ยอดหญิงสกุลเสิ่น 158.2-160.1
ตอนที่ 158.2
ท่านไม่กลัวใบหน้าดวงน้อยที่งดงามของข้าเสียโฉมหรือ
“ท่านปู่ กว่าเสบียงจะมาถึงก็อีกสี่ห้าวัน ท่านวางแผนไว้ว่าอย่างไร” เสี่ยวตี๋ล้างผลไม้ป่าหนึ่งจานเข้ามา เป็นผลไม้ป่าที่พวกเขาเก็บมาระหว่างทาง เสิ่นเวยหยิบมาหนึ่งลูก กัดเสียงดังกรวม
คิ้วของท่านเสิ่นโหวขมวดมุ่นทันที เมืองชายแดนไม่มีเสบียงเขาเองก็ไม่สามารถแลกของเปล่าๆ ได้ใช่หรือไม่ ส่งคนไปซื้องั้นหรือ ค่าใช้จ่ายในกองทัพเดิมก็ไม่เยอะอยู่แล้ว จะเอาเงินมาจากไหน เขาเองก็เป็นทุกข์ “เจ้ามีวิธีใช่หรือไม่” ท่านเสิ่นโหวถาม
เสิ่นเวยเคี้ยวกรวมไม่หยุด “ท้องพระคลังว่างเปล่า สิ่งที่ฮ่องเต้ชอบทำมากที่สุดก็คือค้นบ้านยึดทรัพย์ ยึดทรัพย์ขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง ชั่วพริบตาท้องพระคลังก็เต็มกว่าครึ่ง กองทัพขาดเสบียงรู้หรือยังว่าต้องทำเช่นไร” เสิ่นเวยตั้งนิ้วชี้เป็นความลับ
ท่านเสิ่นโหวถลึงตามองนางอย่างหงุดหงิด “รีบพูด! ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ ทำไม”
“ปราบโจรอย่างไรเล่า! หารังโจร รังโจรภูเขา รังโจรที่ขี่ม้าปล้น แล้วจับตัวเสีย เช่นนี้เสบียงก็มีแล้ว เงินทองก็มีแล้วเช่นกัน นี่เรียกว่าใช้ของที่ได้จากสงครามมาทำสงคราม หวังจะพึ่งเสบียงแค่นั้นที่ราชสำนักจัดให้งั้นหรือ ฮ่าๆ ตายยังไม่รู้เลยว่าตายได้อย่างไร ท่านปู่ รู้หรือไม่ว่าราชสำนักจัดเสบียงมาให้เท่าไร หนึ่งหมื่นต้าน! หลานท่านยังหามาให้ท่านสามหมื่นต้าน แต่ราชสำนักที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นกลับให้เพียงหนึ่งหมื่นต้าน ผิดหวังหรือไม่ ฟังว่าหนึ่งหมื่นต้านนี้ยังไม่รู้ว่าหยิบยืมมาได้อย่างไร แต่ท่านเป็นคนสำคัญของจักรพรรดิ พวกเขาไม่กล้ายึกยัก มิเช่นนั้นหากยังถกเถียงกันอีก ขูดรีดอีก กว่าจะจัดสรรเสบียงได้เมืองชายแดนก็คงถูกตีแตกหมดแล้ว ดังนั้นจึงบอกว่าพึ่งพาราชสำนักไม่ได้ ยังต้องคิดหาวิธีเอง” เสิ่นเวยกินไปพลางพูดไปพลาง เอ่ยถึงราชสำนักก็เหยียดหยาม หนึ่งหมื่นต้าน ฮ่าๆ ไม่รู้สึกขายหน้าบ้างหรือไร
“ดังนั้นตอนที่ยังรักษาตัวอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเสิ่นเจ้าจึงชอบไปจับกุมรังโจรใช่หรือไม่” ท่านเสิ่นโหวกล่าวต่อ
“ถูกต้อง!” เสิ่นเวยพอใจอย่างยิ่ง “จับกุมโจรนอกจากจะกำจัดอันตรายให้ประชาชนได้แล้ว ยังสามารถสะสมทรัพย์สินได้อย่างรวดเร็ว ไยจะไม่เต็มใจทำ ไม่ว่าเมื่อไรก็ตามพึ่งพาตัวเองไว้จึงจะมั่นคงที่สุด หากข้าหวังแต่จะพึ่งแต่จวน เหอะ หญ้าที่สุสานก็คงขึ้นสูงหมดแล้ว” นึกถึงเรื่องในอดีตเสิ่นเวยก็คับแค้นใจอย่างอดไม่ได้
“เช่นนั้นเจ้าจะต้องมีแผนรับมือแล้วใช่หรือไม่” ท่านเสิ่นโหวถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ถูกต้อง!” เสิ่นเวยตอบอย่างไม่ทันคิด ทันใดนั้นก็ได้สติกลับมา ถลึงตาใส่ท่านปู่อย่างอดไม่ได้ ในเมื่อในเมื่อพลั้งปากแล้ว เช่นนั้นก็พูดเลยแล้วกัน
“ไม่เห็นหรือว่าทหารลับไม่อยู่ ทั้งหมดถูกข้าส่งออกไปสืบดูสถานการณ์แล้ว” เสิ่นเวยกัดผลไม้ป่าหนึ่งคำใหญ่อย่างแรง ออกแรงเคี้ยวราวกับระบายความแค้น “ห่างจากที่นี่ไปร้อยลี้มีเขาลูกหนึ่งชื่อเขา
เอ้อร์หลง ข้างบนนั้นมีโจรหนึ่งกลุ่มใหญ่ หลานเตรียมพาคนไปจับ เสบียงที่ว่านี้ก็มีแล้วไม่ใช่หรือ” เสิ่นเวยพูดแผนการของตนออกมา
ตั้งแต่ที่ทำลายล้างโจรกลุ่มนั้นระหว่างทางเสิ่นเวยก็ตัดสินใจเรื่องเขาเอ้อร์หลงแล้ว มาเมืองชายแดนซีเจียงคราวนี้นางเสียหายเยอะอย่างยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงเงินที่ใช้จ่ายออกไปราวกับน้ำ ยังต้องนำคนมาคุมส่งเสบียง สำนักคุ้มภัยและร้านค้าต้องขาดคน ตกอยู่ในสภาพปิดครึ่งวันด้วยเหตุนี้ รายได้ลดลงไปเท่าไร เพื่อที่จะชดใช้ความเสียหายเหล่านี้ นางจึงตัดสินใจที่จะทลายรังโจร
ตอนนี้ท่านปู่รู้แผนการของนางแล้ว การวางแผนในบัญชีเงินหลวงย่อมคว้าน้ำเหลว คิดๆ ดูแล้วก็ยังเจ็บทั้งใจเจ็บทั้งกายจริงๆ
“ท่านปู่ๆ นี่เป็นเงินส่วนตัวที่หลานเก็บออม ตอนนี้มอบให้ท่านหมดแล้ว ท่านจะ…”
“รู้แล้วๆ กลับไปก็ต้องแบ่งเงินทองของล้ำค่าให้เจ้าเยอะหน่อยใช่หรือไม่” เสิ่นเวยยังพูดไม่ทันจบ ท่านเสิ่นโหวก็พูดต่ออย่างทนไม่ได้แล้ว “วางใจ ปู่เจ้ายังมีทรัพย์สินส่วนตัว ไม่เอาเปรียบเจ้าหรอก”
เสิ่นเวยแทบจะร้องไห้จริงๆ เสียใจจนอย่างจะตบหน้าตัวเองสักสองฉาด ใครให้เจ้าปากไวใครให้เจ้าอวดตนหลงระเริง เห็นได้ชัดว่าอยู่เงียบๆ ก็ได้เงินก้อนโตแล้ว ตอนนี้ไม่เหลืออะไรทั้งสิ้น แต่ว่าได้ยินท่านปู่สัญญาว่าจะแบ่งเงินให้นางจึงโล่งอกเล็กน้อย
เสิ่นเวยเสียเงินก้อนใหญ่เช่นนี้ บทสนทนาภายหลังก็ไม่ค่อยมีกำลังวังชาแล้ว ท่านเสิ่นโหวทั้งโมโหทั้งตลก ตระกูลมีเด็กสาวที่มีความสามารถเช่นนี้ ทั้งยังเห็นแก่เงิน
“เงินสำคัญเพียงนั้นเลยหรือ” ท่านเสิ่นโหวถามอย่างอดไม่ได้
“แน่นอน” เสิ่นเวยตอบอย่างมั่นใจ “เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง แต่หากไม่มีเงินก็ซื้อไม่ได้สักอย่าง ในสังคมนี้ จะทำอะไรก็ต้องใช้เงินเปิดทาง ไม่มีเงิน หลานจะแลกเสบียงสามหมื่นต้านมาให้ท่านได้อย่างไร”
ท่านเสิ่นโหวถูกขัดจนพูดไม่ออก
เสิ่นเวยเห็นท่าทางยอมแพ้เช่นนั้นของปู่นาง ในใจดีใจขึ้นมาเงียบๆ นางกลอกตากล่าว “ท่านปู่ รอสู้ศึกครั้งนี้เสร็จแล้วท่านก็ขอพระราชโองการกลับเมืองหลวงเถอะ ทำงานหนักมาทั้งชีวิตก็ควรจะเสวยสุขได้แล้ว” ยุคปัจจุบัน นายทหารอายุสี่สิบกว่าปีก็เกษียณแล้ว ปู่นางอายุเกินมานานแล้ว อายุปูนนี้แล้วยังสู้รบฆ่าฟัน ทำให้คนเป็นห่วงยิ่งนัก
ท่านเสิ่นโหวค่อนข้างประหลาดใจ “เหตุใดเล่า” เขาสู้รบมาทั้งชีวิต เคยคิดจะกลับเมืองหลวงไปเสวยสุขกับครอบครัว แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อชนรุ่นหลังใจไม่สู้ ท่านเสิ่นโหวมองหลานสาว รู้สึกเสียดาย “หากเจ้าเป็นผู้ชาย อาชีพนี้ของปู่ก็มอบให้ได้ แต่เจ้าดันเป็นเด็กผู้หญิง น้องชายเจ้าก็ยังเล็ก ปู่เองก็หมดหนทาง”
เหตุใดจักรพรรดิถึงให้ความสำคัญกับจวนจงอู่โหว ไม่ใช่เพราะว่าเขากุมกองทัพใหญ่แปดหมื่นนายของซีเจียงอยู่หรือ
ทว่าเสิ่นเวยกลับไม่สนใจ “ไม่ใช่ยังมีพี่ใหญ่หรอกหรือ อ้อจริงสิ พอได้ยินว่าท่านถูกธนูยิงหมดสติ ท่านลุงใหญ่ก็ไปขอร้องต่อหน้าพระพักตร์จักรพรรดิ อยากมาเยี่ยมที่ซีเจียง สุดท้ายจักรพรรดิก็เมตตา จัดทหารรักษาพระองค์ห้าร้อยนายเดินทางมาพร้อมพี่ใหญ่ อืม ที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันยังมีญาติผู้พี่ของข้า ทำไมน่ะหรือ เป็นข้าที่เสนอเอง คิดว่าลูกผู้พี่ก็อายุไม่น้อยแล้ว ถือโอกาสนี้สร้างคุณูปการทางทหาร ไต่เต้าตำแหน่งขุนนางเพื่อที่จะได้แต่งภรรยาอย่างไรเล่า…
…ท่านปู่เองก็ไม่อาจเป็นห่วงชนรุ่นหลังไปทั้งชีวิตได้จริงหรือไม่ ข้าว่าเป็นเพราะท่านเก่งเกินไป พ่อข้าติดตามท่านลุงและคนอื่นๆ ถึงได้อ่อนแอเพียงนั้น หากท่านวางมือแต่เนิ่นๆ บีบบังคับให้พวกเขาจำใจต้องพัฒนา ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะรับหน้าที่เพียงคนเดียวได้แล้ว ท่านเองก็บอกว่าหลานมีความสามารถ แต่ความสามารถนี้ของข้าก็ถูกบีบบังคับออกมาเช่นกัน ไม่มีท่านแม่ ท่านพ่อพึ่งไม่ได้ ยังมีน้องชายที่ต้องดูแล หากข้าไม่พยายามก็มีชีวิตต่อไปไม่ได้ มนุษย์น่ะ ต้องอับจนหนทางจึงจะระเบิดความสามารถที่ไร้ขีดจำกัดออกมาได้” เสิ่นเวยถอนหายใจ
จากนั้นเสิ่นเวยก็กล่าวต่อ “ถือโอกาสที่พี่ใหญ่มาเมืองชายแดน ท่านก็สั่งสอนเขาให้ดี ให้เขาสั่งสมประสบการณ์อยู่ที่นี่ เมืองชายแดนซีเจียงนี้ล้วนแต่เป็นคนสนิทของท่าน จะไม่ดูแลพี่ใหญ่ได้อย่างไร พี่ใหญ่อายุสิบแปดปีแล้ว ในเมื่อท่านลุงใหญ่มีความสามารถไม่พอ เช่นนั้นก็ต้องเป็นเขามาแทน ใครให้เขาเป็นลูกของท่านลุงใหญ่เล่า อย่าบอกว่าไม่ได้ โยนเขาเข้าไปในกองทัพซีเหลียงก็ได้แล้ว ท่านปู่ต้องตัดใจจึงจะทำได้!”
ท่านเสิ่นโหวคล้ายกำลังครุ่นคิด เสิ่นเวยเห็นท่าทีแล้วจึงลุกขึ้นยืน หาวหนึ่งคราเตรียมตัวจะเดินออกไป “ท่านปู่ลองคิดดีๆ หลานขอตัวก่อน โอ๊ย เอวข้า เหตุใดถึงปวดเช่นนี้ ท่านอาอันฉง ห้องข้าอยู่ไหน ข้าง่วงแล้ว” เสิ่นเวยยืดเอว ท่าทางอ่อนเพลียอย่างถึงที่สุด
ห้องอภิปรายงานบนเขาเอ้อร์หลงกลับสว่างจ้าราวกับกลางวัน โจรหนึ่งกลุ่มกำลังรวมหัวกันดื่มสุราสังสรรค์ บรรยากาศครึกครื้นมากเป็นพิเศษ
คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะคือหัวหน้าใหญ่เขาเอ้อร์หลง ท่าทางประมาณสี่สิบกว่าปี กำยำล่ำสัน หน้าตาดุร้ายอย่างยิ่ง ตอนนี้เขาโอบสาวงามมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือจอกสุรา “ดื่ม สหายพี่น้องดื่ม! สุขใจนัก! ครั้งนี้พวกเราแลกเงินมาได้ไม่น้อย ฮ่าๆ ดื่ม!” เขาแหงนหน้าหัวเราะร่า สุราหนึ่งจอกก็ถูกเขากรอกลงไปในคอ
ในห้องโถงใหญ่มีเสียงร้องยินดีดังขึ้นทันที
“สมกับที่เป็นพี่ใหญ่ของพวกเรา คอแข็งจริงๆ ใจป้ำยิ่งนัก” หัวหน้าสี่ฝั่งขวาข้างล่างชูนิ้วหัวแม่มือชื่นชม
“ก็ใช่น่ะสิ พี่ใหญ่พวกเราเป็นใคร เป็นบุคคลอันดับหนึ่งที่ห้าวหาญเก่งกาจ! ทั่วทั้งร้อยลี้ใครบ้างไม่เคยได้ยินชื่อเสียงบารมีพี่ใหญ่ของพวกเรา มีเพียงหลี่ชังเซิ่งคนโง่ผู้นั้นที่ไม่รู้จักเจียมตัวอยากจะสู้กับพี่ใหญ่ ไม่ดูเลยว่าพวกเราเห็นด้วยหรือไม่” คนที่ประจบสอพลอผู้นี้คือหัวหน้าสาม
หัวหน้าใหญ่ตาลุกวาว ยกมือกล่าว “เอ๋ เหล่าซานเจ้าอย่าพูดเช่นนี้ เหล่าเอ้อร์เองก็เป็นพี่น้องพวกเรา ระหว่างพี่น้องต้องมีไมตรีจิตต่อกัน เหล่าเอ้อร์ดื้อรั้นเล็กน้อย พี่ใหญ่เช่นข้าจะพูดอะไรกับเขาได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เขาอยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง” ท่าทางเขาเป็นกังวลอย่างยิ่ง
“พี่ใหญ่ของเราใจกว้าง เหล่าจางของคารวะ! มา พี่ใหญ่ น้องขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก” นี่คือหัวหน้าเจ็ด ไว้หนวดเครา
คนที่เหลือก็พากันลุกขึ้นชนแก้ว ทุกคนหัวเราะร่าฮ่าๆ ผลประโยชน์อยู่ตรงหน้าไม่อาจปฏิเสธ กำจัดความทุกข์ในใจไป เขาย่อมอารมณ์ดีอย่างมาก
หลี่ชังเซิ่งเอ๋ยหลี่ชังเซิ่ง เจ้าคิดจะมาสู้กับข้างั้นหรือ เป็นอย่างไร กลายเป็นผีเร่ร่อนไปแล้วกระมัง
แต่ไหนแต่ไรหัวหน้าใหญ่เขาเอ้อร์หลงกับรองหัวหน้าไม่ถูกกัน เหตุผลน่ะหรือ รองหัวหน้าหลี่ชังเซิ่งไม่ใช่คนในท้องที่ เขาพาคนมาขอที่พึ่ง ทักษะการต่อสู้ของเขาดีกว่าหัวหน้าใหญ่ แน่นอนว่าไม่ค่อยเห็นหัวหน้าใหญ่อยู่ในสายตา
ครั้งนี้หัวหน้าใหญ่ส่งรองหัวหน้าออกไปสืบข่าวราชสำนักขนส่งเสบียง อันที่จริงก็ตั้งใจจะฆ่าปิดปาก คนส่งข่าวที่เฝ้าดู บอกว่ากลุ่มของรองหัวหน้าตายหมดแล้ว หัวหน้าใหญ่กวาดล้างกำลังคนของรองหัวหน้าบนเขาทันที จึงเกิดงานเลี้ยงฉลองในคืนนี้ขึ้น
เจิ้งป้าเทียนผู้นำบนเขาเช่นเขาจะยอมให้มีคนที่ไม่เชื่อฟังกระโดดโลดเต้นอยู่ได้อย่างไร บังอาจไม่เชื่อฟัง ฆ่าเขาไม่ได้หรอก!
คนหนึ่งกลุ่มดื่มสุราจนเมามาย หัวหน้าใหญ่ลุกขึ้นอยากกลับห้องไปนอน แต่หญิงงามที่เขาโอบอยู่ไหนเลยจะรับน้ำหนักเขาไหว คนทั้งสองแทบจะสะดุดล้ม ยังคงเป็นหัวหน้าสามที่ประคองเขาไว้
หัวหน้าใหญ่ลูบหน้าอกหญิงผู้นั้นหนึ่งครา หลังจากนั้นจึงกล่าวกับหัวหน้าสาม “ต้อนรับแขกฝั่งตะวันตกเรียบร้อยแล้วหรือ”
หัวหน้าสามพยักหน้า “วางใจเถิด พี่ใหญ่ ทั้งหมดทำตามคำสั่งของท่าน ข้าจัดการด้วยตัวเอง” เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวด้วยความลังเลเล็กน้อย “พี่ใหญ่ นั่นคือคนซีเหลียง พวกเราเป็นคนต้ายง เก็บพวกเขาไว้จะ…?” คำพูดที่พูดไม่จบมีเจตนาอย่างไรต่างฝ่ายต่างรู้ดี
ทว่าหัวหน้าใหญ่กลับโบกมือ “ใครจะสนว่าเขาเป็นคนซีเหลียงหรือคนต้ายง ผู้ใดให้เงินข้าผู้นั้นก็คือคนของของข้า” พูดจบ เขาก็หัวเราะร่าโอบหญิงสาวเดินออกไปนอกประตู
ไหนเลยจะรู้ว่าบทสนทนาของกลุ่มโจรในคืนนี้ต่างก็อยู่ในหูของทหารลับที่มาสืบข่าวแล้ว เสิ่นเวยได้รับรายงานก็ตกใจ มิน่าเล่าถึงหาทหารเดนตายซีเหลียงที่เผายุ้งข้าวผู้นั้นไม่เจอ พวกเขาซ่อนไว้ในเขา
เอ้อร์หลงนี่เอง
สมคบคิดกับศัตรูขายชาติ! สมควรตาย! สมควรตายทั้งหมด! เสิ่นเวยกำหมัดแน่น ดวงตาปรากฎเจตนาสังหาร!
ตอนที่ 159.1
อยากตายหรือ ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก
เดิมทีเสิ่นเวยวางแผนจะพาเด็กหนุ่มหมู่บ้านตระกูลเสิ่นไปฝึกซ้อมต่อ แม้ว่าจะยืมคนจากท่านปู่นางแต่ก็ไม่อาจยืมเยอะเกินไปได้ ตอนนี้ทราบข่าวว่าบนเขาเอ้อร์หลงซ่อนทหารเดนตายซีเหลียงไว้ เสิ่นเวยก็เปลี่ยนแผนการเดิมทันที
ตามที่ทหารลับสืบข่าวมา โจรบนเขาเอ้อร์หลงมีทั้งหมดห้าถึงหกร้อยคน เสิ่นเวยไตร่ตรองแล้ว ก็ตัดสินใจยืมกองทัพแปดร้อยคนจากท่านปู่ของนาง นางคิดเช่นนี้ ในเมื่อมีกำลังที่บดขยี้ได้แน่นอน ใครจะยังอดทนเล่นกลยุทธ์ใช้กำลังที่น้อยกว่าชนะข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าอยู่อีก ดีที่สุดคือไม่จำเป็นต้องสละชีพ ชีวิตใครบ้างไม่สำคัญ
เสิ่นเวยพูดกับท่านปู่นางเช่นนี้ “ท่านปู่ เร็วเข้า เลือกทหารแปดร้อยนายให้ข้า ข้าจะไปนำเสบียงมาให้ท่าน และถือโอกาสให้ซีเหลียงได้ลิ้มรสชาติความพ่ายแพ้จากพวกเราเร็วหน่อย”
ตอนนั้นฟังต้าฉุยเองก็อยู่ด้วย เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ตื่นเต้นในชั่วขณะ “ไปๆๆ คุณชายสี่ เหล่าฟังจะเลือกคนให้ท่านเอง ท่านว่าเหล่าฟังเป็นอย่างไร เลือกข้าด้วยดีหรือไม่” เขามาหาท่านเสิ่นโหวก็เพราะเรื่องเสบียงเช่นกัน ในกองทัพไม่มีเสบียงแล้ว ปากท้องหลายหมื่นคนรอกินข้าวอยู่ เขากลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว
เสิ่นเวยยิ้มกล่าวด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “แม่ทัพฟังไปไม่ได้ ท่านน่ะ ต้องอยู่เป็นกำลังหนุนให้พวกข้าในเมือง เลี่ยงไม่ให้พวกข้านำเสบียงกลับมาด้วยความลำบากลำบนแต่กลับถูกกองทัพซีเหลียงนอกเมืองปล้นไป”
“ได้ๆๆ คุณชายสี่ให้เหล่าฟังทำอะไรข้าก็จะทำ ขอเพียงแค่สามารถนำเสบียงมาได้ก็พอ” ตอนนี้ฟังต้าฉุยขอเพียงแค่นำเสบียงมาให้เขาได้ เสิ่นเวยพูดอะไรเขาก็ตอบรับหมด
ทหารแปดร้อยคนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะสุ่มเลือกมารวมให้ครบจำนวนเท่านั้น ต้องเลือกคนที่องอาจกล้าหาญเชื่อฟังคำสั่ง ท้ายที่สุดผู้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าก็ตกเป็นของหวังต้าชวน ทำให้เขาดีใจอย่างยิ่ง ตบอกรับปากกับเสิ่นเวยว่าจะเชื่อฟังคำสั่งปฏิบัติตามคำบัญชาการ
คนที่ถูกเลือกทราบว่าจะได้ตามคุณชายสี่ไปขนเสบียงก็ดีใจมากเป็นพิเศษ เดิมพวกเขาก็เลื่อมใสในความสามารถของคุณชายสี่มากอยู่แล้ว ตอนนี้ได้เห็นยุทธ์คุณชายสี่กับตาในสนามฝึก แม้แต่รองแม่ทัพหวังของพวกเขาเองก็สู้อยู่ภายใต้น้ำมือของคุณชายสี่ได้ไม่ถึงยี่สิบกระบวนท่า
เห็นแล้วหรือยัง โอวหยางไน่ที่ยืนอยู่ข้างหลังคุณชายสี่ ทหารคนสนิทอันดับหนึ่งที่เคยอยู่ข้างกายท่านโห่ว บุคคลที่กล้าหาญกว่าคนทั้งกองทัพ สามปีก่อนเขาไม่อยู่ในกองทัพ ทุกคนต่างก็สงสัยว่าเขาไปไหน ไม่นึกว่าเห็นอีกทีเขาจะติดตามอยู่ข้างกายคุณชายสี่แล้ว ทหารคุ้มกันโอวหยางเป็นคนดื้อรั้นทะนงตน ตอนนี้กลับเคารพนบนอบคุณชายสี่
ชั่วขณะความรู้สึกเลื่อมใสที่ทุกคนมีต่อเสิ่นเวยก็หลั่งไหลมาไม่หยุดราวกับแม่น้ำเชี่ยวกราก
ตกดึกยามซวี ดวงตาที่สะลึมสะลือกะพริบอย่างอ่อนเพลีย เสิ่นเวยพาคนกลุ่มนี้ออกจากประตูเมืองเงียบๆ บนกีบม้าหุ้มฝ้ายไว้ ในปากม้าคาบกระบองไม้ กองทัพเกือบพันคนขี่ม้าท่ามกลางราตรีที่มืดมิดอย่างไม่มีเสียงใดๆ
ทหารลับรออยู่ล่างเขาเอ้อร์หลงแล้ว เมื่อเสิ่นเวยนำคนมาถึง พลลับหนึ่งก็เข้ามารายงานสถานการณ์ “คุณชาย หน่วยลาดตระเวนลับและไม่ลับด้านล่างเขาและท้องเขาทั้งหมดถูกกวาดล้างเรียบร้อยแล้วขอรับ” ผู้ใต้บังคับบัญชาบนเขายังไม่เคลื่อนไหว
เสิ่นเวยพยักหน้า เรียกโอวหยางไน่กับหวังต้าชวนเข้ามา กล่าว “โจรบนเขาให้พวกเจ้าจัดการ จำไว้ว่าไม่อาจปล่อยให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว พลลับเจ็ด เจ้านำคนไปร่วมมือกับพวกเขา”
“คุณชายสี่วางใจ ข้ารับปากว่าจะไม่ปล่อยคนชั่วหนีไปแม้แต่คนเดียว ท่านเองก็ต้องระวังตัวด้วยนะขอรับ!” หวังต้าชวนพูดอย่างตื่นเต้น
ทิ้งคนไว้ดูม้าสามสี่คนแล้ว เสิ่นเวยก็แบ่งกองทัพขึ้นเขาออกเป็นสองทาง
แผนการของพวกเขาเป็นเช่นนี้ โอวหยางไน่กับหวังต้าชวนนำทหารแปดร้อยนายกับเด็กหนุ่มหมู่บ้านตระกลเสิ่นไปกวาดล้างโจร เสิ่นเวย เถาฮวา เสี่ยวตี๋และทหารลับอีกเจ็ดนายที่เหลือไปเก็บกวาดทหารเดนตายซีเหลียง
ตามการสืบข่าว ทหารเดนตายซีเหลียงมีอยู่เจ็ดคน ฝั่งพวกเขามีสิบคน น่าจะสามารถจับตัวทั้งหมดมาได้อย่างง่ายดาย
เส้นทางเขาเอ้อร์หลงอันตราย อีกทั้งยังมีกับดักอยู่อีกไม่น้อย หากไม่คุ้นเคยก็ยากจะไปถึงยอดเขาได้จริงๆ แต่เพราะว่ามีทหารลับมาสำรวจเส้นทางก่อนหน้านี้แล้ว เสิ่นเวยและคนอื่นๆ จึงปีนขึ้นเขาเอ้อร์หลงได้อย่างง่ายดาย
“คุณชาย ทหารเดนตายซีเหลียงอยู่ในเรือนเล็กหลังนั้น” เสี่ยวตี๋ชี้เรือนเล็กหลังหนึ่งที่อยู่ทางมุมตะวันออกเฉียงใต้บอกเสิ่นเวยเงียบๆ
เสิ่นเวยพยักหน้า ออกคำสั่งเสียงเบาเช่นกัน “ไป พวกเราเข้าไป เคลื่อนไหวให้เบา จะต้องไม่ให้พวกเขารู้ตัวก่อน” กลางดึกเช่นนี้ หลบซ่อนอยู่ที่ใดในเขา จะไปหาเจอได้ที่ไหนกัน
คนหลายคนพยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง ย่องเบาคลำทางเข้าไปเงียบๆ
เดิมทหารลับก็ขึ้นชื่อแล้วว่าลับ แน่นอนว่าชำนาญการหลบซ่อนและวิชาตัวเบาที่สุด ในกลุ่มพวกเขานอกจากเถาฮวาที่ไม่เป็นวิชาตัวเบาแล้ว คนที่เหลือก็ลอยเข้าไปในเรือนเล็กราวกับใบไม้ร่วง เถาฮวาย่อมมีเสี่ยวตี๋พาเข้าไป
เสิ่นเวยอิจฉาวิชาตัวเบาของเหล่าทหารลับมากเป็นอย่างยิ่ง แต่นางไม่รู้ว่าเหล่าทหารลับก็กำลังเลื่อมใสนางอยู่เช่นกัน คุณหนูสี่ดูไม่เหมือนคนที่มีกำลังภายใน แต่รูปร่างนั้นก็ราวกับมาร กระโดดทีเดียวก็เข้าไปในลานบ้านแล้ว เท้าแตะพื้นก็ไม่มีเสียงสักนิดเดียว
ในคืนมืดมิด ประตูห้องปิดสนิท เสี่ยวตี๋ยื่นมือชี้ห้องสี่ห้องในนั้น เสิ่นเวยโบกมือบัญชา จากนั้นจึงมีทหารลับสี่คนคลำทางเข้าไปที่หน้าต่างด้านหลังของห้อง เสิ่นเวยนับในใจ หลังจากนั้นก็พยักหน้าให้คนที่เหลือ ทุกคนต่างก็วิ่งเข้าไปในห้องแต่ละห้องอย่างรู้กัน
ห้องที่เสิ่นเวยกับเถาฮวาไปคือห้องทางขวาสุด ถีบประตูเปิดอย่างแรงแล้วก็วิ่งไปที่หน้าเตียง ดาบหมื่นโลหิตกับกระบองเหล็กแกว่งออกไปพร้อมกัน แต่กลับได้ยินเพียงเสียงร้องโอดครวญ เสิ่นเวยร้องแย่แล้วในใจ อีกคนหนึ่งเล่า
เสิ่นเวยหันหลังกลับ มองเห็นเงาดำเงาหนึ่งวิ่งตรงมาข้างหลังนาง เสิ่นเวยหันข้างหลบ ถือโอกาสเตะ เงาดำหลบได้ แสร้งทำเป็นประมือหนึ่งกระบวนท่า แต่กลับไม่สู้ต่อ คาดไม่ถึงว่าวิ่งออกไปทางหน้าต่างด้านหลัง
เสิ่นเวยดีใจในชั่วขณะ ยืนกอดดาบหมื่นโลหิตอยู่ในห้องหัวเราะหึๆ ไม่ไล่ตามแล้ว โง่จริงๆ เดินเข้ามาหากับดักเองแท้ๆ
เป็นดังคาด ผ่านไปไม่นานหน้าต่างด้านหลังก็มีเสียงร้องโอดครวญดัง “คุณชาย จับได้แล้ว” เป็นเสียงของพลลับหนึ่ง
การต่อสู้ทั้งหมดยังไม่ทันเริ่มก็จบแล้ว เสิ่นเวยรู้สึกไม่สนุกเอาเสียเลย ร่างยังไม่ทันได้เคลื่อนไหวเลย
เถาฮวาเองก็แสยะปากอย่างไม่ยินดี “คุณชายๆ คนชั่วเล่า” คุณชายไม่ได้พานางออกมาตีคนชั่วหรอกหรือ นางเพิ่งตีไปแค่ทีเดียวเอง เหตุใดถึงหมดแล้วเล่า ไม่ได้ นางต้องฟาดอีกหลายๆ ที เถาฮวาชูกระบองเหล็กทุบลงบนเตียงอย่างแรง ได้ยินเพียงเสียงกระบองเหล็กตีเข้าเนื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าคนกลับไม่ส่งเสียงดังออกมาแม้แต่นิดเดียว คาดว่าคงตายไปนานแล้ว
โหดเ**้ยมเกินไปแล้ว โหดเ**้ยมเกินไปแล้วจริงๆ เสิ่นเวยกระตุกมุมปากถอยไปในลานบ้าน นางครุ่นคิดถึงปัญหาข้อหนึ่งอย่างละเอียด เลี้ยงเด็กผู้หญิงที่โหดเ**้ยมอย่างยิ่งขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไรดี ต้องรีบไปหาวิธีแก้แล้ว
คนที่เหลือเองก็ถอยออกไปในลานบ้าน นอกจากคนที่นอนตายอยู่บนเตียง ก็จับพยานมาได้สี่คน ทั้งหมดถูกมัดมืดมัดเท้า ในปากก็ยัดผ้าเอาไว้
“ส่งสัญญาณ” เสิ่นเวยสั่ง
พูดยังไม่ทันขาดคำ ดอกไม้ไฟสีแดงสดหนึ่งดอกก็พุ่งขึ้นฟ้า หลังจากนั้นบนเขาเอ้อร์หลงก็มีเสียงตะโกนฆ่าดังขึ้น
“คุณชายๆ” เถาฮวาดึงแขนเสื้อเสิ่นเวยตะโกนอยางร้อนใจ
เสิ่นเวยไหนเลยจะไม่เข้าใจเจตนาของนาง ก่ายหน้าผากอย่างอดไม่ได้ ไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงที่ชอบการฆ่าฟันเช่นนี้มาก่อน เดิมข้าก็เป็นคนรักความสงบ เถาฮวาเด็กคนนี้ไปเลียนแบบใครมานะ
“เอาเถอะๆ พลลับหนึ่งทิ้งคนสองคนไว้เฝ้าเชลย คนที่เหลือตามข้าไปช่วย” เสิ่นเวยพูดจบ เถาฮวาก็ดีใจกระโดดโลดเต้น
ทหารประจำการที่ฝึกฝนเป็นประจำแปดร้อยนายต่อสู้กับโจรที่มีทั้งคนดีคนเลวปะปนกัน ผลลัพธ์แค่คิดก็รู้แล้ว ตอนที่กลุ่มของเสิ่นเวยมาถึง ก็เห็นโจรร้องโอดครวญวิ่งหนีทั่วสารทิศท่ามกลางแสงเพลิง
เถาฮวาไม่ต้องให้คนสั่งก็วิ่งเข้าไปแล้ว แกว่งกระบองเข้าสู่การต่อสู้ เดิมนางก็แรงเยอะไม่มีขีดจำกัดอยู่แล้ว กระบองเหล็กก็ใช้จนคล่องมืออย่างใจคิด ทุกๆ คนที่ถูกนางกวาดกระบองเหล็กออกไป เบาหน่อยก็ล้มลงได้รับบาดเจ็บ หนักหน่อยก็เสียชีวิตคาที่
มองดูปลาเล็กปลาน้อยหลายตัวที่น่าสงสารเช่นนี้ เสิ่นเวยก็ไม่มีแม้แต่ความต้องการที่จะลงมือแล้ว มีเด็กสาวที่ชอบแย่งความสนใจจากเจ้านายเสมออยู่แล้วมิใช่หรือ
“คุณชายๆ จับกุมหมดแล้วขอรับ” หวังต้าชวนวิ่งมารายงานด้วยความดีใจ นอกจากคนที่ตายแล้ว คนที่หายใจหอบบนเขาเอ้อร์หลงล้วนถูกจับกุมไว้แล้ว “คุณชาย พวกเราจะขนเสบียงเมื่อไร” หวังต้าชวนมองเสิ่นเวยด้วยความกระตือรือร้น
เสิ่นเวยโบกมือบัญชา “ไปเอาเถอะ!”
หวังต้าชวนนำคนไปค้นทรัพย์สินของรังโจรอย่างเริงร่า บนเขามีรถและม้าที่เตรียมไว้ ซ้ำกำลังคนของพวกเขายังเพียงพอ การขนย้ายจึงรวดเร็วอย่างยิ่ง
ตอนที่ 159.2
อยากตายหรือ ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก
เมื่อหวังต้าชวนและคนอื่นๆ เห็นเสบียงและเงินทองของล้ำค่าที่อยู่เต็มคลัง ดวงตาก็ตะลึงงัน มารดาเขาสิ พวกข้าสู้รบจะเป็นจะตาย แม้แต่ข้าวยังไม่มีให้กิน แต่โจรเช่นพวกเจ้ากลับนั่งเสวยสุขร่ำรวยเงินทอง ทั้งยังซ่อนทหารเดนตายซีเหลียงไว้อีกด้วย สมควรตายจริงๆ หวังต้าชวนเห็นหน้าโจรอีกครั้งดวงตาก็แดงก่ำ
ลานหน้าประตูห้องอภิปรายงานจุดคบเพลิงนับไม่ถ้วน สว่างราวกับกลางวัน โจรที่ถูกจับกุมทั้งหมดบนเขาเอ้อร์หลงต่างก็ถูกมัดนั่งคุกเข่าอยู่ในลาน หัวหน้าใหญ่ผู้นั้นยังไม่ตายใจตะโกนขึ้นมา “ท่านเป็นสหายเส้นทางไหนหรือ ขอเพียงแค่ไว้ชีวิตผู้แซ่เจิ้ง เขาเอ้อร์หลงแห่งนี้ผู้แซ่เจิ้งยินดีวางมือให้”
เสิ่นเวยยืนมือไพล่หลังอยู่ตรงกลางลาน ภายใต้แสงสะท้อนของแสงเพลิงเรือนร่างนางก็ยิ่งดูผอมบาง มีเพียงดวงตาทั้งคู่ที่เปล่งประกายจนน่าตกใจ
“หัวหน้าใหญ่เจิ้งกลับเป็นบุคคลสำคัญ หากจะให้ไว้ชีวิตเจ้าก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ตอนนี้กลับไม่ได้แล้ว บอกให้เจ้ารู้ไว้หน่อย ข้าแซ่เสิ่น ท่านเสิ่นโหวที่ปกครองเมืองชายแดนซีเจียงเป็นปู่ของข้า หัวหน้าใหญ่คงรู้ว่าท่านปู่ข้าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรใช่หรือไม่ ใช่แล้ว เป็นเพราะชาวซีเหลียง ส่วนข้า ทั้งชีวิตเกลียดคนทรยศที่สุด โดยเฉพาะคนทรยศที่สบคบคิดกับศัตรูขายชาติ ส่วนหัวหน้าใหญ่เจ้ากลับซ่อนทหารเดนตายซีเจียงไว้ เจ้าว่าข้าจะไว้ชีวิตเจ้าได้หรือ” เสิ่นเวยกล่าวอย่างไม่สนใจ ในคำพูดเต็มไปด้วยความเสียดายราวกับว่าการฆ่าเขาเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
ในลานมีเสียงร้องขอชีวิตดังอื้ออึงเซ็งแซ่ “คุณชายเสิ่น เรื่องนี้หัวหน้าใหญ่สั่งมา พวกข้าทำได้เพียงเชื่อฟังแล้วทำตาม พวกเข้าไม่เกี่ยวจริงๆ คุณชายเสิ่นโปรดไว้ชีวิตด้วย!”
“ใช่แล้วๆ พวกข้าเป็นเพียงโจรต่ำต้อย ไม่รู้ว่าบนเขาซ่อนทหารเดนตายซีเจียงไว้ คุณชายเสิ่นต้องตรวจสอบดูให้ดี ไว้ชีวิตพวกข้าด้วยเถิด”
เสิ่นเวยเพียงแค่ยืนนิ่งๆ ไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มบางๆ คล้ายกำลังดูละครตลก
“หุบปากให้หมด!” เจิ้งป้าเทียนรู้ว่าวันนี้ตนไม่มีทางรอดชีวิตได้แน่จึงลองเสี่ยงดู เขาแยกเขี้ยวยิงฟัน หน้าตาดุร้าย จ้องมองเสิ่นเวยอย่างโหดเ**้ยมแล้วตะคอกกล่าว “ผู้แซ่เสิ่น จะฆ่าจะแทงก็แล้วแต่เจ้า หากข้ากลัวปัญหาก็คงไม่แซ่เจิ้ง ฮ่าๆๆ ตั้งแต่วันนั้นที่ข้ามาเป็นโจรก็ไม่เคยกลัวตาย มาเถอะ ไม่ต้องลังเล ตัดศีรษะก็แค่ตาย สิบแปดปีให้หลังข้าก็กลับชาติมาเกิดใหม่” เขายื่นคอ ท่าทางกล้าหาญอย่างถึงที่สุด
เหล่าเด็กหนุ่มหมู่บ้านตระกูลเสิ่นได้ยินเขาโอ้อวดตนก็โมโหจนไฟโทสะเดือดพล่านแล้ว หากไม่ติดว่าเสิ่นเวยไม่เอ่ยปาก ก็คงจะก้าวเข้าไปแทงเขานานแล้ว
เสิ่นเวยไม่โมโหแม้แต่นิดเดียว กลับยกมุมปากยิ้ม สายตาที่มองเจิ้งป้าเทียนอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด “ไม่กลัวตายหรือ ไม่กลัวตายก็ดี! แต่ว่าเจ้าเองก็อย่าเพิ่งร้อนใจ คนที่ต้องตายยังไม่ถึงตาเจ้า อดทนรอไปก่อน” อยากตายหรือ ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก ตายแล้วกลับได้พ้นทุกข์ ฝันไปเถอะ
เสิ่นเวยเชิดคาง พลลับหนึ่งและคนอื่นๆ ก็ลากทหารเดนตายซีเหลียงสี่คนเข้ามา โยนไว้กลางลาน ไม่ได้คลายมัด กระทั่งไม่เอาผ้าอุดปากออก เพราะว่าเสิ่นเวยไม่คิดจะไต่สวนพวกเขาอย่างสิ้นเชิง พวกเขาเป็นทหารเดนตาย เรื่องที่รู้มีจำกัด เสิ่นเวยไม่มีความอดทนที่จะเสียเวลากับพวกเขา นางเพียงแค่อยากฆ่าพวกเขา ฆ่าพวกเขาต่อหน้าโจรเขาเอ้อร์หลง
“ข้าบังเอิญอ่านหนังสือยามว่าง เห็นบทลงโทษประเภทหนึ่ง น่าสนใจมาก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ทดลอง วันนี้ประจวบเหมาะ ถือโอกาสลองดาบกับพวกเจ้าชาวซีเหลียงเหล่านี้แล้วกัน” เสียงที่ใสก้องของเสิ่นเวยดังขึ้นอย่างตอ่เนื่อง
“บทลงโทษประเภทนี้เรียกว่าหมื่นพันมีดเฉือน เหตุใดถึงเรียกว่าหมื่นพันมีดเฉือนน่ะหรือ ความหมายตามชื่อ ก็คือการเฉือนร่างเจ้าหนึ่งพันครั้ง เฉือนเนื้อบนร่างเจ้าทีละครั้งๆ หนึ่งพันครั้ง หนึ่งครั้งไม่มาก แล้วก็ไม่น้อยเช่นกัน รสชาตินั้นจะต้องหอมหวานอย่างยิ่งแน่นอน อ้อจริงสิ ในระหว่างที่เฉือนเจ้าก็ตายไม่ได้ เจ้าจะได้เห็นเนื้อเหล่านั้นถูกเฉือนออกมาจากร่างเจ้าทีละชิ้นๆ อย่างชัดเจน” เสียงของเสิ่นเวยยังมีเสียงหัวเราะปนอยู่ด้วย ราวกับว่าพูดเรื่องที่ดีงามอย่างยิ่งอยู่
“อืม บนพื้นฐานนี้ ข้ายังแก้ไขมันอีกเล็กน้อย ข้าคิดว่าเฉือนไปพลางสาดน้ำเกลือไปพลางผลลัพธ์น่าจะยิ่งดี หัวหน้าใหญ่เจิ้ง เจ้าคิดว่าอย่างไร” เสิ่นเวยมองเจิ้งป้าเทียน ถามอย่างเป็นมิตร
ม่านตาเจิ้งป้าเทียนหดเล็ก รู้สึกเพียงทั่วร่างหนาวสั่น เขายังเป็นคนอยู่อีกหรือ คุณชายที่ดูเหมือนบอบบางผู้นี้กลับพูดวิธีฆ่าคนที่น่ากลัวเช่นนี้ออกมาอย่างสบายๆ ท่าทางเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง นี่ไหนเลยจะเป็นคน นี่มันปีศาจ ปีศาจชัดๆ!
ทว่าเขายังคงแข็งคอกล่าวอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ “จะฆ่าก็ฆ่า พูดจาเหลวไหลทำไม”
ส่วนโจรคนอื่นๆ ในลานก็กลัวจนหน้าถอดสีนานแล้ว ตัวสั่นระริก เฉือนครั้งเดียวก็เจ็บอย่างยิ่งแล้ว ยังต้องถูกเฉือนพันครั้งทั้งเป็น ใครจะทนไหว อยากจะหลับตาแล้วตายไปทันทีจริงๆ
อย่าว่าแต่โจรเหล่านี้ แม้แต่คนที่เสิ่นเวยพามาก็มองหน้ากัน ขนหัวลุก
เสิ่นเวยไม่ถือสาเลยแม้แต่น้อย หัวเราะเบาๆ กล่าว “พลลับหนึ่ง มือเจ้ามั่นคงที่สุด พาคนเหล่านี้ไปลงโทษเสีย จำไว้ หนึ่งพันมีด ไม่มากไปกว่านี้ และไม่น้อยไปกว่านี้”
พลลับหนึ่งอับจนปัญญา เขาพูดได้หรือว่าติดตามเจ้านายที่ชอบความป่าเถื่อนเช่นนี้ทำให้กลัดกลุ้มใจอย่างยิ่ง เฉือนเนื้อน่าสะอิดสะเอียนอย่างยิ่งรู้หรือไม่ แต่นายท่านพูดแล้ว เขาจะยังพูดอะไรได้อีก
พลลับหนึ่งเลือกทหารลับสามคนที่ถูกบีบบังคับให้ทำเรื่องเกินความสามารถเช่นเดียวกันไปร่วมลงโทษ เสิ่นเวยยังตั้งใจเอาผ้าอุดปากทหารเดนตายซีเหลียงออก
ตามเนื้อที่ร่วงลงพื้นแต่ละชิ้นๆ เสียงกรีดร้องก็ดังก้องทั่วเขาเอ้อร์หลง
มีคนขี้ขลาดที่ตกใจจนหมดสติตายไปแล้ว ส่วนคนที่กล้าหาญก็อยากจะตาบอดหูหนวกขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มหมู่บ้านตระกูลเสิ่นเองก็มองดูอย่างอกสั่นขวัญหาย
มีเพียงเสิ่นเวย อ้อไม่สิ ยังมีเถาฮวาน้อย คนอื่นล้วนอยากจะปิดหูตัวเอง แต่นางกลับเบิกตาโตมองดูด้วยความสนใจใคร่รู้ เจ้านายเป็นเช่นไรสาวใช้ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
เสิ่นเวยยืนตัวตรงผ่าเผยราวกับไผ่เขียว สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่นิดเดียว คิ้วก็ไม่ขมวดเลยแม้แต่น้อย สายตาของนางค่อยๆ กวาดผ่านเด็กหนุ่มหมู่บ้านตระกูลเสิ่น พวกเขายืดหลังยืดอกตามจิตใต้สำนึกทันที คุณหนูสี่เป็นสตรียังไม่กลัว ลูกผู้ชายเช่นพวกเขาจะกลัวอะไร
เสิ่นเวยยกยิ้มอย่างพอใจ หลังของเด็กหนุ่มหมู่บ้านตระกูลเสิ่นก็ยิ่งยืดตรง สีหน้าก็สงบยิ่งขึ้น ก็แค่ฆ่าคนมิใช่หรือ มีอะไรให้กลัวกัน
“คุณชายเสิ่นโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด ผู้น้อยสำนึกผิดแล้ว ผู้น้อยสำนึกผิดแล้ว ขอเพียงไว้ชีวิตผู้น้อย ผู้น้อยจะยอมทำตามทุกอย่าง” ในที่สุดเจิ้งป้าเทียนก็ยอมแพ้ หมอบอยู่บนพื้นราวกับสุนัขขี้เรื้อนร้องห่มร้องไห้อ้อนวอน ในตอนที่กำลังจะตายจริงๆ เขาก็ยังคงหวาดกลัว ขี้ขลาด มีชีวิตแล้วดีเช่นนี้ เขายังไม่อยากตาย
เสิ่นเวยไม่สนใจเขา เงยหน้ามองฟ้า กล่าวกับพลลับหนึ่งด้วยความเสียดายอย่างยิ่ง “เหลือเวลาไม่มากแล้ว ข้ายังต้องรีบกลับไปกินข้าวเช้า พอแค่นี้เถอะ วันหลังพวกเรามีโอกาสแล้วค่อยลองใหม่ ฆ่าพวกเขาทิ้งเสีย”
เมื่อเสิ่นเวยพูดจบ ดาบแหลมสี่เล่มก็แทงเข้าไปในหัวใจทหารเดนตายซีเหลียงพร้อมกัน ราวกับกลัวว่าเสิ่นเวยจะเปลี่ยนใจ พวกเขาเองก็กดดันมากรู้หรือไม่ นั่นมันคนเป็นๆ ไม่ใช่หมูไม่ใช่หมา
ตอนนี้เสิ่นเวยเพิ่งจะหันหน้ามาหาเจิ้งป้าเทียน “อ้อ ยังอยากมีชีวิตหรือ ถูกต้องแล้ว มีชีวิตดีกว่าตาย มีชีวิตอยู่จึงจะมองเห็นทิวทัศน์สวยๆ เช่นนั้นได้ ตายแล้วทุกอย่างก็จบสิ้น ในเมื่อคิดจะมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ต้องเชื่อฟัง เชื่อฟังเข้าใจหรือไม่ ข้าให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ต้องทำ”
“เข้าใจ เข้าใจ ผู้น้อยเข้าใจ ผู้น้อยจะเชื่อฟัง เชื่อฟังคุณชาย” เจิ้งป้าเทียนพยักหน้ารัว ขอเพียงแค่มีชีวิตอยู่ได้ ให้เขาทำอะไรก็ยอม
เสิ่นเวยกระตุกมุมปากอย่างพอใจ “ได้ เช่นนั้นก็พาตัวกลับไปให้หมด”
โจรบนเขาเอ้อร์หลงใครบ้างที่ไม่เคยก่อกรรมทำชั่ว ฆ่าพวกเขากลับจะทำให้พวกเขาได้เปรียบ เสิ่นเวยวางแผนไว้แล้ว จัดการพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ส่งไปค่ายทหารเดนตายทั้งหมด ลงสนามรบแล้วก็ยังสามารถฆ่าทหารซีเหลียงได้อยู่มิใช่หรือ นำขยะกลับมาใช้ประโยชน์เพื่อที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างไรเล่า
สำหรับสตรีบนเขาเอ้อร์หลง เสิ่นเวยย่อมไม่ได้มีความอดทนมากเพียงนั้น แจกเงินคนละสิบตำลึงแล้วจึงให้กลับบ้าน คนที่ไม่ยอมกลับบ้านอยากไปไหนก็ไป
ตอนที่ฟ้าใกล้สาง เสิ่นเวยก็บรรทุกข้าวของกลับมาเต็มคันรถ
ฟังต้าฉุยรออยู่บนกำแพงเมืองด้วยความร้อนใจทั้งคืน เห็นกองทัพยาวเหยียดมาแต่ไกลๆ ก็เปิดประตูนำคนออกไปต้อนรับทันที
“คุณชายสี่ กลับมาแล้วหรือ” ฟังต้าฉุยมองกองทัพที่ยาวเหยียด ไม่ว่าอย่างไรก็หุบรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้ ไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
เสิ่นเวยโบกมือบัญชากล่าว “ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ” ใครจะคิดว่ารังโจรแห่งนี้บนเขาเอ้อร์หลงจะซ่อนเสบียงไว้กว่าหนึ่งหมื่นต้าน นับว่าแก้ไขปัญหาคับขันได้แล้ว
หวังต้าชวนที่เป็นคนใจร้อนก็กล่าวเสียงดังทันที “แม่ทัพ ครั้งนี้พวกเราร่ำรวยแล้ว หนึ่งหมื่นต้าน เสบียงหนึ่งหมื่นต้าน! ยังมีเงินทองของล้ำค่าอีกไม่น้อย ม้า ผ้า ยาต่างๆ โจรขี้ขลาดเหล่านี้มีชีวิตดีกว่าเจ้าขุนมูลนายในท้องถิ่นเสียอีก” เขาพูดไปพูดมาก็โมโห “หารู้ก่อน ข้าคงจะจะพาคนไปปราบโจรแล้ว คุณชายสี่ของพวกเราฉลาดจริงๆ!”
ตลอดการเดินทางไปเขาเอ้อร์หลง หวังต้าชวนเลื่อมใสศรัทธาคุณชายสี่ตระกูลเสิ่นหมดทั้งใจ อายุยังน้อย ทั้งมีแผนการ ทั้งมีอุบาย จิตใจแข็งแกร่ง บทลงโทษหมื่นพันมีดเฉือนนั้น คนที่เห็นคนตายจนชินเช่นเขายังรู้สึกหวาดหวั่น แต่คุณชายสี่ผู้นี้กลับแน่วแน่นเด็ดขาด สุขุมอย่างยิ่ง
ฟังต้าฉุยได้ยินหวังต้าชวนเล่า ปากก็แสยะยิ้มกว้างยิ่งขึ้น “โชคดีที่ได้คุณชายสี่จริงๆ ลำบากคุณชายสี่แล้ว รีบกลับเมืองไปพักเถิดขอรับ ข้าวเช้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว” รอยยิ้มที่ยิ้มให้เสิ่นเวยช่างเอาใจใส่ยิ่งนัก
ขบวนรถเข้าสู่ประตูเมือง ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม คนทั้งหมดก็รู้ว่ามีเสบียงแล้ว และยังรู้ว่าจะมีเสบียงสี่หมื่นต้านส่งตามมาอีก ฮ่าๆ ในที่สุดก็ไม่ต้องหิวอีกแล้ว ชั่วขณะขวัญกำลังทหารก็พุ่งพล่าน
อาจารย์ผังได้ยินข่าวแล้วก็รีบตามมา “คุณชายสี่ขนเสบียงหนึ่งหมื่นต้านกลับมาจริงๆ หรือ” เขาหลับไปหนึ่งตื่น ตื่นขึ้นมาก็พบว่าโลกทั้งใบเปลี่ยนไปแล้ว
เสิ่นเวยโบกมือ “แน่นอนว่าจริง ข้าเคยล้อเล่นที่ไหนเล่า อยากรู้รายละเอียดท่านก็ไปถามโอวหยางไน่ ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว อยากกินข้าว อยากนอน ห้ามใครมารบกวนข้า”
ทั้งวันทั้งคืนไม่ได้หลับตา ตอนนี้เสิ่นเวยคิดถึงเตียงของนางที่สุด แต่ท้องก็ร้องโครกครากประท้วงอยู่ ได้ กินข้าวก่อนแล้วกัน
ข้าวเช้ายังคงเรียบง่ายอย่างยิ่ง แป้งทอดธัญพืชกับข้าวต้ม เสิ่นเวยเองก็ไม่รังเกียจ กินผักดองกินข้าวต้มสองถ้วยกินแป้งทอดธัญพืชสามชิ้น หลังจากนั้นก็ล้มตัวลงนอน หัวถึงหมอนก็หลับฝันทันที
“เด็กนั่นหลับแล้วหรือ” ท่านเสิ่นโหวถามบ่าวรับใช้ชรา
เสิ่นอันฉงพยักหน้า “ขอรับ ล้มตัวลงนอนก็หลับเลย คุณหนูสี่ลำบากแล้ว” เขาถอนหายใจ สงสารอย่างยิ่ง เป็นคุณหนูสูงศักดิ์อยู่ดีๆ กลับต้องมาเป็นเด็กผู้ชาย เฮ้อ
ท่านเสิ่นโหวเงยหน้านอน ไม่พูดอะไร ครู่ใหญ่จึงกล่าว “พยุงข้าขึ้น” เขาต้องไปดูเด็กคนนั้นเสียหน่อย
เสิ่นอันฉงเองก็รู้ว่าหากนายท่านไม่ได้ไปดูสักหน่อยก็จะไม่วางใจ จึงพยุงเขาไปที่ห้องของคุณหนูสี่
ท่านเสิ่นโหวเห็นหลานสาวตัวน้อยของเขานอนตะแคงอยู่ เส้นผมสีดำแผ่อยู่บนหมอน ดวงตาทั้งสองหลับสนิท มุมปากงอนขึ้นเล็กน้อย ส่งเสียงกรนสม่ำเสมอ ในใจท่านเสิ่นโหวก็ห่อเ**่ยวอย่างถึงที่สุด เขาถอนหายใจยาวหนึ่งครา รู้สึกว่าตนควรจะคิดดูให้ดีจริงๆ
ชนรุ่นหลังไร้กำลัง ให้เด็กสาวออกมาประคับประคองก็ไม่ใช่แผนการระยะยาวเช่นกัน
ตอนที่ 160.1
สงคราม สงคราม
เสิ่นเวยนอนหลับจนถึงบ่าย เมื่อนางลืมตาขึ้นก็เห็นข้างประตูมีศีรษะเล็กๆ ยื่นออกมา อารมณ์ดีอย่างอดไม่ได้ “เถาฮวา มานี่เร็ว”
เถาฮวาที่หน้าประตูวิ่งพรวดเข้ามาทันที “คุณชายตื่นแล้ว” ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความดีใจและความหวัง ช่วงที่คุณชายหลับไม่มีใครเล่นเป็นเพื่อนนางเลย น่าเบื่อยิ่งนัก
เสิ่นเวยลูบศีรษะเล็กๆ ของเถาฮวา แววตาอ่อนโยน “เถาฮวากินข้าวแล้วหรือยัง ได้กินหมูสามชั้นน้ำแดงแล้วหรือยัง” เสิ่นเวยหยอกนาง เพราะว่าเมื่อคืนเสิ่นเวยสัญญาว่าจะให้นางกินหมูสามชั้นน้ำแดง
เถาฮวาส่ายหน้า พยักหน้าเล็กน้อย “เมื่อเช้าไม่ได้กิน ตอนเที่ยวพี่เสี่ยวตี๋ทำให้กินแล้ว” เดิมเมื่อเช้านางไม่พอใจเล็กน้อย แต่ตอนเที่ยงพี่เสี่ยวตี๋ก็ทำหมูสามชั้นน้ำแดงให้นางแล้ว อร่อยอย่างยิ่ง ดังนั้นนางจึงให้อภัยพวกเขาอย่างใจกว้าง ไม่โมโหแล้ว เรื่องเดียวที่ไม่ดีคือพวกเขาไม่ให้ตนมาหาคุณชาย แต่ว่านี่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของนาง นางแอบมาได้ ลุงเฝ้าประตูผู้นั้นก็ไล่ตามนางไม่ได้ เถาฮวาแอบดีใจ
“เถาฮวาเป็นเด็กดี รอข้าทำงานเสร็จแล้ว พวกเราค่อยกลับไปกินของอร่อยๆ ที่เมืองหลวงกัน” เสิ่นเวยนึกถึงท่าทางกล้าหาญของเถาฮวาเมื่อคืน ก็รับปากนางด้วยความใจกว้างอย่างยิ่ง
“อืมๆ” เถาฮวาได้ยินคำว่าของอร่อยก็ทำท่าเชื่อฟัง “คุณชาย ที่นี่สนุก” สนุกกว่าอุดอู้อยู่ที่เรือนเฟิงฮวาตั้งเยอะ “คุณชายๆ พวกเราจะออกไปขี่ม้าเมื่อไร สนามม้าที่นี่ใหญ่จริงๆ” เถาฮวากางแขนเทียบขนาดด้วยความตื่นเต้นดีใจ
เสิ่นเวยงงงัน หลังจากนั้นก็เข้าใจ ลานกว้างที่นอกประตูเมืองคือสนามม้าแห่งใหญ่ไม่ใช่หรือ เสิ่นเวยคิดดูแล้วก็ตื่นเต้นเช่นกัน “เถาฮวาอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้ากินข้าวก่อนแล้วจะพาเจ้าออกไปเล่น” ได้ถือโอกาสพาเด็กหนุ่มหมู่บ้านตระกูลเสิ่นออกไปสำรวจภูมิประเทศด้วย
แผนการย่อมเปลี่ยนตลอดเวลา ท้ายที่สุดเสิ่นเวยก็ไม่สามารถทำตามได้ เพราะว่าพี่ใหญ่เสิ่นเชียนนำคนมาถึงเมืองชายแดนแล้ว
ตอนแรกที่ได้ยินว่าคุณชายใหญ่มาแล้วเสิ่นเวยยังงุนงง หลังจากนั้นก็ตอบสนองกลับมาได้ว่าหมายถึงพี่ใหญ่ของนาง ในจวนเรียกว่าคุณชาย ตอนนี้นางเป็นคุณชายสี่ เช่นนั้นพี่ใหญ่ก็ต้องเป็นคุณชายใหญ่มิใช่หรือ
หลังจากได้สติกลับมาแล้วความคิดแรกของเสิ่นเวยก็คือ พี่ใหญ่ยังคงเป็นคนที่ค่อนข้างมีฝีมือ เพราะเหตุใดน่ะหรือ แม่ว่าพี่ใหญ่จะออกเดินทางเร็วกว่านางหนึ่งวัน แต่คนที่ร่วมทางมาด้วยยังมีทหารองครักษ์ห้าร้อยนาย ทหารองครักษ์เหล่านี้เป็นนายที่คบค้าสมาคมด้วยง่ายหรือ ไม่ถ่วงเวลาการเดินทางของเจ้าจนเสียหายก็ดีเท่าไรแล้ว จะยอมเดินทางตลอดทั้งวันทั้งคืนได้อย่างไร พี่ใหญ่นำทหารกลับกลอกหนึ่งกลุ่มมาถึงเมืองชายแดนเร็วเช่นนี้ได้ ก็นับว่าค่อนข้างมีฝีมือแล้ว
เมื่อเสิ่นเชียนพบหน้าเสิ่นเวยก็ตกใจจนตาแทบถลนออกมา “น้องเวย เอ๊ย น้องสี่มาแล้ว” ก่อนหน้านี้ฟังว่าคุณชายสี่ในจวนก็มาด้วย เขากำลังกลัดกลุ้มอยู่เลย ไม่ได้ยินว่าน้องเหนียนก็จะมาเมืองชายแดนด้วย นึกไม่ถึงว่าคุณชายสี่ผู้นี้ก็คือคุณหนูสี่
“พี่ใหญ่ ท่านมาแล้ว พบท่านปู่แล้วหรือยัง” เสิ่นเวยทักทายด้วยความดีใจอย่างยิ่ง นางดีใจจริงๆ พี่ใหญ่มาแล้วภาระบนตัวนางย่อมแบ่งเบาลงได้ นางจะไม่ดีใจได้อย่างไร นางบอกแล้วว่านางไม่อาจแบกไว้เช่นนี้ตลอดไปได้ อาจารย์ผังยังรอจะจับนางไปเป็นแรงงานอยู่เลย ดูสิ คนที่แทนนางมาถึงแล้ว
ลาลาลา พลิกชะตา ลาลาลา ในที่สุดก็ไม่ต้องทุ่มเทความคิดเปลืองเซลล์สมองอีกแล้ว
“เอ๋ ท่านพี่ก็มาด้วยหรือ เดินทางมาดีหรือไม่” เสิ่นเวยทักทายลูกผู้พี่หร่วนเหิงต่อด้วยความดีใจ แต่ว่าเห็นสภาพจนตรอกบนร่างคนทั้งสองก็พอจะเดาได้แล้ว แอบสงสารพวกเขาสามวินาทีเงียบๆ ในใจ
หร่วนเหิงเห็นลูกผู้น้องของเขาก็ตกใจอย่างยิ่ง มากกว่าเสิ่นเชียนเสียอีก ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินรองแม่ทัพที่ต้อนรับพวกเขาเข้าเมืองชื่นชมว่าคุณชายสี่องอาจกล้าหาญมากเพียงใด เบื้องลึกในใจเขาก็คาดเดาอยู่รางๆ แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นลูกผู้น้องของเขาจริงๆ
หร่วนเหิงกระตุกมุมปาก “น้องจะไปไหน พวกเราเพิ่งกลับมาจากเรือนท่านโหว ท่านโหวคล้ายกำลังรอเจ้าอยู่” ตลอดการเดินทางนี้มีแต่จะต้องประลองปัญญาและความกล้าหาญกับเหล่าทหารกลับกลอก จะดีได้อย่างไร
“เช่นนั้นพี่ใหญ่กับท่านพี่ไปล้างหน้าล้างตาพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปหาท่านปู่สักหน่อย” เสิ่นเวย
โบกมือเล็กๆ บอกลาเสิ่นเชียนหร่วนเหิงอย่างมีความสุข
“ท่านปู่ ข้ามาแล้ว ท่านดีขึ้นแล้วหรือยัง” เสิ่นเวยกระโดดเข้ามาในห้องท่านเสิ่นโหวเข้ามาราวกับเด็กน้อยที่ได้รางวัล
ท่านเสิ่นโหวกำลังพิงหัวเตียงอ่านอะไรบางอย่างอยู่ บนโต๊ะเล็กข้างเตียงมีหนังสือหลายเล่มวางอยู่
เสิ่นเวยเขยิบตัวเข้าไปด้วยความสนิทชิดเชื้ออย่างยิ่ง ดึงหนังสือในมือท่านปู่นางออก วางลงข้างๆ อย่างไม่แม้แต่จะมอง “ท่านปู่ อาการบาดเจ็บท่านยังไม่ดีขึ้น ทุกข์ใจเพียงนี้ทำไม อายุปูนนี้แล้วยังโอ้อวดอะไรอีก คนกลุ่มนั้นที่เลี้ยงไว้ใต้บังคับบัญชาของท่านเลี้ยงให้เสียข้าวสุกหรือไร”
เสิ่นเวยลากเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าปู่นางตามอำเภอใจ จากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบผลไม้บนโต๊ะมาเคี้ยวกรอบๆ ราวกับเป็นห้องของตัวเอง
ท่านเสิ่นโหวมองหลานสาวตัวน้อยที่ทำตัวอันธพาลขึ้นเรื่อยๆ ผู้นี้ มุมปากก็กระตุกอย่างอดไม่ได้ “ปู่เจ้ายังไม่ใช่คนพิการ” เลี้ยงเสียข้าวสุกก็แน่ล่ะสิ ฟังต้าฉุยและคนอื่นๆ นำทัพสู้รบยังได้ แต่ให้พวกเขามาดูแลการปกครอง ก็เหมือนให้เตียวหุยมาเย็บผ้า ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ซ้ำยังไม่อาจว่าเหล่าผังคนเดียวได้ หากเขาเหนื่อยจนล้มป่วยขึ้นมา คนที่เป็นทุกข์ก็ยังคงเป็นตนมิใช่หรือ
เสิ่นเวยอ่านความคิดปู่นางออกในแวบเดียว แสยะปากกล่าว “พี่ใหญ่มาแล้วไม่ใช่หรือ ท่านก็ถือโอกาสสอนเขาให้เยอะๆ ท่านอาอานฉง ไปดูหน่อยสิว่าพี่ใหญ่ล้างเนื้อล้างตัวเสร็จแล้วหรือยัง ท่านปู่งานเยอะ มาเมืองชายแดนไม่เหมือนเมืองหลวง ไม่ได้ให้เขามาเสวยสุขเสียหน่อย อ้อจริงสิ เรียกลูกผู้พี่มาด้วยเลย” ได้ชายหนุ่มกำยำเพิ่มอีกคนก็ดี อย่างไรเสียให้คนอื่นตายก็ดีกว่าตัวเองตาย
เห็นเสิ่นอันฉงแสดงสีหน้าลังเล เสิ่นเวยก็กลอกตากล่าวต่อ “หยกไม่เจียระไนมิอาจใช้ประโยชน์ได้รู้หรือไม่ คนวัยหนุ่มสาวต้องฝึกฝนให้มาก ไม่ผ่านพายุฝนแล้วจะเห็นสายรุ้งได้อย่างไร ไปเถอะ ไปเถอะ” มือของเสิ่นเวยโบกราวกับใบบัว
เสิ่นอันฉงมองนายท่านอย่างอดไม่ได้ เห็นนายท่านพยักหน้าจึงถอยออกไป
เสิ่นเวยกลอกตาอีกครั้ง ช่างไม่รู้ใจคนจริงๆ คิดว่านางทำเพื่อตนหรือไร
ท่านเสิ่นโหวยิ้มตำหนิอย่างอดไม่ได้ “อาจารย์ผังเรียกหาเจ้าตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าขยันหน่อยไม่ได้หรือ” หลานสาวคนนี้มีความสามารถ แต่นางขี้เกียจ ไม่ได้ผลประโยชน์ก็ไม่ทำ ไม่เกลี้ยกล่อมโน้มน้าวก็ไม่ทำ เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
เสิ่นเวยหัวเราะเยาะหนึ่งครา “เดิมก็ไม่ใช่เรื่องของข้าอยู่แล้ว ข้าขยันแล้วจะมีประโยชน์อะไร เลื่อนขั้นบรรดาศักดิ์ให้ข้าได้หรือ ไม่ได้ใช่หรือไม่ ในเมื่อไม่ได้ข้าจะทุกข์ใจเช่นนั้นทำไม สงครามเป็นเรื่องของบุรุษ สตรีเช่นข้าอย่างมากก็แค่ร่วมจับปลาในน้ำขุ่น จะเห็นตัวเองเป็นคนสำคัญได้จริงๆ หรือ หลานท่านยังไม่บ้าขนาดนั้น ตอนนี้มีพี่ใหญ่เสิ่นแล้ว น้องสี่เสิ่นเช่นข้าย่อมต้องตากอากาศอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่สิ ท่านปู่ ท่านมีงานก็อย่าได้เรียกข้าอีกเป็นอันขาด” โชคดีที่นางเป็นผู้หญิง หากนางเป็นผู้ชายจริงๆ ทั้งยังมีความสามรถวิ่งมาสู้รบที่เมืองชายแดนซีเจียงได้ จะไม่เกิดการทะเลาะกันระหว่างพี่น้องหรอกหรือ
ท่านเสิ่นโหวหมดคำพูด ชี้เสิ่นเวยอยู่แต่กลับพูดไม่ออก เหตุใดเด็กคนนี้ถึงยั่วโมโหคนได้เพียงนี้ อยากหยิกนางให้ตายเสียจริงๆ
“ไม่ใช่ว่าเจ้ายังอยากได้เงินทองของล้ำค่าในคลังส่วนตัวของปู่อยู่หรือ” ท่านเสิ่นโหวโยนเหยื่อล่อลงมาเอง
เสิ่นเวยมีชีวิตชีวาขึ้นมาดังคาด “ท่านปู่จะตัดใจให้ข้าได้หรือ” ทันใดนั้นก็เพิ่งจะคิดได้ว่าเมื่อคืนก็ขนเงินกลับมาได้ไม่น้อยเหมือนกัน คงจะไม่ฉวยโอกาสเอาเข้ากระเป๋าท่านปู่ตอนที่นางนอนหลับหรอกนะ
เสิ่นเวยมองสายตาของท่านปู่ ชั่วพริบตาก็ตื่นตัวขึ้นมา “ท่านปู่อย่าหลอกล่อข้า ผู้มองเห็นมีสิทธิ์ร่วม เมื่อคืนข้าออกแรงไปมาก ท่านอย่าเก็บเข้าประเป๋าท่านทั้งหมด ไม่ว่าอย่าไรก็ต้องเหลือแกงเนื้อไว้ให้หลานทานบ้างไม่ใช่หรือ”
“ไม่เอาเปรียบเจ้าหรอก” ท่านเสิ่นเวยทั้งโมโหทั้งอารมณ์ดีขึ้นมาในชั่วขณะ เกือบจะลืมเรื่องสำคัญไป “ทรัพย์สินส่วนตัวของปู่แบ่งให้เจ้าได้ครึ่งหนึ่ง รวมถึงเงินทองที่ขนกลับมาเมื่อคืนก็แบ่งให้เจ้าอีกครึ่งหนึ่ง แต่เจ้าต้องช่วยปู่อีกเรื่อง”
เสิ่นเวยตาลุกวาวทันที “ช่วยอะไร” ในใจนางคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว เงินส่วนตัวครึ่งหนึ่งไม่ใช่น้อยๆ หวังว่างานนี้จะไม่ยากนัก แต่ว่าต่อให้ยากนางก็รับปากอยู่ดี ใครจะไม่อยากได้เงิน สิ่งที่นางชอบที่สุดก็คือเงิน แม้แต่คุณชายใหญ่สวียังเป็นรอง
“ยา ยาจำนวนมาก” ท่านเสิ่นโหวกล่าว ปัญหาเรื่องเสบียงได้รับการแก้ไขแล้ว แต่การสู้รบยากจะเลี่ยงไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ จะไม่มียา โดยเฉพาะยาห้ามเลือดได้อย่างไร
“ได้ ตกลง” ดวงตาของเสิ่นเวยเปล่งประกาย ตอบรับในทันที ราวกับกลัวว่าปู่นางจะเปลี่ยนใจ
ท่านเสิ่นโหวประหลาดใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าหลานสาวจะคุยง่ายเช่นนี้ เขายังคิดว่าต้องพูดจาเกลี้ยกล่อมอีก “ง่ายเช่นนี้เลยหรือ เจ้าไม่ถามหน่อยหรือว่าข้าต้องการปริมาณเท่าไร เมืองชายแดนมีทหารอยู่ตั้งหลายหมื่นนาย”
เสิ่นเวยโบกมือ กล่าวด้วยท่าทางองอาจอย่างถึงที่สุด “ท่านอยากได้เท่าไรหลานก็จะหามาให้ท่านเท่านั้น”
ฮ่าๆ โชคดีที่นางมองการณ์ไกล ตอนที่รับซื้อเสบียงก็ถือโอกาสซื้อยามาด้วย คนอื่นอาจจะคิดไม่ถึง แต่เสิ่นเวยที่ทะลุมิติมาจากยุคปัจจุบันจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าการสู้รบสิ่งที่ต้องการมากที่สุดนอกจากอาวุธก็คือเสบียงกับยา
“ขอบอกท่านปู่ไว้เลย อย่างมากที่สุดสามสี่วันเสบียงสามหมื่นต้านก็จะมาถึงแล้ว สิ่งที่ตามมาด้วยก็ยังมียา” เสิ่นเวยกดเสียงต่ำกล่าวอย่างลับๆ ล่อๆ “หากไม่พอก็จัดการได้ หลานจะให้โอวหยางไน่นำคนไปขนที่หมู่บ้านตระกูลเสิ่น ต้องการเสบียงมีเสบียง ต้องการยามียา ข้าให้กัวซวี่อยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเสิ่นก็เพราะเหตุนี้ เป็นอย่างไร หลานฉลาดใช่หรือไม่” ในใจเสิ่นเวยเบิกบานอย่างยิ่ง ธุรกิจครั้งนี้คุ้มทุนจริงๆ
นิ้วมือที่ยกขึ้นของท่านเสิ่นโหวชี้เสิ่นเวย จากนั้นจึงวางลง จะให้เขาพูดอะไรได้ อยากจะเตะหลานสาวที่ขวางหูขวางตาคนนี้ออกไปอย่างยิ่งจริงๆ
เสิ่นเวยตาไว “เอ๋ ท่านปู่ พี่ใหญ่กับลูกผู้พี่มาแล้ว หลานขอตัวก่อนนะเจ้าค่ะ ไม่รบกวนเวลาท่านสั่งสอนถ่ายทอดความรู้แล้ว” จากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น