ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1626-1633
ตอนที่ 1626 พลังชี่พิฆาตฉันแรง อยู่ให้ห่างฉันหน่อย
เกิดเรื่องโกลาหลระลอกหนึ่งบรรยากาศก็อึดอัดขึ้นมา จ้าวอิงหย่งมีผ้าก๊อซขาวพันรอบศีรษะขับให้ดูน่าตลกนักแต่เจ้าตัวกลับยิ่งเห็นยิ่งโมโห
ได้แผลเจ็บตัวตั้งแต่วันส่งท้ายปีแบบนี้เห็นทีคงโชคร้ายตลอดทั้งปีใหม่ แม่เหยียนซินหย่านี่ต้องจงใจแน่ ๆ!
ช่วงนี้จ้าวอิงหย่งค่อนข้างสนิทกับพวกหมอดูดวงฮวงจุ้ยมาก ทั้งที่เดิมทีเขาเป็นคนที่เชื่อในเรื่องวัตถุนิยมแต่พอโดนคนพวกนี้ล้างสมองเข้าเลยกลายเป็นแฟนคลับตัวยงที่งมงายเรื่องโหราศาสตร์อย่างสิ้นเชิง
อันหย่าฟางไปต้มเกี๊ยวในห้องครัว คุณปู่จ้าวออกคำสั่งแล้วเธอไม่กล้าขัดขืน
จ้าวอิงหย่งหงุดหงิดแทบแย่ทนนั่งไม่ไหวเลยเดินวนไปทั่วด้วยใบหน้าบึ้งตึง เมื่อเห็นเหมยเหมยที่กำลังนั่งอยู่ข้างบ่อปลาคาร์ฟที่เขาเลี้ยงใหม่ ๆก็แค่นเสียงอย่างนึกรังเกียจ
หลานสาวคนนี้ต้องเป็นตัวกาลกินีแน่ ประเภทที่ไม่เป็นตัวกาลกินีกับพ่อแม่แต่อัปมงคลต่อคนในครอบครัว!
ตระกูลจ้าวในตอนนี้กลายเป็นสภาพนี้เพราะเธอล้วน ๆ!
จ้าวอิงหย่งจงใจหนีเหมยเหมยเลยเดินอ้อมไปแต่เขาก็อยากดูปลาคาร์ฟที่เขาเพิ่งเลี้ยงใหม่ นี่เป็นปลานำโชคที่เพื่อนเขาแนะนำให้เลี้ยงโดยบอกว่าถ้าเลี้ยงอยู่ตรงลานบ้านจะช่วยนำโชคลาภมาให้เจ้าของบ้านหลังนี้
เขายืดอกเดินเอามือไขว้หลังไป เขาเป็นผู้อาวุโสกว่าทำไมต้องไปกลัวคนที่เด็กกว่า?
เพียงแต่–
จ้าวอิงหย่งเห็นฝูงปลาที่นอนหงายท้องอยู่ในบ่อปลาก็หน้ามืดสับเท้าเข้าไปตักขึ้นมาหนึ่งตัวด้วยมืออันสั่นเทา ตายอย่างสมบูรณ์ชนิดที่น้ำอมฤตของเจ้าแม่กวนอิมก็ช่วยไม่ได้
มือแหวกน้ำในบ่อหลายทีพบว่าไม่มีรอดชีวิตสักตัวเดียว ตายหมดยกบ่อ!
“ฝีมือเธอเหรอ?” จ้าวอิงหย่งจ้องเหมยเหมยเขม็งราวกับจะฆ่าคนเสียอย่างนั้น
ปลานำโชคของเขาตายหมดแล้ว แถมยังตายในวันส่งท้ายปีเก่าแบบนี้ซึ่งบ่งบอกว่าตลอดทั้งปีใหม่นี้เขาต้องโชคร้ายแบบที่พลิกชีวิตไม่ได้อีก!
เหมยเหมยที่กำลังเหม่อคิดถึงคนรักสะดุ้งตกใจจนเกือบล้มตกเก้าอี้เพราะเสียงดังสนั่นนี้ กลับเห็นสีหน้าที่เหมือนจะเขมือบคนของจ้าวอิงหย่งเลยอดถอยหลังหลายก้าวไม่ได้
“เธอทำปลาคาร์ฟฉันตายเหรอ? อายุน้อย ๆแค่นี้ทำไมถึงร้ายกาจขนาดนี้ เธอ…”
จ้าวอิงหัวเดินมาขัดเขา “แกเป็นบ้าอะไรอีก? กล้ารังแกลูกสาวฉันต่อหน้าฉันแบบนี้แกอยากโดนดีอีกสินะ?”
“แกดูสิว่าลูกสาวแกทำเรื่องดี ๆอะไรไว้ เบิกตาของแกดูให้ชัด!”
จ้าวอิงหย่งหยิบปลาที่ตายไปแล้วตัวหนึ่งขึ้นมาอย่างปวดใจ ดวงตาเบิกกว้างแทบถลนออกมา จ้าวอิงหัวมองไปที่บ่อปลาแวบหนึ่งก็พบว่าปลาตายหงายท้องสิบกว่าตัว แต่ละตัวน้ำหนักครึ่งกิโลกรัมถึงหนึ่งกิโลกรัมทั้งนั้น
“ก็แค่ปลาตายไม่กี่ตัวมีอะไรให้ตกใจกัน เอามากินได้พอดีเลย คืนส่งท้ายปีเก่าก็ต้องกินปลาจะได้มีเหลือกินเหลือใช้ทุกปี!”
จ้าวอิงหัวทำท่าเตรียมจัดการปลาที่ตายไปแล้วอย่างกระตือรือร้น ยังไม่เคยได้ทานปลาหรูอย่างปลาคาร์ฟมาก่อนเลยไม่รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง
“นี่เป็นปลานำโชคของฉัน แต่ตอนนี้ลูกสาวแกทำให้มันตายหมดแล้ว!” จ้าวอิงหย่งผลักจ้าวอิงหัวที่คิดจะฆ่าปลาออกไป
“ลุงสามเห็นฉันทำปลาของลุงตายเองกับตาเหรอคะ? จะมาพูดซี้ซั้วไม่ได้นะคะ!” เหมยเหมยพูดเสียงเย็นชา
จ้าวอิงหย่งคำรามใส่ “ก่อนพวกเธอมาปลายังดี ๆอยู่เลย ก่อนหน้านี้ก็มีแค่เธอที่นั่งอยู่ข้างบ่อปลา ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร?”
“ก็ไม่แน่หรอกนะคะ เมื่อกี้ลุงสามบอกว่าหนูเป็นตัวกาลกินี ไม่แน่ว่าไอพิฆาตฉันอาจจะรุนแรงเกินไปปลาเลยต้านทานไม่ไหวล่ะมั้ง!” เหมยเหมยพูดด้วยท่าทางจริงจังทำเอาจ้าวอิงหย่งสะอึกจนหาคำพูดโต้แย้งกลับไม่ได้
จ้าวอิงหัวปากกระตุกจงใจพูดตำหนิ “พูดเหลวไหล ลูกเป็นตัวนำโชคของบ้านเรา อย่าไปฟังลุงสามของลูกพูดเหลวไหล!”
เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆแล้วยิ้มกล่าว “หนูเป็นตัวนำโชคของบ้านเรา แต่ไม่แน่อาจจะเป็นตัวอัปมงคลสำหรับลุงสามก็ได้ค่ะ ลุงสามอยู่ให้ห่างหนูไว้นะคะ ระวังไอพิฆาตของฉันจะทำลายชีวิตลุงแย่เอา!”
จ้าวอิงหย่งตัวสั่นสะท้าน คำของเหมยเหมยไม่ต่างจากที่กลุ่มเพื่อนพวกนั้นของเขาเคยพูดไว้เลยสักนิด หลานสาวคนนี้คือตัวกาลกินีของเขานั่นแหละ!
…………………………
ตอนที่ 1627 ดวงข่มทีละอย่างๆ
จ้าวอิงหัวแค่นหัวเราะและยิ่งดูถูกดูแคลนในตัวพี่สามของเขา เมื่อก่อนแม้จะไม่ประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแต่อย่างน้อยก็เป็นคนทำอะไรตรงไปตรงมาไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นแบบนี้เสียแล้ว
ตัวเองไม่พยายามกลับไปหลงเชื่องมงายเรื่องฮวงจุ้ย โง่เขลาที่สุด!
ฮวงจุ้ยใช่ว่าจะเชื่อไม่ได้แต่ก็ใช่ว่าจะต้องเชื่อทั้งหมด คนที่อาศัยฮวงจุ้ยเป็นเส้นฟางช่วยชีวิตเพียงเส้นเดียวก็กำหนดชะตาไว้แล้วว่าบุคคลนี้ไม่มีวันประสบความสำเร็จตลอดไป!
อันหย่าฟางถลึงตาใส่จ้าวอิงหย่งทีหนึ่งเพราะไม่เห็นด้วยกับการที่เขางมงายเรื่องฮวงจุ้ยเช่นกัน ตอนนี้ปลาตายไปก็ดี คืนนี้จะได้มีกับข้าวเพิ่มมาอีกจาน
“หรือว่าเราทำปลาย่างกินกันเถอะ หนูทำเอง!”
เหมยเหมยกลอกตาทีหนึ่งแล้วจงใจพูดยั่วโมโหจ้าวอิงหย่ง
กล้าบอกว่าเธอเป็นตัวกาลกินีถ้าอย่างนั้นเธอก็จะใช้ดวงพิฆาตข่มทีละอย่าง ๆเลย เหอะ!
เหมยเหมยมองไปที่บอนไซเสริมฮวงจุ้ยหลายถาดอีกฟากก่อนกระตุกยิ้มร้ายกาจ ยิ้มจนจ้าวอิงหย่งปวดศีรษะกว่าเดิม
ณ เวลานี้ยังอยู่ในช่วงบ่ายฟ้ายังไม่ทันมืดอันหย่าฟางก็ต้มเกี๊ยวเสร็จแล้วพลางให้สองพี่น้องจ้าวอิงหย่งเอาไปส่งให้จ้าวอิงสยง ทันใดนั้นคุณปู่จ้าวก็ออกมาพร้อมสวมหมวก เสื้อกันหนาวตัวใหญ่และผ้าพันคอปกปิดมิดชิด
“ฉันก็จะไปเยี่ยมเจ้าสองเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเขาอยู่ในนั้นเป็นยังไงบ้าง” คุณปู่ไอเสียงดังหลายทีราวกับตู้ลมเก่า ทำให้คนฟังรู้สึกแย่เหลือเกิน
จ้าวอิงหย่งถลาเข้าไปช่วยลูบหลังให้คุณปู่แล้วพูดเสียงร้อนใจ “พ่อ พ่อไอหนักขึ้นเรื่อย ๆ หรือว่าพ่อกลับไปที่โรงพยาบาลเถอะ?”
“ไม่ต้องหรอก รอผ่านเทศกาลหยวนเซียวไปก่อนค่อยไปพักที่นั่น ฉันไม่เป็นไร แค่โรคประจำตัว!” คุณปู่โบกมือที่หนังหุ้มกระดูกเหี่ยวย่น มีจุดแก่ขึ้นประปรายรวมถึงรอยแผลเป็นที่หลงเหลือมาจากการทำสงครามในอดีต
จ้าวอิงหัวรู้สึกแสบตาเล็กน้อยและไม่สบายใจเท่าไรเลยหันหน้าหนีไม่อยากเห็นสภาพคุณพ่อที่แก่เฒ่าแบบนี้อีก
สามพ่อลูกออกไปแล้ว เหมยเหมยเลยเริ่มทำปลาย่างอย่างสนุกสนาน ปลาคาร์ฟเหล่านี้ขนาดตัวพอ ๆกันซึ่งเหมาะกับการเอามาทำปลาย่างที่สุด จ้าวเสวียเอ๋อร์เห็นลูกพี่ลูกน้องที่ผิวปากฮัมเพลงไปเลยอ้าปากพะงาบอยู่นานถึงเอ่ย “คุณปู่สุขภาพแย่ลงทุกวัน คุณหมอบอกว่าอีกไม่กี่ปีคง…”
ประโยคสุดท้ายเขาไม่ได้พูดออกมา มือของเหมยเหมยที่กำลังห่อกระดาษฟอยล์ชะงักไปกึกหนึ่งก่อนจะห่อต่อไปแล้วใส่ในตู้อบพร้อมตั้งเวลาเสร็จสรรพ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่จ้าวเสวียเอ๋อร์พูด
จ้าวเสวียเอ๋อร์ถอนหายใจเบา ๆและไม่พูดอะไรอีก แต่ช่วยเหมยเหมยย่างปลา
ไม่นานปลาย่างก็ทำเสร็จแล้วแถมประสบความสำเร็จอย่างมาก แม้กลิ่นคาวไปหน่อยแต่เหมยเหมยสาดผงปรุงรสไปเยอะพอควรถึงกลบกลิ่นคาวไว้ได้ กลิ่นหอมฉุยไม่น้อยลำพังตัวเหมยเหมยคนเดียวก็ทานไปกว่าครึ่งตัวแล้ว
พวกเหยียนซินหย่าต่างทนกลิ่นหอมยั่วยวนนี้ไม่ไหวเลยทานไปบ้างบางส่วน ทั้งสี่คนจัดการไปห้าตัวยังเหลืออีกห้าตัวไว้ค่อยย่างอีกทีหลังพวกจ้าวอิงหัวกลับมา
ขณะที่เสียงรายการข่าวดังขึ้นพวกจ้าวอิงหัวก็กลับมาแล้ว จ้าวอิงหย่งประคองคุณปู่ลงจากรถแต่เพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าวคุณปู่ก็หมดสติไปทำเอาทุกคนตกใจกันไม่น้อย
“รีบส่งโรงพยาบาล!” จ้าวอิงหัวอุ้มคุณปู่ขึ้นทันทีแต่ถูกจ้าวอิงหย่งห้ามไว้ “วันส่งท้ายปีแบบนี้จะส่งโรงพยาบาลทำบ้าอะไร แกไม่คิดว่ามันจะอัปมงคลเหรอ? ห้ามส่งเด็ดขาด!”
“สมองแกมีแต่ขี้จริง ๆสินะ? พ่อเป็นแบบนี้แล้วยังไม่รีบส่งโรงพยาบาล? ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ!” จ้าวอิงหัวโกรธจนปวดศีรษะไปหมด เอะอะก็อัปมงคล นี่มันงมงายขั้นสุดแล้ว
อันหย่าฟางช่วยตรวจเช็คให้คุณปู่คร่าว ๆทีหนึ่งก่อนเอ่ย “ไม่ต้องกังวลไป พ่อแค่ตื่นเต้นมากไปหน่อย พักผ่อนสักเดี๋ยวคงฟื้นเอง ไม่ต้องไปส่งโรงพยาบาลหรอก”
ไม่นานคุณปู่ก็ฟื้นเองจริง ๆแต่สีหน้าขาวซีดท่าทางอ่อนแรงเหมือนใกล้ถึงปลายทางของชีวิต เห็นแล้วรู้สึกแย่จับใจเสียจริง
จ้าวอิงหย่งทำตาลุกวาวไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
งานคืนวันตรุษจีนเพิ่งเริ่มคุณปู่เลยลงจากเตียงมาทานข้าวกับครอบครัว ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาถึงทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นหน่อย
“จ้าวอิงหัว พ่อเป็นถึงขนาดนี้แล้วหรือว่าแกจะไม่ทำอะไรจริง ๆ? ทำไมแกถึงใจเหี้ยมขนาดนี้นะ?” จ้าวอิงหย่งปากว่าจ้าวอิงหัวแต่ตากลับปรายตามองเหมยเหมยพร้อมทำหน้าเจ็บปวด
ตอนที่ 1628 ฉันไม่สกุลจ้าวแล้วได้ไหม
เหมยเหมยทานปลาย่างต่ออย่างเฉยเมยและปิดการรับสารจากจ้าวอิงหย่งโดยอัตโนมัติ
จ้าวอิงหัวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย บนตัวลูกสาวมีความลับอยู่เขาพอจะรู้อยู่บ้าง เขาเองก็ไม่อยากให้คุณปู่จากไปเร็วเหมือนกัน ในเมื่อก็เป็นพ่อแท้ ๆ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เขาไม่ใจเหี้ยมขนาดนั้น
แต่ลูกสาวไม่ยอมเอาให้ เขาเองก็ไม่อยากบังคับฝืนใจลูกสาว ความสับสนภายในใจของจ้าวอิงหัวทำให้เขาจงใจหลงลืมเรื่องนี้แต่ตอนนี้จ้าวอิงหย่งกลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
จ้าวอิงหย่งแค่นหัวเราะ “พวกแกอย่าบอกว่าฉันว่าไม่มียาวิเศษ อย่างอื่นฉันจะไม่พูดแล้วกัน ช่วงนี้อาจารย์เซียวกับอาจารย์โจวทำไมจู่ ๆถึงสุขภาพดีขึ้นได้? แกกล้าบอกฉันว่าไม่เกี่ยวกับลูกสาวแกงั้นเหรอ?”
เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น จ้าวอิงหย่งส่งคนตามสืบเธอ การกระทำต่ำช้าเสียจริง
“หนูไม่เข้าใจว่าลุงสามกำลังพูดอะไร อาจารย์เซียวกับอาจารย์โจวแค่โชคดีที่ได้หมอดีเท่านั้น แล้วเกี่ยวอะไรกับหนูด้วย?” เหมยเหมยพูดเสียงเรียบและกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน
ยิ่งไล่ต้อนเธอเท่าไรเธอก็ยิ่งไม่มีวันให้ยาวิเศษนั่นหรอก!
เธอชักจะสงสัยแล้วว่าเมื่อกี้ที่คุณปู่หมดสติไปเป็นการแสดงละครแล้วล่ะ!
ในเมื่อทั้งครอบครัวนี้ทำอะไรก็ไม่ค่อยโปร่งใสสักเท่าไรอยู่แล้ว
จ้าวอิงหัวแค่ฟังก็รู้ว่าเหมยเหมยไม่ยอมช่วยคุณปู่ แม้จะรู้สึกเสียใจแต่เขาไม่โทษลูกสาว คุณปู่เป็นฝ่ายทำผิดก่อนจะมาโทษเหมยเหมยว่าแค้นฝังใจไม่ได้
“นั่นสิ เหมยเหมยของฉันจะมียาวิเศษได้ไง? ฉันว่าแกสติเลอะเลือนแล้ว วัน ๆเอาแต่คิดเรื่องชั่วร้ายแบบนี้” จ้าวอิงหัวช่วยพูดอีกเสียงพลางมองจ้าวอิงหย่งด้วยสายตาดูถูกดูแคลน
คุณปู่ชายตามองเหมยเหมยแวบหนึ่งอย่างรู้สึกผิดหวังในใจ แต่ส่วนมากคือความไม่พอใจ
หลานสาวใจเหี้ยมเกินไปแล้ว ยอมช่วยคนแปลกหน้าแต่กลับไม่ยอมช่วยคุณปู่แท้ ๆอย่างเขา!
คุณปู่มั่นใจแล้วว่าเหมยเหมยมียาวิเศษในครอบครอง ตอนนี้เขาไม่มีความคิดที่จะเอายาวิเศษไปเอาใจนายใหญ่อีกแล้ว เขาแค่อยากมีชีวิตต่ออีกหลายปีเพราะสภาพร่างกายตัวเองคงอยู่ได้อีกไม่นาน
ยิ่งแก่เขายิ่งกลัวตาย ไม่สิ เขายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เขายังตายไปทั้งแบบนี้ไม่ได้
เขาจะต้องเห็นตระกูลจ้าวรุ่งโรจน์ขึ้นมาอีกครั้งถึงจะตายได้อย่างสบายใจ ไม่อย่างนั้นเขาคงนอนตายตาไม่หลับ
คุณปู่ไอติดต่อกันหลายที เขาไม่อยากรออีกแล้ว วันนี้ที่เขาหมดสติไปเป็นการแสดงละครครึ่งหนึ่งและเป็นจริงอีกครึ่งหนึ่ง ความจริงสภาพร่างกายเขาแย่มากจริง ๆ ไฟชีวิตที่ใกล้ดับมอดรอความตายต้องการยาวิเศษเพื่อมาชโลมให้ฟื้นกลับมามีชีวิตใหม่โดยด่วน
“เหมยเหมย…” คุณปู่ขานเรียกด้วยเสียงแหบแห้ง ทุกคนในที่นี้ต่างเงียบเสียงลงไม่รู้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไร เหมยเหมยเม้มปากด้วยท่าทีอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก
เธอสังหรณ์ใจว่าต่อจากนี้คุณปู่ต้องขอยาวิเศษจากเธอโดยไม่คิดจะเล่นละครต่อไปแล้ว
ตอนนี้เธอเห็นกระจ่างแล้วว่าคนที่เล่นละครตบตาได้ดีที่สุดของตระกูลจ้าวก็คือคุณปู่ตรงหน้าผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นคุณย่าหรือจ้าวอิงสยงไม่มีใครมืออาชีพเท่าคุณปู่เลย
เธอลุกยืนเงียบ ๆ เรื่องมารยาทไม่เป็นรองใครแต่ท่าทีกลับห่างเหินมาก
คุณปู่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างเสียดอยู่กลางอกจนไออีกหลายทีปานจะขาดใจ ให้คนเห็นคอยกังวลว่าเขาจะหายใจทันหรือเปล่า
“เธอยังโทษปู่อยู่ใช่ไหม?” คุณปู่ถาม
“ไม่กล้าหรอกค่ะ” เหมยเหมยตอบเสียงเรียบ บอกเพียงว่าไม่กล้าก็สื่อให้รู้ถึงความแค้นใจของเธอแล้ว
คุณปู่เข้าใจความหมายเธอเลยหัวเราะเย้ยตัวเองก่อนจะไออีกหลายทีถึงพูดต่อ “เพื่อความรุ่งโรจน์ของตระกูล ไม่ว่าใครก็ต้องทนลำบากกันทั้งนั้น เหมยเหมยเธอเป็นหลานสาวของตระกูลจ้าว เธอ…”
เหมยเหมยฟังแล้วนึกรังเกียจจับใจเลยพูดขัด “ทุกคนของคุณปู่ไม่ใช่ทุกคนของหนู อีกอย่างหนูทำเพื่อตระกูลจ้าวมามากพอแล้วแต่หนูได้อะไรกลับมาบ้างคะ?”
เธอแค่นหัวเราะเสียงเย็นชาหลายทีพร้อมกล่าว “เหอะ คนตระกูลจ้าวตายกันหมดแล้วหรือไง? ผู้ชายคอยหลบเป็นกาฝากอยู่หลังหนู หนูไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะคอยให้คนอื่นมารังแกข่มเหงฝ่ายเดียว ในเมื่อใช้ชื่อสกุลจ้าวแล้วต้องทนเจอเรื่องแบบนี้งั้นหนูขอคืนนามสกุลจ้าวให้คุณปู่แล้วกัน แม่คะ หลังจากนี้ไปหนูขอสกุลเดียวกับแม่นะคะ!”
……………………………
ตอนที่ 1629 ไม่มียาวิเศษ
เหมยเหมยพูดแบบนี้ก็มีจุดประสงค์แอบแฝงเช่นกัน เธอจงใจพูดขัดไม่ให้คุณปู่พูดถึงเรื่องยาวิเศษ ขอเพียงไม่ให้โอกาสเขาได้พูดออกมาเธอก็สามารถแกล้งโง่ได้ต่อไป
แต่ถ้อยคำเหล่านี้กลับเป็นความในใจของเธอ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เธอเคยคิดจะเปลี่ยนนามสกุลแต่ตอนนี้เธอทั้งออกหนังสือทั้งถ่ายละครแล้วยังมีอสังหาริมทรัพย์กับหุ้นส่วนมากมายภายใต้ชื่อนี้ หากเปลี่ยนนามสกุลคงเป็นเรื่องวุ่นวายมากทีเดียว
หากไม่ถึงหนทางสุดท้ายจริง ๆเธอก็ไม่อยากเปลี่ยนหรอก!
“พ่อคะ แม่คะ หนูขอตัวกลับก่อนนะ วันหลังพ่อแม่มาก็ไม่ต้องเรียกหนูมาด้วย หนูกลัวว่าถึงตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรนิดอะไรหน่อยแล้วจะโยนความผิดมาให้หนูหมด ในเมื่อหนูเป็นตัวกาลกินีนี่นา!” เหมยเหมยมองจ้าวอิงหย่งอย่างเย้ยหยันแวบหนึ่งก่อนหมุนตัวเดินออกไป
“ห้ามไป ไม่เอายาวิเศษออกมาก็ห้ามไป!”
จ้าวอิงหย่งยื่นมือไปคว้าตัวเหมยเหมยไว้ด้วยสีหน้าดุดัน
จ้าวอิงหัวเห็นดังนั้นเลยรีบไปกระชากตัวจ้าวอิงหย่งออกมา เพียงแต่จ้าวอิงหย่งกำไว้แน่นเหมือนคีมที่แกะไม่ออก เหมยเหมยถูกบีบจนแขนเกือบหักรอมร่อเจ็บจนขมวดคิ้วแน่น
“ไม่มียาวิเศษ ปล่อยมือนะ!” เหมยเหมยตวาดใส่
“จะไม่มีได้ยังไง ยังคิดจะหลอกฉันอีกเหรอ? ยัยเนรคุณ น่าโดนดีนัก!” จ้าวอิงหย่งไม่สบอารมณ์เลยตวัดฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นคิดจะตบหน้าเหมยเหมย จ้าวอิงหัวยื่นมือไปขวางไว้แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่ง
“จ้าวอิงหย่งแกกล้าตบเหมยเหมยดูสิ!” เพิ่งสิ้นเสียงจ้าวอิงหัวก็มีแสงขาวแวบผ่านไปก่อนจะเกิดเสียงร้องโหยหวนขึ้น จ้าวอิงหย่งที่กำลังกอดแขนก้มตัวลงด้วยความเจ็บปวด ส่วนบริเวณลำคอเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด
ฉิวฉิวนั่งอยู่ตรงหัวไหล่เหมยเหมยแล้วยีเขี้ยวขู่ใส่
กล้ารังแกเจ้านายต่อหน้าเขา เห็นเขาตายไปแล้วหรือไงกัน!
เหมยเหมยแค่นหัวเราะทีหนึ่งก็หันหลังเดินจากไป เหยียนซินหย่าก็รีบตามไปอย่างไม่ลังเลแถมยังถลึงตาใส่จ้าวอิงหัวแรง ๆทีหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เขาที่ดั้นด้นจะมาฉลองเทศกาลปีใหม่ที่นี่ให้ได้ ตอนนี้ครอบครัวพวกเขาสามคนคงสนุกสนานกันดี ไม่จำเป็นต้องมาโดนรังแกที่นี่เลย!
จ้าวอิงหัวยืนค้างอยู่พักใหญ่เมื่อเห็นว่าทั้งภรรยาทั้งลูกสาวไปหมดแล้วเลยกล่าว “ผมก็ต้องขอตัวกลับก่อน พ่อถ้าสุขภาพไม่ดีก็รีบพักผ่อนนะ!”
เขารีบสวมเสื้อโค้ทตัวใหญ่สวมหมวกพันผ้าพันคอแล้วเดินสับเท้าไปทางประตู ต้องเร็วหน่อยไม่อย่างนั้นถ้าสองแม่ลูกนั่นขับรถไป ในวันส่งท้ายปีที่ไม่มีรถผ่านไปผ่านมาแบบนี้เขาคงต้องเดินจนขาลากแน่
“เจ้าสาม ฉันอยู่ได้อีกไม่กี่ปีแล้ว!”
คุณปู่เรียกจ้าวอิงหัวไว้ด้วยใบหน้าที่เหี่ยวย่นเหมือนเปลือกส้มแห้งเหี่ยว
ได้ยินชื่อเล่นที่ไม่ได้ยินมานานทำให้จ้าวอิงหัวรู้สึกแสบจมูกน้อย ๆ ถ้ายาวิเศษอยู่ที่เขาก็คงเอาให้แล้วแต่เขาไม่มี อีกอย่างเขาไม่อาจบังคับฝืนใจให้ลูกสาวเอาออกมาได้
เทียบกับคุณปู่แล้วจ้าวอิงหัวเป็นห่วงลูกสาวมากกว่า ฉะนั้น–
“วันปีใหม่แบบนี้พ่อพูดจาเหลวไหลอะไรเนี่ย พ่อจะต้องมีอายุยืนยาวนับร้อยปี ผมไปก่อนล่ะไว้จะมาเยี่ยมใหม่” จ้าวอิงหัวสายตาหลุกหลิกไม่กล้าสบตาคุณปู่เพราะเขากลัวตัวเองใจอ่อนแต่เขาก็อับจนหนทางเช่นกัน
จ้าวอิงหัวรีบหนีเพื่อไล่ตามสองแม่ลูกเหมยเหมยให้ทัน
เหมยเหมยนั่งอยู่ตำแหน่งคนขับพลางเลิกคิ้วให้จ้าวอิงหัว “พ่อ ถ้าพ่อยังไม่ออกมาอีกหนูจะพาแม่กลับบ้านแล้วนะ”
เหยียนซินหย่าพูดเสียงเย็นชา “ให้ลูกขับรถไปตั้งแต่แรกแล้ว จะรอทำไม!”
จ้าวอิงหัวยิ้มแก้เก้อพลางเปิดประตูขึ้นรถไป ยังไม่ทันนั่งก้นติดเบาะดีรถก็สตาร์ททำเขาตกใจรีบปิดประตูรถทันทีก่อนพูดเสียงโวย “เหมยเหมยอย่าล้อเล่น ลูกขับรถเป็นที่ไหน!”
“ปึง”
คล้ายว่ารถยนต์จะไปชนของบางอย่างเข้าเลยส่งเสียงดังสนั่นเรียกให้จ้าวอิงหัวใจสั่นหน้าขาวซีด
“พี่หมิงซุ่นยังชมว่าหนูขับดีเลย!” เหมยเหมยบ่นอุบอิบอย่างไม่พอใจก่อนที่ตัวรถจะสั่นอีกครั้ง พอเห็นว่าจ้าวอิงหัวหน้าซีดไปหมดแล้วถึงยอมขับรถตามปกติไม่แกล้งพ่อของเธออีก
ใครใช้ให้จ้าวอิงหัวดึงดันจะมาฉลองเวลาเทศกาลปีใหม่ที่นี่กันล่ะ!
จ้าวอิงหัวลอบก่นด่าในใจ เจ้าเหยียนหมิงซุ่นคงเพื่อเอาใจลูกสาวเขาถึงขนาดพูดโป้ปดหน้าตาเฉย
นี่เรียกว่าขับดีหรือ?
ตอนที่ 1630 โปรแกรมท่องเที่ยวสุดหรูแห่งซานย่า
ขณะนี้เป็นเวลาประมาณสองทุ่มของคืนส่งท้ายปีเก่า ตามถนนตรอกซอยไม่เคยเงียบขนาดนี้มาก่อน ปกติแล้วในเวลานี้ครึกครื้นยิ่งกว่าช่วงกลางวัน คนเดินขวักไขว่กันไปมาดูมีชีวิตชีวามาก
ตอนนี้บนท้องถนนกลับไม่เห็นแม้แต่คนเดียวเพราะทุกคนต่างกลับไปพบปะสังสรรค์กับครอบครัวแล้ว
เหมยเหมยเร่งเครื่องเพิ่มความเร็วขับได้อย่างลื่นไหล แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่มือใหม่หัดขับ จ้าวอิงหัวเลยเบะปากเล็กน้อย พลางเข้าใจแล้วว่าเมื่อกี้ลูกสาวจงใจกลั่นแกล้งเขา
เฮ้อ!
เบื้องหน้าจ้าวอิงหัวปรากฏภาพชราแก่เฒ่าและถ้อยคำของคุณปู่ขึ้นมาอีกครั้งจึงทำให้เขารู้สึกแย่ พลางอดถอนหายใจเฮือกหนึ่งไม่ได้ ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีกเลยเกิดเสียงกังวานชัดเจนภายในรถที่มีพื้นที่คับแคบ
เหยียนซินหย่ากับเหมยเหมยต่างก็ได้ยินกันทั้งคู่ก็รู้ว่าเขาเครียดเรื่องอะไร และยิ่งเข้าใจความรู้สึกของจ้าวอิงหัวเป็นอย่างดี
เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ พวกเธอสามารถใจเหี้ยมกับคุณปู่ได้แต่จ้าวอิงหัวกลับทำได้อย่างยากลำบาก สถานการณ์ตอนนี้สร้างความลำบากใจแก่เขาจริง ๆ
เหมยเหมยเกิดความใจอ่อนขึ้นมาชั่วขณะ ซึ่งเป็นความรู้สึกผิดที่มีต่อจ้าวอิงหัว เธอไม่อยากเห็นจ้าวอิงหัวลำบากใจ
แต่เธอก็หักห้ามใจเอาไว้คิดว่ารอกลับไปปรึกษาเหยียนหมิงซุ่นก่อนค่อยตัดสินว่าจะให้ยาวิเศษหรือเปล่า
“พ่อคะ แม่คะ พรุ่งนี้หนูจะกลับเมืองจินกับพี่หมิงซุ่นนะ” เหมยเหมยเปลี่ยนเรื่องเพราะบรรยากาศภายในรถตึงเครียดเกินไปจริง ๆ รู้สึกกดดันจนอึดอัดไปหมด
จ้าวอิงหัวโดนเบี่ยงเบนความสนใจทันทีตามคาดก่อนจะตะโกนเสียงดัง “กลับเมืองจินทำไม? ลูกยังไม่ได้แต่งเข้าบ้านทางนั้นเลย!”
เขาน้อยใจยิ่งกว่าเดิม ยังไม่ทันแต่งเข้าบ้านก็ไปฉลองเทศกาลปีใหม่ที่บ้านฝ่ายชายแล้ว ถ้าหลังแต่งงานไปแล้วหากเขาต้องการเจอลูกสาวบ้างต้องนัดล่วงหน้าหรือเปล่า?
“พี่หมิงซุ่นไม่ได้กลับไปฉลองปีใหม่กับคุณปู่เหยียนคุณย่าหยางหลายปีแล้ว ครั้งนี้สัญญากับพวกท่านไว้ คุณย่าหยางบอกให้หนูกลับไปด้วย” เหมยเหมยอธิบายด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ มักรู้สึกว่าการพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าพ่อแม่มันน่าลำบากใจจริง ๆ
เหยียนซินหย่ากลับเข้าใจดี แม้จะไม่อยากให้ไปสักเท่าไรแต่ก็พูดขึ้นว่า “ไปเจอผู้ใหญ่ก็สำคัญเหมือนกัน พวกลูกจองตั๋วเครื่องบินหรือยัง?”
“พี่หมิงซุ่นขับเครื่องบินกลับเองค่ะไม่ต้องจองตั๋ว พ่อ ทำไมถึงทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะ? หนูไปแล้วพ่อก็จะได้ใช้เวลากับแม่สองต่อสองพอดีไม่ใช่เหรอ? เมื่อก่อนพ่อชอบบ่นว่าหนูอยู่บ้านน่ารำคาญไง”
เหมยเหมยแอบหยอกเย้าทำเอาเหยียนซินหย่ามองค้อนใส่ทีอย่างขวยเขิน สายตาเย้ายวนนั่นทำเอาจ้าวอิงหัวรู้สึกร้อนรุ่มในใจและร่าเริงขึ้นในพริบตา
นั่นสิ ยายหนูใจร้ายไปแล้วยิ่งดี เขาอยากทำอะไรกับภรรยาก็ได้ล่ะ!
เขาเริ่มอิจฉาเหยียนหมิงซุ่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ขับเครื่องบินเองสะดวกสบายจะตาย อยากไปไหนก็ไป ไม่ได้การล่ะ รอวันหน้าเขาเกษียณแล้วจะไปสอบใบขับขี่เครื่องบินมาเล่น ๆสักหน่อย ถึงตอนนั้นจะพาคุณภรรยาไปเที่ยวทุกที่เลย
เหมยเหมยเห็นสีหน้าของจ้าวอิงหัวในกระจกเลยรู้ว่าเขาเริ่มหวั่นไหวจึงพูดเสริมเหมือนราดน้ำมันรดกองไฟ “พ่อมีวันหยุดหนึ่งสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ? พาแม่หนูไปดูทะเลที่ซานย่าสิ ที่นั่นไม่ร้อนไม่หนาวอากาศดีกว่าเมืองหลวงเยอะเลย วิวสวยมากด้วย แม่ไปวาดรูปที่นั่นก็ดีนะคะ แล้วถือโอกาสรื้อฟื้นความรู้สึกตอนมีความรักกับพ่อหนูใหม่ ๆไปด้วย”
“บ้าบอ อายุปูนนี้แล้วยังจะมีความรักอะไรอีก? น่าขำจะตายไป!”
เหยียนซินหย่าปากบ่นอุบอิบแต่กลับหน้าแดงซ่าน ทำเอาจ้าวอิงหัวเห็นแล้วคันยุบยิบในใจ
“นี่แม่เป็นศิลปินเชียวนะ ไม่มีความโรแมนติกเอาเสียเลย ดูคุณอากับอาเขยของหนูสิพวกเขาดื่มด่ำกับการใช้ชีวิตขนาดไหน คุณแม่ก็ต้องเรียนรู้เอาไว้บ้าง ทริปซานย่านี้หนูเลี้ยงเอง โปรแกรมเที่ยวซานย่าสุดหรูเจ็ดวันถือว่าหนูทำดีเพื่อพ่อแม่แล้วกันนะคะ!”
เหมยเหมยกล่าวยิ้มคิกคัก หาเรื่องให้จ้าวอิงหัวออกไปจะได้เลิกคิดหมกมุ่นเรื่องคนในสกุลจ้าวทุกวี่วันจนสร้างความลำบากใจแก่จ้าวอิงหัว!
…………………………..
ตอนที่ 1631 อย่าทำงานบ้าน
เหมยเหมยพูดแค่คำสองคำก็หลอกให้จ้าวอิงหัวสองสามีภรรยาไปซานย่า[1]ได้เพื่อหลบหน้าคนตระกูลจ้าว เธอยังให้เหยียนหมิงซุ่นใช้อิทธิพลซื้อตั๋วไปกลับที่นั่งระดับเฟิร์สคลาสมาด้วย โรงแรมที่นั่นก็ให้คนไปจัดการเสร็จสรรพ
ห้องสวีทคู่รักพร้อมวิวทะเล คู่รักที่ไม่รักกัน พอได้อยู่ในห้องที่เปรียบเสมือนเทพนิยายเช่นนี้ก็ทำให้เกิดความรักพลุ่งพล่าน แรงพิษสวาทท่วมท้นได้
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคู่รักอย่างจ้าวอิงหัวและเหยียนซินหย่าที่เดิมทีรักกันอย่างหวานชื่น กลัวแค่ว่าพอถึงเวลานั้นครบเจ็ดวันก็ยังไม่ออกจากห้องเลยด้วยซ้ำ
แต่ก็ไม่รู้ว่าร่างกายของจ้าวอิงหัวจะรับไหวไหม?
คนกตัญญูอย่างเหมยเหมยจึงได้วางเม็ดยาใส่ในกระเป๋าสัมภาระของจ้าวอิงหัว ซ้ำยังได้เขียนข้อความเล็ก ๆติดไว้ว่า ‘พ่อคะ ถ้าไม่ไหวก็อัพยาเพิ่มนะคะ สู้ ๆค่ะ!’
ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นทำงานได้ประสิทธิภาพมาก ผลลัพธ์คือจ้าวอิงหัวสามีภรรยาออกเดินทางก่อนพวกเหมยเหมยเสียอีก ยามสายวันแรกของตรุษจีนก็บินไปแล้ว เหมยเหมยเป็นคนไปส่งพวกเขาที่สนามบิน
จ้าวอิงหัวมีท่าทีกังวลเล็กน้อยแต่เขาเก็บงำความรู้สึกได้ดี หากไม่สังเกตก็ไม่มีทางดูออก เหมยเหมยรู้ว่าเขากังวลอะไร คิด ๆแล้วก็พูดว่า “พ่อไปเที่ยวพักผ่อนกับแม่ให้สบายใจเถอะค่ะ ทางคุณปู่พี่หมิงซุ่นบอกแล้วนี่คะว่าจะหาหมอที่มีชื่อเสียงมาช่วยดูแลร่างกายแทน”
นี่คือสิ่งที่เธอปรึกษากับเหยียนหมิงซุ่น เพื่อไม่ให้จ้าวอิงหัวถูกบีบอยู่ตรงกลางจนรู้สึกลำบากใจจึงให้เหยียนหมิงซุ่นออกหน้ารับเอง หาหมอที่มีชื่อเสียงมาช่วยดูแลร่างกายคุณปู่แต่ความเป็นจริงคือใช้ตัวยาของเหมยเหมย แต่ลดส่วนผสมลง แค่ยื้อชีวิตของตาเฒ่าไว้ก็เท่านั้น พออาการดีขึ้นเขาจะได้ไม่คิดมากอีก
แบบนี้จะได้ไม่เปิดเผยเรื่องยาวิเศษของเหมยเหมยด้วย ความสามารถทุกอย่างล้วนตกเป็นของหมอที่มีชื่อเสียงคนนั้นแทน
จ้าวอิงหัวเข้าใจความหมายของเหมยเหมยพลันรู้สึกอบอุ่นใจ พลางลูบหัวเหมยเหมยเบา ๆพร้อมเอ่ยขอบคุณ “ขอบใจมากนะ ลูกสาวสุดที่รัก!”
เหมยเหมยฉีกยิ้มพร้อมกับเร่งให้เขาไปขึ้นเครื่องได้แล้ว
จ้าวอิงหัวลากกระเป๋าเดินทางวิ่งเหยาะ ๆไปแต่ทันใดนั้นก็วิ่งกลับมา เอ่ยกำชับอย่างหนักแน่น “เหมยเหมยลูกไปที่บ้านตระกูลเหยียนอย่าทำงานบ้านเด็ดขาดเลย ไม่ว่าอะไรก็ห้ามทำ มารยาทอย่าให้ขาดก็พอ อย่างอื่นแค่รอเสื้อผ้ามาให้ก็ยื่นใส่ ข้าวมาก็อ้าปากกินเท่านั้นพอ จำไว้นะ!”
เหมยเหมยชะงักไป นี่พ่อของเธอเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก?
ทำไมถึงเปลี่ยนประเด็นไปถึงเรื่องงานบ้านได้ล่ะ?
เธอรับปากไปแบบส่ง ๆ จ้าวอิงหัวยังไม่วางใจจึงพูดขึ้นอีกครั้ง ในใจเขาอยากให้เหมยเหมยอยู่ที่บ้านตระกูลเหยียนเฉย ๆเป็นแค่คุณหนูที่พอส่งเสื้อผ้าให้ก็ยื่นมือใส่ ข้าวมาก็อ้าปากรับ
“อยู่ในบ้านเราลูกเป็นเจ้าหญิงตัวน้อย พอไปถึงตระกูลเหยียนอย่าทำตัวเป็นคนใช้ล่ะ ใครใช้ให้ลูกทำงานก็ห้ามทำนะ!”
จ้าวอิงหัวสีหน้าทุกข์ระทม เหมยเหมยหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออกแต่กลับรู้สึกอบอุ่นใจ จึงพูดล้อเล่นว่า “วางใจเถอะค่ะ ต่อให้ขวดซีอิ้วล้มหนูก็จะไม่ยกขึ้นมาเลยล่ะ!”
เหยียนซินหย่าวิ่งกลับมาลากจ้าวอิงหัวแล้วตำหนิอย่างขุ่นเคือง “ฉันกำชับไปตั้งแต่แรกแล้ว คุณยังกังวลอะไรอีก? รีบไปกันเถอะ ไม่งั้นคุณบินไปซานย่าเองแล้วกันนะ!”
“ถึงอย่างไรผมก็ต้องกำชับบ้าง หากว่าตระกูลเหยียนวางอำนาจกับลูกสาวเราแล้วสั่งให้เธอทำงานบ้านจะทำอย่างไร? ลูกสาวผมจะไปเป็นคนใช้ของตระกูลเหยียนไม่ได้นะ!” จ้าวอิงหัววิ่งพลางส่งเสียงฮึดฮัด ความเป็นจริงไม่อาจวางใจได้เลย
เหยียนซินหย่าทั้งโกรธทั้งเห็นว่าตลกจึงแย่งพูด “มีหมิงซุ่นอยู่ทั้งคน คุณจะกังวลอะไรอีก? หมิงซุ่นจะปล่อยให้เหมยเหมยถูกรังแกได้อย่างไร?”
“มันก็ไม่แน่ ผมไม่เชื่อใจเจ้าเด็กนั่น!” จ้าวอิงหัวบ่นพึมพำ
“งั้นคุณก็ไม่ต้องไปซานย่าแล้ว ไปเมืองจินแทนดีกว่า!”
“ความคิดนี้ไม่เลว แล้วคุณภรรยาจะไปไหนล่ะครับ?”
“ฉันก็ต้องไปซานย่าสิ ฉันวางใจหมิงซุ่นจะตายไป”
จ้าวอิงหัวขมวดคิ้วอย่างปวดใจ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งพลันตัดสินใจตามติดภรรยาไป
ภรรยาของเขายังสาวและสวย สถานที่อย่างซานย่าน่ะมากด้วยพวกคนเจ้าชู้ เขาต้องไปช่วยเมียไล่หมาป่าสิ!
……………………………………………………………..
[1] ซานย่า เป็นเมืองทางตอนใต้สุดของมณฑลไหหลำ เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก
ตอนที่ 1632 มอบยาให้
พอส่งจ้าวอิงหัวสองสามีภรรยาไปแล้วเหมยเหมยก็กลับบ้านตัวเองทันที เหยียนหมิงซุ่นเก็บข้าวของจัดกระเป๋าเดินทางและยังมีเรื่องที่ต้องกำชับลูกน้องไว้ด้วย
ตอนที่เธอไปถึงบ้าน เสียวหลี่กับเสี่ยวอวิ๋นต่างแบกสัมภาระเดินออกมาพอดี พอเห็นเธอก็ยืนตรงคำนับในแบบฉบับทหาร เหมยเหมยจึงรีบโค้งคำนับกลับ
“พวกคุณกลับเข้ากองทัพหรือกลับบ้านเหรอ?”
“กลับกองทัพค่ะ ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก” เสี่ยวอวิ๋นตอบ สีหน้ากระตือรือร้นอยากลิ้มลองจนอดใจแทบไม่ไหว เมื่อเทียบกับการได้อยู่ในบ้านคอยปกป้องคุณหนู เขาชื่นชอบการออกปฏิบัติหน้าที่ที่อันตรายมากกว่า
ไม่งั้นเธอจะผ่านความยากลำบากทั้งหมดมาจนกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเหยียนหมิงซุ่นทำไมเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเห็นว่าการติดตามคุณชายหมิงมีท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ให้เธอได้โบยบิน!
แต่ไม่ใช่การอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ แม้มันจะทำให้มีอายุยืนยาวเธอก็ไม่ต้องการ เหมยเหมยมองคนทั้งคู่ที่คอยอยู่กับเธอมาค่อนเดือน อ่อนเยาว์มากกำลัง องอาจกล้าหาญ เป็นเพราะการอุทิศตนของพวกเขาถึงได้ทำให้ประเทศชาติและราษฎรอยู่อย่างผาสุก
“พวกเธอรอฉันก่อน ฉันมีของจะให้พวกเธอ!”
เหมยเหมยวิ่งเหยาะ ๆเข้าไปหาเหยียนหมิงซุ่นในบ้าน เธออยากจะมอบยาอมที่ทำเองให้กับเสี่ยวอวิ๋นและคนอื่น ๆ ถึงยาอมจะช่วยชีวิตไม่ได้แต่ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น และในช่วงที่ไม่มีอาหารก็จะช่วยบำรุงกำลังได้ด้วย
เสี่ยวอวิ๋นและคนอื่น ๆปกป้องเธอมาครึ่งเดือน เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องกับพวกเขา
เหยียนหมิงซุ่นยังคงสั่งงานกับลูกน้องอยู่ พอเห็นเหมยเหมยยืนกวักมือเรียกอยู่หน้าประตูตรงหว่างคิ้วของเขาก็คลายลงพร้อมกับเดินออกไป
“มีอะไรหรือ?”
น้ำเสียงอ่อนโยนมาก ถึงแม้ลูกน้องไม่กี่คนในบ้านจะคุ้นชินแล้วแต่ก็ยังรู้สึกแปลกอยู่ดี ถ้าคุณชายหมิงดีต่อพวกเขาได้สักครึ่งหนึ่งของคุณหนูจ้าวก็นับว่าบุญโขแล้ว
เหมยเหมยเขย่งเท้าพลางกระซับข้างหูเขา เมื่อพูดจบดวงตากลมโตก็จ้องมองเขาปริบ ๆ
เหยียนหมิงซุ่นเคยมีความคิดที่จะให้ลูกน้องใช้ยาวิเศษแต่ถ้าเหมยเหมยไม่พูดออกมาก่อน ตลอดชีวิตนี้เขาก็ไม่มีทางเอ่ยถึง แต่ตอนนี้เหมยเหมยกลับพูดออกมาก่อน ถ้างั้น…
“ถ้าให้พวกเสี่ยวอวิ๋นก็ต้องให้คนอื่น ๆด้วยนะ เธอเต็มใจเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถาม
เหมยเหมยกัดริมฝีปาก เหลือบมองลูกน้องไม่กี่คนที่อยู่ในบ้านพลางพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น “เต็มใจค่ะ พวกเขายอมสละชีพเพื่อประเทศชาติ ควรค่าที่จะใช้ยาพวกนี้!”
เมื่อก่อนความคิดของเธอนั้นแคบเกินเอาแต่กังวลว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเอง จึงซ่อนยาวิเศษไว้อย่างมิดชิด ซึ่งแบบนี้ไม่ดีเลย เธอต้องทำเพื่อเหยียนหมิงซุ่นบ้าง เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มแล้วบีบจมูกของเธออย่างเอ็นดู เอ่ยเสียงแหบพร่า “ขอบใจมากนะที่รัก!”
ถ้าไม่เป็นเพราะเขา เหมยเหมยไม่มีทางนำยาวิเศษออกมาเด็ดขาด ขนาดคุณปู่จ้าวเหมยเหมยยังไม่ยอมเลย!
คนอื่น ๆล้วนพูดว่าเขาเป็นคนปกป้องเหมยเหมย แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าหากไม่ได้ความช่วยเหลือจากเหมยเหมย เขาคงไม่อาจยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ อาจจะตายในหน้าที่ไปแล้ว
เหมยเหมยย่นจมูกอย่างออดอ้อน เหมยเหมยหยิบยาอมออกมาขวดหนึ่ง เม็ดยามีอยู่ราวร้อยกว่าเม็ดแล้วยกทั้งหมดนั่นให้เหยียนหมิงซุ่น
“ถ้าไม่พอฉันจะไปทำเพิ่ม ไม่นานหรอก!”
“พอแล้วล่ะ คนที่ต้องใช้มีไม่มาก”
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้คิดจะใช้ยาวิเศษกับทุกคน คิดว่าจะให้แค่พวกลูกน้องคนสนิทเท่านั้น และนี่ก็เป็นวิธีการซื้อใจคนอย่างหนึ่งของเขา ด้วยสวัสดิการที่แตกต่างจะทำให้คนอื่น ๆทุ่มเทมากขึ้น!
เหมยเหมยเอาให้พวกเสี่ยวอวิ๋นและเสียวหลี่คนละสิบเม็ดด้วยตัวเอง
“นี่เป็นยาอมที่พี่หมิงซุ่นขอให้แพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกทำขึ้นมา พวกเธอกินแค่ห้าเม็ดก่อน อีกห้าเม็ดเก็บไว้ใช้ในยามมีภัยอันตราย บางทีอาจช่วยให้พวกเธอผ่านช่วงที่ยากลำบากไปได้”
สายตาของเหมยเหมยที่หนักแน่นทำให้เสี่ยวอวิ๋นทั้งคู่ที่ไม่ค่อยจริงจังนักพลันหนักแน่นตามไปด้วย สองมือรับยา พร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ
เพราะยาพวกนี้ถึงช่วยให้พวกเขาโชคดีเอาชีวิตรอดมาได้ ไว้ค่อยเล่าทีหลังแล้วกัน
………………………………………………………..
ตอนที่ 1633 ฉันอยากเรียนขับเครื่องบิน
เหยียนหมิงซุ่นเองก็แบ่งให้ลูกน้องคนอื่น ๆคนละสิบเม็ดเช่นกัน และพูดเช่นเดียวกับเหมยเหมย ต่อให้เรื่องยาวิเศษแพร่งพรายออกไปคนอื่นก็ไม่มีทางสงสัยมาถึงตัวเหมยเหมยได้
ภายในบ้านเหลือพวกเขาแค่สองคน เหยียนหมิงซุ่นวางกระเป๋าสัมภาระที่จัดไว้เสร็จนานแล้วขึ้นรถเตรียมตัวไปสนามบิน
“ไม่เตรียมของฝากขึ้นชื่อไปหน่อยเหรอ? ถึงอย่างไรก็เป็นเดือนแรกของปีนะ!” เหมยเหมยเห็นกระเป๋าสัมภาระที่เรียบง่ายก็อดไม่ได้ที่จะพูด
เหยียนหมิงซุ่นปิดประตูท้ายรถหมุนตัวกลับมาหยิกแก้มเธอ ยิ้มและพูดว่า “เธอคือของขวัญที่ดีที่สุด อย่างอื่นไม่ต้องเอาไปหรอก!”
เหมยเหมยมองค้อนเขายังคงคิดว่าไม่ถูกต้องนัก นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอไปในฐานะคู่หมั้นของเหยียนหมิงซุ่นเลยนะ! แล้วก็เป็นช่วงปีใหม่ด้วย ถึงอย่างไรก็ไม่ควรจะเสียมารยาท
“ไม่ได้ เราต้องไปซื้อของฝากที่ห้างสักหน่อยก่อน ถ้าเราไปมือเปล่า คุณปู่คุณย่าของพี่คงไม่คิดอะไรหรอกแต่เพื่อนบ้านเห็นเข้าจะว่าเอาได้”
การหิ้วของไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ความจริงคือการหิ้วไปให้คนอื่นเห็น แบบนั้นถึงจะทำให้คนเฒ่าคนแก่ได้หน้าได้ตาต่างหากล่ะ!
เหยียนหมิงซุ่นปิดปากเงียบไม่แย้งอะไร เบื่อที่จะถกเถียงเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆกับเหมยเหมย ทุกอย่างเอาตามที่เธอสบายใจ แค่ต้องไปซื้อของฝากที่ห้างก่อน ถุงน้อยถุงใหญ่กองพะเนินเป็นภูเขาลูกเล็ก
“พี่ขับเครื่องบินเองไม่ใช่เหรอ งั้นเอาไปเยอะ ๆก็แล้วกัน เอาไปให้คุณอาและพวกญาติทุกคนของพี่ด้วยเลย ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน!” เหมยเหมยจัดการได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“สมแล้วที่เป็นภรรยาของพี่คิดได้รอบคอบมาก กลับไปต้องบอกให้คุณย่าคุณยายใส่ซองแดงหนา ๆให้เธอแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างกระหยิมยิ้มย่อง
เหมยเหมยหน้าแดงระเรื่อ แต่พอคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นคุณนายเหยียนในเร็ว ๆนี้ ในใจก็หวานหยดย้อยปานน้ำผึ้ง รอยยิ้มค่อย ๆเผยกว้างขึ้น ไม่แม้แต่จะปกปิดความดีใจเลยสักนิด
สายตาเอ็นดูรักใคร่ของเหยียนหมิงซุ่นนั้นอ่อนโยนเสียยิ่งกว่าสายไหม หมุนตัวมาช่วยรัดเข็มขัดนิรภัยให้เหมยเหมย จากนั้นก็หยิกแก้มเธออย่างอดไม่ได้แล้วค่อยออกรถ
เครื่องบินของเขาจอดอยู่ในสนามบินค่ายทหาร ทันทีที่พวกเขาไปถึงก็มีคนเข้ามาทำความเคารพรายงานความปกติของเครื่องบินให้เหยียนหมิงซุ่นวางใจในการขับขี่
นี่เป็นครั้งแรกที่เหมยเหมยมาสนามบินค่ายทหาร สิ่งที่ผ่านเข้าตาล้วนเป็นสีเขียวทั้งหมด ดูเข้มงวดน่าเกรงขาม บรรยากาศแตกต่างจากสนามบินพลเรือนอย่างสิ้นเชิง เหยียนหมิงซุ่นก็ทำการตรวจสอบเครื่องบินด้วยตัวเองอีกครั้งถึงวางใจให้เหมยเหมยขึ้นมาพร้อมเตรียมออกบิน
“ขับเครื่องบินเรียนง่ายไหม?”
เครื่องบินขับเคลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว มองก้อนเมฆนอกหน้าต่างอันงดงาม เหมยเหมยตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ความรู้สึกนั้นต่างไปจากการได้นั่งเครื่องบินพลเรือนโดยสิ้นเชิง น่าตื่นเต้นกว่ามาก ๆราวกับได้โบยบินบนท้องฟ้าจริง ๆ
เป็นความรู้สึกอิสระที่ได้โผบินบนท้องฟ้าสูงทะเลกว้าง!
“ขับเครื่องบินไม่ได้เรียนง่ายขนาดนั้น เธอขับรถบนถนนจะดีกว่านะ” เหยียนหมิงซุ่นไม่เห็นด้วย
ทุกวันนี้นับวันภรรยาของเขาก็ยิ่งป่าเถื่อนขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเรียนจนขับเครื่องบินได้ล่ะก็เกรงว่าจะลอยขึ้นฟ้าแล้วล่ะ ให้อยู่บนพื้นไปแบบนั้นจะดีกว่า!
เหมยเหมยมุ่ยปาก ทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจพร้อมหันหน้าไปชมวิว
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มพลางถอนหายใจ ความเอาแต่ใจก็เริ่มมีมากขึ้นทุกวี่วัน เขาจึงทำได้เพียงยอมให้ “วันหลังถ้ามีเวลาพี่จะสอนเธอขับเครื่องบินแล้วกัน แบบนี้โอเคไหม?”
“ขอบคุณค่ะคุณสามี พี่ดีที่สุดแล้ว!”
เหมยเหมยยิ้มตาหยีในทันทีตาโค้งราวพระจันทร์เสี้ยว
ขอแค่เรียนขับเครื่องบินเป็น ต่อไปนี้เธออยากไปไหนก็ไปได้ เครื่องบินสะดวกสบายกว่ารถยนต์มาก!
เมืองจิน บ้านตระกูลเหยียน
คุณย่าหยางมองถานซูฟางที่มาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยด้วยสายตาไม่เป็นมิตร สับสนภายในใจ ไม่ใช่ว่าถูกหลานชายคนโตสั่งย้ายไปช่วยงานอยู่ภาคใต้เหรอ? ทำไมถึงกลับมาล่ะ?
“แม่คะ หมิงซุ่นจะกลับมาใช่ไหม? เดี๋ยวหนูช่วยแม่ทำอาหารนะคะ”
ความหยิ่งผยองของถานซูฟางเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ขยันขันแข็งขึ้นมาก หนำซ้ำยังรู้จักเอาอกเอาใจมากขึ้น เธอดูจะแก่ตัวลงมาก ทั้งดำทั้งผอม การแต่งกายค่อนข้างบ้านนอก ไหนเล่าจะหลงเหลือบุคลิกของภรรยาคนตำแหน่งใหญ่โตเหมือนตอนนั้นอีก?
…………………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น