คัมภีร์วิถีเซียน 1628-1631

ตอนที่ 1628 ภูเขาจิตวิญญาณเที่ยงแท้

 

ผิวของมารอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้เปล่งแสงสีม่วงสว่างวาบ ม่านลำแสงหนาแน่นขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ในเวลาเดียวกันก็ไม่สนใจมือยักษ์สีเขียวนั้นอีก แต่ขวางกระบี่ยักษ์เอาไว้อย่างร้อนรน คาดไม่ถึงว่าคิดจะใช้มันเป็นโล่ต้านทานเอาไว้กลางอากาศ


 


 


ครู่ต่อมาเสาลำแสงสีทองก็ชิงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปยังกระบี่ยักษ์


 


 


เสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง


 


 


กระบี่ยักษ์สั่นเทา ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนสลายตัวออกราวกับตาข่ายแมงมุม เสียง “ครืนๆ” ดังขึ้น


 


 


วานรยักษ์รู้สึกเพียงว่าสองแขนหนักอึ้ง ราวกับว่ามีภูเขายักษ์กดลงบนกระบี่ยักษ์ จากพลังเทวะในตัวมันแล้วก็ไม่อาจต้านทานได้


 


 


อานุภาพการสำแดงเคล็ดวิชาอัญเชิญอัสนีอย่างอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตราย เหนือกว่าที่มันคิดเอาไว้ ประกอบกับที่เสาอัสนีสีทองปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย จากสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ก็ไม่อาจไม่เสียเปรียบได้จริงๆ


 


 


มารอสูรตัวนี้พลันรู้สึกตกตะลึง สูดลมหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่งอย่างไม่ต้องขบคิด ไอทมิฬสีดำแดงกลุ่มหนึ่งวิ่งออกมาจากส่วนลึกของจุดตันเถียน หลังจากสลายตัวออก ก็กลายเป็นไอมารบริสุทธิ์พุ่งไปที่จุดชีพจรต่างๆ ตามร่างกาย


 


 


ชั่วขณะนั้นร่างของวานรมารตนนั้นพลันมีเสียงระเบิดดังขึ้น ร่างกายที่อยู่ด้านนอกไอมารสีดำแดงขยายใหญ่ขึ้น ในเวลาเดียวกันแขนทั้งสองก็มีลำแสงสีดำแดงเปล่งแสงสว่างวาบ หนาขึ้นเป็นเท่าตัว


 


 


กระบี่ยักษ์สีม่วงที่แต่เดิมจะหลุดออกจากมือได้ตลอดเวลา พลันเปล่งแสงเจิดจ้าแล้วกลับมามั่นคงอีกครั้ง


 


 


แต่ดูจากสีหน้าที่เคร่งขรึมของวานรมารแล้ว ก็แค่พอฝึกต้านทานเอาไว้ได้เท่านั้น


 


 


และในยามนั้นเองมือยักษ์สีเขียวก็กดลงไปหาตัวที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินตามลำแสงสีทองไปติดๆ ตะปบไปครั้งหนึ่งก็ปกคลุมครึ่งท่อนบนของร่างนั้นเอาไว้


 


 


วานรมารกลับไม่สนใจสิ่งนี้เลยสักนิด


 


 


อีกด้านหนึ่งเขาคิดว่ามีเกราะสีม่วงปกป้องอยู่ แค่ภาพลวงตาจากเคล็ดวิชาทมิฬเคล็ดวิชาหนึ่ง คงไม่อาจทำอันตรายเขาได้ อีกด้านหนึ่งคือภายใต้การคุกคามของอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตราย มารตนนี้คงไม่อาจแยกจิตได้มากนัก


 


 


วานรมารในยามนี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่หยุด กระตุ้นเคล็ดวิชามารในร่างอย่างต่อเนื่อง แค่หมายจะดิ้นให้หลุดออกจากอานุภาพที่แข็งแกร่งของอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายแล้วค่อยว่ากัน


 


 


มารตัวนี้รู้ดีว่าเคล็ดวิชาอัญเชิญอัสนีมีอานุภาพที่น่าตกตะลึง แม้ว่าเขาจะอยู่ในยามที่ฟื้นฟูเต็มที่ก็ต้องหวาดกลัวอยู่หนึ่งถึงสองส่วน แต่การสำแดงเคล็ดวิชานี้มันค่อนข้างยุ่งยาก ขอแค่รับมือได้หนึ่งหน คู่ต่อสู้ก็ไม่มีโอกาสได้สำแดงครั้งที่สองแล้ว


 


 


แต่เมื่อมือยักษ์สีเขียวสัมผัสกับลำแสงสีม่วงที่ห่อหุ้มร่าง วานรมารก็ไม่ได้ไม่ป้องกันตัวเองอะไรเลย ลำแสงสีม่วงพลิ้วไหว กลายเป็นโล่ลำแสงใบหนึ่ง


 


 


ต้านทานการตะปบลงมาของมือยักษ์สีเขียวเอาไว้อย่างพอดิบพอดี!


 


 


หลังจากเสียงปริแตกอันไพเราะดังขึ้น วานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้กลับรู้ว่าตนเองพลาดไปแล้ว


 


 


ยามที่คิดจะสำแดงอิทธิฤทธิ์อื่นออกมาต้านทานอย่างร้อนรนนั้น มันกลับสายไปเสียแล้ว


 


 


พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งโจมตีโล่ลำแสงให้แตกละเอียดได้อย่างง่ายดาย ชั่วครู่ก็ส่งมาถึงร่างของวานรมารใต้เกราะสงคราม!


 


 


คาดไม่ถึงว่าเกราะสงครามสีม่วงจะไม่อาจแก้ไขได้มากนัก!


 


 


วานรมารออกแรงทั้งหมดในการประคองกระบี่ให้ต่อกรกับเสาอัสนีสีทองเหนือศีรษะ แม้ว่าร่างกายจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อตกอยู่ภายใต้การโจมตีที่คาดไม่ถึงทั้งสองฝั่ง ร่างกายก็ไม่อาจมั่นคงได้อีก


 


 


หลังจากเสียง “สวบ” ดังขึ้น ร่างทั้งร่างก็ถูกชนจนกระเด็นลอยออกไป


 


 


ยามนี้มือยักษ์สีเขียวถึงได้เปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏรูปร่างที่แท้จริง


 


 


เป็นสีดำสนิท เปล่งแสงสีเทาขาว นั่นก็คือภูเขาเทวะดูดปราณ


 


 


สมบัติชิ้นนี้ถูกหานลี่ตั้งใจหลอมเอาไว้ตั้งนานแล้ว ประกอบกับเขตอาคมกระบี่ที่อำพรางอยู่ คาดไม่ถึงว่าจะถูกส่งออกมาด้านล่างเขตอาคมกระบี่โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ และทำการโจมตีอย่างคาดไม่ถึง


 


 


แม้ว่าวานรมารจะมีอิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณ แต่ในชั่วพริบตาก็ไม่อาจแยกแยะความจริงเท็จได้ ตกอยู่ในกลอุบายนี้เข้าจริงๆ


 


 


ต้องเข้าใจว่าหลังจากที่หลอมภูเขาเทวะดูดปราณลูกนี้ไปสองครั้ง น้ำหนักของมันนั้นแม้แต่หานลี่เองก็ไม่กล้ารับไว้ตรงๆ


 


 


แม้ว่าวานรมารจะมีพลังเทวา แทบจะเหนือกว่าหานลี่ขั้นหนึ่ง แต่เมื่อถูกภูเขาเทวะดูดปราณชนเข้าอย่างไม่ทันตั้งตัว แน่นอนว่าย่อมไม่อาจต้านทานได้พลางกระเด็นลอยไป


 


 


หานลี่ที่อยู่นอกเขตอาคมกระบี่รู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว จึงใช้มือหนึ่งชี้ไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว!


 


 


กระบี่ยักษ์สีม่วงที่แต่เดิมถูกต้านทานเอาไว้ด้วยเสาลำแสงอัสนีพลันบิดเบี้ยว ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองพลันเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นทั้งสองฝั่งของกระบี่ยักษ์สีม่วง


 


 


ครู่ต่อมาลำแสงอัสนีที่หนาแน่นก็โจมตีไปยังร่างของวานรมารที่เพิ่งกระเด็นลอยมา


 


 


หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองก็ดีดตัวเปรี๊ยะๆ ตาข่ายสีทองผืนใหญ่ปกคลุมร่างของวานรมารเอาไว้ จากนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ลำแสงสีทองระเบิดตัวออก


 


 


ท่ามกลางเสียงฟ้าผ่า ลำแสงอัสนีสีทองปกคลุมวานรมารเอาไว้ข้างในจนมิด


 


 


และทุกอย่างนี้ล้วนเกิดขึ้นเพียงชั่วลมหายใจเท่านั้น!


 


 


ยามนั้นในเขตอาคมกระบี่พลันมีลูกธนูสีเขียวปรากฏขึ้นไม่หยุด กลายเป็นลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนทยอยกันจมหายเข้าไปในแสงสีทอง ทำให้เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นหลายส่วน


 


 


แต่กลอุบายสังหารที่แท้จริงของหานลี่ไม่ได้อยู่ที่นี่


 


 


ท่ามกลางลูกธนูสีเขียวที่พุ่งเข้ามา มียี่สิบสามสิบดอกที่เปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นกลายเป็นเส้นไหมสีเขียวบางๆ ดุจเส้นผมยี่สิบสามสิบเส้น ความเร็วนั้นเหนือกว่าลูกธนูดอกอื่นๆ สองสามเท่า สั่นไหวและทะลวงผ่านลำแสงสีทองไป จากนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในอีกด้านหนึ่งของม่านลำแสง


 


 


ในลำแสงที่เดิมยังคงเงียบสงัดกับการโจมตีเมื่อครู่ พลันมีเสียงร้องคำรามด้วยความโกรธแค้นออกมา


 


 


คิดไม่ถึงว่าเส้นไหมสีเขียวที่ดูไม่สะดุดตาเหล่านี้จะทำร้ายมารตนนี้ได้จริงๆ


 


 


หานลี่ที่อยู่ด้านนอกพลันเผยสีหน้ายินดีออกมา


 


 


ทันใดนั้นมือหนึ่งพลันตบไปที่หน้าผากของตนเองอย่างไม่ลังเลอีก เทวรูปสามเศียรหกกรที่อยู่เหนือศีรษะพลันยืดตัวขึ้น ชั่วครู่ก็จมหายเข้าไปในม่านลำแสงสีเขียวแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นร่างของหุ่นเชิดเงาสองตัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของหานลี่ก็บิดเบี้ยว หายวับไปภายใต้เงาของหานลี่ทันที


 


 


ครู่ต่อมากลางเขตอาคมกระบี่พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ลำแสงสีทองหกดวงหมุนคว้าง กลายเป็นกำปั้นยักษ์สีทองเรืองรองหกกำปั้น ทุบลงมาจากท้องฟ้าอย่างรุนแรง


 


 


กลางพื้นดินด้านล่างมีเงาสีทองสองสายเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่ยาวสีทองสองเล่มและดาบสีทองเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น เพียงพลิ้วไหวก็กลายเป็นลำแสงเย็นเยียบม้วนวนขึ้นไปด้านบน


 


 


เมื่อเห็นว่าการโจมตีระลอกที่สองกำลังจะจมเข้ามาในลำแสงยักษ์ เสียงกรีดร้องแหลมสูงพลันดังออกมา


 


 


คาดไม่ถึงว่ากลุ่มลำแสงจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!


 


 


จากนั้นลำแสงสีโลหิตพลันเปล่งแสงเจิดจ้า สายรุ้งสีโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมาจากกลุ่มลำแสง เริงระบำราวกับลูกไฟในเขตอาคมกระบี่เทพเซียนออกมาจากสรวงสวรรค์ จากนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง แล้วหยุดชะงักอยู่กลางอากาศกลายเป็นเงาลำแสงสีโลหิต


 


 


คาดไม่ถึงว่าจะเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิมของวานรมารที่หานลี่เคยเห็นมาก่อนหน้า!


 


 


แต่แค่ในมือของมันกำใบมีดชำรุดเล่มนั้นเอาไว้ ในยามนี้ใบมีดไม่เพียงจะไม่กลับมาอยู่ในสภาพเดิม สีสันยังเปลี่ยนเป็นสีแดงสดราวกับโลหิต ดูแล้วแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง!


 


 


เสียง “ครืน” ดังขึ้นพร้อมกันจากทั้งด้านบนด้านล่าง


 


 


กำปั้นสีทองหกกำปั้นและดาบกระบี่สีทองด้านล่างล้วนเปล่งเสียงไพเราะออกมาแล้วแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนลูกธนูสีเขียวที่ปรากฏขึ้นรอบด้านไม่หยุดก็สลายหายไป ยามนี้ไม่อาจปรากฏขึ้นได้อีก


 


 


ด้านล่างตรงจุดที่ลำแสงปริแตก ร่างของวานรมารปรากฏขึ้นอีกครั้ง


 


 


แต่ใบหน้าของเขากลับซีดขาว เกราะสงครามสีม่วงบนเรือนร่างล้วนปริแตกและมีรอยไหม้เกรียมอยู่ไม่น้อย และมีรูขนาดเท่าหัวแม่มือยี่สิบสามสิบรูปรากฏขึ้นทั่วทั้งเกราะสงครามอาบย้อมไปด้วยโลหิตแดงฉาน


 


 


เห็นได้ชัดว่ากายเนื้อกายนี้ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย นี่จึงบีบให้วานรมารจำใจต้องสำแดงเคล็ดวิชามารจิตวิญญาณดั้งเดิมหลีกหนีอีกครั้ง!


 


 


หานลี่ที่อยู่ด้านนอกเขตอาคมกระบี่มองเห็นฉากนี้ สีหน้ากลับดูไม่ได้


 


 


การโจมตีเมื่อครู่เขามั่นใจว่าหากโจมตีอย่างต่อเนื่องก็จะต้องสังหารอีกฝ่ายได้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถสังหารมารตนนี้ได้


 


 


“เยี่ยม เยี่ยมมาก! ข้าเสียเวลาบ่มเพาะกายเนื้อนี้ไปตั้งหลายร้อยปี มาถูกเจ้าโจมตีจนกลับเป็นดังเดิม แม้กระทั่งแย่ยิ่งกว่าก่อนที่จะหลับใหล เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอะไรอีกแล้ว ข้าไม่เอากายเนื้อนี้แล้วจะต้องจัดการเจ้าให้ได้ เพื่อที่จะกำจัดความแค้นของข้า! ไม่สิ ข้าจะใช่กายเนื้อของเจ้ามาเป็นร่างแยกของจิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าชั่วคราวก็แล้วกัน” จิตวิญญาณดั้งเดิมของวานรมารก้มหน้าลงมองกายเนื้อที่น่าอเนจอนาถด้านล่าง ลำแสงสีม่วงสองกลุ่มที่อยู่ในดวงตาทั้งสองเปล่งแสงสว่างวาบ ไม่อาจปกปิดความแค้นในใจได้ น้ำเสียงกลับเปลี่ยนเป็นเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง


 


 


เมื่อสิ้นเสียงมารตัวนี้พลันสะบัดใบมีดชำรุดในมือ ชั่วขณะนั้นลำแสงสีโลหิตสายหนึ่งพลันฟันออกมาจากใบมีดชำรุด


 


 


แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือเป้าหมายของสายตาสีโลหิตนี้ไม่ใช่เขตอาคมกระบี่รอบด้าน แต่เป็นกายเนื้อที่นิ่งงันของตนเองด้านล่าง


 


 


เสียง “ครืนๆ” ดังขึ้น กายเนื้อของวานรมารในเกราะสงครามสีม่วงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเส้นไหมสีโลหิตเลยสักนิด ทำให้มันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไป!


 


 


ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!


 


 


กายเนื้อของวานรมารซูบลงอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เมื่อลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไปกลางอากาศอีกครั้ง สิ่งที่เกราะสงครามสีม่วงห่อหุ้มอยู่ก็กายเป็นซากศพแห้งๆ สีดำม่วงซากหนึ่ง


 


 


ส่วนใบมีดชำรุดที่ดูดซับลำแสงสีโลหิตเข้ามาอีกครั้ง ก็แผ่กลิ่นอายโลหิตคละคลุ้งออกมา ไอมารสีดำสนิททะลักออกมาเป็นกลุ่มๆ และมีอักขระสีดำแดงปรากฏขึ้นพลางวนล้อมรอบใบมีดไปมา


 


 


วานรมารโยนใบมีดชำรุดในมือออกไปกลางอากาศ สองมือพลันร่ายอาคม ในเวลาเดียวกันปากก็บริกรรมคาถา


 


 


เสียงบริกรรมคาถาที่ฟังไม่เข้าใจและเต็มไปด้วยความดุร้ายป่าเถื่อนพลันดังออกมาเป็นระลอกๆ!


 


 


แม้ว่าหานลี่จะไม่รู้ว่าวานรมารตัวนี้จะทำอะไร แต่ก็รู้ว่าถูกมารตัวนี้โกรธแค้นแล้ว แม้แต่โลหิตบริสุทธิ์ที่หลงเหลืออยู่ในกายเนื้อของตนเองก็ยังดูดมาจนหมด จะต้องสำแดงอิทธิฤทธิ์อะไรที่ร้ายกาจแน่ เขาจะปล่อยให้มันสมประสงค์ได้อย่างไร


 


 


ไม่ทันได้ขบคิดหานลี่พลันใช้มือหนึ่งร่ายคาถา กระตุ้นเขตอาคมกระบี่


 


 


ชั่วขณะนั้นม่านลำแสงรอบด้านพลันสั่นไหว ดอกบัวขนาดน้อยใหญ่เท่าศีรษะสองสามร้อยดอกปรากฏขึ้นในม่านลำแสง


 


 


พวกมันแค่หมุนคว้าง ชั่วขณะนั้นพลันพ่นเสาลำแสงสีเขียวยี่สิบสามสิบสายออกมาจากใจกลางของดอกบัว เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปยังวานรมาร


 


 


แต่เรื่องที่เกิดขึ้นต่อมากลับทำให้หานลี่หน้าเปลี่ยนสีเป็นดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง


 


 


เห็นเพียงวานรมารตัวนั้นไม่มองเสาลำแสงที่พุ่งมาจากรอบด้านเลยสักแวบเดียว แค่ยื่นนิ้วชี้ออกมาเขียนอะไรอย่างลวกๆ แล้วดีดนิ้วไปทางใบมีดชำรุดเบาๆ


 


 


เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น


 


 


บรรยากาศรอบด้านของใบมีดชำรุดบิดเบี้ยว ระลอกคลื่นไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น จากนั้นก็กระจายออกไปทั่วทั้งสารทิศ


 


 


เสาลำแสงสีเขียวที่เพิ่งพุ่งมาในบริเวณรอบสัมผัสกับระลอกคลื่นนี้ ชั่วขณะนั้นก็ทยอยกันสลายหายไปราวกับแห้งเ**่ยวเฉา


 


 


คาดไม่ถึงว่าเสาลำแสงที่ดุดันสองสามร้อยสาย จะไม่อาจเข้าใกล้วานรมารได้เลยสักนิด


 


 


หานลี่พลันรู้สึกตกตะลึง หน้าเปลี่ยนสีเป็นเขียวคล้ำ แต่ไม่รอให้เขาคิดออกว่าอีกฝ่ายกำลังจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ใด หลังจากที่วานรมารแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชา รอบกายมีลำแสงสีโลหิตหมุนวน กลางอากาศพลันมีลำแสงสีม่วงเปล่งแสงสว่างวาบ เงาลวงตาสีม่วงปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ


 


 


เงาลวงตาสายนี้คล้ายกับวานรมารสีม่วงอยู่เจ็ดแปดส่วน แม้ว่าบนหัวจะไม่มีเขา แต่ดวงตาปีศาจคู่นั้นกลับเปล่งแสงห้าสีสัน ในเวลาเดียวกันตรงทรวงอกก็มีลวดลายสีเงินอ่อนขนาดสองสามฉื่อผนึกอยู่ หากมองไกลๆ จะเป็นตัวอักษรคำว่า “ภูเขา”

 

 

 


ตอนที่ 1629 สวรรค์ทมิฬปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

“วานรยักษ์ภูเขา!”


 


 


แม้ว่าหานลี่จะเพิ่งเคยเห็นจิตวิญญาณเที่ยงแท้ในตำนานเป็นครั้งแรก แต่ก็มั่นใจฐานะของอีกฝ่ายได้ในทันที


 


 


ถึงอย่างไรเสียสิ่งที่ตรงทรวงอกมีลวดลายประหลาดๆ นั้น ก็มีเพียงจิตวิญญาณเที่ยงแท้ชนิดนี้


 


 


วานรมารตัวนี้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของวานรภูเขา มิเช่นนั้นคงไม่อาจสร้างภาพลวงตาเทวรูปนี้ได้


 


 


หานลี่มองเงาลวงตาสีม่วงในเขตอาคมกระบี่ สายตาอดที่จะฉายแววร้อนแรงไม่ได้


 


 


วานรยักษ์ภูเขาตัวนี้เป็นหนึ่งในตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองร่าง


 


 


หากเขาได้โลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้วานรตัวนี้มา ไม่เพียงจะแปลงกายได้อีกหนึ่งชนิด และยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเพิ่มพลังให้การแปลงกายอื่นๆ อีกด้วย


 


 


หานลี่ขบคิดเช่นนี้ จิตสังหารที่มีต่อวานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้จึงเพิ่มขึ้น


 


 


แต่หากใช้อิทธิฤทธิ์ธรรมดาๆ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจจัดการกับมารตนนี้ได้


 


 


หลังจากที่หานลี่มีใบหน้าลังเล ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ กำไลทรงกลมที่ไม่สะดุดตาวงหนึ่งตกมาอยู่ในมือ


 


 


นั่นก็คือกำไลที่บรรจุแมลงกลืนทองอยู่เต็มไปหมด!


 


 


คาดไม่ถึงว่าเขาจะคิดใช้เครื่องมือสังหารที่ยิ่งใหญ่นี้ต่อกรกับจิตวิญญาณดั้งเดิมของวานรมารตัวนี้


 


 


ปล่อยแมลงกลืนทองออกมาจำนวนมากในคราเดียว แน่นอนว่าย่อมทำให้จิตสัมผัสของเขาได้รับความเสียหาย แต่หากจบการต่อสู้ได้ในระยะเวลาอันสั้น แน่นอนว่าย่อมกลายเป็นกล่องเครื่องมือสังหารของหานลี่


 


 


จากพลังจิตสัมผัสของหานลี่หลังจากบรรลุระดับหลอมสุญตาแล้ว หากจะควบคุมแมลงกลืนทองทีเดียวร้อยตัว ก็พอจะควบคุมได้เป็นเวลาหนึ่งก้านธูป


 


 


แต่หากเพิ่มจำนวนของแมลงวิญญาณมากขึ้นสักสองสามเท่า เวลาที่ควบคุมได้กลับเหลือเพียงหนึ่งในสี่ส่วนจากเดิมเท่านั้น


 


 


หากไม่มีเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์คอยช่วยเสริม หานลี่อาจจะไม่กล้าทำอะไรที่บุ่มบ่ามเช่นนี้ แต่ตอนนี้มารตัวนี้ถูกกักเอาไว้ในเขตอาคมกระบี่ จึงมีข้อจำกัดในการหลบหนี นั่นเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของแมลงกลืนทอง


 


 


จากการคาดการณ์ของหานลี่ จากความดุของแมลงกลืนทองโตเต็มวัย หลังจากปล่อยออกมาร้อยตัวแล้ว ภายในเวลาหนึ่งในสามของเวลาหนึ่งก้านธูปก็เพียงพอในการจัดการอีกฝ่ายแล้ว


 


 


สิ่งเดียวที่เขาลังเลก็คือ หลังจากที่ตนเองสูญเสีญพลังจิตสัมผัสไป อิทธิฤทธิ์กว่าครึ่งจะลดลง หากระหว่างทางที่กลับพบศัตรูอะไรที่แข็งแกร่ง ก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายได้


 


 


แต่ความคิดนี้ก็แค่ฉายแวบผ่านหัวของหานลี่ไปเท่านั้น!


 


 


สำหรับเขาแล้วแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องจัดการกับศัตรูตรงหน้าก่อน เรื่องอื่นๆ แน่นอนว่าย่อมโยนทิ้งไปก่อนชั่วคราวได้


 


 


แต่ไม่รอให้หานลี่สำแดงกำไลอสูรวิญญาณออกมาจากแขนเสื้อ วานรมารสีโลหิตในเขตอาคมกระบี่กลับตะโกนเสียงทุ้มต่ำออกมา ปากบริกรรมคาถาไม่หยุด อ้าปากพ่นหมอกสีโลหิตออกมากลุ่มหนึ่ง


 


 


เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในใบมีดชำรุดสีโลหิต


 


 


ใบมีดนี้หมุนติ้วๆ ไอมารสีดำสนิทที่แต่เดิมทะลักออกมาพลันหมุนวนอย่างรุนแรง


 


 


เสียงหวีดร้องดังขึ้น ลำแสงสีดำเป็นดวงๆ ปรากฏขึ้นใกล้ๆ กับใบมีดชำรุด จากนั้นก็แผ่ขยายไปตามจุดต่างๆ ของกระบี่


 


 


หานลี่พลันตกตะลึง ฉับพลันนั้นพลันสัมผัสได้กว่าไอวิญญาณฟ้าดินรอบด้านผิดปกติ จึงอดที่จะหันไปมองรอบๆ ด้านไม่ได้


 


 


ผลคือพลันมีสีหน้าตกตะลึง!


 


 


เห็นเพียงไอมารความตายที่เข้มข้นในทางเดิมในยามนี้หมุนวน มีหมอกลำแสงสีดำบินออกมาจากตรงกลาง แล้วม้วนวนไปหาเขตอาคมกระบี่


 


 


เขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นระลอกคลื่นหมุนวนขนาดยักษ์ ทยอยกันดูดซับหมอกสีดำเหล่านั้นเข้าไป


 


 


ทว่าหลังจากที่หมอกสีดำเหล่านั้นมาอยู่ใกล้กับเขตอาคมกระบี่ กลับถูกม่านลำแสงสีเขียวต้านทานเอาไว้ด้านนอก กลายเป็นดวงแสงสีดำหลายดวงเรียงตัวอย่างแน่นขนัด แต่ก็ไม่ได้เข้าไปในเขตอาคมกระบี่ได้จริงๆ


 


 


“ไอมารเที่ยงแท้!”


 


 


หานลี่แค่มองไปปราดหนึ่งก็มองโฉมหน้าที่แท้จริงของหมอกสีดำเหล่านั้นออก หางตาพลันกระตุกสองสามครั้ง


 


 


แต่ในยามนั้นเองเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นก็ดังออกมาจากเขตอาคมกระบี่ ทั้งทางเดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับแผ่นดินถล่ม


 


 


จากนั้นพลังแรงกดที่น่ากลัวก็พุ่งขึ้นมาจากเขตอาคมกระบี่ แม้แต่ม่านลำแสงที่อยู่ใกล้เคียงก็ยังสั่นไหวไม่หยุด


 


 


หานลี่พลันตะลึงงัน กลอกตาไปมาอย่างไม่ต้องขบคิด พลางมาหยุดอยู่ที่ใจกลางของเขตอาคมกระบี่!


 


 


ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าของหานลี่


 


 


เขตอาคมกระบี่ทั้งหลังถูกอักขระน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนอัดแน่น! อักขระทุกตัวเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ กะพริบเรืองๆ เดี๋ยวขยายใหญ่เดี๋ยวหดเล็กลงไปมา


 


 


ตรงใจกลางของอักขระเหล่านี้ใบมีดชำรุดสีโลหิตลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น


 


 


ใบมีดนี้เดิมขาดส่วนบนไปครึ่งหนึ่ง แต่ถูกฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์แบบตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีที่ใบมีดเป็นสีแดงโลหิต พลันมีอักขระโบราณสีทองอ่อนส่องแสงเรืองๆ ที่ไม่รู้จักเพิ่มขึ้นมาสามแถว


 


 


หลังจากที่หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ก็พบด้วยความตกตะลึงทันที


 


 


อักขระสีดำในเขตอาคมกระบี่เปล่งแสงเจิดจ้า คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงสว่างวาบพร้อมกับใบมีดชำรุด ทั้งหมดล้วนดูเหมือนถูกกระบี่ควบคุมไว้!


 


 


เสียงหัวเราะประหลาดๆ ดังออกมาจากปากของวานรมารที่อยู่ด้านข้าง มันใช้สองมือร่ายอาคมทันที


 


 


ร่างกายของตนเองไม่เคลื่อนไหว แต่เงาลวงตาวานรยักษ์สีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะกลับยื่นมือออกมา ตะปบใบมีดชำรุดสีโลหิตเข้ามาอยู่ในมือ


 


 


จากนั้นก็ตวัดไปอย่างธรรมดาๆ เรื่องที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น!


 


 


อักขระโบราณสีทองบนผิวใบมีดชำรุดหมุนวนโคจรราวกับมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบพร้อมกับมีเสียงไพเราะดังขึ้น!


 


 


หานลี่สัมผัสได้ถึงไอวิญญาณฟ้าดินในเขตอาคมกระบี่ที่โกลาหล อักขระสีดำพุ่งมาหาใบมีดชำรุดราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ


 


 


และแทบจะในเวลาเดียวกัน ผิวของใบมีดชำรุดก็เปล่งรัศมีสีดำออกมาเป็นวงๆ


 


 


เมื่ออักขระทั้งหมดสัมผัสกับรัศมี ก็หายเข้าไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับโคลนที่จมลงสู่มหาสมุทร


 


 


ส่วนตัวของใบมีดชำรุดเองก็เปลี่ยนเป็นสีดำไปส่วนหนึ่ง


 


 


อักขระทั้งหมดถูกรัศมีดูดซับไปจนเกลี้ยง รัศมีจึงหายวับไปอย่างเงียบเชียบ ส่วนเสียงอันไพเราะก็หยุดชะงักลง


 


 


ตัวของใบมีดชำรุดเปลี่ยนจากสีแดงโลหิตกลายเป็นสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก วานรยักษ์แค่โบกสะบัดเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นอักขระโบราณสามแถวบนใบมีดก็เปล่งแสงสีทองเรืองรองออกมา ยิ่งดูลึกลับมากยิ่งขึ้น


 


 


แต่รูม่านตาของหานลี่พลันหดเล็กลง ฉับพลันนั้นมือข้างหนึ่งก็กดลงไปที่แขนอีกข้าง ดวงตาทั้งสองจ้องใบมีดสีดำในมือของอีกฝ่ายเขม็ง ชั่วพริบตาก็มีสีหน้าซีดขาวไร้สีโลหิต


 


 


“สมบัติสวรรค์ทมิฬ! เป็นไปไม่ได้ เจ้ามีสมบัติเหนือชั้นเช่นนี้ จะมาได้รับบาดเจ็บหนักอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” หานลี่แทบจะใช้น้ำเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดเอ่ยออกมาทีละคำๆ


 


 


“เจ้ารู้ว่ามันคือสมบัติสวรรค์ทมิฬได้อย่างไร!” เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ วานรมารก็หน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่เช่นกัน น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นโหดเ**้ยม ดวงตาเปล่งแสงสีม่วงสว่างวาบ ราวกับว่าจะกลืนกินคนอย่างไรอย่างนั้น


 


 


แต่หานลี่ในยามนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะตอบคำถามของวานรมาร


 


 


เพราะว่าจุดที่เขากดลงไปบนแขนในยามนี้ มันกำลังร้อนฉ่า มันคือจุดที่ผนึกกระบี่สวรรค์ทมิฬเล่มนั้นเอาไว้


 


 


ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ปรากฏขึ้นบนแขน เป็นตอนที่วานรยักษ์ภูเขาตัวนั้นหยิบใบมีดมารเล่มนั้นออกมาโบกสะบัดสองสามครั้ง มันจึงเกิดขึ้นอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน


 


 


เขาสัมผัสได้ว่ากระบี่สวรรค์ทมิฬที่แต่เดิมถูกผนึกอยู่ในแขนอยู่ดีๆ ดูเหมือนว่าจะได้รับการกระตุ้นจากใบมีดสีดำในมือของอีกฝ่าย ชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นกระเ**้ยนกระหือรือ


 


 


หานลี่ถึงได้มีลำแสงวิญญาณสว่างวาบขึ้นในหัว คาดเดาประวัติความเป็นมาของใบมีดชำรุดนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเมื่อครู่


 


 


ตอนนี้เห็นวานรมารไม่ได้ปฏิเสธ หานลี่ก็มีจิตใจหนักอึ้ง


 


 


ไม่ต้องพูดถึงว่าพลังปราณกว่าครึ่งของเขาในยามนี้ใช้ไปกับการพยายามระงับกระบี่สวรรค์ทมิฬบนแขนอย่างสุดชีวิต ต่อให้ใช้แมลงกลืนทอง หากอีกฝ่ายมีสมบัติสวรรค์ทมิฬอยู่ในมือ จะยังใช้ได้หรือไม่ เขาก็ไม่มั่นใจเลยสักนิด


 


 


และผลลัพธ์จากการใช้สมบัติสวรรค์ทมิฬครั้งที่แล้ว เขาก็ยังจำได้ดี ในใจไม่คิดจะกระทำซ้ำรอยเดิมเป็นแน่


 


 


ถึงอย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นสถานที่อันตรายที่มีมารอสูรอยู่เต็มไปหมด หากสูญเสียพลังปราณไป ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายอย่างไรอย่างนั้น


 


 


ทว่าครั้งที่แล้วที่ตนเองใช้อานุภาพที่น่าตกตะลึงของกระบี่สวรรค์ทมิฬนั้น เขาก็ไม่ลืมเลือนเช่นกัน


 


 


ไม่ต้องพูดถึงว่าใบมีดชำรุดของอีกฝ่ายมีอานุภาพไม่แตกต่างกัน ขอแค่มีอานุภาพเท่ากับสมบัติที่ผนึกอยู่ในแขนของเขาครึ่งหนึ่ง เขาก็ไม่อาจต้านทานได้แล้ว


 


 


แม้ว่าเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์จะมหัศจรรย์ขนาดไหน จะไปต้านทานกับพลังแห่งกฎเกณฑ์ได้อย่างไร


 


 


วานรมารในเขตอาคมกระบี่เห็นหานลี่ไม่ได้ตอบอะไร ทันใดนั้นก็รู้สึกโกรธเกรี้ยว กระตุ้นเทวรูปเหนือศีรษะอย่างไม่ลังเลอีก


 


 


ชั่วขณะนั้นเงาลวงตาวานรยักษ์ภูเขาพลันชูใบมีดมารในมือขึ้น ชี้ไปยังตำแหน่งของหานลี่


 


 


หานลี่หางตากระตุก แผ่นหลังมีเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมา อดที่จะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬไม่ได้


 


 


อานุภาพของการตวัดสมบัติสวรรค์ทมิฬนั้น ต่อให้เขาคิดจะหนีก็เป็นเรื่องที่เพ้อฝัน


 


 


เขาในยามนี้ดูเหมือนว่าหากไม่ยอมนิ่งเงียบรอความตาย ก็ต้องใช้สมบัติสวรรค์ทมิฬที่ผนึกอยู่ในแขนออกมาต่อกร


 


 


ผลลัพธ์ของทั้งสองชนิดล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากยอมรับ


 


 


แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายควบคุมเทวรูปชูใบมีดชำรุดสีดำเปล่งประกายขึ้น เขาก็ไม่มีเวลาจะคิดหาวิธีการอื่นอีก


 


 


“ไม่สิ อีกฝ่ายสูญเสียกายเนื้อไปแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นพลังยุทธ์ก็พอๆ กับตนเอง จะควบคุมสมบัติสวรรค์ทมิฬได้อย่างไร! อีกฝ่ายในตอนนี้ควบคุมใบมีดได้ ก็ไม่ใช่ตัวเอง หรือว่าจะเป็น…”


 


 


ภายใต้ความร้อนใจในหัวของหานลี่พลันมีลำแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็รู้สึกว่าตัวเองคว้าอะไรเอาไว้


 


 


ยามนี้ใบหน้าของวานรมารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลันมีสีหน้าโหดเ**้ยมฉายแวบผ่าน เทวรูปสีม่วงชูใบมีดสีดำขึ้นแล้วค่อยๆ ลดระดับลงมา


 


 


หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันตกตะลึง ทันใดนั้นก็กัดฟัน นิ้วทั้งห้าที่กดอยู่บนแขนพลันเปลี่ยนเป็นดึงออกมา


 


 


เสียง “ครืน” ดังขึ้น กระบองไม้สีเหลืองอ่อนกระบองหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ


 


 


นั่นก็คือผลสวรรค์ทมิฬ


 


 


หานลี่ไม่มีเจตนาจะหยุดยั้งเลยสักนิด สะบัดข้อมือ คาดไม่ถึงว่าจะโยนผลสวรรค์ทมิฬขึ้นไปกลางอากาศ


 


 


ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ เทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แขนสีทองข้างหนึ่งแค่เคลื่อนไหว ก็คว้าผลสวรรค์ทมิฬเอาไว้ในมือ จากนั้นแขนที่เหลือพลันร่ายอาคม


 


 


เทวรูปสามเศียรหกกรพลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ


 


 


จากนั้นลำแสงสีทองทั้งหมดก็ทะลักไปในผลสวรรค์ทมิฬราวกับน้ำไหลหลาก ทำให้ผลผลนี้เปลี่ยนเป็นสีสันเจิดจ้า ลวดลายสีดำเขียวบนผิวเปลี่ยนเป็นสีเขียวขจี


 


 


หานลี่เห็นเช่นนั้น ชั่วขณะนั้นใบหน้าพลันเผยสีหน้ายินดีออกมา


 


 


แต่ในยามนั้นเองกลางเขตอาคมกระบี่ก็มีเสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น


 


 


ระลอกคลื่นสีดำสายหนึ่งทะลักออกมาจากใบมีดสีดำ ตอนแรกดูเหมือนไม่สะดุดตา แต่เมื่อออกมาได้สิบจั้งเศษ ก็หมุนวนกลายเป็นคลื่นสีดำสูงสองสามจั้ง พุ่งเข้ามาหานลี่อย่างดุดัน


 


 


แค่เปล่งแสงสว่างวาบ ระลอกคลื่นสีดำก็ปะทะเข้ากับม่านลำแสงสีเขียว


 


 


ชั่วขณะนั้นม่านลำแสงสีเขียวพลันเปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ดอกบัวสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่าไม่มีสิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น


 


 


แต่ครู่ต่อมาเรื่องที่ยากจะเชื่อพลันปรากฏขึ้น


 


 


ระลอกคลื่นสีดำเหล่านั้นแค่กระโจนมา ดอกบัวสีเขียวที่จมหายไปทั้งหมดก็กลายเป็นฝุ่นควันไม่ว่าดอกเล็กหรือไม่ใหญ่


 


 


แค่กะพริบวาบอีกครั้ง ม่านลำแสงสีเขียวก็ถูกทะลวงผ่านไปราวกับกระดาษ


 


 


หางตาของหานลี่กระตุก ไม่สนใจจะมองอะไร แต่พลันร่ายอาคม


 


 


ชั่วขณะนั้นรอบด้านพลันมีดวงไฟห้าสีปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน ทุกดวงบินโผเข้าไปหาผลสวรรค์ทมิฬราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ


 


 


เสียง “ครืนๆ” ดังขึ้น ผลสวรรค์ทมิฬเปล่งแสงสีเขียวมรกตสว่างวาบ ฉับพลันนั้นใบมีดกระบี่สีเรืองรองความยาวสองสามฉื่อก็พุ่งออกมา


 


 


ใบมีดกระบี่นี้เปล่งแสงสีเขียวขจี ผิวเรียบลื่นดุจกระจก แต่ตรงกลางมีอักขระสีเขียวมรกตห้าแถวสลักอยู่ มีลำแสงเย็นเยียบไหลโคจรไปมาไม่หยุด

 

 

 


ตอนที่ 1630 สังหารวานร

 

เมื่อเห็นระลอกคลื่นสีดำด้านตรงข้ามโผเข้ามา ดวงตาทั้งหกของเทวรูปสีทองเหนือศีรษะของหานลี่ก็เปล่งแสงสีทองสว่างวาบ โบกสะบัดกระบี่ยาวสีเขียวมรกตในมือ 


 


 


หานลี่รู้สึกว่าพลังปราณจำนวนมากในร่างทะลักออกมาราวกับกระแสน้ำ ในเวลาเดียวกันผิวของเทวรูปพลันมีลำแสงสีทองไหลวนโคจรอยู่ กลายเป็นลำแสงทะลักเข้าสู่สิ่งที่อยู่ในมือ 


 


 


เทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ที่เดิมมีความสูงสองสามจั้ง ไม่เพียงร่างกายจะหดเล็กลงเกือบครึ่ง ผิวที่ดูเหมือนจริงก็เปลี่ยนเป็นรางเลือนในพริบตา 


 


 


ไอวิญญาณฟ้าดินในบริเวณรอบหมุนวนอย่างดุเดือด อักขระห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา ในเวลาเดียวกันเสียงฟ้าผ่าพร้อมลมพายุพลันดังสนั่นขึ้น หมอกลำแสงสีดำสนิทที่กระโจนเข้ามาจากทางเดินดูเหมือนจะพบกับพลังการขับไล่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า คราแรกพลันแข็งตัว จากนั้นก็ทยอยกันหมุนวนกระจายตัวออกไปรอบๆ ด้าน 


 


 


ส่วนกระบี่สวรรค์ทมิฬที่เทวรูปสีทองถืออยู่ลดระดับลงแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะโจมตีไปยังไอวิญญาณฟ้าดินที่อยู่ใกล้ๆ และดูดซับมันเข้าไป จากนั้นพลันสับลงมา 


 


 


ชั่วขณะนั้นกระบี่ลำแสงสีเขียวมรกตพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น เปล่งแสงเจิดจ้าราวกับอัสนีฟ้าฟาดลงมาสายหนึ่ง ชั่วพริบตาก็สะท้อนจนทุกอย่างสว่างไสวในรัศมีสองสามลี้ 


 


 


ไอมารสีดำสนิทเหล่านั้นก็ไม่อาจปกปิดกระบี่ลำแสงนี้ได้เลยแม้แต่น้อย 


 


 


ระลอกคลื่นสีดำที่แต่เดิมดูดุดัน เมื่อถูกกระบี่ลำแสงสาดส่องลงมา ก็หยุดชะงัก 


 


 


ครู่ต่อมากลางอากาศก็ถูกพลังไร้รูปร่างแบ่งออกเป็นด้านบนและล่างสองส่วน 


 


 


ขอบของด้านบนเป็นลำแสงสีเขียว มีอักขระห้าสีหมุนวนอยู่ ด้านล่างเป็นคลื่นสีดำทะมึน ลำแสงสีดำที่ลึกซึ่งเปล่งแสงสว่างวาบพลางทะลักออกมา 


 


 


ตรงจุดที่เขตแดนทั้งสองตัดสลับกันกลับเปล่งเสียงระเบิดที่เสียดแก้วหูออกมา จากนั้นระลอกคลื่นไร้รูปร่างสองกลุ่มก็ระเบิดออก ม้วนห้วงเวลาทั้งหมดไปราวกับพายุหมุน 


 


 


นอกจากหานลี่และวานรมารที่อยู่ตรงข้ามแล้ว ทุกแห่งที่ระลอกคลื่นกฎเกณฑ์กวาดผ่านไป ทุกอย่างจะถูกม้วนเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ถูกบีบให้แตกเป็นเสี่ยงๆ กลับคืนสู่ความว่างเปล่าดังเดิม 


 


 


ในเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ที่มีพลังกฎเกณฑ์สองกลุ่มปะทะกันนั้น แค่กะพริบวาบสองสามครั้งก็สลายหายไป คราแรกกลายเป็นกระบี่บินสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มดังเดิม จากนั้นแค่เปล่งแสงสว่างวาบกลางระลอกคลื่น แล้วกลายเป็นดวงลำแสงสีเขียวพลันสลายกลายเป็นฝุ่นควัน 


 


 


เห็นได้ชัดว่ากระบี่ลำแสงสีเขียวมรกตที่สร้างขึ้นจากพลังกฎเกณฑ์มีอานุภาพเหนือกว่าระลอกคลื่นสีดำที่อยู่ด้านล่าง ทำให้เขาแค่ฝืนต้านทานเอาไว้ และถูกลำแสงสีเขียวกดเอาไว้ในทันที พลังกฎเกณฑ์ที่แฝงอยู่ทยอยกันปริแตกท่ามกลางอานุภาพที่แข็งแกร่งขึ้น 


 


 


เทวรูปวานรยักษ์ภูเขาเหนือศีรษะของจิตวิญญาณดั้งเดิมวานรมาร หลังจากสับออกมาครั้งแรก ร่างกายก็หดเล็กลงเช่นกัน ตอนนี้ได้รับผลกระทบจากพลังกฎเกณฑ์ของกระบี่ลำแสงสีเขียวมรกต กระบี่มารที่ถืออยู่ในมือก็ปริแตกออก 


 


 


เทวรูปวานรยักษ์ภูเขายิ่งถูกพลังไร้รูปร่างพัวพันเอาไว้ สุดท้ายก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป 


 


 


“สมบัติสวรรค์ทมิฬ! สมบัติสวรรค์ทมิฬที่สมบูรณ์แบบ เป็นไปไม่ได้…” ลำแสงสีโลหิตรอบจิตวิญญาณดั้งเดิมของวานรมารสั่นเทา ชั่วครู่ก็ร้องอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ราวกับว่าเห็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในโลกอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


ทว่าผู้ที่เห็นลำแสงสีเขียวกำลังจะกดลงมานั้นพลันตกใจจนขวัญกระเจิง ฉับพลันนั้นร่างกายพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็กลายเป็นสายรุ้งสีโลหิตสายหนึ่งพุ่งบินหนีไปทางห้องโถง 


 


 


แต่ลำแสงโลหิตเพิ่งจะบินหนีไปได้แค่ยี่สิบสามสิบจั้ง กระบี่ลำแสงสีเขียวมรกตแค่กะพริบวาบ พลังฟ้าดินสีเขียวก็ห่อหุ้มจิตวิญญาณดั้งเดิมวานรมารเอาไว้ ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น 


 


 


ท่ามกลางลำแสงสีเขียวสายรุ้งสีโลหิตแค่หยุดชะงัก วานรมารสีโลหิตปรากฏขึ้นอีกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนรวมตัวกับอากาศรอบด้าน พลางนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน 


 


 


พลังสะเทือนฟ้าดินเข้ามาประชิด 


 


 


ครู่ต่อมาบรรยากาศรอบๆ วานรมารในรัศมีสิบจั้งพลันมีเสียง “กึกกัก” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง 


 


 


ทั่วทั้งบรรยากาศมีรอยแยกสีขาวอ่อนเป็นสายๆ ปรากฏขึ้นราวกับกระจก จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของจิตวิญญาณดั้งเดิมของวานรมารดังออกมาจากด้านในอย่างต่อเนื่อง แล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับหุ่นไม้ 


 


 


คาดไม่ถึงว่าวานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้จะเพลี่ยงพล้ำลงที่นี่ 


 


 


หลังจากที่ชั้นบรรยากาศปริแตกก็มีหลุมดำขนาดยักษ์ปรากฏขึ้น 


 


 


เศษชิ้นส่วนของจิตวิญญาณดั้งเดิมวานรมารรวมทั้งเศษห้วงเวลาสีขาวรอบๆ แค่หมุนติ้วๆ ก็ถูกหลุมดำกลืนกินเข้าไปอย่างเงียบเชียบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย 


 


 


ส่วนลำแสงสีดำในหลุมดำก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างน่าพิศวง 


 


 


เหลือเพียงใบมีดชำรุดสีม่วงที่กลับคืนสู่สภาพเดิมลอยนิ่งอยู่ไกลออกไป 


 


 


หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ก็ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง สองมือร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว พลางชี้ไปทางเทวรูปกลางอากาศอย่างแผ่วเบา 


 


 


ชั่วขณะนั้นเทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้เหนือศีรษะก็สะบัดกระบี่สวรรค์ทมิฬในมือเบาๆ ชั่วขณะนั้นใบมีดกระบี่สีเขียวมรกตพลันกลายเป็นม่านลำแสงห้าสีแล้วสลายหายไป กลับคืนรูปเดิมเป็นผลสวรรค์ทมิฬอีกครั้ง พลันร่อนลงมาจากกลางอากาศ 


 


 


หานลี่พลันสะบัดแขนเสื้อ ม่านลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งม้วนวนออกมา หมายจะเก็บสมบัติชิ้นนี้เข้าไป 


 


 


แต่ผลสวรรค์ทมิฬกลับเปล่งแสงสีเขียวมรกตสว่างวาบ กลายเป็นลำแสงสีเขียวพุ่งออกไป เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในแขนอีกข้างหนึ่งของเขา 


 


 


หานลี่รู้สึกเพียงว่าจุดที่มันจมหายไปนั้นแสบร้อนมาก ทันใดนั้นก็ยกแขนขึ้นด้วยความร้อนรน พลางถลกแขนเสื้อขึ้นสูง 


 


 


เห็นเพียงบนแขนที่เปลือยเปล่ามีสัญลักษณ์สีเหลืองเพิ่มขึ้นมา นั่นก็คือรูปผลสวรรค์ทมิฬ 


 


 


และยิ่งไปกว่านั้นรอยผนึกนี้ยังจางหายไปอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สุดท้ายก็กลายเป็นรอยจางๆ รอยหนึ่ง 


 


 


หานลี่มุมปากกระตุกเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา 


 


 


ดูเหมือนว่าสมบัติสวรรค์ทมิฬชิ้นนี้จะยอมรับแขนข้างนี้ของเขาแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะสิงเข้าไปบนร่างของเขาอีกครั้งและยังผนึกตนเองอีกด้วย 


 


 


ทว่าในเวลาเดียวกันที่ผลสวรรค์ทมิฬหายวับไป ความแปลกประหลาดบนทางเดินก็สลายหายไปราวกับฟองอากาศ พลังกฎเกณฑ์ที่ลอยตัวอยู่เต็มท้องฟ้าก็หายไปชั่วพริบตา 


 


 


ทั้งทางเดินกลับมามีไอมารหมุนวนดังเดิมอีกครั้ง 


 


 


หานลี่มองไปยังจุดที่ไกลออกไปแวบหนึ่ง รูม่านตาฉายแสงสีฟ้าสว่างวาบ ชูแขนข้างหนึ่งโดยไม่ปริปากพลางตะปบนิ้วทั้งห้าไปกลางอากาศ 


 


 


ท่ามกลางไอมารที่อยู่ไกลออกไป ดวงลำแสงสีเขียวปรากฏขึ้นอย่างแปลกประหลาดหลังจากนั้นพลันผนึกรวมตัวกัน ลำแสงสีเขียวขนาดเท่ากำปั้นยี่สิบสามสิบดวงรวมตัวกันเป็นหนึ่ง แค่หมุนคว้างก็กลับคืนสู่ร่างกระบี่สีเขียวความยาวสองสามชุ่นเจ็ดสิบสองเล่มดังเดิม 


 


 


นั่นก็คือสิ่งที่โดนลูกหลงอย่างกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาที่ถูกพลังกฎเกณฑ์ทำให้แตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ 


 


 


ทว่าอาศัยอิทธิฤทธิ์แปลงกายของตัวกระบี่บินเองนั้น หลังจากคืนร่างเดิมในยามนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก 


 


 


เสียง “สวบๆ” ดังขึ้น! 


 


 


กระบี่บินเหล่านั้นกลายเป็นลำแสงสีเขียวยี่สิบกว่าสายพุ่งกลับมา แต่หลังจากที่มาอยู่ตรงหน้าหานลี่แล้วหยุดชะงักแล้วปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง 


 


 


หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปบนกระบี่บินเหล่านี้อย่างรวดเร็วสองสามครั้ง เมื่อมั่นใจว่าพวกมันแค่สูญเสียปราณแท้ไปเล็กน้อย ไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ ถึงได้พ่นลมหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง 


 


 


สองมือพลันร่ายอาคมเก็บกระบี่บินทั้งหมดเข้าไปในแขนเสื้อ! 


 


 


จากนั้นหานลี่พลันมองไปยังจุดที่ไกลออกไปอีกแวบหนึ่ง ใบหน้ามีสีหน้าร้อนแรงปรากฏขึ้น นิ้ววาดไปยังจุดที่ไกลออกไปอย่างต่อเนื่อง 


 


 


สิ่งของสีดำเล็กหนึ่งอันใหญ่หนึ่งอันพลิ้วไหว แยกกันบินออกมาจากไอมาร แค่กะพริบวาบสองสามครั้งก็มาอยู่ตรงหน้าของหานลี่ 


 


 


อันหนึ่งคือกายเนื้อของวานรมารที่ถูกเกราะสงครามห่อหุ้มเอาไว้อย่างแน่นหนา อีกอันหนึ่งคือใบมีดชำรุดความยาวครึ่งฉื่อ 


 


 


หานลี่มองไปยังวานรมารก่อน ดูจากใบหน้ากายเนื้อด้านในกลายเป็นซากแห้งๆ ซากหนึ่ง ส่วนเกราะสงครามสีม่วงที่อยู่ภายนอกนั้น ดูเหมือนว่าจะเพลี่ยงพล้ำไปตามวานรมาร สูญเสียอานุภาพไปกว่าครึ่ง หม่นแสงลงเป็นอย่างมาก 


 


 


เขาพลันขมวดคิ้วฉับพลันนั้นนิ้วทั้งห้าพลันพลิ้วไหว กดไปยังทรวงอกของเกราะสงครามสีม่วงอย่างเงียบเชียบ 


 


 


ปลายนิ้วทั้งห้ามีหมอกลำแสงสีเทาสว่างวาบ เกราะสีม่วงที่แต่เดิมแน่นหนาพลันเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา จากนั้นก็แยกชิ้นส่วนออกเป็นหลายส่วนท่ามกลางลำแสงสีเทา จากนั้นพลันหมุนวนรอบหนึ่ง กลายเป็นลำแสงสีม่วงสองสามสายพุ่งออกไปทั่วทั้งสารทิศ 


 


 


คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทางเหมือนไม่ได้สูญเสียพลังวิญญาณไป! 


 


 


แต่หานลี่เคยเห็นอานุภาพที่น่าตกตะลึงของเกราะสงครามสีม่วงนี้แล้ว จะไม่เตรียมการป้องกันเลยสักนิดได้อย่างไร 


 


 


ทันใดนั้นพลันแค่นเสียงด้วยความเย็นชา แทบจะในเวลาเดียวกันที่ลำแสงสีม่วงพุ่งออกไปก็สะบัดแขนเสื้อ หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น เส้นไหมสีเขียวผืนหนึ่งก็บินออกมาจากแขนเสื้อ 


 


 


เห็นเพียงลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป ลำแสงสีม่วงเหล่านั้นถูกเส้นไหมสีเขียวเหล่านั้นสลายตัวออกแล้วพัวพันไว้ด้านในจนหมด 


 


 


จากนั้นแขนเสื้อของหานลี่พลันมีสิ่งหนึ่งบินออกมาพร้อมเสียงเพรียกไพเราะ สูงประมาณสองสามฉื่อ นั่นก็คือเตานภาสูญ 


 


 


เมื่อเตานภาสูญบินมา เส้นไหมสีเขียวก็หมุนวนกลับไป เก็บลำแสงสีม่วงทั้งหมดเข้าไปในเตา 


 


 


จากนั้นฝาเตาก็ลดระดับลงมาอีกครั้ง เตาใบเล็กหมุนติ้วๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าหานลี่ไม่ขยับเขยื้อน 


 


 


เลิกคิ้วขึ้น หลังจากสะบัดแขนเสื้อไปตามอำเภอใจแล้ว เตาใบเล็กก็สลายหายไปอย่างน่าพิศวง 


 


 


หานลี่ถึงได้กลอกตาไปมา ตกอยู่ที่ซากแห้งที่โผล่ออกมาตรงหน้า 


 


 


ผิวของซากแห้งนี้ล้วนเต็มไปด้วยขน แต่ผิวหนังกลับมีสีม่วงดำ ราวกับว่าดำรงอยู่มาไม่รู้กี่ปีแล้ว  


 


 


แววตาของหานลี่ฉายแววเย็นเยียบฉับพลันนั้นพลันอ้าปากออก ไอกระบี่สีเขียวสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพ่นออกมา และครู่ต่อมาก็ฟันลงไปบนซากแห้ง  


 


 


เขาคิดจะแยกร่างของวานรมารออกเป็นสองส่วน 


 


 


แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายก็คือ เสียง “เคร๊ง” ดังขึ้นราวกับกระทบกับทองคำอย่างไรอย่างนั้น กระบี่ลำแสงสับลงไปบนซากแห้งแล้วถูกดีดออก ไม่อาจสับซากนี้ให้ขาดได้เลยสักนิด 


 


 


หานลี่พลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็กะพริบตา แขนข้างหนึ่งยื่นออกมาจากแขนเสื้ออย่างช้าๆ 


 


 


ชั่วขณะนั้นในมือพลันมีลำแสงสว่างวาบ กระบี่เล่มเล็กสีเขียวเล่มหนึ่งพลันทะลักออกมา จากนั้นก็พลิ้วไหวกลายเป็นขนาดความยาวสองสามฉื่อ สีเขียวขจี ท่าทางเย็นยะเยือกดูดุดัน 


 


 


แค่สะบัดข้อมือ กระบี่ยาวสีเขียวก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวสายหนึ่งทิ่มไปยังจุดตันเถียนของซากแห้งอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิดทันที 


 


 


เสียง “สวบ” ดังขึ้น ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะโจมตีไปยังต้นไม้ที่แห้งเ**่ยว ปลายกระบี่ทิ่มไปที่ซากแห้ง คาดไม่ถึงว่าจะทิ่มลึกเข้าไปแค่สองชุ่น แล้วก็ถูกดีดกลับออกมา  


 


 


หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี 


 


 


คาดไม่ถึงว่ากายเนื้อของวานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ตนนี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ต่างอะไรจากเขาเท่าใดนัก หากก่อนหน้านี้ไม่ใช่เขตอาคมกระบี่กักอีกฝ่ายเอาไว้ หากมารตัวนี้หนีออกมาได้ละก็ แค่เกราะสีม่วงชุดนั้นและกายเนื้อที่แข็งแกร่งของมัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้านทานได้ง่ายๆ แล้ว 


 


 


คู่ควรกับที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวระดับอินทรีย์ขั้นกลางจริงๆ ไม่อาจเทียบกับเผ่าแมลงมีเขาระดับอินทรีย์ขั้นต้นที่เคยประมือกับเขาในตอนแรกเลยสักนิด 


 


 


หากไม่ใช่สมบัติสวรรค์ทมิฬ หากอีกฝ่ายอยู่ในช่วงเวลาที่พรั่งพร้อมสมบูรณ์ เขาก็มีเพียงโอกาสที่จะหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น 


 


 


สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง หานลี่กลับไม่ได้มีเจตนาจะหยุด 


 


 


แขนเปล่งแสงสีทองเรืองรอง ในเวลาเดียวกันลมปราณในร่างก็ทะลักออกมา ชั่วครู่ก็จมหายเข้าไปในกระบี่ยาวสีเขียวในมือ 


 


 


ชั่วขณะนั้นกระบี่ยาวพลันเปล่งเสียงร้องราวกับมังกรคำรามออกมา จากนั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงเจิดจ้า ตัวกระบี่เปล่งแสงเย็นยะเยือก คาดไม่ถึงว่าจะค่อยๆ บาดลึกเข้าไปในซากแห้งทีละนิดๆ 


 


 


เมื่อตัวกระบี่จมลึกเข้าไปในจุดตันเถียนของซากแห้งได้สองสามชุ่น หานลี่ก็สะบัดข้อมือ ปลายกระบี่เปล่งเสียงแควกพลางตวัดออกเป็นรูกลมๆ ขนาดเท่าปากชาม 


 


 


จากนั้นกระบี่ยาวสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป มืออีกข้างหนึ่งของหานลี่ตะปบไปทางจุดตันเถียนของซากแห้ง 


 


 


หลังจากเสียง “สวบ” ดังขึ้น ของสิ่งหนึ่งก็บินออกมาจากจุดตันเถียน  

 

 

 


ตอนที่ 1631 เคล็ดวิชาหลอมอาวุธสวรรค์ทมิฬ

 

ไข่มุกกลมสีดำแวววาวเม็ดหนึ่งมีขนาดเท่าไข่ไก่ ผิวของมันแผ่ไอสีดำอ่อนออกมา นั่นคือไอทมิฬเที่ยงแท้ที่บริสุทธิ์มาก


 


 


นี่คือเป้าหมายการเดินทางของหานลี่ในครั้งนี้ แกนมารของมารอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์!


 


 


มีเจ้าสิ่งนี้เขาก็สามารถซ่อมแซมเกราะมารเหนือฟ้าชิ้นนั้นได้แล้ว แม้ว่าจะไม่อาจคาดเดาอานุภาพที่แม่นยำของเกราะมารได้ แต่คิดดูแล้วคงไม่ด้อยไปกว่าเกราะสงครามสีม่วงที่เก็บมาเมื่อครู่แน่


 


 


น่าเสียดายเกราะสงครามวานรมารชิ้นนั้นถูกหลอมไปจนหมดแล้ว แม้ว่าเขาจะเอามาบวงสรวงใหม่ เดาว่าอานุภาพก็ลดลงไปเป็นอย่างมาก จึงไม่มีค่าอะไรสำหรับเขา


 


 


หานลี่ครุ่นคิดอย่างเสียดาย พลิกฝ่ามือ กล่องหยกสีดำใบหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ


 


 


เปิดฝากล่องออก มือหนึ่งชี้ไปที่แกนมาร


 


 


ชั่วขณะนั้นลำแสงสีดำในกล่องพลันม้วนวนออกมา หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบก็ดูดแกนมารเข้ามาข้างใน


 


 


จากนั้นหานลี่ก็ปิดฝา สะบัดมืออีกข้างหนึ่ง ยันต์วิเศษสีทองเงินสองแผ่นปรากฏขึ้น พลิ้วไหวแล้วแปะไปบนฝากล่อง


 


 


ท่ามกลางลำแสงสีทองเงิน ไอมารที่แต่เดิมแผ่ออกมาจากกล่องหยกจางๆ พลันหายไป ถูกปิดผนึกเอาไว้ในกล่อง


 


 


หานลี่เก็บกล่องหยกใบนั้นไปอย่างไม่รีบร้อน แล้วถึงได้พิจารณาของอีกสิ่งอย่างละเอียด


 


 


ใบมีดชำรุดที่เปล่งแสงสีม่วงอ่อนระยิบระยับ!


 


 


หานลี่มองสมบัติชิ้นนี้ ใบหน้ามีสีหน้าแปลกประหลาด ทั้งตื่นเต้นดีใจ ทั้งฉงนสงสัย


 


 


“สมบัติสวรรค์ทมิฬ? แต่ดูเหมือนว่าอานุภาพจะไม่ต่างจากที่ตนเองคิดเอาไว้มากนัก และไม่ค่อยเหมือนนัก หรือว่าจะเป็นเพราะสมบัติชิ้นนี้ไม่สมบูรณ์แบบ!” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง พลางเอ่ยพึมพำกับตนเอง


 


 


 เขาไม่ได้ก้าวเข้าไปเคลื่อนย้ายใบมีดชำรุด แต่กลับหลับตาทั้งสองข้างลง จิตสัมผัสโคจรไปมาในเรือนร่าง ตรวจสอบสถานการณ์ตามจุดต่างๆ อย่างละเอียด


 


 


สุดท้ายแม้กระทั่งร่ายอาคมลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนเรือนร่าง ปล่อยเทวรูปสามเศียรหกกรออกมาอีกครั้ง แล้วกวาดจิตสัมผัสไปเช่นกัน


 


 


ผลคือหานลี่มีสีหน้าดูไม่ได้ไปเล็กน้อย


 


 


ยามนี้พลังปราณในร่างของเขาไม่เพียงจะเหือดหายไปครึ่งหนึ่ง เทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้หดตัวเล็กลงกว่าครึ่ง เดาว่าหากไม่ฝึกฝนอย่างหนักสักยี่สิบสามสิบปี ก็ไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้


 


 


เรียกได้ว่าเสียหายอย่างหนัก


 


 


สิ่งเดียวที่โชคดีก็คือการใช้ผลสวรรค์ทมิฬแปลงเป็นสมบัติกระบี่ในครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้โลหิตบริสุทธิ์ในร่างไหลออกไปอย่างรวดเร็ว และไม่ได้ทำให้จิตวิญญาณเที่ยงแท้เสียหายอะไร


 


 


ทว่าหานลี่เองก็รู้ดีว่าการสับลงมาของกระบี่สวรรค์ทมิฬในครั้งนี้ด้อยกว่าครั้งที่แล้ว อานุภาพไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน


 


 


หนึ่งในเหตุผลนั้นเดาว่าส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้กายเนื้อกระตุ้นสมบัติสวรรค์ทมิฬ แต่ใช้พลังของเทวรูปควบคุมสมบัติชิ้นนี้แทน นอกจากนี้อีกสาเหตุหนึ่งก็เพราะการที่กระบี่สวรรค์ทมิฬปรากฏตัวขึ้นในครั้งนี้ ก็เพราะถูกพลังกฎเกณฑ์ของใบมีดชำรุดเล่มนั้นกระตุ้น


 


 


เช่นนั้นแม้ว่าการใช้กระบี่สวรรค์ทมิฬในครั้งนี้อานุภาพจะลดลงก็ตาม แต่ก็โชคดีที่สังหารวานรมารได้ และไม่ทำให้ตนเองสูญเสียพลังปราณทั้งหมดไปอีกครั้ง


 


 


แม้ว่าใบมีดชำรุดตรงหน้าจะสามารถควบคุมพลังกฎเกณฑ์ฟ้าดินอื่นๆ ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่อาจเทียบกับสมบัติกระบี่ที่สร้างขึ้นจากผลสวรรค์ทมิฬได้ นี่จึงทำให้หานลี่รู้สึกสงสัยว่าสมบัติชิ้นนี้เป็นสมบัติสวรรค์ทมิฬจริงหรือไม่


 


 


แต่สามารถฟันเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ให้ขาดได้ในดาบเดียว ต่อให้ใบมีดนี้จะไม่ใช่สมบัติสวรรค์ทมิฬ ก็ไม่ใช่สิ่งที่สมบัติวิญญาณสะท้านฟ้าธรรมดาๆ จะเทียบเทียมได้


 


 


เขากลับมีแนวโน้มจะคิดว่าเป็นเพราะสมบัติใบมีดชำรุดชิ้นนี้มีอยู่ไม่ครบองค์ประกอบ ถึงได้ทำให้อานุภาพลดลงและถูกวานรมารควบคุมเอาไว้


 


 


แน่นอนว่าอาจเป็นเพราะว่าสมบัติชำรุดชิ้นนี้มีพลังกฎเกณฑ์แฝงอยู่ ตัวมันเองก็เป็นสมบัติที่มีอานุภาพต่ำที่สุดในบรรดาสมบัติสวรรค์ทมิฬ หรืออาจจะถูกพลังกฎเกณฑ์ที่แฝงอยู่ในกระบี่สวรรค์ทมิฬควบคุมเอาไว้เข้าพอดี เมื่อพลังกฎเกณฑ์ทั้งสองปะทะกัน จึงได้เผยท่าทีอ่อนแอออกมา


 


 


หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว ผ่านไปชั่วครู่ก็วิเคราะห์แยกแยะอีกฝ่ายได้เจ็ดแปดส่วน


 


 


แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้นสายตาที่หานลี่มองไปยังใบมีดชำรุดสีม่วงเล่มนั้น กลับยิ่งร้อนแรงขึ้น


 


 


แม้ว่าเขาจะไม่อาจควบคุมกระบี่สวรรค์ทมิฬที่ผนึกอยู่ในแขนของเขาได้ แต่หากเปลี่ยนเป็นสมบัติสวรรค์ทมิฬที่อานุภาพลดลงเป็นอย่างมากชิ้นนี้ ก็น่าจะมีหวังที่จะควบคุมได้


 


 


มิเช่นนั้นวานรมารที่พลังยุทธ์ลดลงจนอยู่ในระดับที่ไม่แตกต่างกับเขา และในสภาวะที่ไม่ได้สูญเสียกายเนื้อไป จะควบคุมใบมีดชำรุดนี้มาโจมตีเขาได้อย่างไร


 


 


สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง กดความตื่นเต้นดีใจเอาไว้ หานลี่ยกมือขึ้น นิ้วทั้งห้าร่ายไปมาเบาๆ หมอกลำแสงสีเทาห้ากลุ่มพ่นออกมาจากปลายนิ้ว ม้วนเอาใบมีดชำรุดสีม่วงเอาไว้ข้างใน


 


 


เสียง “ฟู่” ดังขึ้น!


 


 


เมื่อหมอกลำแสงสีเทาเข้าประชิดใบมีดชำรุด ก็ถูกลำแสงสีม่วงที่แผ่ออกมาจากผิวของอีกฝ่ายต้านทานเอาไว้ จากนั้นใบมีดชำรุดก็หมุนคว้าง หมอกสีเทาทยอยกันสลายตัวออกแล้วล่าถอยไปทันที คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจเข้าใกล้ใบมีดนี้ได้เลยสักนิด


 


 


หานลี่พลันขมวดคิ้วแต่พลันยื่นแขนสีขาวบริสุทธิ์ดุจหยกตัดอีกข้างหนึ่งออกมา พ่นเปลวเย็นเยียบห้าสีหมุนวนออกไป


 


 


แต่หลังจากนั้นเสียงระเบิดดังอึกทึกพลันดังขึ้น เปลวเย็นเยียบห้าสีไม่อาจเข้าไปในใบมีดชำรุดเล่มนั้นได้เช่นกัน


 


 


ในที่สุดใบหน้าของหานลี่ก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา แต่หลังจากที่ลูบใต้คางพลางขบคิดแล้ว ฉับพลันนั้นก็เผยสีหน้าถึงบางอ้อ ยกมือขึ้นอีกครั้ง แต่กลับเปลี่ยนเป็นสีทองเรืองรอง ในเวลาเดียวกันก็พ่นหมอกลำแสงสีทองออกมา ตรงไปหาใบมีดชำรุด


 


 


ครั้งนี้ใบมีดชำรุดสีม่วงเล่มนั้นกลับม้วนเอาลำแสงสีทองเข้าไปอย่างว่าง่าย จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกดึงมาอยู่ด้านหน้าของหานลี่


 


 


หานลี่เผยสีหน้ายินดีออกมาพลางจ้องเขม็งพินิจสมบัติตรงหน้าอย่างละเอียด


 


 


เห็นเพียงสมบัติชิ้นนี้ดูคล้ายจะโปร่งใส ลำแสงสีทองรอบด้านถูกตัวมีดค่อยๆ ดูดซับเข้าไปทีละนิดๆ ลำแสงสีทองที่ห่อหุ้มสัตว์วิญญาณที่อยู่ด้านในใบมีดชำรุดค่อยๆ หนาขึ้น เดิมที่มีสีหน้าเฉื่อยชาค่อยๆ สดใสขึ้น และสะบัดหัวสะบัดหางแหวกว่ายอยู่ในใบมีดอย่างคึกคัก


 


 


ส่วนใบมีดที่เดิมมีสีม่วงกลับค่อยๆ มีลำแสงสีทองอ่อนๆ รั่วไหลออกมา คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนว่าถูกเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ของหานลี่หลอมไปจนเกลี้ยง


 


 


เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หานลี่พลันตกใจจนสะดุ้งโหยง จากนั้นก็รู้สึกยินดี


 


 


ใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬชิ้นนี้ควบคุมง่ายเกือบแปดเก้าส่วนไปหน่อยกระมัง เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าขอแค่ใส่ไอมารที่ผสมเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้เข้าไป ก็ดูเหมือนว่าจะควบคุมสมบัติชิ้นนี้ได้ทันที


 


 


ตอนนี้เขาแทบจะมั่นใจได้สิบส่วนแล้วว่าใบมีดชำรุดเล่มนี้เป็นสมบัติสวรรค์ทมิฬที่ถือกำเนิดจากแดนมาร มิเช่นนั้นคงไม่มีทางมีปฏิกิริยาตอบสนองกับไอมารบริสุทธิ์ที่รุนแรงถึงเพียงนี้


 


 


หลังจากลังเลเล็กน้อย ความคิดของหานลี่ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นบนเรือนร่างก็มีลำแสงสีทองสว่างวาบ เกล็ดสีทองเรืองรองบนผิวปรากฏขึ้นอีกครั้ง


 


 


คาดไม่ถึงว่าเขาจะโคจรเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้จนมาถึงขีดสุด กลุ่มลำแสงสีทองดูเหมือนจะทะลักไปหาใบมีดชำรุดราวกับระลอกคลื่น


 


 


ใบมีดชำรุดเองก็กลืนกินลำแสงสีทองอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด แทบจะในช่วงสองสามลมหายใจ คาดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีทองบริสุทธิ์ แต่ความเร็วที่ใบมีดนี้กลืนกินกลับไม่เชื่องช้าลงเลยแม้แต่น้อย กลับเป็นสัตว์วิญญาณนิรนามในนั้นที่เริ่มมีท่าทีมีความสุข ร่างกายก็กลายเป็นสีทองเรืองรองเช่นกัน


 


 


หานลี่กลับสัมผัสได้ว่าเสียเปรียบเป็นอย่างมาก พลังปราณที่เหลืออยู่ของเขาถูกใบมีดชำรุดดูดไปหนึ่งในสามส่วนในชั่วพริบตา


 


 


ทันใดนั้นเขาก็สลายลำแสงสีทองบนร่างออก จากนั้นใบมีดชำรุดสีทองในมือก็เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วจมหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขาหายวับไปอย่างไร้เงา


 


 


แม้ว่าจะยังหลอมสมบัติชิ้นนี้ไม่เสร็จ แต่ก็พอจะควบคุมได้ สำหรับเขาในยามนี้ก็เพียงพอแล้ว


 


 


เขาไม่มีทางสูญเสียลมปราณทั้งหมดอย่างโง่เขลาอยู่ที่นี่แน่


 


 


หานลี่ครุ่นคิดไปพลาง ควักขวดเล็กๆ หลากสีสันสองสามขวดออกมาจากกำไลเก็บของอย่างรวดเร็วไปพลาง เทยาลูกกลอนออกมาจากขวด ขวดละสองสามเม็ด แล้วกลืนลงไปทีเดียว


 


 


แน่นอนว่ายาลูกกลอนเหล่านี้ล้วนเป็นยาลูกกลอนที่สามารถฟื้นฟูพลังปราณได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่อาจทำให้เขาอยู่ในสภาพที่พรั่งพร้อมในทันที แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี


 


 


จากนั้นมือข้างหนึ่งของหานลี่ก็มีแสงสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบ ศิลาวิญญาณระดับสุดยอดสีเขียวมรกตก้อนหนึ่งปรากฏออกมา


 


 


ขณะที่มันกำลังเปล่งแสงสีเขียวมรกตระยิบระยับ ก็เริ่มดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์จากศิลาวิญญาณ


 


 


ในสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ เขาไม่มีทางเสียดายศิลาวิญญาณอะไรแน่


 


 


ทว่าเมื่อสายตาของหานลี่ตกอยู่ที่จุดตันเถียนที่ถูกเปิดออกจนเป็นรูบนซากแห้งของวานรมารอีกครั้ง สีหน้าพลันเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรออก


 


 


สายตาพิจารณาซากแห้งนั้นอย่างละเอียดสองแวบ คาดไม่ถึงว่าจะไม่พบสิ่งของจำพวกกำไลเก็บของ


 


 


หานลี่พลันขมวดคิ้ว ชูมืออีกข้างหนึ่งขึ้น กำไลสีดำบินออกมา หลังจากวนล้อมรอบซากแห้งรอบหนึ่ง ก็เปล่งแสงสีขาวออกมา ดูดซากแห้งเข้าไปข้างใน จากนั้นก็บินกลับมา


 


 


จากนั้นร่างของหานลี่พลันพลิ้วไหว กลายเป็นสายรุ้งสีโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมา แค่กะพริบวาบๆ ร่างกายก็มาปรากฏในห้องโถงที่ว่างเปล่า


 


 


ทั้งห้องโถงนอกจากเขตอาคมที่เสียหายไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว ก็แทบจะไม่มีสิ่งใดอีก


 


 


สาเหตุที่เรียกว่า ‘แทบ’ ก็เพราะหานลี่มองเห็นเตียงหยกสีโลหิตเตียงนั้นที่วางนิ่งอยู่ตรงมุมห้อง มันกำลังเปล่งแสงสีโลหิตเลือนๆ


 


 


หานลี่กวาดสายตาไปรอบด้าน เมื่อมั่นใจว่านอกจากสิ่งนี้ ที่นี่ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยอีก จึงยกมือขึ้นกวักเรียกอย่างไม่เกรงใจในทันที


 


 


ชั่วขณะนั้นเตียงสีโลหิตที่ดูเหมือนหนักอึ้งก็ลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ แล้วหมุนติ้วๆ พลางพุ่งเข้ามา


 


 


แต่เมื่อเตียงนี้บินมาอยู่ตรงหน้าของหานลี่ มือข้างหนึ่งก็ตบออกไปกลางอากาศ เตียงโลหิตหยุดชะงักแล้วลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น


 


 


หานลี่มองขึ้นลองสองแวบ ไม่ได้พบความผิดปกติอะไรที่ภายนอก จากนั้นก็กวาดจิตสัมผัสไป แต่เมื่อสัมผัสกับผิวของเจ้าสิ่งนี้ คาดไม่ถึงว่าจะถูกดีดกลับมา


 


 


คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจแผ่จิตสัมผัสเข้าไปในเตียงโลหิตเตียงนี้ได้


 


 


หานลี่ไม่ตกตะลึงแต่กลับดีใจ แต่แววตาพลันฉายแสงสีฟ้าสว่างวาบ สำแดงอิทธิฤทธิ์ของเนตรวิญญาณออกมาทันที หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ร้องออกมาว่า “เอ๋” ใบหน้าเผยสีหน้าเคร่งขรึม ยกแขนขึ้นอีกครั้ง พลางร่ายอาคมโจมตีไปทางเตียงโลหิต


 


 


ฉากที่ลึกลับพลันปรากฏขึ้น!


 


 


ฉับพลันนั้นเตียงโลหิตพลันเปล่งแสงสีโลหิตสว่างวาบ อักขระโบราณสีเงินขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้นบนเตียงโลหิต จากนั้นก็หมุนโคจรรอบหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นคัมภีร์ลึกลับตรงหน้าหานลี่


 


 


“ตัวอักษรลูกอ๊อดสีเงิน!”


 


 


หานลี่มองปราดเดียวก็รู้ที่มาของตัวอักษรสีเงินเหล่านั้น ชั่วครู่ก็ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกตกตะลึงระคนดีใจผสมปนเปกัน


 


 


ตัวอักษรนี้มาปรากฏบนเตียงโลหิตได้อย่างไร และยังตกอยู่ในมือของวานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้


 


 


ในใจของหานลี่เต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย แต่ไม่ทันได้คิดมาก สายตาก็กวาดไปที่คัมภีร์ม้วนนั้นอย่างรวดเร็ว


 


 


ผลคือพลันหน้าเปลี่ยนสีเป็นแปลกประหลาด


 


 


“เคล็ดวิชาหลอมอาวุธสวรรค์ทมิฬ”


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาถึงได้เอ่ยพึมพำออกมา ท่าทางเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่อยากจะเชื่อ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)