คัมภีร์วิถีเซียน 1635-1636
ตอนที่ 1635 เปลี่ยนแปลงนับแสน
จากนั้นฝ่ามือข้างหนึ่งของหานลี่พลันเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก แล้วตะปบออกไปกลางอากาศ
มือยักษ์สีเทาขนาดสองสามจั้งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นทันที นิ้วทั้งห้าแยกออกแล้วคีบหมอกสีเทาพุ่งไปหาเท้ายักษ์สีดำกลางอากาศ
แม้ว่าร่างของทั้งสองจะพิเศษมาก แต่หลังจากเสียง “ตึง” เขย่าภูเขาดังขึ้น มือสีเทาก็สั่นเทา คาดไม่ถึงว่าจะฝืนรับเท้ายักษ์เอาไว้ได้
เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน ลำแสงสีดำหมอกสีเทาพลันเปล่งแสงสว่างวาบตัดสลับกันไปมา เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระลอกคลื่นแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งพลันวนล้อมรอบทั้งสอง ราวกับว่ามังกรวายุตัวหนึ่งพวยพุ่งขึ้นมา
และแทบจะในเวลาเดียวกัน ดอกบัวยักษ์สีเขียวรอบตัวของหานลี่ก็เปล่งเสียงฟ้าผ่าออกมา ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอย่างหนาแน่น ชั่วพริบตาด้านนอกดอกบัวสีเขียวก็มีดอกบัวอัสนีสีทองปรากฏขึ้นดอกหนึ่ง
กลีบดอกบัวสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ประจุไฟฟ้าสีทองที่เปล่งแสงระยิบระยับแผ่ออกไปรอบด้าน ชั่วครู่ก็ปะทะกับประจุไฟฟ้าสีดำที่เข้ามาใกล้
เสียงฟ้าผ่าดังอึกทึก!
ชั่วพริบตาที่ประจุไฟฟ้าสองชนิดโจมตีเข้าด้วยกัน พัวพันเข้าด้วยกันราวกับพบศัตรูคู่อาฆาต เพลิงอัสนีสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นท่ามกลางลำแสงสีทองดำสองสี แล้วระเบิดออกอีกครั้ง
การโจมตีที่ดุดันทั้งสองชนิดของใบหน้าประหลาดถูกหานลี่ต้านทานเอาไว้อย่างคาดไม่ถึง
ใบหน้าของมันอดที่จะเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาไม่ได้ แต่ทันใดนั้นก็แค่นเสียงด้วยความเย็นชา แววตาฉายแววเย็นเยียบ อ้าปากกว้าง
ชั่วขณะนั้นรอบๆ พลันมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น พายุสีดำหมุนวน หลุมยักษ์สีดำสนิทขนาดสองสามหมู่ปรากฏขึ้นด้านหน้ากิเลนสีดำในชั่วพริบตา ด้านในมีลำแสงสีดำหมุนวนอยู่ลางๆ ราวกับว่าต้องการจะกลืนกินทุกสรรพสิ่งบนโลก
“ระวัง นี่คือเคล็ดวิชาเขมือบ!” แม้ว่าสตรีนามว่าเซียนเซียนผู้นั้นจะไม่อาจกระดิกกระเดี้ยตัวได้ แต่เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของกิเลน ชั่วขณะนั้นพลันหน้าถอดสีพลางร้องเตือนด้วยความลนลาน
เมื่อครู่สตรีผู้นี้แปลงกลายเป็นกิเลนสีเขียว แม้ว่าจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ที่เหมือนกันออกมา แต่อานุภาพกลับแตกต่างกับกิเลนสีดำเป็นอย่างมาก
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้พลันตกตะลึง เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวเผ่าผลึก ชั่วขณะนั้นพลันพลิกฝ่ามือฝ่ามือที่ตะปบออกไปกลางอากาศอย่างไม่ต้องขบคิด
ภูเขาน้อยสีดำขนาดสองสามชุ่นปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ และโยนออกไป
ภูเขาลูกนี้พลิ้วไหวขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด แค่ชั่วลมหายใจก็มีขนาดพันจั้งเศษ ไม่ด้อยไปกว่ากิเลนสีดำตรงข้ามเลยสักนิด จากนั้นก็หมุนตัวกลางอากาศ แล้วกดลงมาราวกับภูเขาไท่ซาน
ท้องฟ้ากว่าครึ่งดำทะมึน ถูกยอดเขายักษ์สีดำห่อหุ้มเอาไว้
อาศัยอานุภาพของภูเขาลูกนี้ กดทับร่างของกิเลนสีดำที่ติดกับหลุมสีดำด้านล่างจนแหลกออกเป็นชิ้นๆ
แต่ฉากที่ทำให้หานลี่หน้าเปลี่ยนสีพลันปรากฏขึ้น
กลางหลุมสีดำสนิทพลันมีหมอกลำแสงสีดำพ่นออกมา โจมตีไปยังภูเขาเทวะดูดปราณอย่างพอดิบพอดี กลายเป็นอักขระสีดำขนาดสองสามจั้ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในภูเขา
ยอดเขาสีดำสั่นไหวหมุนติ้วๆ คาดไม่ถึงว่าจะฟื้นฟูกลับมามีขนาดเดิมท่ามกลางลำแสงที่เปล่งแสงสว่างวาบ และถูกลำแสงสีดำม้วนเข้าไป แล้วเปล่งเสียง “สวบ” พลางสลายหายไป
ครู่ต่อมาสมบัติชิ้นนี้ก็มาปรากฏตรงขอบของหลุมยักษ์ แค่กะพริบวาบก็ถูกสูบเข้าไปข้างใน
หานลี่รู้สึกเพียงว่าจิตสัมผัสสั่นไหว ภูเขาเทวะดูดปราณและจิตสัมผัสของตนเริ่มอ่อนแรงราวกับไม่มีอยู่ ราวกับจะถูกตัดขาดออกจากกันอย่างไรอย่างนั้น ในใจจึงอดที่จะตกตะลึงไม่ได้
ต้องเข้าใจว่าภูเขาลูกนี้ถูกเขาหลอมจนใช้ได้ดังปรารถนาแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังถูกคนแย่งเอาไป ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ
หานลี่พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม ปากพลันบริกรรมคาถา ฝ่ามือสีดำสนิทพลันมีลำแสงสีเงินสว่างวาบ ภูเขาน้อยสายหนึ่งปรากฏขึ้น
ลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง เงาลวงตากลายเป็นของจริง ภูเขาน้อยสีดำปรากฏขึ้นในมืออย่างแปลกประหลาด ราวกับไม่เคยถูกบวงสรวงอย่างไรอย่างนั้น
เสียงร้อง “เอ๋” ดังขึ้น ทำให้ใบหน้าประหลาดอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
แน่นอนว่ามันไม่รู้ว่าภูเขาเทวะดูดปราณถูกคาถาร้อยชีพจรหลอมสมบัติหลอมไปแล้วรอบหนึ่ง นอกเสียจากว่าจะทำลายพร้อมกับมือของหานลี่ มิเช่นนั้นเกรงว่าต่อให้ห่างอีกหมื่นลี้ แน่นอนว่าขอแค่ใช้จิตสัมผัส ก็ยังคงเรียกกลับมาได้
ทว่าในยามที่เขาคิดจะวิธีควบคุมศัตรูนั้น อานุภาพของเคล็ดวิชาเขมือบถึงจะสำแดงออกมาอย่างแท้จริง
หลังจากเสียงหัวเราะประหลาดๆ คึๆ ดังขึ้น ลำแสงรอบด้านก็หม่นแสง
หานลี่รู้สึกเพียงว่ามีวายุคละคลุ้งโชยมา ครู่ต่อมาร่างกายก็อยู่ท่ามกลางความมืดมิด เท้ายักษ์สีดำและสายฟ้าสีดำรอบกายเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วหายวับไป
หานลี่พลันใจหายวาบ พบว่าไม่อาจแผ่จิตสัมผัสออกไปนอกร้านได้ ทันใดนั้นรูม่านตาพลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ กวาดตามองไปอย่างรีบร้อน
อาศัยอิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณถึงได้พอมองเห็นในรัศมีร้อยจั้งอยู่รางๆ
แต่ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าหรือรอบๆ ด้าน ล้วนเป็นสีดำสนิท ดูเหมือนว่าเขาจะถูกดูดเข้าไปในห้วงเวลาที่ไม่คุ้นเคยอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่กลับรู้ดีว่าเมื่อครู่ตนอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเขยื้อน น่าจะถูกสัตว์ประหลาดตัวนั้นกลืนเข้าไปในท้อง
ทว่าเคล็ดวิชาเขมือบนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่ง เมื่อสำแดงออกมา แม้แต่เขาเองก็ไม่อาจหลบหลีกได้
เมื่อขบคิดในใจ ดอกบัวสีเขียวและประจุไฟฟ้าสีทองที่ใต้ฝ่าเท้าของหานลี่กลับเปล่งแสงสว่างวาบแล้วผลิบาน กลายเป็นเกราะป้องกันสีทองเขียวสองสี ด้านในสุดยังมีเกราะลำแสงที่ดูเหมือนผลึกวารีอีกชั้นหนึ่ง ห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
ก่อนหน้านี้เขาเห็นจุดจบของหญิงสาวเผ่าผลึกและบุรุษแซ่กุยกับตาตัวเอง เหตุใดจะไม่ระมัดระวังมากขึ้นล่ะ
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นหานลี่ก็ไม่ได้มีเจตนาจะถูกกักอยู่ที่นี่นานนัก นิ้วทั้งสิบร่ายไปทางด้านข้าง
ชั่วขณะนั้นเสียงแหวกอากาศพลันดังขึ้น!
ไอกระบี่แหลมคมสีเขียวเป็นสายๆ พุ่งออกไปราวกับพิรุณกระหน่ำ
แต่หลังจากเสียง “สวบๆ” ออกมา กระบี่ลำแสงสีเขียวพุ่งออกไปได้ร้อยจั้งเศษ ก็ดูเหมือนจะจมเข้าไปในโคลนหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งพลันร่ายอาคม ประจุไฟฟ้าสีทองรอบด้านรวมตัวกัน ชั่วขณะนั้นเสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น รวมตัวกันกลายเป็นมังกรสายฟ้าสีทองความสิบจั้งเศษ แค่กะพริบวาบก็สะบัดหัวสะบัดหางกระโจนออกมา
เสียง “ตูมๆ” ดังสนั่นขึ้น มังกรวารีสีทองดูเหมือนจะชนเข้ากับเขตอาคมอะไรสักอย่างที่อยู่ห่างออกไปร้อยจั้งเศษเข้าอย่างจัง ชั่วขณะนั้นก็ระเบิดรัศมีลำแสงสีทองราวกับดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งออกมา จากนั้นระลอกคลื่นสีทองก็หมุนวนแล้วแผ่กระจายออก
ทั้งท้องฟ้าล้วนสั่นคลอนอย่างหนักราวกับจะปริแตกออกได้ในชั่วครู่
ทว่าเสียงเพรียกของวิหคพลันดังขึ้น ฉับพลันนั้นด้านหน้ารัศมีลำแสงสีทองก็มีหลุมดำขนาดสิบจั้งเศษปรากฏขึ้น หมอกลำแสงสีดำที่อยู่ด้านในพลันหมุนวน รัศมีลำแสงสีทองรวมทั้งพลานุภาพอันน่าตกตะลึงที่เกิดจากการระเบิดถูกดูดเข้าไปจนเกลี้ยงพลันหายวับไป
จากนั้นหลุมดำก็บิดเบี้ยว บุรุษสวมชุดคลุมยาวเปิดไหล่สีดำ ใบหน้าสวมหน้ากากสีขาวปรากฏขึ้นตรงนั้น
หานลี่เห็นฉากนี้หางตาพลันกระตุก สองตาพลันหรี่ลงเล็กน้อย
“อย่าคิดหนีล่ะ ที่เจ้าสองคนนั้นหนีออกมาได้ เป็นเพราะข้าจงใจ ตอนนี้ข้าลากเจ้าเข้ามาเอง ต่อให้เจ้ามีปีกก็ยากจะหนี” บุรุษสวมชุดคลุมสีดำเอ่ยปาก คำพูดคลุมเครือไม่ชัดเจน แต่เห็นได้ชัดว่าคือเสียงของใบหน้าประหลาดผู้นั้น
“งั้นหรือ ข้าไม่เชื่อหรอก” หานลี่มีสีหน้าแปลกประหลาดฉายแวบผ่าน จากนั้นก็แค่นเสียงหึต่ำๆ ออกมาจากจมูก
ดูเหมือนหึธรรมดาๆ ชายชุดดำที่อยู่ห่างออกไปร้อยจั้งเศษกลับร่างกายพลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าร่อนลงมาจากกลางอากาศราวกับท่อนไม้
คาดไม่ถึงว่าหานลี่ใช้อิทธิฤทธิ์ทิ่มแทงจิตสัมผัสระหว่างที่แค่นเสียงหึ
แม้ว่าชายชุดดำจะมีอิทธิฤทธิ์แปลกประหลาด ก็ติดกับนี้เข้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
จากนั้นแผ่นหลังของหานลี่พลันมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ฉับพลันนั้นก็มีปีกนกสีสันแวววาวปรากฏขึ้นคู่หนึ่ง แค่กระพือปีกคนก็หายวับไปจากที่เดิม
ชายวัยกลางคนชุดดำร่อนลงมาจากกลางอากาศด้านข้างมีประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวเปล่งแสงสว่างวาบ หานลี่ปรากฏขึ้นตรงนั้น มือหนึ่งพลันพลิ้วไหว กระบี่ยาวสีเขียวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ
โบกสะบัดเบาๆ ลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ ชายชุดดำรวมทั้งหน้ากากบนใบหน้าของเขาถูกสับออกเป็นสองส่วนในพริบตา
จากนั้นหานลี่พลันรวบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันอย่างไม่ลังเล แล้วชูมือขึ้นอีกครั้ง ประจุไฟฟ้าสีทองพุ่งออกมา
กายครึ่งหนึ่งของชายชุดดำกลายเป็นไอสีดำท่ามกลางเสียงฟ้าผ่า ครู่ต่อมาก็สลายหายไปกลายเป็นกลุ่มควัน
หานลี่เห็นเช่นนั้น พลันรู้สึกผ่อนคลายลง ในที่สุดมุมปากก็เผยรอยยิ้มออกมา
แต่เมื่อรอยยิ้มนี้ปรากฏขึ้น ก็แข็งค้างในทันใด
เพราะว่าลำแสงสีทองที่ด้านล่างสลายหายไปท่ามกลางไอสีดำ ฉับพลันนั้นก็กลายเป็นอสรพิษสีดำหลายตัว พุ่งออกไปราวกับลูกธนู
แม้ว่าอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายจะมีอานุภาพไม่น้อย แต่ก็ต้านทานเอาไว้ได้แค่ส่วนใหญ่ ยังคงทำให้อสรพิษสีดำส่วนน้อยหนีออกมาจากประจุไฟฟ้าสีทองได้ จากนั้นลำแสงสีดำพลันเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะทยอยกันกลายเป็นเงาร่างคนเตี้ยๆ สายหนึ่ง
เหมือนกับคนสวมชุดสีดำก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น แต่มีขนาดแค่สองสามฉื่อ แต่ก็มีมากกว่าร้อยคน
ร่างของคนสวมชุดสีดำเหล่านั้นเริ่มรางเลือน ฉับพลันนั้นพลันกะพริบวาบๆ ราวกับเงาลวงตา
ครู่ต่อมาหานลี่ก็ถูกชายชุดดำที่ดูเหมือนคนแคระเหล่านั้นล้อมเอาไว้
คนชุดดำเหล่านั้นดวงตาฉายแววเย็นชา แล้วพลันชูมือทั้งสองขึ้นพร้อมกัน พ่นเสาลำแสงสีดำออกมาเป็นสายๆ ตรงเข้าไปหาหานลี่
เสาลำแสงสีดำโจมตีไปบนนั้น แค่กะพริบวาบ ก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับโคลนที่จมลงไปในทะเลอย่างไรอย่างนั้น
ชายชุดดำที่อยู่รอบๆ พลันอดที่จะตกตะลึงไม่ได้
หานลี่ในยามนั้นกลับหัวเราะอย่างแผ่วเบาออกมา
ลำแสงเทวะดูดปราณมีพลังควบคุมธาตุทั้งห้า เสาลำแสงสีดำที่ดูทะมึนทึบเมื่อครู่ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นพลังวิญญาณธาตุน้ำที่บริสุทธิ์มาก แน่นอนว่าย่อมถูกลำแสงเทวะดูดปราณต้านทานเอาไว้อย่างง่ายดาย
และหานลี่ในยามนั้นก็กระทืบเท้าลงไปยังดอกบัวสีเขียวใต้ฝ่าเท้า
ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพลันพุ่งออกมาราวกับพายุฝนกระหน่ำ แค่กะพริบวาบ ก็ทะลวงผ่านร่างคนแคระของชายชุดดำรอบด้านจนเป็นพันรู แล้วกลายเป็นไอสีดำอีกครั้ง
“จุ๊ๆ เด็กเอ๋ย ยืนรอความตายเถิด ในร่างของข้าจิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าเป็นสิ่งที่ไม่ตาย ยิ่งฆ่าก็ยิ่งมากขึ้น ไม่มีจำกัด!” เสียงหัวเราะประหลาดๆ ฟังได้ยากดังขึ้นรอบๆ ด้านอย่างพึงพอใจ
ดังคาดไอสีดำรอบๆ พลันกะพริบวาบอีกครั้ง กลายเป็นชายชุดดำมากกว่าสองสามร้อยคน
แต่แค่ครั้งนี้พวกเขามีขนาดแค่สองสามชุ่น
หานลี่เห็นเช่นนั้นหางตาพลันกระตุกรัวๆ แต่บนใบหน้าพลันมีจิตสังหารสว่างวาบ พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ฉับพลันนั้นใบมีดชำรุดสีทองพลันปรากฏขึ้น
นั่นก็คือสมบัติที่ดูเหมือนใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬที่เขาเพิ่งได้มา
แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกักเขาเอาไว้ที่มีจุดประสงค์อย่างไร แต่เขาไม่มีทางยอมถูกจูงจมูกแน่ มากสุดก็แค่เสียพลังปราณและพลังปราณของเทวรูปไปอีกส่วนหนึ่งจากการใช้ใบมีดชำรุดครั้งนี้เท่านั้น
แม้ว่าเคล็ดวิชาเขมือบของอีกฝ่ายจะร้ายกาจ แต่ก็ไม่มีทางต้านทานพลังกฎเกณฑ์ได้แน่
เขาต้องสังหารมารตนนั้น ถึงจะจบการต่อสู้ฉากนี้ได้
ตอนที่ 1636 อสูรลงทัณฑ์
ทว่าลำแสงสีทองที่อยู่บนผิวของเขาพลันเปล่งแสงสว่างวาบในตอนแรก เสียงเพรียกของวิหคดังออกมาจากแขนเสื้อของเขา เสียงของวิหคเต็มไปด้วยความตื่นเต้นระคนร้อนใจ
หานลี่พลันตกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง แต่หลังจากแววตาเปล่งประกายสองสามครั้ง ทันใดนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ
เสียงหวีดร้องประหลาดๆ “ฮือๆ” ดังขึ้น
กำไลทรงกลมสีดำสนิทวงหนึ่งบินออกมาจากแขนเสื้อ หลังจากหมุนวนโคจรรอบหนึ่ง ก็มีลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งออกมาจากวงแหวน
ลำแสงหม่นแสง วานรสีดำตัวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานลี่
นั่นก็คืออสูรวิญญาณครวญ!
ทว่าเห็นได้ชัดว่าวิญญาณครวญในยามนี้ตัวใหญ่กว่าปกติ มันไม่รอให้หานลี่ใช้จิตสัมผัสกระตุ้นก็ระเบิดเสียงคำรามออกมา ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นท่ามกลางลำแสงสีดำที่ไหลวนโคจร กลายเป็นวานรยักษ์สีดำขนาดสามสิบจั้งเศษ
วิญญาณครวญดวงตาสองข้างสีแดงโลหิต กำปั้นขนาดใหญ่ทั้งสองทุบไปบนทรวงอกของตัวเอง ขนสีดำลุกชัน ชั่วขณะนั้นเขี้ยวแหลมคมพลันเผยออกมา บนหัวมีเขาประหลาด คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นภูตยักษ์สามตาตัวหนึ่ง
แผ่นหลังของภูตตนนี้มีหนามกระดูกสีดำสามแท่ง ดูทะมึนทึบน่ากลัวเป็นอย่างมาก
“อสูรลงทัณฑ์”
กลางอากาศมีเสียงร้องแหลมๆ ด้วยความหวาดกลัวของใบหน้าประหลาดดังขึ้น ชั่วพริบตาชายหนุ่มชุดดำสูงสองสามฉื่อทั่วทั้งท้องฟ้าก็กลายเป็นไอสีดำเป็นกลุ่มๆ ชั่วครู่ก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่พลันกะพริบตาปริบๆ นอกเหนือความคาดหมาย และรู้สึกงุนงง
และในยามนั้นอสูรวิญญาณครวญที่กลายเป็นภูตยักษ์กลับดูเหมือนจะสูญเสียสติปัญญาไป ปากเปล่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ออกมา ดวงตาปีศาจที่สามเปล่งแสงสว่างวาบ พ่นเสาลำแสงสีโลหิตสายหนึ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เสียง “แค่กๆ” ประหลาดดังขึ้น เรื่องที่ทำให้หานลี่ตกใจจนสะดุ้งโหยงพลันปรากฏขึ้น
เสาลำแสงสีโลหิตพุ่งออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง แต่เมื่อปรากฏตัวก็เปล่งเสียงร้องไพเราะแล้วกลายเป็นโซ่สีแดงโลหิตเส้นหนึ่ง
โซ่เส้นนี้แค่สะบัดอยู่กลางอากาศ ก็กลายเป็นบ่วงยักษ์ กักสิ่งที่ไร้รูปร่างเอาไว้
จากนั้นโซ่เส้นนั้นก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ผิวของมันมีประจุไฟฟ้าสีแดงโลหิตปรากฏออกมาเป็นสายๆ
ชั่วขณะนั้นเสียงกรีดร้องพลันดังออกมาจากปลายของโซ่ ระหว่างที่ประจุไฟฟ้าสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ ไอสีดำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้งก็ปรากฏขึ้น
โซ่โลหิตดูเหมือนจะเห็นอะไรที่มีรสชาติหอมหวาน ชั่วพริบตาก็พันรัดไปเจ็ดแปดรอบ กดไอสีดำเอาไว้อย่างแน่นหนา
ท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง เสียงของประจุไฟฟ้าสีโลหิตจึงยิ่งน่าตกตะลึงมากขึ้น
และดูเหมือนว่าไอสีดำนี้จะหวาดกลัวประจุไฟฟ้า ไม่เพียงจะเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญไม่หยุด ภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วลมหายใจยังเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปมาสิบกว่าแบบ พยายามดิ้นรนสุดชีวิต
หนึ่งในนั้นมีรูปร่างชายชุดดำและกิเลนสีดำอยู่ด้วย
แต่เห็นได้ชัดว่าการพยายามครั้งนี้ล้มเหลว ไม่ว่าจะมีรูปร่างแบบใดล้วนเปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกประจุไฟฟ้าสีโลหิตโจมตีจนสลายหายไป แล้วกลายเป็นไอสีดำเป็นดวงๆ อีกครั้ง
คาดไม่ถึงว่าโซ่สีโลหิตจะเป็นดังแมลงเกาะกระดูก กักไอสีดำไร้รูปร่างนั้นไว้แน่น ทำให้มันไม่อาจหลีกหนีได้เลยสักนิด นี่จึงทำให้ไอสีดำนอกจากจะเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญแล้ว ยังระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมาผสมปนเปกัน
และในยามนั้นเองอสูรวิญญาณครวญที่กลายเป็นภูตยักษ์พลันเคลื่อนไหว แขนยักษ์ขนปุกปุยข้างหนึ่งตะปบไปกลางอากาศด้านหลัง
หนามกระดูกสีดำสามแท่งที่แผ่นหลังสลายหายไปจากแผ่นหลังอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน
แต่ครู่ต่อมาในมือของวิญญาณครวญกลับมีลำแสงสีดำสว่างวาบ หนามกระดูกแท่งนั้นปรากฏออกมา และถูกนิ้วทั้งห้ากำเอาไว้แน่น
เสียงบริกรรมคาถาทุ้มต่ำที่หานลี่ไม่เคยได้ยินมาก่อนดังออกจากปากของวิญญาณครวญ หอกกระดูกที่เดิมทีมีสีดำเปล่งแสงเจิดจ้าพลางมีตัวอักษรสีทองปรากฏขึ้นเป็นแถวๆ มันเปล่งแสงสีทองระยิบระยับ ดูลึกลับเป็นอย่างมาก
จากนั้นหอกเล่มนั้นก็สั่นเทาโดยอัตโนมัติ และเปล่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา ยิ่งไปกว่านั้นยังขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
แทบจะในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นสีทองก็แผ่ขยายออกมาจากปลายหอก ระเบิดลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมา ในเวลาเดียวอักขระยันต์สีทองที่ดูเหมือนตัวอักษรบนหอกกระดูกก็ปรากฏขึ้นในบริเวณรอบพลางลอยตัวพลิ้วไหวไปมา
ชั่วพริบตาที่อักขระยันต์เหล่านั้นปรากฏขึ้น จิตสังหารที่บีบคั้นหัวใจ ก็แผ่ออกมาจากหอกกระดูก
“ตัวอักษรจ้วนทอง”
“หอกเทวาทัณฑ์สวรรค์”
เสียงร้องอุทานอย่างแหบแห้งที่ไม่เหมือนกันสองเสียงดังออกมาจากหานลี่และไอสีดำในเวลาเดียวกัน
ทว่าใบหน้าของหานลี่กลับเต็มไปด้วยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด แต่เสียงที่ดังออกมาจากไอสีดำกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว ไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไอสีดำที่ถูกโซ่โลหิตรัดเอาไว้ไกลออกไปพลันเปล่งเสียงร้องออกมา แล้วเปลี่ยนแปลงรูปร่างอีกครั้ง
เห็นเพียงในไอสีดำมีลำแสงสีดำไหลวนโคจรอยู่ ร่างกายหดเล็กลง แล้วขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!
คาดไม่ถึงว่าไอสีดำจะระเบิดออก รัศมีลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นในโซ่โลหิต กางโซ่โลหิตออก
ถือโอกาสงามๆ นี้ เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากโซ่โลหิต
ที่แท้เมื่อใบหน้าประหลาดเห็นสถานการณ์ไม่ดีแล้ว แน่นอนว่าย่อมระเบิดตัวเองออกอย่างไม่ลังเล และให้ไอสีดำครึ่งหนึ่งหนีออกมา
ทว่าฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น
เห็นเพียงโซ่โลหิตสายนั้นเกิดเสียงดังกึกก้อง จากนั้นพลันรางเลือน กลายเป็นเส้นไหมสีโลหิตยี่สิบสามสิบสายพุ่งออกมาพร้อมกัน แค่พลิ้วไหว เส้นไหมสีโลหิตทุกเส้นก็ทะลวงผ่านลำแสงสีดำไปราวกับเคลื่อนย้ายกายได้
หลังจากเสียงร้องคร่ำครวญดังขึ้น ลำแสงสีดำเหล่านั้นก็สั่นเทาแล้วกลับคืนร่างเป็นไอสีดำ ถูกตรึงเอาไว้กลางอากาศไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลยสักนิด
เส้นไหมโลหิตทั้งหมดเปล่งแสงสว่างวาบแล้วดึงกลับมา คาดไม่ถึงว่าจะรวมไอสีดำให้รวมตัวกันดังเดิม และยิ่งไปกว่านั้นเส้นไหมโลหิตยี่สิบสามสิบสายพลันแข็งตัว กลายเป็นโซ่โลหิตหนาๆ อีกครั้ง พลางทำให้ร่างกายเล็กลงแล้วรัดสีดำรอบๆ ไว้อีกครั้ง
เสียง “สวบ” ดังขึ้น ยามนี้หอกกระดูกในมือของวิญญาณครวญกลายเป็นผลึกลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งออกไปจากมือ
ความเร็วไม่ถือว่ารวดเร็วนัก แต่ไอมารที่กักอยู่กลับไม่อาจหลบหลีกได้เลยสักนิด คาดไม่ถึงว่าจะมีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยปรากฏขึ้นด้านใน
ไม่เหมือนกับใบหน้าประหลาดสีขาวก่อนหน้า คาดไม่ถึงว่าใบหน้านี้จะมีเขาคู่หนึ่งปรากฏขึ้นบนศีรษะ ทั้งใบหน้ามีอยู่ห้าสี ถูกเปลวเพลิงโลหิตที่แผดเผาปกคลุมเอาไว้ เบ้าตาเป็นสีดำสนิทกลับมีลำแสงสีเงินสองกลุ่มไหลวนโคจรอยู่อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนมองไปแล้วรู้สึกวิงเวียน
หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้ใบหน้าประหลาดนี้คล้ายคลึงกับมนุษย์ธรรมดาสองสามส่วน ใบหน้าตรงหน้าก็เป็นใบหน้ามารที่หานลี่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ท่านเซียนโปรดไว้ชีวิตด้วย รีบหยุดอสูรลงทัณฑ์ เดิมทีข้าก็เป็นเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของราชามารเหนือฟ้า ยอมสยบให้แก่นายท่านเป็นมารรับใช้ท่านเซียน” ใบหน้ามารมีสีหน้าร้อนใจพลางเอ่ยออกมาราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเอาไว้ได้
“ราชามารเหนือฟ้า!” หานลี่ตกใจจนสะดุ้งโหยง ในขณะเดียวกันใจก็เต้นระรัว แต่เมื่อกวาดสายตาไปที่ภูติยักษ์ที่แปลงมาจากวิญญาณครวญกลับรู้สึกจนปัญญา
วิญญาณครวญในตอนนี้ตัดการเชื่อมโยงจิตวิญญาณกับเขาแล้ว ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ไม่รู้สึกตัว เขาจะควบคุมการเคลื่อนไหวของอสูรตัวนี้ได้อย่างไร
ผลคือผลึกลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบทะลวงผ่านเขาไปท่ามกลางสีหน้าสิ้นหวังของใบหน้ามาร
ชั่วขณะนั้นหว่างคิ้วของใบหน้ามารพลันมีรูขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฏขึ้นรูหนึ่ง ลำแสงสีทองเจิดจ้าทะลักออกมาจากด้านใน
ชั่วพริบตานั้นก็ห่อหุ้มใบหน้ามารเอาไว้ ใบหน้าของเขาแข็งค้างไม่เปลี่ยนแปลงราวกับก้อนหินอย่างไรอย่างนั้น
เสียงไพเราะดังขึ้นใบหน้ามารแตกออกเป็นเสี่ยงๆ โดยมีรูสีทองเป็นใจกลาง กลายเป็นแผ่นห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่ท่ามกลางไอสีดำ
สองตาของวิญญาณครวญเปล่งแสงสว่างวาบแค่นเสียงขึ้นจมูก พ่นม่านลำแสงสีเหลืองออกมา
ลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงเจิดจ้า ม้วนไอสีดำและเศษแผ่นของใบหน้ามารเข้าไปอย่างง่ายดาย หมุนวนโคจรอีกครั้งแล้วบินกลับมา
ถูกอสูรวิญญาณครวญอ้าปากออกกลืนเข้าไปในท้องทั้งหมด
หลังจากโซ่โลหิตเปล่งเสียงร้องต่ำๆ ออกมาก็สลายหายไปกลางอากาศ
ส่วนหอกกระดูกที่พุ่งออกมาแค่กะพริบวาบก็มาปรากฏบนแผ่นหลังของวิญญาณครวญอีกครั้ง แค่ตัวอักษรจ้วนสีทองบนผิวนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย ลำแสงสีดำที่เดิมทีแผ่ออกมาจากเรือนร่างก็หม่นแสงลงจนแทบจะมองไม่เห็น
เสียง “ครืนๆ” ดังขึ้น
นอกเหนือความคาดหมายของหานลี่ หลังจากที่แววตาสีโลหิตของอสูรวิญญาณครวญซึ่งกลืนใบหน้ามารลงไปหายไป ก็เผยสีหน้างุนงงออกมา จากนั้นก็กะพริบตาปริบๆ แล้วล้มลงไปกับพื้นไม่รับรู้เรื่องราวอีก
ชั่วพริบตาร่างที่ใหญ่ยักษ์ก็มีลำแสงสีดำไหลวนโคจรกลับมามีขนาดสองสามฉื่อ แล้วกลายเป็นวานรน้อยสีดำดังเดิม
และแทบจะในเวลาเดียวกันการเชื่อมโยงจิตสัมผัสของหานลี่ที่มีต่ออสูรตัวนี้ก็กลับมาเป็นปกติ
หานลี่พลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็กวาดจิตสัมผัสไปบนเรือนร่างของวานรน้อย ผลคือทำให้ตกตะลึง
คาดไม่ถึงว่าพละกำลังและจิตวิญญาณของอสูรวิญญาณครวญจะแห้งเหือดจนเกือบหมด ราวกับว่าเพิ่งต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งมาสามวันสามคืนอย่างไรอย่างนั้น
ใบหน้าของหานลี่เคร่งขรึมสลับกับสดใส ในหัวราวกับมีน้ำข้นๆ ปรากฏขึ้นกลุ่มหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงของอสูรวิญญาณครวญหรือเรื่องของร่างแยกใบหน้าประหลาดของราชามารเหนือฟ้า ล้วนทำให้เขารู้สึกฉงนเป็นอย่างมาก
ใบหน้ามารนี้ดูเหมือนจะรู้จักวิญญาณครวญและเรียกขานว่า ‘อสูรลงทัณฑ์’ จึงยิ่งทำให้หานลี่รู้สึกงงงวยราวกับจมลงสู่ม่านหมอก
ทว่าเขาเองก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาค้นหาคำตอบ
เพราะว่าในยามนี้ภูเขาและพื้นดินรอบด้านพลันสั่นคลอนอย่างรุนแรง กลางอากาศสีดำเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ มีลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบพลันพุ่งเข้ามากลางอากาศ
หานลี่กวาดสายตาไปรอบด้านไม่พบตำแหน่งของต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้เลยสักนิดจึงขมวดคิ้วมุ่น แขนเสื้อม้วนวนออกมาดูดอสูรวิญญาณครวญเข้าไปในแขนเสื้อ
ในเวลาเดียวกันร่างของเขาพลันพลิ้วไหวและหายวับไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมากลางอากาศสูงขึ้นไปสองสามร้อยจั้ง ระลอกคลื่นพลันปรากฏขึ้นหานลี่ปรากฏตัวขึ้นจากในนั้นพร้อมกับลำแสงสีเขียวที่ห่อหุ้มร่างเอาไว้
ด้านล่างเป็นใบหน้าหินสีเทาขาวขนาดสองสามร้อยจั้ง ยามนี้มันชำรุดไม่สมบูรณ์ ด้านในว่างเปล่าและกำลังถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่หานลี่กวาดตามองรอบๆ ด้านชั่วขณะนั้นสองตาพลันหรี่ลง
เห็นเพียงเซียนเซียน ที่ขยับเขยื้อนไม่ได้อยู่ด้านล่าง พลันยืนขึ้น ตรงหน้ามีมีดบินสีขาวนวลลอยอยู่สองสามเล่ม กำลังมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าตกตะลึง
ไม่ไกลจากสตรีผู้นี้บุรุษแซ่กุยที่เดิมทีหล่นลงบนพื้นดินก็ยืนขึ้นเอาสองมือไพล่หลังเช่นกัน เหนือหัวของเขามีเงาลวงตามังกรวารีสีเงินปรากฏขึ้นรางๆ
ทั้งสองกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
“พี่หาน เจ้าฆ่ารังวิญญาณตัวนั้นไปแล้วหรือ!” หญิงสาวเผ่าผลึกสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า
บุรุษแซ่กุยเองก็กวาดสายตามองมาทางหานลี่อย่างเคร่งขรึม ท่าทางตกตะลึงระคนสงสัย
“อันใดข้าน้อยสังหารเจ้าสิ่งนี้ สหายทั้งสองไม่อยากจะเชื่อหรือ?” หานลี่ตอบกลับอย่างราบเรียบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“แน่นอนว่าไม่ใช่ แค่ความสามารถของพี่หานจะยิ่งใหญ่ไปหน่อยกระมัง สังหารเจ้าสิ่งนี้ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ช่างอยู่เหนือความคาดหมายของน้องหญิงจริงๆ” ใบหน้าของเซียนเซียน ฉายแววตกตะลึงแล้วฉีกยิ้มเบิกบานขณะเอ่ย
หานลี่หัวเราะน้อยๆ ไม่ได้เอ่ยปากอธิบายอะไรต่อ
แต่ในยามนี้บุรุษแซ่กุยกลับเอ่ยปากด้วยความเย็นชา
“ในเมื่อสหายสังหารรังวิญญาณแล้ว แล้วต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้ล่ะ? ตกอยู่ในมือของนายท่านแล้วหรือ?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น