ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1614-1625
ตอนที่ 1614 รอฉันเบื่อก่อน
เหมยเหมยเลือกพูดอย่างตรงไปตรงมาลุงหมิงเองจึงแสร้งเป็นใบ้ต่อไปไม่ได้ เขาวางถ้วยน้ำชาลงแล้วแกล้งพูดเสียงตกใจ “ฉันพาผู้หญิงคนหนึ่งกลับมาก็จริงแต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นสาวนั่งดริ้งของสโมสรเศรษฐีนี่นา หล่อนจะกลายเป็นเพื่อนของเหมยเหมยได้อย่างไร?”
เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบอีกอึกหนึ่ง ใบหน้าอ้วนกลมเต็มไปด้วยความเย้ยหยันพลางพูดต่อช้า ๆไม่รีบร้อน “ฉันจำได้ว่าเหมยเหมยเธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้มหาวิทยาลัยเมืองหลวงจ้องจะส่งเด็กมีความสามารถไปที่สโมสรงั้นเหรอ?”
ประโยคนี้ที่ด่าเหมารวมเหมยเหมยด้วยเช่นกัน นั่นจึงทำเอาลูกน้องของลุงหมิงที่ได้ยินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เริ่มไม่พอใจต่อลุงหมิง
หากให้ยมบาลอย่างคุณชายหมิงรู้เข้า ลุงหมิงคงไม่เป็นไรแต่พวกเขาต้องแย่แน่!
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหมยเหมยหายไปในพริบตาพลางพูดเสียงเย็นชา “ลุงหมิงพูดอะไรโปรดระวังด้วยค่ะ มหาวิทยาลัยเรามีแต่คนใหญ่คนโตปะปนอยู่มากมาย คุณพูดผิดประโยคเดียวเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าเอาถึงชีวิตคือเรื่องใหญ่เลยนะคะ!”
บ้านแกสิเด็กนั่งดริ้ง!
ให้ตายเถอะ!
“ตึง”
ลุงหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีพลางกระแทกถ้วยน้ำชาลงอย่างแรง “ยายหนูห้าวดีนี่ ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นก็ยังไม่กล้าพูดกับฉันแบบนี้!”
“หึ ต่อให้เป็นลุงเฉินเขาก็ไม่กล้าพูดจาซี้ซั้วต่อหน้าหนูเหมือนกัน หนูขอพูดอีกครั้งช่วยปล่อยตัวเพื่อนฉันออกมาด้วย!” เหมยเหมยไม่มีท่าทีอ่อนข้อสักนิด
ในเมื่อเฉินหมิงไม่อยากคุยดี ๆด้วยถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอีกต่อไป
เจรจาตามมารยาทก่อนค่อยใช้กำลัง ในเมื่อพูดดี ๆไม่ฟังก็ใช้ไม้แข็งแล้วกัน!
ลุงหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปพลางมองเหมยเหมยด้วยใบหน้าเย็นยะเยือกแต่กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกเป็นพัก ๆเพราะความโกรธ “เธออย่าลืมล่ะว่าถ้าไม่มีฉันก็ไม่มีเหยียนหมิงซุ่นในวันนี้ เธออยากให้เหยียนหมิงซุ่นกลายเป็นคนเนรคุณ โดนทุกคนหัวเราะเยาะเย้ยงั้นเหรอ?”
เหมยเหมยทำหน้าเยือกเย็น นี่เอาเรื่องบุญคุณมาขู่หรือ?
“ลุงหมิงก็อย่าลืมล่ะว่าคนเราสิ่งสำคัญที่สุดเลยคือการรู้จักขอบเขตของตน คนที่ไม่รู้ขอบเขตยากจะมีที่ยืนในเมืองหลวงได้” เหมยเหมยเองก็ลุกยืนไม่มีท่าทีอ่อนข้อให้สักนิด
เหยียนหมิงซุ่นมีวันนี้ได้แน่นอนว่าลุงหมิงต้องมีคุณงามความดีอยู่ด้วย ขอเพียงเขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยม เหยียนหมิงซุ่นต้องให้เขาได้ใช้ชีวิตสุขสบายไปตลอดชาติอยู่แล้ว แต่เขาเป็นคนละโมบโลภมากได้คืบจะเอาศอก เกรงว่าหลังจากนี้ต่อให้เขาได้ดำรงตำแหน่งของนายใหญ่เขาก็คิดจะเป็นประธานาธิบดีของคนทั้งโลกด้วยซ้ำ!
กับคนที่ไม่รู้จักพอแบบนี้ เธอไม่จำเป็นต้องเกรงใจเลย!
กลับไปจะบอกเหยียนหมิงซุ่นให้เขาระวังลุงหมิงเอาไว้!
ลุงหมิงพูดแค่นยิ้มแต่แววตาไม่ยิ้ม “ยายหนูฝีปากไม่เบานี่ กล้าสั่งสอนฉันแล้วเหรอ?”
“ไม่กล้าหรอกค่ะ ลุงหมิงคือผู้อาวุโสกว่า ฉันย่อมให้ความเคารพนับถือ แต่ก็แค่พูดคุยเรื่องการใช้ชีวิตกับลุงหมิงเท่านั้นเอง” เหมยเหมยทำหน้าเรียบนิ่งแล้วพูดเร่งเร้าอีก “ลุงหมิงจะไม่ยอมปล่อยตัวจริงใช่ไหมคะ?”
“ฉันเสียเงินซื้อหล่อนมาตั้งเยอะ ยังสนุกไม่พอเลย!” ลุงหมิงเสตามองเหมยเหมยแล้วย้ำว่าจะไม่ยอมปล่อยคน
เจียงจื้อหรู่หน้าซีดใจดิ่งวูบ
เหริ่งเชี่ยนเชี่ยนกลับอดพูดเสียงพึมพำไม่ได้ว่า “สวีจื่อเซวียนไม่ได้เอาเงินของคุณไป และก็ไม่ได้ยอมไปกับคุณสักหน่อย…”
ลุงหมิงเปลี่ยนเป็นสายตาเย็นชาพลางจ้องเขม็งเหมือนดวงตาของปลาที่ตายไปแล้ว เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเสียงเบาลงเรื่อย ๆ ขาสั่นพรึ่บ ๆและนึกเสียใจที่อ้าปากพูด
“พวกเธอไปรอฉันข้างนอก!” เหมยเหมยเอ่ยบอกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับถังม่านลี่ประคองกันลุกขึ้นแล้วเดินตัวสั่นไปข้างนอก พอขึ้นรถถึงพรูลมหายใจยาวด้วยความรู้สึกที่เหมือนฟื้นคืนชีพใหม่
“ลุงอ้วนคนนั้นน่ากลัวจัง จ้าวเหมยจะไม่เป็นไรใช่ไหม? หรือว่าเราแจ้งตำรวจดี?” ถังม่านลี่ถามเสียงสั่นเครือพลางเอ่ยเสนอให้แจ้งตำรวจอีกครั้ง
เธอรู้สึกว่าใต้หล้านี้ตำรวจใจดีที่สุดแล้ว!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับฟาดมือใส่ทีหนึ่งอย่างหงุดหงิดแล้วตะคอกเสียงเบา “ตำรวจจะมาสนใจเด็กนั่งดริ้งอย่างเธอเหรอ? เธออยากให้ทีมตำรวจบุกเข้าไปกวาดล้างสิ่งอนาจารงั้นเหรอ?”
ถังม่านลี่เบะปากอย่างน้อยเนื้อต่ำใจแล้วพูดแย้งเสียงแผ่ว “เค้าขายความสามารถไม่ได้ขายตัวนะ!”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นหัวเราะทีอย่างคร้านจะสนใจเธอ ขายความสามารถไม่ขายตัว?
เธอว่ายัยบ้านนอกคนนี้มีแต่จะขายตัวไม่ใช่ขายความสามารถหรอก!
ในบ้านพักลุงหมิงเจรจากับเหมยเหมยไม่สำเร็จ เขาพูดอย่างเย็นชา “รอฉันเบื่อก่อนก็จะปล่อยยายเด็กนั่นกลับไปเอง แต่ตอนนี้ไม่ได้!”
…………………….
ตอนที่ 1615 ยุยงปลุกปั่น
“นี่ลุงหมิงจะไม่ยอมไว้หน้าหนูกับพี่หมิงซุ่นเลยสินะ?” เหมยเหมยถามเสียงเย็นชา
แม้ผลลัพธ์จะอยู่ในความคาดหมายของเธอแต่เธอก็รู้สึกแย่อยู่ดี แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะสวีจื่อเซวียนแต่เพื่อเหยียนหมิงซุ่นต่างหาก ลุงหมิงคนนี้จะต้องเป็นปัญหาในอนาคตอย่างแน่นอน!
ลุงหมิงแสยะยิ้ม “ก็แค่เด็กนิ่งดริ้งคนเดียวเอง เหมยเหมยเธอก็จริงจังไปได้ นี่ก็ดึกแล้วฉันยังต้องเล่นสนุกกับยายหนูนั่นต่อ ถ้าบริการฉันจนพอใจไม่แน่ฉันอาจจะปล่อยตัวหล่อนก่อนเวลาก็ได้!”
แม้ว่ายายหนูคนนั้นจะผอมไปหน่อยแต่กลับเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวง แถมได้ข่าวว่าเป็นสาวผู้มากความสามารถเก่งรอบด้านไม่ว่าจะฉินหมากรุกตำราและศิลปะ ผู้หญิงความสามารถมากล้นเหลือแบบนี้สิถึงจะเล่นสนุก!
ความจริงที่เขาจงใจพูดคำเหยียดหยามน่าอับอายต่อหน้าเหมยเหมยเพราะทำให้เขารู้สึกได้แก้แค้น ตื่นเต้นจนตาแดงไปหมด!
เจียงจื้อหรู่โกรธจนตัวสั่น เขามีความรู้สึกดี ๆต่อสวีจื่อเซวียนอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ตอนนี้กลับถูกผู้ชายตัวอ้วนนี้ทำให้แปดเปื้อน เสมือนภาพวาดที่เป็นดั่งดวงใจถูกทำลาย ช่างปวดใจเหมือนโดนมีดกรีดยังไงอย่างนั้น!
“ในเมื่อลุงหมิงไม่ยอมปล่อย งั้นฉันคงต้องไปหาด้วยตัวเองแล้ว!”
เหมยเหมยก้าวขาขึ้นบันไดไปชั้นบน ลุงหมิงไม่คิดว่าเธอจะใจกล้าขนาดนี้เลยตวาดเสียงขุ่นเคือง “เหิมเกริม!พวกแกยังไม่ห้ามเธอไว้อีก!”
เหล่าลูกน้องเดินเข้าไปหาอย่างลังเลใจ เสี่ยวหลี่กับเสี่ยวอวิ๋นแวบมาขวางหน้าเหมยเหมยพร้อมมีดสั้นวาวในมือ เอ่ยเสียงเย็น “ใครกล้าแตะต้องคุณหนูพวกเรา?”
“ตายกันหมดแล้วหรือไง พวกแกมีหกคนแต่พวกมันมีแค่สองคน รีบไล่พวกมันออกไป!” ลุงหมิงตวาดเสียงดัง
เหมยเหมยแค่นเสียงพูด “พวกแกลองขึ้นมาดูสิ ถ้าฉันเผลอกลิ้งตกบันไดไปอย่างไม่ทันระวังตัวจนขาหักหรือแขนหัก พวกแกจะมีอีกกี่ชีวิตไปรายงานคุณชายหมิง?”
พวกผู้ชายพลันเปลี่ยนสีหน้าทันทีไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้กว่านี้อีก
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเขาว่าคุณชายหมิงรักคุณหนูจ้าวขนาดไหน หากคุณหนูจ้าวเจ็บตัว สงสัยว่าพวกเขาอยากตายยังตายไม่ได้เลย!
เหมยเหมยยิ้มให้ลุงหมิงอย่างได้ใจก่อนจะรีบเดินขึ้นไปชั้นบน ลุงหมิงอยากมาห้ามแต่กลับถูกเสี่ยวหลี่ขวางไว้ เจียงจื้อหรู่ดีใจเลยรีบวิ่งขึ้นไปตาม ๆกัน
ห้องบนชั้นสองมีไม่มากเท่าไร เหมยเหมยคอยเปิดหาที่ละห้อง ๆไม่นานก็เจอตัวสวีจื่อเซวียนในห้องหนึ่งที่อยู่ในสภาพไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ แล้วถูกจับมัดตรึงแขนตรึงขาไว้กลางเตียง บนตัวมีร่องรอยเลือนรางประดับอยู่ รวมถึงรอยฝ่ามือแดงฉานบนพวงแก้มพร้อมเลือดที่ซึมตรงมุมปาก
เจียงจื้อหรู่รีบหันกลับด้วยใบหน้าปวดใจ
สวีจื่อเซวียนที่กำลังร่ำไห้ก็ตกใจเมื่อเห็นเหมยเหมยและไม่นานก็อยากตายเพราะความรู้สึกอับอายขายหน้า
สภาพอันน่าเวทนาของเธอจ้าวเหมยเห็นมันทั้งหมดแล้ว รวมถึงอาจารย์เจียง…
พวกเขาต้องดูถูกเธอมากสินะ?
สวีจื่อเซวียนที่รู้สึกสะเทือนใจฉับพลันทำให้ภาพตรงหน้ามืดจนหมดสติไป จะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัด
เสี่ยวอวิ๋นมาแก้เชือกแล้วใช้ผ้าห่มผืนบางคลุมตัวสวีชื่อเซวียนอุ้มออกมา
ลุงหมิงยืนอยู่หน้าประตู ใช้ดวงตาเรียวรีจ้องเขม็งเหมือนสายตางูอสรพิษ
“ขอตัวก่อน ฉันขอเตือนลุงหมิงว่าทำอะไรก็คิดถึงอนาคตไว้บ้างก็ดี เพิ่งไปสร้างปัญหาที่ฮ่องกง กลับมาเมืองหลวงก็สงบเสงี่ยมหน่อย พี่หมิงซุ่นคอยวุ่นทุกวันจนนอนไม่พอ เขาไม่ได้มีเวลามาคอยตามล้างตามเช็ดให้คุณมากขนาดนั้นหรอกนะ!”
เหมยเหมยอดเตือนไม่ได้ เพราะลุงหมิงทำให้เหยียนหมิงซุ่นงานยุ่งทั้งวันจนแทบไม่เจอกัน แม้แต่เวลาทานข้าวกับเธอยังไม่มี
“เหอะ…ฝีปากไม่เบานะ ตอนฉันยังอยู่ในวงการเธอยังดื่มนมอยู่เลย กลับกล้ามาสั่งสอนฉันแล้วเหรอ?” ลุงหมิงโกรธจนจุกอก ยายหนูปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกล้าที่จะไม่เห็นเขาในสายตา
“คนรุ่นใหม่มาแทนที่คนรุ่นเก่า ลูกผู้ชายไม่พูดถึงวีรบุรุษผู้กล้าในอดีต ตอนนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ลุงหมิงต้องไปเรียนรู้จากลุงเฉินมากกว่านี้นะ คุณดูสิว่าลุงเฉินเงินเยอะกว่าคุณ ตำแหน่งสูงกว่าคุณ เขาได้ก่อปัญหาเหมือนคุณหรือเปล่า?”
เหมยเหมยแอบพูดยุยงปลุกปั่นไปหน่อยและตามคาดลุงหมิงมีสีหน้าเปลี่ยนไป แม้จะกลับมาเหมือนเดิมในเวลาอันรวดเร็วแต่บ่งบอกว่าหนามเส้นนี้ถูกฝังเข้าไปสำเร็จแล้ว!
ถ้าแตกคอกันเองสิจะดีที่สุด!
ตอนที่ 1616 ผลลัพธ์ของการที่ไม่เจียมตัว
พอเดินออกจากบ้านมาเหมยเหมยก็ถอนหายใจยาว รู้สึกเย็นตรงแผ่นหลังเล็กน้อยเมื่อลมหนาวปะทะเข้ามาทำให้ตัวสะท้านไปหลายที
อย่าเห็นแค่ว่าเมื่อกี้เธอดูใจเย็นขนาดนั้นแต่ความจริงภายในใจกลับประหม่าถึงขีดสุดจนเหงื่อตกไม่หยุด กลัวว่าลุงหมิงจะเป็นหมาจนตรอกทำอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น แต่ตอนนี้ดูท่าทางจะราบรื่นดีเพียงแต่ถือว่าได้ล่วงเกินลุงหมิงเข้าเต็มเปาแล้ว
ไม่รู้ว่าจะเป็นปัญหาให้เหยียนหมิงซุ่นหรือเปล่า?
เหมยเหมยอารมณ์เสียมากกว่าเดิมและยิ่งเบื่อหน่ายหงุดหงิดกับสวีจื่อเซวียนที่ไม่รู้จักระวังตัว ทำร้ายตัวเองไม่พอยังเดือดร้อนมาถึงคนอื่นด้วย!
“สวีจื่อเซวียนเป็น…”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเห็นสวีจื่อเซวียนในอ้อมแขนของเสี่ยวอวิ๋นก็นึกดีใจเป็นอันดับแรกก่อนจะชะงักไป ทำหน้าตกใจกับสภาพโทรมที่เห็น แม้แต่คนโง่ยังดูออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับสวีจื่อเซวียน
ถังม่านลี่เองก็ตกตะลึงพลางมองสวีจื่อเซวียนที่เป็นลมหมดสติไปอย่างนึกเห็นใจ
ห้ามเธอไม่ให้ไปตั้งแต่แรกแล้วดันไม่ฟัง ตอนนี้เกิดเรื่องแล้วสินะ!
“มหาลัยน่าจะปิดประตูไปแล้ว พวกเธอไปค้างบ้านฉันก่อนแล้วกัน อาจารย์เจียงล่ะ?” เหมยเหมยถาม
“…ฉัน…ฉันก็ขอรบกวนด้วยแล้วกัน”
เจียงจื้อหรู่พูดเสียงติด ๆขัด ๆ เขายังไม่วางใจสวีจื่อเซวียน คิดว่ารอเธอฟื้นขึ้นมาแล้วจะช่วยแนะแนวความคิดให้เธอ ผู้หญิงที่หยิ่งในศักดิ์ศรีมากขนาดนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกลัวว่าเธอจะคิดสั้นเอาได้
เหมยเหมยไม่ปฏิเสธ หากเธอรู้ความคิดของเจียงจื้อหรู่จะต้องด่าว่าโง่แน่ ๆ
คนที่รักศักดิ์ศรีอย่างแท้จริงจะไปทำงานในสถานที่อย่างสโมสรเศรษฐีได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้นสวีจื่อเซวียนไม่ได้ยากจนถึงขั้นไม่มีเงินกินข้าวสักหน่อย ฐานะทางบ้านที่ไม่ถือว่าดีมากแต่ก็ไม่ได้แย่มาก สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่เพราะกิเลสความฟุ้งเฟ้อเหรอ!
พอถึงบ้านก็เป็นเวลาตีสองของอีกวัน สวีจื่อเซวียนรู้สึกตัวแล้ว เหมยเหมยให้เธอไปล้างตัวที่ห้องน้ำก่อนจะเอาเสื้อผ้าสะอาด ๆหนึ่งชุดมาให้เธอเปลี่ยน
“หรือว่ายังไม่ต้องอาบดี? ในเมื่อเป็นหลักฐานการก่อเหตุ เราฟ้องว่าผู้ชายคนนั้นข่มขืนได้!” ถังม่านลี่พูดเสียงเบา เธอยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะให้ตำรวจจับตัวคนร้ายสักที
ตอนนี้เป็นสังคมภายใต้กรอบกฎหมาย ลุงอ้วนคนนั้นจับตัวผู้หญิงไปอย่างโจ่งแจ้งแล้วยังข่ม…ข่มขืนอีก อย่างน้อยก็ต้องโดนตัดสินโทษแปดปีถึงสิบปีสินะ?
สวีจื่อเซวียนตาเป็นประกายวับขึ้นมาแต่ไม่นานก็หมองลงไป
เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว เธอยังต้องใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอีกตั้งสามปีแหนะ!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นหัวเราะแล้วพูดประชด “ข่มขืน? คนหนึ่งก็ลูกค้าคนหนึ่งก็สาวนั่งดริ้ง ใครจะเชื่อเธอว่าข่มขืน?”
“ฉัน…ฉันไม่ใช่สาวนั่งดริ้ง ฉันแค่มาขายซิการ์ ฉันไม่ใช่สาวนั่งดริ้ง!” สวีจื่อเซวียนกระชับผ้าห่มแล้วพูดแย้ง เธอจะเป็นสาวนั่งดริ้งได้อย่างไร?
ก่อนไปที่นั่นเธอก็ได้ข้อมูลมาจากถังม่านลี่แล้วว่าลำพังแค่ขายซิการ์ในสโมสรรายได้ที่ขายได้จะถูกแบ่งจากทางสโมสร เธอใช้แรงในการทำมาหากินเองอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่สาวนั่งดริ้งที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอกเลย!
“ขายซิการ์? ฉันเตือนเธอไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไปอยู่ที่แบบนั้นไม่ว่าเธอจะขายอะไรสุดท้ายก็ต้องขายตัว เธอหลงผิดไปเองแล้วโทษใครได้?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเดือดดาลอย่างมากที่ถูกปฏิเสธความหวังดีไป ตอนนี้ลำบากแล้วใช่ไหมล่ะ?
เห็นสวีจื่อเซวียนร้องไห้น้ำตาอาบแก้มเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ยิ่งหงุดหงิดจึงพูดพลางแสยะยิ้มว่า “ถ้าวันนี้ไม่ใช่จ้าวเหมยไปช่วยเธอ โดนข่มขืนยังถือว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่ปัญหาคือจะมีชีวิตรอดออกมาหรือเปล่า!”
ลุงหมิงนั่นแค่เห็นก็รู้ว่าต้องเป็นพวกมาเฟียที่ฆ่าใครได้อย่างไม่สะทกสะท้าน สวีจื่อเซวียนเองก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรจะต้องทำให้ลุงหมิงโกรธเข้าแน่ หากไม่ระวังตัวอาจมีศพหญิงสาวนิรนามเพิ่มอีกศพตามแถบชานเมืองก็เป็นได้!
สวีจื่อเซวียนตกใจจนตัวสั่นระริกอย่างน่าสงสาร เจียงจื้อหรู่มองเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ พูดจาไม่รู้จักอ้อมค้อมบ้าง จริง ๆเลย!
……………………..
ตอนที่ 1617 ความทะเยอทะยาน
“ขอบคุณนะจ้าวเหมย!”
สวีจื่อเซวียนเอ่ยคำขอบคุณเสียงเบาต่อให้เธอไม่เต็มใจเลยสักนิด ในเมื่อจ้าวเหมยเป็นคู่แข่งในความคิดของเธอ เธอเอาตัวเองเปรียบเทียบกับจ้าวเหมยตลอด ไม่ว่าจะเรื่องพื้นหลังครอบครัว หน้าตา ความสามารถ คะแนน…
ทุกอย่างที่เธอเห็นล้วนอยากเอามาเปรียบเทียบกันหมด
แต่พอเธอยิ่งเอามาเปรียบเทียบก็ยิ่งท้อใจ เธอยอมรับว่าเรื่องการเรียนไม่แพ้จ้าวเหมยรวมถึงหน้าตาก็ด้วย แต่เธอกลับแพ้เรื่องพื้นหลังครอบครัว ฉะนั้นเธอถึงไม่มีเงินมากมายไว้ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ซื้อเครื่องประดับราคาแพงและไม่มีคู่หมั้นเก่งกาจไว้หนุนหลัง
สวีจื่อเซวียนไม่อยากยอมแพ้ อีกทั้งเธอยังมีความทะเยอทะยาน
เธออยากเอาชนะจ้าวเหมย อยากมีชื่อเสียงมากกว่าจ้าวเหมย ฉะนั้นเธอต้องหาเงิน ขอแค่มีเงินก็จะมีโอกาสมากมายตามมา
ไม่มีสถานที่ใดหาเงินเร็วกว่าสโมสรเศรษฐีแล้ว ถังม่านลี่บอกแล้วว่าขายซิการ์ไม่ได้เงินเท่าไรหรอกเพราะทางสโมสรจะต้องเอารายได้ไปกว่าครึ่ง รายได้ส่วนมากเป็นเงินพิเศษจากลูกค้ามากกว่าเพราะเงินพวกนั้นจะไม่โดนแบ่ง ซึ่งมันจะเป็นของเธอทั้งหมด
เธอเพิ่งขายได้ไม่ถึงสัปดาห์ดีก็ได้เงินพิเศษมาสี่พันกว่าหยวน ลูกค้าเหล่านั้นจับจ่ายอย่างใจป้ำโดยให้เงินพิเศษเธอเป็นร้อย ๆ เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าการหาเงินจะง่ายขนาดนี้!
เงินที่เธอหาได้ในหนึ่งสัปดาห์เทียบเท่ากับเงินเดือนครึ่งปีของคุณพ่อเลยนะ!
อีกอย่างบทความที่เธอพยายามเค้นความคิดกว่าจะเขียนออกมาได้สักบทก็ขายได้เงินเพียงหกสิบเจ็ดสิบหยวน หนึ่งเดือนเขียนได้ไม่กี่บทความเอง แต่ซิการ์กลับขายได้ทุกวัน โชคดีหน่อยก็ขายได้หนึ่งพันกว่าภายในคืนเดียว!
สวีจื่อเซวียนพึงพอใจต่องานที่สโมสรเศรษฐีมากเลยตัดสินใจจะทำงานตลอดช่วงปิดเทอมฤดูหนาว เช่นนี้ก็จะซื้อเครื่องประดับให้ตัวเอง แล้วยังซื้อนาฬิกาข้อมือให้คุณพ่อได้อีกด้วย แต่คืนนี้กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ราวกับฝันร้ายที่สวีจื่อเซวียนไม่รู้ว่าควรเผชิญกับพระอาทิตย์ในวันรุ่งขึ้นอย่างไรดี!
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในขุมนรกที่เอาตัวเองออกจากตรงนั้นไม่ได้!
เหมยเหมยมองด้วยสายตาเย็นชา จะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าผู้หญิงคนนี้มีความจริงใจมากเท่าไรเลยขมวดคิ้วน้อย ๆ ก่อนเอ่ย “เธอจะขอบคุณก็ขอบคุณอาจารย์เจียง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาขอร้องฉัน ฉันไม่มีทางเสี่ยงไปช่วยเธอทั้งที่รู้ว่าต้องล่วงเกินลุงหมิงแน่ ๆ!”
สวีจื่อเซวียนมองไปทางเจียงจื้อหรู่อย่างนึกขอบคุณแวบหนึ่ง เธอรู้อยู่แล้วเชียวว่าจ้าวเหมยต้องไม่ใจดีขนาดนี้
เจียงจื้อหรู่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาฟังความหมายที่เหมยเหมยไม่ได้สื่อออกมาตรง ๆออกพลันอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ เกรงว่าหลังจากนี้หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจ้าวเหมยคงไม่ยอมช่วยอีกแล้ว!
สวีจื่อเซวียนไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำแล้วแต่คนในห้องนั่งเล่นกลับไม่รู้สึกง่วงสักนิด เหมยเหมยปวดศีรษะเหลือเกินเลยนวดคลึงที่ขมับ แล้วถามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน “ทำไมเธอถึงอยู่ด้วย?”
หากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปะทะกับลุงหมิงกันซึ่ง ๆหน้า เธอคงต้องคอยปกป้องยายคนนี้ด้วย กลัวก็แต่ลุงหมิงจะใช้วิธีสกปรก
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ไม่พอใจกับท่าทีของสวีจื่อเซวียนมากเหมือนใครติดหนี้เธออย่างนั้นแหละ ให้ตายสิ ไม่ใช่เธอกับจ้าวเหมยที่บีบบังคับให้เธอไปขายที่สโมสรเศรษฐีสักหน่อย!
“เพื่อนคนหนึ่งของฉันจัดงานวันเกิดเลยเชิญพวกเราไปเที่ยวที่สโมสรเศรษฐี แล้วก็เจอกันโดยบังเอิญ ฉันเป็นคนให้ถังม่านลี่โทรเรียกอาจารย์เจียงมาเอง” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังคร่าว ๆ
“เธอไม่ได้ปะทะกับลุงหมิงซึ่ง ๆหน้าใช่ไหม?” เหมยเหมยถามอีก
“ไม่หรอก ฉันจะกล้าได้ไง!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน เธอไม่ได้รีบตายนะ
หากไม่ได้เจอกันโดยบังเอิญ เธอก็ไม่อยากสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ด้วยซ้ำ!
ตอนนี้รู้สึกเสียใจทีหลังแทบแย่อยู่แล้ว!
เหมยเหมยค่อยเบาใจขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่ลืมพูดเตือน “ช่วงนี้เธอก็อย่าออกไปไหนในเวลากลางคืนเลย รอเรื่องนี้ซาลงก่อนค่อยว่าอีกที”
ลุงหมิงเป็นคนใจแคบแล้วยังแค้นฝังใจ วันนี้โดนเธอหักหน้าย่อมนึกแค้นในใจอยู่แล้ว ไม่แน่อาจไปลงกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ได้ ระวังตัวไว้ก่อนดีกว่า
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหน้าซีดตัวสั่นไม่หยุดพลางถามเสียงสั่นเครือ “หรือว่าฉันจ้างบอดี้การ์ดมาสักคนดี?”
อำนาจการเงินที่บ้านในเวลานี้อยู่ในกำมือแม่ของเธอทั้งหมด จะจ้างบอดี้การ์ดสิบคนก็ไม่ใช่ปัญหา
ตอนที่ 1618 ไม่รู้กาลเทศะ
“แค่ให้เธอระวังตัวหน่อยเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องทำให้มันใหญ่โตขนาดนั้น อย่ากลัวไปเลย”
เหมยเหมยตบหลังเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทีหนึ่ง แม้ยามเจอหญิงสาวคนนี้ครั้งแรกจะไม่ใช่เรื่องที่น่าประทับใจสักเท่าไรแต่พอใช้เวลาร่วมกันนานขึ้นก็จะรู้ว่าความจริงเธอเป็นหญิงสาวที่มีความกระตือรือร้น ข้อเสียอย่างเดียวก็คือปากนั่นเอง
คำที่พูดออกมาไม่มีคำดี ๆสักคำถึงได้สร้างปัญหาแก่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่น้อย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าอย่างตระหนกน้อย ๆ นานทีจะเผยมุมที่อ่อนแอออกมาให้เห็น เหมยเหมยได้แต่รินแชมเปญให้เธอหนึ่งแก้ว เพื่อให้เธอดื่มปัดเป่าความกลัว
“ไม่ได้ เธอต้องเทเอ้อร์กัวโถว[1]ให้ฉันแล้วล่ะ แชมเปญนี่รสชาติอย่างกับน้ำอัดลม ดื่มไปไม่รู้สึกอะไร”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระดกแชมเปญไปครึ่งขวดแล้วเลียปาก รสชาติไม่แย่แต่ไม่ช่วยอะไรเลย!
ตอนนี้เธอยังขาอ่อนอยู่เลย!
เหมยเหมยร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออกเลยชี้ไปที่ตู้เก็บเหล้าว่า “เธอไปหาเอาเอง อยากดื่มอะไรก็รินเอง”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปหาเองจริง ๆ ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้เอ้อร์กัวโถวที่มีดาวสีแดงเป็นตราประทับมาหนึ่งขวด เสี่ยวอวิ๋นยังเตรียมตุ๋นตีนเป็ดให้เธออีกหนึ่งจานอย่างใส่ใจ นั่นจึงทำเอาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตาวาวทันที
อย่างเดียวที่จะช่วยปัดเป่าความกลัวไปได้มีเพียงของกินเท่านั้น!
เธอกัดตีนเป็ดตุ๋นไปหนึ่งคำแล้วกระดกเอ้อร์กัวโถวไปหนึ่งอึก ไม่นานก็หน้าแดงก่ำก่อนจะกระดกเอ้อร์กัวโถวไปครึ่งขวดโดยไม่รู้ตัว ตีนเป็ดก็เกือบจะถูกเธอแทะจนหมดจานแล้ว
“อร่อย ตีนเป็ดอันนี้รสชาติดี จ้าวเหมยจัดให้ฉันอีกจานหนึ่งสิ”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเลียนิ้วมือด้วยความรู้สึกอยากกินต่อ สองตาพร่ามัวพวงแก้มแดงก่ำ เริ่มรู้สึกเมาบ้างแล้วจากท่าทางที่ดูไม่ได้สตินั่น
เจียงจื้อหรู่ยกแขนดูนาฬิกาข้อมือเป็นพัก ๆ แล้วมองไปทางห้องอาบน้ำเป็นระยะ ๆ กระทั่งทนไม่ได้ในที่สุด “ทำไมสวีจื่อเซวียนยังไม่ออกมา? นี่ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว”
อาบน้ำคงไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นหรอกหรือเปล่า
เหมยเหมยย่นคิ้วเข้าหากันน้อย ๆ เสี่ยวอวิ๋นก้าวขายาวไปทางห้องอาบน้ำที่ไม่นานก็กลับมาแล้วพูดเสียงเรียบว่า “เธอยังอยู่ในสภาวะจิตใจไม่ปกติ หยิบแปรงมาขัดตัวจนเลือดออกแล้ว”
เสี่ยวอวิ๋นนึกดูถูกสวีจื่อเซวียนอย่างถึงที่สุด ดึงตัวเองให้ลงตกต่ำไม่พอยังเป็นพวกเนรคุณที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณคนอีก ใครจะอยากสนว่าเธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรกันล่ะ!
เจียงจื้อหรู่ลุกพรวดคิดจะเดินไปห้องอาบน้ำอย่างอัตโนมัติ แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกว่าไม่สะดวกเลยยิ้มเก้อ จะยืนก็ไม่ใช่จะนั่งก็ไม่เชิง
“งั้นก็ให้เธอค่อย ๆอาบไปแล้วกัน ฉันจะไปนอนแล้ว พวกเธอก็รีบนอนล่ะ”
เหมยเหมยนวดคลึงขมับไปมา ตอนนี้มันตีสามแล้วยังไม่เคยนอนดึกขนาดนี้มาก่อนเลย เกรงว่าพรุ่งนี้ต้องนอนทั้งวันถึงจะทดแทนส่วนนี้ได้
เสี่ยวอวิ๋นต้มนมวัวให้เธอหนึ่งแก้ว หลังจากเหมยเหมยดื่มมันไปแล้วก็พอจะรู้สึกสบายตัวขึ้นหน่อยถึงได้เดินกลับเข้าห้องนอนไปเพียงลำพัง
เธอได้ตอบแทนบุญคุณของเจียงจื้อหรู่ไปแล้ว สวีจื่อเซวียนจะเป็นอย่างไรไม่เกี่ยวกับเธอ ขอแค่อย่ามาตายอยู่ในบ้านเธอก็พอ
มันไม่เป็นสิริมงคล!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนล้มตัวนอนบนโซฟาอย่างเมามายแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น เสี่ยวอวิ๋นยกแขนแบกเธอไปที่ห้องรับรองแขกแล้ววางลงบนเตียง จากนั้นถึงดึงผ้าห่มมาคลุมตัวให้ก่อนจะเดินออกมาไม่สนใจเธออีก
สวีจื่อเซวียนยังไม่ยอมออกจากห้องอาบน้ำสักที ในที่สุดเจียงจื้อหรู่ก็ทนไม่ไหวเลยไปยืนเกลี้ยกล่อมอยู่หน้าประตูห้องอาบน้ำอย่างไม่ลดละ ถังม่านลี่ดวงตาเป็นประกาย ตอนนี้เธอไม่ใช่สาวบ้านนอกที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนแรก ๆอีกต่อไปเลยดูออกถึงความพิเศษที่เจียงจื้อหรู่มีต่อสวีจื่อเซวียนนานแล้ว
เธอเบะปากก่อนหมุนตัวไปพักผ่อนที่ห้องนอนสำหรับแขก
คนประเภทสวีจื่อเซวียนเธอก็ไม่อยากสนใจหรอก ในเมื่อไปที่แบบนั้นแล้วยังวางท่าถือตัวอะไรอีก?
หากไม่ใช่เพราะสวีจื่อเซวียนพูดจาไม่ดีใส่ลุงหมิง ลุงหมิงคงไม่ต้องจับตัวไปหรอก ในเมื่อเจ้าของสโมสรเศรษฐีก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป!
แต่มาดูตอนนี้สิ เสียความบริสุทธิ์ไปไม่พอยังไม่ได้เงินอีก
หากรู้ว่าผลจะเป็นแบบนี้แต่แรกสู้เธอช่วยเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ยังดีกว่า เจ้าของธุรกิจที่มาเที่ยวสโมสรอยากซื้อความบริสุทธิ์ของสวีจื่อเซวียนมีถมเถไป หนึ่งคืนก็ได้เงินอย่างน้อยหลักหมื่นแล้ว
ตอนนี้ล่ะขาดทุนยับเลย!
………………………..
ตอนที่ 1619 ปลุกปั่นอีกครั้ง
เหมยเหมยปวดศีรษะแทบตายหลังตื่นมาในเช้าอีกวัน รู้สึกหนักหัวไม่สดชื่นเพราะเธอเป็นคนที่นอนดึกไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอยังมีเรื่องต้องจัดการเลยจำใจลุกจากที่นอน
เหมยเหมยเรียงประโยคในหัวก่อนจะโทรหาพี่เฉิน ต้องเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้พี่เฉินฟังก่อน
“ลุงเฉินทานข้าวเช้าหรือยังคะ? ฉันจ้าวเหมยเองนะคะ” เหมยเหมยยิ้มดูดีและไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกรีบเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปทั้งหมด
“ลุงหมิงรังแกเพื่อนร่วมชั้นของหนู ถึงเพื่อนหนูจะทำงานที่สโมสรเศรษฐีก็จริงแต่เธอแค่ขายซิการ์ อีกอย่างก็ไม่ได้เอาเงินของลุงหมิงไปด้วยแต่ลุงหมิงก็ยังจับตัวเธอไป แม้แต่ผู้จัดการสโมสรออกหน้าก็เปล่าประโยชน์ ตอนนี้ถือว่าได้ล่วงเกินคุณชายถานเข้าแล้วล่ะ”
คุณชายถานคือเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังสโมสรเศรษฐีนั่นเองและเป็นครอบครัวที่มีอิทธิพลไม่น้อย ลุงหมิงกล้าจับตัวคนในถิ่นของเขาไป คุณชายถานไม่ถือสาสิแปลก!
พี่เฉินแสดงสีหน้าถมึงทึงแล้วมองไปทางลุงหมิงที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างเย็นชา ทำอะไรยิ่งไม่รู้จักขอบเขตของตนเอง!
ถึงตอนนั้นไม่ต้องรอให้เหยียนหมิงซุ่นจัดการเจ้าตัวคงทรมานตัวเองตายไปก่อน!
เหมยเหมยบอกพฤติกรรมเหิมเกริมของลุงหมิงไปต่ออีกหน่อย สุดท้ายค่อยพูดว่า “เมื่อคืนฉันร้อนใจจะช่วยเพื่อนฉันเลยพูดจาล่วงเกินลุงหมิงไป ไว้ฉันจะไปขอโทษเขาวันหลัง แต่ลุงเฉินก็ต้องเกลี้ยกล่อมลุงหมิงบ้างว่าอย่าทำแต่เรื่องแย่งผู้หญิง มันดูแย่ไปหน่อย ลุงเฉินว่าถูกไหมคะ?”
“เหมยเหมยพูดถูก เรื่องนี้เฉินหมิงผิด ฉันจะสั่งสอนเขาให้ เหมยเหมยไว้ว่าง ๆไปเลือกเครื่องประดับที่ร้านฉันนะ เด็กผู้หญิงต้องแต่งตัวสวย ๆสิ”
“ขอบคุณค่ะลุงเฉิน!”
เหมยเหมยไม่ปฏิเสธแต่เธอจะมีเวลาว่างอีกทีเมื่อไรก็ไม่รู้แล้วล่ะ ลุงเฉินเองก็แค่พูดเป็นมารยาทเท่านั้น
ฟังจากน้ำเสียงลุงเฉินคาดว่าน่าจะไม่พอใจต่อเฉินหมิงอยู่บ้าง ในเมื่อเฉินหมิงคนนี้อาศัยบารมีของเขาในการทำตัวเหินเกริมโอ้อวดไปวัน ๆ!
ลุงเฉินวางสายไปก็ทำหน้าเรียบนิ่งแต่สายตากลับแฝงไปด้วยความเยือกเย็น
ลุงหมิงกลับนั่งสบายอยู่บนโซฟาอีกทั้งยังพาดขาไว้บนโต๊ะเตี้ย ความอันธพาลที่แผ่ออกมาจากตัวนั้นคิดว่าเป็นนิสัยที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย
“จ้าวเหมยโทรมาสินะ? พี่หกอย่าไปฟังเธอพูดจาเหลวไหล ให้ตาย เมื่อคืนยัยนี่ไม่เห็นฉันในสายตาเลย ฉันทนไม่ได้”
ลุงหมิงสบถด่าคำหยาบทำหน้าบิดเบี้ยวแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น “พี่หก พี่ส่งคนเพิ่มให้ฉันที ฉันจะสั่งสอนนางแพศยานี่ให้ได้ เธอดูถูกฉันก็เท่ากับดูถูกพี่หก เหอะ นางแพศยาเนรคุณ ถ้าไม่ได้พวกเราเธอจะได้ดิบได้ดีแบบนี้เหรอ?”
“แกคิดจะสั่งสอนจ้าวเหมยยังไง?” พี่เฉินถามอย่างใจเย็นแต่หัวคิ้วกระตุกตุบ ๆ
ลุงหมิงยิ้มขึ้นมากะทันหันแล้วเผยแววตาหื่นกระหาย แลบลิ้นเลียริมฝีปากเอ่ย “ฆ่าไปก็เสียดาย เอาจริง ๆนะพี่หกนางแพศนานี่ยิ่งโตยิ่งน่าเย้ายวนใจ ฉันเห็นแล้วยัง…”
“เพี้ยะ”
พี่เฉินตวัดฝ่ามือตบหน้าฉาดใหญ่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง ลุงหมิงที่โดนเขาตบหน้าใส่ก็นิ่งค้างไปพักใหญ่ก่อนจะรู้สึกคุกรุ่นอีกครั้ง
“พี่หกตบฉันทำไม?”
“ถ้าฉันไม่ตบแกให้ได้สติ เกรงว่าหลังจากนี้แกตายแล้วยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แกกล้าคิดหยามจ้าวเหมยเหรอ? ถ้าแกอยากตายก็อย่าเอาฉันไปเกี่ยว!” พี่เฉินโกรธไม่น้อย เมื่อก่อนเจ้าหมอนี่โง่ก็ส่วนโง่แต่ดีที่ยังเชื่อฟังคำสั่ง แต่ตอนนี้แม้แต่ข้อดีเพียงข้อเดียวก็ไม่มีอีกต่อไป
แล้วจะมีพี่น้องแบบนี้ไว้ทำไมกัน?
อิทธิพลของเหยียนหมิงซุ่นในเวลานี้แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่กล้าปะทะกันซึ่ง ๆหน้า เฉินหมิงไปแตะต้องคนสุดรักสุดหวงของเหยียนหมิงซุ่นเข้าก็เท่ากับรนหาที่ตาย!
พี่เฉินจ้องลุงหมิงด้วยสายตาเย็นชาทำเอาลุงหมิงสะดุ้งวาบไปทั้งใจ เขากลัวพี่เฉินมาตั้งแต่เด็กรวมถึงตอนนี้ด้วย แต่เขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดีพาลรู้สึกว่าพี่เฉินขี้ขลาดเกินไป มิน่าจนถึงตอนนี้แล้วยังมีอำนาจแค่ในเมืองหลวง
หากเปลี่ยนเป็นเขาที่มีคนคอยหนุนหลังดี ๆอย่างเหยียนหมิงซุ่นอยู่จะต้องเปิดบ่อนพนันไปถึงมาเก๊าแหง!
เทียบกับการเก็บสะสมเหรียญโบราณแล้วเขาชอบบ่อนพนันสุดเร้าใจกับคลับสโมสรบันเทิงมากกว่า!
………………………
[1] เอ้อร์กัวโถว เป็นเหล้าชนิดหนึ่งของจีนที่มีตราสัญลักษณ์เป็นดาวสีแดง
ตอนที่ 1620 ไปตรวจที่โรงพยาบาล
พวกสวีจื่อเซวียนเองก็ตื่นแล้วกำลังนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ เสี่ยวอวิ๋นไม่ได้มีฝีมือการทำอาหารดีเท่าป้าฟาง ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วอาหารสามมื้อจะมาจากร้านอาหาร อาหารเช้าเองก็เช่นกันเป็นเสี่ยวหลงเปากับน้ำเต้าหู้เค็มจากภัตตาคารเฟิ่งหลาย
ชาวเหนือชอบดื่มน้ำเต้าหู้รสหวานแต่เหมยเหมยกลับชอบน้ำเต้าหู้เค็มที่คิดว่ารสชาติสดใหม่เป็นพิเศษ ทั้งเมืองหลวงก็มีเพียงภัตตาคารเฟิ่งหลายที่ขายน้ำเต้าหู้รสเค็มทั้งยังมีรสชาติอร่อยอีกด้วย เกิดมาคู่กับเสี่ยวหลงเปาโดยเฉพาะเลย
เสี่ยวอวิ๋นซื้อน้ำเต้าหู้เค็มมาหนึ่งหม้อใหญ่บวกกับเสี่ยวหลงเปาสิบกว่าเข่ง เธอกับเสี่ยวหลี่ไม่เลือกกิน ไม่ว่าอะไรก็กินได้ทั้งนั้น ฉะนั้นทุกครั้งที่ซื้ออาหารเลยซื้อตามรสชาติที่ถูกปากของเหมยเหมยแต่พวกถังม่านลี่กลับไม่ชิน
“ฉันลืมซื้อน้ำเต้าหู้แบบหวาน” เสี่ยวอวิ๋นอธิบายเพิ่มประโยคหนึ่งแล้วคีบเสี่ยวหลาเปาลูกหนึ่งใส่ปากก่อนกรอกน้ำเต้าหู้เค็มตามไปอีกหนึ่งคำโตก่อนทานอย่างเอร็ดอร่อย
“พวกเธออาจจะไม่ชินกับรสเค็ม ฉันชงนมผงธัญพืชให้พวกเธอแล้วกันนะ!” เหมยเหมยยิ้มกล่าว
“โอเค…”
ถังม่านลี่เพิ่งอ้าปากพูดก็ถูกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนขัดเสียก่อน “ไม่ต้องหรอก น้ำเต้าหู้เค็มก็อร่อยดี เมื่อก่อนฉันเคยดื่มที่ภัตตาคารเฟิ่งหลาย สดใหม่มาก”
เธอพูดพลางถลึงตาใส่ทำเอาถังม่านลี่รีบปิดปากเงียบไม่กล้าขอนมผงธัญพืชอีก
เธอใช้ชีวิตมายี่สิบปีนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นว่ามีน้ำเต้าหู้รสเค็มด้วย ดูสีกับต้นหอมสิ นี่มันน้ำซุปหรือทำกับข้าวกันแน่ อร่อยสิแปลก!
เหมยเหมยก็คร้านจะชงนมผงธัญพืชแล้ว พอดื่มน้ำเต้าหู้เค็มอุ่นไปครึ่งถ้วยถึงรู้สึกว่าอาการปวดศีรษะทุเลาลงไปบ้าง
สวีจื่อเซวียนหน้าซีดเซียวสายตาว่างเปล่าและไม่ทานอาหารเช้าเลยแม้แต่คำเดียว เจียงจื้อหรู่พูดเกลี้ยกล่อมเธอเสียงเบาจนเสียงแหบแห้งอย่างชัดเจน คิดว่าเมื่อคืนคงพูดไปไม่น้อยไม่รู้ว่าเกลี้ยกล่อมไปนานแค่ไหน
“อาจารย์เจียง…หนูไม่มีหน้าจะกลับมหาลัยแล้ว คนอื่นต้องดูถูกหนูแน่เลย…” สวีจื่อเซวียนเอามือปิดหน้าร้องไห้อย่างฉับพลันก่อนจะร้องไห้เสียงโฮ
แม้เวลาทานข้าวมีคนนั่งร้องไห้อยู่ข้าง ๆจะส่งผลต่อความอยากอาหาร แต่ในเมื่อเด็กผู้หญิงเจอเรื่องแบบนี้กับตัวก็เป็นเรื่องยากที่จะไม่รู้สึกเสียใจ เหมยเหมยห้ามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่คิดจะด่าคนเอาไว้ อย่าซ้ำเติมสวีจื่อเซวียนเลยดีกว่า
เธอเติมเต็มท้องให้อิ่มพลันก็ฉุกคิดเรื่องหนึ่งได้เลยอดเอามือตบศีรษะอย่างหงุดหงิดไม่ได้ เมื่อคืนลืมไปเลย
“ทางที่ดีเธอไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลหน่อย” เหมยเหมยบอกต่อสวีจื่อเซวียน
สวีจื่อเซวียนส่ายศีรษะแรง ๆ “ฉันไม่ไป…ไปโรงพยาบาลคนอื่นก็ต้องรู้ ฉันไม่ไป!”
เหมยเหมยยักไหล่ไม่คิดจะโน้มน้าวอีก อยากไปหรือไม่ไปก็แล้วแต่ ในเมื่อเธอเคยเตือนเอาไว้แล้ว
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแม้ปากจะด่าเจ็บที่สุดแต่ความจริงเป็นคนขี้เป็นห่วงที่สุด เธอนึกถึงโฮ่วเซิ่งหนานในทันทีเลยเปลี่ยนสีหน้าพลางตวาดด่า “เธอไม่ไปตรวจแล้วจะสบายใจเหรอ? เจ้าอ้วนนั่นเป็นลูกค้าประจำของสโมสร ใครจะไปรู้ว่าเขามีโรคหรือเปล่า อีกอย่างถ้าเธอเกิดท้องขึ้นมาล่ะ หรือว่าเธอจะปล่อยให้ลูกเกิดมางั้นสิ?”
“ไม่เอา!”
สวีจื่อเซวียนกรีดร้องเสียงสูงด้วยความตกใจ หน้าเธอขาวซีดราวกับหิมะและสายตาที่ฉายแววหวาดผวา
ไม่ว่าจะโรคร้ายหรือตั้งครรภ์ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการจะพบเจอ!
สุดท้ายก็ได้เจียงจื้อหรู่เกลี้ยกล่อมเธอพาเธอไปโรงพยาบาล เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังคิดจะตามไปดูแต่เหมยเหมยแอบกระชากเธอไว้ทีหนึ่งพร้อมส่ายศีรษะ
ถังม่านลี่ก็ไม่ได้ตามไปเพราะเธอก็ไม่ได้มีสีหน้าที่ดูดีเท่าไร เมื่อครู่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดถึงโรคร้ายชนิดนั้นเธอก็หวนนึกถึงตัวเองเลยรู้สึกแย่ลงในพริบตา
เสียตัวให้พอลไปหนึ่งคืนฟรี ๆเพื่อให้ได้นาฬิกาข้อมือของปลอมมา!
เธอขาดทุนแทบแย่คอยสาปแช่งให้เจ้าฝรั่งขี้นกนั่นรีบไปตายเสียตั้งแต่พรุ่งนี้!
เหมยเหมยให้เสี่ยวหลี่ส่งเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลับบ้าน พร้อมย้ำเตือนอีกครั้งถึงกลับไปนอนเก็บแรง
ส่วนสวีจื่อเซวียนคิดว่ามีความห่วงใยของเจียงจื้อหรู่ก็คงจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อยู่หรอกมั้ง!
……………………
ตอนที่ 1621 ปกปิดความจริง
เหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่เมืองหลวงแต่ไม่ส่งผลต่อการถามไถ่ถึงเรื่องของเหมยเหมย เสี่ยวอวิ๋นจะคอยรายงานเขาทุกวันว่าเหมยเหมยทำอะไรบ้าง แน่นอนว่าเรื่องของสวีจื่อเซวียนก็ต้องรายงานด้วยเช่นกัน
“เหมยเหมยไม่เป็นไรใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นใบหน้าเย็นชาขึ้นมา เฉินหมิงยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหิมเกริมขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ผู้หญิงของเขายังไม่เห็นในสายตา
“ไม่เป็นไรเลย แค่นอนไม่พอเลยปวดหัวนิดหน่อย ทานข้าวเสร็จก็ไปนอนพักแล้ว” เสี่ยวอวิ๋นพูดเสียงนอบน้อม
เหยียนหมิงซุ่นค่อยสบายใจหน่อยเลยถามเรื่องอื่นไปอีกเล็กน้อยก่อนวางสายไป
เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนโทรสายตรงถึงพี่เฉิน เห็นทีมีความจำเป็นต้องเตือนสักหน่อยแล้ว
พี่เฉินรอมาตั้งแต่เช้า โทรศัพท์เพิ่งแผดเสียงดังเขาก็รีบกดรับสาย เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่อ้อมค้อมพูดเข้าประเด็นทันที “ช่วงนี้ลุงหมิงเจ้าอารมณ์ขึ้นนะ แม้แต่เหมยเหมยยังไม่อยู่ในสายตาเลย นี่เขาคิดจะแยกตัวออกไปเป็นใหญ่คนเดียวเหรอ?”
“จะเป็นไปได้ไง เขาไม่มีความสามารถนี้หรอกแค่ดื่มมากไปไม่ได้สติ ฉันสั่งสอนมันไปแล้ว” พี่เฉินยิ้มกล่าวและยกระดับความสำคัญของเหมยเหมยขึ้นอีกเท่าตัว
เพิ่งเกิดเรื่องเมื่อคืนก็โทรมาแต่เช้าแบบนี้บ่งบอกว่าเหยียนหมิงซุ่นใส่ใจจ้าวเหมยขนาดไหน!
พี่เฉินค่อนข้างพึงพอใจ กลัวว่าเหยียนหมิงซุ่นจะเป็นคนที่ไม่มีอะไรมีผลต่อจิตใจเขาได้ หากมีคนที่ใส่ใจก็ดีสิ!
เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นชา “ฉันเพิ่งตามล้างตามเช็ดปัญหาที่ลุงหมิงก่อไว้ที่ฮ่องกงมาหยก ๆก็มาเกิดเรื่องจับตัวผู้หญิงไปขืนใจอีก ลำพังเรื่องเงินทองอำนาจที่ลุงเฉินมีอยู่ในตอนนี้ลุงหมิงขาดแคลนผู้หญิงประเภทไหนบ้างล่ะ? แล้วทำไมถึงต้องลดตัวไปทำสิ่งที่ต่ำช้าอย่างขืนใจผู้หญิงอย่างนั้น? นี่เขาจงใจแข็งข้อกับผมใช่ไหม?”
ลุงเฉินรู้สึกไม่สบายใจหน่อย ๆ ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นปีกกล้าขาแข็งเลยไม่เคารพเขาอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว!
เกรงว่าผ่านไปอีกไม่กี่ปีเหยียนหมิงซุ่นก็จะยิ่งไม่เชื่อฟังขึ้นเรื่อย ๆน่ะสิ?
โชคดีที่เขาปูทางเผื่อไว้แล้ว ไม่กลัวว่าหมอนี่จะไม่เชื่อฟังคำสั่งอีก!
“ฉันจะสั่งให้คนจับตาดูเฉินหมิงเอาไว้” พี่เฉินยังไม่อยากใช้วิธีที่เขาคิดเผื่อไว้ เพราะหากใช้เมื่อไรถือว่าเขากับเหยียนหมิงซุ่นแตกหักกันอย่างแท้จริง
“หวังว่าลุงเฉินจะคุมอยู่นะครับ” เหยียนหมิงซุ่นพูดแฝงความนัย
พี่เฉินหัวเราะที “ช่วงนี้เฉินหมิงหงุดหงิดไปบ้างก็มีเหตุผลอยู่ เห็นว่าใกล้ถึงวันครบรอบวันตายของภรรยากับลูกชายเขา เฉินหมิงแค่คิดว่าสิบกว่าปีผ่านไปแล้วแต่ยังแก้แค้นไม่ได้เลยอารมณ์เสียไปหน่อย”
เขาพูดเตือนเหยียนหมิงซุ่นทางอ้อมว่าอย่าลืมเรื่องที่เคยรับปากเขาไว้ตั้งแต่แรก
เหยียนหมิงซุ่นพูดประชด “สองปีนี้ลุงหมิงนอนกับผู้หญิงมานับไม่ถ้วน นี่คือการกระทำที่สื่อว่าเขาคิดถึงภรรยากับลูกชายเหรอครับ?”
ตอนนี้เขาสงสัยอย่างหนักว่าเฉินหมิงมีความรักต่อภรรยากับลูกชายที่ตายไปของเขามากแค่ไหน?
เป็นไปได้ว่าเป็นเพียงข้ออ้างที่พี่เฉินไว้กลบเกลื่อนส่วนจุดประสงค์ที่แท้จริง เกรงว่าจะไว้เติมเต็มความต้องการของพวกเขาเองสินะ?
แต่เสียดายเขาไม่ใช่ท่อนไม้ที่จะทำตามคำสั่งอย่างเดียว!
พี่เฉินสะอึกไปทีเพราะตัวเองก็รู้สึกว่าเหตุผลนี้ฟังดูฝืด ๆไปหน่อย
เหยียนหมิงซุ่นพูดต่อ “สัญญาที่เคยให้ไว้กับพวกลุงผมไม่มีวันลืมอยู่แล้ว ผมกำลังหาทางจัดการโอหยางปินอยู่ ผมจะทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ แต่ก็หวังว่าพวกคุณลุงจะไม่สร้างปัญหาให้ผม!”
“หมิงซุ่นสบายใจได้ ขอแค่โอหยางปินตายเฉินหมิงจะต้องสงบเสงี่ยมลงแน่” พี่เฉินพูดรับปาก
“ทางที่ดีขอให้เป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้ผมสงสัยอยู่หน่อยว่าความแค้นระหว่างลุงหมิงกับโอหยางปินไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งไปกว่านี้ใช่ไหมครับ?” เหยียนหมิงซุ่นพูดกลั้วหัวเราะทำเอาพี่เฉินใจกระตุกและสีหน้าเปลี่ยนไป
“ไม่มีทางอยู่แล้ว พี่หมิงซุ่นคิดมากไปแล้วล่ะ”
พี่เฉินพูดเสียงแน่วแน่ว่าพวกเขากับโอหยางปินมีความแค้นที่ต้องเอาให้ถึงตายกันไปข้าง จากนั้นพูดต่อไปอีกพักหนึ่งพี่เฉินถึงวางสายไป ถอนหายใจยาวลอบดีใจที่เป็นการคุยทางโทรศัพท์ เหยียนหมิงซุ่นเลยไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขาในเวลานี้
เขาหันไปมองเฉินหมิงที่ทำหน้าผวาอยู่ตรงโซฟาก็พูดเสียงเย็นชา “แกได้ยินหมดแล้วสินะ? เหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คนนิสัยอ่อนแอ ถ้าแกไปทำเขาโกรธเข้าจริง ๆ ฉันก็ช่วยชีวิตแกไม่ได้หรอกนะ!”
“เจ้าหมอนี่ไร้หัวใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเขามันจะมีวันนี้เหรอ?” ลุงหมิงพูดเสียงขุ่นเคือง
“โลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจทีหลัง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแกสงบเสงี่ยมหน่อย ถ้าไปก่อเรื่องอีกฉันจะจัดการแกเป็นคนแรก!”
สายตาของพี่เฉินฉายแววอาฆาตที่ลุงหมิงเห็นแล้วตัวสะท้านเฮือก ได้แต่ยอมรับปาก
ตอนที่ 1622 เธอคือตัวนำโชคของฉัน
ตกบ่ายเหยียนหมิงซุ่นโทรหาเหมยเหมย พอเห็นเธออยู่ในสภาพที่ไม่แย่ก็เบาใจลงหน่อย
“พี่ ฉันสร้างปัญหาให้พี่หรือเปล่า?” เหมยเหมยถาม
“ไม่หรอก กลับช่วยฉันเสียอีก เหมยเหมยเธอเป็นตัวนำโชคให้พี่เสมอเลย” เหยียนหมิงซุ่นพูดชื่นชม ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้พูดโกหกเพราะครั้งนี้เหมยเหมยทำให้เขารู้ธาตุแท้ของลุงหมิงอย่างจัง
ในเมื่อเฉินหมิงไม่ยอมไว้หน้าเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต!
อนาคตเขาไม่มีวันใจอ่อนกับเฉินหมิงอีกแน่นอน!
แน่นอนว่าขอเพียงเขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยม การจะเป็นเศรษฐีมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตย่อมไม่มีปัญหา!
เหมยเหมยได้ยินว่าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แถมกลับยังช่วยอีกก็ดีใจขึ้นมาทันตา ถามเหยียนหมิงซุ่นอีกว่าจะกลับมาเมื่อไรเพราะเห็นว่าอีกสองวันข้างหน้าก็คือวันสิ้นปีแล้ว
“มะรืนก็กลับแล้ว ทางนี้ยังต้องเก็บตกอีกหน่อย”
คุยเรื่องสำคัญเสร็จก็เป็นเวลาคุยเรื่องส่วนตัวแล้ว ทั้งคู่คุยสัพเพเหระอย่างหวานชื่นไปพักใหญ่ไล่ตั้งแต่อาหารเช้ายันมื้อดึก แม้แต่เรื่องเล็ก ๆที่ใส่ต้นหอมในน้ำเต้าหู้มากไปเหมยเหมยก็บ่นไปสิบกว่านาที พอคุยเรื่องอื่นอีกไม่นานเวลาหนึ่งชั่วโมงก็หมดไปอย่างรวดเร็วจนหูโทรศัพท์ร้อนฉ่า
“รีบเข้านอนเถอะ อย่าทำงานจนนอนดึกนะ ถ้าพี่รู้ว่าเธอนอนดึกอีก รอพี่กลับไปจะ…”
ประโยคหลังเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดออกมาแต่เหมยเหมยเข้าใจความหมายของเขาเลยตัวสั่นทีอย่างอดไม่ได้ ก่อนรีบรับปาก “ฉันจะไปนอนเดี๋ยวนี้เลย ถ้าไม่เชื่อก็ให้เสี่ยวอวิ๋นจับตาดูแล้วกัน!”
เธอไม่มีทางให้เหยียนหมิงซุ่นได้ข้ออ้างเสนอบทลงโทษอีกเด็ดขาดเพราะบทลงโทษของเขาต้องทำบนเตียงเสมอ หาทางทรมานเธอไม่หยุดหย่อน เธอยอมโดนบรรณาธิการเร่งต้นฉบับดีกว่าโดนเหยียนหมิงซุ่นลงโทษด้วยความรัก
เหมยเหมยระอาเหลือเกิน ได้สามีแรงเยอะเกินไปช่างเป็นงานที่เสียแรงทว่าหวานจับใจเสียจริง!
เหยียนหมิงซุ่นย้ำเรื่องที่คอยให้ระวังตัวเป็นปกติอีกครั้งถึงวางสายไปพร้อมรอยยิ้มตรงมุมปาก
ยัยปีศาจน้อยคิดว่าไม่ทำผิดก็จะรอดพ้นจากบทลงโทษแล้วหรือ?
ขอแค่เขาต้องการ เรื่องเหตุผลก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเขากุมันขึ้นมาได้หลายร้อยเหตุผลอย่างง่ายดาย
พอหันไปเผชิญหน้ากับลูกน้อง เหยียนหมิงซุ่นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชาอย่างรวดเร็ว ความอ่อนโยนของเขามีไว้สำหรับคน ๆเดียวเท่านั้น
“ยกเลิกการควบคุมโอหยางปิน!” ออกคำสั่งเสียงเรียบ
ลูกน้องตกใจอย่างมาก เมื่อสองวันก่อนเพิ่งบอกว่าจะให้โอหยางปินกลับมาพลิกชีวิตอีกไม่ได้ แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะ?
แต่พวกเขาไม่ได้ถามไปมากกว่านี้ พวกเขาแค่คอยทำตามคำสั่ง คุณชายหมิงให้ทำอะไรก็ทำอันนั้นถึงจะเป็นลูกน้องที่ผ่านเกณฑ์
เหยียนหมิงซุ่นพึงพอใจต่อลูกน้องที่รู้ความอย่างมาก เดิมทีเขาคิดจะแก้แค้นแทนเฉินหมิงทั้งรวบรวมหลักฐานการทำผิดกฎหมายของโอหยางปินมาทั้งหมดแล้ว หากส่งมอบให้ทางเบื้องบนไปต้องถูกตัดสินโทษตายอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว
เมื่อไรที่สองคนนั้นสงบเสงี่ยมลงเขาค่อยลงมือก็ยังทัน!
โอหยางปินที่หวาดระแวงอยู่ตลอดเวลานั้นรู้สึกได้ว่าคนที่คอยสะกดรอยตามตัวเองอยู่หายไปแล้ว อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่เคยมาหาเขาอีกพาลนึกถึงข้อมูลพวกนั้นที่บุคคลนิรนามส่งมาให้เมื่อหลายวันก่อน โอหยางปินก็เหงื่อตกอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
หากข้อมูลพวกนั้นถูกส่งต่อไปยังเบื้องบน ต่อให้เขามีเก้าชีวิตก็ไม่พอ!
ต่อให้เป็นเฮ่อเหลียนเช่อก็ช่วยเขาไม่ได้!
ฉะนั้นโอหยางปินจึงลอบหนีไปทางชายแดนทิ้งภรรยากับลูกชายเอาไว้ เขาคิดจะลักลอบหาทางหนีไปสหรัฐอเมริกา ตอนนี้คนที่คอยจับตาดูเขาต่างแยกย้ายกันกลับไปแล้ว อีกทั้งเบื้องบนก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ โอหยางปินเลยแอบโล่งใจ
บางทีคนคนนั้นก็มีข้อมูลไม่ครบเหมือนกันสินะ?
หรือบางทีแค่อยากให้เขาขวัญเสีย?
โอหยางปินครุ่นคิดมาทั้งคืนสุดท้ายก็ตัดสินใจกลับเมืองหลวง หากลักลอบไปทางชายแดนนอกจากความเสี่ยงสูงแล้วถึงจะผ่านเข้าไปอย่างปลอดภัยแต่ไม่มีหนังสือเดินทางก็ใช้ชีวิตยากลำบากอยู่ดี นี่จึงเป็นแผนสำรองสุดท้ายหากไม่ถึงจำเป็นจริง ๆคงไม่ใช้วิธีนี้
เหยียนหมิงซุ่นได้ข่าวว่าโอหยางปินกลับเมืองหลวงเลยกระตุกยิ้มมุมปาก โทรหาลูกน้องที่อยู่เมืองหลวงก่อนสั่งให้พวกเขาบอกเฉินหมิงว่าโอหยางปินกลับมาอีกครั้งแล้ว
……………………….
ตอนที่ 1623 วันส่งท้ายปีเก่ามาถึงแล้ว
ยิ่งใกล้ถึงวันปีใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ จ้าวอิงหัวกลับจากฮ่องกงหนึ่งวันก่อนคืนส่งท้ายปีเก่าพร้อมติดขนมจากที่นั่นกลับมาด้วยไม่น้อย ซึ่งในนั้นมีขนมเปี๊ยะเหล่าโผของโปรดของสองแม่ลูกเหยียนซินหย่ากับเหมยเหมย ทุกครั้งที่จ้าวอิงหัวไปสัมมนางานที่นั่นก็จะซื้อกลับมาเยอะเลย
เหยียนหมิงซุ่นเองก็เช่นกัน อีกทั้งปกติแล้วเขาจะขับเครื่องบินส่วนตัวไปต่างแดนทุกครั้งเลยไม่มีขีดจำกัดเรื่องน้ำหนัก จึงซื้อได้ตามสบาย สองแม่ลูกเหมยเหมยเลยไม่เคยขาดขนมเล็ก ๆน้อย ๆพวกนี้เลย
ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่อิจฉาของจ้าวอิงหัวอย่างมาก ทั้งยังนึกริษยาจับใจ
การที่ลูกเขยเก่งเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี แรงกดดันมากเกินไป
คืนวันส่งท้ายปีเก่าทั้งครอบครัวต้องไปหาคุณปู่จ้าวที่แม้จะมีความสัมพันธ์ที่จืดจางลง แต่อย่างไรเสียก็ครอบครัวเดียวกัน หนำซ้ำการผงาดขึ้นมาของจ้าวอิงหัวทำให้ตระกูลจ้าวตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนอีกครั้ง
ต่อให้เสแสร้งแกล้งทำก็ต้องกลับไปใช้เวลาช่วงปีใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้คนบางกลุ่มเอาเรื่องนี้ไปเล่นงานได้
เหยียนหมิงซุ่นเองก็กลับมาหลังจ้าวอิงหัวไม่นาน มาเจอเหมยเหมยอย่างรีบร้อนครู่หนึ่งก็รีบไปทำงานต่อเพราะดูเหมือนจะเกิดเรื่องที่ไหนขึ้นสักแห่ง
เหมยเหมยสงสารเหยียนหมิงซุ่นจับใจแต่เธอก็ช่วยอะไรไม่ได้ โชคดีที่มียาวิเศษอยู่ถึงทำงานหามรุ่งหามค่ำตลอดหนึ่งสัปดาห์สภาพร่างกายของเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่เกิดปัญหาอะไร
ด้วยเหตุนี้เธอถึงยิ่งรำคาญเฉินหมิงเพราะแม้ว่าเขาจะมีส่วนช่วยแนะนำแนวทางให้เหยียนหมิงซุ่นมีชีวิตอย่างทุกวันนี้ได้แต่ถ้าไม่ใช่เหยียนหมิงซุ่นเอาตัวเข้าแลก พยายามสุดแรงแม้ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อและหยดเลือดล่ะก็ เฮ่อเหลียนชิงจะถูกตาต้องใจเขาได้อย่างไร?
เฉินหมิงที่วัน ๆเอาแต่พูดถึงเรื่องบุญคุณใหญ่คับฟ้ามันน่าซัดให้น่วมจริง ๆ!
“พ่อ เมื่อกี้พี่หมิงซุ่นบอกแล้วว่าช่วงนี้ลุงสามไม่ค่อยสงบเสงี่ยมเท่าไร คำของเขาพ่อฟังไว้ก็พอไม่ต้องรับปากอะไร!” เหมยเหมยพูดเตือนพ่อตัวเองเพราะกลัวเขาจะยอมใจอ่อนต่อจ้าวอิงหย่งเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้อง
จ้าวอิงหย่งถูกปลดเกษียณอย่างมีเกียรติตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนเลยอยู่ว่างงานไปวัน ๆเหมือนคุณปู่ วัน ๆไม่มีอะไรทำ ว่างเสียจนไม่กี่วันนี้เขาก็เริ่มทนไม่ไหว
หนำซ้ำคน ๆนี้เป็นพวกหูเบาไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง มีคนเจตนายุยงปลุกปั่นเข้าหน่อยจ้าวอิงหย่งก็ยิ่งแค้นปนอิจฉามากกว่าเดิมเลยวิ่งเต้นไปทั่ว
จ้าวอิงหัวยิ้มเก้อ พี่น้องไม่เอาไหนทำให้เขาต้องขายหน้าต่อหน้าลูกสาว
จ้าวเสวียหลินไม่กลับมาช่วงปีใหม่เพราะเขาได้ใช้เวลาวันหยุดหมดไปตั้งแต่คราวก่อน พวกจ้าวเสวียเฉิงกับจ้าวเสวียไห่เองก็ไม่กลับมา มีเพียงจ้าวเสวียเอ๋อร์คนเดียวที่อยู่เลยทำให้บ้านหลังใหญ่ดูอ้างว่างไปโดยปริยาย
“คุณอาคุณอาสะใภ้มาแล้ว!”
สองพ่อลูกจ้าวเสวียเอ๋อร์กับจ้าวอิงหย่งกำลังแขวนโคมไฟเล็กบนต้นไม้ลานบ้าน พอเห็นพวกเขาก็ถลาเข้าไปต้อนรับอย่างอบอุ่นแต่จ้าวอิงหย่งกลับแค่นเสียงทีหนึ่งพร้อมทำหน้าขึงขังไปด้วย
อันหย่าฟางกำลังเตรียมอาหารมื้อค่ำส่งท้ายปีเก่าในครัว เหยียนซินหย่าวางของเสร็จก็ตามเข้าไปช่วย ขณะที่เหมยเหมยกล่าวคำทักทายเสร็จก็ยกเก้าอี้มานั่งอยู่ริมบ่อปลาลานบ้าน เท้าคางดูปลาคาร์ฟที่อยู่กันเป็นคู่ ๆ พร้อมกับคอยปัดกรงเล็บอวบอ้วนของบางตัวที่อดใจคอยกลั่นแกล้งฝูงปลาในบ่อไม่ได้
น่าเบื่อชะมัด!
คิดถึงคนรักจัง!
“เหมยเหมยทำไมไม่ไปช่วยที่ห้องครัว? เธอก็เป็นสาวโตแล้วไม่รู้จักดูสถานการณ์บ้างเลย…” จ้าวอิงหย่งพูดกระแนะกระแหนด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ พอจ้าวเสวียเอ๋อร์เห็นท่าไม่ดีจึงรีบพูดเสียงดังขัด
“พ่อ ถ้าพ่อว่างไม่มีอะไรทำก็ไปห้อยโคมไฟที่สวนหลังบ้านเถอะ!”
จ้าวเสวียเอ๋อร์ยัดโคมไฟทั้งหมดใส่มือจ้าวอิงหย่งแล้วดันหลังเขาไปที่สวนหลังบ้าน หากเป็นอดีตจ้าวอิงหย่งยังพอจะไว้หน้าลูกชายบ้างแต่นี่เขาอัดอั้นมาหนึ่งเดือนกว่าแล้วจะยอมถูกโน้มน้าวด้วยคำไม่กี่คำของจ้าวเสวียเอ๋อร์ได้หรือ?
“ห้อยโคมไฟอะไรกัน? ที่บ้านเกิดเรื่องซวยขนาดนี้แล้วจะห้อยบ้าอะไรอีก!”
จ้าวอิงหย่งโยนโคมไฟลงพื้นจนโคมไฟขนาดเล็กกลิ้งกระจายไปทั่ว สีแดงฉานดูเป็นสิริมงคลแต่กลับเสียดแทงสายตาของจ้าวอิงหย่งเหลือเกิน ไฟโทสะพุ่งพรวดขึ้นมาเลยยกเท้ากระทืบเท้าเหยียบลงไปอีก
ตอนที่ 1624 ตัวกาลกินี
จ้าวอิงหย่งเหยียบไปด่าไปพลาง “ครอบครัวดี ๆก็ดันล้มไปอย่างนี้ แม่ตายไปแล้ว สุขภาพของพ่อก็แย่ลงทุกที พี่ใหญ่ถูกจับเข้าคุก ฉันกลายเป็นคนว่างงาน จ้าวอิงหัวแกพอใจแล้วสินะ?”
เหมยเหมยขมวดคิ้วเม้มปากอย่างเย็นชา ยังคงนั่งนิ่งเหมือนเดิมหวังจะรอดูว่าเจ้าหมอนี่จะทำอะไรอีก
“จ้าวอิงหย่งอธิบายให้รู้เรื่อง ฉันเป็นคนฆ่าแม่เหรอ? ฉันเป็นคนทำให้พ่อสุขภาพแย่เหรอ? ฉันเป็นคนส่งพี่ใหญ่เข้าไปเหรอ? พี่ถูกปลดเกษียณเพราะฉันเหรอ…”
จ้าวอิงหัวหลุดปากไปไม่นานก็สังเกตถึงความผิดปกติเลยรีบหยุดชะงัก กลับเห็นจ้าวอิงหย่งแค่นหัวเราะติดต่อกันเขาจึงเปลี่ยนคำพูด “ที่พี่ถูกปลดเกษียณเพราะอายุถึงแล้ว บวกกับพี่ไม่ได้สร้างผลงานมาตลอดหลายสิบปี อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่เกษียณแล้วพี่คิดจะอยู่ทำอะไร?”
“เหลวไหล ฉันจะตีไอ้คนใจดำอย่างแกให้ตาย ถ้าไม่ใช่เพราะแกเอาตัวกาลกินีนั่นกลับบ้านมา บ้านเราจะกลายเป็นแบบนี้เหรอ?”
จ้าวอิงหย่งหน้าแดงก่ำเหมือนตับหมูแล้วโถมเข้าหาด้วยความโกรธ จ้าวอิงหัวไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยไปกว่าพลางถอดเสื้อโค้ทตัวใหญ่แล้วซัดกับจ้าวอิงหย่ง พูดตะคอกเสียงดัง “แกพูดให้รู้เรื่อง ตัวกาลกินีอะไร?”
“พ่อ…พ่อจะวุ่นวายไปถึงเมื่อไหร่?” จ้าวเสวียเอ๋อร์ตวาดเสียงดังลั่นสลัดภาพที่ดูเป็นมิตรในวันปกติทิ้งไป
จ้าวอิงหย่งหดตัวลงเพราะยังกลัวลูกชายอยู่บ้าง ทั้งยังรู้สึกว่าถ้อยคำของตนเมื่อครู่ไม่เหมาะสมจริง ๆ คำที่ติดอยู่ตรงปากเลยถูกกลืนลงท้องกลับไป
แต่จ้าวอิงหัวกลับไม่ยอมจบง่าย ๆจึงเสยหมัดไปที่ปลายคางของจ้าวอิงหย่งที่ทำเอาคางเกือบหลุด
“เสวียเอ๋อร์เธออย่ามายุ่ง ให้มันพูดออกมาให้รู้เรื่องว่าฉันพาตัวกาลกินีอะไรกลับมา!” จ้าวอิงหัวพูดเสียงเย็นชา ความน่าเกรงขามของคนตำแหน่งใหญ่โตกำลังแผ่กระจายออกมา จนทำเอาจ้าวเสวียเอ๋อร์อดถอยหลังไม่ได้ทั้งลอบตะลึงอยู่ภายในใจเพียงคนเดียว
ยามนี้เขาเพิ่งสังเกตว่าคุณอาเล็กที่ปกติมีแต่รอยยิ้มแต่งแต้มใบหน้าเสมอ ความจริงเป็นคนที่น่าเกรงขามที่สุดในบ้านต่างหาก
จ้าวอิงหย่งเองก็เริ่มหวาดผวาแต่กลับมีความอิจฉาริษยามากกว่า ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นคนที่มีตำแหน่งต่ำสุดในบ้าน ตอนนี้พอได้มาสมใจแล้วก็ไม่สนใจความสัมพันธ์พี่น้องอีกต่อไป!
“ใครเป็นตัวกาลกินีใจของแกรู้ดี ยังต้องให้ฉันพูดออกมาอีกเหรอ? ตระกูลจ้าวของเราเมื่อก่อนเคยรุ่งโรจน์แค่ไหนแต่ตอนนี้กลับแตกแยกกัน ทั้งหมดเป็นความผิดของแก!” จ้าวอิงหย่งพูดอย่างมั่นใจ
ถ้าไม่มีคนเตือนสติเขายังคิดไม่ถึงขั้นนี้เลย!
ตระกูลจ้าวเริ่มถดถอยลงหลังจากจ้าวเหมยกลับมาไม่ใช่หรือไง จ้าวเหมยคือตัวการความผิดทั้งหมด!
เหมยเหมยมุ่นคิ้วแน่นและทำตัวเป็นใบ้ต่อไม่ได้เพราะความผิดของตัวกาลกินีถูกโยนมาที่เธอแล้ว!
เธอมีความสามารถอดกลั้นได้ที่ไหนกันล่ะ!
จ้าวเสวียเอ๋อร์กู่ร้องในใจ เมื่อวานเพิ่งพูดคุยเรื่องชีวิตกับจ้าวอิงหย่งอย่างลึกซึ้งไป วันนี้กลับเป็นบ้าอีกแล้ว ให้ตายเถอะ ถ้าเขาสืบได้ว่าใครเป็นคนพูดเสี้ยมละก็จะไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตรอดแน่!
เหยียนซินหย่าที่กำลังผัดกับข้าวอยู่ในครัวหน้าเปลี่ยนสีทันทีพลางเขวี้ยงตะหลิวทิ้งแล้ววิ่งออกไปไวปานสายลม ขณะอันหย่าฟางฉุดยังฉุดไม่อยู่ อันหย่าฟางเลยเดินตามออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิม
วันขึ้นปีใหม่ทั้งทียังไม่รู้จักสงบเสงี่ยม เธอชักจะรำคาญสามีจ้าวอิงหย่งคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆแล้ว!
คนไม่เอาถ่าน!
“จ้าวอิงหย่งแกพูดบ้าอะไร? แกไม่มีความสามารถเองแล้วมาโทษเหมยเหมยของฉันทำไม? นี่แกยังเป็นสมาชิกพรรคด้วยนะเนี่ยกลับพูดออกมาได้ว่าเชื่อเรื่องตัวกาลกินี ฉันว่าหลายสิบปีที่ผ่านมาแกกินหญ้าเป็นอาหารสินะ!”
เหมยเหมยที่เตรียมจะออกไปเรียกร้องความสนใจสักหน่อย อีกฝ่ายด่าเธอว่าเป็นตัวกาลกินีต่อหน้าเธอ คิดว่าเธอเป็นคนตายไปแล้วหรือไงกัน?
แต่แม่ของตนสุดยอดจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเธอนั่งดูปลาคาร์ฟอีกสักครู่แล้วกัน!
เหมยเหมยชำเลืองมองเข้าไปในบ้าน ข้างนอกเกิดเสียงเอะอะโวยวายขนาดนี้ถึงเป็นคนตายก็ยังได้ยิน จนถึงตอนนี้คุณปู่จ้าวกลับยังไม่ยอมออกมาสักที หึ!
คิดจะแกล้งโง่อีกล่ะสิ!
เธอกลอกตาทีหนึ่งคร้านจะสนใจคุณชายฉิวที่อยู่ไม่สุขก่อนจะปล่อยให้เขาไปหยอกเล่นกับปลาคาร์ฟต่อ!
เธอเป็นตัวกาลกินีไม่ใช่หรือไง ก็ต้องแสดงให้สมบทบาทหน่อยแล้วล่ะ
อืม เริ่มที่ปลาคาร์ฟบ่อนี้ก่อนเลยแล้วกัน!
……………………….
ตอนที่ 1625 หัวแตก
จ้าวอิงหย่งโดนเหยียนซินหย่าด่าไปยกหนึ่งเลยด่ากลับเพราะรู้สึกเสียหน้า “ผู้ชายคุยกันผู้หญิงอย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย? ไม่มีมารยาท!”
“ฉันว่าบ้านนี้แกนั่นแหละที่ไร้มารยาทที่สุด เมียฉันพูดผิดตรงไหน กินหญ้ามาหลายสิบปีสงสัยในหัวมีแต่ขี้!”
จ้าวอิงหัวออกมายืนปกป้องหน้าภรรยามองจ้าวอิงหย่งที่ทำหน้าขึงขังเพราะความอายปนโกรธด้วยสายตาเย็นชาก่อนกล่าวเตือน “อย่าให้ฉันได้ยินคำนั้นอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
ลูกสาวสุดรักของเขาเป็นตัวนำโชคที่ถูกส่งมาจากสรวงสวรรค์ หลังจากเหมยเหมยกลับมาภรรยาก็สุขภาพร่างกายแข็งแรง เขาเองก็ก้าวหน้าในเรื่องหน้าที่การงาน ลูกชายก็มีอนาคตที่ดี จ้าวอิงหย่งคงอิจฉาสินะ!
“แกทำฉันตกงานไปแล้วยังจะไม่เกรงใจฉันอีกเหรอ? หรือว่าจะเอาชีวิตฉันไปด้วยหรือไง?” จ้าวอิงหย่งเริ่มทำตัวไร้เหตุผล จากคนที่ดูซื่อสัตย์จริงใจบัดนี้กลับดูน่าเจ้าเล่ห์ขึ้น
จ้าวอิงหัวยังคิดจะด่าเรียกสติพี่ชายแต่เหยียนซินหย่ากลับระงับอารมณ์โกรธไม่ไหวแล้ว ลูกสาวคือแก้วตาดวงใจของเธอ จ้าวอิงหย่งกลับใช้คำพูดหยาบคายขนาดนั้นมาใช้เรียกลูกสาว เธอจะทนไหวได้อย่างไรอีก!
เหยียนซินหย่าที่โกรธสุดขีดก็เริ่มไม่พอใจจ้าวอิงหัวที่ยังพูดจ้ออยู่ตรงนี้ ดูสิว่าทั้งครอบครัวนี้เป็นคนอย่างไรกัน แต่ละคนล้วนไม่มีใครหวังดีต่อลูกสาวเธอเลย!
เธอกระชากจ้าวอิงหัวมาพลางกวาดมองรอบด้าน เมื่อพบว่าไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสมเลยเลือกยกกระถางดอกเบญจมาศที่เหี่ยวเฉาขึ้นมาทุ่มใส่จ้าวอิงหย่ง
“เพล้ง”
กระถางดอกเบญจมาศแตกแล้ว หัวก็แตกเช่นกัน…
จ้าวอิงหย่งยืนกุมศีรษะอยู่อย่างนั้นและไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด มือลูบจับรอบศีรษะทีสัมผัสถึงของเหลวเหนียวข้นก็พบว่าเลือดเปื้อนเต็มฝ่ามือ รวมถึงเศษดินด้วยบางส่วน
“ใครกล้าว่าลูกสาวฉัน ฉันจะสู้กับมันถึงตาย!” เหยียนซินหย่าทำหน้าเย็นยะเยือก เรือนร่างบอบบางที่มีแรงมหาศาลนั่นกำลังถลึงตาจ้องจ้าวอิงหย่ง
จ้าวอิงหัวเสียวสันหลังวูบ ช่วงนี้ภรรยาของเขาแรงเยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนะ!
กล้าทำพี่สามของเขาหัวแตกแล้วด้วย!
ทำได้ดี!
“เลือดออกเยอะเลย หยุดทะเลาะกันได้แล้ว วันส่งท้ายปีเก่าแบบนี้ช่วยอยู่เฉย ๆสักทีได้ไหม?” อันหย่าฟางห้ามจ้าวอิงหย่งที่ยังคิดจะใช้กำลังโต้กลับ ส่วนจ้าวเสวียเอ๋อร์ยกกล่องปฐมพยาบาลมาแต่จ้าวอิงหย่งไม่ยอมทำแผลร้องจะซัดจ้าวอิงหัวกลับให้ได้ เขาจะไม่ยอมโดนกระถางดอกเบญจมาศทุ่มฟรีเด็ดขาด
“แค่ก แค่ก แค่ก…”
ในที่สุดคุณปู่จ้าวก็ปรากฏตัว คุณปู่ดูแก่ลงหลายปีเพราะเรี่ยวแรงซูบหายไปตามกาลเวลา
เขาจับขอบประตูไว้ใช้ดวงตาหม่นกวาดมองหนึ่งรอบแล้วพูดเสียงแหบ “ต้มเกี๊ยวแล้วเอาไปส่งให้เจ้าสอง วันส่งท้ายปีแบบนี้ไม่กินเกี๊ยวไม่ได้!”
คุณปู่จ้าวพูดจบก็หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านอีกครั้ง ทำเป็นไม่เห็นของตกเกลื่อนตรงลานบ้านรวมถึงสภาพดูไม่ได้ของจ้าวอิงหย่ง
ทุกคนชะงักไปทันทีแล้วรู้สึกปวดใจขึ้นมาจนหมดอารมณ์จะทะเลาะกันต่อ จ้าวอิงหย่งทิ้งตัวนั่งลงอย่างห่อเหี่ยวใจพลางให้อันหย่าฟางช่วยทำแผลให้เขา จ้าวเสวียเอ๋อร์ก็เก็บกวาดไป
เขาในตอนนี้ถึงเห็นสภาพของดอกเบญจมาศที่นอนหายใจโรยรินอยู่บนพื้นได้ชัดพาลรู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดหัวใจ อาสะใภ้เล็กของเขาช่างเลือกจริง ๆ เขวี้ยงทั้งทีก็เลือกกระถางต้นที่แพงที่สุดเสียด้วย
ดอกเบญจมาศกระถางนี้เขาเสียเงินไปตั้งหลายร้อยดอลลาร์สหรัฐนะ!
เตรียมไว้ว่าปลูกเรียบร้อยแล้วจะมอบให้ผู้หญิงไร้หัวใจบางคน!
ผู้หญิงคนนั้นชอบดอกเบญจมาศที่สุดล่ะ!
จ้าวเสวียเอ๋อร์ถอนหายใจเฮือกหนึ่งเตรียมลงปลูกอีกรอบดูและไม่รู้ว่าจะชุบชีวิตได้หรือเปล่า ส่วนแผลของจ้าวอิงหย่งเขาไม่สนใจมันเลยสักนิดเพราะอย่างไรเสียก็ไม่มีทางตายหรอก
อีกอย่างก็สมควรแล้ว!
จ้าวอิงหัวมองเล็บที่ผ่านการบำรุงรักษาอย่างดีของเหยียนซินหย่าอย่างปวดใจ หักไปตั้งสองนิ้ว โชคดีแค่ไหนที่ไม่บาดโดนเนื้อ แต่ก็ทำเขาปวดใจแทบแย่
“วันหลังงานที่ต้องใช้แรงคุณไม่ต้องทำหรอก ให้ผมทำเอง ดูสิว่าเล็บคุณหักหมดแล้ว!”
เหยียนซินหย่าเองก็ปวดใจไม่แพ้กันเพราะนิ้วที่เล็บหักคือนิ้วโป้งทั้งสองข้างพอดี ซึ่งต้องใช้เวลาเลี้ยงมันตั้งเกือบครึ่งปีกว่าจะโค้งงอเหมือนต้นหอมที่สวยงดงาม ตอนนี้กลับหักไปแล้วเลยมาลงความโกรธที่จ้าวอิงหัวคนเดียว ถลึงตาเขม่นมองใส่แวบหนึ่งก่อนหยิกเอวเขาไปแรง ๆอีกที
อันหย่าฟางเห็นชัดเจนเต็มสองตาพลันแววตาก็หม่นลง รู้สึกน้อยใจที่ยากจะอธิบายได้จนเผลอลงแรงมากไปโดยไม่รู้ตัว จ้าวอิงหย่งร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดพลางถลึงตาใส่เธออย่างไม่พอใจ อันหย่าฟางมุ่นคิ้วเล็กน้อยรู้สึกรังเกียจยิ่งกว่าเดิมขณะที่อารมณ์ขุ่นมัวกำลังสุมอยู่ในอก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น