ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1634-1653

 ตอนที่ 1634 ถุงน้อยถุงใหญ่


พอถึงช่วงวันหยุดงานเหยียนโฮ่วเต๋อก็กลับมาทันที เขาถูกเหยียนหมิงซุ่นย้ายไปทำงานในเมืองที่อยู่ภายใต้เขตการปกครองของเมืองจิน ชีวิตความเป็นอยู่ไม่นับว่าเดือดร้อนอะไร แต่เพราะไม่มีความสุขเหยียนโฮ่วเต๋อก็เลยดูแก่ลงไปมาก หน้าดูอมทุกข์ขมขื่น


คุณย่าหยางไม่สนใจถานซูฟางแล้วปลีกตัวออกไปทำกับข้าวในครัวเพียงลำพัง หมิงซุ่นและเหมยเหมยจะกลับมากินมื้อค่ำ เธอต้องทำกับข้าวไว้เยอะ ๆถึงจะดี ถานซูฟางถูกเมินใส่แต่เธอก็ไม่ได้โกรธแล้วเดินตามเข้าครัวไป เห็นว่ามีงานอะไรก็ทำ โดยไม่ต้องให้คุณย่าหยางออกคำสั่งเลย


และแน่นอนว่าคนอย่างถานซูฟางไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่เป็นเพราะหลายปีมานี้เธออาศัยอยู่ในพื้นที่ภูเขาห่างไกลมีชีวิตที่แสนลำเค็ญ จนในที่สุดก็ทำให้เธอรู้ถึงความน่ากลัวของเหยียนหมิงซุ่น หลายปีมานี้ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ร้องขอคนอื่นให้ช่วยหาเส้นสาย เงินเดือนส่วนใหญ่ก็ใช้หมดไปกับของกำนัล


คนพวกนั้นรับของไว้แต่กลับไม่จัดการอะไรเลย เพื่อนคนอื่น ๆที่ไปด้วยกันก็กลับมาก่อนนานแล้ว ได้เลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือน อนาคตสดใส ชีวิตแทบจะไม่มีเรื่องแย่เลย


แต่มีแค่เธอ เขตภูเขาพื้นที่ยากจนที่สุดในประเทศเธอก็เคยอยู่มาแล้วครั้งหนึ่ง หัวหน้าก็เอาแต่พูดว่าต้องการฝึกฝนเธอ ซ้ำยังบอกอีกว่าจะได้รับความไว้วางใจให้ทำการใหญ่ในภายภาคหน้า ในช่วงไม่กี่ปีแรกเธอก็ยังเชื่ออยู่ แต่ในตอนนี้กลับไม่เชื่อสักนิดเดียว


ต่อให้เธอได้เป็นผู้อำนวยการจริง ๆ เธอก็ไม่อยากจองจำอยู่ในสถานที่บ้า ๆแบบนี้อีกแล้ว อาหารการกินเครื่องนุ่งห่มที่อยู่อาศัยล้วนแย่ไปหมด ยุงก็ตัวใหญ่กว่าที่เมืองจิน ถ้าเธอยังอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ช้าไม่นานต้องจบชีวิตลงแน่!


เหยียนโฮ่วเต๋อและคุณปู่เหยียนเล่นหมากรุกด้วยกันแต่เขากลับดูเหม่อลอย จนถึงตอนนี้เขายังคิดไม่ตกทำไมลูกชายคนโตของเขาถึงใจร้ายขนาดนี้?


ไม่สนับสนุนเขาก็ไม่เป็นไร แต่กลับเลือกทำลายเขาอีก!


ทำเอาศักดิ์ศรีของเขาจบสิ้นกันไปหมดแล้ว!


เหยียนหมิงซุ่นและเธอมาถึงเมืองจินอย่างรวดเร็วและจอดเครื่องไว้ที่สนามบินค่ายทหารเช่นเคย มีลูกน้องขับรถมาจอดรอไว้ที่สนามบินแต่แรกแล้ว สะดวกสบายเป็นอย่างมาก


เดิมทีเหมยเหมยไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เป็นเพราะหน้าประตูบ้านคุณย่าหยางไม่มีที่จอดรถ พอจอดรถเสร็จยังต้องเดินต่ออีกสามนาที ตอนนี้เป็นเวลาก่อนมื้อค่ำบนท้องถนนมีคนสัญจรไปมาพลุกพล่าน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคุณครูจากอีจง บางส่วนเพิ่งกลับมาจากการพบปะเยี่ยมญาติ บางส่วนก็หิ้วของฝากเตรียมตัวไปเป็นแขก


คุณครูส่วนใหญ่จะรู้จักพวกเขาทั้งสองคน สามารถพูดได้ว่าเห็นพวกเธอมาตั้งแต่เล็กจนโตเลยล่ะ!


ได้ยินมานานแล้วว่าหลานชายคนโตของตระกูลเหยียนกับลูกสาวคนเล็กของตระกูลอู่ในสมัยก่อนคบหากันอยู่ ตอนนี้ได้เห็นกับตาแล้วว่าคู่หนุ่มสาวเดินเคียงกันอย่างแนบชิดสนิทสนม ฝ่ายชายองอาจกล้าหาญ ฝ่ายหญิงตัวเล็กน่ารัก เป็นคู่ที่ฟ้าเบื้องบนสร้างขึ้นมาให้คู่กันจริง ๆ พวกเขาจึงเผลออดยิ้มตามไม่ได้


“หมิงซุ่นพาเหมยเหมยกลับมาฉลองตรุษจีนหรือ? แหม ๆเหมยเหมยยิ่งโตก็ยิ่งสวยนะเนี่ย” ทุกคนทักทายอย่างสนิทสนม เหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยล้วนก็… ตอบกลับ


“พวกเธอสองคนจะจัดงานแต่งเมื่อไหร่? พวกเรารอดื่มเหล้ามงคลอยู่นะ!” มีคนถามขึ้นมาอีก


คลิกตรงนี้


เหมยเหมยหน้าแดงซ่านแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับมีสีหน้าปกติ “รอเหมยเหมยจบมหาวิทยาลัยแล้วค่อยจัดครับ ถึงเวลานั้นขอเชิญคุณครูทุกท่านมาร่วมงานด้วยนะครับ”


“แน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีการ์ดเชิญเราก็จะหน้าด้านมา!” ทุกคนแสดงความเป็นมิตร


เหยียนหมิงซุ่นในตอนนี้ถือว่ามีอนาคตไกล ได้ยินว่าเป็นข้าราชการชั้นสูงในเมืองหลวง พวกเขาต้องทำตัวดี ๆด้วยหน่อย ใครจะรู้ล่ะว่าในอนาคตอาจต้องขอความช่วยเหลือจากเขาก็ได้!


ตลอดทางเอาแต่ทักทายกับคนรู้จัก จากเดินแค่ไม่กี่นาทีได้ถูกยืดระยะเวลาออกไปเป็นสิบกว่านาทีแล้ว เหมยเหมยยิงยิ้มจนปวดกรามไปหมด ยื่นมือออกมาลูบอยู่สองสามครั้ง


มีคนหวังดีวิ่งเอาเรื่องที่พวกเหยียนหมิงซุ่นมาถึงแล้วมาบอกคุณย่าหยาง จากนั้นก็ได้เห็นคุณย่าหยางที่คาดผ้ากันเปื้อนจากระยะไกลยืนอยู่หน้าประตูเงยหน้าขึ้นทอดสายตามองมา ไม่เจอกันหลายปีผมของหญิงชรามีสีขาวมากขึ้นแต่ก็ดูสดใสมีชีวิตชีวามากเช่นกัน


พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยคุณย่าหยางก็ยิ้มจนตาหยี โดยเฉพาะได้เห็นถุงน้อยถุงใหญ่ในมือของเหยียนหมิงซุ่น ปากแทบหุบยิ้มไม่ได้เลย หางตาพลันเหลือบมองเพื่อนบ้านที่ออกมาสอดส่องเพื่อความบันเทิงใจ เธอจึงจงใจพูดขึ้นเสียงดังว่า “ซื้อของมาทำไมเยอะแยะล่ะ? ย่ากับปู่ของแกกินหมดเสียที่ไหนกัน!”


…………………………………………………….


ตอนที่ 1635 อั่งเปาซองหนา


คุณย่าหยางเห็นของเยอะแยะก็พลันดีใจเป็นอย่างมาก รู้สึกพอใจกับเหมยเหมยมากขึ้น เธอรู้ดีว่าของพวกนี้เหมยเหมยเป็นคนซื้อ ทุกครั้งที่เหยียนหมิงซุ่นกลับมาก็มักจะให้แต่เงิน บอกเธอกับตาแก่ว่าอยากได้อะไรก็ให้ไปซื้อเอง


เงินเธอก็ชอบอยู่หรอก แต่ปัญหาก็คือเธอไม่อาจให้หลานชายคนโตให้เงินกับเธอต่อหน้าเพื่อนบ้านได้?


แบบนั้นก็ดูจะเปิดเผยไปหน่อย!


เพื่อนบ้านพวกนี้ก็ชอบนินทาเอามาก มักพูดลับหลังว่าเหยียนหมิงซุ่นเอาแต่กลับมามือเปล่า อกตัญญู คุณย่าหยางได้ยินก็พลันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อยากจะเอาเงินที่เหยียนหมิงซุ่นให้เธอนั้นไปฟาดใส่หน้าคนพวกนั้น!


แต่ตอนนี้ดีเลย ให้พวกเขาได้แหกตาดูกันชัด ๆว่าหลานชายคนโตกับหลานสะใภ้ของเธอนั้นกตัญญูแค่ไหน!


พอคุณย่าหยางพูดแบบนั้นก็มีคนเอ่ยเสริมขึ้นมา “โอ้โฮ นี่ซื้ออะไรดี ๆมาบ้างเนี่ย ขนม เหล้า ยาบำรุง… ของพวกนี้แพงมากเลยสินะ?”


“ต้องแพงสิ ซื้อมาจากเมืองหลวงเลยนะ ไม่แพงได้อย่างไร?”



หลายคนพากันพูดเจื้อยแจ้ว ถกเถียงกันอย่างครึกครื้นกับราคาข้าวของในมือที่เหยียนหมิงซุ่นหิ้วอยู่จนพอใจถึงได้กลับเข้าบ้านกัน


เหยียนหมิงซุ่นเห็นสีหน้าพึงพอใจของคุณย่าหยาง ถึงได้เข้าใจว่าทำไมเมื่อก่อนที่เขาให้เงินกับหญิงชราเธอถึงมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนั้น!


ช่างไม่เข้าใจจริง ๆว่าคุณย่าของเขาคิดอะไรอยู่ ทั้ง ๆที่เขาเงินที่เขาให้ไปสามารถซื้อของดี ๆได้มากกว่าของในมือเขาหลายสิบชิ้นเลยทีเดียว!


“เข้าบ้านเร็ว กินขนมกันก่อน เย็นอีกนิดค่อยทานมื้อค่ำ” คุณย่าหยางทักทายอย่างอบอุ่น จูงมือเหมยเหมยแล้วส่งยิ้มด้วยสีหน้าอ่อนโยน


เมื่อเดินมาถึงประตูบ้านเธอจึงนึกขึ้นได้ เอ่ยเตือน “พ่อของหลานกับถานซูฟางก็อยู่ พวกเธอไม่ต้องสนใจเขาหรอก”


อ่านนิยาย


เหยียนหมิงซุ่นพลันขมวดคิ้ว ถานซูฟางวิ่งมาถึงนี่ได้อย่างไร?


พูดว่าซวยความซวยก็มาเยือน ถานซูฟางวิ่งออกมาออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม จังหวะที่เห็นเหมยเหมยเธอก็ตกตะลึง รอยยิ้มก็เจื่อนลงในฉับพลัน


ทำไมจ้าวเหมยถึงกลับมาฉลองปีใหม่พร้อมเหยียนหมิงซุ่นล่ะ?


ยายแก่หนังเหนียวร้ายกาจ เมื่อกี้ไม่คิดจะบอกอะไรสักคำ จนทำให้เธอคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นกับจ้าวเหมยเลิกลากันไปแล้ว!


แต่กลับมาด้วยกันก็ดี แบบนี้หากทำไปตามแผนการที่เธอวางไว้จะได้ผลยิ่งกว่าเดิม !


พอถานซูฟางขบคิดได้อย่างรวดเร็วรอยยิ้มแสนอบอุ่นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ยื่นมือออกไปหมายจะรับของในมือเหยียนหมิงซุ่น “ฉันถือเอง ดูท่าจะหนักน่าดู!”


เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเธออย่างเย็นชา ยื่นมือหลบไปด้านข้างพร้อมกับจูงมือเหมยเหมยเข้าบ้าน มองเธอราวกับคนแปลกหน้า


ถานซูฟางยิ้มค้างฉับพลัน ยืนทื่อทำตัวไม่ถูก มือยื่นค้างเติ่งอยู่กลางอากาศอยู่ในท่ารับของ เธอดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว กัดฟันแน่นจนแทบหักแล้วฝืนตัวเดินตามเข้าบ้าน


เพียงแค่แผนการของเธอสำเร็จ ดูสิว่าถึงเวลานั้นเหยียนหมิงซุ่นจะแผลงฤทธิ์อย่างไรอีก?


เหยียนโฮ่วเต๋อเห็นเหยียนหมิงซุ่นก็ลุกพรวดอย่างดีใจ แต่พอเห็นท่าทีเย็นชาของเหยียนหมิงซุ่น คำพูดที่ทะลักขึ้นมาที่มุมปากกลับต้องกลืนลงไปใหม่และนั่งลงด้วยความหงุดหงิด


เขาต่างหากที่เป็นพ่อ มีสิทธิ์อะไรต้องอ่อนข้อให้ก่อน?


คุณย่าหยางที่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็ลอบถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เข้าไปยกเกี๊ยวในครัวออกมาสองถ้วย ยิ้มพลางพูดว่า “ไส้หมูผักจี้ไฉ่ รีบกินตอนร้อน ๆเถอะ”


“ขอบคุณค่ะคุณย่าหยาง” เหมยเหมยรับเกี๊ยวมา


“ยังจะเรียกว่าคุณย่าหยางอีก ต้องเรียกตามหมิงซุ่นสิ เรียกว่าคุณย่าสิ” คุณย่าหยางพูดอมยิ้ม


เหมยเหมยหน้าแดงระเรื่อ เอ่ยพูดเสียงเบา “คุณย่า!”


“อื้ม รอก่อนนะย่าจะให้อั่งเปา” คุณย่าหยางจิตใจเบิกบาน หยิบอั่งเปาซองใหญ่ที่เตรียมไว้ก่อนหน้านั้นออกมา ยัดใส่มือเหมยเหมย


ถานซูฟางคิ้วกระตุก อั่งเปาเมื่อกี้ซองหนามาก อย่างน้อย ๆก็ต้องมีหนึ่งพันหยวน ยายแก่ช่างใจกว้างไม่เบา เมื่อก่อนเธอเข้าบ้านครั้งแรกไม่เห็นให้เงินสักแดงเดียว เหอะ!


คุณปู่เหยียนเองก็ให้อั่งเปาด้วย เหยียนโฮ่วเต๋อก็คิดอยากให้แต่เหมยเหมยกลับไม่เรียกเขา ถ้าเขาออกตัวก่อนก็ดูจะเสียหน้าเกิน เหมยเหมยเองก็ลำบากใจ แล้วเธอควรจะเรียกดีหรือเปล่านะ?


เหยียนหมิงซุ่นคีบเกี๊ยวใส่จานเหมยเหมยไปหลายชิ้น พูดเสียงอ่อน “รีบกินเกี๊ยวสิ เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน”


เหมยเหมยโล่งใจในทันที สงบจิตสงบใจกินเกี๊ยวต่อ


เหยียนโฮ่วเต๋อสบถอย่างโมโห ใบหน้าเย็นชาขึ้นทันที!


ตอนที่ 1636 ปกป้องผู้ชาย


เกี๊ยวผักจี้ไฉ่ที่คุณย่าหยางห่อสดใหม่มาก ชิ้นก็ไม่ได้ใหญ่พอดีกับปากเล็กๆ ของเหมยเหมย เธอกินด้วยความเอร็ดอร่อยจนหมดไปครึ่งค่อนชามใหญ่ ๆอย่างไม่รู้ตัว


“ย่าไปเอามาเพิ่มให้อีกถ้วยนะ” คุณย่าหยางยิ้มตาหยีพูดขึ้น


เหมยเหมยเกิดลังเลใจขึ้นมา เกี๊ยวอร่อยมากจริงๆ แต่กระเพาะของเธอรับได้แค่นี้ กินหรือไม่กินดีนะ?


เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยตอบ “ไม่ต้องกินแล้ว กระเพาะเธอเล็กมาก กินเยอะเดี๋ยวจะปวดท้องเอา”


คุณย่าหยางได้ยินดังนั้นจึงหดมือกลับ ในใจนึกเสียดาย อันที่จริงแม่หนูเหมยเหมยดีทุกอย่าง เว้นก็แต่รูปร่างผอมบางติดกระดูกไปหน่อย หน้าอกไม่ใหญ่สะโพกก็เล็กไปนิด ไม่รู้ว่าอีกหน่อยคลอดลูกจะราบรื่นดีไหม?


แต่คุณย่าก็คิดได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้การแพทย์ก้าวหน้า คลอดเองไม่ได้ก็ใช้วิธีการผ่าคลอดได้นี่!


ไม่มีผลกระทบต่อการอุ้มเหลนของเธอเลย!


“หมิงซุ่น หลานว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะไปพบปะกับญาติฝั่งเจ้าสาวบ้าง? ธรรมเนียมนี้ห้ามขาดเชียวล่ะ” คุณย่าหยางเตือน


ต่อให้ตอนนี้จะยังไม่จัดงานมงคลแต่ก็ต้องจดทะเบียน ในทางกฎหมายก็จะถือว่าเป็นคนของตระกูลเหยียนแล้ว ควรทำตามธรรมเนียมที่มี อย่าให้คนตระกูลจ้าวต้องมาว่าคนตระกูลเหยียนเอาได้ว่าไม่มีมารยาท


เหยียนโฮ่วเต๋อดวงตาเป็นประกาย ถ้าญาติพี่น้องของสองตระกูลพบปะกันเขาก็ต้องอยู่ในงานด้วย ถึงเวลานั้นเขาก็สามารถร่วมโต๊ะกินข้าวกับจ้าวอิงหัวได้แล้ว แม้กระทั่งอาจจะได้เจอคุณปู่จ้าวด้วย!


เหยียนหมิงซุ่นก็พยักหน้าตาม บ่งบอกว่าต้องหาเวลาไปเยี่ยมเยียนพบปะคนตระกูลจ้าว ปรึกษาหารือเรื่องการแต่งงาน


เหยียนหมิงซุ่นมองปราดเดียวก็รู้ถึงความคิดของเหยียนโฮ่วเต๋อ กระตุกมุมปากเย้ยหยัน คิดได้ดีนี่!


“คุณปู่คุณย่าไม่ต้องกังวลไปหรอก เรื่องพวกนี้พ่อบุญธรรมของผมจัดการได้ คนบ้านเราไม่ต้องไปหรอก” เหยียนหมิงซุ่นพูดขึ้น


คุณปู่เหยียนมุ่นคิ้วพูดอย่างไม่พอใจ “งั้นวันหน้าจะไม่จัดงานที่เมืองจินเหรอ?”


“ไม่ใช่แน่นอน รอให้เหมยเหมยเรียนจบ จัดที่เมืองหลวงก่อนแล้วค่อยกลับมาจัดที่เมืองจิน”


เหยียนหมิงซุ่นวางแผนไว้นานแล้ว เขาจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่จนยากจะลืมให้กับหญิงสาวคนรักของตน


คุณปู่เหยียนเมื่อได้ฟังว่าจะกลับมาจัดที่เมืองจิน หัวคิ้วพลันคายลง ไม่ถามถึงเรื่องงานแต่งอีก เขาและภรรยาต่างก็อายุไม่น้อยแล้ว เรื่องบางเรื่องก็คงไม่ต้องยุ่งแล้วล่ะ!


เหยียนโฮ่วเต๋อกลับกระวนกระวาย พูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “แต่งงานเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แกจะให้พ่อบุญธรรมที่เป็นคนนอกมาจัดการได้อย่างไร? ผิดธรรมเนียมกันหมด”


“พ่อบุญธรรมของผมจะเป็นคนนอกไปได้อย่างไร? ในใจของผมเขาสำคัญยิ่งกว่าคุณอีก” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างเย็นชา


เหยียนโฮ่วเต๋อตัวชาวาบ ความโกรธจุกอยู่ในอก พลันด่าด้วยความโมโห “ไร้สาระ ใครกันที่ให้กำเนิดแกเลี้ยงแกมากันแน่? แกนี่มันใจจืดใจดำ ฉันจะตีแกให้ตาย…”


“คนที่คลอดผมออกมาคือแม่ คนที่เลี้ยงดูผมมาก็คือคุณปู่คุณย่า คนที่อบรมสั่งสอนให้ผมเติบใหญ่คือพ่อบุญธรรม ในช่วงชีวิตของผมคุณก็แค่คนไร้ประโยชน์”


เหยียนโฮ่วเต๋อโกรธจนสั่นไปทั้งตัว เนื้อข้างแก้มกระเพื่อม เส้นเลือดปูดโปนเผยให้เห็นสีหน้าอันน่ารังเกียจ


“ถ้ารู้แต่แรกว่าแกมันเป็นเดรัจฉานใจดำอำมหิต ตอนนั้นที่แกเกิดมาน่าจะจับยัดลงชักโครกเสีย”


เหมยเหมยชิงพูดก่อนเหยียนหมิงซุ่นจะสบถด่า “ต่อให้ใจดำก็คงไม่เท่าคุณ คุณคือคนที่ทำให้แม่แท้ ๆของพี่หมิงซุ่นตาย คุณยังมีหน้ามาว่าพี่หมิงซุ่นใจดำอีกเหรอ?”


ด่าผู้ชายของเธอต่อหน้าต่อตาเธอ เหอะ คิดว่าเธอตายไปแล้วหรือไง?


เหยียนหมิงซุ่นมุมปากกระตุกยิ้ม เสพสุขกับการปกป้องของเหมยเหมยอย่างเงียบ ๆแล้วก้มหน้ากินเกี๊ยวต่อ รสชาติไม่เลวเลยจริง ๆ


เหยียนโฮ่วเต๋อหายใจถี่หอบ ใบหน้าเขียวปั๊ดราวกับจะกินคนก็มิปาน คุณปู่เหยียนกระแอมไอหนักครั้งหนึ่ง เหยียนโฮ่วเต๋อที่ได้สติจากความโกรธก็รีบเก็บกำปั้นที่พร้อมจะปล่อยออกไปกลับมา เหงื่อแตกไปทั่วร่าง


ถ้าเขาต่อยลูกสาวของจ้าวอิงหัวล่ะก็ ยังจะมีชีวิตได้เห็นแสงตะวันยามรุ่งสางของวันพรุ่งนี้อีกไหม?


……………………………………………………….


 ตอนที่ 1637 การยั่วยุ


เพราะคำพูดของเหมยเหมย สีหน้าของคนตระกูลเหยียนจึงไม่สู้ดีนัก ในตระกูลเหยียนนั้นโม่เหวินเซียงเป็นดั่งระเบิดเวลาที่เพียงแค่เอ่ยถึงก็พร้อมระเบิดได้ทันที อากาศเงียบลงทันตา บรรยากาศดูน่าอึดอัดเหลือเกิน


คุณปู่เหยียนไม่ค่อยชอบใจเหมยเหมยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดูไม่ค่อยสง่างามเท่าไร หากเป็นเมื่อก่อนคงเป็นพวกนางบำเรอต่ำต้อย หนำซ้ำแม่เด็กนี่เป็นคนจิตใจไม่ดี ไม่ใช่คนที่จะอยู่ในโอวาท


แต่หลานชายคนโตเป็นคนรักของสวย ๆงาม ๆ เอาแต่ชอบแม่เด็กนั่น รวมถึงหลังจากที่แม่เด็กนั่นทำอาหารฝีมือดี อีกทั้งยังมีความสามารถโดดเด่น และรักหลานชายคนโตเพียงคนเดียวเขาจึงฝืนใจยอมรับได้


แต่ในใจกลับมีปมเล็ก ๆติดอยู่ พอตอนนี้เหมยเหมยเอ่ยถึงโม่เหวินเซียงอีกครั้ง ปมในใจของคุณปู่เหยียนจึงขยายใหญ่ขึ้น หน้านิ่งขรึมลงทันที


คุณย่าหยางถอนหายใจยาวอีกครั้ง ในชีวิตนี้เธอไม่เคยทำเรื่องละอายแก่ใจเลย หนึ่งเดียวก็คือเรื่องที่ทำกับลูกสะใภ้คนก่อน เธอเป็นหนี้ชีวิตตระกูลโม่และเป็นหนี้ชีวิตหลานชายคนโตด้วย


หากกลับกันลูกสาวของเธอเป็นฝ่ายถูกครอบครัวของแม่สามีปฏิบัติเช่นนั้น เธอคงใช้มีดทำกับข้าวสับเหยียนโฮ่วเต๋อเป็นชิ้น ๆไปแล้ว แต่บัดนี้เหยียนโฮ่วเต๋อคือลูกแท้ ๆของเธอ เธอจะทำอะไรได้เล่า?


คุณย่าหยางยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ไม่ง่ายเลยกว่าหลานชายคนโตจะกลับมา ไอ้พวกขี้หนูสองก้อนนี่ยังดึงดันจะกลับมาทำลายบรรยากาศให้ได้ ต้องบอกเหยียนหมิงซุ่นสักหน่อยแล้วว่าให้ส่งทั้งสองคนไปเขตชายแดนเพื่อให้ปรับปรุงตัว อย่าได้ทำตัวสามวันดีสี่วันไข้แล้วกลับมาสร้างความรำคาญใจให้คนอื่นอีก


“วันปีใหม่แบบนี้แกเป็นบ้าอะไรขึ้นมา? ยิ่งแก่ก็ยิ่งเจ๋งมากงั้นเหรอ? ถ้าจะทะเลาะกันก็ไสหัวไป หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก”


คุณย่าหยางคว้าผ้าเช็ดโต๊ะได้ก็ขว้างไปปิดหน้าเหยียนโฮ่วเต๋อ เหยียนหมิงซุ่นทำเสียงคลื่นไส้อย่างสะอิดสะเอียน สีหน้าไม่สู้ดีนัก


“แม่ก็ดูที่นางเด็กนี่กับเด็กเวรนี่พูดสิ มันด่าว่าผมอย่างไร? แม่ดูให้ชัดเจนสิ!”


“ฉันเห็นชัดเจนดี เหมยเหมยไม่ได้พูดผิดนี่เพราะพวกเราทำผิดต่อเหวินเซียง แกมันพวกใจดำอำมหิต ถ้าไม่ใช่เพราะมุดออกมาจากท้องฉัน ฉันจะแทงแกตายด้วยมีดทำกับข้าวเลย!”


อ่านนิยาย


คุณย่าหยางยิ่งด่าไฟโทสะยิ่งปะทุ เดินฉับๆ เข้าห้องครัวอย่างรวดเร็วคว้าไม้นวดแป้งขึ้นมา พร้อมวิ่งออกมาฟาดเหยียนโฮ่วเต๋อไม่ยั้งจนยากจะหลบได้ อย่ามองว่าเธอเป็นหญิงชราอายุมากล่ะ เธอน่ะเต้นดิสโก้ผู้สูงวัยเพื่อออกกำลังกายทุกวัน และยังต้องยกตะกร้าผักไปจับจ่ายตลาดทุกวัน พละกำลังมีไม่น้อย ร่างกายว่องไวกระฉับกระเฉง


เหยียนโฮ่วเต๋อนั่งแต่ในห้องทำงานมาหลายปี ทั้งอ้วนทั้งขี้เซา รวมถึงเขาเป็นลูกกตัญญู ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหญิงชราเลยด้วยซ้ำ ในชั่วพริบตาจึงถูกทุบตีจนฟกช้ำดำเขียวร้องลั่นไม่หยุด


“แม่เป็นโรคอัลไซเมอร์เหรอ? ผมเป็นลูกแท้ๆ ของแม่นะ นี่แม่อยู่ข้างใครกันแน่เนี่ย?”


“สมองของฉันยังจำความได้ดี ถ้ารู้ว่าแกมันเป็นพวกใจดำอำมหิต ตอนนั้นคลอดแกออกมาคงจับยัดลงชักโครกไปแล้ว”


คุณย่าหยางโกรธมากที่เมื่อครู่เหยียนโฮ่วเต๋อบอกว่าจะฆ่าเหยียนหมิงซุ่นตั้งแต่คลอดออกมา กว่าเหยียนหมิงซุ่นจะโตขึ้นมาได้เป็นเพราะเธอเลี้ยงมา ซ้ำตอนเด็ก ๆก็ร่างกายไม่แข็งแรง แล้วยังต้องมาโดนถานซูฟางทารุณอีก ทั้งร่างกายและจิตใจล้วนมีปัญหา


เพื่อทำให้เหยียนหมิงซุ่นเป็นปกติ คุณย่าหยางทุ่มเทแรงกายแรงใจไปไม่น้อย ความรักก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น สำหรับในใจเธอแล้วไม่ว่าจะเป็นเหยียนโฮ่วเต๋อหรือเหยียนหมิงต๋าต่างก็ไม่สำคัญเท่ากับเหยียนหมิงซุ่น


แล้วเหยียนโฮ่วเต๋อมายืนด่าหลานชายหัวแก้วหัวแหวนต่อหน้าเธอแบบนี้ เธอจะไม่บันดาลโทสะได้เหรอ?


สาแก่ใจเหมยเหมยมาก เธอกังวลว่าร่างกายของหญิงชราจะรับไม่ไหวจึงชงชาเพิ่มยาวิเศษเล็กน้อยให้เงียบ ๆแล้วยกให้คุณย่าหยาง “คุณย่าดื่มชาให้คลายโมโหนะคะ พี่หมิงซุ่นโชคดีนักที่ได้คุณย่าคอยปกป้อง ไม่งั้นเขาคงถูกคนอื่นรังแกจนตายไปแล้ว!”


คุณย่าหยางยกแก้วชาดื่มรวดเดียว ความรู้สึกพร่าเบลอเล็กน้อยในตอนแรกก็กลับมาสดใส กระปรี้กระเปร่า เมื่อได้ยินคำพูดเหมยเหมย ภาพที่เหยียนหมิงซุ่นท่าทางซูบผอมจนน่าเวทนามาที่นี่เป็นครั้งแรกก็ปรากฏตรงหน้าเธอ ทั้งรู้สึกโกรธและปวดใจ


ตอนที่ 1638 ไม่ทำงานบ้านเด็ดขาด


“พวกแกไสหัวไปเดี๋ยวนี้ หลังจากนี้ไปไม่ต้องมาที่นี่อีก” คุณย่าหยางเริ่มทำการขับไล่ ใช้ไม้นวดแป้งฟาดอย่างไม่ลืมหูลืมตา


เหยียนโฮ่วเต๋อกับถานซูฟางถูกไล่ต้อนไปถึงลานบ้านอย่างน่าสงสาร ผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียงต่างวิ่งออกมาดูความครึกครื้น ยกมือชี้พลางนินทา


คุณปู่เหยียนรู้สึกขายหน้าเอามากจนเกิดความไม่พอใจต่อหญิงชรา และยิ่งไม่พอใจเหมยเหมย เขาเองก็โกรธที่เหยียนโฮ่วเต๋อต่อว่าหลานชายแต่ก็เป็นลูกชายเขา ถึงอย่างไรคงไม่ถึงกับต้องให้คนรุ่นหลังมาสั่งสอนหรอกมั้ง?


“ทำตัวอย่างกับอะไรดี? เข้าบ้านไปให้หมด ปีใหม่แบบนี้อย่าให้ใครเขามาหัวเราะเยาะเอาได้” คุณปู่เหยียนเดินเข้าไปยึดไม้นวดแป้งในมือของคุณย่าหยาง หน้าดำบึ้งตึงราวถ่านหิน


ปกติถ้าอยู่นอกบ้านคุณย่าหยางจะไม่คัดค้านสามีนัก เธอบ่นพึมพำเล็กน้อยจ้องเขาตาเขม็ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากขับไล่ใครอีก


เหยียนโฮ่วเต๋อสองสามีภรรยาผู้น่าสงสารเดินเข้าบ้านอย่างโมโห แต่พอเห็นว่าเหยียนหมิงซุ่นยังคงกินเกี๊ยวอย่างสุภาพ เมื่อเทียบกับใบหน้ากระเซอะกระเซิงของพวกเขาที่ต่างกันลิบลับ ในใจพลันรู้สึกแย่เสียกว่าเดิมมาก


คุณปู่เหยียนมองเหมยเหมยด้วยสายตาไม่พอใจ ความรู้สึกไม่ชอบที่อยู่ในใจยิ่งทวีคุณ เหยียนหมิงซุ่นดีทุกอย่างเว้นก็แต่โลภต่อสิ่งสวย ๆงาม ๆ ต้องเสียเปรียบในไม่ช้าก็เร็วแน่


เหยียนโฮ่วเต๋อถูกสั่งสอนไปยกใหญ่จึงไม่กล้าปริปากพูด นั่งนิ่งอย่างว่าง่าย คุณย่าหยางเข้าไปทำงานในครัว ถานซูฟางอยากเข้าไปด้วยแต่ก็กลัวถูกทุบตี จึงนั่งลงอย่างว่าง่ายเหมือนกับเป็นหุ่นไม้


“เธอเข้าครัวไปเป็นลูกมือให้คุณย่าสิ คุณย่าทำคนเดียวคงจะไม่ไหว” คุณปู่เหยียนพลันหันมาพูดกับเหมยเหมย ท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอะไร


เหมยเหมยนิ่งอึ้งแล้วลุกขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว แต่เสียงกำชับก่อนที่จ้าวอิงหัวจะขึ้นเครื่องบินก็ดังอยู่ในหูเธอ ภายในใจจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้น ตามหลักแล้วการช่วยเหลือคุณย่าเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่คุณปู่พูดออกมาแบบนี้กลับทำให้รู้สึกแย่


“ลูกสาว ลูกต้องจำไว้ว่าเข้าบ้านครั้งแรกห้ามทำงานบ้านเด็ดขาด ถ้ายอมทำล่ะก็ต่อไปก็ต้องทำจนไม่รู้จักจบจักสิ้น ทั้งชีวิตของลูกก็คงจะกลายเป็นดั่งวัวม้าที่เป็นคนรับใช้คนตระกูลเหยียนแล้วล่ะ!”


ถึงคำพูดของจ้าวอิงหัวจะเกินจริงไปหน่อยแต่ก็มีเหตุผลอยู่บ้าง เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางให้เธอเป็นคนใช้อยู่แล้ว แต่คนตระกูลเหยียนนั้นไม่แน่


ถึงอย่างไรก็เป็นคนในครอบครัวของเหยียนหมิงซุ่น ถ้าเธอจัดการไม่ได้ วันข้างหน้าให้เหยียนหมิงซุ่นคอยเป็นคนกลาง นานวันเข้าจะต้องห่างเหินกันไปแน่


ดังนั้น…


เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความรักของเหยียนหมิงซุ่น สะโพกของเธอจะขยับไปไหนไม่ได้เด็ดขาด


เหมยเหมยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินก้มหน้าบิดนิ้วมือเล่น คุณปู่เหยียนตีหน้าขรึม รู้สึกไม่ชอบใจยิ่งกว่าเดิม


ตามหลักแล้วเขาไม่จำเป็นต้องพูด หากว่าจ้าวเหมยเข้าใจสถานการณ์ดีก็จะรู้ตัวเองดีว่าควรเข้าครัวไปช่วยงาน แต่ตอนนี้เขาเอ่ยเตือนแล้วแม่สาวน้อยกลับยังนั่งนิ่ง ขี้เกียจเสียยิ่งกว่าตอนเด็ก ๆอีก


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มมุมปาก กินเกี๊ยวชิ้นสุดท้ายเสร็จ พูดว่า “พี่เข้าไปช่วยงานคุณย่าเอง เหมยเหมยนั่งนี่แหละ ไม่ต้องทำอะไรหรอกนะ!”


ผู้หญิงของเขาใครก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ทำงานบ้านทั้งนั้น!


เหยียนโฮ่วเต๋อบ่นพึมพำ “พ่อ พ่อดูสิ แม้แต่พ่อก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย”


เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เหยียนโฮ่วเต๋อตัวสั่นสะท้านในฉับพลันแล้วหุบปากลงทันที ในใจขมขื่นราวกับหวงเหลียน[1]


คนอื่นต่างก็อิจฉาที่เขามีลูกชายเป็นข้าราชการชั้นสูง แต่ใครหน้าไหนล่ะที่จะรู้ว่าเขาอึดอัดมากแค่ไหน?


ลูกชายใจจืดใจดำแบบนี้ไม่มียังดีเสียกว่า!


เหมยเหมยยิ้มหวานให้เหยียนหมิงซุ่น พยักหน้าอย่างว่าง่าย เหยียนหมิงซุ่นลูบหัวเธอเบา ๆยกชามเดินเข้าครัว แต่ก็ถูกคุณย่าหยางไล่ออกมาอย่างรวดเร็ว


“ถานซูฟาง เธอเป็นหุ่นไม้หรือไง เข้ามาล้างผักพวกนี้จะเอาแต่กินของคนอื่นอย่างเดียวไม่ได้!”


คุณย่าหยางออกคำสั่งด้วยพละกำลังอันเต็มเปี่ยม ในเมื่อไล่แล้วไม่ยอมไปงั้นก็ทำงานบ้านสิ!


…………………………………………………………………


ตอนที่ 1639 เป็นคนดี ภักดี รับใช้ชาติ


มื้ออาหารค่ำถือว่าสามัคคีกันดีอยู่ เหยียนโฮ่วเต๋อและถานซูฟางต่างก็ไม่กล้าพูดจาไร้สาระ เพียงแค่ก้มหน้าก้มตากินข้าว คุณย่าหยางเอาแต่คีบอาหารให้เหมยเหมยพร้อมถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ


“ครั้งนี้พวกเธอจะมาอยู่กี่วัน? ถ้างานไม่ยุ่งก็อยู่หลาย ๆวันหน่อยสิ!” คุณย่าถามอย่างมีหวัง


เหยียนหมิงซุ่นอยากจะพูดว่าอยู่แค่สองสามวัน แต่พอเห็นผมหงอกบนหัวคุณย่าหยางก็พลันใจอ่อน ยิ้มและพูดว่า “ดูก่อนว่ามีเรื่องที่ต้องสะสางไหม ถ้าไม่มีก็อยู่หลายวันหน่อย”


คุณย่าหยางดีใจในทันทีมีความสุขจนยิ้มไม่หุบ คีบเอาก้ามใหญ่ ๆของปูม้าใส่ชามเหมยเหมย พร้อมคีบอีกหนึ่งก้ามให้เหยียนหมิงซุ่น


“สองก้ามนี้เนื้อแน่นที่สุด ย่าจองไว้แต่แรกแล้ว ก้ามหนึ่งหนักหนึ่งกิโลเลยนะ!”


มือของเหยียนโฮ่วเต๋อเคว้งอยู่กลางอากาศ มองก้ามปูใหญ่ทั้งสองตาร้อนผ่าว สุดท้ายเลยคีบเอาก้ามเล็กขึ้นมาแทะกิน รสชาติดีมากจริง ๆแต่ติดที่เล็กไปหน่อย


เหมยเหมยแคะเนื้อปูออกจากก้าม ทั้งนุ่มทั้งแน่น จิ้มน้ำจิ้มเสร็จก็วางใส่ชามคุณย่าหยาง อมยิ้มพูด “คุณย่าหยางกินเนื้อปูสิคะ สารอาหารครบถ้วน ไขมันต่ำ กินแล้วดีต่อสุขภาพ”


“จ๊ะ!”


คุณย่าหยางรับความกตัญญูมาจากเหมยเหมย ตัวเธอเองเป็นหมอ เคยได้เรียนรู้เรื่องโภชนาการมาบ้างจึงรู้ว่าเหมยเหมยพูดถูกเลยอารมณ์ดีมากไปอีก


คุณปู่เริ่มพึงพอใจท่าทีของเหมยเหมยขึ้นมาเล็กน้อย รู้มารยาทว่าควรยอมให้คนแก่ เขาขบคิดพลางเหลือบหางตามองเหยียนหมิงซุ่นอย่างอดไม่ได้ เขาไม่ได้อยากกินก้ามปูก้ามนั้นแน่เพราะเขาไม่ใช่คนตะกละตะกลาม


แต่เขากลับอยากรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะจัดการกับก้ามปูใหญ่ ๆนั้นอย่างไร?


เนื้อขาวแน่น ๆถูกแงะออกมาอย่างรวดเร็ว ปลายขาอวบอ้วน ยาวเป็นเส้น พอได้เห็นก็เกิดความอยากอาหาร คุณปู่เหยียนกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ แต่ก่อนไม่คิดเลยว่าเนื้อปูม้าจะน่าดึงดูดขนาดนี้


เหยียนหมิงซุ่นเอาเนื้อปูจิ้มน้ำจิ้ม และวางลงในชามของเหมยเหมย แววตาเผยรอยยิ้ม


เจ้าปีศาจน้อยชอบกินเนื้อปูเป็นที่สุด!


เหมยเหมยฉีกยิ้มแล้วแบ่งเนื้อปูเป็นสองส่วน คีบขึ้นมาจ่อปากสื่อว่าให้เขาอ้าปาก เหยียนหมิงซุ่นชะงักก่อนแต่ก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เคี้ยวเนื้อปูพลางอมยิ้ม


เหมยเหมยจึงได้กินเนื้อปูอีกครึ่งที่เหลือ และยังส่งยิ้มให้คนข้างกายอย่างเหยียนหมิงซุ่นเป็นระยะ ๆ ความรักหวานหยดย้อยของทั้งคู่เกิดเป็นฟองอากาศสีชมพูลอยล่องไปทั่วห้อง บรรยากาศหวานชื่นมื่น


คุณย่าหยางยิ้มอย่างชื่นชม สองหนุ่มสาวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หนำซ้ำยังเป็นประเภทใจเธอมีฉัน ใจฉันมีเธอ เป็นความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ซึ่งกันและกัน


ในที่สุดหมิงซุ่นของเธอก็ตามหาคู่ชีวิตเจอแล้ว ต่อไปนี้จะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว!


คุณปู่เหยียนแค่นเสียงเบา เจ็บจี๊ดอยู่ในทรวง แถมด้วยความขมขื่น


มีเมียก็ลืมเขา ช่างเป็นหลักความจริงที่คงอยู่ไม่เคยเปลี่ยน ทั้ง ๆที่ตอนเด็ก ๆต่อให้เหยียนหมิงซุ่นจะซื้อมอลท์โตสมาแค่หนึ่งเม็ดก็จะแบ่งอีกครึ่งหนึ่งให้เขากับภรรยา!


เหมยเหมยมุ่ยปาก แต่ก่อนคุณปู่เหยียนไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้ แต่ยิ่งแก่ก็ยิ่งใจแคบนะเนี่ย!


ดูใบหน้าขุ่นเคืองนั่นสิ ก็แค่ก้ามปูก้ามเดียวเองไม่ใช่เหรอ!


เพราะไม่ได้ดื่มเหล้ามื้อค่ำจึงจบลงอย่างรวดเร็ว คุณย่าหยางจัดการเตรียมห้องให้พวกเขาด้วยความร่าเริง ซ้ำเธอยังเล่นหูเล่นตาจงใจถามเหยียนหมิงซุ่นว่าจะเอาหนึ่งหรือสองห้องดี


เหยียนหมิงซุ่นเห็นก็นึกตลก ตอบด้วยท่าทีนิ่ง ๆ “ห้องเดียวก้พอครับ ห้องเก่าของผมนั่นแหละ”


ดอกเก๊กฮวยเบ่งบานบนใบหน้าของคุณย่าหยาง เผยถึง ‘ฉันรู้ดีอยู่แก่ใจ’ ทางสีหน้า ตบไหล่เหยียนหมิงซุ่นอย่างพึงพอใจ ชูนิ้วโป้งให้เหยียนหมิงซุ่น “หลานของยายจะมีอนาคตแล้ว สู้ๆ ล่ะ!”


เป็นคนดี ภักดี รับใช้ชาติ!


เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าอย่างหนักแน่น “แน่นอนครับ คุณย่าวางใจได้!”


นอกเสียจากรอบเดือนจอมน่ารำคาญนั่นแล้ว เขาไม่มีทางเสียคืนวันแห่งความสุขไปเปล่า ๆแน่!


………………………………………………………………


[1] หวงเหลียนมีรสชาติขม


ตอนที่ 1640 พี่ชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่


เหยียนโฮ่วเต๋อและถานซูฟางก็ไม่กลับบ้านตัวเอง แต่นอนห้องของเหยียนหมิงต๋า พอเขาเห็นการจัดการของคุณย่าหยางเช่นนั้นจึงบ่นพึมพำกับคุณปู่เหยียน


“ยังไม่ทันแต่งงานก็อยู่ด้วยกันแล้ว ภาพลักษณ์ดี ๆจะเหลือเหรอ? ผมคิดว่างานแต่งครั้งนี้คงต้องไตร่ตรองดูใหม่ อย่าแต่งเอาตัวปัญหาเข้าบ้านเลยดีกว่า!”


ถานซูฟางก็ร่วมด้วยไม่กี่ประโยค แต่เธอแค่พูดส่ง ๆไปอย่างนั้น ถึงอย่างไรเธอก็มีอีกแผนการไว้อยู่แล้ว


เหอะ เจ้าบ้าเหยียนหมิงซุ่น เธอมีชีวิตที่ย่ำแย่ เดรัจฉานอย่างมันก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีได้เลย!


ความจริงคุณปู่เหยียนก็มีความคิดที่ว่า เหยียนหมิงซุ่นเอาเปรียบผู้หญิงแบบนี้ไม่ดีเลย หากว่าเกิดเรื่องผิดพลาดแล้วแต่งงานกันไม่ได้ ครอบครัวฝ่ายหญิงของเหมยเหมยก็จะเสียเปรียบเอามาก


แต่เขาก็คิดว่าเหมยเหมยหัวอ่อนเกินไป หากว่าเป็นหลานสาวของเขาล่ะก็ เขาคงใช้ไม้เรียวฟาดไปนานแล้ว!


“ต่อให้ภาพลักษณ์ไม่ดีก็ยังดีกว่าแกแล้วกัน ตอนนั้นพวกแกสองคนอยู่ด้วยกันอย่างไรเหรอ? เหอะ!” คุณปู่เหยียนด่าออกไปอย่างหัวเสีย คิดจะหลอกใช้เขาออกหน้าเหรอ?


ฝันไปเถอะ!


เหยียนโฮ่วเต๋อหน้านิ่งขรึม จ้องถานซูฟางตาเขม็งด้วยความโกรธ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะหญิงชั่วคนนี้ หากว่าตอนนั้นไม่ยั่วยวนเขาแล้วเขาจะยอมขึ้นเตียงกับเธอเหรอ?


ตอนนี้ความผิดทั้งหมดตกอยู่ที่เขา ภรรยาคนแรกต้องมาตาย รักสนุกกับผู้หญิงแล้วเขี่ยทิ้ง ถือว่าเป็นเฉินซื่อเหม่ย[1]ในคาบปัจจุบัน… ทั้งหมดล้วนเป็นหมวกที่ครอบอยู่บนหัวเขา


ไม่รู้ว่าเพื่อนที่ทำงานไปได้ยินมาจากไหน บางครั้งก็ถกเถียงกันต่อหน้าเขา ซ้ำยังมีผลกระทบต่อการเลื่อนขั้นของเขาอีก ชีวิตส่วนตัวที่ดูเหลวแหลกจะสามารถเลื่อนขั้นได้อย่างไรกัน?


ถ้าเหยียนโฮ่วเต๋อรู้แต่แรกว่าจะมีผลกระทบที่ร้ายแรงขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่มีทางคบหากับถานซูฟางแน่นอน พอตอนนี้มาคิด ๆดูแล้วนอกจากเรื่องไร้การศึกษา เรื่องอื่นโม่เหวินเซียงเก่งกว่าถานซูฟางทุกอย่างเลย!


ในตอนนั้นเขาถูกบังตาด้วยน้ำมันหมูหรือไงกัน!


เสียดายที่ในโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง!


ทางด้านคุณปู่เหยียนวิตกกังวลอย่างหนัก ขบคิดอยู่เนิ่นนานจึงลากคุณย่าหยางออกไปกระซิบกระซาบอีกฝั่ง พูดด้วยสีหน้าแดงก่ำว่า “คุณเอาถุงนั่นไปให้เหยียนหมิงซุ่นหน่อยสิ พวกวัยรุ่นไม่ค่อยรู้ความ อย่าเพิ่งให้มีอีกหนึ่งชีวิตขึ้นมาเลย จ้าวเหมยยังเรียนอยู่เลยนะ!”


“ทำไมฉันต้องเป็นคนเอาไปให้? คุณให้เองไม่ได้เหรอ?” คุณย่าหยางจ้องเขา


คุณปู่เหยียนหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม พูดโมโหกลบเกลื่อน “คุณจะไม่เอาไปให้ก็ได้ ถึงเวลานั้นทำคนอื่นท้องโตขึ้นมา ฉันจะคอยดูสิว่าคุณจะอธิบายกับตระกูลจ้าวอย่างไร!”


“ท้องก็แค่คลอดออกมา ถึงอย่างไรก็เป็นคนในตระกูลเรา ฉันอยากมีเหลนพอดี!”


คุณย่าหยางจงใจยั่วโมโหเขา แค่ปากเธอพูดไปอย่างนั้น จะให้เหมยเหมยมามีลูกตอนนี้ได้อย่างไรกัน เธออายุน้อยเกินไปจะเป็นอันตรายง่าย


ห้องนอนของเหยียนหมิงซุ่นยังเหมือนเฉกเช่นเดิม การตกแต่งไม่เปลี่ยนไปมาก สะอาดสะอ้านไร้ที่ติ บนผนังแขวนประกาศนียบัตรรางวัลต่าง ๆที่เมื่อก่อนเหยียนหมิงซุ่นเคยได้รับเต็มไปหมด


เหมยเหมยไม่ได้เข้ามาเป็นครั้งแรก แต่เป็นครั้งแรกที่เธอมานอนค้างที่นี่ เธออดคิดถึงตอนที่เพิ่งกลับชาติมาเกิดใหม่ไม่ได้ ตอนที่เจอเหยียนหมิงซุ่น เขาไม่สนใจเธอเลยสักนิด หนำซ้ำยังไม่ยอมแบกเธออีกต่างหาก


“พี่คะ พี่ชอบฉันตั้งแต่เมื่อไรเหรอ? ต้องพูดความจริงนะ!”


เหมยเหมยอดถามไม่ได้ เธอเดินตามติดหลังเหยียนหมิงซุ่นที่ตระเตรียมที่นอนราวกับหมาพันธ์ปั๊ก


เหยียนหมิงซุ่นกางผ้าห่มออกแล้วหันเหลือบมอง เจ้าปีศาจน้อยสีหน้าเจ้าเล่ห์ มุมปากยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาดึงปกเสื้อของเหมยเหมยด้วยมือเดียวย้ายไปอีกฝั่งอย่างเบามือ พูดเสียงเรียบว่า “อย่าขวางพี่ทำงานสิ!”


เหมยเหมยจัดคอเสื้ออย่างนึกโมโห แล้วเซ้าซี้ถามอย่างไม่ลดละ “พี่จะพูดหรือไม่พูด? ถ้าไม่พูดคืนนี้ไปนอนที่พื้น!”


เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้ว งอแขนเกี่ยวดึงเธอเข้ามาใกล้ พอสบโอกาสก็กดไว้ใต้ร่างพลางยิ้มอย่างชั่วร้าย “นี่เหมยเหมยกำลังจะเตือนพี่ว่าคืนนี้ให้ทำงานบนพื้นหรือเปล่า?”


…………………………………………….


ตอนที่ 1641 เอาข้าวของเครื่องใช้จำเป็นมาส่งให้


เหมยเหมยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดของใครบางคน ก็รู้สึกโมโหอับอายจนหน้าแดง หมัดเล็ก ๆทุบใส่ไม่หยุด ด่าอย่างเขินอายว่า “คนเลว พี่ต้องตอบคำถามของฉันมาเร็ว ๆว่าทำไมตอนนั้นพี่ถึงไม่ยอมแบกฉัน?”


เหยียนหมิงซุ่นไม่มีปฏิกิริยาใด ๆนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เหมยเหมยเตือนสติเขา “ก็ตอนที่ฉันอายุสิบสองปีเลิกเรียนแล้วปวดท้องนั่นไง ฉันให้พี่แบกฉันแต่พี่ไม่ยอมแบก แถมยังทำเฉยเมยใส่อีก”


เชอะ เรื่องนี้เธอสามารถจำไปจนชั่วชีวิตเลยแหละ!


ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นถึงนึกขึ้นมาได้ ที่แท้หัวใจของผู้หญิงเล็กเสียยิ่งกว่าเข็มอีกนะเนี่ย เรื่องเล็กแค่นี้ยังจำฝังใจอีก


“ที่รักเธอต้องมีเหตุผล ตอนนั้นพี่กับเธอยังไม่สนิทกัน พี่จะแบกเธอได้อย่างไร? หรือว่าเธอจะให้พี่ไปแบกผู้หญิงแปลกหน้าคนอื่นงั้นเหรอ?”


“แน่นอนว่าไม่ ต่อให้สนิทกันก็ห้ามแบกห้ามอุ้ม พี่แบกฉันได้แค่คนเดียวเท่านั้น!” กระดิ่งสัญชาตญาณของเหมยเหมยสั่นเตือนอย่างแรง ยื่นมือบีบแก้มของเหยียนหมิงซุ่นแล้วออกแรงดึงทั้งสองข้าง


กล้าแบกผู้หญิงคนอื่น ก็รอเธอฉีกอกได้เลย!


ดวงตาเรียวยาวของเหยียนหมิงซุ่นเบิกขึ้นเล็กน้อย มองเธออย่างยียวน แต่มือกลับเริ่มอยู่ไม่สุขปัดป่ายไปทั่ว


คุณย่าหยางเพิ่งเอาผ้านวมไปตากเมื่อเช้าจึงส่งกลิ่นหอมละมุน นักกวีมักจะบอกว่ามันเป็นกลิ่นของแสงแดด เหมยเหมยบิดตัวมุดเข้าไปในผ้าห่ม เพื่อไม่ให้ใครบางคนทำแผนชั่วสำเร็จ


“พี่ยังไม่บอกเลยว่าเริ่มชอบฉันตอนไหน ไม่บอกฉันก็ไม่ออกไป”


เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจเบา ๆ ยัยปีศาจน้อยคิดว่าผ้านวมจะสามารถหยุดเขาได้งั้นเหรอ?


แต่ว่าเวลานี้เหมยเหมยก็ดูน่ารักไปอีกแบบ เขาก็ไม่ถือสาที่จะเล่นเป็นเพื่อน


“พี่ขอคิดดี ๆก่อนว่าเริ่มชอบเธอตอนไหนกันนะ? น่าจะเป็น…” เหยียนหมิงซุ่นพูดพลางมองไปที่สาวน้อยที่ขดตัวเป็นดักแด้อยู่บนเตียง ตั้งใจเงียหูฟัง ผ้านวมกระจัดกระจายไปแล้วยังไม่รู้ตัวเลย


“ก็ตอนนี้ไง…”


เพิ่งสิ้นเสียงเหยียนหมิงซุ่นก็ลงมืออย่างรวดเร็ว จับเหมยเหมยออกมาจากผ้าห่ม กดเอาไว้ใต้ร่าง มือเหมือนงูที่เลื้อยมุดเข้าไปจับร่างกายตัวอุ่นนุ่มนิ่ม ใจเต้นโครมคราม หายใจหอบหนัก จูบลงบนกลีบดอกอันหอมหวาน


“เกลียด…หลอกฉันอีกแล้ว…คนเลว…”


เหมยเหมยทุบตีอย่างอ่อนแรง ร่างกายอ่อนปวกเปียกราวกับโคลน แล้วค่อย ๆมีปฏิกิริยาตอบรับ บรรยากาศในห้องเริ่มอบอวลไปด้วยความรัก


“ก๊อก ๆ”


ประตูถูกเคาะดังขึ้นขัดจังหวะอันดีงามของพวกเขาทั้งสอง โชคดีที่เสื้อผ้าในฤดูหนาวมันหนาจึงยังไม่ทันจะได้เปลือยกาย เหมยเหมยรีบผลักร่างของเหยียนหมิงซุ่นบนตัวออก จัดระเบียบเสื้อผ้าและผมเผ้าอย่างเร่งรีบใบหน้าแดงซ่านเหมือนปัดแก้มก็ไม่ปาน


เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ เหน็บเสื้อเข้าไปในกางเกง เอ่ยถามขึ้นว่า“ใครน่ะ?”


คุณย่าหยางส่งเสียงขานรับ เธอเป็นคนที่ฉลาดและมากประสบการณ์ ตอนนี้รับรู้ได้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดนี้แต่ทั้งสองคนยังไม่เปิดประตูน่าจะกำลังทำเรื่องอย่างว่าอยู่ หน้าก็พลันแดงซ่าน แต่ก็รู้สึกโชคดีที่ตัวเองมาทันเวลา


“ฉันเอาพวกข้าวของเครื่องใช้จำเป็นมาให้”


เหยียนหมิงซุ่นกำลังจะไปเปิดประตู เหมยเหมยก็ส่งเสียงหัวเราะพรืดออกมา ชี้ไปที่ผมบนหัวที่ยุ่งเหมือนรังไก่ที่เมื่อครู่โดนเธอขยี้เข้าให้ ตอนไหล่เปลือยเปล่ามองดูแล้วก็เซ็กซี่ดีอยู่หรอก แต่ตอนนี้ใส่เสื้อผ้าแล้วกลับรู้สึกตลกมากเลย


“ไก่ ไก่ ไก่!”


เหมยเหมยพูดหยอกล้อไม่มีเสียง เหยียนหมิงซุ่นส่องกระจกและรีบจัดการกับทรงผม ดวงตาดุดัน ทำปากพูดว่า “อีกเดี๋ยวจะจัดการเธอ!”


ประตูเปิดออก คุณย่าหยางโผล่หัวเข้ามาอย่างเร็ว สวมแว่นตาที่เมื่อครู่เธอตั้งใจพกมาโดยเฉพาะ


ดวงตาของคุณยายเป็นเหมือนไฟฉายก็ไม่ปาน เพียงแค่ครู่เดียวก็มองไปทั่วทั้งห้องแล้ว แต่กลับไม่พบจุดน่าสงสัย ตัวอย่างเช่นเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ที่พื้น เตียงอันยุ่งเหยิง หลานชายคนโตหรือเหมยเหมยที่มีสภาพไม่เรียบร้อย…


ไม่มีเลยสักอย่าง!


หรือว่าเมื่อครู่เธอคิดผิดไป?


“คุณย่า!” เหยียนหมิงซุ่นเรียกเสียงสูง


คุณย่าหยางหัวเราะคิกคักแล้วหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อหนึ่งกล่องยัดใส่มือของเหยียนหมิงซุ่นด้วยท่าทีลับ ๆล่อ ๆ  พูดเสียงเบาว่า “หมิงซุ่นหลานใช้ตามสบายเลยนะ ย่ามีอีกเยอะ มีเป็นหลายร้อยอันเลย!”


…………………………………………..


[1] บุรุษผู้หนึ่งในสังคมจีนโบราณ เป็นที่รู้จักในนาม ‘ผู้ชายเลวทรามที่มีพฤติกรรมทรยศต่อภรรยาของตน’


ตอนที่ 1642 ผิดไซส์


เหยียนหมิงซุ่นเปิดกล่องในมือด้วยความข้องใจ ซึ่งด้านในมีลูกโป่งสีเหลืองอ่อนใสจัดวางเรียงเป็นระเบียบ อยู่เต็มกล่อง สติปัญญาใช้การไม่ได้ไปชั่วขณะ นี่มันอะไรกัน?


คุณย่าหยางอธิบายอย่างใจเย็นว่า “นี่คือถุงยางอนามัย มีความยืดหยุ่นดีมากเลยนะ หมิงซุ่นหลานน่าจะใช้ได้ ตอนนี้เหมยเหมยยังเด็กหลานจะให้นังหนูมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ได้หรอกนะ”


เหยียนหมิงซุ่นมีสีหน้าระอา…


คุณย่าของเขาก็จริง ๆเลย ตั้งใจเอากล่องถุงยางอนามัยมาให้เขาเลยเหรอนี่!


เขากับเหมยเหมยต้องป้องกันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เขาจะควบคุมเอาออกมาปล่อยข้างนอก บางครั้งก็จะคำนวณวันปลอดภัย น้อยครั้งนักจะใช้ถุงยางอนามัย และเขาก็จะไม่ยอมให้เหมยเหมยกินยาแน่นอน


“ผมคงไม่ต้องใช้หรอกครับ คุณย่าเอากลับไปเถอะครับ” เหยียนหมิงซุ่นคืนกล่องกลับไปโดยไม่ต้องคิด น่าอึดอัดเป็นบ้าเลย


“ทำไมถึงไม่ใช้ล่ะ? หลานอยากทำให้เหมยเหมยท้องหรือไง? หมิงซุ่นย่าจะบอกให้นะอย่าไปเชื่อเรื่องปล่อยข้างนอกกับนับวันปลอดภัยเด็ดขาด พวกนี้ไม่ปลอดภัยเลยสักนิด ไม่ใช่ว่าย่าดูถูกผู้ชายแบบพวกหลาน ๆอะไรหรอกนะ แต่พอถึงเวลานั้นจะมีผู้ชายสักกี่คนกันที่จะไม่ลืมเอามาปล่อยด้านนอกน่ะ?


ผู้ชายสบายตัวชั่วขณะแต่ผู้หญิงลำบากไปชั่วชีวิต หลานอย่าทำตัวเป็นผู้ชายไร้ความรับผิดชอบแบบนั้นสิ  วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือใส่ถุงยางอนามัย  ทั้งสะอาดและปลอดภัย ดีต่อคุณดีต่อเธอและดีต่อทุกคน…”


คุณย่าหยางพูดยาวเหยียดเป็นพรวนจนเสริมคำพูดรณรงค์ตอนแจกถุงยางให้โรงเรียนและครอบครัวไปโดยไม่รู้ตัว เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที


ถกประเด็นเรื่องนี้กับคุณย่าตัวเองมันน่าอึดอัดเสียจริง…


เขายื้อแย่งกล่องมาแล้วดันคุณย่าหยางออกไป แล้วพูดเสียงฮึมฮัมว่า “ผมเข้าใจแล้วครับ ถ้าคุณย่าไม่มีธุระอะไรก็ไม่ต้องมาเคาะประตูนะครับ”


คุณย่าหยางทำหน้าประมาณว่า ‘ฉันรู้หมดทุกอย่างแหละ’ แล้วพยักหน้ารับไม่หยุดพร้อมเอ่ย “เข้าใจแล้ว ๆ หมิงซุ่นหลานวางใจใช้มันได้เลย พรุ่งนี้ย่าจะไปซื้ออัณฑะวัวมาให้จะได้บำรุงร่างกายสักหน่อยนะ!”


“พลั่ก”


เหยียนหมิงซุ่นปิดประตูลงอย่างหมดความอดทนแล้วยังใส่กลอนประตูด้วย


คุณย่าหยางลูบจมูกปอย ๆพร้อมยิ้มตาหยี หลายชายคนโตเขินเข้าแล้ว


ไม่รู้ว่าตอนนี้หลานชายคนโตไซส์เท่าไร ตอนเด็กขนาดก็ใหญ่นำเด็กผู้ชายรุ่นเดียวกันไปหนึ่งไซส์อย่างน่าประหลาดแล้ว!


เหมยเหมยช่างมีบุญจริง ๆ!


เหยียนหมิงซุ่นปิดประตูด้วยใบหน้าบึ้งตึง หมุนตัวกลับมาก็เห็นเหมยเหมยกุมท้องหัวเราะกรามค้างกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง เขาจึงวางกล่องลงอย่างไม่ใส่ใจ ขายาวข้างหนึ่งกดลงบนตัวเหมยเหมย กดเสียงต่ำถาม “ตลกนักหรือไง?”


เหมยเหมยปาดน้ำตาที่ขำจนน้ำตาเล็ดออกแล้วใช้แรงพยักหน้า แต่ดวงตากลับเหลือบไปมองกล่องที่วางอยู่ด้านข้าง อยากจะเห็นเหลือเกินว่าถุงยางอนามัยในยุคเก้าศูนย์มันเป็นอย่างไรนะ!


เหยียนหมิงซุ่นฉีกยิ้มที่มุมปากแต่ในดวงตากลับปล่อยไออันตรายออกมา  ขาทับท่อนล่างของเหมยเหมยไว้ เพียงครู่เดียวก็ถอดเสื้อผ้าท่อนบนจนเกลี้ยงและตามด้วยท่อนล่าง จากนั้นก็กลายเป็นแพะน้อยที่รอเชือดอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะมุดอยู่ในผ้าห่มก็ยังตัวสั่นสะท้านอยู่ดี


“หนาว…”


“เดี๋ยวขยับตัวหน่อยก็ไม่หนาวแล้ว”


เหยียนหมิงซุ่นเองก็กระชากเสื้อผ้าบนกายออกแล้วมุดเข้าไปในผ้าห่ม ร่างกายที่ร้อนรุ่มทำให้ผ้านวมอุ่นขึ้นและร้อนขึ้นในทันที


“พี่ก็ใช้ถุงยางอนามัยที่คุณย่าเอามาให้สิ ผู้ใหญ่เขาเจตนาดีนะ!” เหมยเหมยหายใจหอบแต่น้ำเสียงออดอ้อน


เหยียนหมิงซุ่นมองค้อนใส่แต่คิด ๆดูแล้วก็หยิบจากกล่องมาชิ้นหนึ่ง เหมยเหมยรับมาด้วยความอัศจรรย์ใจ เป่าปากอย่างยียวนและพูดขึ้นว่า  “ฉันใส่แทนพี่เอง…”


บรรยากาศเร้าร้อนมาก เหยียนหมองซุ่นเองก็ใกล้ถึงอารมณ์ขีดสุดเต็มที อีกเพียงนิดเดียวเขาก็พร้อมจะปลอดปล่อยออกมาแล้ว


แต่ทว่า——


สอดใส่ไปได้ครึ่งหนึ่งเหยียนหมิงซุ่นก็ส่งเสียงร้องคำรามเสียงเบาอย่างเจ็บปวด ตนดึงถุงยางออกและกัดฟันพูดว่า “เล็กเกินไป!”


 คุณย่าของเขาทำเรื่องบ้าอะไรเนี่ย?


แล้วยังบอกว่ายืดหยุ่นดีอีก นี่แทบรัดน้องชายของเขาขาดอยู่แล้ว!


 “พรืด”


เหมยเหมยปล่อยขำก๊ากออกมา อันที่จริงคือกลั้นไม่อยู่แล้ว คุณย่าหยางช่างน่ารักเหลือเกิน!


“ยัยตัวแสบ ใครให้เธอหัวเราะกันฮะ…”


เหยียนหมิงซุ่นเหยียดตัวเกร็ง เพียงครู่เดียวเขาก็ปลดปล่อยความสุขออกมา ทั้งห้องอบอวลไปด้วยความรัก


……………………………………


 ตอนที่ 1643 อยู่บนเตียง


คืนนี้เหยียนหมิงซุ่นมีพละกำลังยิ่งกว่ากินซุปอัณฑะวัวเสียอีก ขยับท่วงท่าบนร่างกายเหมยเหมยอย่างแข็งขันจนถึงดึกดื่น วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยจึงยังนอนอยู่บนเตียงตามคาด


“จะเที่ยงอยู่แล้ว ทำไมยังไม่ลุกจากเตียงกันอีก? ไม่มีกฎระเบียบเอาเสียเลย” เหยียนโฮ่วเต๋อกินมื้อเช้าไปบ่นอุบอิบไป


เพราะว่าเหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยต่างก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนไร้ตัวตน เขาจึงต้องสร้างความรู้สึกของการมีอยู่ตลอดเวลา แต่เขากลับไม่รู้ว่ายิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้น่ารำคาญ


ถานซูฟางกินอยู่เงียบ ๆแต่ในใจกลับคิดวางแผนอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้เธอให้ของขวัญชิ้นใหญ่ถึงขอลาหยุดพักได้หนึ่งเดือน แต่ก็พักอยู่เมืองจินได้แค่เพียงเดือนครึ่ง เธอต้องคิดหาทางให้ได้โดยเร็วที่สุด


พูดจาดี ๆกับเหยียนหมิงซุ่นคงไม่มีทางเป็นไปได้ เหยียนหมิงซุ่นเกลียดเธอจะตายไป เธอคงต้องใช้วิธีอื่นเสียแล้ว!


“หมิงซุ่น หลานจะไปหมู่บ้านตระกูลโม่เมื่อไหร่?” คุณย่าหยางถาม


มือของเหยียนโฮ่วเต๋อชะงักอยู่ครู่หนึ่งท่าทางเปลี่ยนไปดูไม่เป็นธรรมชาติ งุดหน้าลงยิ่งกว่าเดิมง่วนอยู่กับการกินโจ๊ก


“พรุ่งนี้ค่อยไปครับ ย่ากับปู่ไม่อยากไปอยู่ที่เมืองหลวงจริง ๆเหรอครับ?” เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้นอีกครั้ง


การงานและการใช้ชีวิตของเขาในวันข้างหน้าส่วนใหญ่คงต้องอยู่ที่เมืองหลวงเป็นหลักอย่างไม่ต้องสงสัย คงจะไม่ได้กลับมาบ่อย ๆ คนแก่ทั้งสองคนก็อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ควรมีคนดูแลอยู่ใกล้ ๆ เอามาอยู่ข้างกายน่าจะวางใจได้มากกว่า


สำหรับเหยียนโฮ่วเต๋อลูกชายคนนี้คงหวังอะไรไม่ได้อีกแล้ว


คุณปู่เหยียนและคุณย่าหยางครุ่นคิดเงียบ ๆไม่พูดไม่จา เหยียนหมิงซุ่นพูดอีกครั้งว่า “ไม่อย่างนั้นปู่กับย่าลองไปอยู่ที่เมืองหลวงก่อนสักสามสี่วัน หากรู้สึกว่าไม่ชินจริง ๆค่อยกลับมา ดีไหมครับ?”


คุณย่าหยางตาเป็นประกาย วิธีการนี้ดี ถึงอย่างไรตอนนี้นั่งเครื่องบินก็สะดวกสบายมากจึงตอบกลับไปอย่างสบาย ๆว่า “ได้ หลังปีใหม่ย่ากับตาของแกจะไปพักอยู่ที่นั่นสักสามสี่วัน รอแกกับเหมยเหมยมีลูก ฉันยังช่วยเลี้ยงหลานได้อีกนะ!”


เหยียนหมิงซุ่นมุมปากกระตุก เรื่องเลี้ยงหลานรอไปก่อนดีกว่ามั้งง!


เขาก็ไม่กล้าพูดว่าตอนนี้จะไม่มีลูกกลัวว่าคุณย่าจะร้อนใจจนมาเร่งเขาเอา จึงได้พยักหน้าไม่ปริปากพูด คุณย่าหยางกลับเข้าใจผิดไปว่าทั้งสองคนเรียนจบก็จะมีลูกเลยจึงร่าเริงขึ้นมา คุณปู่เหยียนก็ยิ้มหน้าชื่นตาบานเช่นกัน รู้สึกดีและประทับใจในตัวเหมยเหมยขึ้นมาเยอะ


อย่างน้อยก็ไม่เหมือนหญิงสาวบางคน แต่งงานแต่กลับไม่มีลูกบอกว่ากลัวส่งผลกระทบต่อร่างกาย และยังบอกอีกว่ากลัวว่าจะเสียพื้นที่ความเป็นส่วนตัวไป เหตุผลมีเยอะแยะเต็มไปหมด ก็แค่ไม่ยอมมีลูกแต่ทำเอาเขาโมโหเกือบตาย


คุณไม่คลอดฉันไม่คลอดทุกคนไม่คลอด แล้วสังคมจะดำเนินต่อไปอย่างไร? มนุษย์บนโลกนี้จะสูญพันธุ์ไปหมดใช่ไหมล่ะ?


เหยียนโฮ่วเต๋อแอบกังวลใจ ทุกคนไปเมืองหลวงกันหมดแล้วในเมืองจินก็เหลือเขาเพียงคนเดียวแล้ว เขาจึงวิตกกังวลร้อนใจชั่วขณะ พูดโพล่งออกมาว่า “แม่ แม่ไปไม่ได้ แม่ไปแล้วผมจะไปกินข้าวที่ไหนกันล่ะ?”


คุณย่าหยางหน้าขรึมลง ผ้าขี้ริ้วลอยมาอีกครั้ง ด่ายกใหญ่ว่า “ฉันเป็นแม่บ้านที่แกจ้างมาหรือไง? แกไม่มีมือไม่มีเท้า ทำเองไม่เป็นหรือไง?”


เหยียนโฮ่วเต๋อดึงผ้าขี้ริ้วไว้ไม่กล้าโต้ตอบกลับ มีอาหารให้กินโดยไม่ต้องทำเองใครจะยอมทำกันล่ะ พูดก็พูดเถอะเขาโตจนป่านนี้ยังไม่เคยเข้าครัวเลย แม้กระทั่งต้มบะหมี่ง่าย ๆยังไม่เคยทำเลย คงจะไม่ให้คนอายุมากอย่างเขาไปเรียนทำอาหารหรอกนะ?


ถานซูฟางใจเต้น รีบพูดด้วยดี ๆว่า “แม่อย่าโมโหเลย หากฉันอยู่ที่เมืองจินจะต้องสามารถดูแลคุณเหยียนได้ดีแน่ ๆ”


คุณย่าหยางเหลือบมองเธอ พูดตำหนิว่า “ฝีมือการทำอาหารของเธอก็งั้น ๆจะกลับมาทำไม? หากไม่ได้จริง ๆก็จ้างแม่บ้านเอา ตอนนี้มีเงินยังกลัวว่าจะไม่มีข้าวกินอีกหรือไง?”


ถานซูฟางไปทำงานที่ชายแดนในหลายปีมานี้เป็นช่วงเวลาที่คนแก่อย่างเธอใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจเป็นที่สุด จะไม่ให้ผู้หญิงคนนี้กลับมาเพิ่มความกลัดกลุ้มใจอีกเด็ดขาด


เหยียนหมิงซุ่นเหลือบไปมองถานซูฟางที่มีสีหน้าบึ้งตึงอยู่แวบหนึ่ง คิดจะกลับเมืองจินงั้นเหรอ?


เชอะ ชั่วชีวิตนี้อย่าได้คิดเลย!


ใช้ชีวิตยากจนข้นแค้นอยู่ที่เขตภูเขาอย่างสงบเพื่อเป็นการชดใช้ความผิดและไถ่โทษให้กับแม่ของเขาเสียเถอะ!


สำหรับเหยียนโฮ่วเต๋อ หากไม่ใช่เพราะกลัวคุณปู่คุณย่าจะทุกข์ใจล่ะก็ เขาก็อยากจะส่งไปอยู่ชายแดนด้วยกันเสียจริง ๆ ช่างเถอะ…รอหลังจากพวกเขาตายไปก่อน ค่อยให้หมอนี่ชดใช้ความผิดก็แล้วกัน!


ตอนที่ 1644 ยังไม่ทันได้เตรียมพร้อมดีเลย


วันที่สามของวันตรุษจีนเหยียนหมิงซุ่นกลับมาที่หมู่บ้านตระกูลโม่พร้อมเหมยเหมยเพื่อมาสวัสดีปีใหม่คุณยายและคุณอาคุณน้า หลายปีที่ผ่านมานี้ภายใต้การนำของเหยียนหมิงซุ่น ตระกูลโม่เปลี่ยนแปลงไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ใช่แค่เพียงครอบครัวที่รวยเป็นอันดับหนึ่งในเมืองจิน ตอนนี้ยังติดอันดับในประเทศ เร็วกว่าชาติก่อนสิบปี


ถนนบนภูเขาของหมู่บ้านตระกูลโม่ได้รับการปรับปรุงเป็นอย่างมาก ที่นี่เคยเป็นถนนลูกรังมีแต่หลุมแต่บ่อ ทว่าตอนนี้กลับเป็นถนนคอนกรีตเรียบ รถขับได้โดยไม่มีการสั่นกระเทือนเลยแม้แต่นิดเดียว


ใกล้ทางเข้าหมู่บ้าน เหมยเหมยพบแท่นหินที่มีชื่อมากมายถูกสลักไว้บนนั้น ที่อยู่หน้าสุดก็คือ ‘คู่สามีภรรยาโม่ป๋ายซานและหยูอิ๋นฮวา’ ด้านหลังมีชื่อสลักไว้เป็นพรวน โม่เหวินต้งและโม่ซิวหย่วนก็อยู่ในรายชื่อ มีบางชื่อที่เหมยเหมยไม่รู้จัก แต่ก็เป็นนามสกุลโม่ทั้งหมด


โม่เหวินต้งเป็นน้าชายคนเล็กของเหยียนหมิงซุ่น มีความสัมพันธ์อันดีกับเขาที่สุดแล้ว โม่ซิวหย่วนเป็นลูกพี่ลูกน้อง ตอนนี้เขาเป็นผู้นำตระกูลโม่ ทรัพย์สินของตระกูลโม่อยู่ภายใต้การบริหารของเขา และมันเพิ่มทวีคูณขึ้นหลายเท่า


“นี่คือถนนที่สร้างขึ้นเมื่อปีที่แล้วใช่ไหม? ไม่เลวเลยจริง ๆ!” เหมยเหมยพูดจากใจจริง


เมื่อปีที่แล้วโม่ซิวหย่วนเสนอให้สร้างถนนซีเมนต์ในหมู่บ้านโดยใช้ชื่อของคุณปู่โม่และคุณย่าโม่ สร้างเป็นกุศลให้ทั้งสองคน แน่นอนว่าตระกูลโม่ไม่มีใครคัดค้าน ทรัพย์สินเงินทองสะสมได้ในระดับหนึ่งแล้ว เจตนาก็ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงหรืออย่างไรเล่า!


ตระกูลโม่เป็นคนออกหน้าเป็นหัวเรือใหญ่ จากนั้นก็ระดมทุนจากคนทั้งหมู่บ้าน มีเงินก็ออกเงินมีแรงก็ออกแรง คนทั้งหมู่บ้านร่วมมือร่วมใจกันซ่อมแซมถนนสายนี้ แม้แต่สถานีโทรทัศน์เมืองจินยังเอาไปรายงานข่าวออกทีวี อย่าให้พูดถึงเลยว่าหมู่บ้านใกล้เคียงนั้นอิจฉากันมากแค่ไหน และนึกเกลียดว่าทำไมหมู่บ้านของพวกเขาไม่มีคนร่ำคนรวยเลย!


นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เหยียนหมิงซุ่นได้เห็นถนนสายนี้ คุณภาพดีไม่เลวเลยจริง ๆ ปูนซีเมนต์เทหนาปึก ต่อให้รถบรรทุกคันใหญ่ขับขึ้นมาก็ไม่เป็นอะไร เขายกยิ้มด้วยความพึงพอใจ ตัวเขาเองมองคนไม่ผิดเลย


ความสามารถและวิสัยทัศน์ของโม่ซิวหย่วนนั้นเป็นที่หนึ่ง สามารถนำพาตระกูลโม่ไปไกลกว่านี้ได้แน่นอน!


รถขับเข้าไปในทางเข้าหมู่บ้าน การเปลี่ยนแปลงในหมู่บ้านตระกูลโม่นั้นมีมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทุกครัวเรือนต่างก็ซ่อมแซมสร้างบ้านหลังใหม่ ขนาดตรงทางเข้าหมู่บ้านยังมีโรงเรียนประถมอยู่อีกด้วย เมื่อก่อนยังไม่มีเลย!


“ตอนนี้น้ารองของฉันเป็นผู้ใหญ่บ้าน สิ่งแรกที่เขาทำตอนที่เข้ารับตำแหน่งคือเปิดโรงเรียนประถม คนในหมู่บ้านจ่ายเงินกันเอง ส่วนเรื่องคุณครูเขาก็ไปรบเร้าขอจากกระทรวงศึกษาเอง ตอนนี้หมู่บ้านละแวกใกล้เคียงก็มาเรียนที่นี่” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม


อันที่จริงความคิดที่จะเปิดโรงเรียนเป็นของโม่ซิวหย่วน แต่คุณงามความดีตกไปอยู่ที่น้ารองหมด นับเป็นผลงานของการปฎิบัติหน้าที่ในทางราชการ!


มีเด็กหลายคนเข้ามามุงกันแล้วชี้ไปที่รถ มีบางคนที่กล้า ๆหน่อยก็ยื่นมือออกมาลูบ หัวเราะคิกคัก ไม่กลัวกันเลยสักนิด


เหยียนหมิงซุ่นลงจากรถ จากนั้นหยิบลูกอมกระต่ายขาวถุงใหญ่ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เด็กชายคนหนึ่งที่น่าจะอายุหกหรือเจ็ดขวบ ดวงตาสุกใสที่มองมาดูมีชีวิตชีวามาก


“พี่ชาย นี่คือลูกอมมงคลของพี่ใช่ไหม? นี่คงเป็นพี่สะใภ้สินะ?” เด็กน้อยหันไปยิ้มและโค้งคำนับให้เหมยเหมย “พี่สะใภ้สวัสดีปีใหม่ครับ พี่สะใภ้สวยมากจริง ๆเหมือนกับนางฟ้าเลย”


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มและลูบที่หัวของเด็กน้อยเบา ๆ “ไปเถอะ หากยังพูดมากอีกจะยึดลูกอมแล้วนะ”


เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นลูกชายคนโตของโม่เหวินต้ง อายุหกขวบแล้ว ห้าธาตุเกิดขาดก็แต่ธาตุดิน มีชื่อว่าโม่เหล่ย ชื่อเล่นชื่อสือโถว แต่นิสัยกลับเหมือนพ่อของเขามาก ฉลาดมีไหวพริบ กล้าหาญอย่างสุดขีด ตอนเด็กใจกล้าไปซ่อนตัวอยู่ในหลุมศพที่ว่างเปล่าตรงหลังเขาและนอนหลับจนถึงตอนกลางคืน คนทั้งหมู่บ้านไปตามหาถึงจะพากลับมา


สือโถวแอบเหลือบมองเหมยเหมยที่อายจนหน้าแดงก็แอบขบคิดอยู่ในใจ พี่สะใภ้หน้าตาดูดีกว่าแม่เยอะเลย ลูกที่คลอดออกมาจะต้องดูดีกว่าน้องสาวหน้าโง่ของเขามากแน่ ๆ เขาจึงอดตะโกนออกไปไม่ได้ว่า “พี่สะใภ้ รีบมีน้องสาวคนสวยเถอะนะ? ผมจะพาไปเล่นทุกวันเลย!


เหมยเหมยสติหลุดไปแล้ว ปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีรูสามารถมุดลงดินไปได้


คลอดลูกเหรอ…


เธอยังพร้อมเลย!


…………………………………………..


 ตอนที่ 1645 ยังขาดแค่เด็กอ้วนๆ


เหยียนหมิงซุ่นตีก้นของสือโถว อมยิ้มพลางด่าว่า “หากยังพูดไร้สาระอีกจะตีให้ก้นลายเลย”


สือโถวหันไปทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เหมยเหมย เอามือปิดก้นแล้ววิ่งหนีไป วิ่งไปไกลแล้วยังร้องตะโกนว่า “พี่สะใภ้คลอดน้องสาวน่ารัก ๆ…”


“อย่าไปสนใจเจ้าเด็กนี่เลย พูดมากกว่าน้าเล็กอีก” เหยียนหมิงซุ่นมองไปที่เหมยเหมยที่ม้วนตัวเคอะเขินเหมือนต้นนางอายอย่างขบขัน มือหนึ่งถือของขวัญ ส่วนอีกมือก็จูงมือภรรยาของเขาเดินเข้าหมู่บ้าน


สือโถวน้อยวิ่งเข้ามา เหมือนว่าเขาจะชอบเหมยเหมยมาก ๆ และการแสดงออกว่าชอบของเด็กคนนี้ก็น่าตลกขบขันมาก


“ไก่อยู่ทางซ้ายมือ เป็ดอยู่ทางขวามือ มีเด็กอ้วน ๆแบกอยู่บนหลัง พี่สะใภ้ พี่ยังขาดน้องสาวตัวอ้วน ๆ…”


เด็กคนอื่น ๆที่อมลูกอมอยู่ในปากก็โห่ร้องส่งเสียงดังว่า “น้องสาวอ้วน ๆ…คลอดน้องสาวตัวอ้วน ๆ…”


เหมยเหมยมองเด็กเหล่านี้อย่างจนปัญญา ช่างซนจริง ๆแต่ก็ไม่ได้รำคาญเพียงแต่มันก็น่าอายเกินไป!


โม่เหวินต้งเข้ามาทักทาย ได้ยินเสียงของลูกชายตัวเองมาแต่ไกลก็ปวดหัวขึ้นมาในทันใด หากรู้แต่แรกว่าจะคลอดลิงออกมา เขาไม่แต่งงานยังจะดีเสียกว่า!


“เด็กตัวแสบรีบกลับเข้าบ้านเร็ว ๆเลย หากยังพูดจาซี้ซั้วพ่อจะตีให้ขาหักเลย!” โม่เหวินต้งก่นด่าออกมาด้วยความโมโห สือโถวหัวเราะแหะ ๆแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ แต่ก็กลับเข้าบ้านไปอย่างเชื่อฟัง


“น้าเล็ก สือโถวเนี่ยซนกว่าน้าตอนเด็ก ๆเยอะเลย!” เหยียนหมิงซุ่นพูดยิ้ม ๆ


โม่เหวินต้งถลึงตามอง “พูดจาไร้สาระ ตอนฉันเด็กจะเอาเวลาที่ไหนเล่น ทำแต่งานทั้งวัน เด็กสมัยนี้โชคดีสบาย!”


เหมยเหมยก็ส่งเสียงพูดตาม “น้าเล็กสุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ!”


โม่เหวินต้งยิ้มตาหยี “สุขสันต์วันปีใหม่ รีบเข้าบ้านเร็ว  คุณย่าเพิ่งทำถวนหยวนกั่วเสร็จ รอพวกนายกลับมากินอยู่เลย!”


อันที่จริงถวนหยวนกั่ว[1]คือขนมชิงกั่ว ก่อนวันเชงเม้งจะเก็บใบฉื่อคักสด ๆมาต้มน้ำแล้วใส่ตู้เย็นหรือแช่น้ำปูนใส ตอนตรุษจีนก็สามารถทำขนมได้ ก็แค่เปลี่ยนชื่อมาเรียกว่าถวนหยวนกั่ว


เหมยเหมยพอได้ยินว่ามีถวนหยวนกั่วให้กินดวงตาก็เป็นประกายในทันที จูงมือเหยียนหมิงซุ่นเดินเข้าไป โม่เหวินต้งยิ้มอย่างร่าเริง “ครั้งนี้ทำไว้ตั้งหลายร้อยชิ้น ตอนพวกเธอกลับกันก็เอากลับไปด้วยเยอะ ๆหน่อย ใส่ตู้เย็นเก็บไว้กินได้หลายเดือนเลยนะ!”


“ดี ๆถวนหยวนกั่วที่คุณย่าทำต้องอร่อยแน่ ๆ เมืองหลวงหาซื้อยังไม่ได้เลย” เหมยเหมยพงกหัวยิ้มตาหยี ถวนหยวนกั่วนับว่าเป็นขนมของเด็ดของดีประจำภาคใต้ หาได้น้อยทางภาคเหนือ


คนตระกูลโม่รวมตัวกัน พวกเขาทั้งหมดอยู่ในบ้านของน้าใหญ่ ผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลโม่อาศัยอยู่กับลูกชายคนโต บ้านของน้ารองและน้าสามก็อยู่ใกล้ ๆติดกันเรียงกันเป็นแถว การตกแต่งก็เรียบง่าย ไม่เหมือนกับพวกเศรษฐีหน้าใหม่ที่แทบจะอดใจใช้ไม่ไหวใช้เงินสร้างให้โอ่อ่าหรูหรา


สุขภาพร่างกายของคุณย่าโม่แข็งแรงมาก พอเจอเหยียนหมิงซุ่นและเหมยเหมยก็พูดไม่หยุด เรียกให้พวกเขามากินถวนหยวนกั่ว


“อันกลมไส้ถั่วแดง อันจับจีนไส้เค็ม น้าเล็กของเธอขึ้นไปขุดหน่อไม้ฤดูหนาวบนภูเขาเลย มันสดมาก กินให้เยอะ ๆนะ” คุณยายโม่มองดูพวกเขาอย่างอ่อนโยนเอ็นดู จูงมือเหมยเหมยไม่ยอมปล่อย


“อร่อยมากค่ะ!”


เหมยเหมยหยิบไส้เค็มขึ้นมา กัดแป้งด้านนอกไปครึ่งหนึ่งก็ปรากฏให้เห็นไส้ที่หอมสดใหม่ข้างใน ผักที่ดองเอง หน่อไม้ฤดูหนาว เต้าหู้ หมูสามชั้นหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า และยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆของใบฉื่อคัก พอรวมกันก็ส่งกินหอมยั่วยวนทำให้คนน้ำลายสอ


เธอกินชิ้นหนึ่งหมดภายในสองสามคำพลันยกนิ้วให้ แล้วก็หยิบอีกชิ้นขึ้นมากินต่อ กินไปกินมาก็หมดไปสี่ชิ้น จนเหยียนหมิงซุ่นไม่ให้เธอกินอีก


“อีกเดี๋ยวค่อยกิน ระวังจะปวดท้องเอานะ”


เหมยเหมยมองด้วยความอยากกินอยู่หลายครั้ง แต่ก็หดมือกลับมาอย่างเชื่อฟัง อาสะใภ้ก็เอาขนมมาอีกถาดหนึ่ง พูดอย่างกระตือรือร้นว่า “กินถั่ววอลนัทสิ กินอันนี้ไม่อ้วนหรอก แล้วยังมีถั่วเซียงเฟ่ยด้วยนะ กินเข้าไปยังช่วยฆ่าพยาธิได้อีกด้วย!”


…………………………………………..


[1] เป็นขนมที่มีลักษณะเหมือนขนมเทียน จะใส่ “ใบฉื่อคัก” ผสมนวดกับแป้งจะทำให้เหนียวนุ่มขึ้น


 


ตอนที่ 1646 ฝึกฝนภรรยา


ในจานมีธัญพืชแห้งสองชนิด ชนิดหนึ่งก็คือถั่ววอลนัทสีน้ำตาลทองเป็นของขึ้นชื่อหมู่บ้านตระกูลโม่ อีกอันคือถั่วเซียงเฟ่ย[1]ปากแหลมทรงวงรีเป็นของขึ้นชื่อตำบลเซิ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านตระกูลโม่ ซึ่งราคาสูงกว่าถั่ววอลนัท


ถึงแม้ว่าถั่วเซียงเฟ่ยเป็นธัญพืชแห้งแต่กินแล้วไม่เป็นร้อนใน ในทางตรงกันข้ามมันยังมีผลในการทำให้ปอดชุ่มชื้นและล้างลำไส้ มีคุณค่าทางยาสูงมาก นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ขายดีมากในช่วงสองปีที่ผ่านมาเฉกเช่นเดียวกับถั่ววอลนัท


เมื่อก่อนไม่เคยมีใครสนใจ แต่สองปีมานี้อยู่ดี ๆกลับได้รับความนิยมอย่างกะทันหัน จนส่งออกแทบไม่ทัน


โม่เหวินต้งพูดยิ้ม ๆว่า “เหยียนหมิงซุ่นยังจำต้นถั่ววอลนัทที่นายซื้อเมื่อสองสามปีก่อนได้ไหม? แค่ต้นพวกนี้เพียงอย่างเดียวก็สามารถสร้างรายได้หลายแสนต่อปี หักค่าแรงงานนิดหน่อยที่เหลือก็เป็นกำไรทั้งนั้น คนที่ขายต้นไม้ให้เราตอนนั้นคงเสียดายน่าดู!”


เวลานี้เหมยเหมยถึงนึกขึ้นมาได้ หกปีก่อนในช่วงวันหยุดฤดูร้อนที่หมู่บ้านตระกูลโม่ เด็กอ้วนน้อยและสยงมู่มู่ขัดขวางไม่ให้พวกชาวบ้านตัดต้นถั่ววอลนัท จากนั้นเหยียนหมิงซุ่นจึงซื้อต้นไม้เหล่านี้ไว้ ต้นถั่ววอลนัทแปดถึงเก้าในสิบส่วนของหมู่บ้านตระกูลโม่ตอนนี้เกือบตกอยู่ในมือของเหยียนหมิงซุ่นทั้งหมดแล้ว


เธอหันไปขยิบตาให้เหยียนหมิงซุ่นที่นิ่งตะลึงงันไปแล้วอย่างลำพองใจ ตอนนี้รู้ถึงความเก่งกาจของเธอแล้วใช่ไหมล่ะ?


โม่ซิวหย่วนเดินเข้ามา สวมแว่นตาขอบทอง หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางดูเหมือนหนอนหนังสืออมยิ้มและพูดว่า “ พูดก็พูดเถอะคนที่มองการณ์ไกลที่สุดก็คือเหมยเหมย ตอนนั้นถ้าเธอไม่บอกให้ซื้อไว้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผลกำไรมากมายอย่างในตอนนี้”


ปีละหลายแสนไม่ใช่จำนวนเงินน้อย ๆ ไม่รู้ว่ามีคนในหมู่บ้านกี่คนที่กำลังอิจฉาตาร้อนอยู่!


เหมยเหมยหัวเราะ พูดอย่างถ่อมตัวว่า “หนูก็แค่ไม่อยากเห็นพวกเขาตัดต้นไม้ดี ๆก็เท่านั้นเอง ไหนเลยจะรู้ว่าต้นไม้เหล่านั้นยังสามารถทำเงินได้ด้วย!”


โม่เหวินต้งหัวเราะและพูดว่า “ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเหมยเหมยก็เป็นดาวนำโชคของครอบครัวเราและหมิงซุ่น พวกนายว่าจริงไหมล่ะ?”


“คุณย่าโม่ก็พยักหน้าระรัว “ใช่ ๆ เป็นดาวนำโชค เหมยเหมยกินเยอะ ๆหน่อย ดูสิว่าเธอผอมจนไม่มีเนื้อไม่มีหนังแล้ว”


คุณย่าบีบแขนเหมยเหมยเบา ๆ ทำสีหน้าสงสาร วางแผนจะให้เหยียนหมิงซุ่นอยู่ที่บ้านต่ออีกสักสองสามวัน เธอจะต้องขุนเหมยเหมยให้ได้ ผอมติดกระดูกมากขนาดนี้วันหลังคลอดลูกจะลำบากเอา!


เหมยเหมยถอนหายใจอย่างระอา วิสัยทัศน์ของคนแก่ยังคงแตกต่างกันมากจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าเธอมีรูปร่างมาตรฐาน แต่ไม่ว่าจะเป็นคุณย่าหยางหรือคุณยายโม่ต่างก็บอกว่าเธอผอมเกินไป เอาแต่หวังว่าจะขุนเธอให้ได้มากกว่าห้ากิโลต่อเดือนถึงจะดี


“หนูกินไม่ไหวแล้วค่ะ” เหมยเหมยตบพุงตัวเอง มองไปที่ธัญพืชที่กินอย่างไรก็กินไม่หมดตรงหน้า หากว่าเธอยังไม่ปฏิเสธอีก เกรงว่าคุณยายโม่คงเอาออกมาไม่หยุด


คุณยายโม่กำลังเตรียมตัวไปเอาขนมข้าวพองออกจากตู้ แต่พอได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักฝีเท้า เมื่อเห็นว่าเหมยเหมยดูเหมือนกินอิ่มแล้วจริง ๆจึงกล่าวอย่างเสียดายว่า “งั้นค่อยกินทีหลังแล้วกัน ตอนค่ำพวกเรากินเป็ดกัน ยายฆ่าเป็ดแก่สองตัวเอามานึ่งแล้ว เหมยเหมยเดี๋ยวอีกครู่เธอดื่มน้ำมันนะ เป็นของบำรุงร่างกายชั้นดีเลย”


เหมยเหมยได้แต่ร้องในใจว่าท่าไม่ดีแล้ว น้ำซุปเป็ดเป็นอะไรที่เธอไม่ชอบที่สุด ทั้งมันทั้งเลี่ยน ดื่มแค่อึกเดียวเธอก็อิ่มแล้ว


คุณยายมีน้ำใจกระตือรือร้นเกินไปจนเธอรับไม่ไหวแล้ว!


เหยียนหมิงซุ่นมองใบหน้ายุ่งเหยิงของเหมยเหมยก็มีความขบขันอยู่ในดวงตา ไม่นิ่งดูดายอีกต่อไปพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งว่า “น้ำซุปเป็ดให้สือโถวกิน เหมยเหมยแค่ดูผอมแต่อันที่จริงเนื้อเยอะจะตาย ถ้ากินอีกคงเป็นเจ้าอ้วนแล้วล่ะ”


ยัยปีศาจน้อยส่วนไหนที่ควรผอมก็ผอม ส่วนไหนที่ควรอ้วนก็มีเนื้อหนังไม่น้อย ร่างกายอ่อนนุ่มนิ่มทำให้เขาพอใจเป็นอย่างมาก


คนอื่น ๆไม่ได้มีท่าทีอะไร แต่เหวินต้งและโม่ซิวหย่วนกลับยิ้มอย่างมีเลศนัย โม่เหวินต้งถึงกับกอดคอของเหยียนหมิงซุ่นกระซิบข้างหูว่า “ลูกชายของนายไม่เบาเลยนะ แข็งแกร่งกว่าซิวหย่วนเยอะ!”


“แน่นอนอยู่แล้ว!” เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรให้ต้องอับอาย


โม่ซิวหย่วนตอนนี้ยังเป็นแค่ชายแก่โสด แต่อายุสิบหกเขาก็เริ่มฝึกฝนภรรยาแล้วจะสามารถเอามาเทียบกับเขาได้ไงล่ะ?


…………………………………………..


 ตอนที่ 1647 คุณยายคะ ได้โปรดปล่อยหนูไปเถอะ


คนหมู่บ้านตระกูลโม่มีอัธยาศัยดีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน โดยปกติแล้วตอนไม่ใช่ช่วงเทศกาลหากมีแขกมาบ้านจะดูแลต้อนรับเป็นพิเศษอย่างดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันตรุษจีนเลยอย่างน้อยห้ามื้อต่อวัน ไม่นับขนมจุกจิกอย่างอื่น


อาหารหลักสามมื้อ ขนมช่วงมื้อว่างทั้งตอนเช้าและตอนบ่าย ถวนหยวนกั่ว บะหมี่ไข่ เกี๊ยว เกี๊ยวน้ำหรือไข่ต้มเหล้า…


อีกทั้งตระกูลโม่ในตอนนี้ไม่ได้เหมือนในอดีตแล้ว ยิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน คุณยายโม่ก็เปลี่ยนมาทำอาหารอร่อย ๆหลากหลายเต็มไปหมด เหมยเหมยรู้สึกว่าตั้งแต่เธอมาหมู่บ้านตระกูลโม่ ทั้งวันเธอก็เอาแต่ ——


กิน กิน กิน…


“เหมยเหมย หมิงซุ่น มา กินไข่ต้มเหล้าเสียสิ” คุณยายโม่ถือไข่ต้มเหล้าสองถ้วยเข้ามาอย่างมีความสุข


ไข่ต้มสองฟองสีขาววางอยู่ในชามลายลูกไม้สีฟ้า ตรงกลางเป็นสีส้มจาง ๆก็คือไข่แดงยางมะตูม ตอนกัดน้ำไข่แดงจะไหลเยิ้มออกมาเหมือนน้ำผึ้ง


คนที่ชอบจะรู้สึกว่าหวาน คนที่ไม่ชอบกินเช่นเหมยเหมยจะรู้สึกว่าคาว ค่อนข้างจะกลืนได้อย่างยากลำบาก


ในชามของเหยียนหมิงซุ่นมีไข่สามฟอง คุณย่ามีความหยั่งรู้พิเศษจะเป็นห่วงว่าหลานชายจะกินไม่อิ่มอยู่เรื่อย


เหมยเหมยมองไปที่ไข่ในชามอย่างเงียบ ๆ และอยากจะตะโกนดัง ๆว่า  ‘คุณย่าคะ ได้โปรดปล่อยหนูไปเถอะ!’


วิธีการเลี้ยงที่เหมือนเลี้ยงหมูแบบนี้ เธอรับไม่ไหวจริง ๆ!


เสียดายที่ฉิวฉิวโดนเฮ่อเหลียนฉกเอาไปเล่นด้วยแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงให้ฉิวฉิวกำจัดให้สิ้นไปแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร ฉิวฉิวไม่อยู่ยังมีสามีอยู่!


เหมยเหมยหันไปมองเหยียนหมิงซุ่น พูดออดอ้อนเบา ๆว่า “พี่คะ…”


หวังเฟิ่งเจินภรรยาของโม่เหวินต้งที่อยู่ด้านข้าง กำลังช่วยคุณยายทำความสะอาดเตาอยู่ เมื่อได้ยินเสียงออดอ้อนของเหมยเหมย จึงอดสะดุ้งตัวสั่นสะท้านไม่ได้ เอามือแคะหูโดยไม่รู้ตัว ตัวชาขนลุกซู่ซ่าไปหมด


หวังเฟิ่งเจินเป็นหญิงเก่งที่มากความสามารถ การเลือกชา พวกเรื่องเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ด…เรื่องทั้งในและนอกสามารถจัดการได้หมด หน้าตาไม่เลวแค่ไม่ชอบแต่งตัว ดูเหมือนแก่กว่าโม่เหวินต้งทั้ง ๆที่เธออายุน้อยกว่าสองปี


อันที่จริงเหยียนหมิงซุ่นก็อิ่มจนจุกแล้ว เอาตามความถี่ที่คุณย่าเอาของกินมาให้ ต่อให้เขาจะเป็นทหารหัวแถวก็กินไม่ไหว แต่ถึงอย่างไรก็แข็งแกร่งกว่าเหมยเหมยเยอะ ยังสามารถยัดลงไปได้อีกหน่อย


“ตอนกลางคืนเพิ่มอีกสองรอบ…”


ไข่สองฟองเพิ่มสองรอบ เขาพูดได้ง่ายจริง ๆ


เหมยเหมยมองเขาเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ก็เรียกเขาว่า’พี่’อีกครั้ง ครั้งนี้เต็มไปด้วยความเซ็กซี่มากขึ้น เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่สนใจเธอ เอาแต่ชูสองนิ้วแล้วกินไข่ด้วยท่าทีเฉยชา


พอตาเห็นคุณย่าโม่จะเดินเข้ามาอีกแล้ว เหมยเหมยจึงทำได้แค่เพียงกัดฟันตกลง หยิกเอวเขาอย่างโมโห


คนเลว รู้จักแต่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น!


เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มมุมปากอย่างลำพองใจ เอาไข่จากชามของเหมยเหมยเทลงในชามของตัวเองอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ กินคำละฟอง บวกกับของเขาสามฟอง เขากินไข่ห้าฟองในเวลาแค่แวบเดียว กระทั่งเรอออกมาเป็นกลิ่นไข่เลยทีเดียว


“เอิ๊ก…”


เหยียนหมิงซุ่นเรอติดกันอยู่หลายครั้ง เกือบจะถึงคอหอยอยู่แล้ว เขามองไปที่คุณยายของเขาที่ยังคงวุ่นอยู่บนเตาอย่างจนใจ น่าจะเตรียมอาหารมื้อต่อไปอยู่พลันนึกลำบากใจ


“คุณย่าครับ ผมพาเหมยเหมยขึ้นเขาไปดูดอกท้อนะครับ”


เหยียนหมิงซุ่นดึงเหมยเหมยลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปข้างนอก ต้องออกไปย่อยอาหารสักหน่อยแล้ว


เสียงของคุณย่าโม่ดังตามหลังมา “เดินสักรอบก็กลับมานะ ย่ากำลังปรุงไข่ลูกเจี๊ยบยี่สิบเอ็ดวัน พวกเธอรีบกลับมากินต่อนะ!”


เหมยเหมยตัวสั่น ยิ่งวิ่งเร็วขึ้นไปอีก


ไข่อีกแล้ว โอ้แม่เจ้า!


คุณยายเอาไข่มาจากไหนมากมายขนาดนั้น?


หวังเฟิ่งเจินหัวเราะพรืดออกมามองคนทั้งสองที่ตื่นตระหนกวิ่งหนีไปอย่างขบขัน ในไม่ช้าเธอก็ทำหน้าขบคิดอีกครั้ง ท่าทางของเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นเมื่อกี้ เธอเห็นมันทั้งหมดและล้วนติดตราตรึงใจอยู่ในส่วนลึก


…………………………………………..


[1] เป็นสายพันธุ์เดียวกับต้นสน มักจะพบฝั่งตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ของจีนเป็นส่วนมาก


ตอนที่ 1648 ผู้ชายชอบผู้หญิงออดอ้อน


นิสัยของหวังเฟิ่งเจินตรงไปตรงมาเปิดเผย พูดจาก็รวดเร็วฉับไว ตอนเด็กยังมีฉายาว่ายัยตัวแสบ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโม่เหวินต้งนับว่ารักใคร่สมัครสมานกันดี แต่มักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ขาดหายไป ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาก็เหมือนกับน้ำเปล่าต้มสุกยังไงอย่างนั้น เบาบางจนแม้กระทั่งตัวเองยังรู้สึกปลงกับเรื่องนี้


แต่การออดอ้อนน่ารักของเหมยเหมยเมื่อครู่ กลับเปิดประตูบานใหม่ให้หวังเฟิ่งเจิน เธอได้รับแรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก


นิสัยของเหยียนหมิงซุ่นเย็นยะเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็งเสียอีก แต่อยู่ต่อหน้าเหมยเหมยกลับอ่อนโยนหยั่งกับอะไรดี เชื่อฟังและยอมทำตามทุกอย่าง ต่อให้เป็นตอนที่เพิ่งแต่งงานกัน โม่เหวินต้งยังไม่ดีกับเธอมากขนาดนี้มาก่อนเลย!


นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงอะไร?


แสดงให้เห็นว่าผู้ชายชอบให้ผู้หญิงออดอ้อน ดูจากที่เมื่อครู่เหมยเหมยเรียกว่าพี่ เสียงอ่อนเสียงหวานจนเธอยังทนไม่ไหว เหยียนหมิงซุ่นต่อให้เย็นชาขนาดไหนก็ยากจะต้านทานไหว!


หวังเฟิ่งเจินกัดปาก บางทีเธอควรเรียนรู้ไว้หน่อยสินะ?


เวลานี้ใกล้จะบ่ายสองบ่ายสามแล้ว มีเด็กมากมายจุดประทัดเล่นอยู่ในหมู่บ้าน สือโถวพาหลานชายและหลานสาวไปด้วย เด็กผู้หญิงจุดผลุผึ้งน้อยซึ่งมีลักษณะหัวกลม ๆเส้นยาว ๆเพื่อใช้จุดไฟ ตอนจุดจะมีเสียงดังหึ่ง ๆลอยมาเหมือนผึ้ง มันจะปล่อยพลุออกมาทีละดอก ๆ ถ้าจุดในเวลากลางคืนจะสวยมากเป็นพิเศษ


พวกเด็กผู้ชายอย่างสือโถวกลับไม่สนใจวัตถุไร้เสียงเช่นนี้ พวกเขาชอบจุดประทัด เขาจะรื้อประทัดออกมาเป็นชิ้น ๆแล้วซ่อนไว้ในกระเป๋า แล้วค่อยใช้บุหรี่หรือธูปจุดไฟ แบบนี้ก็เล่นได้เป็นค่อนวันแล้ว


“พี่สะใภ้ พวกพี่จะไปเที่ยวไหน?” สือโถวสายตาว่องไวพร้อมตะโกนเรียกแต่ไกล ข้างกายเขามีน้องสาวตัวเล็ก ๆแต่กลับวิ่งได้ว่องไวมาก ซนเหมือนพี่ชายเลย


“จะไปเที่ยวบนภูเขา สือโถวดูแลน้องสาวให้ดี ๆ ระวังสะเก็ดประทัดกระเด็นเข้าตาล่ะ” เหมยเหมยหน้าด้านอยู่แล้ว พี่สะใภ้ก็พี่สะใภ้สิ ถึงอย่างไรจะช้าจะเร็วก็ต้องเรียกแบบนี้อยู่ดี!


สือโถวมองน้องสาวของเขาที่เหมือนลิงดำด้วยความรังเกียจ “เธอวิ่งเร็วยิ่งกว่าประทัดเสียอีกไม่กระเด็นโดนหรอก!“ ถึงแม้ว่าจะพูดไปแบบนี้ แต่เขาก็ยังลากน้องสาวของเขาตามหลังมาจนให้ความรู้สึกถึงความเป็นพี่ชาย


เหมยเหมยหัวเราะ เธอหมุนตัวเดินไปหาเหยียนหมิงซุ่นที่เดินอยู่ข้างหน้า จู่ ๆก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆอายุสักเจ็ดแปดขวบโยนประทัดที่เพิ่งจุดไฟมีควันพวยพุ่งมาทางเธอ แสดงสีหน้าท่าทางดุร้าย


“เฮ้ย!”


เหมยเหมยร้องเสียงหลง เบี่ยงหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ พระเจ้าช่วย…สิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดก็คือประทัดนี่แหละ


เหยียนหมิงซุ่นได้ยินเสียงร้องก็หมุนตัวหันกลับมาทันทีพลันพุ่งมาอยู่ข้างกายเหมยเหมยอย่างกับบินได้ “เป็นอะไรไป?”


“ประทัด…”


เหมยเหมยหาประทัดที่จุดควันฟุ้งนั้นไม่เจอ กำลังแปลกใจอยู่เลย อยู่ดี ๆสือโถวก็ตะโกนออกมาว่า “พี่สะใภ้ หมวก…”


เหยียนหมิงซุ่นกำลังจะเอื้อมมือไปเขย่าหมวก ประทัดที่ซ่อนอยู่ในหมวกก็ระเบิดข้างหูของเหมยเหมยเลย เสียงดังสนั่นไม่รู้กี่เท่าซึ่งดังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหมยเหมยกรีดร้องและปิดหูของเธอ ใบหน้าซีดเซียว น้ำตาไหลพราก


สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือเด็กเวรที่ปาประทัดใส่คนอื่นนี่แหละ!


อยากจะฟาดก้นเขาจริง ๆ!


เหยียนหมิงซุ่นกอดเหมยเหมยเอาไว้พลางกลั้นหัวเราะแล้วปลอบโยน “ไม่เป็นไรนะ ก็แค่ประทัดเล็ก ๆเท่านั้นเอง”


“ไม่เล็กเลยสักนิด…หูจะหนวกอยู่แล้ว…” เหมยเหมยรู้สึกอับอาย ต่อหน้าเด็กมากมายขนาดนี้กลับร้องไห้เพราะตกใจเสียงประทัด ทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย


“เดี๋ยวพี่นวดคลึงเบา ๆให้ เด็กดีไม่ต้องร้องแล้วนะ” เหยียนหมิงซุ่นทั้งปวดใจทั้งตลก จากนั้นก็ตรวจดูหลังคอของเหมยเหมย โชคดีที่มันไม่ระเบิดโดนผิวหนังมีแค่ผมไหม้เกรียมไม่กี่เส้น นอกจากนี้ยังมีรูเล็ก ๆบนหมวก


สือโถวเห็นพี่สะใภ้คนสวยของตัวเองโดนคนอื่นรังแกต่อหน้าต่อตาก็โมโหเป็นอย่างมาก!


“โม่ต้าเป่า กล้าโยนประทัดใส่พี่สะใภ้ฉันเหรอ ฉันจะเอานายให้ตายเลย!”


สือโถวพุ่งเข้าตะครุบราวกับสุนัขหมาป่าตัวน้อย อย่ามองแค่ว่าเขาเตี้ยกว่าโม่ต้าเป่า แต่โม่ต้าเป่ากลับไม่สามารถเอาชนะเขาได้เลย ถูกสือโถวขี่หลังทุบตีจนเจ็บไปหมด พวกลูกพี่ลูกน้องของโม่ต้าเป่าก็วิ่งเข้ามาช่วย เด็กคนอื่น ๆของครอบครัวโม่ก็ไม่พอใจ


คิดว่าพวกเขาตายไปแล้วหรือไง ไม่พูดพร่ำทำเพลงพับแขนเสื้อขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปตะลุมบอนด้วย


ต่อยตีกันจนชุลมุนเป็นกลุ่มก้อน!


…………………………………………..


 ตอนที่ 1649 แย่งต้นเงินต้นทองของครอบครัวฉันไป


เหมยเหมยตกตะลึงกับฉากวุ่นวายที่อยู่ตรงหน้ารีบบอกให้เหยีนนหมิงซุ่นเข้าไปห้าม “บอกให้พวกเขาหยุดตีกัน ระวังพวกสือโถวเสียเปรียบ”


เหยียนหมิงซุ่นกลับสงบเยือกเย็น “ไม่เป็นไร พวกสือโถวไม่มีทางเสียเปรียบหรอก”


เด็ก ๆตระกูลโม่เป็นหมัดมวยตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือว่าผู้หญิงจะสู้กับเด็กทั่วไปไม่ได้อย่างไรกัน


เหมยเหมยเห็นเขาไม่ร้อนใจเลยสักนิดจึงยืนดูสงครามเด็กดื้อด้วยความสบายใจ แต่เห็นว่าคนที่ตีได้ดุเดือดที่สุดคือโม่จิ้งน้องสาวของสือโถว เด็กหญิงคนนี้เป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆแต่เธอกลับสู้กับเด็กผู้ชายที่สูงกว่าเธอเป็นโยชน์ได้ โดนจัดท่าไม้ตายใส่จนกลิ้งไม่เป็นท่า


ในไม่ช้าเด็ก ๆตระกูลโม่ก็เอาชนะได้ คนที่เหลือนอนเกลื่อนอยู่เต็มพื้นร้องเสียงโอดโอยดังระงม


สือโถวดึงโม่ต้าเป่าที่หน้าบวมจมูกบวมขึ้นมาจากพื้น ตะโกนใส่ว่า “ปาประทัดใส่พี่สะใภ้ฉันทำไม?”


“ก็อยากปาใส่ พี่สะใภ้นายเป็นคนเลว แย่งต้นเงินต้นทองของบ้านฉันไป ทำร้ายครอบครัวฉันจนไม่มีเงินซื้อเนื้อกิน” โม่ต้าเป่ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก บ้านคนอื่นฉลองตรุษจีนมีเนื้อสัตว์เต็มโต๊ะแต่บ้านเขามีเนื้อแค่นิดเดียวแถมยังหั่นชิ้นบางอีกต่างหาก


ประทัดก็เหมือนกัน บ้านคนอื่นซื้อตั้งหลายซอง บ้านเขาซื้อแค่ซองเดียว แล้วยังต้องรื้อประทัดออกมาแบ่งเป็นหลายส่วน คนอื่นก็หัวเราะเยาะว่าครอบครัวเขายากจน!


พ่อแม่บอกว่าต้นเงินต้นทองที่บ้านโดนยัยจิ้งจอกสุดสวยของตระกูลโม่ปลุกปั่นแย่งไป น่ารังเกียจชะมัด!


“ต้นเงินต้นทองของฉันก็โดนพี่สะใภ้ของนายแย่งไปเหมือนกัน ฉันยังไม่มีเสื้อผ้าใหม่ใส่เลย!” เด็กผู้หญิงอีกคนตวาดขึ้นเสียงดัง ใส่เสื้อหนาวผ้าฝ้ายไม่เก่าไม่ใหม่ตัวหนึ่ง


“พูดจาไร้สาระ ฉันจะตีให้ตายเลย!”


สือโถวยังคิดจะสู้ต่อแต่โดนเหยียนหมิงซุ่นห้ามไว้ เขาสาวเท้าเดินขึ้นไปข้างหน้าโม่ต้าเป่าถามเสียงเบาว่า “ใครเป็นคนบอกนายว่าต้นเงินต้นทองโดนภรรยาของฉันแย่งไป?”


“พ่อแม่เป็นคนบอก”


เหยียนหมิงซุ่นมองไปทางเด็กคนอื่น ๆอีกแล้วก็ถามคำถามแบบเดียวกัน เด็กพวกนี้ไหนเลยจะรู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด ต่างก็บอกว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นคนบอกกันทั้งนั้น


เวลานี้เหมยเหมยถึงนึกออก ต้นเงินต้นทองที่โม่ต้าเป่าพูดถึงคงจะเป็นต้นถั่ววอลนัท เมื่อวานนี้โม่ซิวหย่วนก็บอกว่าพวกชาวบ้านที่ขายต้นถั่ววอลนัทก่อนหน้านี้ตอนนี้เสียใจจะเป็นจะตาย


เสียใจภายหลังเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ปกติ ตามที่โม่ซิวหย่วนพูดในหนึ่งปีโดยเฉลี่ยต้นวอลนัทหนึ่งต้นสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเกือบเจ็ดร้อยถึงแปดร้อย หากมีเป็นสิบกว่าต้นรายได้ก็เกือบแตะหมื่น สูงกว่าเงินเดือนทั้งปีของคนงานที่ขยันขันแข็งเสียอีก


นี่คือเงินที่หาได้จากการนั่งอยู่บ้านเฉย ๆแต่ตอนนี้มันกลับหายไปแล้ว ชาวบ้านเหล่านี้ได้แต่มองตระกูลโม่ร่ำรวยขึ้นทุกวี่วัน แล้วจะไม่ให้เสียใจได้อย่างไรกัน?


นี่เป็นการเสี้ยมสอนเด็ก ๆลับหลังให้ออกหน้างั้นสิ?


ใช้ไม่ได้เลยจริง ๆ!


เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าครุ่นคิด เขาพาเหมยเหมยขึ้นไปบนภูเขาตั้งใจว่าจะไปดูภูเขาต้นถั่ววอลนัท เก้าในสิบเป็นของตระกูลโม่ซึ่งมีสามร้อยกว่าต้น และโม่ซิวหย่วนเป็นคนที่หัวธุรกิจมาก เขาเอาเขาลูกนี้รวมเข้ากับเขาด้านหลังแล้วเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรมาเพาะต้นกล้าวอลนัท มีการปลูกต้นไม้ไปแล้วเกือบพันต้นและรอดชีวิตทั้งหมด


ในอีกสามหรือสี่ปีก็จะออกผลซึ่งเป็นอีกหนึ่งรายได้มหาศาล และทำเงินโดยไม่ขาดทุน


แม้ว่าจะเป็นวันที่สามของตรุษจีน แต่ยังมีคนทำงานบนภูเขาจำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ


เหยียนหมิงซุ่นหยิบบุหรี่จีนออกมาจากกระเป๋ากางเกงและให้บุหรี่แก่ผู้เฒ่าทุกคนที่พบแถมยังจุดไฟให้ พวกคนแก่มีความสุขมาก ต่างรู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นเด็กดี ต่อให้จะร่ำรวยมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ลืมคนบ้านเดียวกัน


“เชอะ!”


มีชายชราอายุหกสิบเศษคนหนึ่งที่ไม่ต้องการบุหรี่ของเหยียนหมิงซุ่น ทำเพียงแค่หยิบบุหรี่คุณภาพต่ำของตัวเองออกมาแล้วจุดไฟ กลิ่นควันที่รุนแรงทำให้เหมยเหมยต้องถอยไปหลายก้าว


สายตาของเหยียนหมิงซุ่นพลันดุดันขึ้นมา จากนั้นก็คุยกับคนแก่พวกนี้อยู่สองสามประโยคแล้วถึงลงมาจากภูเขากับเหมยเหมย พร้อมทั้งมีแผนการอยู่ในใจ


ตอนที่ 1650 จิตใจคนไม่เหมือนในอดีต


พวกเขาเดินไม่ได้เร็ว ลมภูเขาพัดเอาบทสนทนาของพวกผู้เฒ่าดังแว่วลอยมา


“โป๋ต้ง หมิงซุ่นให้บุหรี่นาย ทำไมนายไม่รับ?”


“ฉันไม่ต้องการ พวกเสแสร้งแกล้งทำ”


“นายเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลจริง ๆเลย นายและภรรยาขายต้นไม้เหล่านั้นให้หมิงซุ่นด้วยตัวเอง แถมยังเซ็นเอกสารด้วย ตอนนั้นพวกนายยังวิ่งมาอวดฉันหลังจากขายได้เงินเลย ตอนนี้มาเสียใจจะมีประโยชน์อะไร?”


“เชอะ ตอนนั้นฉันรู้ที่ไหนล่ะว่าต้นถั่ววอลนัทจะมีค่ามหาศาลขนาดนี้ เหยียนหมิงซุ่นเจ้าหมอนี่มันชั่วร้ายยิ่งกว่าสุนัขจิ้งจอกอีก ตั้งใจหลอกพวกฉันให้ขายต้นวอลนัทไป!”


“คำพูดนี้ของนายไม่น่าฟังเท่าไรเลยนะ ตอนนั้นหากเหยียนหมิงซุ่นไม่ซื้อต้นไม้ของนายไว้ พวกนายก็จะตัดต้นไม้ทำฟืนอยู่แล้ว เชอะ เงินสักหยวนก็ไม่ได้ด้วยซ้ำ”


“ตอนนี้ไม่ใช่ว่ายังอยู่เหรอ? บ้านฉันมีตั้งสิบสี่ต้น เงินหมื่นกว่าหยวนต่อปีหายวับไปแล้ว เฮ้อ ฉันได้ยินมาว่าเงินที่เหยียนหมิงซุ่นมีชาตินี้ใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด พวกเขาทำไมยังอยากจะครอบครองต้นไม้ของครอบครัวฉันไว้อีก? เขาควรจะคืนให้ฉันสิ!”


“นายมันคนไม่มีเหตุผล!”



แล้วเสียงก็ค่อย ๆเบาลง แต่เรื่องราวส่วนใหญ่ก็พอจะฟังเข้าใจแล้ว เป็นเรื่องของต้นถั่ววอลนัทนั้นแหละ


“พี่ คนพวกนี้ทำไมถึงไม่มีเหตุผลเลยสักนิด ทั้ง ๆที่ตอนนั้นขอร้องให้พวกเราช่วยซื้อต้นไม้ ตอนนี้ยังจะว่าพวกเราอีก!” ในใจของเหมยเหมยรู้สึกไม่สบอารมณ์ ที่แท้หัวใจของมนุษย์เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลก


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มเบา ๆ “ไม่ต้องสนใจพวกเขา พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”


เรื่องนี้เขาต้องปรึกษาหารือกับโม่ซิวหย่วนเสียหน่อย ตระกูลโม่ต้องการจะไปให้ไกลกว่านี้ พวกชาวบ้านจะต้องอยู่อย่างสงบแต่จะมีข้อเรียกร้องที่สูงมากไม่ได้


ตอนกินมื้อค่ำคนตระกูลโม่มารวมตัวกัน แบ่งออกเป็นสองโต๊ะ ดูคึกคักมาก


“วันนี้ผมออกไปเดินเล่นข้างนอกมาเห็นว่าพวกชาวบ้านหลายคนไม่พอใจเรื่องที่ผมเคยซื้อต้นวอลนัท พวกน้า ๆคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ?” เหยียนหมิงซุ่นถาม


โม่เหวินต้งทำสีหน้าเหยียดเบา ๆ “ไม่พอใจก็ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องวันสองวันนี้เมื่อไรเล่า มันเริ่มตั้งแต่ต้นถั่ววอลนัททำเงินในตลาดได้มากขึ้นเรื่อย ๆแล้ว เป็นเรื่องปกติ ถือเสียว่าเป็นเสียงนกเสียงกาแล้วกัน!”


เหล่าบรรดาลุงน้าคนอื่น ๆต่างก็พยักหน้า “มีหลายคนในหมู่บ้านที่เป็นพวกขี้อิจฉาตาร้อน เห็นชีวิตครอบครัวของพวกเราดีขึ้นก็นึกอิจฉา หมิงซุ่นอย่าไปสนใจพวกเขาถึงอย่างไรเงินก็อยู่ในกระเป๋าพวกเรา”


เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วเบา ๆเพราะสิ่งที่เขาอยากได้ยินไม่ใช่คำตอบแบบนี้ ปฏิกิริยาโต้ตอบของคนในตระกูลโม่ถึงแม้ว่าจะคาดเดาได้บ้างแต่เขาก็ยังผิดหวังหน่อย ๆอยู่ดี


“น้าล่ะครับว่าไง?” เหยียนหมิงซุ่นมองไปที่โม่ซิวหย่วน


โม่ซิวหย่วนไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ฉันรู้มานานแล้วล่ะ ราคาของต้นถั่ววอลนัทมีแต่ขึ้นเรื่อย ๆไม่มีลง พอราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆพวกขี้อิจฉาริษยาก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆแน่นอน”


“พวกเราไม่ได้ขโมย ไม่ได้แย่งชิงใครเขามา หาเงินมาอย่างถูกต้องแล้วจะกลัวอะไร!” โม่เหวินต้งตวาดเสียงดังลั่น


“น้าเล็กรู้จักเฉินหว่านซานใช่ไหม? เขาก็ทำมาหากินทำเงินด้วยความสุจริตเหมือนกัน แต่กลับมีจุดจบอย่างน่าเวทนา”


โม่เหวินต้งสำลัก ใบหน้าของเขาดูไม่ได้เล็กน้อย พูดเสียงพึมพำว่า “เฉินหว่านซานเกิดหายนะขึ้นเพราะขุมทรัพย์แต่พวกเราไม่มีเสียหน่อย”


“ครอบครัวเรามีต้นไม้ทำเงิน สามารถสร้างปัญหาได้เช่นเดียวกัน” โม่ซิวหย่วนกล่าวอย่างเคร่งขรึม


คนเราเด่นเกินจะก่อให้เกิดภัย ตอนนี้ตระกูลโม่มีชื่อเสียงไปทั่ว ทุกคนต่างก็รู้กันว่าตระกูลโม่นั้นร่ำรวย มีหลายคนที่คิดว่าไม่ถูกต้องที่ต้นไม้เหล่านั้นจะถูกครอบครองโดยตระกูลโม่ ควรจะส่งคืนให้แก่เจ้าของเดิมถึงจะถูก


คุณยายโม่ถอนหายใจ พูดว่า “ใจของคนมักจะเติมไม่เคยเต็ม ฉันว่าครอบครัวของเราก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินพวกนี้ ต้นไม้พวกนี้คืนให้พวกเขาไปเถอะ!”


โม่เหวินต้งเป็นคนแรกที่คัดค้าน “แม่ก็พูดง่าย หนึ่งปีเป็นเงินตั้งหลายแสน วันหลังยังจะมากขึ้นอีก และตอนนั้นต้นไม้เหล่านี้ก็ถูกซื้อด้วยเงินจริง ๆของเหยียนหมิงซุ่น มีเหตุผลอะไรทำไมต้องคืนด้วยล่ะ?”


…………………………………………..


 ตอนที่ 1651 กันไม่ไหว


โม่ซิวหย่วนแค่นหัวเราะที “ไม่คืนก็ได้แต่วันนี้โม่ต้าเป่ากล้าเอาประทัดปาใส่เหมยเหมยพรุ่งนี้ต้องมีคนอื่นทำตามบ้างแหละ บ้านเรามีเด็กเยอะขนาดนี้ อาเล็กทนดูได้เหรอ?”


ลูกชายคนที่สองแห่งตระกูลโม่ไม่อยากทิ้งบ้านเพราะอยากจะใช้ชีวิตบั้นปลายที่หมู่บ้านโม่ไปจนแก่เฒ่าซึ่งพวกคุณลุงเองก็เช่นกัน ในหมู่บ้านมีคนตั้งมากมายใครจะกล้ารับปากได้ว่าไม่มีคนคิดสกปรก หากเกิดแค้นฝังใจมีคนลอบวางแผนใส่ลับหลังต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็กู้ชีวิตคืนไม่ได้แล้ว


คุณยายโม่สะดุ้งตกใจรีบโพล่งขึ้น “รีบคืนไปเถอะ โม่ซิวหย่วนพูดถูกใจคนคาดเดายาก เมื่อก่อนหมู่บ้านเราก็เคยมีเรื่องมาก่อนแล้ว ผู้ใหญ่สองครอบครัวทะเลาะกันยกใหญ่ บ้านหนึ่งใช้ยาเบื่อหนูป้อนเด็กอีกบ้านหนึ่ง สงสารเด็กคนนั้นอายุเพิ่งหกขวบเอง!”


คุณป้าสะใภ้รวมถึงคุณอาสะใภ้ก็นึกถึงเรื่องนี้เลยโอบลูกตัวเองไว้ตามสัญชาตญาณ พร้อมพูดเชิงเห็นด้วย “แม่พูดถูก ใช้เงินแก้ปัญหา ตอนนี้บ้านเราใช่ว่าจะไม่มีเงินสักหน่อย เงินแสนกว่านั่นไม่มีก็ช่างเถอะ ขอแค่ทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างปลอดภัยก็พอ”


หากเปลี่ยนเป็นลูกครอบครัวพวกเธอถูกป้อนยาเบื่อหนูอย่างเหี้ยมโหดบ้างล่ะก็ พวกเธอคงมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ ถึงต้องยิงฆาตกรนับร้อยครั้งก็เอาชีวิตเด็กคืนมาไม่ได้ งั้นก็สู้กำจัดต้นตอปัญหาเลยดีกว่า


หวังเฟิ่งเจินกอดลูกชายลูกสาวไว้แน่นทั้งกระทุ้งศอกใส่โม่เหวินต้ง ให้เขาเลิกดื้อดึงสักที


โม่เหวินต้งเองก็คิดได้เช่นนี้เลยเกิดความกลัวขึ้นมาทีหลัง ลูกชายลูกสาวคือแก้วตาดวงใจเขา เขากล่าวว่า “เราพูดอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ตอนแรกคนที่ซื้อต้นไม้คือหมิงซุ่นกับเหมยเหมย พวกเขาต้องเป็นคนตัดสินใจเอง”


ผลกำไรจากต้นไม้เหล่านี้เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจเลยมอบหมายให้คนตระกูลโม่เป็นคนดูแลทั้งหมด โดยกำไรที่ได้ก็แบ่งเท่า ๆกัน เพียงแต่คนตระกูลโม่มีจิตสำนึกที่ดีจึงแบ่งเงินครึ่งหนึ่งเก็บไว้ให้เหยียนหมิงซุ่น


คนตระกูลโม่หันไปมองทางเหยียนหมิงซุ่นพร้อมกันเพื่อรอให้เขาเป็นคนตัดสินใจ


เหยียนหมิงซุ่นเอ่ย “ความจริงต้นไม้พวกนี้ก็ไม่ใช่ฉันซื้อ ตอนนั้นเพราะเหมยเหมยอายุยังน้อยเลยใช้ชื่อของฉัน แต่เรื่องเงินเหมยเหมยเป็นคนออก”


คนตระกูลโม่เหงื่อตกกันพร้อมหน้า พวกเขาต่างแย่งกันไปแย่งกันมาทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ทันปริปากพูดเลยด้วยซ้ำ!


เหมยเหมยรีบแสดงความคิดเห็นทันที “ฉันแล้วแต่พี่หมิงซุ่นเลย”


เหยียนหมิงซุ่นลูบศีรษะเธอเบา ๆเป็นการตบรางวัลพลางกล่าว “ต้นไม้พวกนี้ต้องคืนอยู่แล้วแต่คืนได้แค่ครึ่งเดียวและจะคืนเปล่า ๆไม่ได้ ต้องเชิญพยานบุคคลในตอนนั้นมาเพื่อทำหนังสือสัญญากันใหม่”


โลภมากลาภหาย ต่อให้เขาคืนต้นไม้ให้คนกลุ่มนี้ฟรี ๆชาวบ้านก็ไม่มีทางสำนึกคุณ หากไม่ใช่เพราะจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของโม่ซิวหย่วนเขาไม่มีทางคืนแม้แต่ต้นเดียวแน่


ปีหน้าโม่ซิวหย่วนเตรียมลงแข่งเลือกตั้งกรรมการสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งเมืองจิน ฉะนั้นจำเป็นต้องมีชื่อเสียงในทางที่ดี


“เรื่องพวกนี้ฉันเตรียมไว้หมดแล้วรอแค่หมิงซุ่นออกคำสั่ง” โม่ซิวหย่วนลอบพรูลมหายใจโล่งอก สบสายตามองเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่งอย่างเข้าใจกัน


เหยียนหมิงซุ่นเองก็พึงพอใจมาก คุยกับคนฉลาดมันสบายแบบนี้นี่เองไม่จำเป็นต้องพูดให้เสียแรง


พยานบุคคลในตอนนั้นคือผู้ใหญ่บ้านที่ยังแข็งแรงดี เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องต้นไม้เลยตัดสินใจมาอย่างแน่วแน่ ผู้อาวุโสในหมู่บ้านที่ได้รับความเคารพนับถือคนอื่น ๆก็ถูกโม่ซิวหย่วนเชิญมาทั้งหมด


วันที่สี่ของวันตรุษจีน ตอนเที่ยงอากาศกำลังโปร่งใสดี


ชาวบ้านที่ได้รับแจ้งต่างก็มารวมตัวกันที่บ้านตระกูลโม่ แต่ละคนมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า ขอเพียงได้ต้นเงินต้นทองนี้มาอยู่ในมือพวกเขาก็มีชีวิตที่ดีสักที!


“ฉันไม่พูดให้เสียเวลาแล้วกัน ทุกคนรู้ดีว่าวันนี้มาเพราะเรื่องอะไร บ้านไป่ซ่าน(คุณตาโม่)มีเมตตาตัดสินใจคืนต้นวอลนัทที่ซื้อพวกเธอไว้คืนครึ่งหนึ่ง พวกเธอซื้อคืนในราคาเดิม คนที่อยากซื้อก็มาจ่ายเงินแล้วเซ็นชื่อเสีย” ผู้ใหญ่บ้านอาวุโสเอ่ยคำตัดสินใจของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเสียงดังฟังชัด


คืนแค่เพียงครึ่งเดียว อีกอย่างต้องซื้อคืนในราคาเดิม ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องเจรจากันอีก!


ตอนที่ 1652 ทำตัวพาล


วิธีการซื้อคืนน้ารองได้แจ้งคนทั้งหมู่บ้านแล้ว ชาวบ้านส่วนมากจึงต่างดีอกดีใจ ในเมื่อตอนนั้นไม่มีใครบังคับพวกเขาให้ขายต้นไม้ อีกอย่างต่อให้ไม่ขายต้นไม้เหล่านี้ก็ไม่มีวันอยู่รอดมาได้คงถูกตัดถูกเผาไปแล้ว


ตอนนี้คืนให้พวกเขาครึ่งหนึ่งได้ก็พอใจมากแล้วล่ะ!


ชาวบ้านส่วนมากเตรียมเงินต่อแถวซื้อต้นไม้คืน ส่วนโม่ซิวหย่วนเอาหนังสือสัญญาหนึ่งปึกออกมา หากครอบครัวไหนจ่ายเงินแล้วก็จะเขียนใส่เพิ่มเติมไปว่า ‘คืนต้นไม้ครึ่งหนึ่ง’ จากนั้นให้เจ้าตัวกับพยานบุคคลประทับลายนิ้วมือและปั้มตราประทับของกรรมการประจำหมู่บ้านถึงจะถือว่าเรื่องนี้เป็นอันเสร็จสิ้นลง


ส่วนต้นไม้บนเขาเนื่องจากมีขนาดไม่ต่างกันมาก ฉะนั้นเหยียนหมิงซุ่นเลยให้พวกเขาไปแบ่งเองโดยแบ่งไปในปริมาณครึ่งหนึ่งก็พอ เรื่องนี้เลยไม่ถูกบันทึกลงในหนังสือสัญญาไปโดยปริยาย


การทำสัญญาขั้นตอนง่ายดายมาก ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จไปกว่าครึ่ง ชาวบ้านบางส่วนที่ได้ต้นไม้คืนต่างยิ้มไม่หุบกันเลยทีเดียว


รอถึงฤดูใบไม้ร่วงพวกเขาก็จะได้ผลวอลนัทแล้ว นั่นเป็นเงินก้อนโตเชียวนะ!


เหลือชาวบ้านอีกไม่กี่ครอบครัวยังทำสัญญาไม่เสร็จ หวังเฟิ่งเจินหยิบเมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสงและถั่ววอลนัตออกมาให้ทุกคนทาน ขับให้ลานบ้านของตระกูลโม่คึกคักกันมากทีเดียว


“บ้านฉันมีทั้งหมดหกต้น คุณลุงไป่ซ่านก็คืนให้เราทั้งหมดเถอะนะ?” มีคนอ้อนวอน


คุณตาโม่สูบฮุคคาเสียงดังพลางกล่าวอย่างไม่พอใจ “ทุกคนได้คืนไปแค่ครึ่งเดียวกันทั้งนั้น ทำไมต้องคืนให้แกทั้งหมดด้วยล่ะ?”


ผู้ชายคนนี้หน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตรนักและเป็นคนตัวสูงร่างใหญ่ เป็นคุณพ่อของโม่ต้าเป่าที่โยนประทัดใส่เหมยเหมยนั่นเอง เขาชื่อว่าโม่จินกุ้ย มีกล้ามเนื้อเสียเปล่าแต่กลับไม่ชอบทำงานเลยมีฐานะยากจน อีกทั้งไม่ใช่คนสุจริตเท่าไรทำให้ชาวบ้านค่อนข้างตีตัวออกห่างจากเขา


โม่จินกุ้ยสีหน้าเปลี่ยนไปแล้วพูดขอร้องอีกหลายประโยค คุณตาโม่คร้านจะสนใจจึงจดจ่ออยู่กับการสูบบุหรี่


ผู้ใหญ่บ้านอาวุโสตวาดด่ากลับไป “โม่จินกุ้ยเกิดเป็นคนอย่างโลภเกินไป ต้นไม้พวกนี้ต่อให้บ้านไป่ซ่านไม่คืนให้แกก็ไม่มีใครโต้แย้งได้ ตอนนี้เขาใจดีคืนให้แกครึ่งเดียวแกยังจะตื้ออะไรอีก? พูดมากระวังจะไม่ได้คืนสักต้นเดียว!”


โม่จินกุ้ยแค่นเสียงหัวเราะ “มีสิทธิ์อะไรจะไม่คืนฉัน? พวกแกครอบครองต้นไม้บ้านฉันไปตั้งหลายปีจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ไม่คืนต้นไม้ให้ฉันระวังกรรมจะตามสนอง!”


คุณตาโม่สีหน้าดุดันลุกพรวดเขวี้ยงหม้อยาสูบใส่ศีรษะเขาทันที หม้อยาสูบของเขาทำจากทองแดงเลยหนักพอสมควร ทำเอาโม่จินกุ้ยร้องเสียงดังพาลจะเอาคืนด้วยความโมโห


พี่ใหญ่โม่จื้อหย่วนกับโม่เหวินต้งพุ่งตัวเข้าไปกระชากแขนไว้คนละข้างแล้วตะคอก “รนหาที่ตายหรือไง? กล้าทำตัวพาลในบ้านฉัน ฉันจะตีแกให้ตาย!”


“ลงไม้ลงมือเลยเหรอ…สองรุมหนึ่ง รังแกคนจนอย่างพวกเรา!”


โม่เหวิงต้งยังไม่ทันปล่อยหมัดใส่โม่จินกุ้ยเลย เจ้าหมอนี้ก็ร้องเสียงโหยหวนเหมือนโดนเชือดพร้อมทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นกุมแขนไว้หาว่าแขนหักอย่างไร้ยางอาย


โม่เหวิงต้งเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวเห็นแล้วก็ตาลุกเป็นไฟ ยกขาขึ้นหมายจะกระทืบโม่จินกุ้ย “กล้ามาทำตัวขี้โกงในบ้านฉัน ฉันจะกระทืบไอ้สารเลวอย่างแกให้ตาย!”


คุณลุงใหญ่โม่กับน้ารองถลาเข้ามาดึงตัวเขาไว้ “อย่าหลงกลไอ้สารเลวนี่!”


เหมยเหมยเองก็อารมณ์เสียเพราะคนขี้โกงแบบนี้เช่นกัน คนโลภมากมักลาภหาย เธอจึงหาสัญญาของโม่จินกุ้ยจากกระดาษกองโตออกมาพลางชี้ไปที่บรรทัดด้านล่างแล้วอ่านออกเสียงดังฟังชัด “ตอนนั้นคุยกันไว้ดิบดีว่าหลังขายต้นไม้ห้ามเสียใจทีหลัง และห้ามหาเรื่อง คุณเป็นคนประทับลายนิ้วมือเอง เบิกตาดูให้ชัดสิ!”


เธอยื่นหนังสือสัญญามาตรงหน้าโม่จินกุ้ยหมายจะให้เขาดูลายนิ้วมือที่ตัวเองประทับไว้ให้ดี


โม่จินกุ้ยสายตาดีอยู่แล้ว ลายนิ้วมือสีแดงเด่นหราอยู่ตรงหน้าตัวเองแบบนี้จะไม่เห็นได้อย่างไร ความอับอายก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเลยผลักเหมยเหมยล้มในทีเดียว ด่ากลับไปว่า “เรื่องภายในครอบครัวตระกูลโม่ คนนอกอย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย? ไสหัวไปเลยนะ!”


………………………


 ตอนที่ 1653 ไม่คืนแม้แต่ต้นเดียว


เหมยเหมยโดนผลักอย่างแรง เพราะทรงตัวไว้ไม่ดีร่างจึงเอนล้มไปด้านหลังก่อนจะถูกเหยียนหมิงซุ่นรับไว้


เหยียนหมิงซุ่นประคองเหมยเหมยให้ยืนทรงตัวได้ก่อนจะตวัดตามองโม่จินกุ้ยอย่างเย็นชาแวบหนึ่งพลางกล่าวต่อโม่ซิวหย่วนว่า “ขอแค่โม่จินกุ้ยยังมีชีวิตอยู่ ต้นไม้พวกนี้ห้ามคืนให้เขาแม้แต่ต้นเดียว!”


“ได้ ฉันจะจดแยกเอาไว้”


โม่ซิวหย่วนหยิบสมุดเล่มหนึ่งมาบันทึกเรื่องนี้อย่างจริงจังแถมยังยึดหนังสือสัญญาของโม่จินกุ้ยไปแล้วด้วย


โม่จินกุ้ยยันตัวลุกขึ้นจากพื้นแล้วกระโจนเข้าใส่หมายจะแย่งหนังสือสัญญาฉบับนั้นไป “มีสิทธิ์อะไรจะไม่คืนฉัน? คนอื่นได้คืนกันไปคนละครึ่ง ทำไมฉันถึงไม่ได้คืนสักต้นเดียว คืนต้นไม้ของฉันมานะ…”


เหยียนหมิงซุ่นแค่ออกแรงเพียงนิดเดียวโม่จินกุ้ยก็ถูกเขาผลักล้มลงกับพื้นพลางกุมแขนขวาร้องโหยหวนออกมาเสียงดังอย่างเจ็บปวด ครั้งนี้เจ็บตัวจริง ๆเพราะมีเหงื่อผุดเต็มหน้าผากและเสียงร้องคร่ำครวญถึงพ่อแม่


“แกมันมือบอน กล้าเสียมารยาทกับผู้หญิงของฉัน งั้นก็ทนเจ็บไปแล้วกัน!”


เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นชา เมื่อกี้มือที่ผลักเหมยเหมยก็คือมือข้างขวา งั้นก็ให้เขาทนเจ็บไปสักสองชั่วโมงแล้วกัน!


“แขนของฉันหักแล้ว ผู้ใหญ่บ้านต้องเป็นพยานให้ฉันนะ พวกเขารังแกกันเกินไป…” โม่จินกุ้ยประคองแขนขวาที่กระดูกเคลื่อนด้วยใบหน้าซีดเซียว เขาหลงคิดว่าแขนหักเลยผุดแผนใหม่ขึ้นมาในใจ


“พวกแกทำแขนฉันหัก ต่อให้ต่อคืนติดเหมือนเดิมก็ทำงานไม่ได้อีกแล้ว คนในครอบครัวฉันต้องอดอยากแน่ ๆ พวกแกคืนต้นไม้หกต้นมาให้ฉันก็จะถือว่าเรื่องนี้จบด้วยดี ไม่อย่างนั้นฉันจะพาคนทั้งครอบครัวมาขอข้าวบ้านพวกแกทุกวัน…”


โม่จินกุ้ยพูดแค่นเสียงโดยกลั้นความเจ็บปวดไว้เอ่ยข้อแลกเปลี่ยน เหตุที่เขาต้องทำตัวพาลแบบนี้นอกจากแผนที่อยากจะเอารัดเอาเปรียบนิดหน่อยแล้ว สิ่งสำคัญคือเขาไม่มีเงินซื้อต้นไม้คืน ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินไม่ถึงสิบหยวนด้วยซ้ำ


“มาสิ!” เหยียนหมิงซุ่นหันไปเอ่ยต่อคุณตาโม่ว่า “คุณตา ถ้าเขาพาคนมาบ้านเรา คุณตาก็โทรหาสารวัตรเหมาที่สถานีตำรวจประจำอำเภอบอกว่าโม่จินกุ้ยบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล ให้เขาจับตัวไปสำนึกผิดในคุกหลาย ๆปีหน่อยแล้วกัน”


“นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์ของสารวัตรเหมา น้าเล็กเก็บไว้ให้ดี ถึงตอนนั้นแค่บอกชื่อฉันไปก็พอ!”


เหยียนหมิงซุ่นล้วงหยิบกระดาษโน้ตจากกระเป๋าขึ้นมาแล้วเขียนเบอร์โทรติดต่อสารวัตรเหมาก่อนจะยื่นให้โม่เหวินต้ง


สารวัตรเหมาผู้นี้ความจริงถือได้ว่าเป็นลูกน้องของเขาเพราะเขาช่วยหนุนหลังมาโดยตลอด อย่าว่าแต่จับตัวโม่จินกุ้ยไปสำนึกผิดเลย ต่อให้ขังโม่จินกุ้ยไว้ในคุกตลอดชีวิตก็ไม่มีปัญหา


ทางนี้อยู่ห่างไกลอำนาจส่วนกลาง ใครจะมาสนใจความเป็นความตายของชาวบ้านอันธพาลคนหนึ่ง?


โม่จินกุ้ยในใจขนลุกซู่แต่กลับปากแข็งโต้เถียงอีกว่า “ใครโม้ไม่เป็นบ้าง หึ ต่อให้สารวัตรมา ของที่ควรเป็นของฉันพวกแกก็ต้องคืนให้ฉัน!”


เหยียนหมิงซุ่นเผยแววตาเย็นยะเยือกออกมาแล้วให้โม่เหวินต้งหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่โทรไปยังเบอร์โทรส่วนตัวของสารวัตรเหมาที่ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย


“ตอนนี้สารวัตรเหมาว่างไหม? ตอนนี้ฉันอยู่หมู่บ้านโม่ มีคนพาลคนหนึ่งมาปอกลอกเงินอยู่หน้าบ้านฉัน นายสั่งให้ตำรวจแถว ๆนี้มาสั่งสอนสักหน่อยสิ” เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่ง


สารวัตรเหมาที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์กับครอบครัวที่บ้านสะดุ้งตกใจจนเหงื่อตกเพราะสายที่โทรมาจากเหยียนหมิงซุ่น ก่อนรีบโทรไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้หมู่บ้านโม่มากที่สุดพร้อมคำรามเสียงดัง “รีบส่งตำรวจไปหมู่บ้านโม่เดี๋ยวนี้ ที่นั่นมีคนชื่อโม่จินกุ้ย จับมันไปขัง!”


“ขังนานแค่ไหน?”


“ขังไปก่อนแล้วกัน!”


สารวัตรเองก็ไม่บอกว่าต้องการขังนานแค่ไหนจึงเท่ากับว่าไม่จำกัดวันเวลา ให้ตายสิ กล้าไปหาเรื่องถึงบ้านคุณชายหมิง ถ้าทำให้เขาหลุดจากตำแหน่งสารวัตรล่ะก็จะขังมันไปทั้งชีวิตเลย!


สารวัตรประจำสถานีเองก็สะดุ้งจนฉี่แทบราด เมื่อครั้นที่เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในอำเภอสารวัตรเหมายังไม่เคยตระหนกขนาดนี้มาก่อน โม่จินกุ้ยคนนั้นต้องเป็นผู้ก่อการร้ายสุดโต่งแน่นอน


ดังนั้นเขาเลยสั่งลูกน้องไปอย่างจริงจังว่า “มีผู้ก่อการร้ายปรากฏตัวที่หมู่บ้านโม่ พวกแกเตรียมตัวให้ดีระวังอย่างให้ชาวบ้านแตกตื่น ต้องจับตัวผู้ก่อการร้ายกลับมาให้ได้!”


“รับทราบ!”


ทีมตำรวจพร้อมชุดเครื่องแบบและอาวุธครบครันได้ออกเดินทางอย่างยิ่งใหญ่


……………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)