ว่าจะอย่างไร หากเขาเข้าไปประมือเพียงลำพังละก็ แปดเก้าส่วนคงต้องเพลี่ยงพล้ำ ไม่สู้รอให้กำลังเสริมมา แล้วค่อยคิดหาวิธีสังหารอีกฝ่ายจะดีกว่า 


 


 


หากไม่ไหวจริงๆ ก็ฝ่าฝืนกฎของเทือกเขาและสัญญาที่ทำกับแดนนอกปิดทางเข้าเอาไว้ แล้วสังหารคนผู้นี้ทิ้งไปเสียเลย 


 


 


คิดดูแล้วบรรดาระดับสุดยอดที่มาจากภายนอก คงไม่มาถกปัญหาอะไรกับนายท่านระดับศักดิ์สิทธิ์ที่เทือกเขาเพื่อคนเพียงคนเดียว  


 


 


มารสองเขาช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายนัก หลังจากได้สติจากการตกตะลึงแล้ว ก็คิดหาวิธีรับมือออกในทันใด 


 


 


ดังนั้นในเวลาเดียวกันที่หานลี่มองมา ฉับพลันนั้นเขาก็ตะปบมือทั้งสองออกไป  


 


 


หลังจากเสียง “สวบๆ” ดังขึ้น ค้อนเหล็กสองด้ามก็หดเล็กลงจนมีขนาดเท่าปกติ และบินกลับมาในมือของเขา 


 


 


จากนั้นพลันอ้าปากออกพ่นกระจกสัมฤทธิ์สามเหลี่ยมก่อนหน้านี้ออกมาอีกครั้ง มือหนึ่งชี้ไปที่สมบัติชิ้นนี้อย่างรวดเร็ว 


 


 


ผิวของกระจกสัมฤทธิ์เปล่งเสียงหึ่งๆ พลางพ่นลำแสงเย็นเยียบออกมากลุ่มหนึ่ง แล้วห่อหุ้มลงมาด้านล่าง 


 


 


ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น  


 


 


หลังจากลำแสงเย็นเยียบลดระดับลงมา เงาร่างสูงใหญ่ของมารสองเขาก็หายวับไปจากที่เดิม 


 


 


จากนั้นกระจกสัมฤทธิ์ก็สั่นเทากลายเป็นเงาสายหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไปจากกลางอากาศ 


 


 


ฉากนี้ทำให้หานลี่ที่อยู่ไกลออกไปตกตะลึง และรู้สึกคาดไม่ถึงไปเล็กน้อย 


 


 


แต่ทันใดนั้นเขาก็มีสีหน้าเคร่งขรึม รูม่านตามีลำแสงสีฟ้าสว่างวาบ ระลอกคลื่นประหลาดปรากฏขึ้น ทำให้ผู้คนที่มองดวงตาของเขา ถูกดึงดูดสายตาแม้กระทั่งจิตวิญญาณเข้าไป 


 


 


ดูเหมือนว่าจะมองอะไรออก หานลี่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม สองนิ้วจึงแตะไปที่หว่างคิ้วอย่างรวดเร็ว 


 


 


ไอสีดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น และผนึกรวมกันกลายเป็นดวงตาสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกดวงหนึ่ง 


 


 


นั่นก็คือเนตรทำลายล้าง 


 


 


เมื่อเนตรปีศาจปรากฏรูป ก็กลอกตาไปมาทันที ลำแสงสีดำสนิทไหลวนอยู่ มีอักขระไหลวนไปมาอยู่ในแววตารางๆ 


 


 


เสียงแผ่วเบาดังขึ้น ลำแสงสีดำความหนาเท่านิ้วมือถูกพ่นออกมาจากเนตรทำลายล้าง และเปล่งแสงสว่างวาบพลางจมหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย 


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่บรรยากาศรอบๆ ห่างออกไปรอยจั้งเศษ พลันมีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น จากนั้นรัศมีลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ระลอกคลื่นสั่นเทากลางอากาศและสลายออก 


 


 


เสียงอึกทึกดังขึ้น ลำแสงเย็นเยียบสีหม่นหมองดีดออกมาจากรัศมีลำแสง และบินห่างออกไปสิบจั้งเศษ ถึงได้ซวนเซหยุดลง 


 


 


ลำแสงหม่นแสง มารสองเขาพลันปรากฏตัวขึ้นด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว 


 


 


แทบจะในเวลาเดียวกันเสียงฟ้าผ่าก็ดังเหนือหัวของมารตนนั้น ประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบ ด้านในมีเงาร่างคนสายหนึ่งปรากฏขึ้นรางๆ 


 


 


“แย่แล้ว” 


 


 


ร่างของมารสองเขายังไม่ทันยืนให้มั่นคง แต่หลังจากกวาดสายตาไปเหนือศีรษะ จิตใจพลันหนักอึ้ง แทบจะสะบัดมือทั้งสองไปตามความรู้สึก 


 


 


ชั่วขณะนั้นค้อนยักษ์สองด้ามในมือพลันเปล่งเสียงหวีดร้อง แล้วพุ่งลงไปทับเงาร่างคนเหนือศีรษะ  


 


 


ในเวลาเดียวกันตรงทรวงอกก็มีผลึกลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ธงสีฟ้าด้ามหนึ่งบินออกมา พลิ้วไหวเล็กน้อย แล้วกลายเป็นม่านลำแสงสีฟ้า ห่อหุ้มเรือนร่างของเขาเอาไว้ 


 


 


ส่วนตัวของมารสองเขาพลันมีลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างกายกลับพุ่งออกไปราวกับลูกธนู หมายจะดึงระยะห่างออกจากหานลี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน 


 


 


แต่หานลี่จะปล่อยให้มารตนนี้สมใจได้อย่างไร เห็นเพียงอัสนีสีเขียวขาวบนท้องฟ้าระเบิดออกเสียงดังสนั่น สายฟ้าเปลี่ยนสีกลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเงินระยิบระยับ 


 


 


จากนั้นร่างกายพลันขยายใหญ่ขึ้น หมุนวนแล้วกลายเป็นวิหคยักษ์สีเขียวขนาดสองสามจั้งตัวหนึ่ง สยายปีกทั้งสองข้างออก แล้วพาประจุไฟฟ้าสีเงินหนาเท่าปากชามกระโจนเข้ามาเป็นสายๆ 


 


 


ความเร็วของมันนั้น ชั่วพริบตาที่ลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ กรงเล็บยักษ์ก็ตะปบไปหาค้อนสีดำที่บินเข้ามา 


 


 


เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นขึ้น! 


 


 


ค้อนยักษ์ถูกกรงเล็บยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปราวกับกระดาษ จากนั้นเสียงโอดครวญพลันดังขึ้น อสรพิษสีเงินระเบิดออกแล้วดีดตัวออกมาเป็นสายๆ 


 


 


ครู่ต่อมากรงเล็บยักษ์ก็ไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย ชั่วครู่ก็ตะปบไปที่ม่านลำแสงสีฟ้าบนเรือนร่างของมารสองเขา 


 


 


นอกเหนือความคาดหมายไปเล็กน้อย ม่านลำแสงสีฟ้าที่ดูธรรมดาๆ กลับเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นม่านลำแสงที่ดูราวกับผลึกน้ำ 


 


 


ไม่ว่าประจุไฟฟ้าหรือว่าพลังมหาศาลของกรงเล็บยักษ์ เมื่อตะปบไปที่มัน ก็จมหายเข้าไปราวกับโคลนที่จมลงสู่มหาสมุทร ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด 


 


 


เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มารสองเขาที่อยู่ในรัศมีลำแสงพลันผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง อดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ 


 


 


แต่ไม่รอให้เขาได้เคลื่อนไหวใดๆ อีก ด้านนอกรัศมีลำแสงก็มีเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้น เห็นจะงอยวิหคสีเขียวกลายเป็นลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจิกลงมาเป็นสายๆ  


 


 


เสียง “ปังๆๆ” ดังขึ้นสามครั้ง รัศมีลำแสงระเบิดออก จากนั้นเสียงไพเราะก็ดังขึ้น คาดไม่ถึงว่ารัศมีลำแสงแวววาวจะถูกจิกอยู่ที่เดียว แล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สุดท้ายก็กลายเป็นลำแสงสีฟ้าแล้วสลายหายไป 


 


 


“เอ๋” 


 


 


มารสองเขาที่อยู่ด้านในพลันตกตะลึง แขนสองข้างโบกสะบัดขึ้นไปด้านบนพร้อมกัน 


 


 


เสียงแหวกอากาศดังขึ้น กรงเล็บสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา กลายเป็นกรงเล็บตาข่ายตัดสลับกันไปมาอย่างหนาแน่น ต้านทานเหนือศีรษะของเขาเอาไว้ 


 


 


แต่จะงอยปากของวิหคยักษ์สีเขียวพลันขยับอีกครั้ง 


 


 


ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ชั่วครู่ก็จมหายเข้าไปในกรงเล็บลำแสง 


 


 


ชั่วขณะนั้นสายฟ้าสีเงินพลันออกฤทธิ์ กรงเล็บตาข่ายถูกฉีกออกอย่างง่ายดาย ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปราวกับเงาลวงตา 


 


 


ร่างมารสองเขาสั่นเทาอย่างหนัก รูโลหิตขนาดเท่าปากชามปรากฏขึ้นตรงนั้น และยิ่งไปกว่านั้นในรูโลหิตยังมีลำแสงสีเงินเปล่งแสงเป็นระยะๆ 


 


 


ชั่วขณะนั้นใบหน้าของมารตัวนี้พลันเผยสีหน้าหวาดกลัวไม่อยากจะเชื่อออกมา แต่ไม่รอให้มันได้เปล่งเสียงร้องคร่ำครวญ รูโลหิตตรงทรวงอกก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเงินพุ่งออกมาเป็นสายๆ แล้วระเบิดออกอีกครั้ง 


 


 


สายฟ้าสีเงินจมหายเข้าไปในม่านสองเขา 


 


 


หลังจากเสียงฟ้าร้องดังขึ้นชั่วครู่ ถึงได้หยุดลง 


 


 


กายเนื้อของมารสองเขารวมทั้งจิตวิญญาณดั้งเดิมด้านใน กลายเป็นผุยผงท่ามกลางลำแสงอัสนีที่รุนแรงตั้งนานแล้ว สลายหายไปจากยุทธภพนี้อย่างไร้ร่องรอย 


 


 


เหลือเอาไว้เพียงกระจกสัมฤทธิ์สามเหลี่ยมบานนั้น! 


 


 


หลังจากที่หานลี่กวาดสายตาไปบนกระจกสัมฤทธิ์ ก็ยกมือขึ้นกวัก ชั่วขณะนั้นพลังแรงดูดกลุ่มหนึ่งพลันก่อตัวขึ้น ชั่วครู่ก็ดูดสมบัติที่ไร้เจ้าของเข้ามาอยู่ในมือ และก้มหน้าลงพิจารณาสองแวบ 


 


 


แต่ก็ไม่พบอะไรจากการมองแบบลวกๆ นั้น 


 


 


ทว่าเขากลับรู้สึกสนใจเจ้าสิ่งนี้มาก 


 


 


กระจกบานนี้สามารถรวบรวมพลังปราณ และยังพาคนหลีกหนีไปกลางอากาศได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สมบัติอาคมธรรมดาๆ และไม่รู้ว่ามารตัวนี้ได้สมบัติชิ้นนี้มาอย่างไร 


 


 


มือหนึ่งโบกสะบัด ฉับพลันนั้นลำแสงสีเหลืองที่แผ่ออกมาจากกระจกพลันสลายหาย 


 


 


ก่อนหน้านี้เป็นเพราะต้องการสังหารอีกฝ่าย เขาจึงสำแดงยันต์ชำระพิสุทธิ์และยันต์เกราะเอกออกมาทีเดียว แต่ตอนนี้ได้สมบัติชิ้นนี้มาแล้ว ก็นับว่าไม่เสียเปรียบนัก 


 


 


หานลี่ขบคิดเช่นนี้ ก็ไม่ได้มีเจตนาจะรั้งรอต่อ ลำแสงหลีกปรากฏขึ้น กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่ง พุ่งไปยังส่วนลึกของทะเลหมอก 


 


 


สองสามเค่อพายุมารสีดำผืนหนึ่งก็หวีดร้องดังขึ้นมาจากขอบฟ้า 


 


 


แต่หลังจากที่หมุนวนหน้าทะเลหมอก ชั่วขณะนั้นก็หม่นแสงลงแล้วสลายหายไป ด้านในวายุมีมารอสูรรูปร่างประหลาดๆ ห้าตนปรากฏขึ้น 


 


 


“ที่ที่พวกเขาสามคนหายไปครั้งสุดท้ายคือที่นี่” อสูรน้อยหนึ่งในนั้นที่ร่างกายดูเหมือนสร้างขึ้นจากกระเบื้องเคลือบกวาดสายตาไปยังทะเลหมอกแวบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น 


 


 


อสูรทั้งสี่ที่เหลือมองทะเลหมอก แววตาฉายแววระแวดระวัง 


 


 


“จากการร่วมมือของนายท่านอู่ลี่และพวกทั้งสาม จะไม่มีข่าวคราวในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้ได้อย่างไร หรือว่าพบความยุ่งยากอะไรระหว่างทาง?” มารอสูรหัวงูเหลือมตัวนั้นเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา  


 


 


“ก็ไม่แน่ใจนัก ทว่าไม่ว่าอย่างไร ทุกท่านก็ต้องกระตือรือร้นไว้ พวกเราต้องระวังมากหน่อย” อสูรน้อยสั่นศีรษะ จากนั้นก็ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ไม่ปล่อยให้สงสัยอีก 


 


 


“ขอรับ” 


 


 


มารอสูรที่เหลือทยอยกันก้มหน้าลงตอบรับอย่างนอบน้อม 


 


 


จากนั้นมารอสูรห้าตนก็กลายเป็นวายุมาร พุ่งเข้าไปในทะเลหมอก 


 


 


หลังจากผ่านไปครึ่งเค่อ ตรงจุดที่หานลี่สังหารมารสองเขา มารอสูรเหล่านั้นก็ทยอยกันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง 


 


 


พวกมันใช้สายตาฉงนสงสัยพิจารณาทุกอย่างรอบด้าน 


 


 


อสูรประหลาดตัวที่เหมือนเป็ดแต่หัวมีเขาเดี่ยวสีขาวตัวนั้น กลายเป็นลำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งไปด้านล่าง แค่กะพริบวาบก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย 


 


 


การเคลื่อนไหวนี้แน่นอนว่าย่อมดึงดูดความสนใจจากมารอสูรตนอื่นๆ จึงอดที่จะมองสบตากันไปมาแวบหนึ่งไม่ได้ 


 


 


แต่ผ่านไปแค่ชั่วครู่ ไอมารด้านล่างพลันหมุนวน มารอสูรเป็ดตัวนั้นบินออกมาจากด้านใน 


 


 


แค่ตะปบเท้าที่มีพังผืดออกมา ก็มีเศษเขาวัวขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้นในเท้าทั้งสองข้าง 


 


 


“นี่คือเขาวิญญาณของนายท่านอู่ลี่ มาตกอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือว่ากลับคืนสวรรค์แล้ว” มารอสูรเสืออีกตนหนึ่ง เอ่ยพึมพำด้วยความหนาวเหน็บหัวใจ 


 


 


“ดูแล้วพวกเขาสามคนคงเพลี่ยงพล้ำไปแล้วจริงๆ คาดไม่ถึงว่าผู้ที่กำลังไล่ตามจะมีอิทธิฤทธิ์ถึงเพียงนี้?” อสูรน้อยหรี่ตาทั้งสองข้างลง แล้วเอ่ยพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา 


 


 


“เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไรต่อ ผู้ที่มาจากภายนอกผู้นั้นหนีไปตั้งนานแล้ว พวกเราไม่อาจไล่ตามได้อีก” มารอสูรงูเหลือมมีสีหน้าเคร่งขรึมสลับกับสดใส แล้วอดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น 


 


 


“หึ ต่อให้รู้ตำแหน่งของคนผู้นี้ ข้าก็ไม่อาจไล่ตามไปได้อีก ในเมื่ออีกฝ่ายสังหารอู่ลี่และพวกทั้งสามได้อย่างง่ายดาย พวกเราเข้าไปก็คงไม่ใช่คู่มือ กลับกันเถิด!” อสูรน้อยแค่นเสียงด้วยความเย็นชา เอ่ยอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด 


 


 


“แต่หากเป็นเช่นนี้ กลับไปก็ไม่รู้ว่าจะรายงานอย่างไรสินะ นายท่านจะต้องโกรธมากแน่” อสูรกลับเอ่ยอย่างแช่มช้าและหวาดกลัว 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)