คัมภีร์วิถีเซียน 1594-1595
ตอนที่ 1594 ร่างดูดปราณ
“ปัง” เสียงดังขึ้น ฉับพลันนั้นหานลี่ก็รู้สึกว่าจุดตันเถียนมีถูกแผดเผา ทันใดนั้นพลังความร้อนก็แผ่ไปทั่วแขนขาทั้งสี่และจุดชีพจรต่าง ๆ รู้สึกปลอดโปร่งไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
“มหัศจรรย์ดังคาด ผู้น้อยเพิ่งเคยดื่มสุราล้ำเลิศเช่นนี้เป็นครั้งแรก” หานลี่ปรือตาทั้งสองข้างพลางลิ้มรสอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้เอ่ยชื่นชมออกมาจากใจจริง
“หึ ๆ หากสุรานี้ไม่ล้ำเลิศ ผู้แซ่ต้วนคงไม่มาขอสุราที่นี่ทุกปีหรอก” ต้วนเทียนเหริ่นเบะปากหัวเราะยกใหญ่
“สหายทั้งสองชอบสุราที่ข้าหมัก นับว่าเป็นเกียรติของข้าแล้ว ทว่าที่เชิญสหายหานมาในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงดื่มสุราเท่านั้น” หญิงงามฉีกยิ้มเบิกบาน
“ผู้น้อยเองก็แปลกใจ ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสทั้งสองเรียกผู้น้อยมาที่นี่ มีธุระอันใดหรือ” หานลี่ใจวางจอกสุราลงแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ในเมื่อสหายลี่เป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม ข้าก็จะไม่อ้อมค้อม สหายถกแขนเสื้อข้างนั้นขึ้นให้ข้าดูฝ่ามือสักหน่อยได้หรือไม่” หญิงงามเผ่าผลึกจ้องเขม็งไปยังหานลี่ พลางเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาขณะเอ่ยถาม
“ฝ่ามือ!” ท่าทีของหานลี่ดูเหมือนจะตกตะลึง แต่ความจริงแล้วกลับผ่อนคลายลงไปเฮือกหนึ่ง
ขอแค่อีกฝ่ายไม่ได้มาเพราะสมบัติสวรรค์ทมิฬ เรื่องอื่นก็พูดง่ายแล้ว
“ใช่แล้ว ฝ่ามือในแขนเสื้อข้างนั้นของสหาย” หญิงงามเผ่าผลึกยกมือขึ้นชี้ไปที่แขนข้างหนึ่งของเขา แล้วเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
“ได้ ไม่มีปัญหา” หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย ถึงได้ฝืนตอบรับไป
จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อ เผยให้เห็นฝ่ามือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อในที่สุด
แต่นอกจากมือข้างนั้นจะดูขาวนวลกว่าปกติแล้ว มันก็ดูธรรมดาเป็นอย่างมาก
หญิงงามมองฝ่ามือนั้นจากไกล ๆ คิ้วดำขลับกลับเลิกขึ้น ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งออกมาจากผลึกศิลากลางหว่างคิ้วด้วยเร็วราวกับสายฟ้า มาอยู่ตรงหน้าของหานลี่ แล้วทะลวงฝ่ามือที่เพิ่งเปิดเผยออกมาของเขา
หญิงสาวผู้นี้ท่าทีดูอ่อนโยน แต่กลับลงมืออย่างเด็ดขาด ไม่มีเค้าลางว่าจะลงมือเลยสักนิด
หานลี่นึกไม่ถึงว่าจะมีการโจมตีเช่นนี้ ชั่วขณะที่ไม่ทันตั้งตัว จึงทำได้เพียงกางนิ้วทั้งห้าออก พลิกฝ่ามือคว้าลำแสงสีเงินนั้น
ได้ยินเพียงเสียง “เคร๊ง” ดังขึ้นเบา ๆ ลำแสงสีเงินสว่างวาบกระแทกไปกลางฝ่ามือ เกิดเป็นเสียงกระทบราวกับโลหะกระทบกัน
เมื่อหานลี่รวบนิ้วทั้งห้าเข้าหากัน ไม่คาดคิดว่าลำแสงสีเงินจะมาอยู่ในมือของเขา
เมื่อนิ้วทั้งห้าแยกออกจากกันอีกครั้ง เข็มสีเงินยาวสองสามชุ่นก็ปรากฏขึ้น
เข็มผลึกเล่มนี้เปล่งแสงระยิบระยับ สั่นเทาเล็กน้อยราวกับเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ
แขนทั้งแขนของหานลี่ยามนี้แปลเปลี่ยนเป็นสีดำมะเมื่อมราวกับเหล็กกล้า
ตรงหลังฝ่ามือปรากฏสัญลักษณ์ภูเขาเปล่งแสงสีเงินระยิบระยับเล็ก ๆ ขึ้น นั่นก็คือสิ่งที่ภูเขาดูดปราณสร้างขึ้น
ภูเขาลูกนี้กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแขนข้างนี้ด้วยคาถาร้อยชีพจรหลอมสมบัติ เข็มสีเงินอันแหลมคมที่หญิงงามเผ่าผลึกพ่นออกมาจึงไม่สามารถทำอันตรายมันได้แม้แต่น้อย
ทว่าใบหน้าของหานลี่กลับไม่เผยสีหน้าพึงพอใจออกมา กลับมีสีหน้าไม่น่าดู
ตรงกันข้ามกับหญิงงามเผ่าผลึกที่จ้องฝ่ามือสีดำเขม็ง หางตาเผยแววดีใจออกมาอย่างไม่อาจปิดได้
หลังจากที่ต้วนเทียนเหริ่นกวาดสายตามองแวบหนึ่ง ใบหน้าก็เผยสีหน้ายินดีออกมาชั่วแวบหนึ่ง
“เป็นร่างดูดปราณของโฮ่วเทียนดังคาด เช่นนั้นเรื่องใหญ่ก็สำเร็จแล้ว” หญิงงามเอ่ยพึมพำ จากนั้นก็ยกมือขึ้นกวัก
เข็มสีเงินในมือก็ดีดดิ้นหลุดออกจากฝ่ามืออย่างไม่คาดคิด พุ่งกลับไปหานาง
เข็มสีเงินพลันเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นในที่สุด แล้วก็จมหายเข้าไปในผลึกศิลาตรงหว่างคิ้วของหญิงงามอย่างไร้ร่องรอย
“ร่างดูดปราณ ผู้อาวุโสหมายความว่าเช่นใด” หานลี่สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สีหน้าถึงได้ฟื้นกลับมาเป็นปกติพลางเอ่ยถาม
“ร่างดูดปราณ แน่นอนว่าเป็นร่างที่สามารถสำแดงลำแสงเทวะดูดปราณได้ ในเมื่อท่านสามารถผสมสมบัติเทวะดูดปราณเข้าไปในร่างของตนได้ ก็นับว่าเป็นร่างดูดปราณของโฮ่วเทียนแล้ว ทว่าเคล็ดวิชาการผสานสมบัติเข้าไปในร่าง มีความคล้ายคลึงกับ ‘เคล็ดวิชาดูดซับทองหลอมหยก’ ที่พี่สหายต้วนฝึกฝน ทว่าที่พี่ต้วนหลอมเข้าร่างมิใช่สมบัติ แต่เป็นวัตถุดิบหลอมอาวุธอันล้ำค่าชนิดต่าง ๆ” หญิงงามดูเหมือนว่าจะอารมณ์ดีมาก จึงตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
หานลี่ได้ยินคำนี้ พลันหน้าเปลี่ยนสี ไม่เอ่ยถามอสิ่งใดอีก
เขารู้ดีว่าที่อีกฝ่ายเอ่ยเช่นนี้ จะต้องมีบางสิ่งที่อยากจะบอกกับตนเป็นแน่
ไม่ผิดจากที่คาด หญิงงามเห็นหานลี่ไม่ปริปากเอ่ยสิ่งใด ปากเรียวบางก็เอ่ยปากขึ้นว่า “แม้จะเป็นจริงถึงแปดเก้าส่วน แต่ข้าก็หวังว่าจะเห็นสหายหานเอาลำแสงเทวะดูดปราณออกมาด้วยมือเปล่า ๆ กับตาของตนเอง สหายลี่คงไม่ปฏิเสธคำขอข้อนี้”
เมื่อได้ยินคำนี้สีหน้าของหานลี่ก็เปลี่ยนไป โบกมือหนึ่งไปมาในอากาศโดยไม่เอื้อนเอ่ย
พลันลำแสงสีเทาขมุกขมัวชั้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้น กลายเป็นม่านลำแสงห่อหุ้มร่างของหานลี่เอาไว้
หญิงงามเผ่าผลึกเห็นเหตุการณ์นี้แววตาก็เป็นประกาย สองมือถูกันไปมา ชูไปทางหานลี่อีกครั้ง
เสียง “ฟิ้ว ๆ” ดังขึ้น ลูกไฟสีแดงเพลิงสองสามลูกบินออกไป
จากเริ่มแรกที่มีขนาดแค่เท่ากำปั้น เมื่อออกห่างจากมือได้ไม่นาน ก็มีขนาดเทียบเท่าศีรษะ ดูทรงอานุภาพมิน้อย
หานลี่มองลูกไฟเหล่านี้ ทว่ากลับไม่มีท่าทีจะหลบหลีกแม้แต่น้อย เพียงมองลูกไฟเหล่านี้โจมตีไปยังม่านลำแสงสีเทาตามลำดับด้วยตาตัวเอง
หลังถูกลำแสงสีเทากวาดไป เสียงเบา ๆ ดังขึ้น ลูกไฟเหล่านี้ก็หมุนไปรอบ ๆ ท่ามกลางหมอกลำแสง ก่อนจะจมหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับโคลนจมมหาสมุทร
ไม่มีอานุภาพเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย!
“ลำแสงเทวะดูดปราณควบคุมพลังเบญจธาตุ น่าอัศจรรย์นัก สหายลงมือได้สบาย ๆ เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าฝึกฝนลำแสงเทวะนี้จนถึงขั้นสุดยอดแล้ว เกรงว่าคงไม่ต่างอะไรกับร่างเทวะดูดปราณเซียนเทียนัก พี่ต้วน ท่านคิดอย่างไร” หญิงงามแซ่ไฉ่ปรบมือ ในเวลาเดียวกันก็เอ่ยถามต้วนเทียนเหริ่นอย่างยินดี
“สหายต้วน เจ้ายืนยันอีกครั้งได้หรือไม่” ประโยคสุดท้ายของหญิงงามเอ่ยกับคนประหลาด
แววตาของคนประหลาดเปล่งประกาย ฉับพลันมือหนึ่งก็ตะปบกลางอากาศไปทางหานลี่
ทันใดนั้นอักขระขนาดใหญ่ตรงปลายนิ้วก็เปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงสีเทาทะลักออกมาพุ่งไปทางหานลี่
“ลำแสงเทวะดูดปราณ”
หานลี่เกือบร้องอุทานเมื่อมองเห็นลำแสงสีเทาพุ่งพรวดมายังตน มือหนึ่งพลันร่ายอาคม โดยไม่ต้องขบคิด ม่านลำแสงสีเทาเบื้องหน้าก็ม้วนรับลำแสงที่เข้ามา
ลำแสงสีเทาสองชนิดก็ปะทะกัน พลันเกิดเป็นเสียงประหลาดดังเปรี๊ยะ ๆ
ยามนี้ม่านลำแสงทั้งสองปะทะกันไปมา สุดท้ายก็เห็นถึงความต่าง
เห็นได้ชัดว่าสีลำแสงเทวะดูดปราณของต้วนเทียนเหริ่นเข้มกว่าเล็กน้อย แต่กลับปะทุไม่มั่นคง ราวกับไม่อาจควบคุมได้อย่างอิสระดังใจ
ใบหน้าของหานลี่ฉายแววประหลาดใจ แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นิ้วสีดำสนิทราวหยดหมึกก็ชี้ไปที่ลำแสงสีเทาเบื้องหน้า ลำแสงเทวะดูดปราณทั้งหมดรวมตัวกันที่ใจกลาง กลายเป็นลูกลำแสงขนาดใหญ่อีกลูก หมุนควงอย่างรวดเร็ว
เกิดเป็นภาพชวนตะลึง
ม่านลำแสงสีเทาที่ต้วนเทียนเหริ่นปล่อยออกมา ทยอยหายไปภายใต้แรงดึงดูดอันมหาศาลราวกับปะทะกับกระแสน้ำวนขนาดใหญ่
“เยี่ยม! ไม่ต้องทดสอบแล้ว แม้ว่าสหายลี่จะเป็นร่างดูดปราณของโฮ่วเทียน แต่เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าศิลาดูดปราณที่พี่ต้วนดูดซับเข้าไปจนพอฝืนควบคุมได้อยู่มาก จุ๊ ๆ แทบจะไม่ต่างกับร่างดูดปราณของเซียนเทียนเลยสักนิด” หญิงงามเผ่าผลึกหัวเราะ
“หึ นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ลำแสงเทวะดูดปราณของผู้แซ่ต้วนเป็นแค่สิ่งข้าฝืนใช้ลมปราณกระตุ้นศิลาดูดปราณเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นลำแสงเทวะดูดปราณอะไร จุ๊ ๆ กลับเป็นเคล็ดวิชาลับหลอมเข้ากับสมบัติของสหายลี่ที่ไม่ธรรมดา” ต้วนเทียนเหริ่นเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ชื่นชมอีกครั้ง เมื่อเอ่ยประโยคสุดท้าย
“อย่างไรก็ตามโชคดีที่สหายหลอมศิลาดูดปราณเข้าไปในร่างจำนวนมาก มิเช่นนั้นคงไม่อาจสัมผัสได้ถึงสมบัติเทวะดูดปราณบนร่างสหายลี่” หญิงงามเผ่าผลึกฉีกยิ้มบาง ๆ เอ่ยสิ่งที่ทำให้หานลี่ถึงบางอ้อออกมา
หานลี่รู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย
ยามนี้ต้วนเทียนเหริ่นใช้มือหนึ่งคว้าแล้วปล่อยออก ตัดลำแสงเทวะดูดปราณที่ปล่อยออกในทันใด แล้วนั่งลงอีกครั้งด้วยใบหน้าเรียบเฉย
หานลี่เห็นเช่นนั้นก็ร่ายคาถาเก็บม่านลำแสงสีเทาเช่นกัน แต่ก็เอ่ยปากถามอย่างเสียไม่ได้
“ผู้อาวุโสทั้งสองให้ความสำคัญกับพลังวิเศษเช่นนี้ คงจะมีเหตุผลสินะ”
“ข้าสองคนย่อมมีเหตุผลของตน กล่าวตามจริง ข้าและพี่ต้วนรอคนที่มีพลังวิเศษลำแสงเทวะดูดปราณมาถึงสองสามพันปีแล้ว เมื่อเห็นว่ายังไม่มีแววรวบรวมคนครบเดิมก็คิดถอดใจไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ส่งสหายมาอยู่ตรงหน้าเราสองคน” ดวงตาของหญิงงามเผ่าผลึกกลอกไปมาไม่ปกปิดความดีใจ
“คนครบ หรือผู้อาวุโสทั้งสองหาคนที่มีร่างดูดปราณคนอื่นได้แล้ว” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาจริง ๆ
“แน่นอนสิ ถึงอย่างไรไม่ช้าก็เร็วก็ต้องบอกสหายอยู่แล้ว ข้าจะบอกตามตรง พวกเราต้องการให้คนที่ใช้ลำแสงเทวะดูดปราณได้ไปทำเรื่อง ๆ หนึ่ง และมีเพียงคนที่มีพลังวิเศษนี้เท่านั้นที่จะทำให้สำเร็จได้ แต่คนเพียงคนเดียวนั้นไม่อาจทำให้สำเร็จได้ เจ้าเป็นร่างเทวะดูดปราณที่ข้าและพี่ต้วนหาเตอเป็นคนที่สามในรอบสองสามพันปีนี้” หญิงงามอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา
“แม้ว่าลำแสงเทวะดูดปราณจะไม่ใช่เคล็ดวิชาลับที่มีหนึ่งเดียวในยุทธภพ แต่ก็เป็นพลังวิเศษที่หาได้ยากยิ่ง ข้าไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดว่าจะสามารถรวบรวมคนได้ครบ แต่ยามนี้ดูเหมือนโชคคงมาตกอยู่ที่เราสองคนแล้ว” หญิงงามฉีกเอ่ยด้วยยิ้มเริงร่า
“นับว่าผู้น้อยเข้าใจถึงเจตนาของผู้อาวุโสแล้ว แต่ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสอยากให้ผู้น้อยช่วยเหลืออันใด” หลังจากที่หานลี่หัวเราะอย่างขมขื่น ก็เอ่ยถามไปตรง ๆ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ หลังจากที่ข้าและพี่ต้วนปรึกษารายละเอียดกันเรียบร้อยแล้ว ถึงจะบอกเรื่องนี้อย่างละเอียดได้อีกครั้ง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้คือพวกเราต้องให้สหายลี่ช่วย อย่างน้อยต้องใช้เวลาซักสองสามปี นานหน่อยก็ซักร้อยปี อย่างไรต้องเป็นไปได้แน่”
“อะไรนะ ตอนนี้หรือ!” หานลี่ได้ยิน พลันเอ่ยแล้วขมวดคิ้วมุ่น
“ทำไมรึ สหายคิดว่าตอนนี้ไม่เหมาะสมหรือ” หญิงงามเผ่าผลึกหน้าเปลี่ยนสีเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า
“เรื่องของสหายทั้งสอง เกี่ยวข้องกับอาณาจักรอ้างว้างใช่หรือไม่” หานลี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะย้อนถามกลับด้วยความประหลาดใจ
ตอนที่ 1595 ไฉ่หลิวอิง
“สหายฉลาดนัก! แผนของของพวกเราคือสิ่งที่อยู่ในอาณาจักรอ้างว้าง สหายลี่โปรดวางใจ แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่คนของสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์ ทว่าเราสองคนพอจะมีฐานะในเผ่าอยู่บ้าง การส่งเจ้าเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างจึงไม่ใชปัญหา นับว่าเป็นประโยชน์แก่สหาย ถือเป็นการช่วยตอบแทนสหายได้หรือไม่” หญิงงามเผ่าผลึกมีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่านไป นางยิ้มโดยไม่ปฏิเสธ
ท่าทางของหานลี่กลับแปลกประหลาด หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงพ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“พลังยุทธ์ของผู้น้อยมิได้สูงส่ง การเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างจึงมิใช่ประโยชน์มากมายนัก ยิ่งไปกว่านั้นตัวผู้น้อยเองยังสามารถเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างได้เอง ไม่จำเป็นต้องให้ผู้อาวุโสทั้งสองออกแรง”
“เจ้าสามารถเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างได้ เป็นไปไม่ได้กระมัง! แม้ว่าเจ้าจะปกปิดใบหน้า แปลงโฉมมาในตอนนี้ แต่ก็ไม่ใช่คนของสิบสามเผ่าของพวกเราเป็นแน่ คนเผ่าอื่นจะสามารถเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างในเมฆาสวรรค์ได้อย่างไร” ต้วนเทียนเหริ่นเงยหน้าขึ้น เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเป็นครั้งแรก
“พี่ต้วนอย่าเพิ่งด่วนสรุปไป ต้องกล่าวว่าชนต่างเผ่าที่สามารถเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างในช่วงนี้ได้ล่ะก็ เช่นนั้นข้าก็ควรเรียกเจ้าว่า “สหายหาน” สินะ” หญิงงามเผ่าผลึกประหลาดใจไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็แย้มยิ้มหวาน
เมื่อหานลี่ได้ฟังคำพูดของทั้งสองก็ลอบถอนหานใจออกมา
การแสดงเคล็ดวิชาลับแปลงโฉมนั้นไม่สามารถปิดบังทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าได้ดังที่คาด ทว่ายังดีจากที่ฟังน้ำเสียงของอีกฝ่ายแล้วคงยังไม่สามารถมองใบหน้าที่แท้จริงของเขาออก มิเช่นนั้นหากเขาพูดความจริงออกไปคงมีกระทบเป็นอย่างมาก
“แซ่หาน เช่นนั้นที่ข้าได้ยินคนในเผ่าพูดกันว่ามีชนต่างเผ่าคนหนึ่ง ปลุกระดมอาณาจักรอ้างว้างเมื่อปีก่อน ดูเหมือนจะคิดอาศัยเขตอาคมส่งตัวระดับสุดยอดของพวกเรา” ต้วนเทียนเหริ่นขบคิดครู่หนึ่งก็นึกขึ้นได้
“ไม่ผิด ดูแล้วคงเป็นสหายลี่ตรงหน้าเราผู้นี้” หญิงงามเผ่าผลึกเห็นหานลี่เงียบกริบไม่ปริปากก็ยิ้มออกมา
“หึ ๆ เช่นนั้นเขาก็สามารถเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างได้อยู่แล้ว ดีเลยพวกเราจะได้ไม่ต้องเปลืองแรง” ต้วนเทียนเหริ่นไม่คิดโกรธเคืองกลับดีใจเสียอีก
“แต่ผู้น้อยในตอนนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแผนของผู้อาวุโสทั้งสองเลย ยิ่งไปกว่านั้นผู้น้อยยังรับอีกภารกิจของเผ่าท่านไปแล้ว หลังจากเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้าง เกรงว่าคงไม่สามารถปลีกตัวได้” หานลี่มองต้วนเทียนเหริ่นแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างลังเล
“อ๋อ เจ้าหมายถึงการรวบรวมวัตถุดิบหลอมอาวุธสินะ วางใจเถอะ เรื่องนั้นเสียเวลาไม่มากไม่รบกวนเวลาเจ้าแน่ หากไม่ไหวจริง ๆ เจ้าสามารถยึดเรื่องของผู้แซ่ต้วนเป็นหลักได้ แม้ว่าจะไม่อาจรวบรวมวัตถุดิบหลอมอาวุธเหล่านั้นได้ เพียงมีผู้แซ่ต้วนช่วยเจ้าพูดยังต้องกลัวเผ่าเราทำเจ้าลำบากใจอีกหรือ” ต้วนเทียนเหริ่นเอ่ยทะนงตน
“ส่วนจะให้เจ้าทำอันใดนั้น ในเมื่อยอมเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างแล้วย่อมเปิดเผยรายละเอียดได้ พี่ต้วน ข้าจะเล่าให้สหายน้อยหานฟังล่ะนะ” หญิงงามเผ่าผลึกเอ่ยต่อ
“ท่านเซียนคิดว่าได้ เช่นนั้นก็บอกเถิดผู้แซ่ต้วนไม่มีความเห็น” ต้วนเทียนเหริ่นตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“ความจริงแล้วเรื่องนี้ง่ายมาก! คือเราสองคนอยากให้สหายหานและผู้ที่มีร่างดูดปราณอีกสองคน ร่วมมือกันเปิดเขตอาคมลับแห่งหนึ่งในอาณาจักรอ้างว้าง และเอาของด้านในออกมา ของเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเคราะห์สวรรค์ในอนาคตของข้าและพี่ต้วน หากทำสำเร็จ ภายในระยะเวลาสองสามหมื่นปีข้าและพี่ต้วนก็จะไม่ตกอยู่ในอันตรายที่อาจเพลี่ยงพล้ำได้อีก” หญิงงามอธิบายอย่างจริงจัง
“เคราะห์สวรรค์!” หานลี่ได้ฟังพลันตะลึงงัน อดนึกไปถึงชิงหยวนจื่อที่ซ่อนตัวอยู่ในแดนแม่น้ำลืมเลือนไม่ได้
คนผู้นี้มีพลังยุทธ์อยู่ในจุดที่สูงระฟ้าธรรมชาติรังสรรค์ เพื่อยืดเวลาของเคราะห์สวรรค์ จึงจำใจซ่อนตัวอยู่ในอีกมิติเวลาหนึ่งไม่กล้าเผยตัวในเขตแดนหลัก
พลังยุทธ์อยู่ในระดับอย่างพวกเรา ก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอายุขัยอีก แต่ทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับเคราะห์สวรรค์กลับกลายเป็นฝันร้ายที่พวกเขาไม่อาจหลบเลี่ยงได้ จึงจำใจต้องเสาะหาวิธีในการยืดเวลาออกไป
ดูแล้วหากไม่สามารถกลายเป็นร่างเซียนได้ ก็จะไม่สามารถเป็นอิสระในยุทธภพได้
หานลี่รู้สึกปลงไปเล็กน้อย แล้วลอบถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก
หญิงงามเผ่าผลึกรับคำพลางเอ่ย “เขตอาคมในอาณาจักรอ้างว้างนั้น เป็นสิ่งที่พวกเราค้นพบตอนที่อยู่ในระดับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าตอนนั้นข้าจะไม่อาจเปิดเขตอาคมได้ แต่ก็โชคดีได้รู้สถานการณ์ส่วนหนึ่งในเขตอาคมมา ของที่อยู่ด้านในล้วนเป็นของที่ไร้ค่าสำหรับระดับเผ่าเบื้องบนอย่างพวกเจ้า แต่สำหรับเผ่าศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเราแล้ว กลับเป็นของช่วยชีวิตจากเคราะห์สวรรค์ครั้งนี้”
“ในเมื่อเป็นเขตอาคมในอาณาจักรอ้างว้าง นั่นจะมิใช่สิ่งที่เหล่าเซียนทิ้งเอาไว้หรือ ก่อนหน้านี้เผ่าต่าง ๆ ที่เข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างก็เพลี่ยงพล้ำในเขตอาคมประเภทนี้ไปไม่น้อย ผู้อาวุโสมั่นใจแล้วจริง ๆ หรือ” หานลี่เอ่ยถามด้วยความรอบคอบ
“พลังยุทธ์ของข้าอาจจะอ่อนแอกว่าระดับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ผู้อื่นไปเสียหน่อย แต่ในเรื่องเขตอาคมนั้นก็เพียงพอจะจัดให้อยู่หนึ่งในห้าอันดับของเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งหมด อีกอย่างตอนนั้นข้าได้พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว เขตอาคมนั้นมีอายุมาไม่รู้กี่หมื่นปีแล้วอานุภาพจึงลดลงไปกว่าครึ่ง มิเช่นนั้นข้าเองก็คงไม่คิดแผนนี้ สหายไม่เชื่อคำพูดข้าเช่นนั้นหรือ” หญิงงามมองหานลี่แล้วเอ่ยอย่างมีนัยยะ
“ผู้น้อยไม่กล้าคิดเช่นนั้น” หานลี่เปลี่ยนสีหน้า
“ต่อให้คิดเช่นนั้นจริง ๆ นั่นก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ กลัวข้าไม่พอใจงั้นหรือ แม้ข้าจะเป็นสตรีแต่ข้าก็มิได้ใจแคบ เจ้าวางใจเถอะ ข้าเสียเวลาไปพันปีถึงคิดวิธีทลายเขตอาคมโดยใช้ร่างดูดปราณสามคนได้ และมั่นใจอยู่เจ็ดถึงแปดส่วน ส่วนร่างดูดปราณอีกสองคนที่เหลือก็อยู่ในเมืองเมฆาตลอด คนหนึ่งเป็นผู้บำเพ็ญเพียรผู้สันโดษร่างเซียนเทียน ตอนนี้รับตำแหน่งแขกผู้มีเกียรติของเผ่าผลึกของเรา อีกคนหนึ่งกลับเป็นพี่ต้วนที่ใช้พลังโฮ่วเทียนปรับเปลี่ยนได้ ยามนี้หากเพิ่มพี่หานเข้าไป ทั้งสามคนร่วมมือกันจะต้องทลายเขตอาคมได้เป็นแน่” หญิงงามเผ่าผลึกเอ่ยด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“ผู้อาวุโสต้วนสร้างร่างดูดปราณโฮ่วเทียนได้ แล้วเหตุใดถึงไม่ฝึกฝนเพิ่มสักคนหนึ่ง เหตุใดต้องรอถึงยามนี้” หานลี่ขมวดคิ้วมุ่นเอ่ยถามอย่างฉงน
“สหายหานไม่รู้อะไร ศิลาดูดปราณนั้นเป็นสิ่งล้ำค่าและไม่ใช่สิ่งที่จะดูดซับเข้าร่างได้ง่าย ๆ ตอนนั้นหลังจากที่พี่ต้วนรวบรวมได้ครบแล้ว ก็ให้คนในเผ่าหกคนพยายามหลอมร่างดูดปราณ ผลคือมีเพียงคนเดียวที่ทำเสร็จ พอคิดจะบ่มเพาะผู้อื่นอีก กลับรวบรวมศิลาดูดปราณไม่ได้ จะว่าไปแล้วก็แค่อยากเชิญสหายเข้ามาช่วยพวกเราทลายเขตอาคมในอาณาจักรอ้างว้างเท่านั้น ไม่ได้ให้สหายเสี่ยงอันตรายใด ๆ” หญิงงามแซ่ไฉ่อธิบายเพิ่มเติมด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“เกรงว่าผู้น้อยคงไม่อาจปฏิเสธได้สินะ” หานลี่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
“หึ ๆ เจ้าว่าไงล่ะ!” ต้วนเทียนเหริ่นดื่มสุราในกาอึกสุดท้ายหมด ก็เหลือบตามองหานลี่แล้วเอ่ยเสียงเย็น
“หากทุกอย่างนั้นง่ายดายดังที่ผู้อาวุโสกล่าว ผู้น้อยย่อมช่วยได้ แต่การอยู่ในอาณาจักรอ้างว้างก็เป็นสิ่งที่อันตรายมาก ทั้งเขตอาคมนั้นอาจเป็นสิ่งที่เซียนทิ้งไว้ภายในยังมีตัวแปรอีกมาก ผู้อาวุโสจะรับประกันชีวิตของผู้น้อยได้หรือไม่” หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วย้อนถาม
“สหายหานล้อเล่นแล้ว ในยุทธภพไหนเลยจะมีเรื่องที่รับประกันได้เต็มสิบส่วน ต่อให้ข้ากล่าวเช่นนั้น สหายกล้าเชื่อถือหรือ” หญิงงามได้ยินกลับยิ้มออกมา
“ในเมื่อผู้อาวุโสไม่อาจมั่นใจในอันตรายครั้งนี้ หากจะให้ผู้น้อยยอมเสี่ยงหวังว่าผู้อาวุโสทั้งสองจะรับเงื่อนไขสักสองข้อของผู้น้อยได้” หานลี่เงียบไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างเชื่องช้า
“เงื่อนไข! ต่อให้สหายไม่เอ่ยถึง หลังภารกิจเสร็จสิ้น ข้าและพี่ต้วนก็ตั้งใจจะตอบแทนให้อยู่แล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ หญิงงามก็คลี่ผ่อนคลายลง
สำหรับนางแล้วขอเพียงสหายยอมเสนอเงื่อนไขทุกอย่างล้วนมิใช่ปัญหา
“เงื่อนไของผู้น้อยนั้นง่ายมาก ข้อแรกหลังออกจากอาณาจักรอ้างว้างแล้ว ผู้น้อยขอยืมเขตอาคมส่งตัว ผู้อาวุโสทั้งสองคงรู้ แต่ตอนที่ส่งตัวนั้นจำต้องเสียศิลาวิญญาณจำนวนมาก ผู้น้อยคนเดียวเกรงว่าคงไม่อาจรับไหว” หานลี่มีสีหน้าราบเรียบค่อย ๆ เอื้อนเอ่ย
“ใช้เขตอาคมส่งตัวระดับสุดยอด ศิลาวิญญาณระดับสุดยอดที่ต้องเสียไปย่อมมากมายมหาศาล เช่นนั้นตอนที่เจ้าส่งตัวข้าจะจ่ายศิลาวิญญาณให้ครึ่งหนึ่ง สหายพอใจหรือไม่” หญิงงามยอมรับอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าจำนวนศิลาวิญญาณที่น่าตกตะลึงนี้ จะไม่ได้อยู่ในสายตาของนาง
หานลี่เห็นหญิงสาวผู้นี้ตอบรับอย่างง่ายดายก็ตะลึงงัน ทว่าหลังจากนั้นมุมปากก็ยกขึ้น แล้วเอ่ยต่อว่า
“ผู้น้อยขอบคุณผู้อาวุโส เงื่อนไขที่สองก็คือหลังทลายเขตอาคมแล้ว นอกจากของที่ผู้อาวุโสทั้งสองต้องการแล้ว สมบัติอื่น ๆ ที่พบ ผู้น้อยจะขอรับไป”
“ไม่มีปัญหา เราสองคนต้องการแค่สิ่งของสองสามชิ้น สมบัติอื่น ๆ ที่พวกเจ้าพบนอกจากในรายการ ล้วนเป็นของพวกเจ้า” หญิงงามไม่มีสีหน้าประหลาดใจเลยสักนิด พลางตอบรับในทันที ราวกับคาดเดาเงื่อนไขนี้ไว้ก่อนแล้ว โดยไม่ปรึกษากับต้วนเทียนเหริ่นก่อน
ส่วนต้วนเทียนเหริ่นเมื่อได้ยินคำนี้ ก็เพียงกวาดตามองหญิงงามชั่วแวบหนึ่ง ไม่คาดคิดว่าจะไม่คัดค้านแม้แต่น้อย
“ผู้น้อยไม่ใช่คนละโมบ ในเมื่อผู้อาวุโสยอมรับเงื่อนไขสองข้อนี้ ผู้น้อยก็ไม่มีความเห็นอื่นแล้ว หลังเข้าไปในอาณาจักรอ้างว้างแล้วข้าจะช่วยผู้อาวุโสทั้งสองอีกแรง” หานลี่หยัดกายยืนขึ้น คารวะให้กับหญิงงามและต้วนเทียนเหริ่น
“เยี่ยมมาก! มีสหายคอยช่วย เรื่องนี้ต้องสำเร็จได้แน่ ส่วนรายละเอียดนั้น ก่อนที่อาณาจักรอ้างว้างจะเปิด ข้าและพี่ต้วนจะมอบหมายรายละเอียดภารกิจให้อีกที และสิ่งที่ข้าพูดถึงเมื่อครู่หวังว่าเจ้าจะไม่แพร่งพรายออกไป” หญิงงามเผยรอยยิ้มบนใบหน้าพร้อมเอ่ยกำชับในเวลาเดียวกัน
“ผู้อาวุโสโปรดวางใจ ผู้น้อยรู้อะไรควรมิควร หากไม่มีอะไรแล้วเช่นนั้นผู้น้อยขอตัวลา” หานลี่ค้อมตัวเอ่ยตอบรับด้วยความนอบน้อม
“อืม สหายไปได้แล้ว นอกจากนี้ช่วงนี้หากสหายพบเจอปัญหาอะไร ก็ให้ใช้ชื่อข้าและพี่ต้วนได้เลย คาดว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาให้เจ้าได้ไม่น้อย ใช่สิ สหายหานยังไม่รู้นามเต็มของข้าสินะ ข้ามีนามว่าไฉ่หลิวอิง จะเรียกข้าว่าฮูหยินเฟยเซี่ยก็ได้” หญิงงามยิ้มพราย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น