ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1606-1613
ตอนที่ 1606 ขอให้เลี้ยงดู
เรื่องของถังม่านลี่เหมยเหมยไม่ได้ใส่ใจนัก เส้นทางก็เลือกเดินเอง จะขมหรือหวานก็เป็นตัวเองที่ต้องฝืนกล้ำกลืน
ฉีฉีเก๋อเป็นห่วงสวีจื่อเซวียนมากกลัวว่าถังม่านลี่จะพาเธอไปเสียคน
“หล่อนไม่ใช่เด็กสามขวบแล้วนะ หรือไม่มีสมองคิเองได้เหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบถ เธอเตือนไปแล้วเขาไม่รับน้ำใจ เกิดเรื่องขึ้นก็อย่ามาโทษเธอแล้วกัน
ฉีฉีเก๋อถอดถอนหายใจโดยไม่เอ่ยอะไรอีก
ช่วงเย็นเหมยเหมยกลับบ้านตัวเอง เพราะเหยียนหมิงซุ่นทิ้งข้อความไว้ว่าเขากลับมาแล้วให้เธอกลับไปพักที่บ้าน
เหมยเหมยกลับบ้านด้วยความตื่นเต้นดีใจ แต่กลับเห็นเหยียนหมิงซุ่นคาดผ้ากันเปื้อนทำอาหารอยู่ ลุงเหลาและป้าฟางต่างก็ไม่อยู่
“พี่ให้พวกเขากลับบ้านไปแล้ว บินช่วงบ่าย” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย พลิกสเต็กเนื้อในกระทะอย่างชำนาญ ในห้องครัวเต็มไปด้วยกลิ่นหอมตลบอบอวล
เหยียนหมิงซุ่นตักเนื้อสเต็กที่ทอดเสร็จใส่จาน จากนั้นเปิดฝาหม้อแกงซึ่งในนั้นตุ๋นน้ำแกงมะเขือเทศเนื้อวัว เขาใช้ช้อนตักแกงขึ้นมาครึ่งช้อน เป่าแล้วยื่นไปที่ปากเหมยเหมย
“ชิมรสชาติดู”
เหมยเหมยชิมคำเล็กแล้วชูนิ้วโป้งให้เขา อร่อยมาก
“คุณสามีเก่งจังเลย ต่อไปอาหารสามมื้อของฉันคงต้องมอบให้เป็นหน้าที่พี่แล้วล่ะได้ไหมคะ?”
เหมยเหมยออดอ้อนกอดแขนเหยียนหมิงซุ่น นับตั้งแต่ที่ได้ชิมฝีมือการทำอาหารของเหยียนหมิงซุ่นเธอก็ไม่อยากทำอาหารเองอีกเลย
มีคนคอยดูแลดีจะตายไปทำไมจะต้องลงมือเองเล่า?
เหยียนหมิงซุ่นปิดเตา ตักน้ำแกงใส่ถ้วยแล้วยกไปวางในห้องอาหาร ด้านหลังมีคนเดินตามต้อย ๆไม่ห่างกาย เขาวางถ้วยแกงลง จากนั้นยื่นมือไปบิดใบหน้ารูปไข่เนียนนุ่มพร้อมเอ่ยอย่างคลุมเครือว่า “ไม่มีปัญหา กลางวันพี่ป้อนเธอให้อิ่ม ส่วนกลางคืนเธอป้อนพี่ให้อิ่ม!” เหมยเหมยหน้าแดงระเรื่อแต่ก็กลับมาปกติอย่างรวดเร็ว
ความหน้าด้านหน้าหนา ถ้าหนาเพิ่มไปเรื่อย ๆก็กลายเป็นเหมือนหนังหมูเองแหละ!
“พี่…ฉันจะเหนื่อยเอานะ…พี่ไม่สงสารเหรอ?” เหมยเหมยมุ่ยปากพร้อมย่นจมูก เสียงนุ่มนวลทรงเสน่ห์ลากยาวราวน้ำตาลสายไหมก็มิปาน ตราบใดที่เป็นผู้ชายใครก็ต้องถูกหลอมละลายจนตัวอ่อนยวบทั้งนั้น
เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เพียงแต่…
เขาให้เจ้าปีศาจน้อยพักไปหลายวันถึงเพิ่งจะกลับบ้านมานี่ไง!
“ที่รัก…อยู่ห่างกันระยะหนึ่ง พอพบกันใหม่จะทำให้ยิ่งรักกันมากกว่าเพิ่งแต่งงาน เธอไม่คิดงั้นเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นเลียติ่งหูขาวนวล ไอร้อนทำให้เหมยเหมยแข้งขาอ่อนระทวย เอนพิงตัวเขาสองมือเกาะแขนเหยียนหมิงซุ่นไว้แน่น
“ฉัน…ไม่ได้คิดงั้นเลย!”
เหมยเหมยฝืนใจปฏิเสธ แม้ว่าความจริงเธอจะคิดเช่นนั้นก็ตาม แต่ทุกครั้งที่เหยียนหมิงซุ่นเกิดผงาดขึ้นมาทีไรก็ไม่จบไม่สิ้นสักทีจนเหนื่อยเพลียแทบตายอยู่บนเตียง เธอคิดว่าการระงับอารมณ์ก็ใช่ว่าจะไม่ดี
“พี่จะคอยดูว่าเธอโกหกไหมนะ…”
จู่ ๆเหยียนหมิงซุ่นก็อุ้มเธอขึ้นมาบนโต๊ะอาหาร เหมยเหมยตกใจร้องเสียงหลงเอาแต่ตะโกนร้องจะลงไป เหยียนหมิงซุ่นทำเป็นไม่ได้ยินแล้วปิดปากน้อย ๆของเธอที่กำลังบ่นอู้อี้อยู่ พร้อมมือที่ปัดป่ายไปทั่วอยู่ไม่สุข
ความคิดถึงตลอดทั้งสัปดาห์บัดนี้ได้หลอมละลายกลายเป็นกองไฟรักอันร้อนเร่า มันทั้งร้อนรุ่มทั้งชวนหลงใหล เหมยเหมยร่างอ่อนระทวยอย่างห้ามไม่ได้ โอบเอวเหยียนหมิงซุ่นเอาไว้ ตอบสนองอย่างดุเดือด
เหยียนหมืงซุ่นกระตุกยิ้มอย่างพอใจแล้วจงใจใช้ฟันกัดไปทีหนึ่ง “ปีศาจน้อยปากไม่ตรงกับใจ ต่อไปนี้ถ้าโกหกอีกจะเพิ่มบทลงโทษหนึ่งครั้ง”
เหมยเหมยกัดตอบอย่างโมโห หอบหายใจถี่พูดเสียงขาด ๆหาย ๆ “ไม่ใช่ว่าเป็นพี่เหรอที่ไม่รู้จักพอ พี่ไม่ทะนุถนอมฉันเลยสักนิด…”
“ตอนนี้พี่จะทะนุถนอมเธออย่างดีเลย…”
“เกลียดนัก…พี่รู้ดีแก่ใจว่าฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น!”
“ปากไม่ตรงกับใจอีกแล้ว…มีสมาธิหน่อย อย่าใจลอยสิ!”
…
ดอกโฟทิเนียเบ่งบานครั้งแล้วครั้งเล่า
น้ำแกงที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นสั่นกระเพื่อมไม่หยุด
ไออุ่นรักในวสันต์ฤดูยังคงอยู่เสมอ!
………………………………………………………
ตอนที่ 1607 ปีกไก่น้ำผึ้ง
เห็นแก่ว่าเหมยเหมยหิวเหยียนหมิงซุ่นจึงขจัดความโลภทิ้งไป ไม่ได้ทรมานเธอเหมือนแต่ก่อน เพียงพอต่อความหิวกระหายอยู่บ้าง เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจอย่างอิ่มสุข กระซิบข้างหูเหมยเหมยด้วยเสียงแหบพร่า “ถึงคราวพี่ป้อนเธอแล้ว กินอิ่มแล้วค่อยให้เธอป้อนพี่ต่อ!”
เหมยเหมยพร่ำบ่นโอดครวญ จ้องเขาตาเขม็ง
ตั้งแต่ผ่านด่านพ่อแม่มาเหยียนหมิงซุ่นก็เหิมเกริมขึ้นเรื่อย ๆ หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกสู้กลับไปเป็นเหมือนก่อนยังดีเสียกว่า!
“พี่คะ…ฉันไม่มีแรงแล้ว…ลุกไม่ขึ้น”
มารยาหญิงห้ามใช้เด็ดขาด ที่เหลือคงต้องเป็นแผนตบตาแสร้งไม่สบาย หวังเพียงแค่เจ้าหมาป่าตัวนี้จะใจดีเมตตาบ้าง
“ขาอ่อนแรง?” เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้วพลันติดกระดุมเสื้ออย่างเชื่องช้า ติดช้าเอามาก ๆราวกับภาพสโลโมชั่น
เดิมทีชายเสื้อยัดอยู่ตรงเอว แต่ตอนนี้กลับอยู่ด้านในครึ่งหนึ่งหลุดออกมาครึ่งหนึ่ง ดูหลวมสบาย ๆเผยให้เห็นถึงการทำอย่างลวก ๆและขี้เกียจ เพราะเสื้อที่เปิดวับ ๆแวม ๆจึงเผยให้เห็นผิวสีน้ำผึ้งตรงช่วงอกเป็นพัก ๆ
ช่วงอกอันแสนเซ็กซี่ยิ่งทำให้เลือดลมสูบฉีด เหมยเหมยเห็นจึงเกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะ กลืนน้ำลายไปหลายอึก สูญเสียการได้ยินไปโดยอัตโนมัติ
กล้ามอกนี่ช่างน่าดึงดูดเหลือเกิน!
“ดูดีไหม?”
เสียงของเหยียนหมิงซุ่นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆเคล้ากับความอันตราย แต่ลูกแกะน้อยกลับยังไม่รู้ตัวยังมองอย่างหลงใหล จ้องตาไม่กระพริบ
“ดูดี…เป็นที่สุด!”
เหมยเหมยตอบอย่างไร้สติ ฉับพลันก็ค้นพบว่ากล้ามอกน่าดึงดูดรัญจวนใจที่โผล่ออกมานั้นเขยิบเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงแอบดีใจพลันยื่นมือออกไปอย่างไร้การควบคุม แต่เสื้อเชิ้ตกลับถูกติดกระดุมไปแล้วจึงไม่อาจสัมผัสได้
“อยากลูบงั้นเหรอ?” เสียงพูดดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกลั้วด้วยเสียงหัวเราะ
เหมยเหมยพยักหน้า ความจริงเธออยากจะกัดด้วยซ้ำ!
“งั้นเธอลูบของพี่ พี่ลูบของเธอ แลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรมดีไหมล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นจงใจหยอกเย้า พยายามกดอารมณ์ไว้ อาหารมื้อใหญ่ต้องอดใจไว้ก่อน รอป้อนเจ้าปีศาจน้อยให้อิ่มก่อนค่อยว่ากัน
กินอิ่มถึงจะมีแรงทำงาน!
เหมยเหมยตัวสั่นสะดุ้งเฮือกจนได้สติ จากนั้นก็ค้นพบว่ามือข้างหนึ่งของเหยียนหมิงซุ่นยันโต๊ะไว้จับจ้องเธอดวงตาเป็นประกาย นัยน์ตาฉายแววเย้าแหย่ เธอทุบเข้าที่อกของเขาอย่างนึกรำคาญใจ
“ฉันจะลุกแล้ว รีบถอยไปสิ!”
เกลียดที่สุดเลยจงใจทำให้เธออับอาย
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างชั่วร้ายไม่แม้จะขยับ ทั้งยังจงใจพูดว่า “เหมยเหมยไม่ลูบแล้วเหรอ?”
“ไม่เอา มีอะไรให้ลูบนักหนา ไม่ใช่แค่โปรตีนรวมกับไขมันเหรอ เนื้อหมูก็มีส่วนผสมแบบนี้เหมือนกัน” เหมยเหมยแค่นเสียงแล้วใช้แรงผลักหมาป่าบางตัวออกไป แต่ผลักเท่าไรก็ไม่ขยับจึงได้แต่กัดเข้าที่มือของเหยียนหมิงซุ่นอย่างโมโห
เหยียนหมิงซุ่นจึงปล่อยไปตามน้ำ ถึงยังไงก็เหมือนอาการคันยุบยิบ แต่ความกล้าของเจ้าปีศาจน้อยนับวันยิ่งมีมากขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะกล้าเปรียบเทียบเขากับหมู?
รอให้ทานข้าวเสร็จก่อนเถอะ ค่อยอธิบายให้เจ้าปีศาจน้อยฟังถึงความแตกต่างทางสรีระของคนกับหมู!
สมองของเจ้าปีศาจน้อยทำงานได้ไม่ค่อยดีนัก ต้องอธิบายหลายครั้งหน่อย อีกอย่างต้องสอนภาคปฏิบัติด้วยและนั่นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
เมื่อแกล้งภรรยาของตนจนหนำใจแล้ว เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจจึงปล่อยตัวเหมยเหมยไป
กับข้าวเย็นหมดแล้ว เหยียนหมิงซุ่นจึงนำไปอุ่นใหม่ใช้เวลาครู่เดียวก็เสร็จ เขายกน้ำแกงถ้วยหนึ่งส่งให้เหมยเหมย พูดเสียงนุ่มนวล “ซดแกงเพื่ออุ่นท้องก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยกินสเต็กเนื้อ พี่ทำปีกไก่น้ำผึ้งไว้ด้วยอีกสักพักก็เสร็จแล้ว”
“อืม ฉันไม่กินสเต็กเนื้อแล้ว เก็บท้องไว้ปีกไก่น้ำผึ้งดีกว่า”
ปีกไก่น้ำผึ้งเลยนะ ของโปรดเธอเลย!
เหยียนหมิงซุ่นหั่นเสต็กเป็นชิ้นเล็กแล้วจิ้มชิ้นหนึ่งขึ้นมาป้อนเธอ เตาอบถึงเวลาที่ตั้งไว้พอดี ปีกไก่สีเหลืองทองอันหอมกรุ่นออกจากเตาแล้ว เหมยเหมยดวงตาเป็นประกายจิ้มหนึ่งปีกขึ้นมากิน
“ค่อย ๆกิน ระวังลวกลิ้นเอา” เหยียนหมิงซุ่นที่เห็นก็เอาแต่ส่ายหน้า ไม่เคยเห็นใครชอบกินปีกไก่ขนาดนี้มาก่อน ของแบบนั้นมีอะไรน่าอร่อยนักเหรอ แทบไม่มีเนื้อด้วยซ้ำ
กินไปสามปีกติดกันท้องก็เริ่มอิ่ม เหมยเหมยหยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดมือ พร้อมยกแก้วชนกับเหยียนหมิงซุ่นแล้วดื่มน้ำส้ม พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่เธอทำในไม่กี่วันมานี้ รวมทั้งเรื่องที่เธอไปโรงน้ำชาของพี่เฉินมาด้วย
พอได้ยินชื่อพี่เฉิน เหยียนหมิงซุ่นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ฉับพลันก็คายออก
ตอนที่ 1608 โลภไม่เคยพอ
เหมยเหมยรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงรีบถาม “ลุงเฉินเขาเป็นอะไรเหรอ?”
หลายปีมานี้ธุรกิจของพี่เฉินเจริญรุ่งเริงมาก อาทิบ่อนพนันใต้ดิน มวยใต้ดิน สนามกอล์ฟ สโมสรระดับสูงเป็นต้น เขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยทั้งนั้น และเขายังได้ร่วมทำการเปิดประมูลในฮ่องกงกับลุงหมิงซึ่งร่ำรวยเป็นเทน้ำเทท่าเช่นกัน
ลุงหมิงก็คือผู้ชี้นำของเหยียนหมิงซุ่นในตอนนั้น เขากับโอหยางปินมีความอาฆาตแค้นต่อกัน สาเหตุหลักในครั้งแรกที่เลือกเหยียนหมิงซุ่นก็แค่ต้องการสนับสนุนเหยียนหมิงซุ่นให้เป็นคู่แข่งกับโอหยางปิน ซึ่งตอนนั้นไม่ได้มีความคิดอะไรที่มากไปกว่านั้น
เหยียนหมิงซุ่นทำได้ดีกว่าที่เขาคิดไว้มาก ไม่ต้องพูดถึงการปะทะกับโอหยางปิน แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อยังต้องหลบให้ ดูเหมือนจะมีแนวโน้มเข้ามาแทนที่เฮ่อเหลียนเช่อได้
ความหวังของคนเราก็เหมือนกับถั่วงอกที่นับวันก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
มีเงินสิบล้านก็อยากจะมียี่สิบล้าน มีอยู่ยี่สิบล้านก็อยากได้ร้อยล้านกระทั่งมากกว่านั้น
ความโลภในใจคนเรานั้นไม่เคยพอเลยจริง ๆ
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะพลันส่ายหน้าพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่ความคิดเห็นไม่ตรงกันก็เท่านั้น ซดน้ำแกงเยอะ ๆเถอะ”
เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด หลายวันมานี้เขาก็ไปฮ่องกงเพื่อจัดการปัญหาที่ลุงหมิงก่อไว้ ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต และต่อให้ฮ่องกงจะเป็นเมืองขนาดเล็กแต่สถานการณ์กลับซับซ้อนมาก หนำซ้ำคนที่ลุงหมิงมีปัญหาด้วยกลับเป็นมาเฟียใหญ่ประจำถิ่นที่ไม่ควรจะมีปัญหาด้วยที่สุด นับว่าเขาใช้แรงไปมากทีเดียว
เรื่องนี้ช่างมันเถอะ แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจที่สุดคือลุงหมิงกลับไม่คิดว่าตัวเองทำผิดอะไรเลย ไม่คิดที่จะปรับปรุงตัวเลยสักนิด
หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไปเกรงว่าต่อไปอาจจะสร้างเรื่องวุ่นวายมากขึ้นได้
ปีค.ศ. 1997 ใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งก่อนถึงช่วงเวลานั้นเขาเพียงต้องการจะอยู่ร่วมกับฮ่องกงอย่างสันติ ให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กก็ให้สลายหายไป ท่าทีของลุงหมิงในตอนนี้ราวกับเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
ปัญหาใหญ่นี้จำเป็นต้องจัดการ!
แน่นอนว่าเหมยเหมยไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาแล้วก็ไม่กินปีกไก่แล้วด้วย พูดพลางยิ้มว่า “ถึงแม้ฉันจะไม่เข้าใจงานที่พวกพี่ทำ แต่พี่พูดเรื่องไม่สบายใจออกมาได้นะเผื่อจะสบายใจขึ้นบ้าง เก็บไว้ในใจอึดอัดจะตาย!”
เหยียนหมิงซุ่นคิด ๆดูแล้วก็เห็นด้วย คนอื่นเขาคงไม่กลุ้มใจหรอก มีแค่ลุงหมิงคนเดียวที่เขาลำบากใจเหลือเกิน
ถึงยังไงลุงหมิงก็เป็นผู้มีพระคุณที่เขารู้จัก
เขาเล่าเรื่องลุงหมิงที่เกิดขึ้นที่ฮ่องกง มันดูออกจะเกินจริงไปหน่อยแต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ ผู้ชายสองคนทะเลาะกันจนเป็นเรื่องเป็นราว นอกเสียจากเงินก็คือผู้หญิง เฉินหมิงล้วนเกี่ยวข้องกับทั้งสองอย่าง
มาเฟียใหญ่ประจำถิ่นนั่นเปิดธุรกิจประมูลซึ่งเป็นคู่แข่งของลุงหมิง คนทั้งคู่ต่างแย่งกันทำธุรกิจอย่างไม่มีใครยอมใครเลย
คนอย่างลุงหมิงอย่าได้มองว่าเหมือนกับพระยิ้ม บำเพ็ญเพียรมานานนับสิบปี แต่สันดานแก้ยากต่อให้บำเพ็ญเพียรต่ออีกยี่สิบปีก็แก้ความมีนิสัยใจร้อนของเขาไม่ได้
อีกทั้งลุงหมิงคิดว่ามีที่พึ่งที่แข็งแกร่งอย่างเหยียนหมิงซุ่นอยู่ต่อให้ต้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ ไม่งั้นเขาจะลำบากสนับสนุนเหยียนหมิงซุ่นไปเพื่ออะไร?
และเพราะเหตุนี้ลุงหมิงกับมาเฟียนั่นจึงไม่ยอมอ่อนข้อให้กันเลย ทะเลาะกันจนจับแยกออกจากกันไม่ได้
ซึ่งแน่นอนว่าสุดท้ายสาเหตุหลักมาจากผู้หญิงคนเดียว ซึ่งเป็นดาราสาวสวยวัยสิบแปดปีที่ทั้งคู่ต่างชอบพอด้วย แต่ดาราสาวนั่นชอบพอหัวหน้ามาเฟียประจำถิ่น เฉินหมิงไม่ใช่คนฮ่องกงโดยกำเนิด หนำซ้ำรูปร่างยังอ้วนจนดาราสาวนึกรังเกียจด้วยซ้ำ
เฉินหมิงโกรธมากจึงคิดแผนการบางอย่างขึ้นมา ส่งคนไปลักพาตัวดาราสาวมาและทำการขืนใจ ฉกแย่งกินเนื้อก่อนหัวหน้ามาเฟียนั่น
คราวนี้หัวหน้ามาเฟียมีหรือจะนิ่งดูดาย เห็นชัด ๆว่าถูกสวมเขา!
สงครามจึงได้เริ่มต้นขึ้น!
หัวหน้ามาเฟียคนนี้อิทธิพลกว้างขว้างคนอย่างเฉินหมิงหรือจะเป็นศัตรูของเขา อีกนิดเดียวก็แทบเอาชีวิตไม่รอด เหยียนหมิงซุ่นจำต้องเข้าไปช่วยเหลือใช้กำลังไปมากกว่าจะสงบศึกลงได้
เหมยเหมยได้ฟังจึงนึกโมโห เกลียดที่สุดคือพวกผู้ชายที่ขืนใจผู้หญิง!
นึกไม่ถึงเลยว่าลุงหมิงจะเป็นคนแบบนี้!
“พี่หมิงซุ่น คนแบบนี้พี่ไม่ควรจะช่วยเลยนะ สมควรแล้วที่ถูกมาเฟียนั่นสั่งสอน!”
เหมยเหมยพูดอย่างโมโห
………………………………………………………….
ตอนที่ 1609 สันดานแก้ยาก
เหมยเหมยพูดออกไปเพราะโมโห เธอรู้ดีว่าต่อให้เหยียนหมิงซุ่นมีสีหน้าเย็นชา แต่ความจริงใส่ใจความรู้สึกมาก หากว่าคน ๆนั้นเป็นคนที่อยู่ในใจเขาแล้ว เขาก็จะปฏิบัติด้วยหัวใจ
ลุงหมิงถือเป็นหนึ่งในนั้น
เหยียนหมิงซุ่นไม่อาจใจร้ายกับลุงหมิงได้
“ลุงหมิงสำนึกผิดหรือเปล่า?” เหมยเหมยถาม
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มเจื่อนส่ายหน้า ไม่เพียงแค่ไม่สำนึกแต่ยังโกรธแค้นไม่เลิก คิดแต่ว่าเขาลืมบุญคุณคนไม่ยอมช่วยเขาแก้แค้น
“เขานี่ช่าง…ไม่แปลกเลยที่ตอนนั้นทะเลาะกับโอหยางปินถึงขนาดให้ตายกันไปข้างหนึ่ง แม้ว่าโอหยางปินจะน่ารำคาญ แต่ฉันว่าเฉินหมิงก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ที่น่าสงสารที่สุดก็คือภรรยาของเขากับลูก”
เมื่อก่อนเหมยเหมยเคยคิดว่าลุงหมิงน่าสงสาร ภรรยาและลูกตายอย่างอนาถ โดดเดี่ยวลำพัง อีกทั้งยังเป็นคนมีน้ำใจโอบอ้อมอารี เพื่อแก้แค้นให้กับภรรยาและลูกถึงยินยอมที่จะปิดบังตัวตนมาหลายสิบปี
เธอช่างตาบอดเสียจริง!
อีกฝ่ายที่เฉินหมิงมีน้ำใจโอบอ้อมอารีด้วยนั้นคงจะเป็นลูกชายที่ยังไม่ทันลืมดูโลกมากกว่า มิเช่นนั้นหลังจากที่ไปถึงฮ่องกงจะรุมล้อมด้วยผู้หญิงกอดซ้ายโอบขวา ดื่มด่ำกับชีวิตกลางคืนได้อย่างไรกัน!
“แล้วจะทำอย่างไรล่ะ? ไม่งั้นพี่เอาตัวเขากลับมาเถอะเลี่ยงไม่ให้เขาก่อเรื่องวุ่นวายอีก!” เหมยเหมยแนะนำ
แผ่นดินใหญ่เป็นพื้นที่ของเหยียนหมิงซุ่น ขอแค่เฉินหมิงไม่ทรยศก็ไม่ต้องกลัวเขาจะสร้างเรื่อง ส่วนทางฝั่งฮ่องกงเหยียนหมิงซุ่นมีอำนาจเพียงน้อยนิดไม่อาจปล่อยให้เฉินหมิงทำลายได้!
เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “พี่ก็คิดแบบนี้ เอาตัวลุงหมิงกลับมาดูแล พี่ปรึกษากับลุงเฉินแล้ว เขาไปดูลาดเลาที่ฮ่องกง แล้วก็จะพาตัวลุงหมิงกลับมา”
เหมยเหมยวางใจลง “งั้นก็ดี เฉินหมิงน่าจะฟังคำพูดของลุงเฉิน พี่อย่าคิดมากเลย รีบกินข้าวเถอะ!”
เธอเองก็ตักน้ำแกงให้เหยียนหมิงซุ่นซดตอนร้อน ๆ จะได้ไม่ต้องคิดเรื่องของเฉินหมิงอีก
เฉินหมิงเชื่อฟังคำพูดของพี่เฉินมาก ในเมื่อพี่เฉินเต็มใจที่จะออกหน้า เฉินหมิงจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน
เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ได้คิดในแง่ดีขนาดนั้น คนที่เปลี่ยนไปไม่ใช่เพียงแค่ลุงหมิง แต่ยังมีพี่เฉินด้วย!
การเดินทางไปฮ่องกงครั้งนี้ถือว่าเขาต้องการจะวัดใจพี่เฉิน ถ้าหากพี่เฉินเกลี้ยกล่อมให้ลุงหมิงกลับมาได้มันก็จบ แต่ถ้าหากพี่เฉินทำไม่สำเร็จ นั่นก็เท่ากับว่าความมุทะลุของเฉินหมิงมีพี่เฉินคอยช่วยสนับสนุนอยู่
ถ้าเป็นเช่นนั้นล่ะก็ เมืองหลวงคงต้องได้สับไพ่ใหม่!
เขาไม่มีทางปล่อยให้ใครมาวางแผนลับหลังบงการตัวเองแน่!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เหมยเหมยตบหลังมือเหยียนหมิงซุ่นประทับรอยน้ำมันไว้ นี่ถึงจะทำให้วิ่งไปรับโทรศัพท์อย่างพึงพอใจ
เป็นคุณยายหยางโทรเข้ามา พอเธอได้ยินเสียงของเหมยเหมยจึงชะงักไปแต่ฉับพลันก็ดีอกดีใจ หรือว่าหลานชายคนโตจะอยู่ร่วมกับเจ้าตัวแสบเหมยเหมยแล้ว?
ถ้างั้นเหลนของเธอใกล้จะมาเกิดแล้วใช่ไหม?
“คุณยายหยาง จะคุยกับพี่หมิงซุ่นหรือเปล่าคะ?” เหมยเหมยดับห้วงความคิดของคุณยายหยาง
“ไม่ใช่เขา แต่เป็นหนูต่างหาก เหมยเหมยกินข้าวหรือยัง?” คุณยายหยางเปลี่ยนคำพูดในทันที แล้วพูดคุยกับหลานสะใภ้เหมือนอย่างเคย ไม่ทันไรก็ถามไถ่ชีวิตประจำวันของเหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นจนกระจ่าง ช่างน่ายินดีนัก!
ด้วยประสบการณ์ชีวิตหลายสิบปีของเธอ สามารถมั่นใจได้เลยว่าเหยียนหมิงซุ่นจะต้องคว้าแม่สาวน้อยคนนี้มาอยู่ในมือได้แล้วแน่นอน เหลนของเธอไม่แน่ว่าอาจจะกำลังฟักตัวอยู่ก็ได้!
…
“เหมยเหมย เมื่อไรหนูกับหมิงซุ่นจะกลับมาฉลองตรุษจีนล่ะ? ยายจะให้อั่งเปาหนูเยอะ ๆเลย!”
คุณยายหยางก้าวข้ามขั้นอัตโนมัติ เธอเรียกแค่ชื่อตัดแซ่ออก ดูสนิทสนมเป็นอย่างมาก
เหมยเหมยใบหน้าแดงก่ำตอบกลับอย่างเหนียมอาย “เรื่องนี้ต้องให้พี่หมิงซุ่นจัดการค่ะ หนูแล้วแต่เขา”
ในเมื่อเปิดเผยอย่างเป็นทางการเรียบร้อยคงถึงเวลาที่จะต้องไปพบญาติฝ่ายชายแล้วนี่นา!
คุณยายหยางมีความสุขจนเปี่ยมล้น เธอดูออกตั้งนานแล้วว่าหลานชายรู้สึกกับเหมยเหมยต่างไปจากคนอื่น ที่แท้ก็ไม่เหนือความคาดคิดของเธอเลย สองหนุ่มสาวสมหวังกันแล้ว!
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!
ตอนที่ 1610 เต็มใจเลือกทางที่ผิด
เหมยเหมยพูดเจื้อยแจ้วกับคุณยายหยางไปอีกหลายประโยคแล้วถึงวางสาย หน้าแดงก่ำเดินกลับมากินปีกไก่ต่อ เหยียนหมิงซุ่นจึงได้ใช้หลังมือที่มีรอยน้ำมันนั้นปาดใส่หน้าเหมยเหมยเพื่อเอาคืน พลางฉีกยิ้มที่มุมปากอย่างร้ายกาจ
“น่าเกลียด!”
เหมยเหมยเอาหน้าถูเข้าที่แขนเสื้อของเหยียนหมิงซุ่นจนเสื้อเชิ้ตยับยู่ยี่กลายเป็นผักดองถึงจะพอใจ
ชอบที่สุดคือการเอาเปรียบเช่นนี้!
หนำซ้ำเหยียนหมิงซุ่นก็ใจกว้าง ปล่อยให้เธอเอาเปรียบเต็มที่ ดีเสียจริง!
คนที่แสนดีบางคนทำทีพับแขนเสื้อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซดน้ำแกงอย่างใจเย็น แววตากลับดูสุขุม เขาเป็นผู้ชายต้องใจกว้างให้ภรรยาเอาเปรียบนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก บนเตียงเขาค่อยเอาเปรียบมากหน่อยก็ได้
“พี่จะกลับเมืองจินเมื่อไรเหรอ?” เหมยเหมยกัดปีกไก่พลางเอ่ยถาม
เหยียนหมิงซุ่นนิ่งไปสักพักแล้วพูดว่า “เธอต้องอนู่ฉลองส่งท้ายปีกับพ่อแม่ ส่วนพี่มีธุระที่ต้องจัดการนิดหน่อย วันที่สองของตรุษจีนค่อยกลับแล้วกัน”
เหมยเหมยย่นจมูก “วันที่สองกลัวว่าตั๋วเครื่องบินจะซื้อยากนะ รถไฟก็น่าจะแออัด หรือไม่งั้นพวกเราขับรถกลับกันไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นนัยน์ตาฉายแววยิ้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่เหมยเหมยแสดงอาการประหม่าออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากทะเบียนสมรส ตอนนี้เขากับเหมยเหมยก็เหมือนสามีภรรยากันทุกอย่าง หนำซ้ำยังเป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันหวานชื่นเสียด้วย
“ขับรถกลับมันช้า พวกเราขับเครื่องบินไปกัน” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆเหมือนกับการพูดว่าวันนี้ฝนจะตกหรือพระอาทิตย์จะขึ้นเท่านั้น
เหมยเหมยตกตะลึงแต่ก็ไม่คิดว่าแปลก เพราะความร่ำรวยของเหยียนหมิงซุ่นในตอนนี้ซื้อเครื่องบินส่วนตัวได้ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย
“กลับไปครั้งนี้คงไม่สนุกนัก พอถึงเวลานั้นเธอไม่ต้องใส่ใจหรอกนะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยขึ้น
เหมยเหมยพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เธอรู้ว่าความวุ่นวายที่เหยียนหมิงซุ่นพูดคืออะไร ถานซูฟางกับเหยียนโฮ่วเต๋อไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก เกรงว่ากลับไปหนนี้อาจจะสร้างเรื่องอีก
อีกสองวันมหาวิทยาลัยก็จะปิดเทอมแล้ว สีอันน่ากับฉีฉีเก๋อต่างก็กลับบ้านแต่สวีจื่อเซวียนไม่กลับ ตามที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดให้ฟังถังม่านลี่รับปากจะแนะนำงานให้สวีจื่อเซวียน สวีจื่อเซวียนจึงคืนตั๋วรถที่จองได้ไปเรียบร้อยแล้ว
“ยินยอมพร้อมใจที่จะกระโดดเข้ากองไฟไปเอง สมน้ำหน้า!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหมาก สองวันก่อนเธอก็เตือนไปอีกครั้ง แต่ในขณะนี้สวีจื่อเซวียนได้ถลำลึกเข้าไปในวังวนของเงินแล้ว เธอไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
เหมยเหมยส่ายหน้า การเข้าไปในสถานที่โคมแดงสุราเขียว[1]เช่นนั้น อยากกลับออกมาอย่างบริสุทธิ์คงยาก!
“สวีจื่อเซวียนรู้ลักษณะงานของถังม่านลี่ไหม? ฉันว่าเขาดูไม่เหมือนคนที่เห็นแก่เงินนี่นา!” เหมยเหมยรู้สึกแปลกใจ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะเยาะ “เธออย่าถูกรูปลักษณ์ของหล่อนหลอกเอาสิ เขาไม่ได้ต่างกับถังม่านลี่สักเท่าไรหรอก เพียงแต่เขาเสแสร้งเก่งกว่าถังม่านลี่ก็เท่านั้นเอง อีกอย่างถังม่านลี่ก็ไม่ได้หลอกเขาสักหน่อย บอกว่าไปที่นั่นเพื่อนั่งดื่มพูดคุยเป็นเพื่อนคนอื่น หากคุยกันถูกคอก็ออกไปหากินมื้อดึกกัน สวีจื่อเซวียนก็ยังอยากไปอยู่ดี”
เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่น หากไม่ใช่คนโง่ก็ฟังออก จริง ๆแล้วถังม่านลี่ก็คือสาวนั่งดริ้ง สวีจื่อเซวียนก็ยังเต็มใจเลือกทางที่ผิด คงจะเสแสร้งเก่งกว่าถังม่านลี่จริงนั่นแหละ!
“ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก โตจนบรรลุนิติภาวะแล้ว รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโมโหเดือด “ฉันไม่สนหรอกว่าเขาจะเป็นจะตายอย่างไร เธอคอยดูนะต่อให้ตายอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันก็จะไม่ใยดีเลย!”
เหมยเหมยหัวเราะร่า ผู้หญิงแบบนี้แหละที่เป็นคนประเภทปากร้ายแต่ใจดี ปากบอกไม่สนใจแต่มีครั้งไหนบ้างที่คนในหอเกิดเรื่องแล้วเธอไม่เข้าไปยุ่ง?
ใกล้จะถึงสิ้นปีแล้ว ถนนหนทางและตรอกซอกซอยล้วนอบอวลด้วยกลิ่นอายวันตรุษจีน เหยียนหมิงซุ่นไปฮ่องกงอีกแล้วเป็นเพราะลุงหมิงยังไม่กลับมา เขาต้องไปเอาตัวเจ้านั่นกลับมาด้วยตัวเอง
ในวันส่งท้ายปีเก่าเหยียนหมิงซุ่นพาเฉินหมิงกลับมาได้แต่ก่อเรื่องวุ่นวายไม่เป็นสุข หนำซ้ำเหยียนหมิงซุ่นก็ยุ่งมากกว่าเดิม
เหมยเหมยมีใจอยากช่วยแต่ไร้อำนาจจึงช่วยอะไรไม่ได้ เธอเลยเป็นเด็กดีอยู่บ้านเพื่อร่างต้นฉบับ คืนที่สองของวันส่งท้ายปีเก่า เหมยเหมยวาดต้นฉบับอยู่ที่บ้านคนเดียว จินตนาการบรรเจิด เธอทำงานยิงยาวไปจนถึงเที่ยงคืน จังหวะที่จะอาบน้ำเตรียมเข้านอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
………………………………………………………….
ตอนที่ 1611 เฉินหมิงอีกแล้ว
“จ้าวเหมย ฉันอาจารย์เจียงเองนะ” เจียงจื้อหรู่เป็นคนโทรมาซึ่งน้ำเสียงฟังดูร้อนรนอย่างมาก
เหมยเหมยนึกแปลกใจเหลือเกินว่าเจียงจื้อหรู่โทรมามีธุระอะไรเวลาดึกดื่นแบบนี้?
“อาจาย์เจียง เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
เจียงจื้อหรู่แอบรู้สึกโชคดีที่จ้าวเหมยยังไม่นอนและโชคดีที่อยู่บ้าน เขารีบอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง “ตอนนี้ฉันอยู่ที่สโมสรพวกเศรษฐี เกิดเรื่องกับสวีจื่อเซวียนนิดหน่อยแต่ฉันจัดการไม่ได้”
เหมยเหมยขมวดคิ้ว เกิดเรื่องกับสวีจื่อเซวียนแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ?
แต่ยังต้องไว้หน้าเจียงจื้อหรู่บ้างในเมื่อก่อนหน้านี้เธอติดหนี้บุญคุณเขาเรื่องนิทรรศการศิลปะของคุณตาไว้ไม่น้อย อีกทั้งตอนนั้นมีเพียงเขาที่ออกหน้าช่วยพูดให้ความเป็นธรรมและเธอก็จดจำเรื่องนี้มาตลอด
“อาจารย์เจียง สวีจื่อเซวียนเป็นอะไรไปคะ?” เหมยเหมยถามขณะที่พอจะคาดเดาเรื่องราวได้บ้างแล้ว
สโมสรเศรษฐีเป็นสโมสรบันเทิงที่เพิ่งเปิดใหม่ในเมืองหลวง ได้ข่าวว่าเจ้าของเป็นคุณชายคนหนึ่งในแวดวงสังคมนั่นและตกแต่งสถานที่ได้หรูหราโอ่อ่าเทียบเท่ากับสโมสรอันดับหนึ่ง และถังม่านลี่ก็เป็นสาวนั่งดริ้งอยู่ที่นั้น
สวีจื่อเซวียนก็คงอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน หญิงสาวหน้าตาสวยคนหนึ่งอยู่ในที่แบบนั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ล่ะ?
อย่างมากก็คงไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตสักคนเข้าล่ะนะ!
เจียงจื้อหรู่เล่าเหตุการณ์คร่าว ๆซึ่งไม่ต่างไปจากที่เหมยเหมยเดาไว้สักเท่าไร สวีจื่อเซวียนเป็นที่ถูกตาต้องใจใครคนหนึ่งบอกว่าจะพาเธอไปนอกสถานที่ สวีจื่อเซวียนไม่ยินยอมลูกค้าคนนั้นเลยใช้กำลังในการจับตัวเธอไป
“ถูกพาตัวไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ฉันจนปัญญาจริง ๆถึงโทรหาเธอ” เจียงจื้อหรู่รู้สึกกังวลใจอย่างมาก เขาชื่นชมเด็กผู้หญิงอย่างสวีจื่อเซวียนและไม่อยากเห็นหญิงสาวที่แสนดีแบบนี้ถูกย่ำยีมีมลทินติดตัว
เหมยเหมยนึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ หนึ่งชั่วโมงพอทำอะไรได้มากแล้ว เห็นทีสถานการณ์ของสวีจื่อเซวียนคงไม่สู้ดีนัก
“อาจารย์เจียงพอจะรู้ไหมคะว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร?” เหมยเหมยถามอีก
“ฉันไปสืบมาแล้ว ทุกคนเรียกเขาว่าลุงหมิง มีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลังอยู่ คนที่สโมสรไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขา” เจียงจื้อหรู่พอจะมีเส้นสายในเมืองหลวงอยู่บ้างเลยไม่เป็นปัญหาหากจะสืบเสาะถามเรื่องใครสักคน
และเพราะลุงหมิงเป็นคนที่มีเส้นสายมากเกินไป หากเปลี่ยนเป็นนักธุรกิจธรรมดาเจียงจื้อหรู่ไม่จำเป็นต้องรบกวนเหมยเหมยด้วยซ้ำ
เหมยเหมยนึกปวดศีรษะ ทำไมถึงเป็นเฉินหมิงอีกแล้ว?
เพิ่งตามเช็ดก้นเรื่องที่ฮ่องกงเสร็จก็มาก่อเรื่องวุ่นวายที่นี่อีก ไม่เคยอยู่นิ่งเลยสักวัน!
ท่าทางเจ้าอ้วนนี้ยังมีความแค้นอยู่ในใจ!
ไม่รู้ว่าจะยอมเห็นแก่เธอหรือเปล่า?
เหมยเหมยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรในเมื่อแม้แต่เหยียนหมิงซุ่นลุงหมิงยังไม่ไว้หน้าเลย อย่างไรเสียก็ไปดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน ถ้าไม่ไหวจริง ๆค่อยโทรหาพี่เฉิน ต่อให้พี่เฉินจะไม่พอใจเหยียนหมิงซุ่นมากแค่ไหนแต่ก็ยังไว้หน้าอยู่บ้าง ไม่เหมือนเฉินหมิงที่โมโหจนไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น
เธอคิด ๆแล้วก็ให้เจียงจื้อหรู่กลับบ้านไปก่อนในเมื่อเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่เจียงจื้อหรู่กลับไม่ยอม บอกแค่ว่าจะตามเหมยเหมยไปด้วย
“งั้นอาจารย์เจียงรอสักครู่นะคะ ฉันจะไปรับอาจารย์เอง”
เหมยเหมยไม่กล้าฉายเดี่ยว เธอจึงไปปลุกบอดี้การ์ดที่เหยียนหมิงซุ่นส่งตัวมาสองคนเป็นชายหนึ่งคนหญิงหนึ่งคน ผู้ชายชื่อเสี่ยวหลี่ ผู้หญิงชื่อเสี่ยวอวิ๋น ล้วนเป็นคนมีทักษะการต่อสู้ขั้นสูง
“มีเรื่องต้องไปจัดการนิดหน่อย ลำบากพวกเธอหน่อยนะ” เหมยเหมยรู้สึกผิดอย่างมาก
ทั้งคู่ได้ยินว่าเกิดเรื่องแล้วก็ตื่นตัวทันที ขับรถพาเหมยเหมยไปส่งที่สโมสรเศรษฐี ทั้งยังติดต่อลูกน้องคนอื่น ๆให้รอฟังคำสั่งทุกเมื่อ
หากคนรักสุดรักสุดหวงของคุณชายหมิงมีอันเป็นไปแม้แต่น้อย พวกเขาคงต้องเอาชีวิตชดใช้ความผิด!
เจียงจื้อหรู่รออยู่หน้าประตูโดยข้างกายยังมีถังม่านลี่ที่แต่งหน้าเข้มอยู่ด้วย ทั้งยังมีเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอีกคนโดยทั้งสามคนต่างยืนรอท่ามกลางความหนาวจนจมูกแดงหน้าบวมกันไปหมด พอเห็นรถของเหมยเหมยก็ร่าเริงกันใหญ่
“ขึ้นรถสิ!” เหมยเหมยเปิดประตูรถ
………………………..
[1] บรรยายถึงแสงสีเสียงของสถานบันเทิงยามค่ำคืน หรืออาจหมายถึงสถานที่อโคจร
ตอนที่ 1612 ไม่ไว้หน้า
เจียงจื้อหรู่ไม่รีบร้อนขึ้นรถ พูดว่า “หรือว่าเราจะไปถามที่อยู่ของลุงหมิงจากคนในสโมสรก่อน?”
เมื่อครู่เขาถามแล้วแต่คนในสโมสรไม่ยอมบอก หวังว่าเหมยเหมยจะมีอิทธิพลมากพอ!
“ไม่จำเป็น หนูรู้ว่าเขาพักที่ไหนค่ะ รีบขึ้นรถเถอะ!” เหมยเหมยพูดเสียงเรียบ เธอเริ่มไม่พอใจเจียงจื้อหรู่เพราะเห็นได้ชัดว่าเขามีความรู้สึกพิเศษต่อสวีจื่อเซวียนมากกว่าความห่วงใยที่อาจารย์มีต่อนักศึกษา
ความจริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ เรื่องความรักระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร
แต่เจียงจื้อหรู่กลับโยนปัญหามาให้เธอ เธอไม่อยากตอบแทบบุญคุณด้วยวิธีนี้ หลังจากจบเรื่องนี้ต้องบอกเหยียนซินหย่าสักหน่อยแล้วว่าให้รักษาระยะห่างกับเจียงจื้อหรู่
เจียงจื้อหรู่ไม่ได้สังเกตถึงความไม่พอใจของเหมยเหมยเพราะมัวแต่เป็นห่วงสวีจื่อเซวียน เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ “จ้าวเหมยเธอรู้จักลุงหมิงคนนั้นเหรอ? งั้นก็ดีเลย!”
ถังม่านลี่กับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็เผยสีหน้ายินดี หากเป็นคนสนิทก็ง่ายล่ะ!
“อย่าเพิ่งดีใจไวไป หนูไม่รู้จักกับเฉินหมิงนั่นเป็นการส่วนตัวอะไร แถมช่วงนี้ยังมีเรื่องบาดหมางกันอีกด้วยซ้ำ” เหมยเหมยพูดตัดความหวังทำเอาเจียงจื้อหรู่มุ่ยหน้าทันที
ถังม่านลี่ตกใจจนหน้าซีดพลางถามด้วยความรู้สึกกังวลใจ “หรือว่าเราแจ้งตำรวจดี?”
“ไม่รู้หรือไงว่าสโมสรเศรษฐีเป็นแหล่งที่ตำรวจไม่คิดจะสนใจ? อีกอย่างพวกเธอออกมาขายบริการ ถูกผู้ชายพากลับบ้านไปเป็นเรื่องปกติ คิดว่าตำรวจว่างงานจนไม่มีอะไรทำหรือไง?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเถียงกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ทำเอาถังม่านลี่หน้าแดงวูบวาบเพราะรู้สึกอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
โดยเฉพาะยามอยู่ต่อหน้าอาจารย์ประจำชั้นอย่างเจียงจื้อหรู่คนนี้
เจียงจื้อหรู่มองถังม่านลี่อย่างปวดใจ เดิมทีน่าจะเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังที่มีอนาคตไกล แต่กลับยอมลดตัวมาเป็นสาวนั่งดริ้งเพื่อเงินเพียงน้อยนิด ทำตัวเองทั้งนั้น!
แต่สิ่งที่ทำเขาโกรธมากที่สุดคือถังม่านลี่ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางคนเดียว แต่ยังพาสวีจื่อเซวียนเสียคนไปด้วย
“สวีจื่อเซวียนเป็นคนใสซื่อจะไปรู้ความซับซ้อนในสโมสรได้ยังไง หวังว่าครั้งนี้เธอจะจำไว้เป็นบทเรียน” เจียงจื้อหรู่อดพูดแทนสวีจื่อเซวียนไม่ได้
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียงหัวเราะแต่ไม่ได้เลือกที่จะโต้กลับ เธอเคารพอาจารย์!
ถังม่านลี่กลับรู้สึกน้อยใจเลยพูดเสียงตะกุกตะกักว่า “หนูบอกเขาชัดเจนแล้ว และยังเคยเกลี้ยกล่อมเธอว่าอย่าไปด้วยซ้ำ แต่เธอไม่ยอมฟังเอาแต่ขอร้องให้ฉันพาเธอไป”
ขอสาบานว่าถ้าไม่ใช่สวีจื่อเซวียนตามตื๊อเธอ เธอไม่มีวันแนะนำคนที่สวยกว่าตัวเองไปสโมสรหรอกนะ!
เจียงจื้อหรู่กลับไม่ยอมเชื่อคำเธอ ตอนนี้เขาผิดหวังในตัวถังม่านลี่อย่างมากและคิดเพียงว่าถังม่านลี่เป็นต้นเหตุให้สวีจื่อเซวียนต้องเจอเรื่องแบบนี้
เหมยเหมยหลับตาแสร้งงีบเพราะคร้านจะฟังเสียงพวกเขา
เฉินหมิงอาศัยอยู่บ้านพักแถวทิศตะวันตกของเมืองและนี่เป็นบ้านของพี่เฉิน ทุกครั้งที่เขากลับเมืองหลวงจะมาพักที่นี้
บ้านพักถูกเปิดไฟสว่าง ทั้งยังมีคนคอยเฝ้าอยู่ตรงประตูนั่นก็คือลูกน้องของพี่เฉิน
“ฉันคือจ้าวเหมย มีธุระกับลุงหมิง” เหมยเหมยลงจากรถแล้วตะโกนเข้าไปในบ้านพักเสียงดัง จากนั้นไม่นานก็มีคนรีบร้อนออกมา พอเห็นเหมยเหมยแล้วชะงักไปกึกหนึ่งก่อนจะรีบวิ่งเหยาะมาเปิดประตูอย่างไม่รอช้า
“คุณหนูจ้าวมาได้อย่างไรครับ?” ชายที่มาเปิดประตูแสดงท่าทีนอบน้อม ความจริงแค่เขาเห็นพวกถังม่านลี่ในรถก็พอจะเดาได้ว่ามาเพราะสาวงามชั้นบนแหง
เจียงจื้อหรู่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็เริ่มมีความหวัง
บางทีเมื่อกี้จ้าวเหมยอาจจะกำลังถ่อมตัวอยู่สินะ?
สวีจื่อเซวียนจะต้องถูกช่วยออกมาอย่างราบรื่นแน่นอน!
“ฉันมีธุระกับลุงหมิง ลุงหมิงอยู่ไหม?” จ้าวเหมยเดินตรงไปข้างในโดยไม่ให้กระเป๋าอยู่ห่างตัว เพราะมีฉิวฉิวอยู่ในกระเป๋าไม่อย่างนั้นครั้งนี้เธอคงไม่กล้ามาแน่
“อยู่ครับ แต่พี่หมิงหลับไปแล้ว หรือว่าคุณหนูจ้าวค่อยมาอีกทีพรุ่งนี้ดีครับ?” ชายผู้นั้นทำหน้าลำบากใจ
“ฉันมีธุระด่วนคงรอถึงพรุ่งนี้ไม่ไหว ถ้าลุงหมิงไม่ยอมออกมางั้นฉันคงต้องขึ้นไปหาเองแล้วล่ะ!” เหมยเหมยว่าแล้วทำท่าจะบุกขึ้นไปชั้นบน แต่ถูกชายผู้นั้นขวางเอาไว้พร้อมใบหน้ายิ้มขมขื่น
“คุณหนูจ้าวรอก่อน ผมจะไปเรียกพี่หมิงให้ครับ”
…………………………….
ตอนที่ 1613 เสียความบริสุทธิ์
เหมยเหมยนั่งรออยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าราบเรียบซึ่งต่างจากเจียงจื้อหรู่ที่กำลังกระวนกระวายอยู่
“กลางคืนดึกดื่นขนาดนี้ ฟ้าถล่มลงมาหรือไง?” ครู่ใหญ่ลุงหมิงถึงลงมาในชุดนอนที่สีหน้าไม่เป็นมิตรนัก
เหมยเหมยใจหล่นวูบ เปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้ว เห็นทีความบริสุทธิ์ของสวีจื่อเซวียนคง…
เจียงจื้อหรู่เองก็พอจะเดาได้พลันใบหน้าก็พลันขาวซีด ลอบด่าตัวเองว่าไร้ความสามารถที่ขัดขวางลุงหมิงไม่ได้
ลุงหมิงยังคงพุงใหญ่อวบอ้วนเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่มีท่าทีเป็นมิตรเหมือนอย่างแต่ก่อน ทว่ากลับมีความป่าเถื่อนเพิ่มมากขึ้น
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับถังม่านลี่ตกใจจนไม่กล้าปริเสียง ได้แต่นั่งหดตัวอยู่ข้างโซฟาไม่กล้านั่งเต็มก้นเสียด้วยซ้ำ แต่ถ้าให้พวกเธอนั่งรออยู่บนรถพวกเธอยอมติดตามอยู่เคียงข้างเหมยเหมยดีกว่า
อย่างไรเสียยังมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันจ้าวเหมยตั้งสองคนนะ!
ลุงหมิงทำหน้าขรึมดูท่าทางไม่พอใจมากแต่กลับลอบประเมินเหมยเหมย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอเหมยเหมยหลังขายเหรียญโบราณที่ห้องหนังสือของเขาไปเมื่อแปดปีก่อน นัยน์ตาก็ฉายแววตกตะลึงพาดผ่าน
เมื่อแปดปีก่อนยายเด็กนี่ก็หน้าตาดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแต่อย่างไรเสียก็ยังเด็กเกินไปเลยมีส่วนที่โตไม่เต็มที่ ต่อให้สวยแค่ไหนก็ไม่ถึงขั้นที่ละสายตาไม่ได้ ทว่าตอนนี้ยายเด็กนี่กลับโตเต็มที่แล้ว งดงามไปเสียทุกอิริยาบถ ท่ามกลางความอ่อนหวานกลับแฝงด้วยความเย้ายวน
เกรงว่าสี่สาวงามในตำนานก็คงเป็นเช่นนี้สินะ?
พอเทียบกันแล้วสาวงามชั้นบนดูห่างชั้นกับจ้าวเหมยมากทีเดียว!
แต่สาวงามคนนั้นก็ไม่แย่อย่างน้อยก็ยังบริสุทธิ์อยู่ ส่วนจ้าวเหมยเขามองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว
เฉินหมิงแตกต่างจากพี่เฉินผู้มีจิตใจสะอาดไร้กิเลศตัณหาโดยสิ้นเชิง โลภทั้งเรื่องเงินและเรื่องผู้หญิง ครอบครองผู้หญิงมานับไม่ถ้วนโดยเฉพาะนักศึกษาสาวหน้าตาสวยอายุน้อยแบบนี้ อย่างแรกคือสะอาด อย่างที่สองเพื่อเติมเต็มความตัณหาโรคจิตของเขา
ฉันไม่มีการศึกษาแล้วอย่างไร?
นักศึกษาสาวที่มีการศึกษาก็โดนฉันขึ้นคร่อมอยู่ดี!
ภรรยาที่เสียชีวิตอย่างน่าอนาถของเขาก็เป็นนักศึกษาสาวที่ได้มาโดยกึ่งชิงกึ่งอ้อนวอน เมื่อนั้นแม้เฉินหมิงจะเลวทรามแต่ทำดีกับภรรยาไม่น้อย นักศึกษาสาวผู้นั้นเป็นคนจิตใจอ่อนโยนเลยตัดสินใจยอมใช้ชีวิตคู่กับเฉินหมิงอย่างสุขสงบแต่กลับเป็นคนที่มีชะตาชีวิตสั้นนัก
นับจากนั้นนิสัยเฉินหมิงก็เปลี่ยนไป หากได้ระบายความอัดอั้นตั้งแต่ตอนนั้นก็คงดีกว่านี้
แต่เขากลับทนมาตั้งสิบปี!
ความอัดอั้นตันใจที่สั่งสมมานานนับสิบปีทำให้เฉินหมิงที่มีนิสัยป่าเถื่อนดุร้ายเป็นทุนเดิมยิ่งโหดเหี้ยมเข้าไปใหญ่!
เวลาสิบปีตามสัญญา อีกทั้งเขารู้ว่ามีที่หนุนหลังอย่างเหยียนหมิงซุ่นกับพี่เฉินสองคนแล้วเขาจะต้องกลัวใครอีก?
ฉะนั้นเวลาทำอะไรก็ยิ่งไร้ขอบเขตมากขึ้นเรื่อย ๆ!
อย่างไรเสียย่อมมีคนคอยตามล้างตามเช็ดให้เขาอยู่แล้ว!
“ลุงหมิง เพื่อนหนูถูกคุณเชิญมาเป็นแขก หนูมารับเขากลับค่ะ” เหมยเหมยพูดเข้าประเด็นทันทีเพราะคร้านจะพูดอ้อมค้อมอีก
“เพื่อนของเธออยู่กับฉัน? จะเป็นไปได้ไง?” ลุงหมิงหัวเราะเย้ยหยันแล้วทิ้งตัวนั่ง และไม่ได้ให้ลูกน้องเสิร์ฟน้ำชาแต่ผู้ชายที่เปิดประตูก่อนหน้านี้มาเสิร์ฟน้ำชาเองอย่างรู้หน้าที่
“คุณหมิงครับ คุณพาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาจากสโมสรเศรษฐี ตอนนั้นผมเองก็อยู่ที่สโมสรด้วย” เจียงจื้อหรู่เรียกความกล้าแล้วเอ่ยขึ้น
ลุงหมิงยกถ้วยน้ำชาเคลือบจิบน้ำชาด้วยท่าทีเฉื่อยชาไม่มองพวกเขาอยู่พักใหญ่ ควันน้ำชาลอยโขมงแต่กลับไม่อาจปกปิดเนื้อหนังบนใบหน้าเขาได้
บรรยากาศเงียบไร้เสียงที่ยิ่งสร้างความประหม่าแก่คนรอ ถังม่านลี่แทบนั่งไม่ติดก้นเลยตัวอ่อนซบอยู่บนตัวเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เจียงจื้อหรู่เริ่มหายใจเร็วขึ้น หัวใจเต้นเร็วเหมือนรัวกลองและเหงื่อที่ชื้นเต็มฝ่ามือ
เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ดูท่าทางเฉินหมิงคงจะไม่ยอมปล่อยสินะ
เธอส่งสายตาให้เสี่ยวอวิ๋นกับเสี่ยวหลี่ด้านข้าง ทั้งคู่พยักหน้าน้อย ๆแล้วกดปุ่มเครื่องติดต่อในกระเป๋าเงียบ ๆ หากเจรจาไม่สำเร็จจะมีคนมาช่วยพวกเขา
“ลุงหมิง เรามาพูดตรง ๆเลยแล้วกัน ผู้หญิงที่ลุงพากลับมาจากสโมสรเศรษฐีเป็นเพื่อนของหนู อยากขอให้ลุงหมิงเห็นแก่หน้าของหนูแล้วปล่อยเขาไปเถอะ”
เหมยเหมยไม่พอใจกับท่าทีเย่อหยิ่งของลุงหมิงอย่างมาก เธอเป็นถึงคุณนายเหยียนด้วยซ้ำแต่ยังทำท่าทางได้ใจขนาดนี้
พอจะจินตนาการได้ว่าปกติเจ้าอ้วนนี้ทำตัวเหิมเกริมขนาดไหน!
…………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น