ลำนำบุปผาพิษ 1640-1643
บทที่ 1640 ความพิโรธของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์
สิ่งที่ต้องใช้ในขั้นตอนการย้ายร่างนั้นยุ่งยากมากจริงๆ ในการดำเนินการแต่ละขั้นก็ต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยามครึ่ง
ก่อนที่หลงซือเย่จะดำเนินการเรื่องนี้ให้เธอ ก็เกลี้ยกล่อมให้เธอพิจารณาดูอีกครั้ง จนปัญญาที่กู้ซีจิ่วตัดสินใจแน่วแน่แล้ว หลงซือเย่จึงทำได้เพียงเริ่มดำเนินการเรื่องนี้
ก่อนจะเริ่มดำเนินการ กู้ซีจิ่วก็เคยหยิบป้ายหยกสำหรับใช้ติดต่อกับตี้ฝูอีอันนั้นออกมา คิดจะกล่าวอำลาเขาสักสองสามประโยค ให้เขาหาคนอื่นมาทำการทดสอบสานุศิษย์สวรรค์ในวันพรุ่งนี้เสีย เนื่องจากเมื่อเธอย้ายร่างสำเร็จ หลังจากมีพลังวิญญาณขั้นแปดก็ไม่อาจเปิดใช้งานเสาทดสอบได้แล้ว
แต่กุมป้ายหยกจับจ้องอยู่เนิ่นนาน ยามที่ตัดสินใจว่าจะเปิดใช้ จู่ๆ ก็คิดว่าสถานการณ์นี้เหมือนฉากในละครโทรทัศน์เรื่องหนึ่งยิ่งนัก ตอนที่นางเอกจะกระโดดจากแท่นประหารเซียน ได้ใช้คันฉ่องบอกลาพระเอก…
จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มขื่นๆ ออกมา!
พระนางในละครเรื่องนั้นรักกันทั้งยามเป็นยามตาย นางเอกกระโดดแท่นประหารเซียนเรียกน้ำตายิ่งนัก ถ้อยคำที่บอกลาก็โศกายิ่ง
แต่ตัวเธอนี่นับว่าเป็นอะไรกัน?
ตี้ฝูอีกับเธอตัดขาดกันอย่างสมบูรณ์แล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนห่างเหินยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก อย่างมากก็เป็นแค่ความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น แล้วเธอจะส่งกระแสเสียงกล่าวอำลาอีกทำไม…
เป็นตงซือขมวดคิ้วเลียนอย่างให้น่าขันงั้นหรือ?!
ช่างเถอะ ยังต้องรอให้การย้ายร่างเสร็จสมบูรณ์ก่อน แล้วค่อยให้ผู้อื่นนำร่างนั้นไปส่งมอบให้ก็จบแล้ว
แม้แต่ฐานะทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดินนี่เธอก็ไม่อยากเป็นแล้ว ไม่อยากเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา จะตัดขาดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับเขาอย่างสมบูรณ์ และออกจากอาณาจักรเฟยซิงไปที่อื่น ล่องลอยในใต้หล้าอย่างอิสระเสรี
เนื่องจากเตรียมใจเรื่องนี้มาแล้ว ดังนั้นนี้กู้ซีจิ่วจึงลงมือสะสางเรื่องราวที่ตามมาในภายหลังไว้ล่วงหน้า หน้าที่การงานทุกอย่างหลังจากนี้เธอล้วนจัดการไว้ดีแล้ว
เธอเก็บป้ายหยกชิ้นนั้นลงในถุงเก็บของที่ตี้ฝูอีเคยมอบให้เธอ ข้าวของทุกอย่างที่เขาเคยมอบให้เธอล้วนใส่ลงไปทั้งหมด ไม่เหลือไว้แม้แต่น้อย
เตรียมการไว้ว่าเมื่อย้ายร่างสำเร็จ จะวางถุงเก็บของใบนี้ไว้ในอ้อมแขนของร่างเดิม จากนั้นส่งกลับไปให้ตี้ฝูอี
กู้ซีจิ่วปฏิบัติตามขั้นตอนที่หลงซือเย่บอกอย่างเป็นระเบียบแบบแผน ทุกขั้นตอนไม่มีความลังเลเลยสักนิด เธอเป็นหญิงสาวประเภทที่พอตัดสินใจจะทำเรื่องบางอย่างแล้ว ก็จะไม่เหลือทางถอยใดๆ ให้ตัวเองเสียใจภายหลัง
เนื่องจากการย้ายร่างต้องการความสงบยิ่งนัก ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องราวภายนอกใดๆ มารบกวนได้ ดังนั้นสถานที่ที่หลงซือเย่เลือกให้เป็นสถานที่ย้ายร่างก็คือห้องทดลองของเขา
ด้านนอกติดตั้งอาคมเขตหวงห้ามไว้มากมาย และด้านในก็มีเส้นทางนับไม่ถ้วนที่ถูกตัดขาด ต่อให้เป็นศิษย์ของหลงซือเย่เข้ามา ก็ไม่อาจเข้ามาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ
เพื่อป้องการอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน หลงซือเย่จึงจัดลูกศิษย์หกคนคอยคุ้มกันอยู่รอบห้องทดลอง แมลงวันสักตัวก็อย่าฝันว่าจะบุกเข้ามาในห้องทดลองแห่งนี้แม้แต่ครึ่งก้าว
สุดท้ายแล้ว กู้ซีจิ่วนอนอยู่บนเตียงหยกเหมันต์แบบพิเศษ ที่อยู่ไม่ห่างจากข้างกายเธอคือโลกน้ำแข็งใบนั้น ร่างโคลนนิ่งของเธอที่อยู่ในโลงก็ละลายน้ำแข็งแล้วเช่นกัน ยามนี้นอนอยู่ด้านใน ใบหน้าดั่งมีชีวิต
เตียงหยกเหมันต์เหน็บหนาวเข้าไปถึงกระดูก ไอเย็นค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่จุดชีพจรที่แผ่นหลังเธอ ราวกับสามารถแช่แข็งเส้นเลือดคนได้ในชั่วพริบตา เธอหลับตาลงเล็กน้อย ถือผลปัญญาลูกนั้นไว้ในมือ รอให้ถึงเวลาที่วิญญาณจะออกจากร่าง
หนาวมาก!
แต่นี่ก็เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่จำเป็น ถ้าต้องการจะคงสภาพร่างกายไว้ไม่ให้เสียหาย ก็ต้องใช้วิธีแช่แข็งอย่างรวดเร็วเช่นนี้
หากว่าเป็นร่างกายของคนทั่วไป ทันทีที่นอนลงบนเตียงหลังนี้ก็จะถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปทันที
แต่กู้ซีจิ่วนั้นถึงอย่างไรก็เป็นเซียนผู้บรรลุพลังวิญญาณขั้นสิบ ร่างกายมีกลไกป้องกันตามสัญชาตญาณอยู่ เมื่อได้รับบาดเจ็บ กลไกป้องกันนี้จะถูกกระตุ้นขึ้นมาอัตโนมัติ ต่อต้านไอเย็นบนเตียงหยกเหมันต์นี้
ยามนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ไอหยินเข้มข้นที่สุดของวัน ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำพิธีย้ายร่าง
————————————————————————————-
บทที่ 1641 ความพิโรธของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 2
หลังจากกู้ซีจิ่วนอนลงไป ก็พยายามควบรวมพลังวิญญาณในร่างไว้ ไม่ให้มันต่อต้านไอเย็น…
ขั้นตอนนี้ค่อนข้างเจ็บปวดยิ่งนัก ปลายนิ้วของเธอสั่นระริกเล็กน้อย ทว่าบนใบหน้ากลับไม่มีสีหน้าทุกข์ทรมานเลย
หากว่าสามารถใช้ความเจ็บปวดในร่างกายนี้แลกกับความสงบสุขและอิสระเสรีในภายหน้าได้ เธอยินดี!
หากว่าเป็นไปได้ เธอปรารถนาจะลบล้างความทรงจำทั้งหมดในอดีตของตนไปให้สิ้น ลืมเลือนความรักใคร่เสน่หาเหล่านั้น ไม่จดจำการทรยศหักหลังเหล่านั้น เป็นตัวเองคนใหม่อย่างสมบูรณ์
แต่เธอเคยถามหลงซือเย่แล้วว่ามีสิ่งของจำพวกวารีเลือนรักหรือไม่ คำตอบของหลงซือเย่คือมีแต่ว่าไม่เหมาะจะใช้กับร่างเธอ บนวิญญาณของเธอมีตราพิเศษอย่างหนึ่งอยู่ ต่อให้เป็นน้ำแกงยายเมิ่งในตำนานก็ยังไม่แน่ว่าจะทำให้ลืมเลือนได้…
เพียงแต่หลงซือเย่ก็ได้บอกไว้ว่า หลังจากย้ายร่างสำเร็จจะไม่ปล่อยให้เธอมีความทรงจำของคนอื่นอยู่อีก เธอก็คือเธอ เป็นกู้ซีจิ่ว และเป็นเพียงกู้ซีจิ่ว
หลงซือเย่ยืนทำพิธีอยู่ไม่ไกล ไอเย็นของเตียงหยกเหมันต์ใต้ร่างกู้ซีจิ่วหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ ทะลวงผ่านพลังวิญญาณที่คุ้มกายเธอ แทรกซึมเข้าสู่เส้นเลือดเธอ ในที่สุดสมองของเธอก็เริ่มวิงเวียนขึ้นมาบ้างแล้ว…
‘ตูม!’ เสียงดังสนั่นปานภูผาถล่มปฐพีทลายดังขึ้น ทำให้ทั้งห้องที่เงียบสงัดโยกไหวปานลูกตุ้ม!
แรงสั่นสะเทือนนี้เสมือนแผ่นดินไหวขั้นรุนแรง ทำให้อุปกรณ์ทุกอย่างในห้องที่เงียบสงัดกระเด็นกระดอนขึ้นมา ร่วงหล่นเกลื่อนพื้น
เตียงหยกเหมันต์ใต้ร่างกู้ซีจิ่วก็สั่นไหวอย่างรุนแรงอยู่สามสี่ครา ทำให้เธอที่เพิ่งเข้าสู่ภวังค์นิทราสะดุ้งตื่น เธอลืมตาขึ้นมา
เกิดอะไรขึ้น? แผ่นดินไหวเหรอ?
เธอมองไปที่หลงซือเย่ สีหน้าของหลงซือเย่ก็ฉงนสนเท่ห์เช่นกัน
เพียงแต่ความฉงนนี้คงอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เนื่องจากเสียงดังสนั่นนี้ ทำให้ประตูใหญ่ของห้องลับที่ปิดผนึกไว้แตกร้าว มีเสียงมนุษย์เอะอะโวยวายแว่วเข้ามาจากด้านนอก ในบรรดานั้นมีเสียงหนึ่งที่ดังกังวานเป็นพิเศษ “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มาเยือน…”
เสียงนี้เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของหลงซือเย่ที่ตะโกนออกมา และพร้อมๆ กับเสียงตะโกนด้วยความตกใจนี้ เงาสีขาวดั่งกระแสไฟฟ้าสายหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามา!
ยันต์อาคมแผ่นหนึ่งที่หลงซือเย่ถือไว้ในมือหลุดมือร่วงลงพื้น เงยหน้าขึ้นมาในทันใด!
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์! ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มาทำอันใดกัน?!
ความคิดนี้ของเขายังไม่ทันจบดี เงาสีขาวสายนั้นปานแฝงเร้นอานุภาพของพายุอันดุเดือดบ้าคลั่งไว้ ถึงขั้นที่ไม่ให้เวลาคนทั้งสองที่อยู่ในห้องได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง เงาฝ่ามือปานขุนเขาสายหนึ่งพุ่งออกมาจากเงาร่างสีขาว ซัดลงบนโลงแก้วผลึกโดยตรง! เกิดเสียงตูมดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง…
ในขณะเดียวกันลำแสงสีขาวสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากเงาร่างสีขาว ตรงเข้ารัดพันกู้ซีจิ่วที่ยังนอนอยู่บนเตียงหยกเหมันต์และไม่ทันได้ลุกขึ้นมา ฉุดรั้งดึงตัวเอาไว้
กู้ซีจิ่วลอยขึ้นมาปานขี่เมฆควบหมอก พุ่งตรงเข้าสู่อ้อมแขนของเงาร่างสีขาวนั้น…
เหตุการณ์ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป หลงซือเย่ไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองเลย!
หลังจากปฏิกิริยาตอบสนองของเขากลับมา ห้องที่เงียบสงบของเขาก็กลายเป็นสถานที่ที่ถูกพายุพัดถล่มไปแล้ว ยุ่งเหยิงเละเทะไปหมด
โลงแก้วผลึกแตกเป็นจุณ และร่างโคลนนิ่งที่อยู่ในโลงแก้วผลึกก็สลายหายไปแล้วเช่นกัน
ส่วนกู้ซีจิ่ว เนื่องจากเธอถูกไอเย็นของเตียงหยกเหมันต์แช่แข็งเส้นเลือดไปส่วนหนึ่งแล้ว ปฏิกิริยาตอบสนองจึงเชื่องช้ากว่าปกติไปมาก
เส้นเลือดติดขัดเชื่องช้า แม้แต่สมองก็เชื่องช้าตามไปด้วย รอจนถึงยามที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอกลับมาอย่างสมบูรณ์ ก็เข้าสู่อ้อมแขนของคนผู้หนึ่งแล้ว แขนข้างหนึ่งของคนผู้นั้นทาบลงบนแผ่นหลังของเธอทันที!
ไออุ่นไหลเข้าสู่แผ่นหลัง โคจรไปตามแขนขาท่อนกระดูก สลายพิษเหมันต์ในร่างอย่างรวดเร็ว ทำให้เส้นเลือดที่แข็งตัวของเธอมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
คนผู้นั้นขาวไปทั้งร่าง เสื้อคลุมเป็นสีขาว หมวกคลุมก็เป็นสีขาว ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่หน้ากากบนใบหน้าก็เป็นสีขาวเช่นกัน ตัวคนปานรูปสลักน้ำแข็ง แต่ยามที่กู้ซีจิ่วร่วงเข้าสู่อ้อมแขนของเขา กลับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อน! เสมือนหล่นเข้าไปในเตาไฟเตาหนึ่ง
บทที่ 1642 ความพิโรธของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 3
เทพศักดิ์สิทธิ์ ยามนี้เขาปรากฏตัวขึ้นด้วยฐานะของเทพศักดิ์สิทธิ์…
มีกลิ่นอายคล้ายสมุนไพรคล้ายบุปผาอวลอยู่ในโพรงจมูก กลิ่นอายนี้สำหรับกู้ซีจิ่วแล้วคล้ายคุ้นเคยและคล้ายแปลกประหลาด
คุ้นเคยเนื่องจากเป็นกลิ่นอายของเขา ที่แปลกประหลาดก็คือมีกลิ่นอายอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาด้วย กลิ่นอายนี้ทำให้ในใจเธอราวกับถูกสาดน้ำมันเดือดๆ ใส่ หัวใจทั้งดวงหดเกร็งขึ้นมา
“ปล่อยข้านะ…” เธอร้อง ดิ้นรนตามสัญชาตญาณ
เนื่องจากความต่างชั้นด้านพลังยุทธ์ ทุกครั้งที่เขาควบคุมเธอไว้ ยามที่เธอดิ้นรนยากยิ่งนักที่จะดิ้นหลุดได้ แต่หนนี้กลับง่ายดายยิ่งนัก แทบจะทันทีที่เธอเปล่งสามคำนั้นออกมา ตัวคนก็ร่วงออกมาจากอ้อมแขนเขาแล้ว
โชคดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอเฉียบไว พลิกตัวอย่างดงามได้ก่อนที่จะล้มหน้าทิ่ม ยืนอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง
หัวใจเธอเต้นโครมคราม ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นอย่างดุเดือดปานอสุนีบาตเช่นนี้ สายตาทั้งคู่มองดูเขา “เจ้า…”
ยังไม่ทันได้เอ่ยท่อนหลังออกมา จู่ๆ ผลปัญญาที่อยู่ในมือก็ลอยออกไป ยังลอยไปไม่ถึงเบื้องหน้าเทพศักดิ์สิทธิ์ ผลปัญญาลูกนั้นก็ระเหิดหายไปเสียแล้ว
หลงซือเย่ตกตะลึง
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
จวบจนยามนี้หลงซือเย่เพิ่งนึกถึงการทำความเคารพขึ้นมาได้ ก้าวขึ้นไปด้านหน้า ประสานมือค้อมกายจรดพื้น “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…”
สายลมกรรโชกปะทะใบหน้า การทำความเคารพนี้ของหลงซือเย่ยังไม่ทันเสร็จสิ้น ตัวคนก็กระเด็นออกไปแล้ว!
เกิดเสียงดัง ‘ปัง!’ ขึ้น เขากระแทกใส่เสาต้นหนึ่งเข้าอย่างจัง!
ห้องวิจัยนี้เดิมทีก็ถูกสั่นสะเทือนจนเจียนจะถล่มอยู่แล้ว การกระแทกนี้ของหลงซือเย่กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ขยี้อูฐให้ตาย ทั้งห้องพังถล่มลงมา
สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง โผเข้าไปหาหลงซือเย่โดยไม่หยุดคิดเลย คิดจะดึงหลงซือเย่ออกมาก่อนที่จะเกิดการถล่ม
แต่ร่างกายเธอเพิ่งจะเคลื่อนไหวก็ถูกคนฉุดรั้งไว้ จากนั้นลอยออกมาจากเศษซากอาคารที่พังถล่มทันที และร่อนลงบนพื้น
อาคารทดลองหลังนี้ของหลงซือเย่ขนาดไม่น้อยเลย มีขนาดครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอล การพังถล่มจึงน่าตกใจยิ่งนัก เสมือนทั้งหุบเขาถามสวรรค์จะสั่นไหวตามไปหมด
ย่อมสร้างความตื่นตระหนกให้เหล่าศิษย์ในสำนักถามสวรรค์เป็นธรรมดา ผู้คนนับไม่ถ้วนพุ่งมายังด้านนี้
แต่หลังจากมองเห็นเงาร่างมนุษย์ขาวโพลนที่ยืนอยู่ตรงนั้นชัดๆ แล้ว ล้วนตะลึงงันอยู่ตรงนั้นกันถ้วนหน้า
…ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์!
ผู้คนมากมายจดจำเขาได้ และมีบางคนร้องอุทานออกมา จากนั้นทุกคนก็คุกเข่าลงกราบคารวะ
ไม่น่าเชื่อว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะมาที่เขาถามสวรรค์!
ผู้คนส่วนใหญ่ของที่นี่เคยเห็นเขาแค่ในภาพวาดเท่านั้น และมีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นเขาปรากฏตัวขึ้นในศึกปราบทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม เพียงแต่ยามนั้นเป็นการมองอยู่ไกลๆ เท่านั้น ยามนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นตัวจริงชัดๆ แล้ว!
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ตรงนั้น รัศมีความยิ่งใหญ่ปานภูผามหานาทีบนร่างแผ่กระจายออกมารอบข้าง แรงกดดันนั้นป่านขุนเขา ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์สองขาอ่อนยวบยาบ
ไม่มีผู้ใดสงสัยในฐานะของเขา เนื่องจากบนโลกนี้ไม่มีผู้ใดสามารถมีรัศมีเยี่ยงนี้เช่นเขาได้
ราวกับว่าแม้แต่ฟ้าดินก็เปลี่ยนสีสันตามไปด้วย
กู้ซีจิ่วย่อมสัมผัสถึงรัศมีอันยิ่งใหญ่อันไร้ที่สิ้นสุดของเขาได้ หัวใจเสมือนถูกบางอย่างบีบแน่น หดตัวเป็นก้อน อำนาจบนร่างของอีกฝ่ายกดทับลงมา กดทับจนสองขาของเธอก็อ่อนยวบไปด้วยเช่นกัน แทบจะยืนไม่อยู่…
นับตั้งแต่เธอรู้จักเขามา เป็นครั้งแรกที่ได้เผชิญหน้ากับอำนาจแห่งเทพของเขา เธอพยายามเหยียดกายอย่างสุดกำลังคิดจะเอ่ยวาจา แต่ถูกอำนาจอันยิ่งใหญ่บนร่างเขากดทับไว้ เปล่งวาจาไม่ออกเลยสักคำ
ถึงอย่างไรหลงซือเย่ก็เป็นผู้ที่มีพลังวิญญาณล้ำเลิศเช่นกัน พลังวิญญาณที่คุ้มกายอยู่เมื่อถึงเวลาก็หาใช่มังสวิรัติไร้พิษสงไม่ ถึงแม้การถล่มของอาคารจะน่าตกใจ ทว่าไม่ถึงขั้นเอาชีวิตเขาได้ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพุ่งขึ้นมาจากซากปรักหักพัง จากนั้นก็ร่อนลงบนพื้น
————————————————————————————-
บทที่ 1643 ความพิโรธของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 4
ใบหน้าเขาซีดขาว มองเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ก้มลงมองคนจากกลางอากาศด้วยความแปลกใจ ชั่วขณะหนึ่งเขาไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดกันแน่ ถึงทำให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์พิโรธโกรธเคืองถึงเพียงนี้
ภายใต้สถานการณ์ที่อำนาจแห่งเทพของเทพศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่าน หลงซือเย่ยืนไม่อยู่เช่นกัน เขาคุกเข่าลง “ท่าน…ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…”
เทพศักดิ์สิทธิ์ก้มลงมองเขา “หลงซือเย่ เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”
หลงซือเย่กล่าว “…ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์โปรดชี้แนะ”
“เปิ่นจุนเคยบอกไว้นานแล้ว ร่างโคลนนิ่งเป็นสิ่งที่กำเนิดขัดต่อสวรรค์ ไม่สมควรปรากฏขึ้นบนโลกนี้ เปิ่นจุนเคยเตือนเจ้าเมื่อแปดปีก่อน ไม่อนุญาตให้ทำร่างโคลนนิ่งอีก เจ้าถือวาจาของเปิ่นจุนเป็นแค่ลมผ่านหูไปแล้วงั้นรึ?”
หลงซือเย่พูดจาอันใดไม่ออก เขาเหงื่อออกโซมกาย!
เมื่อนานมาแล้ว เทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ค่อยพอใจกับการวิจัยร่างโคลนนิ่งของหลงซือเย่ ด้วยเหตุนี้ แปดปีก่อนเคยมีโองการกำชับเขา ไม่ให้เขาทำร่างโคลนนิ่งอีกเป็นอันขาด เพื่อป้องกันไม่ให้ทำลายสามหลักห้าคุณธรรม[1]บนโลกใบนี้ เพียงแต่วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็ลืมเลือนไปชั่วขณะ…
คนความจำดีเลิศอย่างเขาเหตุใดจึงลืมได้เล่า?
หรือเพราะก่อนหน้านี้เขาเคยถูกหลงฟั่นยึดครองสังขาร? หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่มีทางปฏิเสธคำขอร้องของกู้ซีจิ่วได้ ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงลืมเลือนไปบ้างภายใต้คำร้องขอของเธอ?
เขาก้มหน้ายอมรับความผิด “เป็นความผิดของซือเย่เอง ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์โปรดลงทัณฑ์”
คำสั่งของเทพศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นกฎเหล็ก ผู้ใดก็ไม่อาจละเมิดได้ เมื่อทำผิดกฎย่อมต้องได้รับโทษทัณฑ์ที่เหมาะสม นี่คือกฎเกณฑ์ที่หลงซือเย่รู้มาตลอดหลายสิบปี
สายตาเทพศักดิ์สิทธิ์เย็นเยือก กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปสงบจิตใจในแดนเพลิงสักสามวัน!”
แดนเพลิงเป็นความลึกลับอย่างหนึ่ง เปลวเพลิงด้านในร้อนระอุ คนทั่วไปเข้าไปจะถูกหลอมละลาย ต่อให้เป็นคนที่มีพลังวิญญาณอย่างหลงซือเย่ก็ถูกแผดเผาจนผิวหนังชั้นหนึ่งลอกได้ เจ็บปวดแสนสาหัส
กู้ซีจิ่วรู้ถึงความร้ายแรงของแดนเพลิง เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป พลันก้าวไปทางเขาก้าวหนึ่ง “ร่างโคลนนิ่งข้าให้เขาทำให้เอง ข้าขอร้องเขาเอง! หากท่านจะลงโทษ เช่นนั้นก็ปล่อยเขาไป แล้วลงโทษข้า!”
เนื่องจากตี้ฝูอีมาอย่างกะทันหันเกินไป เมื่อมาถึงก็เดือดดาลปานอสุนีบาตถึงเพียงนี้ สมองกู้ซีจิ่วที่ถูกเตียงหยกเหมันต์แช่แข็งเชื่องช้าลงไปมาก เหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันทำให้สมองของเธอเกิดความสับสนงงงวยอย่างมิอาจบรรยาย ยามนี้แม้ปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาแล้ว ภายในใจกลับบอกไม่ถูกว่านี่คือความรู้สึกอะไร
จิตใต้สำนึกแรกของเธอยังคงคิดว่าความจริงเขายังตัดเธอไม่ขาด ทนรับไม่ไหว ไม่ต้องการให้พลังวิญญาณของเธอถดถอย ดังนั้นจึงทำลายร่างโคลนนิ่ง แล้วยกเธอขึ้นจากเตียงหยกเหมันต์ในช่วงเวลาสำคัญ
ที่แท้เป็นเพียงเพราะว่าหลงซือเย่ละเมิดโองการที่เขาเคยสั่งไว้…
ครั้งนี้ที่หลงซือเย่ทำร่างโคลนนิ่งขึ้นมาก็เพราะเธอ เธอย่อมไม่อาจให้หลงซือเย่ต้องรับโทษทัณฑ์ด้วยเหตุนี้ จึงตัดสินใจกล่าวต่อ “หากจำต้องมีคนรับโทษทัณฑ์เข้าสู่แดนเพลิง เช่นนั้นโปรดให้ข้าเป็นตัวแทนเขา เขาทำไปทั้งหมดก็เพื่อข้า เขาเป็นผู้บริสุทธิ์!”
สุ้มเสียงของเธอยังแหบแห้งอยู่บ้าง นั่นเป็นผลจากไอเย็นที่เคยกล้ำกราย กู้ซีจิ่วอดทนกับความผิดปกติทุกรูปแบบ ยืดตัวตรงมองเขาอยู่ตรงนั้น สายตาคู่นั้นดำสนิทดุจน้ำหมึกที่ไม่จางหาย
นัยน์ตาทั้งคู่ภายใต้หน้ากากของเทพศักดิ์สิทธิ์ลึกลับและหมองหม่นยิ่งกว่านาง เสียงของเขาส่งมาจากหลังหน้ากาก เย็นเยือกจนจะกลายเป็นน้ำแข็งได้ ประหนึ่งเกล็ดหิมะที่โหมกระหน่ำกลางค่ำคืน “กู้ซีจิ่ว เจ้าคิดว่าเปิ่นจุนจะไม่ลงโทษเจ้าจริงๆ ใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วแหงนหน้าขึ้นมองเขา ยามนี้เธอรับรู้ได้ถึงระยะห่างราวฟ้ากับดินระหว่างเขาและเธอได้อย่างชัดเจน!
เขายืนสูงส่งอยู่ตรงนั้น เสมือนเทพก็ไม่ปาน
เธอถูกบังคับให้ค้อมกายยืนอยู่ท่ามกลางเศษหินแตกหัก ดั่งละอองฝุ่นเล็กจ้อย
————————————————————————————-
[1] สามหลักห้าคุณธรรม สามหลักประกอบด้วย กษัตริย์เป็นหลักขุนนาง บิดาเป็นหลักของบุตร สามีเป็นหลักของภรรยา ส่วนห้าคุณธรรม ประกอบด้วยเมตตา ซื่อสัตย์ ปัญญา จารีต และสัจจะ7
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น