กระบี่จงมา 164.1-164.2

 บทที่ 164.1 ใกล้ชาดเปื้อนแดง

โดย

ProjectZyphon

เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูดหอบตำราโบราณกองใหญ่วิ่งออกมาจาหอหนังสือ พอเห็นภาพนี้ สายตาที่มองเฉินผิงอันก็มีแววหวาดกลัวอยู่บ้างเล็กน้อย


ขณะเดียวกันก็มีเด็กชายชุดเขียวคนหนึ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้า อาภรณ์ของเขาขาดวิ่น สภาพกระเซอะกระเซิงสุดขีด ข้างกายเขามีทหารท่าทางดุร้ายที่ทั่วร่างมีแสงสีทองเปล่งประกายวูบวาบลักษณะคล้ายนักโทษที่เพิ่งถูกปล่อยตัวยืนอยู่


เด็กชายชุดเขียวนอนหอบฮักๆ อยู่บนพื้น ปาดคราบเลือดบนหน้าทิ้งไป หันหน้าไปมองมังกรข้ามแม่น้ำที่มีที่มาไม่แน่ชัดตัวนั้น ความดุร้ายในดวงตายากที่จะสลายหายไปได้ นี่ก็ไม่แปลก วางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ในแม่น้ำใหญ่นอกเมืองมาหลายร้อยปี จู่ๆ ต้องมาถูกคนต่อยตีเหมือนสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง โทสะในใจย่อมยากจะระงับลงได้


ชุยฉานดีดนิ้วหนึ่งครั้ง แสงสีทองกลุ่มนั้นก็กลับคืนรัง บินกลับเข้าไปในชายแขนเสื้อของเขาอีกครั้ง


เห็นว่าเฉินผิงอันสงสัย ชุยฉานจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “อาจารย์จำได้หรือไม่ว่าตอนที่อยู่นอกด่านเหย่ฟูข้าเคยโม้กับอาจารย์ว่ามีของขวัญกราบอาจารย์มากมาย แล้วก็เคยพูดถึงกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มที่ยังไม่มีเจ้าของชั่วคราวซึ่งชื่อว่า ‘ใบไม้ร่วงสีทอง’ คุณภาพของมันไม่เลว ไม่จำเป็นต้องมีขอบเขตสูงมากก็สามารถควบคุมได้ดังใจปรารถนา”


ชุยฉานยิ้มกว้างอย่างลำพองใจ “เจ้านายคนก่อนของกระบี่บินเคยเป็นเซียนกระบี่อันดับหนึ่งของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เป็นพวกบ้าหมากล้อม บางทีหัวสมองอาจเคยโดนประตูหนีบมา ถึงได้คิดจะเปลี่ยนแปลงวิธีการใหม่ เปลี่ยนวิถีกระบี่ไปเป็นวิถีหมากล้อม น่าจนใจที่ไม่เชี่ยวชาญวิชาหมากล้อมมากพอ แพ้การเดิมพันด้วยชีวิตกับข้าหนึ่งครั้ง ซึ่งก็คือแพ้ให้กับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มนี้ แต่จะว่าไปแล้วก็เพราะเขาอยากจะทุบหม้อล่มเรือ ไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับกระบี่บินเล่มนี้อีกแม้แต่น้อย”


เฉินผิงอันถามด้วยความใคร่รู้ “ถ้าอย่างนั้น ‘ใบไม้ร่วงสีทอง’ เล่มนี้ หลินโส่วอีใช้ได้หรือไม่?”


ชุยฉานทำท่าปวดฟัน “อาจารย์ ไม่มีใครลำเอียงอย่างท่านเลยจริงๆ หลินโส่วอีย่อมใช้ได้อยู่แล้ว แต่หากให้เขาเป็นคนหล่อหลอมและบังคับใช้ย่อมเป็นการย่ำยีวัตถุสวรรค์ให้สิ้นเปลืองอย่างแน่นอน ศิษย์ตัดใจมอบให้อาจารย์ได้ แต่อาจารย์ห้ามตัดใจมอบให้คนนอกอย่างหลินโส่วอีเด็ดขาด”


เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูหันมาสบตากับเด็กชายชุดเขียวอย่างรู้ใจกัน และต่างฝ่ายก็ต่างมองเห็นความตกตะลึงในดวงตาของกันและกัน


แผ่นดินกลาง เซียนกระบี่ หมากล้อม เดิมพันชีวิต


คำศัพท์เหล่านี้มาเมื่อรวมเข้าด้วยกันก็มากพอจะสร้างความตะลึงพรึงเพริดได้เลย


เฉินผิงอันกวาดตามองไปรอบด้าน ไม่เห็นความผิดปกติอื่นใดจึงเตรียมจะจากไป เร่งรีบเดินทางของตนต่อ


“อาจารย์รอสักครู่ ให้ข้าอธิบายเหตุผลจบก่อน เส้นทางหวนกลับคืนบ้านเกิดของอาจารย์หลังจากนี้จะได้ไม่ต้องเจอปัญหาแทรกซ้อนเพราะเรื่องนี้ด้วย” ชุยฉานครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็หยิบแท่นฝนหมึกอันเป็นสมบัติสยบสำนักของศาลมังกรซุ่มชิ้นนั้นออกมา แล้วออกคำสั่งให้กับงูเหลือมไฟและงูน้ำของแคว้นหวงถิงคู่นี้ “รีบเอาร่างจริงใส่เข้าไปในนี้ซะ ข้าไม่ค่อยมีความอดทนเท่าใดนัก กฎของข้าคือเรื่องเดียวไม่พูดซ้ำสอง หากยังถ่วงเวลาอีกล่ะก็อย่ามาโทษว่าข้า…”


พูดได้แค่ไม่กี่คำ ปราณสังหารของชุยฉานก็แผ่อวลไปสี่ทิศแล้ว ใจอยากจะตบเด็กชายชุดเขียวให้ตายไปด้วยฝ่ามือเดียว ไม่เห็นหน้าก็จะได้ไม่ต้องรำคาญใจ เพราะอย่างไรซะตามกฎเกณฑ์ที่อำเภอหลงเฉวียนตั้งไว้ แค่ได้มีความสัมพันธ์กับเจียวเฒ่าตัวนั้นก็มากพอแล้ว งูเหลือมไฟและงูน้ำที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ตบะไม่สูง ยังไม่ทันกลายร่างเป็นเจียวได้สำเร็จ อยู่ไกลเกินกว่าจะเปรียบเทียบกับเทพวารีของแม่น้ำหันสือได้ จะว่าไปแล้วการจับพวกมันมาก็เป็นแค่การเพิ่มลวดลายดอกไม้บนผ้าแพรอีกเล็กน้อยเท่านั้น ตอนแรกนั้นเป็นเพราะตอนนี้ตนไม่อาจเปิดคลังสมบัติในวัตถุฟางชุ่นได้ จึงอยากจะกำราบเจ้าตัวน้อยทั้งสองให้กับ “อาจารย์” ของตัวเอง ต่อให้จะไม่มีประโยชน์มากนัก ต่อเมื่อเลี้ยงไว้ข้างกาย วันหน้าให้ช่วยปกป้องภูเขา บวกกับที่ความพิเศษของตัวถ้ำสวรรค์หลีจูด้วยแล้ว ก็ถือว่าพอจะเอามาใช้งานได้


ดังนั้นเขาชุยฉานจึงไม่คิดจะสนใจความเป็นความตายของพวกมัน ตอนนี้อาจารย์คืออาจารย์ ลูกศิษย์คือลูกศิษย์ ชุยฉานรู้จักนิสัยของเฉินผิงอันดียิ่งกว่าใคร รู้ว่าอีกฝ่ายคือก้อนหินในห้องสวมที่ทั้งเหม็นทั้งแข็งอย่างแท้จริง หากไม่ยอมรับตน ต่อให้มอบงูเหลือมไฟงูน้ำแก่เขาอีกหมื่นตัวก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ยอมรับตนแล้ว ต่อให้ไม่มีเจ้าตัวน้อยทั้งสองที่ไร้ความสำคัญนี้ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ เลย


คิดมาถึงตรงนี้ความคิดหลากหลายก็ประดังประเดอยู่ในหัวของชุยฉาน ทำความรู้จักอยู่กับเฉินผิงอัน จะบอกว่าเหนื่อยก็เหนื่อยจริงๆ รู้สึกว่ากินแรงยิ่งกว่าย้ายห้าขุนเขาเสียอีก แต่เมื่อตนข้ามผ่านธรณีประตูที่มองไม่เห็นของมรรคาบางสายมากลับมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งที่มหัศจรรย์มาก ถึงกับทำให้คนที่มากเล่ห์เพทุบายอย่างราชครูต้าหลี…จิตใจสงบได้


เมื่อเห็นว่าแสงสีทองไหลออกมาจากชายแขนเสื้อของเด็กหนุ่มชุดขาว เด็กชายชุดเขียวก็รีบลุกขึ้นคุกเข่าโขกหัวคำนับ “ขอท่านเซียนโปรดเว้นชีวิต ข้าน้อยยินดีบุกน้ำลุยไฟ พลีกายถวายชีวิตให้แก่ท่านเซียน ต่อให้ตายก็ไม่เสียดาย!”


เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูที่อ่านตำรานับหมื่นเล่มอยู่ในหอเก็บหนังสือของจวนจือหลันรู้สึกเหมือนได้รับความอัปยศไปพร้อมกันด้วย นางไม่ใช่ภูตผีปีศาจประเภทที่ชอบพูดจาส่งเดช จึงได้แต่อึกๆ อักๆ ทำอะไรไม่ถูก


ชุยฉานคร้านจะเปลืองน้ำลายกับเจ้าลูกหมางูน้ำตัวนั้นจึงชูแท่นฝนหมึกขึ้น “ข้าจะนับถึงสาม”


เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูลังเลอยู่เล็กน้อย จากนั้นงูเหลือมเปลวไฟตัวเล็กราวเส้นผมเส้นหนึ่งก็บินออกมาจากกลางหว่างคิ้วของนาง พุ่งหายเข้าไปในแท่นฝนหมึก นางหน้าซีดขาว ร่างกายโงนเงนจะล้มมิล้มแหล่


เด็กชายชุดเขียวเห็นเหตุการณ์นี้ก็ได้แต่ถอนหายใจเหมือนคนแก่ บ่นงึมงำ “ช่างเถอะๆ ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ” จากนั้นก็มีควันผุดออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขา สุดท้ายรวมตัวกลายเป็นงูสีเขียวเข้มที่ขนาดใหญ่กว่างูเหลือมไฟเล็กน้อย ครั้นจึงบินเข้าไปใน หนึ่งงูหนึ่งเจ้าเหลือมขดตัวอยู่ในแท่นฝนหมึกด้วยกันนิ่งๆ ไม่กล้ากระดุกกระดิก


เพราะอย่างไรซะตรงขอบแท่นฝนหมึกก็มีเจียวเฒ่าขดตัวนอนหลับอยู่ นั่นคือบรรพบุรุษของภูตผีปีศาจประเภทพวกมัน และไม่แน่ว่าจะห่างไกลไปถึงสิบแปดรุ่น


ชุยฉานเก็บแท่นฝนหมึกที่หน่วยกล้าตายของต้าหลีเอามาส่งให้ระหว่างทาง แค่นเสียงเย็น “ไอ้พวกไม่รู้จักความหวังดีของผู้อื่น แค่ถูกพันธนาการเล็กน้อยก็สามารถอาศัยโอกาสนี้ขัดเกลาขอบเขต หากเปลี่ยนมาเป็นภูตผีประเภทเจียวและมังกรของทวีปอื่นที่มีโอกาสแบบนี้มาวางอยู่ตรงหน้าเหมือนพวกเจ้าสองคน ก็คงโขกหัวขอร้องจนหัวร้างข้างแตกไปนานแล้ว”


เด็กสาวชุดกระโปรงชมพูที่เติบโตมาในพื้นที่ฟางชุ่นอย่างหอหนังสือกุมมือคารวะขอบคุณ


เด็กชายชุดเขียวที่นิสัยเอาแต่ใจ รักอิสระเสรีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเบ้ปากอย่างไม่เห็นด้วย


ชุยฉานแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น กล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย “รู้จักอำเภอหลงเฉวียนใช่ไหม? สถานที่ที่เกิดขึ้นหลังถ้ำสวรรค์หลีจูปริแตกแล้วร่วงลงมานั่นแหละ อาจารย์ของข้าคือเศรษฐีของที่นั่น ได้ครอบครองภูเขาห้าลูก อีทั้งยังเก็บหินดีงูที่เปี่ยมไปด้วยปราณวิญญาณไว้ไม่น้อย เจ้าของเล่นนี้เกิดจากการรวมตัวกันของเลือดวิเศษของมังกรที่แท้จริงตัวสุดท้ายในโลก พวกเจ้าก็ลองคำนวณมูลค่าของมันดูเอาเองแล้วกัน ดังนั้นตลอดทางนี้จงปรนนิบัติรับใช้อาจารย์ของข้าให้ดี”


ดวงตาของเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูเป็นประกาย หันไปค้อมเอวคารวะเฉินผิงอัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความปิติยินดี “บ่าวยินดีติดตามท่านอาจารย์”


เด็กชายชุดขาวตรงไปตรงมาและคล่องแคล่วมากยิ่งกว่า เขาคุกเข่าลงพื้นดังตุ้บ โขกศีรษะดังปั่กๆ “นายท่านผู้เฒ่า ขาดสาวใช้หน้าตางดงามที่คอยช่วยอุ่นผ้าห่มให้หรือไม่ ข้ารู้จักคนดีๆ หลายคน ต่อให้เป็นพวกผู้ฝึกตนก็ยังไม่ขาดแคลน ขอแค่นายท่านผู้เฒ่าพยักหน้าตอบรับ ข้าก็จะไปชิงตัวมาให้นายท่านผู้เฒ่าเดี๋ยวนี้…อ้อ ไม่ จะใช้เกี้ยวแปดคนหามไปเชิญมาให้นายท่านผู้เฒ่า”


เฉินผิงอันคลึงขมับ ปรายตามองชุยฉาน หรือนี่คือการรวมตัวของคนประเภทเดียวกัน? ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ดึงดูดพวกตัวประหลาดเหล่านี้มาได้ดีนักนะ ย้อนกลับมาดูคนข้างกายตนเอง ไม่ว่าจะเป็นหลี่เป่าผิง หลี่ไหวหรือหลินโส่วอีต่างก็ปกติอย่างมาก


หลังจากถูกซิ่วไฉเฒ่าตัดขาดการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณ แม้ตอนนี้ชุยฉานจะอยู่ในเปลือกหุ้มของร่างเด็กหนุ่ม อีกทั้งยังมีนิสัยของเด็กหนุ่มอยู่มาก แต่ไม่ว่าจะเป็นโลกทัศน์ สายตาหรือความเฉลียวฉลาดล้วนยังคงอยู่ เมื่อเฉินผิงอันปรายตามองมา เขาจึงเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ถึงเจ็ดแปดส่วน ให้รู้สึกจนใจเล็กน้อย เด็กอย่างพวกหลี่เป่าผิงนั่นปกติตรงไหน? ถอยไปพูดหนึ่งหมื่นก้าว เจ้าเฉินผิงอันน่ะหรือที่ปกติ? วิชาเฮงซวยจากตำราหมัดห่วยๆ เล่มหนึ่ง ใต้หล้านี้จะมีสักกี่คนที่คิดอยากจะฝึกมันให้ได้หนึ่งล้านครั้งก่อนแล้วค่อยฝึกอย่างอื่น?


เด็กชายชุดเขียวเงยหน้า “นายท่านผู้เฒ่า เฉาหู่ซานแห่งจวนจือหม่ายังมีบุตรชายคนเล็กอยู่อีกคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้รับผิดชอบจับตามองข้าที่แม่น้ำนอกเมือง ขอบเขตไม่สูง แต่ตบะนับว่าไม่เลว พรสวรรค์ดีมาก อีกทั้งยังมีตระกูลเซียนเป็นที่พึ่ง เกรงว่าตอนนี้คงไปรวมตัวกับบิดาของเขาแล้ว หากปล่อยไปอย่างนี้ วันหน้าคงสร้างปัญหาให้เราไม่น้อย จะให้ข้า…”


เด็กชายขยับปากเป็นรูปเขมือบกลืนในคำเดียว


ชุยฉานกล่าวยิ้มๆ “จัดการกับพวกเจ้าเรียบร้อยแล้ว ข้าก็เพิ่งจะอธิบายหลักการได้เพียงแค่ครึ่งเดียว หลังจากนี้พวกเจ้าจงออกจากเมืองไปเป็นเพื่อนอาจารย์ของข้า ส่วนข้าจะอยู่เก็บกวาดเอง”


เฉินผิงอันพยักหน้ารับ เอ่ยสั่งความ “อย่าฆ่าคนพร่ำเพื่อ”


ชุยฉานหัวเราะร่า “อาจารย์สั่งแล้ว ศิษย์จะไม่กล้าฟังได้หรือ”


ตะกร้าไม้ไผ่สั่นสะเทือนเล็กน้อย เฉินผิงอันหันหน้ากลับไปมอง กระบี่ไม้ไหวเล่มนั้นสั่นสะเทือนเบาๆ อยู่ครู่หนึ่ง เด็กหญิงชุดสีทองตัวกะจ้อยร่อยน่ารักก็เดินมาตามกระบี่ไม้และตะกร้าไม้ไผ่ มาหยุดอยู่บนไหล่ของเขา แล้วจึงกวักมือเรียก เฉินผิงอันเบี่ยงศีรษะไปหาอย่างรู้ใจ ภูตประหลาดที่อาศัยอยู่ในกระบี่ไม้ไหวมาตลอดตนนี้กระซิบกระซาบอยู่ข้างหูเขา พอเฉินผิงอันฟังจบก็หันไปพูดกับชุยฉานว่า “มันบอกกับข้าว่า หากเจ้าไปถึงสำนักศึกษาซานหยาให้เอ่ยกับเหมาเสี่ยวตงสองประโยค ประโยคหนึ่งคือ ‘กฎเกณฑ์ของธรรมชาติและมนุษย์นั้นแตกต่าง การเปลี่ยนแปลงของสันดานเดิมแต่กำเนิดก่อให้เกิดพฤติกรรมในกาลหลัง’ อีกประโยคหนึ่งคือ ‘มารยาทกำหนดลำดับขั้นตอน กฎหมายคืออำนาจสูงสุด’”


ชุยฉานถอนหายใจเบาๆ สีหน้าซับซ้อน


 —–


บทที่ 164.2 ใกล้ชาดเปื้อนแดง

โดย

ProjectZyphon

เห็นได้ชัดว่าประโยคหนึ่งคือคำที่ซิ่วไฉเฒ่ามอบให้เขาก่อนจากกัน ส่วนอีกประโยคหนึ่งน่าจะเป็นประโยคบอกลาครั้งสุดท้ายที่ฉีจิ้งชุนตั้งใจฝากผ่านเฉินผิงอันไปให้แก่เหมาเสี่ยวตง


ชุยฉานรู้สึกทดท้อใจเล็กน้อย ชี้ไปยังคนตัวจิ๋วบนไหล่เฉินผิงอัน “นี่คือคนจิ๋วควันธูปซึ่งเป็นผลเก็บเกี่ยวมหาศาลที่เหลืออยู่ไม่มากในถ้ำสวรรค์หลีจู สร้างร่างทองคำได้เกินครึ่งแล้ว นับว่าหาได้ยากยิ่ง ภูเขาลั่วพั่วของอาจารย์มีศาลเทพภูเขาอยู่แห่งหนึ่ง เทพภูเขาองค์นั้นค่อนข้างจะเชื่อถือได้ ในอนาคตสามารถนำคนจิ๋วควันธูปตัวนี้ไปเลี้ยงไว้ในศาลได้ ใช้กระถางธูปเป็นบ้าน ควันธูปเป็นอาหาร”


เด็กหญิงชุดสีทองที่ยืนอยู่บนไหล่เฉินผิงอันลังเลตัดสินใจไม่ได้ สุดท้ายก็สูดลมหายใจเข้าลึก มองมาทางชุยฉาน “อาจารย์ฉียังทิ้งอีกประโยคหนึ่งเอาไว้ แต่ตอนนั้นอาจารย์บอกว่าไม่แน่เสมอไปว่าเจ้าจะมีโอกาส ตอนนี้ในเมื่อเจ้ายอมรับเฉินผิงอันเป็นอาจารย์ แม้ว่าจะยังเป็นคนเลว แต่ข้ารู้สึกว่าสามารถพูดให้เจ้าฟังได้”


ชุยฉานอึ้งตะลึงอยู่กับที่ ในใจเกิดริ้วคลื่นกระเพื่อมไหว ค่อยๆ กล่าวด้วยสีจริงจัง “ข้าล้างหูรอฟังอยู่”


คนจิ๋วควันธูปที่สวมชุดสีทองกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนเดียงสา “ศิษย์ถามว่า ‘ปูมีหกขา แต่มีก้ามปูสองก้าม’ จะอธิบายอย่างไร? หรือว่าเขียนผิด? อาจารย์ตอบว่า ซิ่วไฉยากจนกระเป๋าแฟบแบนย่อมลำบากใจ”


ชุยฉานหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง หัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา


ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก


ชุยฉานเดินเข้าไปในหอเก็บหนังสือเพียงลำพัง เขาหยุดหัวเราะไม่ได้ เดินไปก็เช็ดน้ำตาไปด้วย แล้วจึงหันหน้ามาเอ่ยยิ้มๆ “อาจารย์ ข้าไม่ไปส่งแล้วนะ”


ชุยฉานเดินเข้าไปในหอหนังสือ ยืนมองแผ่นหลังของเฉินผิงอันจากหน้าต่างชั้นที่สอง ตะโกนพูดเสียงดัง “อาจารย์ หากเจอเรื่องยุ่งยากใหญ่เทียมฟ้า สามารถเปลี่ยนเส้นทางไปตามหาซือหลางเฒ่าของกรมการคลังผู้นั้น แค่บอกกับเขาว่าท่านคืออาจารย์ของข้า หรือหากสามารถทำผิดต่อใจตัวเอง บอกว่าท่านกับซิ่วไฉเฒ่าถือเป็นอาจารย์และศิษย์กันครึ่งตัวได้ก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก!”


เฉินผิงอันหันกลับมาพูด “รู้แล้ว เจ้าเองก็ระวังตัวด้วย”


ชุยฉานโบกมือ พึมพำเบาๆ “ลุกขึ้นลงมือ เจ้าและข้าต่างให้กำลังใจกัน”


จากนั้นชุยฉานก็เดินขึ้นด้านบนเรื่อยๆ จนถึงยอดสูงสุด ทอดสายตามองไปไกลจากมุมสูง


ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ยอมขึ้นมาบนชั้นนี้ ไม่ใช่เพราะที่นี่มีกลไกลี้ลับอะไร แต่เพราะสันดานเดิมของเด็กหนุ่มกำเริบ ทำให้ชุยฉานนึกถึงเรื่องบางอย่างในอดีตที่ไม่น่าอภิรมย์นัก


ลูกศิษย์คนแรกของเหวินเซิ่งก็ดี ราชครูต้าหลีก็ช่าง ทั้งสองคนนี้ต่างก็เริ่มเดินจากช่วงวัยหนุ่ม เริ่มจากช่วงเวลาที่อายุยังน้อย


เมื่อมาถึงชั้นบนสุด ชุยฉานก็ทิ้งตัวนอนหงายหลัง วางแท่นฝนหมึกโบราณชิ้นนั้นไว้ด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ แล้วก็ไม่สนว่าฝุ่นผงสกปรกจะเปรอะเปื้อนไปทั่วชุดขาว


เขาหันหน้ากลับไปมองแท่นฝนหมึก “ในเมื่อเริ่มทำแล้วก็ไม่สู้ฮึดทำให้สำเร็จในรวดเดียว รวบเจียวและมังกรของแคว้นสู่โบราณที่หลงเหลืออยู่มาให้หมด แล้วเอามาเลี้ยงไว้ด้วยกันอยู่ข้างในนี้?”


ชุยฉานมองไปยังเพดานสี่เหลี่ยมสีสันงดงามของชั้นบนที่สลักเป็นรูปมังกรขนด


ไม่ค่อยเหมือนกับหอหนังสือของบ้านตัวเองในความทรงจำสักเท่าไหร่ เส้นแสงหม่นมัว แต่กลับไม่มีทัศนียภาพที่งดงามน่ามองเหมือนที่นี่


ชุยฉานหลับตาลง เขารู้สึกง่วงนอนเล็กน้อย


ยังจำได้ว่าตอนที่เขายังเป็นเด็ก มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ เพียงแต่ว่านิสัยไม่มั่นคง จึงถูกท่านปู่ที่ตั้งความหวังกับเขาไว้มาก “ขัง” ไว้ในห้องขนาดเล็กที่อยู่ชั้นบนสุดของหอหนังสืออย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็ยกบันไดออกไป อาหารสามมื้อที่อยู่ในกล่องอาหารจะถูกส่งมาผ่านทางเชือก กินดื่มอึฉี่ล้วนต้องจัดการอยู่ในพื้นที่ที่ใหญ่เพียงแค่นั้น


แน่นอนว่ายังมีกระโถนอยู่ด้วย ซึ่งจะถูกนำมาเปลี่ยนใหม่ทุกวัน และเพื่อแสดงการต่อต้าน แสดงออกถึงความโกรธเคืองไม่พอใจของตัวเองจึงมักจะฉีกหน้าหนังสือมาทำเป็นกระดาษชำระ หรือไม่ก็พับกระดาษเป็นนกตัวเล็ก แล้วขว้างออกไปจากหน้าต่างเล็กๆ ปล่อยให้มันบินไปตามลม และทุกครั้งเขาก็จะต้องได้ยินเสียงท่านปู่ของเขากระแทกไม้เท้าด่ากราดอยู่ล่างหอเรือน


เวลานั้นเรื่องที่ชุยฉานทำบ่อยที่สุดก็คือเอาหนังสือทุกเล่มในหอหนังสือมากองทับซ้อนกัน แล้วขึ้นไปยืนบนกองหนังสือ ฟุบตัวอยู่ตรงหน้าต่าง ทอดสายตามองออกไปยังแม่น้ำนอกเมือง มองครั้งหนึ่งมักจะใช้เวลาหลายชั่วยาม


ปีนั้นชุยฉานไม่ได้ชื่อว่าชุยฉาน และชื่อว่าชุยฉานฉาน ฉานคำแรกหมายถึงเสียงน้ำ ส่วนฉานคำที่สองหมายถึงยอดเขาสูงตระหง่าน


เวลานั้นท่านปู่ที่ตั้งชื่อให้กับเขาย่อมหวังว่าเมื่อเติบใหญ่ขึ้น คุณธรรมและพฤติรรม ความรู้และตบะของหลานชายคนนี้จะมีครบถ้วนสมบูรณ์ดุจนามที่ไพเราะของตัวเขา ทั้งมีสติปัญญาและความเมตตา ภูเขาและแม่น้ำล้วนเป็นความงดงาม สามารถกลายเป็นเมล็ดพันธ์แห่งบัณฑิต เลื่อนขึ้นไปอยู่ในขอบเขตของนักปราชญ์วิญญูชน ทว่าเด็กชายกลับไม่ยอมรับน้ำใจ กว่าจะได้ลงมาชั้นล่างไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เพียงไม่นานก็ต้องจากบ้านเกิดเดินทางไกล ออกจากแคว้นของตัวเอง ออกจากทวีปแห่งหนึ่ง สุดท้ายไปถึงทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง แค้นก็แต่ตัวเองยังเดินไปได้ไม่ไกลพอ ยิ่งเดินไปไกลจากตาเฒ่าหัวแข็งผู้นั้นได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี อีกทั้งเขายังจงใจตัดตัวอักษรฉานคำหลังทิ้งไป เหลือเพียงฉานคำแรกที่ตัวเองค่อนข้างชอบเท่านั้น และท่ามกลางการเวลาที่ยาวนานในภายหลัง เขาก็บอกกับคนนอกมาตลอดว่าตัวเองชื่อแค่ชุยฉานเท่านั้น


ต่อให้ย้อนกลับมายังแจกันสมบัติทวีป กลายมาเป็นราชครูของต้าหลีแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยกลับไปยังบ้านเกิดแม้แต่ครั้งเดียว


เขาไม่อยากกลับไป


ชุยฉานลืมตาขึ้น ใช้ชายแขนเสื้อเช็ดใบหน้า “มองอะไร ไม่เคยเห็นพวกนายท่านใหญ่เสียใจมาก่อนเหรอ”


บนเพดานมีผู้เฒ่าสวมชุดลัทธิขงจื๊อผู้หนึ่งที่ดวงจิตล่องลอยออกไปนอกร่างเผยกาย ซึ่งก็คือเจียวเฒ่าตนนั้น ผู้เฒ่าจ้องมองไปยังแท่นฝนหมึกโบราณด้วยสีหน้ามืดทะมึน


ชุยฉานไม่ได้ลุกขึ้นยืน เพียงโบกชายแขนเสื้อพัดแท่นฝนหมึกไปให้กับผู้เฒ่า “ตบะสามร้อยปีของเจ้าถูกหักไปแล้ว เรื่องคราวก่อนก็ถือว่าหายกัน หลังจากนี้เจ้าไม่ต้องรีบร้อนเดินทางไปอำเภอหลงเฉวียนอีกแล้ว แต่จงช่วยข้าจับตัวพวกเจียวและมังกรที่เหลืออยู่มา ไม่ว่าจะเป็นลูกเด็กเล็กแดงหรือแก่ชราก็เอาจับมาขังไว้ในแท่นฝนหมึกนี้ให้หมด อาจารย์ของข้าเก็บหินดีงูชั้นเลิศไว้ในบ้านเกิดมากมาย ไม่ได้เอาออกมาด้วย แล้วก็โชคดีที่เขาไม่ได้เอาออกมา หาไม่แล้วด้วยนิสัยของเขา สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจะทำตัวเป็นเด็กล้างเด็กผลาญ ใช้เงินมือเติบจนสิ้นเนื้อประดาตัวหรือไม่ ตอนนี้กลับดีเลย อนาคตสามารถมีกินมีใช้ไม่เดือดร้อน”


ชุยฉานลุกขึ้นยืน สะบัดไหล่อย่างไม่อนาทรร้อนใจ


เจียวเฒ่าเก็บแท่นฝนหมึกไป เมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศรอบด้าน ความแค้นเคืองในใจของเขาก็สลายหายวับไปในบัดดล แปรเปลี่ยนมาเป็นความจนใจและนับถือ “ราชครูไม่เสียแรงที่เป็นราชครู”


ชุยฉานถอนหายใจ “จากไม่มีถึงสาม จากสามถึงห้า ไม่มีค่าให้ต้องตอกตกใจ ในแจกันสมบัติทวีปเล็กๆ แห่งนี้นับว่าหายาก แต่หากเปลี่ยนมาเป็นทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เจ้าไม่ต้องอยู่ที่นั่นไม่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งพันปี เวลาสั้นๆ แค่หนึ่งร้อยปี เจ้าก็จะค้นพบว่าอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ลุกผงาดกันอย่างว่องไว แต่ก็ตกต่ำรวดเร็วปานกัน ถึงขั้นที่ทำให้เจ้าลายตาได้เลย ถึงท้ายที่สุดเจ้าก็จะค้นพบว่ามีเพียงพวกคนที่แก่แต่ไม่ตาย อีกทั้งยังแก่โดยที่ร่างไม่เสื่อมโทรมเท่านั้นถึงจะร้ายกาจอย่างแท้จริง


ผู้เฒ่าสวมชุดลัทธิขงจื๊อ บิดาของบรรพบุรุษผู้บุกเบิกขุนเขาของทำเนียบตะวันม่วงและเทพวารีแม่น้ำหันสือ อดีตซือหลางเฒ่าของแคว้นหวงถิงที่ลาออกจากตำแหน่งขุนนางแล้วไปซ่อนตัวอย่างสันโดษส่ายหน้ากล่าวยิ้มๆ “ที่นั่นไม่ใช่สถานที่ที่คนอย่างพวกเราจะอยู่อาศัยได้ หากถูกค้นพบเข้าก็มีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนว่าจะถูกราชวงศ์ใหญ่ทั้งหลายจับไปแร่เนื้อถลกหนังเสียมากกว่า”


ชุยฉานยังคงนั่งอยู่บนพื้น กล่าวด้วยสีหน้าทึ่มทื่อ “ทุกเรื่องราวย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ในเมืองหลวงต้าหลีมีคนรู้สึกว่าให้เจ้าเป็นเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาแห่งใหม่บนเขาพีอวิ๋นคงไม่อาจสยบผู้คนได้ แม้ข้าจะคัดค้าน แต่ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยแล้ว จึงได้แต่ให้เจ้ารับตำแหน่งรองเจ้าขุนเขาแทน แถมยังไม่แน่เสมอไปด้วยว่าจะนั่งอยู่ในอันดับที่สองนี้ได้อย่างมั่นคง นี่เป็นการวางแผนผิดพลาดของข้าชุยฉาน ดังนั้นหากเจ้าคิดจะเปลี่ยนใจ ข้าก็ไม่มีความเห็น”


ผู้เฒ่ายิ้มอย่างเปิดเผย “รองเจ้าขุนเขาที่ตำแหน่งอยู่เบื้องหลัง? ข้าว่าดีออก ไม่ต้องเป็นนกที่ออกจากป่า”


ชุยฉานหันกลับมาขมวดคิ้ว “ตอนนี้มัวมาเกรงใจกับข้า วันหน้าเปลี่ยนใจใหม่ ข้าก็ไม่มีทางพูดง่ายแบบนี้อีกหรอกนะ”


ผู้เฒ่าส่ายหน้า “นี่ไม่ใช่คำพูดเพราะความเกรงใจ”


นิสัยประหลาดของชุยฉานกำเริบอีกครั้ง เขาทั้งไม่รู้สึกโล่งอก กลับกันยังพูดเสียดสีอีกฝ่าย “มิน่าเล่าเจ้าถึงมีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้”


ผู้เฒ่าไม่ถือสา เพียงพูดปลงอนิจจัง “ตอนนี้หวังเพียงว่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานอีกหน่อย”


ชุยฉานลุกขึ้นยืน ไม่ต้องทำอะไร ฝุ่นผงทั้งหมดก็หลุดร่วงออกจากชุดสีขาวแล้วล่องลอยไปไกลด้วยตัวเอง “หลังจากนี้รบกวนเจ้าพาข้าไปส่งที่ต้าสุยสักหน่อย แล้วเจ้าค่อยย้อนกลับมาที่นี่ จัดการเรื่องของจวนจือหลันให้เด็ดขาด สามารถถือโอกาสปลุกระดมเทพแม่น้ำที่อยู่นอกเมืองผู้นั้นไปได้พร้อมกัน”


ผู้เฒ่าสีหน้าเหยเก


ชุยฉานเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้เฒ่า กล่าวกลั้วหัวเราะ “ทำไม ไม่ชินกับความรู้สึกที่โดนคนขึ้นมาขี่บนคอหรือ? มีอะไรให้รู้สึกไม่ดีกัน ในยุคบรรพกาล เทพขี่มังกรก็ไมต่างจากคนมีเงินที่ขี่ม้าขี่ลา เป็นเรื่องปกติจะตายไป”


ผู้เฒ่าสวมชุดลัทธิขงจื๊อยิ้มจืดเจื่อน กล่าวเหมือนคนยอมรับชะตากรรม “ถ้าอย่างนั้นข้าไปรอท่านอยู่นอกหอเรือน?”


ชุยฉานพยักหน้าให้ ร่างของผู้เฒ่าจึงพุ่งวูบออกไป


เหนืออากาศของกำแพงเมืองเขตการปกครองแห่งนี้พลันมีลมพัดกระโชกพาชั้นเมฆมารวมตัวกัน แล้วลดตัวลงต่ำจนแทบจะแตะหลังคาของหอหนังสือแห่งนั้น


เทพแม่น้ำที่อยู่นอกเมืองผู้นั้นกลายร่างเป็นคนยืนอยู่ริมตลิ่ง เงยหน้ามองไปด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง


องค์เทพทั้งสามจากศาลเทพอภิบาลเมืองศาลเจ้าบุ๋นและบู๋ต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน


ชุยฉานแตะปลายเท้าลอยตัวออกไปนอกหน้าต่าง ลอดผ่านทะเลเมฆ พลิ้วกายลงบนศีรษะของเจียวเฒ่าตัวหนึ่งแล้วนั่งลงขัดสมาธิ หางของเจียวเฒ่าส่ายสะบัดหนึ่งครั้งร่างทั้งร่างก็พุ่งทะยานไปตามลม


เด็กหนุ่มชุดขาวที่มีไฝแดงกลางหว่างคิ้วประหนึ่งทวยเทพที่ขี่มังกรสวรรค์ในตำนาน


ชุยฉานยิ้มอย่างเข้าใจดี ครั้นจึงหลับตาลง สองมือทำมุทราฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลูด้วยความเบื่อหน่ายเหลือประมาณ


ใกล้ชาดเปื้อนแดง


……


ตรงประตูเมือง เฉินผิงอันหันหน้ากลับไปมอง เห็นทะเลเมฆบนท้องฟ้ากลิ้งตลบปั่นป่วน


ข้างกายซ้ายขวามีเด็กสองคนลักษณะคล้ายเด็กรับใช้ยืนเคียง


พอเดินออกมานอกเมืองได้ เด็กชายชุดเขียวผู้นั้นก็รู้สึกเหมือนตัวเองคือพยัคฆ์ร้ายที่กลับคืนสู่ภูเขา ดั่งมังกรที่ว่ายลงมหาสมุทร จึงกล่าวอย่างโอหังว่า “นายท่านผู้เฒ่า ไอ้หมอนั่นอำมหิตยิ่งนัก”


เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูปรายตามองศัตรูคู่แค้นปากไร้หูรูดแล้วเม้มปากตัวเองแน่น ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมพูดจา


เฉินผิงอันยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมาวางลงบนศีรษะของเด็กชายชุดเขียวเบาๆ “เขาคือลูกศิษย์ของข้า”


เด็กชายชุดเขียวตกใจรีบเผ่นหนีออกห่าง


เฉินผิงอันเดินหน้าต่อไป


นี่จะถือว่าใกล้หมึกเปื้อนดำหรือเปล่า?


 —–

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)