คัมภีร์วิถีเซียน 1613-1615
ตอนที่ 1613 มารหลายตา
หานลี่และพวกทั้งสามคนบินมาสองร้อยกว่าลี้ในล้วนเดียว แม้กระทั่งระหว่างทางยังทำให้หนูบินสีดำสนิทฝูงหนึ่งที่หยุดพักอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่งตกใจ
มารอสูรเหล่านี้มีขนาดตัวใหญ่กว่าสิบเท่า รูปร่างคล้ายกระรอก แต่แผ่นหลังมีปีกคู่หนึ่ง ในเวลาเดียวกันก็เผยเขี้ยวแหลมคมออกมา เผยท่าทีโหดเ**้ยมเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่ามารอสูรระดับต่ำเช่นนี้ ย่อมไม่อาจถูกหานลี่เห็นอยู่ในสายตา
แม้กระทั่งไม่ต้องให้หานลี่ลงมือ ลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนบนร่างของเซียนเซียนก็ปรากฏขึ้น พุ่งออกไปราวกับพายุฝนฟ้ากระหน่ำ ชั่วครู่ก็ทะลวงร่างของมารที่กลายเป็นหนูบินจนเป็นรูพรุน คร่าชีวิตของมันไปในทันที
แต่เมื่อเห็นฉากนี้เย่ว์จงกลับไม่ได้เผยสีหน้าดีใจอะไรออกมา กลับบินตรงไปข้างหน้าต่อ หลังจากผ่านไประยะหนึ่งกรงล้อเหาะเหินใต้ฝ่าเท้าก็หยุดลง ถอนหายใจกับทั้งสองคนอย่างแผ่วเบา
“ท่านเซียนเซียน ท่านอาวุโสหาน พวกเราไม่ต้องบินไปด้านหน้าแล้ว อสูรมารตัวนั้นอยู่ด้านหลังมาโดยตลอด และยิ่งไปกว่านั้นความเร็วยังไม่ลดลง อาศัยความเร็วของพวกเราในตอนนี้ ไม่อาจสลัดมันให้หลุดได้”
“เจ้ามั่นใจหรือ?” ลำแสงสีเขียวหม่นแสงลง หานลี่เองก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางลำแสงหลีกหนี เอ่ยปากถาม ในเวลาเดียวกันใบหน้าก็ฉายแววประหลาดใจออกมาเล็กน้อยอย่างไม่อาจสังเกตเห็นได้ง่ายๆ
“ไม่ผิดแน่ แม้ว่าพลังยุทธ์ของข้าจะไม่สูงนัก แต่การสัมผัสมารอสูรที่ติดตามมานั้น ข้ามั่นใจว่าพอมีอุบายอยู่บ้าง” เย่ว์จงเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
เซียนเซียนได้ยินคำนี้ สีหน้าพลันเคร่งขรึมไปเล็กน้อย
หานลี่ในยามนี้พลันเงียบกริบไม่ปริปากใดๆ
ความจริงแล้วไม่ต้องให้เย่ว์จงพิสูจน์ เขาก็รู้ดีว่าด้านหลังห่างออกไปเจ็ดแปดลี้ มีมารอสูรตัวหนึ่งไล่ตามมาอย่างไม่ลดละจริงๆ
อย่ามองว่าเขาไม่อาจแผ่จิตสัมผัสออกไปได้ไกลขนาดนี้ แต่เมื่อใช้เนตรวิญญาณวารีกระจ่างอมงไป ก็สามารถมองทะลุผ่านไอมารจนมองเห็นเงาร่างของอสูรตัวนั้นได้ลางๆ
แม้ว่าอสูรตัวนี้จะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางทะเลหมอกสีดำด้านล่างตลอดเวลา และบางครั้งก็หลบอยู่ที่ยอดเขาด้านล่าง แต่ร่างอันใหญ่โตราวกับหอคอยจะซ่อนตัวอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร
เมื่อทำการทดสอบเมื่อครู่ หานลี่ก็เชื่อมั่นในตัวนักล่ามารอสูรเย่ว์จงผู้นี้แล้ว
ดูแล้วที่อีกฝ่ายเข้าออกเทือกเขามารสีทองได้อย่างปลอดภัยหลายครั้งก็เพราะมีฝีมือจริงๆ มิน่าล่ะเซียนเซียน สตรีผู้นี้เลยจ้างวานคนผู้นี้มา
“ท่านอาวุโสหาน ดูแล้วพวกเราคงต้องวางกับดักสังหารมารอสูรตัวนี้แล้ว” เซียนเซียนมองหานลี่แล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“วางกับดัก? เหตุใดต้องยุ่งยากเพียงนั้น! ในเมื่ออสูรตัวนี้สนใจพวกเราก็ไปฆ่ามันก็พอแล้ว ทั้งสองรอข้าอยู่ตรงนี้สักประเดี๋ยวละกัน!” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ ฉับพลันนั้นแผ่นหลังก็มีลำแสงสีเขียวขาวเปล่งแสงสว่างวาบ ปีกนกสีสันแวววาวคู่หนึ่งปรากฏขึ้น
ปีกคู่นี้แค่กระพือเบาๆ ชั่วขณะนั้นเสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น หานลี่กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งพุ่งออกไป
หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้งก็อยู่ห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง หลังจากเสียงฟ้าคำรามทุ่มต่ำดังขึ้นอีกครั้ง สายฟ้าก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หญิงสาวเผ่าผลึกและเย่ว์จงเห็นเช่นนั้นก็ตะลึงงัน
“ท่านอาวุโสหานจะไปจัดการกับมารอสูรตัวนั้นเพียงลำพัง? แม้ว่ามารอสูรตัวนั้นจะไม่อาจอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่าอิทธิฤทธิ์ของมารระดับสูงก็ร้ายกาจมาก แม้กระทั่งในผู้บำเพ็ญเพียรระดับเดียวกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน” เย่ว์จงเอ่ยพึมพำได้สติขึ้นมาแต่ก็มีท่าทีกังวล
“ในเมื่อท่านอาวุโสหานมั่นใจเช่นนี้ ก็น่าจะเชื่อมั่นได้กระมัง” เซียนเซียนเอ่ยอย่างเชื่องช้าดูเหมือนว่าจะมั่นอกมั่นใจในตัวหานลี่เป็นอย่างมาก
เย่ว์จงได้ยินเช่นนั้นแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่หัวคิ้วก็ยังขมวดมุ่น
ในตอนนั้นเองไกลออกไปมีเสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น จากนั้นก็ระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมา แต่ทันใดนั้นเสียงคำรามก็เปลี่ยนไป เป็นเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดจากนั้นก็หยุดลง ไกลออกไปเงียบสงัดลงอีกครั้ง
เหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ทำให้เย่ว์จงและเซียนเซียนอดที่จะมองสบตากันไปมาไม่ได้
ผ่านไปอีกชั่วครู่ขณะที่ทั้งสองกำลังรอคอยด้วยความไม่สบายใจนั้น ไกลออกไปมีลำแสงสว่างวาบสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งมา
“เป็นท่านอาวุโสหาน!” เย่ว์จงเห็นสีของลำแสงหลีกหนีก็ผ่อนลมหายใจลง แต่ใบหน้ากลับเผยสีหน้าประหลาดๆ ออกมา
เซียนเซียนในยามนี้ไม่ได้พูดอะไรออกมาแค่มองไปยังสายรุ้งสีเขียวที่พุ่งเข้ามาด้วยแววตาที่เปล่งประกายสว่างวาบ
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้ง สายรุ้งสีเขียวก็มาอยู่เหนือศีรษะของทั้งสอง
จากนั้นลำแสงสีเขียวพลันหม่นแสงลง หานลี่ปรากฏกายขึ้น
“สหายเย่ว์ดูสิ นี่คือมารอสูรอะไร รูปลักษณ์พิเศษมาก!” หานลี่เอ่ยจบก็โบกมือข้างหนึ่ง ของสีดำสนิทกลุ่มหนึ่งพร้อมกับกลิ่นคาวโลหิตถูกโยนลงมา
เย่ว์จงพลันตกตะลึงใช้มือหนึ่งชี้ไปที่สิ่งนั้นอย่างไม่ต้องขบคิด
ชั่วขณะนั้นเจ้าสิ่งนั้นพลันหมุนวนกลางอากาศ แล้วลอยอยู่ตรงนั้น
สตรีเผ่าผลึกรีบร้อนจ้องเขม็งมองไป
เป็นหัวมารอสูรหัวหนึ่ง มีขนาดประมาณใบหน้ามองแวบแรกมีขนปกคลุมมีหูกลมๆ สองข้างดู คล้ายหัววานร
แต่หลังจากที่มองไปตรงหน้าก็ทำให้สูดลมหายใจเข้าด้วยความตกตะลึง แผ่นหลังเย็นยะเยือก
คิดไม่ถึงว่าใบหน้าของอสูรตนนี้จะไม่มีจมูกและปาก มีขนปุกปุยทั่วแก้มเช่นกัน มีดวงตาปีศาจสีแดงสดสิบกว่าดวงกำลังปรือตาอยู่
รูม่านตาในดวงตาปีศาจเหล่านี้ส่วนใหญ่มีโลหิตไหลเวียนอยู่ และยิ่งไปกว่านั้นในแววตายังเต็มไปด้วยความหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง
“มารหลายตา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นมารอสูรชนิดนี้ มารอสูรชนิดนี้เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาหลงใหลเคลิบเคลิ้มโดยกำเนิด แม้ว่าอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขามารสีทองก็ยังพบเห็นมันได้น้อยมาก มิน่าล่ะอีกามารเหล่านั้นถึงได้ถูกควบคุม” เย่ว์จงมองปราดเดียวก็รู้จักความเป็นมาของศีรษะนี้ ภายใต้ความตกตะลึงก็ถึงบางอ้อขึ้นมา
“มารหลายตา! ข้าก็ว่าเหตุใดตอนแรกอสูรตัวนี้ถึงกะพริบดวงตาประหลาดเหล่านั้นไม่หยุด ที่แท้มันก็คิดจะสำแดงเคล็ดวิชาหลงใหลเคลิบเคลิ้มใส่ข้า หึๆ จะใช้เคล็ดวิชานี้กับข้านับว่ามันโชคร้ายไปหน่อย” หานลี่หัวเราะ หึๆ ขึ้นมาพลางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“ทว่าท่านอาวุโสช่างเก่งกาจจริงๆ ไปและกลับแทบจะใช้เวลาไม่ถึงถ้วยน้ำชา ก็สามารถสังหารมารหลายตาระดับสูงตัวหนึ่งได้ อสูรตัวนี้ไม่เพียงจะเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาหลงใหลเคลิบเคลิ้ม ตัวมันยังมีอิทธิฤทธิ์ที่พิเศษหลายอย่าง แม้ว่าจะปะทะกับมนุษย์ที่ระดับสูงกว่ามันหนึ่งถึงสองขั้น ก็ยังต้องปวดหัว” เย่ว์จงยังคงมีสีหน้าแปลกประหลาดขณะเอ่ย
“งั้นหรือ เรื่องนี้ข้าไม่รู้เลย ข้าไม่ได้ให้เวลาให้มันได้สำแดงอะไร และยิ่งไปกว่านั้นลมปราณของมารรอสูรตัวนี้ก็อยู่ระหว่างระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เจ็ดและแปดเท่านั้น ไม่รับว่าแข็งแกร่งนัก” หานลี่กลับฉีกยิ้มบางๆ ออกมา
เย่ว์จงได้ยินคำนี้ ชั่วขณะนั้นพลันรู้สึกหมดคำพูด
“ชื่อเสียงของมารหลายตา น้องหญิงก็เคยได้ยินมาบ้าง ว่ากันว่าวัตถุดิบในร่างของมารตัวนี้ที่ล้ำค่าที่สุดก็คือดวงตาหลงใหลเคลิบเคลิ้มของมัน พวกมันเป็นวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับการผสานยุทธภัณฑ์สงบจิตใจ น่าเสียดายที่ดวงตาของมารหลายตาตัวนี้ไม่ได้อยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ มิเช่นนั้นคงพอจะใช้พวกมันผสานสมบัติวิเศษที่ใกล้เคียงกับศาสตรายุทธ์ชิ้นหนึ่งได้” เซียนเซียนเอ่ยพลางเปล่งเสียงหัวเราะไปพลาง
“ท่านเซียนเซียนล้อเล่นแล้ว หากพบกับมารหลายตาระดับศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ข้าก็ทำได้เพียงหนีไปให้ไกลเท่านั้น หึๆ ไม่ว่าจะอย่างไร ผู้แซ่หานก็ตามีแววอยู่บ้าง และไม่ได้โยนวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดทิ้งไป แต่ซากของอสูรตนนั้นกลับตกลงไปสู่ส่วนลึกของไอมาร ไปเอาได้ยาก” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ขณะเอ่ย
“ในเมื่อมารหลายตาตนนี้ถูกจัดการแล้ว หนทางต่อจากนี้ก็มั่นคงขึ้นแล้ว ทว่าต้องขอบคุณท่านอาวุโสหานที่กำจัดมารอสูรตัวนี้ให้จริงๆ มิเช่นนั้นมารหลายตาที่เชี่ยวชาญการควบคุมคงจะร่วมมือกับมารอสูรอื่นๆ โจมตีคู่ต่อสู้ และยิ่งไปกว่านั้นยังเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก หากถูกสลัดทิ้ง หายนะคงไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าไม่ควรจะรั้งรออยู่ที่นี่นานนัก พวกเราไปกันเถิด อย่าให้การต่อสู้เมื่อครู่ดึงดูดมารอสูรระดับสูงตนอื่นมาเลย” เย่ว์จงเอ่ยอย่างรอบคอบ
“พี่เย่ว์พูดมีเหตุผล ท่านอาวุโสหาน พวกเราไปกันเถิด” เซียนเซียน หญิงสาวผู้นี้ได้ยินพลันเอ่ยสนับสนุน
หานลี่เองก็พยักหน้าอย่างไม่มีความเห็น สะบัดแขนเสื้อไปด้านล่าง ม่านลำแสงสีเขียวม้วนออกไป หัวมารอสูรหายวับไปท่ามกลางลำแสงสีเขียว
ดังนั้นลำแสงหลีกหนีของทั้งสามพลันปรากฏขึ้น แล้วบินไปด้านหน้าต่อ
หานลี่และพวกทั้งสามไม่รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาออกจากที่นี่ได้ครึ่งวัน ฉับพลันนั้นก็มีเสียงกรีดร้องแหลมๆ ดังออกมาจากอีกด้าน จากนั้นหมอกสีดำก็หมุนวนกลางอากาศ แผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้า ชั่วขณะนั้นก็ปกคลุมท้องฟ้าในรัศมีสองสามลี้เอาไว้
เสียงกรีดร้องเสียดแก้วหูดังออกมาจากเมฆสีดำ เมฆสีดำหมุนวนอย่างเชี่ยวกราก เสาลำแสงสีโลหิตสิบกว่าสายออกมาจากเมฆา ชั่วครู่ก็โจมตีไปยังทะเลหมอกด้านล่าง
เห็นเพียงทุกแห่งที่เสาลำแสงกวาดผ่านไป ไอมารสีดำทยอยกันล่าถอยออกไป จากนั้นเสาลำแสงก็กวนเข้าด้วยกันที่ด้านล่าง มองเห็นได้ในรัศมีสองสามหมู่ ไอมารสองสามร้อยจั้งถูกกวาดไปจนเกลี้ยง เผยร่างของมารอสูรประหลาดไร้หัวด้านล่างออกมา
ซากของอสูรตัวนี้ท่อนล่างราวกับงูเหลือมยักษ์สีเขียว ท่อนบนกลับคล้ายกิ้งก่า แขนสองคู่ที่ใหญ่คู่หนึ่งและเล็กคู่หนึ่งงอกออกมาจากข้างกายทั้งสองฝั่ง ปลายนิ้วมีเล็บสีเขียวมรกตที่แหลมคมเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นซากของมารอสูรนี้ เมฆสีดำกลางอากาศก็มีเสียงกรีดร้องแหลมๆ ด้วยความโศกเศร้าดังขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงนั้นดุดันราวกับเสียงกรีดร้องของภูตผี
“ผู้ใด ผู้ใดข้าบุตรของข้า ข้าจะสับมันเป็นหมื่นชิ้น กระชากวิญญาณของมันออกมา” แม้ว่าน้ำเสียงจะฟังยากมาก แต่ก็พอฟังออกว่าเป็นเสียงแหบแห้งของชายชรา
“จิ่วเยี่ย อู่ชี่ ไปหาเบาะแสของผู้ที่เอาหัวของข้าไปมาเดี๋ยวนี้ พวกเราจะตามไปกลืนกินพวกมันเดี๋ยวนี้” ชายชราตะโกนด้วยความโหดเ**้ยม
“เจ้าค่ะ”
“รับคำบัญชาขอรับ”
เสียงแปลกหูของบุรุษและสตรีดังออกมาจากเมฆสีดำ ทันใดนั้นเมฆสีดำก็แยกออก ลูกบอลลำแสงสองกลุ่มสีเงินและแดงบินออกมา ด้านในมีเงาร่างสองสายอยู่ลางๆ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาอยู่ตรงซากของอสูรไร้หัวด้านล่าง
ลำแสงหม่นแสงลง เผยร่างสัตว์ประหลาดครึ่งคนครึ่งอสูรสองตนออกมา
คนหนึ่งหัวมีเขายักษ์สีดำสนิทคู่หนึ่ง เอวหนาใหญ่ สวมเกราะเหล็กสีดำ กายท่อนบนไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดาเลยสักนิด แต่ขาทั้งสองกลับเป็นขาของอสูร หงิกงอครึ่งหนึ่ง และมีหนามแข็งๆ สีดำปกคลุมอยู่
หญิงสาวอีกคนกลับมีร่างกายอรชนอ้อนแอ้น ใบหน้าดุจบุปผา แต่ดวงตาทั้งสองเป็นสีเขียวมรกต หูทั้งสองเรียวแหลม ในเวลาเดียวกันตรงก้นก็มีหางบางๆ สีเหลืองราวกับแมวเสือดาวงอกออกมา
เมื่อทั้งสองร่อนลงพื้น ก็วนรอบซากนั้นสองสามรอบ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่บุรุษก็ร้องคำรามออกมา พ่นลำแสงสีดำออกมาสายหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วจมหายเข้าไปในร่าง จากนั้นเขาสีดำบนศีรษะของบุรุษก็เปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็มีลำแสงสีดำปรากฏขึ้น
เห็นเพียงซากศพนั้นสั่นเทา จากนั้นไอสีดำเทากลุ่มหนึ่งก็ถูกลำแสงสีดำห่อหุ้มเอาไว้ ลอยออกมาจากซากศพอย่างแช่มช้า จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบกลายเป็นเงาที่จืดจางหาที่เปรียบสายหนึ่ง ลอยนิ่งไม่ไหวติงอยู่ด้านบนซากศพ
ยามนี้จมูกของหญิงสาวผู้นี้พลันดมกลิ่นเล็กฟุตฟิตๆ หรี่ตาทั้งสองข้างลง ฉับพลันนั้นพลันพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ บินวนโคจรอยู่รอบๆ อย่างสะเปะสะปะ
“พบแล้ว คนสังหารนายน้อยน่าจะมีเพียงคนเดียว แต่ใกล้กันนั้นยังมีกลิ่นอายของผู้ที่มาจากภายนอกอีกสองคน ดูแล้วแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการตายของนายน้อย แต่ก็น่าจะเป็นสหายร่วมเดินทางกับคนผู้นั้น” ฉับพลันนั้นร่างกายของหญิงสาวพลันหยุดชะงัก แล้วเอ่ยกับผู้ที่อยู่ด้านบนอย่างนอบน้อม
ตอนที่ 1614 เงามารที่โกรธเกรี้ยว
“เยี่ยมมาก เจ้าหาจุดที่คนผู้นั้นไปได้หรือไม่?” เสียงแหบแห้งเอ่ยถามอย่างเย็นชา
“แน่นอนอยู่แล้ว แม้ว่าคนผู้นี้จะสำแดงเคล็ดวิชาเก็บลมปราณ แต่ภายใต้ไอมารที่ตลบอบอวลไปทั่วทุกสารทิศ กลิ่นอายของคนที่มาจากภายนอกล้วนไม่อาจปกปิดได้หมด คนผู้นั้นตรงไปทางนั้น! ทว่ากลิ่นอายเบาบางมากแล้ว พวกเขาน่าจะไปได้สักระยะแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะไอมารกลางอากาศหมุนวนเร็วเกินไป ข้าน้อยไม่มั่นใจว่าไล่ตามคนเหล่านั้นไปทางนั้นจริงๆ” หญิงสาวเอ่ยอย่างซื่อๆ
“หึ ไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้!” ชายชราได้ฟังก็รู้สึกโกรธเกรี้ยว
ส่วนหญิงสาวกลับแค่ยืนเอามือประสานกันไว้อย่างจนปัญญา
ยามนี้บุรุษเขายักษ์อีกคนหนึ่งที่อยู่บนพื้นดินมพลันพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้งก็มาอยู่ข้างกายของหญิงสาว แล้วทำความเคารพไปบนท้องฟ้าพลางเอ่ย
“รายงานนายท่าน ข้าได้เอาจิตวิญญาณที่หลงเหลือของนายน้อยออกมา และใช้เคล็ดวิชาลับคืนสภาพของฆาตกร”
“ปล่อยออกมาให้ข้าดู!” ชายชราออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
บุรุษเขายักษ์ตอบรับคำ สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นไอสีเทากลุ่มหนึ่งและลำแสงสีดำก็พัวพันเข้าด้วยกันและบินออกมาลูกบอลลำแสง หลังจากหมุนโคจรรอบหนึ่ง ก็ลอยค้างอยู่เหนือศีรษะของบุรุษ
ส่วนบุรุษทั้งสองพลันใช้สองมือร่ายอาคม ดีดอาคมเป็นสายๆ ไปทางลูกบอลลำแสงเหนือศีรษะ
หลังจากเสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ลูกบอลลำแสงพลันระเบิดออก เงาลำแสงครึ่งท่อนจางๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
คนผู้นั้นสวมชุดคลุมสีเขียว บนเรือนร่างมีลำแสงสีทองเปล่งแสงระยิบระยับ หน้าตาธรรมดาๆ หว่างคิ้วมีลำแสงสีดำสว่างวาบ ดวงตาเป็นสีดำสนิท แค่กลอกตาไปมา ผิวก็มีลำแสงสีดำไหลวนโคจร เผยความแปลกประหลาดออกมาเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าเงาร่างคนผู้นี้ก็คือหานลี่!
หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น เงาลำแสงปรากฏแค่ชั่วอึดใจ ก็ระเบิดออกสลายหายไป
“เนตรทำลายล้าง! เยี่ยม เยี่ยมมาก ดูแล้วคงเป็นผู้นั้นไม่ผิด มีเพียงอิทธิฤทธิ์ของเนตรทำลายล้างที่สามารถอ่านทางหนีทีไล่ของบุตรชายข้าได้ในพริบตา พวกเราออกเดินทางเดี๋ยวนี้” ชายชราเห็นดวงตาที่สามตรงหว่างคิ้วของหานลี่อย่างชัดเจน ชั่วขณะนั้นก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะเอ่ย
“โปรดอภัยที่ข้าน้อยไร้มารยาท นายท่านคิดจะไปสังหารคนผู้นั้นด้วยตนเอง?” บุรุษเขายักษ์ได้ยินพลันลังเลเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามขึ้น
“อันใด เจ้าคิดว่าคำสั่งของข้าไม่ชัดเจนหรือ?” น้ำเสียงของชายชราเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
“ข้าน้อยมิกล้า! แต่นายท่านลืมสาเหตุการออกจากการกักตนครั้งนี้ไปแล้วหรือ ร่างแยกของนายท่านบรรพบุรุษต้องอาศัยไอมารที่ระเบิดออกครั้งนี้ ถึงได้สติขึ้นมาในทันที หากนายท่านปล่อยให้เวลามันสายไป ถูกพวกมารเหล็กพูดจาใส่ร้ายต่อหน้านายท่านบรรพบุรุษ เกรงว่านายท่านคงเกิดปัญหา” บุรุษมังกรวารียักษ์ลังเลเล็กน้อยขณะเอ่ย
“หึ มารเหล็ก!” ชายชราแค่นเสียงด้วยความเย็นชา แม้ว่าจะดูไม่เหมือนไม่แยแส แต่เห็นได้ชัดว่าลังเลแล้ว
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน จิ่วเยี่ย เจ้าเชี่ยวชาญการแกะรอย ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีอะไรต้องตามคนเหล่านั้นมาให้ได้ และยิ่งไปกว่านั้นต้องขังพวกมันเอาไว้ ส่วนข้าจะไปต้อนรับนายท่านบรรพบุรุษที่ออกจากการกักตน แล้วค่อยมารวมตัวกับเจ้า แก้แค้นแทนบุตรชายข้า หากวันที่ข้ามาเจ้ายังหาคนผู้นั้นไม่พบ จะมีจุดจบอะไร เจ้าก็น่าจะรู้ดีสินะ” ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึมสลับกับสดใสเล็กน้อย แล้วถึงได้ตัดสินใจอย่างไม่ค่อยยินยอมนัก
“รับคำบัญชา!” หญิงสาวหน้าเปลี่ยนสี แต่ก็ก้มหน้าตอบรับในทันที
“อู่ชี่ พวกเราไปกันเถิด” ชายชราไม่ได้พูดอะไรกับหญิงสาวอีก แต่ออกคำสั่งกับบุรุษเขายักษ์ จากนั้นมือยักษ์ที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีเขียวก็ยื่นออกมาจากก้อนเมฆ แค่กะพริบวาบก็ตะปบลงไปที่ซากศพกลางทะเลหมอกด้านล่างและหดเล็กลงท่ามกลางกลุ่มหมอกราวกับสายฟ้าด้วยเหตุใดก็สุดจะรู้ได้
“ขอรับนายท่าน!” บุรุษเขายักษ์รับคำสั่งอย่างนอบน้อม กลายเป็นลำแสงสีแดงกลุ่มหนึ่งบินออกไป เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปในหมอกสีดำ
จากนั้นหลังจากที่เมฆสีดำเปล่งเสียงอึกทึกออกมา ก็พุ่งไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว
ชั่วพริบตาที่นี่ก็เหลือเพียงหญิงสาวหูแหลมคนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อเมฆาสีดำที่อยู่ไกลออกไปหายวับไปจากขอบฟ้า หางเล็กๆ ด้านหลังของหญิงสาวก็ม้วนไปมา แล้วเงยหน้าขึ้น
หญิงสาวผู้นี้ขมวดคิ้วดำขลับแน่น เผยให้เห็นว่ารู้สึกว่าคำสั่งของชายชรามันยุ่งยากไปหน่อย
แต่สุดท้ายนางก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง หลังจากกวาดสายตาไปรอบด้าน ยืนยันตำแหน่งแล้ว ก็เคลื่อนไหว กลายเป็นลำแสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งออกไป
แต่หลังจากลำแสงสีเงินพุ่งออกไปได้ร้อยจั้งเศษ ฉับพลันนั้นลำแสงวิญญาณพลันสั่นเทา ลำแสงหลีกหนีเริ่มรางเลือน
สุดท้ายพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงสีเงินสลายหายไปจากกลางอากาศ
……
อีกแห่งของเทือกเขามารสีทอง ชนต่างเผ่าระดับเทพแปลงและระดับสูญสุญตา กำลังบินอยู่กลางอากาศต่ำๆ อย่างแช่มช้า
ในมือของทั้งสองถือจานอาคมขนาดเท่าฝ่ามือเอาไว้ บางครั้งก็บินๆ หยุดๆ จ้องมองปฏิกิริยาต่างๆ บนจานอาคม
“ผ่านมาสองสามวันแล้ว น่าจะไม่พบเงาเห็ดเซียนแล้ว ท่านอาจารย์อาวัง พวกเรามาผิดทางหรือไม่” ชายหนุ่มพลังยุทธ์ระดับเทพแปลง อายุสามสิบกว่าปี อดไม่ไหวจนต้องเอ่ยถามอีกคน
“เคล็ดวิชาทำนายของข้า แม้ว่าจะไม่อาจกล่าวได้ว่าแม่นยำเต็มร้อย แต่อย่างน้อยที่สุดก็มีอัตราแม่นยำอยู่หนึ่งในห้า ทำนายสองสามครั้งติดกัน ล้วนชี้ไปทิศทางนี้ไม่ผิดพลาด” ชายวัยกลางคนร่างกายซูบผอมอีกคนหนึ่ง กลับแค่มองจานอาคมในมือ และตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา
“หนึ่งในห้า อัตราไม่มากนัก” ชายหนุ่มกลับถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเศร้าซึมไม่น้อย
“หึ นี่มัน”
ยามนี้ทั้งสองคนกำลังบินผ่านยอดเขาสูงใหญ่สองลูกไป
พวกมันเหมือนกับยอดเขาที่เคยพบเห็นอย่างไรอย่างนั้น ล้วนเป็นสีดำสนิท แต่ผิวเรียบลื่น ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นสักต้น ล้วนเป็นเหมือนกองหิน
ดังนั้นขณะที่ทั้งสองไม่ทันได้สังเกต กำลังจะเปล่งแสงสว่างวาบผ่านหว่างยอดเขาไป ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
ยอดเขาลูกหนึ่งระเบิดออกตรงหน้าของทั้งสองคน มีดลำแสงสีดำยักษ์ขนาดยี่สิบสามสิบจั้งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมา
“เหวอ”
ชายวัยกลางคนร่างกายผ่ายผอมพลันตกตะลึง รีบร้อนอ้าปากออกพ่นโล่สีขาวออกมา
โล่ใบนี้แค่พลิ้วไหว ก็มีขนาดสองสามจั้ง ต้านทานอยู่เบื้องหน้า
แต่ครู่ต่อมาลำแสงสีดำก็กวาดผ่านไป
หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น ชายวัยกลางคนและโล่ตรงหน้าถูกสับออกแล้วสลายหายไปราวกับกลุ่มควันสีเขียว ไม่อาจต้านทานลำแสงสีดำเลยสักนิดกระผีกริ้น
แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ ลำแสงสีดำที่ดุดันนี้กลับไม่ได้เข้าใกล้ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างเลยสักนิด
ลำแสงแทบจะเฉียดผ่านร่างของชายหนุ่มไป แล้วจมหายเข้าไปในทะเลหมอกด้านล่าง
ชั่วขณะนั้นหลังจากที่ทะเลหมอกเกิดเสียงอึกทึกขึ้น ก็แยกออกเป็นสองส่วนราวกับถูกใบมีดยักษ์สับท้องฟ้าออก เผยหุบเขายักษ์กว้างสิบจั้งเศษที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาออกมา
ด้านในเป็นสีดำทะมึน ราวกับลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดาได้
แม้ว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะมีพลังยุทธ์อยู่ในระดับเทพแปลงแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าต่อสู้กับผู้คนมาไม่มากนัก จนถึงตอนนี้ใบหน้าถึงได้เผยแววหวาดกลัวออกมา ทันใดนั้นก็ร่ายอาคมมือเป็นระวิง กลายเป็นสายรุ้งสีขาว ตรงไปยังทางที่มา
แต่ในตอนนั้นเองบนกำแพงหินเรียบลื่นของยอดเขาอีกด้าน พลันมีลำแสงสีเทาปรากฏขึ้นชั้นหนึ่ง จากนั้นใบหน้าโหดเ**้ยมขนาดสิบจั้งเศษใบหน้าหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเหรือกำแพงหิน
ใบหน้านี้แค่อ้าปาก ม่านลำแสงสีเหลืองก็ทะลักออกมา ม้วนวนอย่างรวดเร็วราวกับทางช้างเผือกที่ไหลย้อนกลับ ดูดสายรุ้งสีขาวเข้าไปในปาก
ทันใดนั้นใบหน้าบนกำแพงหินก็ปิดปาก จากนั้นร่างอันใหญ่ยักษ์สูงสองสามชั้นก็ทะลักออกมาจากยอดเขา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นมารอสูรรูปร่างคล้ายคางคกขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง
มารอสูรตัวนี้มีเรือนกายสีเทาขาวเรียบลื่น ส่วนหัวแทบจะกินพื้นที่หนึ่งในสามของร่างกายไป
ดูแล้วช่างน่าแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าต่อให้แปลกประหลาดอย่างไร มารอสูรตัวใหญ่ขนาดนี้ขวางอยู่ตรงกลางระหว่างภูเขา แน่นอนว่าย่อมน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนยอดเขาลำแสงสีดำยักษ์ที่ปล่อยออกมาในตอนแรก ก็มีเงาร่างคนสูงสามสี่จั้งบินออกมาอย่างเชื่องช้า
เมื่อเข้ามาประชิดก็มองเห็นอย่างชัดเจน เงาร่างคนคาดไม่ถึงว่าจะเป็นบุรุษที่ดูเหมือนซื่อสัตย์คิ้วหนาตาโต บนร่างสวมเกราะสงครามสีเขียว แต่แผ่นหลังกลับมีปีกเนื้อสีดำสนิทคู่หนึ่งกระพือไปมาเบาๆ
ปีกคู่นี้ช่างใหญ่โตมโหฬาร เมื่อกางออกมาเต็มที่ก็แทบจะมีขนาดสองสามจั้ง ผิวของมันไม่มีขนเลยสักเส้น กลับมีอักขระสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบไปมาไม่หยุด
มองจากไกลๆ ปีกคู่นี้ดูเหมือนดาวตกอย่างไรอย่างนั้น เผยความลึกลับออกมาเป็นอย่างยิ่ง
“นายท่านมารเหล็ก แค่สองคนจากแดนวิญญาณ เหตุใดต้องไปซุ่มดูพวกมัน” มารอสูรยักษ์ตัวนั้นพาคนติดปีกบินออกมา แล้วคาดไม่ถึงว่าจะเอ่ยคำถามภาษามนุษย์ออกมา
“ไม่มีอะไร แค่ไม่มีใครกล้าเข้ามาในส่วนลึกของเทือกเขามานานแล้ว คิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะมาปรากฏตัวที่นี่ ช่างแปลกประหลาดจริงๆ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะปลุกนายท่านบรรพบุรุษขึ้นมา ข้าไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายที่คาดไม่ถึงขึ้น หากเป็นไปได้ก็จัดมันซะ” มนุษย์ประหลาดปีกยักษ์เอ่ยอย่างราบเรียบ
“นายท่านกังวลเกินไปแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่บรรพชนของพวกเราทำสัญญากับพวกแดนวิญญาณระดับสุดยอดว่าจะอนุญาตให้คนของแดนวิญญาณเข้ามาที่นี่ได้ มีคนมาปรากฏตัวที่นี่ ก็ไม่แปลกอะไร” มารอสูรยักษ์เอ่ยด้วยเสียงอู้อี้ออกมา
“เอาล่ะ คางคกยักษ์! รีบใช้เคล็ดวิชาดูดวิญญาณของเจ้าสิ กินเศษเสี้ยววิญญาณของคนผู้นั้นเข้าไป ข้าอยากรู้ว่าพวกเขาเป็นแค่นักล่ามารอสูรธรรมดาจริงๆ หรือไม่!” บุรุษปีกยักษ์ออกคำสั่งอย่างเย็นชา
“ขอรับ นายท่าน!” มารอสูรยักษ์เห็นบุรุษมีท่าทีจะหมดความอดทน ทันใดนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก กลอกตาไปมาแล้วหลับตาลง
ชั่วขณะนั้นลำแสงห้าก็ไหลเวียนไปมาบนร่างของอสูร ในเวลาเดียวกันบรรยากาศรอบๆ ก็มีอักขระสีดำปรากฏขึ้น วนล้อมรอบร่างอันใหญ่โตไปมาอย่างรวดเร็ว
ผลคือหลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา ปากของคางคกยักษ์ก็ร้องตะโกนออกมา อักขระสีดำทั้งหมดจมหายเข้าไปในร่างของมัน ดวงตาอันใหญ่โตทั้งสองเบิกตาขึ้นอีกครั้ง
”รายงานนายท่าน หาสาเหตุที่พวกเขาเข้ามาที่นี่ได้แล้ว คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเห็ดเซียนที่ได้รับบาดเจ็บตัวหนึ่ง!” เสียงของคางคกยักษ์แปลกใจไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าคำตอบนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของมัน
“เห็ดเซียน! นั่นคืออะไร?” บุรุษปีกยักษ์กลับรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ก็คือสมุนไพรสะท้านฟ้าต้นหนึ่งที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้!” คางคกยักษ์อธิบาย
“เห็ดเซียนที่แปลงเป็นมนุษย์ได้! มีเรื่องนี้จริงๆ หรือ เจ้าไม่ได้เข้าใจผิดหรอกนะ?” บุรุษได้ยินคำนี้ ร่างกายพลันสั่นสะท้าน จากนั้นก็เผยสีหน้ายินดีออกมาขณะเอ่ยถาม
“ข้าดูดซับจิตวิญญาณดั้งเดิมของคนผู้นี้จนหมดแล้ว ไม่ผิดแน่ อันใดนายท่านสนใจสิ่งนี้หรือ?” คางคกยักษ์ใช้มือหยาบๆ ลูบไปที่ศีรษะ แล้วกลับรู้สึกฉงนขึ้นมา
“หึๆ มารลิงแปลงกายในแดนมารโบราณของพวกเรา เจ้าน่าจะรู้จักสินะ เห็ดเซียนนี้มีประโยชน์เช่นเดียวกันกับสิ่งนั้น! หากข้าได้มันมาล่ะก็…” บุรุษปีกยักษ์ดวงตาทองทั้งสองข้างเปล่งประกาย
ตอนที่ 1615 มังกรวารีสีเงินกับแมลงประ...
“มารลิงแปลงกาย! มิน่าล่ะแดนวิญญาณที่เข้ามาที่นี่ครั้งนี้ล้วนมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่สิ คนเหล่านี้ไม่รู้ประโยชน์ที่แท้จริงเห็ดเซียน” เสียงตกตะลึงดังออกมาจากปากของคางคกยักษ์ ท่าทางตกตะลึงไม่น้อย
“ไม่ว่าอย่างไร ห้ามให้สิ่งนี้ตกอยู่ในมือของพวกเขา แต่เรื่องต้อนรับบรรพชนก็ไม่อาจล่าช้าได้ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้ากลับไปรวบรวมมารอสูรมากลุ่มหนึ่ง ไปตามหาเห็ดเซียนมาให้ข้า จากความเข้าใจเทือกเขาของพวกมัน จะต้องสำเร็จแน่ แต่ต้องจำไว้ ต้องเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ อย่าให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของมารหลายตาและแขนโลหิตรู้เรื่องนี้ นอกจากนี้หากพบคนของแดนวิญญาณคนอื่นๆ ก็ฆ่ามันให้หมด แม้ว่าพวกเราและระดับสุดยอดของแดนวิญญาณเหล่านั้นจะมีพันธสัญญาต่อกัน แต่ขอแค่ไม่เอิกเกริกเกินไป หายสาบสูญไปสักยี่สิบสามสิบคนก็ไม่เป็นไร จากฐานะของคนเหล่านั้นจะออกโรงเพราะคนเหล่านี้หรือไม่?” หลังจากบุรุษปีกยักษ์ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็ออกคำสั่งด้วยความเย็นชา
“ในเมื่อนายท่านกล่าวเช่นนี้ ข้าน้อยก็จะกลับไปในทันที ยุทธภัณฑ์ในมือของคนเผ่ามนุษย์เหล่านั้นน่าจะตามรอยเห็ดเซียนได้ แม้ว่าจะมีผลแค่ในรัศมีร้อยลี้ แต่หากแย่งมาได้ทั้งหมด ก็มั่นใจว่าจะตามหาเห็ดเซียนได้มากยิ่งขึ้น ยุทธภัณฑ์ของอีกคนก็ถูกนายท่านทำลายไปแล้ว คนที่ข้ากลืนลงไป กลับยังสมบูรณ์ไร้ที่ติ มอบให้นายท่านก่อนก็แล้วกัน” คางคกยักษ์ก้มหน้าลง อ้าปากออก พ่นจานอาคมเปล่งแสงเรืองๆ ออกมา
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ก็ไม่ฆ่าคนของแดนวิญญาณเหล่านั้นไม่ได้แล้ว ขอแค่มารหลอมยุทธภัณฑ์ชนิดนี้ เห็ดเซียนตัวนั้นก็ตกอยู่ในกำมือของข้ามากขึ้นแล้ว เจ้าไปจัดการเถิด” บุรุษปีกยักษ์ได้ยินพลันดีใจ และยกมือขึ้นดูดจานอาคมเข้ามาในมือ
“รับคำบัญชา!” คางคกยักษ์ตอบรับอย่างนอบน้อม ร่างกายอันใหญ่โตโถมลงไปที่ทะเลหมอกด้านล่าง แล้วจมหายไปอย่างเงียบเชียบ
บุรุษปีกยักษ์เก็บจานในมือ ปีกคู่ยักษ์กระพือปีก กลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งไปยังขอบฟ้า
สองวันต่อกลางอากาศในพื้นที่ประหลาด มีต้นไม้ยักษ์สูงระฟ้ายี่สิบสามสิบจั้งเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ชนต่างเผ่าสองกลุ่มกำลังพุ่งแหวกอากาศไล่ตามกันไป
ด้านหน้าคือสำเภาวิญญาณสีเหลืองอ่อนลำหนึ่ง ความยาวสามสี่จั้ง ด้านบนมีคนยืนอยู่สามคน ล้วนเป็นบุรุษสวมชุดคลุมสีฟ้า หนึ่งในนั้นนั่งสมาธิอยู่ไม่ขยับเขยื้อน ดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บหนัก อีกสองคนก็มีลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด กำลังกระตุ้นสำเภาวิญญาณอย่างสุดฤทธิ์
ส่วนผู้ที่ไล่ตามมากลับเป็นรถเหาะประหลาดทรงกรวย ตัวรถเป็นสีแดงโลหิต และถูกไอสีเทากลุ่มหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้ มีเงาภูตเปล่งแสงอยู่ลางๆ
บนรถเหาะมีเงาร่างคนเพียงเงาเดียว สวมชุดเกราะสงครามสีเงิน มีหนามสีโลหิตเต็มไปหมด ดูสะดุดตายิ่งนัก
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นบุรุษแซ่กุยที่เกือบจะถูกหานลี่จัดการในหอเมฆาอัสนีแล้ว
คนผู้นี้เอาสองมือกอดอก มองสำเภาวิญญาณที่บินหนีอยู่ด้านหน้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ส่วนลึกของนัยน์ตามีจิตสังหารฉายวาบอยู่
ทั้งสองหนึ่งบินหนีสองไล่ตาม ชั่วพริบตาก็บินออกมาในรัศมียี่สิบสามสิบลี้
แต่ไม่ว่าสมบัติเหาะเหินหรือว่าลมปราณประจำร่าง บุรุษแซ่กุยล้วนเหนือกว่าทั้งสามคนที่อยู่ด้านหน้า ชั่วครู่ก็ร่นระยะห่างออกจากสำเภาวิญญาณด้านหน้าไปได้มาก
“เหตุใดสหายต้องบีบบังคับกันเช่นนี้ เราสามคนและนายท่านไม่มีความแค้นต่อกัน ยอมถอยออกจากเทือกเขา และมอบจานอาคมแกะรอยให้ หวังว่าจะปล่อยพวกเราไป!” ผู้ที่อยู่บนสำเภาวิญญาณส่งเสียงอันดังๆไปด้านหลังด้วยความร้อนใจ
“ปล่อยเจ้าไป? แน่นอนว่าได้ เอาโลหิตบริสุทธิ์และจิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเจ้ามอบให้ข้า ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป” บุรุษแซ่กุยเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก น้ำเสียงไม่ดังนัก อยู่ไกลกันถึงเพียงนี้แต่กลับชัดเจนนัก
“เจ้าคือปีศาจบำเพ็ญเพียรที่ผู้คนประณามดังคาด!” ผู้พูดได้ยินก็อดที่จะเอ่ยปากก่นด่าไม่ได้
แต่ทั้งสามคนย่อมยิ่งตื่นตระหนกมากกว่าเดิม ทันใดนั้นทั้งสองก็ไม่เพียงแค่ยืนขึ้นพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมากระตุ้น แม้แต่คนที่นั่งสมาธิอยู่ก็ยังไม่สนใจอาการบาดเจ็บ สองมือกดไปที่ด้านล่างพร้อมกัน และเริ่มบรรจุลมปราณลงไปในสำเภาวิญญาณ
เช่นนั้นความเร็วของสำเภาวิญญาณเพิ่มขึ้น ไม่ต่างอะไรกับรถเหาะด้านหลังนัก แม้กระทั่งยังเร็วกว่าหนึ่งส่วน
แต่ไม่รอให้ผู้ที่อยู่ด้านหน้าทั้งสามเผยสีหน้าดีใจออกมา บุรุษแซ่กุยก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ผิวของเกราะสงครามมีลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ จากนั้นมือหนึ่งพลันร่ายอาคม เท้าเหยียบอยู่บนรถเหาะ
ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น ไอสีเทาบนรถเหาะทรงกรวยสีแดงโลหิตพลันหมุนวนอย่างรุนแรง ชั่วครู่ก็กลายเป็นก้อนเมฆขนาดสองสามหมู่ จากนั้นเสียงคำรามของมังกรก็ดังอึกทึกออกมาจากด้านใน
ทั้งสามคนที่อยู่ด้านหน้าได้ยินสถานการณ์เบื้องหลัง ต่างก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา แล้วมองไปด้านหลัง
ผลคือทั้งสามคนอดที่จะขวัญกระเจิงไม่ได้
เพราะว่าในหมอกเมฆาสีเทามีลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ มังกรวารีสีเงินตัวหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไป แค่กะพริบวาบก็หายวับไป ครู่ต่อมาเหนือสำเภาวิญญาณก็มีไอวิญญาณปรากฏขึ้น มังกรวารีเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นกลางอากาศ จากนั้นพายุที่ชั่วร้ายก็พัดเข้ามา
ทั้งสามคนพลันตกตะลึง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนธรรมดา ที่ร่ายอาคมก็ร่าย ที่ชูมือก็ชู ชั่วพริบตาก็สำแดงสมบัติเจ็ดแปดชิ้นออกมา กดลงไปยังร่างของมังกรวารีอย่างโหดเ**้ยม
แต่แววตาของมังกรวารีพลันเปล่งแสงสีโลหิตสว่างวาบ แค่อ้าปากออก ก็พ่นไข่มุกสีแดงโลหิตที่มีเสียงเพรียกอันไพเราะดังออกมา
ไข่มุกหมุนติ้วๆ ฉับพลันนั้นก็ปล่อยลำแสงสีดำแดงโลหิตออกมา
สมบัติทั้งหมดโจมตีโถมเข้ามาถูกลำแสงสีโลหิตกวาดไป ทยอยกันเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญแล้วลดลงมาจากกลางอากาศ
ลำแสงสีโลหิตถือโอกาสกวาดลงไปด้านล่าง
ตัวสำเภาวิญญาณมีลำแสงสีเหลืองอ่อนปรากฏขึ้น แต่เมื่อสัมผัสกับลำแสงสีโลหิต ชั่วพริบตาก็ละลายหายไปราวกับเทียนไข
จากนั้นลำแสงสีโลหิตพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ปกคลุมร่างของทั้งสามบนสำเภาวิญญาณเอาไว้
เสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
ไม่รู้ว่าลำแสงสีโลหิตนั้นมีอิทธิฤทธิ์อันใด ชั่วพริบตาที่ลำแสงวิญญาณปกป้องร่างของผู้สวมชุดคลุมสีฟ้าทั้งสามคนถูกละลาย ก็กลายเป็นโลหิตขนาดเท่ากำปั้นสามกลุ่ม
มังกรวารีสีเงินอ้าปากออก หมอกลำแสงหมุนวนพุ่งออกมา ดูดโลหิตสามกลุ่มเข้าไปในท้อง
ยามนี้ผิวของมังกรวารีสีเงินมีลำแสงสว่างวาบ กลายร่างเป็นมนุษย์
นั่นก็คือบุรุษแซ่กุย
เขาชูมือข้างหนึ่งขึ้นด้วยดวงตาที่เย็นชา เช็ดคราบโลหิตที่มุมปาก จากนั้นก็หันหน้ามองไปยังส่วนลึกของเทือกเขาแวบหนึ่ง
กลายเป็นลำแสงหลีกหนี สายรุ้งสีแดงโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกไป
……
หมอกบางๆ สีขาวขมุกขมัว ราวกับปกคลุมระหว่างเทือกเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เทียบกับไอมารสีดำเทารอบๆ หมอกบางๆ ผืนนี้ดูสะดุดตายิ่งนัก!
หานลี่และพวกทั้งสามลอยอยู่ด้านหน้าม่านหมอก เงียบขรึมไม่ปิดปากต่างมีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป
“จะต้องผ่านทางนี้ อ้อมไปมิได้หรือ?” เซียนเซียนเอ่ยปากถาม
“เกรงว่าจะไม่ได้ สองสามวันก่อนพวกเราอ้อมฝูงผึ้งมารที่อยู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นไปแล้ว พวกเราเสียเวลาไปสองวันแล้ว ห้ามอ้อมไปอีก เกรงว่าคงไม่ทันเวลา” เย่ว์จงขมวดคิ้วมุ่น
“ทว่าตามที่สหายเย่ว์กล่าว ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีหมอกเหล่านี้ ยามนี้มีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นเกรงว่าคงแปลกไปหน่อย” เซียนเซียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“แปลกตรงไหน! หมอกเหล่านี้มีจิตสังหารผสมอยู่ กว่าครึ่งคงมีมารอสูรที่แข็งแกร่งอะไรสักอย่างซ่อนตัวอยู่ แม้กระทั่งหมอกเหล่านี้ยังเป็นสิ่งที่มารอสูรตัวนั้นสร้างขึ้น” หานลี่เหม่อมองไปยังส่วนลึกของหมอกบางๆ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
“ทว่าพี่หานอยู่ที่นี่ ต่อให้มีมารอสูรระดับสูงอะไรก็ไม่มีทางรอดไปได้แน่” เซียนเซียนมองหานลี่แวบหนึ่ง แล้วฉีกยิ้มบางๆ ออกมา
“ท่านเซียนเซียนพูดผิดแล้ว หากในนี้มีแค่มารอสูรตัวสองตัว ผู้แซ่หานย่อมจัดการได้อย่างไม่มีปัญหา หากมีมารอสูรระดับสูงอาศัยอยู่เป็นฝูง ข้าก็ทำได้เพียงรักษาชีวิตตนเองเท่านั้น” หานลี่สั่นศีรษะ เผยท่าทีเยือกเย็นออกมา
“มารอสูรเป็นฝูง! จะเป็นไปได้อย่างไร? มารอสูรระดับสูงอาศัยอยู่ที่นี่น้อยมาก” รอยยิ้มของเซียนเซียนแข็งค้าง แล้วฝืนยิ้มออกมา
“มันก็ไม่แน่ ไอหมอกกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ แม้จะเบาบาง แต่ก็ไม่เหมือนหมอกที่มารอสูรตัวสองตัวจะมารวมตัวกันได้ ไม่เป็นมารอสูรที่แข็งแกร่งมาก ก็เป็นที่อยู่ของฝูงมารอสูรระดับสูง” เย่ว์จงแววตาเปล่งประกายขณะเอ่ย
เมื่อได้ยินเย่ว์จงกล่าวเช่นนั้น หญิงสาวเผ่าผลึกก็มีสีหน้าดูไม่ได้ไปเล็กน้อย หลังจากผ่านไปชั่วครูุ่ถึงได้เอ่ยขึ้น
“สหายทั้งสองคิดจะทำอย่างไร หรือว่าคิดจะกลับ?”
“กลับไปย่อมไม่คุ้มค่า ความหมายของข้าคือ ยามที่เข้าไปด้านในต้องระมัดระวังให้มาก หากพบกับอันตรายอะไร ก็จะได้มีการรับมือที่รอบคอบ แน่นอนว่าหากเป็นสิ่งที่พวกเราไร้พลังต้านทาน เพื่อชีวิตน้อยๆ ก็มีเพียงต้องกลับไปทางเดิมแล้ว” หานลี่เอ่ยพลางฉีกยิ้ม
เซียนเซียนมีสีหน้าผ่อนคลายลง เย่ว์จงกลับหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย อดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น
“ท่านอาวุโสหาน ตัดสินใจจะเข้าไปข้างใน?”
“ไม่ผิด การเดินทางครั้งนี้สำคัญต่อผู้แซ่หานเช่นกัน ไม่อาจถอยง่ายๆ ได้ หรือว่าสหายเย่ว์ขลาดกลัวแล้ว” หานลี่เหลือบตามองเย่ว์จงแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ก่อนหน้านี้ข้าติดหนี้บุญคุณกับท่านอาวุโส หากท่านอาวุโสอยากเข้าไป ชนรุ่นหลังย่อมไม่เสียดายที่จะใช้ชีวิตตอบแทน” เย่ว์จงสีหน้าเคร่งขรึมสลับกับสดใสอยู่นาน สุดท้ายก็กัดฟันเอ่ยขึ้น
หานลี่หัวเราะหึๆ ออกมา แล้วไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
เซียนเซียนได้ยินคำนี้ ใบหน้าพลันเผยรอยยิ้มออกมา และเอ่ยด้วยเสียงไพเราะว่า
“ในเมื่อสหายทั้งสองตัดสินใจแล้ว พวกเราก็เข้าไปข้างในกันเถิด หากมารอสูรที่แข็งแกร่งอะไรจริงๆ สหายทั้งสองก็ไม่ต้องเป็นห่วงข้า แม้ว่าข้าจะมีพลังยุทธ์ตื้นเขิน แต่ก็มั่นใจว่ามีวิธีเอาตัวรอดอยู่บ้าง พอที่จะดูแลตนเองได้”
“มีคำพูดของท่านเซียนเซียน งั้นก็ยิ่งไม่มีปัญหา” หานลี่หัวเราะฮ่าๆ ทันใดนั้นก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนี กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งนำเข้าไปในม่านหมอก
จากความสามารถของเขาในยามนี้ แม้ว่าจะพบกับมารอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ก็มีวิธีเอาชีวิตรอด แน่นอนว่าย่อมไม่ได้สนใจหมอกบางๆ ตรงหน้ามากนัก
หลังจากที่หญิงสาวเผ่าผลึกและเย่ว์จงมองสบตากันแวบหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าย่อมไล่ตามหลังไปติดๆ
สายรุ้งสีเขียวบินไปกลางอากาศต่ำๆ อย่างไม่รวดเร็วและไม่เชื่องช้า หานลี่ที่อยู่ในลำแสงหลีกหนีกำลังมองไปรอบๆ ไม่หยุด แววตามีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงอยู่ลางๆ เผยความลึกลับออกมาเป็นอย่างมาก
เขาในยามนี้บรรจุพลังปราณจำนวนไม่น้อยลงไปในลูกตาแล้ว สำแดงอิทธิฤทธิ์ของเนตรวิญญาณออกมาเต็มอัตรา
ในเวลาเดียวกันโล่ใบเล็กใบหนึ่งก็วนโคจรอยู่รอบๆ กาย เปล่งแสงระยิบระยับออกมา มีอักขระปรากฏขึ้นลางๆ
นั่นก็คือโล่ผลึกวารีที่เขาใช้วัตถุดิบจากแมลงเม่าประหลาดหลอมขึ้น!
ภายใต้สถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ เขาไม่คิดจะปรานีใดๆ
ส่วนเย่ว์จงที่ตามมาด้านหลัง สองเท้าเหยียบอยู่บนกรงล้อ ในมือกลบัมีกล่องสีทองประหลาดๆ เพิ่มขึ้นมา
ฝากล่องเปิดอก ด้านในมีแมลงประหลาดตัวสีขาวอ้วน แต่ผิวเป็นจุดสีเงิน
แมลงตัวนี้รูปร่างคล้ายรังไหม แต่หัวกลับมีลวดลายหน้าผีประหลาดๆ อยู่ มันเคลื่อนไหวไปมาดูสมจริง ราวกับมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น