ลำนำบุปผาพิษ 1636-1639

 บทที่ 1636 เชื่อว่าแม่นางกู้เป็นคนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้อย่างชัดเจน


ป่าเหมยแห่งนี้กว้างขวางเหนือธรรมดา เส้นทางด้านในลึกลับคดเคี้ยว หิมะโปรยปะปนเหมยแดงกรุยทางบนพื้น คนผ่านไปมาย่ำเหยียบดอกเหมยที่ร่วงโรยจนกลายเป็นโคลนเลน ให้ความรู้สึกโหดร้ายบางอย่าง


กู้ซีจิ่วหยิบดอกเหมยขึ้นมาดูแวบหนึ่ง ดอกเหมยสั่นไหวบนฝ่ามือเธอ เส้นใยด้านบนปรากฏเป็นเส้นไหมสีแดงสดดุจโลหิต


เธอตกตะลึงเล็กน้อย ในความคิดเธอ ดอกเหมยไม่ควรมีน้ำสีแดงขนาดนี้…


ขณะที่กำลังจะมองดูอย่างถี่ถ้วน มีสายลมอ่อนๆ พัดโชยมา มู่เฟิงปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในกอดอกเหมยที่อยู่ไม่ไกล


ครานี้เขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นมู่เฟิงแล้ว ยามเขาร่อนลงตรงหน้ากู้ซีจิ่ว เธอตกตะลึงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “นี่เจ้า?”


มู่เฟิงส่งเสียงกระแอมเบาๆ หยิบป้ายหยกจากเอวยื่นให้ชิ้นหนึ่ง “แม่นางกู้ นายท่านข้าให้ข้าน้อยนำสิ่งนี้มามอบให้ บอกว่าท่านจะได้ติดต่อเขาได้สะดวกในภายภาคหน้า”


กู้ซีจิ่วไม่แปลกตากับป้ายหยกชิ้นนี้ มันคืออุปกรณ์ถ่ายทอดเสียงโดยเฉพาะของตี้ฝูอี สานุศิษย์สวรรค์คนอื่นอีกสี่คนต่างมีคนละชิ้น ซึ่งแตกต่างกับป้ายหยกของสี่ทูต ป้ายหยกของสี่ทูตถ่ายทอดภาพและเสียงได้ ส่วนป้ายหยกของสานุศิษย์สวรรค์ทั้งสี่ทำได้เพียงถ่ายทอดเสียง…


ป้ายหยกที่มู่เฟิงยื่นให้เธอเหมือนกับของเหล่าสานุศิษย์สวรรค์


กู้ซีจิ่วไม่คิดจะรับมันไว้ “รายงานนายท่านเจ้าด้วย ข้าไม่มีความจำเป็นต้องติดต่อกับเขา จึงไม่ต้องใช้ป้ายหยกชิ้นนี้”


มู่เฟิงเหมือนรู้ว่ากู้ซีจิ่วจะกล่าวเช่นนี้ มือที่ยื่นออกมาจึงไม่หดกลับไปแม้แต่น้อย “แม่นางกู้ นายท่านบอกว่า…บอกว่าให้ท่านเห็นแก่ส่วนรวม ถึงแม้ท่านไม่ใช่สานุศิษย์สวรรค์ ทว่าตำแหน่งฐานะก็ไม่แตกต่างไปจากกัน สิ่งที่สานุศิษย์สวรรค์คนอื่นมี ท่านก็สมควรมี นอกเสียจาก…”


“นอกเสียจากอะไร?”


มู่เฟิงทอดถอนใจ “นายท่านกล่าวไว้ เชื่อว่าแม่นางกู้เป็นคนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้อย่างชัดเจน ไม่มีทางทำให้ข้าน้อยลำบากใจ”


กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ นอกเสียจากว่ากู้ซีจิ่วจะยังไม่ลืมความสัมพันธ์ของเขาและเธอ ทำให้เสียงานเพราะเรื่องส่วนตัว


ถึงแม้เขาไม่ได้พูดออกมาชัดเจน ทว่ากู้ซีจิ่วก็เป็นคนฉลาดหลักแหลม ย่อมเข้าใจได้ดี นิ้วมือภายใต้แขนเสื้อกระชับแน่น


คนผู้นี้จะมีอำนาจเหนือเธอไปถึงไหนกัน?!


เพราะอะไร?! เพราะอะไรเขาถึงอยากทำสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้นได้?!


มู่เฟิงเกาศีรษะเล็กน้อย เกรงว่านางจะไม่ยอมรับ “แม่นางกู้ นายท่านบอกว่าหากท่านไม่ยอมรับจะ…จะถลกหนังข้าน้อย…”


กู้ซีจิ่วยิ้มอย่างเยือกเย็น “วางใจเถิด ต่อให้เขาถลกหนังข้าก็ไม่มีทางถลกหนังเจ้า ข้าไม่ขอรับป้ายหยกนี้ เอากลับไปเสีย” แล้วหันกายเดินจากไป


มู่เฟิงรีบเดินตามไปข้างกายนางทุกย่างก้าว “แม่นางกู้ ข้าน้อยขอร้องท่านรับไว้เถิด นายท่านอาจจะไม่ถลกหนังข้าน้อยก็จริง แต่เขาจะลงโทษให้ข้าน้อยเข้าสู่แดนเพลิง…”


ตี้ฝูอีผู้นี้ช่างมีความสามารถเสียจริง!


กู้ซีจิ่วชะงักฝีเท้าเล็กน้อย มู่เฟิงถือโอกาสนี้คุกเข่าต่อหน้า ยกป้ายหยกขึ้นสูงยื่นให้นาง “แม่นางกู้ ท่านถือเสียว่าสงสารมู่เฟิงเถอะขอรับ…”


ผู้คุ้มกันมู่เฟิงที่สูงศักดิ์มาตลอดกลับคุกเข่าลงบนพื้นหิมะ ไม่เพียงแต่กู้ซีจิ่วเท่านั้นที่ตะลึง แม้แต่ผู้ชมรอบด้านก็ตกตะลึงเช่นกัน


ในขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังตกตะลึง มู่เฟิงยัดป้ายหยกเข้าในมือนาง ก่อนทำความเคารพอย่างสุดซึ้งอีกหนึ่งครา “ขอบคุณแม่นางกู้ที่เมตตา” จากนั้นหันกายจากไปรวดเร็วเหมือนโบยบิน


กู้ซีจิ่วกำป้ายหยกไว้ ครุ่นคิดอยู่ว่าจะขว้างมันลงพื้นให้แตกเป็นเสี่ยงดีหรือไม่ ทันใดนั้นยันต์ถ่ายทอดเสียงที่เอวก็เปล่งแสง


เธอจึงเก็บป้ายหยกนั้นเข้าแขนเสื้อ รับสายยันต์ถ่ายทอดเสียง เสียงของหลงซือเย่ส่งผ่านมา “ซีจิ่ว ผลปัญญาสุกก่อนกำหนด ฉันเก็บกลับมาแล้ว เธอจะมาสำนักถามสวรรค์เมื่อไร? ผลปัญญาในครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ ต้องใช้งานภายในสามวัน เธอ…”


————————————————————————————-


บทที่ 1637 ตัวเธอในวันพรุ่งนี้จะเป็นคนใหม่โดยสมบูรณ์แล้ว!


ผลปัญญาเป็นผลไม้ที่จำต้องใช้ในการสลับร่าง จากที่หลงซือเย่คาดการณ์ในตอนนั้นคือมันจะสุกในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า นึกไม่ถึงว่าจะสุกก่อนถึงครึ่งเดือน…


บางทีสวรรค์คงอยากให้เธอรีบสลับร่างและเอาร่างนี้ไปคืนให้เขา เธอกับเขาจะได้ตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิง


กู้ซีจิ่วถอนใจเบาๆ “คุณรอก่อน ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”


หลงซือเย่นึกไม่ถึงว่าเธอจะรีบร้อนขนาดนี้ เขากล่าวหลังจากชะงักเล็กน้อย “เธอลองคิดทบทวนอีกครั้งแล้วค่อยมาหลังเทศกาลโคมไฟก็ได้”


“ไม่ต้องคิดแล้ว” กู้ซีจิ่วตัดบทเขา “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”


ความตายไม่ว่าช้าหรือเร็วอย่างไรก็คือความตาย กู้ซีจิ่วอยากหลุดพ้นเร็วขึ้นหน่อย


เธอแหงนหน้ามองท้องฟ้า แสงตะวันยามเย็นลับขอบฟ้ากึ่งหนึ่ง เมฆหลากสีปกคลุมทั่ว


เธอตัดสายยันต์ถ่ายทอดเสียง กล่าวลาหลงโม่เหยียน และไม่ได้กลับจวนแม่ทัพ แต่เรียกเพรียกวายุออกมาทันที รีบตรงไปที่เขาถามสวรรค์


หลงซือเย่เคยบอกว่ายามจื่อเป็นเวลาปลอดภัยที่สุดในการสลับร่าง หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ตัวเธอในวันพรุ่งนี้จะเป็นคนใหม่โดยสมบูรณ์แล้ว!



ครั้งนี้เธอไม่ได้ใช้วิชาย่นปฐพี ประการแรกคือยังมีเวลาเหลือ ประการที่สองคืออยากปรับตัวให้เข้ากับชีวิตที่มีพลังวิญญาณขั้นแปด


การย่นปฐพีต้องมีพลังวิญญาณขั้นสิบถึงจะใช้งานได้ เมื่อใดที่เธอสลับร่างแล้วก็ใช้งานอีกไม่ได้


เพรียกวายุเคลื่อนตัวตามลมกลางอากาศ กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ภายในห้องโดยสารยกม่านขึ้นชมทิวทัศน์ด้านนอก


เธอไม่ได้ติดตั้งเขตแดนกำบัง สายลมคมดั่งมีด เมื่อพัดเข้าหน้าจึงเจ็บแปลบ


เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยยังไม่รู้ความคิดเธอ ลู่อู๋น้อยที่แปลงกายเป็นเด็กนอนสัปหงกพิงกำแพงห้องโดยสาร เจ้าหอยยักษ์ก็ย่อขนาดตัวลงเหลือเท่าจานใบหนึ่ง อ้าเปลือกพูดคุยกับกู้ซีจิ่วอยู่ที่ปลายเท้า


“เจ้านาย พักนี้ท่านไปสำนักถามสวรรค์บ่อยนัก ยามนี้ท่านชอบหลงซือเย่แล้วใช่ไหม?” เจ้าหอยยักษ์ขี้ซุบซิบนินทาเหลือเกิน


กู้ซีจิ่วเคาะเปลือกมันเบาๆ “อย่าพูดจาเหลวไหล ข้ากับเขาเป็นเพื่อนกัน” และเป็นได้แค่เพื่อน


โชคชะตาบางอย่างหากพลาดไปแล้วคือพลาดไปเลย ไม่มีทางหวนกลับคืนมาได้อีก ความรักหากไม่เป็นเช่นนั้นก็เป็นเช่นนี้


เธอรู้ความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อหลงซือเย่ดี เธอมองเขาเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตาย ยอมสละชีวิตแทนเขาได้ แต่ไม่มีทางรักเขาได้อีก


หลงซือเย่สมควรได้รับมากกว่านั้น เขาสมควรได้ผู้หญิงดีที่ทุ่มเทรักเขาด้วยใจจริง ไม่ใช่คนที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชนอย่างเธอ


ในอนาคตเธออาจจะแต่งงานกับใครสักคน ไม่แต่งงานเพราะความรัก ก็แต่งด้วยความว่างจนเบื่อหน่าย แต่สองแบบนี้ไม่เหมาะสมกับหลงซือเย่…


“เจ้าหอยยักษ์ ต่อไปหากพลังวิญญาณของข้าลดลง เจ้ายังจะเห็นข้าเป็นเจ้านายอยู่หรือไม่?” กู้ซีจิ่วถาม


เจ้าหอยยักษ์ประหลาดใจ “เจ้านาย พลังวิญญาณมีแต่ฝึกฝนแล้วเพิ่มขึ้นไม่มีลดลง มีเพียงสิ้นเปลืองพลังวิญญาณจนหมด ทว่าขอแค่ฝึกฝนอย่างดี พลังวิญญาณก็จะกลับคืนมาดังเดิมอย่างรวดเร็วได้”


“ข้าหมายถึงถ้าหาก”


เจ้าหอยยักษ์ยืดเปลือก “เจ้านาย ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านก็เป็นเจ้านายของหอยยักษ์! ต่อให้พลังวิญญาณหมดสิ้นก็ยังเป็นเจ้านายของข้า!”


กู้ซีจิ่วปลาบปลื้มใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าเจ้าหอยยักษ์ตัวนี้ถึงแม้จะตะกละตะกลาม แต่ไม่มีทางทรยศเธอ


เธอมองลู่อู๋น้อย มันกำลังสะลึมสะลือ ทว่าก็ได้ยินถ้อยคำที่กู้ซีจิ่วเอื้อนเอ่ย จึงลืมตาขึ้น เอ่ยวาจาอย่างผู้ใหญ่ “ท่านจะเป็นเจ้านายของข้าตลอดไป ไม่ทอดทิ้งและไม่ยอมละทิ้ง!”


กู้ซีจิ่วเคยเล่าละครยุคปัจจุบันให้เจ้าตัวนี้ฟัง มันชอบฟังเรื่องเกี่ยวกับกองกำลังพิเศษเหล่านั้นมาก ถึงขั้นจำบทละครในนั้นได้


กู้ซีจิ่วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นตบลู่อู๋น้อยเบาๆ ลู่อู๋น้อยกลับสู่ร่างเดิมเสียงดัง มันส่ายหางทั้งเก้า ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “เจ้านาย อย่าแตะตัวข้าอีกเลย”


กำไลที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคล้องไว้ให้มันยังมีผลลัพธ์ที่วิปริตยิ่งนัก


บทที่ 1638 นั่งสมาธิต่อไปไม่ได้


กำไลที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคล้องไว้ให้มันยังมีผลลัพธ์ที่วิปริตยิ่งนัก แค่ร่างกายของมันและเจ้านายสัมผัสกัน มันก็จะกลับสู่ร่างเดิมทันที ประสิทธิภาพดียิ่ง


กู้ซีจิ่วกลั้นหัวเราะไม่ไหว เมื่อเห็นลู่อู๋น้อยแปลงกายกลับเป็นเด็กงีบหลับต่อ เธอจึงไม่รบกวนมันอีก


เธอหลุบตาลงมองหยกนภาบนข้อมือ สิ่งเดียวที่เธอเสียใจในการสลับร่างก็คือเสี่ยวชาง หากสลับร่างสำเร็จ มันจะไม่มีทางสื่อสารกับเธอได้อีก


เหตุการณ์สลับร่างครั้งที่แล้วคงทำให้หยกนภาเศร้าใจอย่างยิ่ง มันรู้สึกว่าหยกนภาผู้สง่างามเช่นมันไม่อาจถูกจำกัดด้วยสิ่งนี้ ช่วงนี้ไม่รู้ว่ามันได้เคล็ดจิตมาจากที่ใด เมื่อใดที่มันฝึกฝนเคล็ดจิตนี้ได้ ต่อไปไม่ว่ากู้ซีจิ่วจะสลับร่างอีกกี่ครั้ง มันก็จะสื่อสารกับเธอได้อย่างไร้อุปสรรค เคล็ดจิตนี้ฝึกฝนยากมาก เดือนที่แล้วมันเคยบอกกับกู้ซีจิ่วว่าจะกักตนครึ่งปีเพื่อฝึกฝนเคล็ดจิตนี้


หยกนภาในตอนนี้กำลังหลับสนิท ฟ้าผ่าอย่างไรก็ไม่มีทางตื่น


บางทีเมื่อมันตื่นขึ้นมา อาจจะเรียนรู้เคล็ดจิตนั้นได้แล้ว และสื่อสารกับร่างใหม่ของเธอได้อย่างไร้อุปสรรค


เธอมองออกไปด้านนอกอีกครั้ง รัตติกาลเยือนย่ำ เกล็ดหิมะปลิวไสวในค่ำคืนมืดมิด ไร้ซึ่งดาราและจันทรา


บางทีพรุ่งนี้ท้องฟ้าคงแจ่มใส?


อย่างไรเสียพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่สิบห้าเดือนอ้ายแล้ว ขอให้ได้เห็นดวงจันทร์กลมโตเท่าจานกลมดวงนั้นด้วย


เดินทางมาหนึ่งชั่วยามแล้ว กู้ซีจิ่วมองไปด้านหน้า เขาถามสวรรค์อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เธอเห็นหลงซือเย่กำลังมองมาเช่นกัน…



จวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย


คืนนี้ตี้ฝูอีค่อนข้างว้าวุ่นใจ นั่งสมาธิต่อไปไม่ได้


ดูเหมือนจะมีเรื่องราวเลวร้ายเกิดขึ้น ทว่าเขานับนิ้วคำนวณดูแล้วสองครา ล้วนคำนวณสิ่งใดออกมาไม่ได้


เขาเดินวนรอบแท่นชมดาวรอบหนึ่ง มองดูผังดาวครู่หนึ่ง ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ


ท้องฟ้ามืดมิด ทว่าเขากลับยังไม่ง่วงเลย


เขาไม่อยากเข้านอน อนาคตยังมีเวลาให้พักผ่อนอีก เขาคลุมเสื้อออกมา พายุหิมะโหมกระหน่ำอยู่ด้านนอก ลมพายุคละเกล็ดหิมะกระทบใบหน้า


เขาเดินทอดอารมณ์อยู่ในจวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายรอบหนึ่ง รู้สึกว่ายากนักที่จะสงบจิตใจลงได้ จึงเดินกลับไปในห้องนอน


หยิบป้ายหยกชิ้นหนึ่งขึ้นมา ร่ายอาคมบนนั้นติดต่อกัน ไม่นานป้ายหยกก็ปรากฏภาพคลื่นแสงดุจระลอกวารี เป็นภาพภายในรถม้าหยกขาวคันนั้น


ภายในรถม้าหยกขาวเงียบสงัด ไม่มีผู้ใดสักคน


ตี้ฝูอีขมวดคิ้วเล็กน้อย หันหน้ามองดูนาฬิกาทรายที่มุมห้อง ยามห้ายผ่านไปกึ่งหนึ่งแล้ว ปกติยามนี้นางจะกลับไปพักผ่อนที่รถม้าหยกขาวแล้ว วันนี้เกิดอะไรขึ้น?


หรือว่านางกำลังศึกษาม้วนตำราการทดสอบสานุศิษย์สวรรค์อยู่ในห้องหนังสือ ลืมเวลาไปแล้ว?


ไม่ถูกต้อง ช่วงหลายเดือนมานี้ต่อให้กู้ซีจิ่วอ่านหนังสือก็จะชอบมาขลุกตัวอยู่ในรถม้าหยกขาว เพราะที่แห่งนี้เงียบสงบยิ่ง ไม่มีทางมีผู้ใดมารบกวน


ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว นางไปที่ใดกัน?


ตี้ฝูอีค่อนข้างสิ้นเปลืองพลังวิญญาณในการทำเช่นนี้ หลายวันมานี้เขาจึงไม่ได้ตรวจดูการนอนหลับของนางทุกวัน โดยปกติเขาจะตรวจดูทุกสองหรือสามวัน หากเห็นนางนอนหลับไม่สนิท ก็จะใช้วิชาวิญญาณกระจกเงาทะลวงเข้าไปใช้คาถาทำให้นางหลับสนิท


การส่งวิญญาณเข้าไปยิ่งสิ้นเปลืองพลังวิญญาณ เขาจึงไม่ใช้มันง่ายๆ


เขาตรวจสอบอยู่นานก็ไม่ได้เบาะแสอื่น ครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงหยิบป้ายหยกอีกชิ้นขึ้นมา ป้ายหยกชิ้นนี้เชื่อมกับป้ายหยกชิ้นที่เพิ่งให้กู้ซีจิ่วไป สามารถพูดคุยกันได้


เขาตัดสินใจ กดเปิดป้ายหยกชิ้นนั้น ป้ายหยกส่องสว่าง ทว่ากลับไม่มีผู้ใดรับ


ตี้ฝูอีติดต่อไปอีกหลายครั้งติดต่อกัน ฝั่งนั้นอยู่ในสถานะที่ไม่มีผู้ใดรับสายตลอด


เขามุ่นคิ้ว รีบเรียกมู่เฟิงมาทันที


มู่เฟิงเพิ่งพักผ่อน เมื่อถูกเรียกมาก็ไม่กล้าโอดครวญสักนิด เพียงคารวะ “นายท่านมีเรื่องใดสั่งการหรือขอรับ?”


————————————————————————————-


บทที่ 1639 มือเท้าของตี้ฝูอีเย็นเฉียบในทันใด!


“มอบป้ายหยกนั้นให้กู้ซีจิ่วหรือยัง?”


มู่เฟิงไม่นึกเลยว่านายท่านเร่งร้อนขุดเขาออกมาจากที่นอนก็เพื่อถามเรื่องนี้ เขาพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบ “มอบให้แล้วขอรับ”


“เช่นนั้นนางเก็บไว้อย่างดีไหม?”


“นี่…” มู่เฟิงชะงักไปแวบหนึ่ง พอเขาส่งมอบป้ายหยกออกไปก็เผ่นแน่บแล้ว ไม่ได้เห็นเลยว่าสุดท้ายแล้วกู้ซีจิ่วเก็บไว้หรือไม่เก็บไว้ให้ดี…


แต่ถึงอย่างไรก็น่าเก็บไว้อย่างดีกระมัง?


ป้ายหยกของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคือสิ่งล้ำค่าหาใดเทียม ผู้ที่ได้รับป้ายหยกนี้ปรารถนาจะเทิดทูนมันขึ้นเป็นบรรพบุรุษแทบใจจะขาด


เพียงแต่เมื่อเป็นกู้ซีจิ่วก็ว่าได้ยากนัก! ถึงอย่างไรยามนั้นนางก็ยืนกรานว่าไม่เอา…


จู่ๆ มู่เฟิงก็ค่อนข้างไม่แน่ใจขึ้นมาแล้ว


แม่นางกู้คงไม่ได้โยนปากหยกนั้นทิ้งไปแล้วกระมัง?!


ตี้ฝูอีมองท่าทีของมู่เฟิงก็ทราบแล้วว่าคิดอะไรอยู่ สูดหายใจเบาเฮือกหนึ่ง และถามอีกครั้ง “ตอนที่เจ้ามอบให้ผู้ใดอยู่ข้างกายนาง?”


“หลงโม่เหยียนขอรับ…”


ด้วยนิสัยของกู้ซีจิ่ว เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นนางน่าจะไม่ตะบึงตะบอนโยนป้ายหยกนั้นทิ้งไป เพียงแต่หลังจากแยกทางกันแล้วนางจะโยนป้ายหยกทิ้งหรือไม่ก็ว่าได้ยากนัก


ตี้ฝูอีเอ่ยสั่งการ “เจ้าไปดูหลงโม่เหยียนที่จวน หลอกถามสถานการณ์จากเขาดู”


มู่เฟิงตอบรับคราหนึ่งแล้วรีบรุดไป


ตี้ฝูอีเงียบไปอีกครู่หนึ่ง ร่ายเวทวิชาออกมาทันที ตรงไปที่จวนของทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดิน อยากดูว่าที่แท้นางกำลังทำอะไรอยู่กันแน่


เขาวนเวียนในจวนทูตสวรรค์อยู่รอบหนึ่ง ก็ไม่ปรากฏเงาร่างของกู้ซีจิ่ว ได้ทราบจากปากของสาวใช้ว่าคืนนี้นางไม่ได้กลับมาเลย


เช่นนั้นนางไปที่ใดกัน?


ในที่สุดทางด้านมู่เฟิงก็ส่งข่าวมาแล้ว “นายท่าน หลงโม่เหยียนบอกว่ายามนั้นแม่นางกู้เก็บป้ายหยกไว้ดีแล้ว เพียงแต่นางได้รับการติดต่อจากเจ้าสำนักถามสวรรค์ หลังคุยกันได้ไม่กี่ประโยค นางก็ขอตัวลารีบร้อนจากไปเลย ท่าทางคล้ายว่ามีเรื่องเร่งด่วนขอรับ”


ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว หลงซือเย่มีเรื่องด่วนอันใดที่ต้องพบนาง?


“หลงโม่เหยียนได้ยินหรือไม่ว่าหลงซือเย่มีเรื่องด่วนอันใด?”


“หลงโม่เหยียนบอกว่ายามที่ตอบรับยันต์ส่งกระแสเสียง เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัยเขาจึงทิ้งระยะห่างไปหลายก้าว เพียงได้ยินแว่วๆ ทำนองว่าผลปัญญาสุกก่อนกำหนด…”


ผลปัญญา?


สีหน้าของตี้ฝูอีพลันแปรเปลี่ยน! เขาเป็นหมอที่ฝีมือเลิศล้ำ ย่อมทราบถึงสรรพคุณของผลปัญญา ว่าสามารถควบรวมดวงวิญญาณ ปรับระดับความเข้ากันได้ของดวงวิญญาณกับร่างกาย…


หลงซือเย่กับกู้ซีจิ่วเก็บเกี่ยวผลปัญญามาต้องการจะทำอันใดกันแน่?!


คงมิใช่ว่า…


มือเท้าของตี้ฝูอีเย็นเฉียบในทันใด!


เขารีบล้วงป้ายหยกพิเศษออกมาอีกครั้งแล้วติดต่อหาหลงซือเย่ทันที ผลคือทางฝั่งของหลงซือเย่ก็ไม่มีคนรับสายเช่นกัน…


ป้ายหยกนี้สานุศิษย์สวรรค์ทุกคนล้วนมีติดกายทั้งสิ้น แทบจะไม่ห่างกายเลยสักชั่วขณะ เมื่อมีเรื่องด่วนจะได้ติดต่อได้ตลอดเวลา


นอกเสียจากยามที่หลงซือเย่ต้องการความสงบเพื่อทำการวิจัยยิ่งใหญ่อันใด ไม่ต้องการแบ่งสมาธิเลยแม้แต่น้อย เขาถึงจะนำป้ายหยกไปวางไว้ที่ด้านหนึ่ง รอจนวิจัยเสร็จสิ้นค่อยพกป้ายหยกติดตัวอีกครั้ง


ยามนี้ หลงซือเย่กำลังทำวิจัยใหญ่อันใดอยู่?!


ตี้ฝูอีสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า เหลืออีกเค่อเดียวก็จะถึงยามจื่อแล้ว!


สำนักถามสวรรค์อยู่ห่างจากที่นี่ไปสามพันลี้ ตัวเขาในปัจจุบันต่อให้ปีกเพิ่มมาคู่หนึ่ง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตามไปถึงสำนักถามสวรรค์ได้ในระยะเวลาหนึ่งเค่อ!


เขายืนอยู่บนสันหลังคาบ้านหลังหนึ่ง มือเท้าแทบจะแข็งทื่อแล้ว ฝ่าเท้าพลันลื่นไถล หวิดจะร่วงตกลงไปจากหลังคา!


ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้สุนัขตัวใหญ่ที่ครอบครัวนี้เลี้ยงไว้ตกใจ สุนัขใหญ่ตัวนั้นกระโจนออกมาจากรังสุนัขแล้วเห่าใส่เขาทันที


“ใครกัน?!” ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นตื่นตัวยิ่งนัก ฉวยท่อนไม้แล้วพุ่งออกมาจากในบ้าน


ผลคือค้นหาอยู่รอบหนึ่งก็ไม่เห็นว่ามีหัวขโมยอยู่ตรงไหน จึงสบถด่าล้งเล้งแล้วกลับเข้าบ้านไป


และขณะนี้ตี้ฝูอีก็กลับไปที่จวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่ทันแล้ว เขาร่อนลงในเรือนเล็กที่ถูกทิ้งร้างหลังหนึ่ง นั่งลงบนพื้น หยิบป้ายหยกแกะสลักออกมา ทำพิธีอีกครั้ง หลังจากคลื่นแสงดั่งระลอกวารีที่ปรากฏขึ้นภายในรถม้าหยกขาวแผ่ออกมา เขาก็ทำพิธีถอดวิญญาณแล้วเข้าสู่ป้ายหยกไป…

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)