ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1582-1593
ตอนที่ 1582 เก็บตัวเล็กไว้
ลุงปาเกินรีบมาอย่างรวดเร็ว พอเขาดูอาการของเสวี่ยถวนก็ทำหน้าถมึงทึงทันที คุยกับลูกชายกันสองคนอยู่ครู่หนึ่งโดยใช้ภาษามองโกล
“ฉีฉีเก๋อ พ่อเธอว่ายังไง? เสวี่ยถวนมีอันตรายไหม?” เหมยเหมยฟังไม่รู้เรื่องก็ยิ่งร้อนใจ
“เสวี่ยถวนอาการไม่สู้ดีนัก พ่อฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เขาจะทำคลอดให้เสวี่ยถวน” ฉีฉีเก๋อร้อนใจยิ่งกว่า เธอเป็นคนดูแลเสวี่ยถวนมาตั้งแต่เกิดจึงสนิทสนมราวกับเพื่อนสนิทก็ไม่ปาน
เห็นเสวี่ยถวนเจ็บปวดฉีฉีเก๋อก็เหมือนโดนมีดกรีดที่หัวใจ ยิ่งแค้นไอ้สารเลวสองคนนั้นมากกว่าเดิม!
“ถ้าเสวี่ยถวนเป็นอะไรไป ฉันจะฆ่าพวกแก!”
ฉีฉีเก๋อพุ่งเข้าไปเหมือนเป็นบ้าใช้เท้ากระทืบสองคนนั้นอย่างแรงแต่โดนเหมยเหมยห้ามไว้ เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนที่คาดเดาอารมณ์ยาก ทั้งยังเป็นคนชอบเข้าข้างฝ่ายตัวเองสุดขีด อย่างไรเสียสองคนนี้ก็เป็นลูกน้องของเขา หากต่อยพวกเขาก็เท่ากับต่อยหน้าเฮ่อเหลียนเช่อ ฉีฉีเก๋อสู้ไอ้โรคจิตนี่ไม่ไหวหรอก
“แย่แล้ว ลูกม้าเอาเท้าออกมาก่อน ทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ?”
ฉีฉีเก๋อน้ำตาไหลพรากปากสั่นเทา ม้าก็เหมือนคน หากตอนคลอดเอาเท้าออกมาก่อนก็บ่งบอกได้ว่ากำลังมีอันตรายถึงชีวิต เป็นไปได้ที่จะรักษาชีวิตทั้งแม่และลูกไว้ไม่ได้
“หรือว่าจะผ่าท้องไหม?” เหมยเหมยแนะนำ
ฉีฉีเก๋อส่ายหน้ายิ้มขมขื่น “พ่อฉันทำคลอดเองตลอดไม่ยอมเชื่อสัตวแพทย์ ในสนามม้าไม่มีสัตวแพทย์มืออาชีพ พาไปส่งโรงพยาบาลสัตว์ที่ใกล้ที่สุดก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงคงไม่ทันการหรอก!”
ลุงปาเกินดูถูกดูแคลนสัตวแพทย์สมัยนี้อย่างมาก ม้าที่เขาเลี้ยงมาล้วนใช้วิธีพื้นบ้านที่สืบทอดมารุ่นต่อรุ่น รวมถึงยังเป็นวิธีที่ศึกษาด้วยตัวเองทั้งนั้นซึ่งปรากฏว่าใช้ได้ผลไม่น้อย ไม่ว่าม้าจะป่วยหรือคลอดลูกต่างเป็นเขาและลูกชายทั้งสามคนคอยช่วยกันและราบรื่นปลอดภัยดีมาตลอดหลายสิบปี
แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้กลับเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น
ลุงปาเกินเอามือจุ่มน้ำมันพืชจนชุ่มแล้วสอดเข้าไปหวังจะปรับตำแหน่งลูกม้าให้เข้าที่ แต่พยายามอยู่นานก็ไม่สำเร็จ เสวี่ยถวนกลับเจ็บจนหมอบอยู่กับพื้นไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะส่งเสียงร้อง
เหมยเหมยรีบเข้าไปป้อนยาอีกสองเม็ด เสวี่ยถวนถึงรู้สึกมีแรงขึ้นมาบ้างแต่อาการก็ยังไม่สู้ดีนัก
“เลือกเก็บไว้ได้แค่ตัวเดียวแล้วล่ะ!” ลุงปาเกินกัดฟันตัดสินใจ
“รักษาตัวใหญ่หรือเล็กเหรอ?” พี่ใหญ่ของฉีฉีเก๋อถาม
“ตัวเล็ก”
“ไม่นะป๊า อย่าทอดทิ้งเสวี่ยถวน ขอร้องล่ะป๊า เสวี่ยถวนเพิ่งสี่ขวบเอง พ่อต้องช่วยมันนะ ถ้าไม่ไหวจริง ๆเราเก็บเสวี่ยถวนไว้แล้วทิ้งตัวลูกไปดีกว่า!”
ฉีฉีเก๋อร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอยอมเสียลูกม้าไปแต่จะไม่ยอมทอดทิ้งเสวี่ยถวนไปเด็ดขาด
“ไม่ได้ ต้องรักษาลูกม้าเอาไว้ เราจะผิดสัญญากับลูกค้าไม่ได้” ลุงปาเกินถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขาก็อยากเลือกเก็บเสวี่ยถวนไว้เช่นกัน แต่เหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อไม่ว่าใครต่างก็เป็นคนที่เขาไม่อยากมีปัญหาด้วยทั้งนั้น หากเขาไม่มอบลูกม้าให้ สนามม้าของเขาคงไม่มีวันสงบสุขอีกต่อไป
แม้จะเสียดายเสวี่ยถวนแต่เพื่อความสงบสุขของสนามม้า เขาจำเป็นต้องสละมัน!
“ไม่เอา…ฮือ…เสวี่ยถวนของหนู…” ฉีฉีเก๋อร่ำไห้อย่างเศร้าโศกพลางนึกโทษตัวเองที่ไร้ความสามารถเช่นนี้ ทำไมเธอต้องเลือกเรียนวาดรูป เรียนสัตวแพทย์ไม่ดีกว่าหรือ?
แบบนี้เธอก็ช่วยเสวี่ยถวนได้แล้ว!
ครอบครัวนี้ใช้ภาษามองโกลสื่อสารกันเหมยเหมยเลยฟังไม่รู้เรื่อง แต่เห็นท่าทางของฉีฉีเก๋อก็รู้ได้ว่าไม่ใช่ข่าวดีอะไร
พอถามจนรู้เรื่องแล้วเหมยเหมยก็ช่วยพูดแทนฉีฉีเก๋ออีกเสียง “คุณลุง เลือกเก็บเสวี่ยถวนดีกว่า อนาคตยังมีลูกม้าได้”
แน่นอนว่าก็น่าเสียดายหากสูญเสียลูกม้าไป แต่สถานการณ์นี้การเลือกเก็บตัวใหญ่ไว้จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ไม่ทันแล้ว จำเป็นต้องเก็บตัวเล็กไว้ เสวี่ยถวนทนไม่ไหวแล้ว มันเองก็คงหวังอยากให้เราเลือกเก็บลูกไว้เช่นกัน” พี่ใหญ่ของฉีฉีเก๋อยิ้มขมขื่นกล่าว
ทุกคนต่างมองไปยังเสวี่ยถวนพร้อมกันแต่กลับเห็นเสวี่ยถวนร้องโหยหวนไม่หยุด สายตาเริ่มพร่ามัว เลือดไหลเจิ่งนองเต็มพื้น แม้มันจะพูดภาษาคนไม่ได้แต่ทุกคนกลับเข้าใจความหมายมันดี
ว่ามันกำลังเว้าวอนขอให้พวกเขาช่วยลูกของมันอยู่!
………………………….
ตอนที่ 1583 ม้าพันลี้
เหมยเหมยยัดยาให้เสวี่ยถานหนึ่งกำมือด้วยอารมณ์ที่หนักอึ้ง ม้าที่มีปฏิญาณไหวพริบดีขนาดนี้เธอจะปล่อยให้มันตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้
“ผ่าคลอดเถอะ มาลองดูสักตั้ง ไม่แน่อาจจะรักษาชีวิตไว้ได้ทั้งคู่ก็ได้!” เหมยเหมยตัดสินใจแล้ว
ไหน ๆก็คิดจะสละเสวี่ยถวนทิ้งแล้ว งั้นก็เลือกผ่าท้องทำคลอดเลยดีกว่า มียาวิเศษของเธออยู่เสวี่ยถวนอาจจะมีชีวิตรอดก็ได้!
ลุงปาเกินยังลังเลอยู่ ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีความเพียบพร้อมแบบนี้การผ่าท้องอาจติดเชื้อได้ง่าย ไม่แน่อาจส่งผลถึงลูกม้า ถ้ารักษาไว้ไม่ได้ทั้งแม่ทั้งลูกก็แย่สิ!
“ป๊า…ขอร้องล่ะ!” ฉีฉีเก๋ออ้อนวอน เธอเชื่อเพื่อนจะช่วยเสวี่ยถวนได้แน่ ๆ
สัญชาตญาณบอกเธอว่าอย่างนั้น!
เหยียนหมิงซุ่นเดินมาให้คำสัญญากับลุงปาเกิน “สบายใจได้ ไม่ว่าลูกม้าจะเป็นอย่างไรก็จะไม่มีใครกล้ามาก่อกวนสนามม้าแน่นอน”
ลุงปาเกินตาเป็นประกาย เขาต้องรู้จักคุณชายหมิงผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือจากเมืองหลวงอยู่แล้วที่ช่วงนี้กำลังมาแรงเชียว พอมีคำมั่นสัญญาจากคุณชายหมิงเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงเฮ่อเหลียนเช่ออีก
“ก็ได้ งั้นก็ผ่าท้องแล้วกัน!” ลุงปาเกินตกลงแล้ว
พี่ชายทั้งสามคนของฉีฉีเก๋อทำทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ต้มน้ำเสร็จ จากนั้นก็เตรียมเข็มฉีดยากับยาสลบ ของพวกนี้เป็นของที่ต้องมีติดสนามม้าตลอดเวลาแต่สิ่งสำคัญที่สุดใครจะเป็นคนผ่าท้องเสวี่ยถวน?
“ฉันเอง!”
ลุงปาเกินสูดหายใจเข้าลึก ๆด้วยความประหม่าสุดขีด เลี้ยงม้ามาหลายสิบปีนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ผ่าท้องม้า
“ตอนนี้คงต้องอธิษฐานให้เสวี่ยถวนอย่างติดเชื้อล่ะ!”
ฉีฉีเก๋อพนมมือพูดเสียงพึมพำ
เหยียนหมิงซุ่นเรียกลูกน้องมาสั่งเตรียมรถไว้ให้พร้อม รอเสวี่ยถวนคลอดลูกม้าเสร็จก็รีบส่งมันไปยังโรงพยาบาลสัตว์ที่ใกล้ที่สุด
เขาไม่สนใจความเป็นความตายของม้าตัวหนึ่งอยู่แล้ว แต่ใครใช้ให้ภรรยาของเขาสนใจกันล่ะ!
“พี่หมิงซุ่น พี่ดีจัง!” เหมยเหมยมองเขาอย่างนึกขอบคุณด้วยดวงตากลมโตสุกใส
เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าหายใจรดข้างหูเธอ “รอดูความประพฤติของเธอคืนนี้แล้วกัน…”
เหมยเหมยหน้าแดงก่ำในทันทีพลางมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่งอย่างเขินอายปนขุ่นเคือง
นี่ยังไม่จบไม่สิ้นอีกหรือ!
เมื่อก่อนเธอหลงคิดว่าเขาเป็นคนสุขุมได้อย่างไรกันเนี่ย?
ทั้งที่หื่นที่สุดเลย!
ฉิวฉิวแค่นเสียงใส่ ก็เธอเป็นคนเริ่มก่อนเองนี่ สมน้ำหน้า!
การผ่าท้องของเสวี่ยถวนประสบความสำเร็จอย่างมาก ลูกม้าคลอดออกมาได้อย่างราบรื่นดี แต่เสวี่ยถวนเองก็สูญเสียเลือดไปมากเช่นกัน หากไม่มียาวิเศษของเหมยเหมยเสวี่ยถวนคงทนไม่ไหวนานแล้ว
ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นรีบแบกตัวเสวี่ยถวนไปอย่างรวดเร็วโดยมีพี่ใหญ่ของฉีฉีเก๋อตามไปด้วย ลูกม้าตัวดำเงาที่ไม่มีขนสีอื่นติดมาแม้แต่น้อย ดำเงาเหมือนหินออบซิเดียน
“ขี้เหร่จัง!”
เหมยเหมยนึกรังเกียจอย่างมาก เสวี่ยถวนสวยขนาดนี้แต่ลูกที่คลอดออกมากลับน่าเกลียดเหลือเกิน
ลุงปาเกินหัวเราะเสียงดังพลางกอดลูกม้าไว้ในอ้อมอกอย่างรักใคร่ “ไม่น่าเกลียดเลย อนาคตต้องดูดีเหมือนพ่อมันแน่ ๆ!”
ฉีฉีเก๋อก็พยักหน้าตามพลางอธิบายว่า “พ่อของมันก็ขนสีเดียวแบบนี้เหมือนกัน เป็นม้าเร็วพันลี้ที่นาน ๆทีจะมีมาสักหน!”
“ลูกม้าตัวนี้อนาคตจะต้องเป็นม้าเร็ววิ่งพันลี้แน่นอน” ลุงปาเกินมั่นใจอย่างมากแต่ไม่นานก็ส่งเสียงเอะใจ พลิกตัวลูกม้ากลับไปกลับมาตรวจดูซ้ำ ๆด้วยความปลื้มปิติล้นเหลือ
“ลูกม้าตัวนี้ดีกว่าพ่อมันอีก ได้สืบทอดยีนส์เด่นของเทียดปู่มันมาอย่างสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีผิดเพี้ยนเลย พระเจ้า ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ!”
ลุงปาเกินกอดด้วยความรักใคร่แทบไม่วางมือ เทียดของลูกม้าตัวนี้เป็นราชาจ่าฝูงที่สืบเชื้อสายต่อกันมา หากเลือดยิ่งจางลงเรื่อย ๆ คุณภาพของม้าก็ยิ่งตกต่ำลงเรื่อย ๆ ลูกม้าตัวนี้เกินความคาดหมายเขามาก
แต่ลูกม้าแสนดีขนาดนี้กลับไม่ใช่ของเขา
ลุงปาเกินถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างเสียดาย ลูกสาวรับปากไว้ว่าจะให้เพื่อนแล้ว เขาจะทำให้ลูกสาวเป็นคนผิดคำพูดไม่ได้
ตอนที่ 1584 เสี่ยวโฉ่วโฉ่ว
สิ่งที่เหมยเหมยไม่รู้คือยีนเด่นของลูกม้าล้วนเป็นผลพวงของยาวิเศษ ผิดที่เธอรู้จักกับเสวี่ยถวนเป็นระยะเวลาที่สั้นเกินไป ถ้าเร็วกว่านี้อีกไม่กี่เดือนลูกม้าต้องเป็นม้าพันลี้ที่พันปีจะมีสักตัวหนึ่งแน่ ๆ
“ป๊า ลูกม้าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย?” ฉีฉีเก๋อสงสัยอย่างมาก
ลูกม้าเพิ่งคลอดออกมาจึงยังทรงตัวไม่ค่อยได้ แต่ไม่นานเจ้าตัวเล็กก็กระโดดออกจากอ้อมแขนของลุงปาเกินลงมาเดินเก้ ๆ กัง ๆไปตรงหน้าเหมยเหมยแล้วเอาหน้าถูขาเธออย่างเอาอกเอาใจ
“ดูท่าทางเจ้าตัวเล็กจะชอบเธอมาก เธอคือคนที่มีวาสนากับมัน!” ลุงปาเกินตกใจอย่างมาก ไม่คิดว่าเจ้าลูกม้าจะยอมรับเจ้าของได้ตั้งแต่ตัวยังเล็กแค่นี้ เขาเลี้ยงม้ามาหลายปีเพิ่งเคยพบเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลยนะ!
หาพบได้ยากจริง ๆ!
เหมยเหมยหัวเราะคิกคัก เธอแอบกำยาวิเศษไว้ในฝ่ามือแล้วยื่นไปใต้ปากของลูกม้า ลูกม้าตัวอ่อนส่งเสียงร้องเบา ๆ ด้วยความตื่นเต้นก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลีย เพียงอึดใจเดียวเท่านั้นก็กลืนยาวิเศษไปจนหมด
ลูกม้าเงยหน้าคลอเคลียมือของเหมยเหมย ดวงตาดำกลมโตดูบริสุทธิ์เสียยิ่งกว่าท้องฟ้ายามค่ำคืนของทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่นี้อีก ดวงตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชอบยกย่อง หางเล็กส่ายไปมาให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสุนัขตัวเล็กแก่คนมอง
“มันเห็นเธอเป็นแม่แล้ว” ฉีฉีเก๋อพูดขึ้นอย่างตกตะลึง
เธอเองก็ชอบลูกม้ามากเหมือนกันเลยคิดจะยื่นมือไปลูบมันสักหน่อย แต่ลูกม้าตัวน้อยเพิ่งกินยาวิเศษจึงมีพลังล้นเหลือ ยกกีบเท้าเตะฉีฉีเก๋อล้มก้นจ้ำเบ้า เหมือนกำลังสื่ออย่างชัดเจนว่า–
ไม่ชอบเธอ อย่ามาตอแยฉัน!
ลุงปาเกินหัวเราะ “ม้าที่ยิ่งมีปฏิภาณไหวพริบดีแค่ไหนยิ่งเย่อหยิ่ง ลูกม้าแค่สนิทกับคุณหนูจ้าวคนเดียว ฉีฉีเก๋อมันไม่มีทางชอบลูกหรอก”
ฉีฉีเก๋อเบะปากน้อย ๆอย่างผิดหวังแล้วแยกเขี้ยวใส่ลูกม้า แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไรมาก
“เหมยเหมย ตั้งชื่อให้ลูกม้าสักชื่อสิ!” ฉีฉีเก๋อกล่าว
“จะให้ฉันตั้งจริง ๆเหรอ?” เหมยเหมยรู้สึกเกรงใจหน่อย ๆ
เท่าที่ลุงปาเกินพูดมาเจ้าลูกม้าตัวนี้เป็นม้าพันธุ์ดีที่ร้อยปีจะมีสักหน เธอรู้ว่าม้าเร็วพันลี้แบบนี้ราคาสูงลิ่วหรืออาจประเมินค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ
ของขวัญราคาแพงเกินไป เธอละอายใจเกินกว่าจะรับไว้ได้!
ฉีฉีเก๋อหัวเราะเสียงใส “แน่นอนสิ ฉันบอกแต่แรกแล้วว่าเธอต้องเป็นคนที่มีวาสนากับลูกม้าแน่ ๆ เธอดูสิว่ามันยอมรับเธอเป็นเจ้าของแล้วด้วย”
ลุงปาเกินก็กล่าวด้วยเช่นกัน “ใช่แล้ว ตอนนี้มันเป็นของเธอแล้ว”
แม้จะรู้สึกปวดใจอยู่บ้างแต่เขาก็เป็นคนใจกว้างคนหนึ่ง เพียงครู่เดียวก็คิดได้ว่าม้าดีขนาดนี้เขาคงไร้ความสามารถที่จะรั้งไว้ได้เช่นกัน สู้ช่วยหาเจ้าของที่ดีให้กับลูกม้าสักคนเลยดีกว่า
อีกอย่างหากไม่ได้จ้าวเหมยช่วยไว้ทันท่วงที ลูกม้าจะคลอดออกมาได้อย่างราบรื่นดีหรือเปล่าด้วยซ้ำ ลูกม้าตัวนี้ถูกกำหนดชะตาไว้แล้วว่าต้องเป็นของเธอ
เหมยเหมยเห็นสองพ่อลูกใจป้ำขนาดนี้เลยไม่เกรงใจอีกต่อไปก่อนจะกล่าวขอบคุณสองพ่อลูกฉีฉีเก๋อ
“ฉันต้องดูหน่อยว่าลูกม้าเป็นตัวผู้หรือตัวเมียถึงจะตั้งชื่อให้มันได้” เหมยเหมยพูดพลางจับลูกม้าแยกขาแล้วก้มดูอวัยวะเพศด้านล่างของมัน
ฉิวฉิวยื่นกรงเล็บอวบอ้วนมาปิดหน้าเพราะทนดูไม่ได้
เจ้าม้าตัวเล็กผู้น่าสงสาร ทั้ง ๆที่เพิ่งถูกคลอดออกมาก็สูญเสียความบริสุทธิ์ไปซะงั้น!
ม้าตัวเล็กจะรู้ได้อย่างไรว่าด้านล่างนั้นเป็นฐานทัพสำคัญ มันจ้องหน้าเหมยเหมยอย่างใสซื่อจนถึงขั้นเป็นฝ่ายถางขาออกให้ด้วยตัวเอง เหมยเหมยหมอบอยู่ที่พื้นแล้วมองขึ้นด้านบนทุกคนถึงรู้ว่าเธอจะทำอะไร
เหยียนหมิงซุ่นหน้าตึงอย่างฉับพลันรีบคว้าตัวเธอขึ้นมาทันที
“ตัวผู้ ไม่ต้องดูแล้ว”
ฉีฉีเก๋อเอามือป้องปากขำ แฟนหนุ่มของจ้าวเหมยหึงแม้กระทั่งกับม้า ใจแคบจริง ๆนะ!
เหมยเหมยจัดคอเสื้อเล็กน้อยแล้วถลึงตาใส่ใครบางคนอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง ครุ่นคิดสักพักก็บอก “งั้นเรียกโฉ่วโฉ่วแล้วกัน เห็นมันดำไปทั้งตัวเลย”
เธอลูบหัวลูกม้าอย่างรังเกียจเบา ๆ จนเจ้าตัวน้อยหลงคิดว่าจะมีของอร่อย ๆให้กินอีกเลยแลบลิ้นเลียแผล่บ ๆไม่หยุด เลียอยู่พักใหญ่ก็ไม่ได้กินสักทีจึงทำหน้างุนงง ใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเหมยเหมยอย่างสงสัย
เจ้านาย ไหนล่ะของอร่อย ๆ?
ไม่แกล้งลูกชายแบบนี้สิ!
………………………………
ตอนที่ 1585 ดาวนำโชค
จะว่าไปแล้วร่างกายของมนุษย์อ่อนแอกว่าสัตว์มากทีเดียว เสวี่ยถวนโดนกรีดหน้าท้องและเสียเลือดไปมากแท้ ๆ แต่ไม่ถึงสองวันดีก็ถูกส่งตัวกลับมาเสียแล้ว
แม้จะยังดูอ่อนแอมากแต่ก็ดูมีชีวิตชีวาไม่น้อย ขอแค่ได้บำรุงร่างกายสักสิบวันเสวี่ยถวนก็จะกลับมาแข็งแรงดีเหมือนเดิม อนาคตยังคงมีลูกม้าตัวน้อยได้อีกตามเดิม เหมยซูหานถูกเฮลิคอปเตอร์ส่งตัวกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลทหารในเมืองหลวงแล้วซึ่งได้ข่าวว่าต้องพักรักษาตัวอย่างน้อยเกือบครึ่งปีถึงจะหายดี อีกทั้งเหมยซูหานยังโดนทำลายกล่องเสียงจนทำให้เสียงหวานนุ่มที่ทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจนั่นไม่มีวันหวนกลับคืนมาได้อีก
ทำได้เพียงเปล่งเสียงแหบแห้งทุ้มต่ำเหมือนเสียงตีฆ้อง
เฮ่อเหลียนเช่อกลับไปที่ทุ่งหญ้าอีกครั้ง เขาขอคุยกับเหยียนหมิงซุ่นหนหนึ่ง ไม่นานก็พาลูกน้องกลับไปอย่างเร่งด่วนโดยไม่แม้แต่จะถามไถ่ถึงลูกม้าสักคำ
ตอนกลับเหมยเหมยสังเกตเห็นว่าลูกน้องสองคนที่คิดจะฆ่าเหมยซูหานไม่อยู่ในนั้นด้วย หายตัวไปแล้ว
“น่าจะโดนหมาในกินไปแล้วมั้ง หรือคงเป็นปุ๋ยในทุ่งหญ้ากว้างไปแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนทำงั้นเหรอ?” เหมยเหมยถาม
“อืม พวกเขาเกือบฆ่าเหมยซูหานตายเฮ่อเหลียนเช่อไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปอยู่แล้ว” เหยียนหมิงซุ่นอารมณ์ดีไม่หยอกพลางรั้งตัวเหมยเหมยเข้ามาจูบอย่างหนักหน่วงไปทีหนึ่ง “ที่รัก ครั้งนี้เพราะความดีความชอบของเธอทั้งนั้น”
ภรรยาตัวน้อยของเขาเป็นดาวนำโชคจริง ๆ สามารถทำลายแผนการของเจ้าสุนัขจิ้งจอกแก่อย่างหนิงเฉินเซวียนได้ง่ายดาย
ตอนนี้ถึงคราวหนิงเฉินเซวียนปวดหัวบ้างแล้ว!
ให้สองพ่อลูกกัดกันเองแล้วกัน!
เหมยเหมยคันยุบยิบในใจเร่งเร้าให้เหยียนหมิงซุ่นเล่าต้นสายปลายเหตุ “อย่าแกล้งกันสิ รีบพูดมาเร็ว ๆเลย!”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มร้ายกาจแล้วแสร้งพูดว่า “จะให้พี่พูดฟรี ๆไม่ได้หรอก เธอต้องแสดงความจริงใจออกมาให้เห็นด้วย”
เหมยเหมยหยิกเข้าที่เอวของเขาอย่างขัดเคืองทีหนึ่ง วัน ๆคิดแต่เรื่องพรรค์นั้น คนอื่นเขาทำงานหนึ่งสัปดาห์ยังมีวันพักผ่อนตั้งสองวัน ส่วนเธอต้องทำงานทุกวันแล้วยังต้องทำเกินวันอีกด้วย
ประจำเดือนจะมาเมื่อไรกันเนี่ย?
คิดถึงจังเลย!
……
เฮ่อเหลียนเช่อกลับถึงเมืองหลวงก็บึ่งตรงไปโรงพยาบาลก่อนเป็นอันดับแรก เหมยซูหานนอนอ่อนแรงอยู่บนเตียงโดยมีผ้าก๊อซพันรอบคอหนา ๆ หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ รวมถึงปลายคางที่แหลมเรียวกว่าเดิมไม่น้อย
ดูท่าทางอ่อนแอบอบบางกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ
เฮ่อเหลียนเช่อมองคนรักบนเตียงอย่างเอ็นดู เดิมทีเหมยซูหานยังหลับอยู่แต่ไม่นานเขาก็ตื่น ลืมตาฉีกยิ้มให้เฮ่อเหลียนเช่ออย่างอารมณ์ดีไม่หยอก
เขาไม่ตาย เขายังอยู่เป็นเพื่อนเฮ่อเหลียนเช่อได้ต่อ!
ขอบคุณพระเจ้า และยิ่งต้องขอบคุณเหมยเหมย!
เหมยซูหานยกแขนขึ้นคลึงตรงระหว่างหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมแน่นของเฮ่อเหลียนเช่อพลางส่ายศีรษะน้อย ๆ กล่องเสียงของเขาถูกทำลายอย่างหนักเลยไม่สามารถเปล่งเสียงพูดได้ชั่วคราว
เฮ่อเหลียนเช่อคลายคิ้วที่ขมวดแน่นออกแล้วเค้นรอยยิ้มก่อนคว้ามือที่เย็นเฉียบของเหมยซูหานมาถาม “ยังเจ็บอยู่ไหม?”
‘…ไม่เจ็บแล้ว!’ เหมยซูหานส่ายศีรษะแล้วตอบในใจ
“สองคนที่ทำร้ายนายฉันจับโยนป้อนพวกหมาในกินหมดแล้ว ครอบครัวของพวกเขาก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่สงบสุขเลย” เฮ่อเหลียนเช่อพูดเสียงเคียดแค้น รออีกประเดี๋ยวเขาจะพาคนไปจัดการสั่งสอนคนในครอบครัวไอ้ชั่วสองคนนั้นด้วยตัวเอง
คนแก่ฆ่าให้หมด ส่วนคนหนุ่มสาวจับขายเข้าซ่องไปให้หมดเลย!
เหอะ ต้องให้ทุกคนได้รู้ว่ากล้าแตะต้องคนของเฮ่อเหลียนเช่อจะมีจุดจบอย่างไร!
เหมยซูหานจับมือเขาไว้แน่นจนเส้นเลือดหลังมือปูดโปน แววตากระวนกระวายพร้อมส่ายศีรษะไม่หยุดหย่อน แต่เพราะใช้แรงมากเกินไปเลยทำให้เลือดย้อนกลับขึ้นไปในสายน้ำเกลือจนทำให้สายน้ำเกลือกว่าครึ่งสายมีเลือดสีแดงเข้มอยู่แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อก็เพื่อห้ามเฮ่อเหลียนเช่อไม่ให้ทำบาปไปมากกว่านี้!
เขาไม่อยากเห็นเฮ่อเหลียนเช่อกลายเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ฆ่าคนที่ไร้ความรู้สึก เฮ่อเหลียนเช่อเองก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์และความสุขได้ ขอแค่เขาพยายามเท่านั้น!
ตอนที่ 1586 แก้แค้นไม่ได้
เฮ่อเหลียนเช่อเห็นเลือดที่ถูกสูบขึ้นไปกว่าครึ่งสายน้ำเกลือก็กระวนกระวายใจแทบแย่รีบดึงมือเหมยซูหานออกหวังอยากให้เขาปล่อยแขน
แต่เหมยซูหานแรงเยอะจนน่าตกใจ ไม่ว่าเขาจะดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก แต่ไม่กล้าใช้แรงมากนักกลัวจะทำให้เหมยซูหานเจ็บตัว
“ก็ได้ ๆ ฉันสัญญาก็ได้ว่าจะไม่ทำอะไรสองครอบครัวนั่น แค่นี้คงพอใจแล้วสินะ?” เฮ่อเหลียนเช่อกล่าวอย่างเอือมระอา เหมยซูหานดีทุกเรื่องเสียก็แต่เป็นคนขี้ใจอ่อนอย่างเดียวเลย
หลายปีมานี้ไม่รู้ว่าเขาฆ่าคนน้อยไปกว่าเดิมกี่ชีวิตแล้วเพื่อเหมยซูหาน!
แม้จะรู้สึกสะใจน้อยลงแต่เขาก็พบว่าการหลับนอนตลอดหลายปีมานี้ดีขึ้นจากเดิมมาก อีกทั้งไม่ได้เจ้าอารมณ์ขี้หงุดหงิดฉุนเฉียวง่ายเหมือนแต่ก่อน และไม่รู้ว่าเพราะเหมยซูหานหรือเพราะฆ่าคนน้อยลงกันแน่
เหมยซูหานยิ้มอย่างปลาบปลื้มใจถึงยอมผละมือออก ผ้าก๊อซตรงบริเวณหัวเข็มชุ่มไปด้วยเลือดรวมถึงเหงื่อที่ผุดเต็มหน้าผาก
เฮ่อเหลียนเช่อถลาไปกดกริ่งเรียกพยาบาลเพื่อให้ต่อสายน้ำเกลือให้เหมยซูหานใหม่ รอพยาบาลออกไปเขาก็เตรียมตัวไปแล้วเช่นกัน เขาต้องไปหาหนิงเฉินเซวียนสักครั้ง
เหมยซูหานจับจ้องเขาไม่วางตา แม้จะไม่เอ่ยปากพูดแต่เฮ่อเหลียนเช่อกลับเข้าใจความหมายเขาดีเลยอดหัวเราะไม่ได้
“สบายใจได้ ในเมื่อฉันสัญญากับนายไปแล้วก็จะไม่มีทางทำอะไรสองครอบครัวนั่นอีก”
เหมยซูหานถึงเบาใจพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วทิ้งตัวพิงหมอนอย่างผ่อนคลาย
เฮ่อเหลียนเช่อลังเลอยู่นานถึงเป็นฝ่ายถามก่อน “ทำไมนายไม่ถามเลยว่าสองคนนั้นได้รับคำสั่งจากใครมา?”
เหมยซูหานยิ้ม เขาทำท่าให้เฮ่อเหลียนเช่อช่วยหยิบกระดาษกับปากกามาให้เขาก่อนจะลงมือเขียนช้า ๆ
‘อาเช่อ ขอแค่ฉันยังมีชีวิตอยู่ก็พอ สัญญากับฉัน อย่าทะเลาะกับคุณอาของนายเลยนะ!’
บนโลกใบนี้คนที่สามารถออกคำสั่งลูกน้องเฮ่อเหลียนเช่อได้ คนที่คิดจะกำจัดเขาให้สิ้นซาก นอกจากหนิงเฉินเซวียนแล้วจะยังมีใครได้อีกล่ะ?
เฮ่อเหลียนเช่อไม่ใช่คู่แข่งของหนิงเฉินเซวียนเพราะเขามีความเคารพยำเกรงต่อหนิงเฉินเซวียนจึงไม่มีทางทำอะไรเด็ดขาดได้ แต่หนิงเฉินเซวียนเป็นคนเลือดเย็นไร้หัวใจ สำหรับเขาแล้วเฮ่อเหลียนเช่อเป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้สร้างโอกาสเท่านั้น
ใช้ฆ่าคนและไว้ใช้สืบทอดตระกูล!
เฮ่อเหลียนเช่อกอดเหมยซูหานไว้แน่น ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงโพล่งออกมาหนึ่งคำ “ขอโทษ!”
ไม่ว่าจะใครเขาล้วนฆ่าได้อย่างไม่ลังเลใจ มีเพียงคุณอาเท่านั้นที่เขากลับลงมือไม่ได้
แค้นนี้คงชำระให้ไม่ได้แล้ว!
รอเหมยซูหานหลับไปอีกครั้ง เฮ่อเหลียนเช่อจึงสั่งให้ลูกน้องดูแลให้ดีก่อนจะไปหาหนิงเฉินเซวียนด้วยใบหน้าเรียบตึง
“มาแล้ว!”
หนิงเฉินเซวียนกำลังดูหนังในห้องฉายหนังอันมืดมิด ซึ่งเป็นหนังสีขาวดำที่นางเอกหน้าตาสะสวยมีชื่อว่าหนิงอีอี เป็นน้องสาวของหนิงเฉินเซวียนและเป็นคุณแม่แท้ ๆของเฮ่อเหลียนเช่อ ทั้งยังเป็นอดีตภรรยาของเฮ่อเหลียนชิง
หนิงอีอีเป็นคนสวยมาตั้งแต่เกิดจึงได้แสดงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในวัยสิบหกปีจนกลายเป็นดาราดาวรุ่งที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง ความนิยมทัดเทียมกับดาราแถวหน้าอย่างหูเตี๋ยในเวลานั้นเลย
เฮ่อเหลียนชิงกับหนิงเฉินเซวียนเป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยที่ได้รับการขนานนามว่าคู่บุรุษแห่งเยี่ยนจิง ต่างก็ตกเป็นเป้าหมายที่นักศึกษาหญิงนับไม่ถ้วนพากันหลงรัก และเป็นคู่อริที่เหล่าเพื่อนผู้ชายต่างคิดทึกทักกันเอาเอง
ขณะนั้นทั้งสองคนยังเป็นเพื่อนสนิทกันเพราะเป็นคนจากบ้านเกิดเดียวกัน ทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนร่วมหอพักเดียวกันถ้าไม่สนิทกันก็คงแปลก เฮ่อเหลียนชิงได้รู้จักหนิงอีอีที่งดงามอย่างไม่มีใครทัดเทียมได้ภายใต้การแนะนำของหนิงเฉินเซวียนและตกหลุมรักในฉับพลัน
ส่วนบุญคุณความแค้นระหว่างสามคนนี้จะมีการเล่าอย่างละเอียดในตอนพิเศษ ตรงนี้ขอไม่เล่าแล้วกัน
เฮ่อเหลียนเช่อไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคุณแม่แท้ ๆนัก ตอนหนิงอีอีตายแม้เขาจะอายุสิบปีแล้วแต่เพราะเจอคุณแม่น้อยครั้งมาก แต่กลับได้เจอผ่านหน้าจอโทรทัศน์อยู่ประจำ
เป็นคุณแม่ที่แสนเย็นชาและไม่มีความรู้สึกใด ๆ
หนำซ้ำคุณแม่ไม่ชอบเขา!
“ท่านจะดูยังไงเธอก็ไม่มีวันฟื้นคืนชีพขึ้นมาหรอก!” เฮ่อเหลียนเช่ออดพูดกระแทกเสียงใส่ไม่ได้
หนิงเฉินเซวียนชะงักกึกก่อนลุกพรวดมาตบหน้าฉาดใหญ่แล้วจ้องเฮ่อเหลียนเช่อด้วยสายตาดุดัน
…………………………..
ตอนที่ 1587 รักก็คือรัก ไม่มีเหตุผล
เฮ่อเหลียนเช่อกุมหน้าบวมเป่งมองหนิงเฉินเซวียนอย่างดื้อรั้นแต่ความรู้สึกน้อยใจกลับผุดขึ้นมาในใจ
“คนที่ตายไปแล้วท่านคิดถึงทุกวันแล้วมีประโยชน์อะไร? คนที่ยังมีชีวิตอยู่แบบผมทำไมท่านมองไม่เห็นบ้าง? ในใจท่านมีแต่เธอคนเดียวเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อคำรามโพล่งถามสิ่งที่เขาอยากถามมาตลอดสามสิบกว่าปี
“ไอ้สวะ เขาเป็นแม่ของแกนะ!” หนิงเฉินเซวียนตะคอกเสียงเดือดด้วยใบหน้าเกรี้ยวโกรธ
“เขาไม่ชอบผมสักหน่อยแล้วทำไมผมต้องเคารพเขาด้วย?” เฮ่อเหลียนเช่อทำหน้าดื้อดึงไม่ยอมจำนนเลยกระตุ้นให้หนิงเฉินเซวียนตบไปอีกฉาดใหญ่
เฮ่อเหลียนเช่อไม่แม้แต่จะหลบแต่ยืนรับเต็ม ๆจนเลือดซึมไหลตรงมุมปาก แต่เขาก็ไม่คิดจะใส่ใจ ยกแขนปาดมันทิ้งก่อนกระตุกยิ้มที่มุมปาก
“ผมแค่ว่าเขาไม่กี่ประโยคท่านก็ทนไม่ไหวจนต้องตบหน้าผม ทำไมท่านไม่ลองคิดว่าถ้าเหมยซูหานตายผมจะรู้สึกแย่ขนาดไหน? ทำไมท่านไม่คิดเผื่อใจผมบ้าง?” เฮ่อเหลียนเช่อตวาดเสียงทุ้มต่ำ
หนิงเฉินเซวียนทำหน้าไม่แยแสแล้วแค่นเสียงพูด “เหมยซูหานนั่นมีสิทธิ์อะไรมาเทียบกับแม่ของแก?”
“ในใจผมเขาสำคัญกว่าหนิงอีอีของท่านหมื่นเท่า” เฮ่อเหลียนเช่อทำสีหน้าจริงจังราวกับลังให้คำสาบาน
หนิงเฉินเซวียนโกรธจนต้องก่นด่าเสียงดัง “ไอ้หลานเนรคุณ โลกนี้มีผู้หญิงมากมายกลับไม่รักแต่ดันมาชอบผู้ชายคนหนึ่งเนี่ยนะ?”
“ชอบก็คือชอบ ทำไมต้องมีเหตุผลอะไรมากมาย เหมือนท่านไงที่โลกนี้มีผู้หญิงตั้งเยอะแยะดันไม่รัก แต่กลับมาชอบน้องสาวแท้ ๆของตัวเองไม่ใช่หรือไง?”
เฮ่อเหลียนเช่อมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหนิงเฉินเซวียนก็ยิ้มเย้ยตัวเอง “สองพี่น้องรักกันก็ช่างแล้วทำไมต้องคลอดผมออกมาด้วยล่ะ? พวกท่านเคยถามผมบ้างไหมว่าผมอยากเกิดมาบนโลกนี้หรือเปล่า?”
หากเลือกได้เขายอมให้เฮ่อเหลียนชิงเป็นพ่อของตัวเองเสียยังดีกว่า!
แต่ไม่ใช่หนิงเฉินเซวียน!
หนิงเฉินเซวียนร่างสะท้านรุนแรงและสีหน้าย่ำแย่ยากจะอธิบาย เฮ่อเหลียนเช่อไม่เคยต่อปากต่อคำเขามาก่อน ยิ่งไม่เคยพูดจากระแทกแดกดันแบบนี้มาก่อนด้วย!
ทุกอย่างเป็นเพราะคนชั้นต่ำเหมยซูหานนั่นเป่าหูมาทั้งนั้น!
คนชั้นต่ำนี้ต้องตาย!
ไม่อย่างนั้นเฮ่อเหลียนเช่อมีแต่จะไม่เชื่อฟังคำสั่งขึ้นเรื่อย ๆ!
“อาเช่อ…” หนิงเฉินเซวียนเปลี่ยนสีหน้าแล้วถอนหายใจยาว พูดเสียงอ่อนลง “ในเมื่อแกไม่ยอมเลิกกับเหมยซูหานงั้นฉันก็จะไม่ฝืนใจแก”
เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มร่าด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่–
หนิงเฉินเซวียนพูดเปลี่ยนประเด็น “ตระกูลหนิงจะต้องไม่ขาดคนมาสืบทอดตระกูล แกกับฉันถอยกันคนละก้าว ขอแค่แกมีหลานให้ฉัน ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของแกกับเหมยซูหานอีก และจะไม่เร่งให้แกแต่งงานด้วย!”
เฮ่อเหลียนเช่อเบาใจขึ้น เขารู้ว่านี่เป็นก้าวที่หนิงเฉินเซวียนยอมให้มากที่สุดแล้ว
ดูท่าทางต้องเร่งฝั่งอเมริกาแล้ว ต้องเร็วกว่านี้
“ได้ ผมตกลง แต่ท่านต้องรับปากกับผมว่าจะไม่ทำอะไรเหมยซูหานอีก ไม่อย่างนั้นเราจบกันแค่นี้!”
เฮ่อเหลียนเช่อตอบรับ
หนิงเฉินเซวียนสีหน้าไม่เปลี่ยนแล้วยังหัวเราะออกมา “แกต้องกำหนดเวลาให้ฉันด้วย จะให้ฉันรอแกโดยไม่มีเวลากำหนดไม่ได้”
“สามปี ภายในสามปีผมจะมีหลานให้ท่านแน่ ๆ!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดเสียงแน่วแน่
“ไม่ได้ ฉันรอได้แค่สองปี สองปีไม่เห็นหลาน เหมยซูหานก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!” หนิงเฉินเซวียนยิ้มกว้าง
“ได้ สองปี”
เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันรับปาก
หนิงเฉินเซวียนถือแก้วน้ำชาแล้วส่งเฮ่อเหลียนเช่อกลับไปก่อนจะเริ่มมาดูหนังเก่า ๆอีกครั้ง
ภายในห้องมืดสนิทเย็นยะเยือกน่ากลัว หน้าจอเก่าคร่ำครึมีภาพเคลื่อนไหวฉายไม่หยุด นอกจากนางเอก บทของคนอื่น ๆล้วนถูกตัดทิ้งแล้วจนสิ้น เครื่องฉายหนังทำงานต่อไปเรื่อย ๆ ปล่อยแสงหลากสีกระทบฝาผนัง ใบหน้าของหนิงเฉินเซวียนอ่อนโยนราวกับสายน้ำ
รอหลานเกิดมาแล้วก็คือวันตายของเหมยซูหาน!
ลูกชายที่เขาชุบเลี้ยงมาอย่างดีจะได้รับผลกระทบจากคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด!
ตอนที่ 1588 งานเลี้ยงครบเดือน
เฮ่อเหลียนเช่อกลับไปไม่กี่วันพวกเหมยเหมยเองก็เดินทางกลับตามมาติด ๆ แล้วยังพาเสี่ยวโฉ่วโฉ่วกลับไปด้วย
เพราะสูญเสียเลือดไปมากจึงทำให้เจ้าเสวี่ยถวนไม่มีน้ำนม โฉ่วโฉ่วจึงต้องดื่มนมวัวทุกวัน แต่เพราะมียาวิเศษของเหมยเหมยที่คอยป้อนวันละเม็ดเลยทำให้มีพละกำลังเต็มเปี่ยม
ก่อนกลับเหมยเหมยยังป้อนยาวิเศษส่วนหนึ่งให้เสวี่ยถวนเพื่อช่วยให้เขาฟื้นตัวเร็วขึ้น ส่วนโฉ่วโฉ่วเหมยเหมยเองก็ไม่ได้รับมาฟรี ๆ รู้ว่าครอบครัวฉีฉีเก๋อไม่ขัดสนเรื่องเงินเธอจึงให้โสมแก่อายุร้อยปีไปหนึ่งชิ้น เป็นของที่ได้มาจากกล่องสมบัติของฉิวฉิว
ลุงปาเกินเป็นคนรอบรู้มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นโสมจากป่าแท้ ๆซึ่งไม่ด้อยไปกว่าม้าเร็วพันลี้ของเขาเลย หรืออาจจะล้ำค่ากว่าด้วยซ้ำ
ของสิ่งนี้สามารถเอามาช่วยชีวิตในยามคับขันได้!
จะว่าไปโสมต้นนี้เคยช่วยชีวิตลุงปาเกินไว้ครั้งหนึ่งจริง ๆจึงทำให้ฉีฉีเก๋อนึกขอบคุณเหมยเหมยเหลือเกิน ซึ่งจะเล่าในภายหลัง
โฉ่วโฉ่วยังไม่หย่านมหนำซ้ำยังเป็นของรักของหวงที่เฮ่อเหลียนชิงเจาะจงจะเอามาให้ได้ เหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าอิดออดจึงสั่งคนคอยดูแลเจ้าตัวเล็กนี้โดยเฉพาะ แม้ว่าโฉ่วโฉ่วจะมีปฏิภาณไหวพริบดีแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่รู้ความอะไร ไม่เคยหยุดกินหยุดดื่มหยุดขี้หยุดฉี่เลยตลอดทาง
“โอ๊ย…ขี้อีกแล้ว ไม่จบไม่สิ้นสักที กินเยอะแล้วยังขี้เยอะอีก!”
ส่วนบนกำลังกินนมส่วนล่างก็ปล่อยของเสียออกมาส่งกลิ่นเหม็นโชยไปทั่วคันรถจนทุกคนแทบร้องไห้
อยากจะก่นด่าบรรพบุรุษเสียเหลือเกิน!
เพราะโฉ่วโฉ่วทำให้การเดินทางกลับล้าช้าลงอย่างมากเพราะต้องคอยจอดรถทำความสะอาดเป็นระยะ ๆจนน่ารำคาญ ทุกคนวิ่งวุ่นจนหัวหมุนแต่โฉ่วโฉ่วกลับไม่รู้อะไรเอาแต่กินนมตีหน้าใสซื่อแล้วยังสะบัดหางไปมาอย่างสบายใจเฉิบอีกด้วย
“ไม่ได้การล่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปฟ้ามืดก็ไม่ถึงเมืองหลวง ใช้ถังรองไว้ หลังจากนี้ก็ไม่ต้องจอดแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่ง
ลูกน้องต่างทำหน้าขมขื่น เจ้าลูกม้าตัวนี้แม้จะดื่มน้ำนมที่หอมกรุ่นแต่ของเสียที่ขับถ่ายออกมากลับเหม็นคลุ้งไม่ต่างกัน!
นี่ยังอีกหลายชั่วโมงแหนะ สงสัยต้องสวมหน้ากากป้องกันแก๊สพิษแล้ว!
เหมยเหมยเห็นแล้วก็นึกขำ เธอตบหัวโฉ่วโฉ่วเบา ๆแล้วพูดตำหนิ “เจ้าดื้อ ช่วยขับถ่ายเป็นเวลาหน่อยไม่ได้เลยหรือไง? ดูสิทำเอาทุกคนเหนื่อยแทบแย่!”
โฉ่วโฉ่วเอียงหัวเลียฝ่ามือเหมยเหมยไปมาพร้อมสะบัดหางอย่างเริงร่า เจ้านายกำลังพูดอะไรอยู่นะ?
ไม่เห็นเข้าใจเลย!
กิน กิน กิน!
รีบโตจะได้รีบให้เจ้านายขี่หลังไง!
ฉิวฉิวปีนออกมาจากรถพลางมองโฉ่วโฉ่วอย่างนึกรังเกียจแวบหนึ่ง โง่จริง ๆที่ขับถ่ายไม่เป็นเวลา
ช่างเถอะ อย่างไรเสียก็เป็นลูกน้องคนใหม่ของคุณชายฉิวอย่างเขา สอนกฎระเบียบเขาหน่อยแล้วกัน!
ระยะทางหลังจากนั้น…
โฉ่วโฉ่วดื่มนมอิ่มท้องก็ยื่นกีบเท้าออกมาสะบัดหางทีแล้วผายลมออกมา ทุกคนใจเต้นระส่ำแทบหลุดมาถึงคอหอยแล้วเอามืออุดจมูกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
แต่แล้ว–
ฉิวฉิวปีนไปอยู่หลังโฉ่วโฉ่วตะปบกรงเล็บลงไปทีหนึ่ง พูดเสียงตำหนิว่า “กลั้นไว้ จะขี้อะไรนักหนา!”
โฉ่วโฉ่วเหลือบมองพี่ใหญ่บนหลังแวบหนึ่งอย่างน่าสงสาร กินอิ่มท้องก็ต้องขับถ่ายออกมาสิ หรือว่าพี่ใหญ่กินอย่างเดียวแต่ไม่ถ่ายออกมาหรือไง?
จากการออกคำสั่งของฉิวฉิวปรากฏว่าโฉ่วโฉ่วไม่ได้ขับถ่ายเรี่ยราดแล้วจริง ๆ ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงฉิวฉิวถึงให้จอดรถปล่อยโฉ่วโฉ่วที่อัดอั้นไว้เต็มทีไปขับถ่ายให้สบายใจ บนรถจึงสะอาดสะอ้านตลอดทางจนถึงเมืองหลวงซึ่งทำเอาทุกคนอดทึ่งไม่ได้
เฮ่อเหลียนชิงชอบโฉ่วโฉ่วตั้งแต่เห็นแวบแรกจึงสั่งให้ลูกน้องไปเชิญผู้เชี่ยวชาญหลายคนมาดูแลรับใช้โฉ่วโฉ่วเป็นพิเศษ ทีแรกผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ยังไม่ค่อยยินยอมเท่าไรนัก แต่พอเห็นโฉ่วโฉ่วที่แสนสง่าก็พลันตัดสินใจอยู่ที่สวนฟาร์มชนิดที่ไล่อย่างไรก็ไล่ไม่กลับ
หนึ่งเดือนผ่านไปสวนฟาร์มเริ่มจัดงานเลี้ยงฉลองเชิญแขกคนสำคัญต่าง ๆมาอีกครั้ง
เห็นบอกว่าจัดงานเลี้ยงฉลองครบเดือนให้โฉ่วโฉ่ว เฮ่อเหลียนชิงส่งบัตรเชิญไปทั่วทุกหนแห่ง แล้วยังจงใจสั่งให้ลูกน้องส่งบัตรเชิญไปถึงบ้านหนิงเฉินเซวียนโดยเฉพาะอีกต่างหาก
……………………………..
ตอนที่ 1589 ต่างฝ่ายต่างมีแผน
เหมยเหมยรู้มาจากเหยียนหมิงซุ่นว่าสองคนที่ทำร้ายเหมยซูหานได้รับคำสั่งมาจากหนิงเฉินเซวียน อีกทั้งตอนแรกคิดจะโยนความผิดให้เธอถึงได้สั่งทำแส้แบบเดียวกันมา
เป็นวิธีที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวได้ดีจริง ๆ!
อย่างแรกสามารถกำจัดหนามยอกอกอย่างเหมยซูหานได้ สองสามารถปลุกปั่นเป็นชนวนระหว่างเฮ่อเหลียนเช่อกับเหยียนหมิงซุ่นได้
คนที่เจ้าอารมณ์อย่างเฮ่อเหลียนเช่อหากเหมยซูหานตายจริง ๆเขาคงตามหาเรื่องเหยียนหมิงซุ่นชนิดที่ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง และจะเข้าแผนของหนิงเฉินเซวียนพอดี
แต่ท้ายที่สุดดันเสียแผน ไม่เพียงแต่ขโมยไก่ไม่สำเร็จทั้งสูญเสียลูกน้องไปอีกสองชีวิต แล้วเจ้าลูกม้ายังตกไปอยู่ในมือของคู่อริสำคัญด้วย หนิงเฉินเซวียนจะไม่แค้นได้อย่างไร!
สวนฟาร์มในวันนี้มีผู้คนคับคั่งบรรยากาศคึกคักกว่าวันปกติ
เฮ่อเหลียนชิงอารมณ์ดีจึงมายืนต้อนรับแขกตรงหน้าประตูใหญ่ด้วยตัวเอง ใบหน้ายิ้มแย้มที่ไร้ความขรึมและนาน ๆทีจะดูเป็นมิตรทำเอาบรรดาแขกที่มาร่วมงานจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าคนคนนี้คิดวางแผนทำอะไรใครอยู่หรือเปล่า!
“วันนี้เป็นงานฉลองครบเดือนโฉ่วโฉ่วของฉัน เป็นวันมงคล เชิญทุกคนทานให้อิ่มหนำสำราญกันไปเลย ไม่เมาไม่กลับ!”
เฮ่อเหลียนชิงพูดเชื้อเชิญเสียงดังกังวานเรียกให้บรรดาแขกทำหน้ามึนงง
คุณชายโฉ่ว(หรือคุณหนู) เป็นใครมาจากไหนกัน?
หรือว่าในที่สุดกะเทยหมื่นปีอย่างเฮ่อเหลียนชิงจะมีรักครั้งใหม่ มีลูกสำเร็จแล้ว?
ทุกคนรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาฉับพลันกวาดมองรอบข้างอยากเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงเจ้าของงานวันนี้ว่าหน้าตาคล้ายคุณหนูตระกูลใหญ่ไหนกันแน่?
โฉ่วโฉ่ววิ่งมาอย่างร่าเริง เฮ่อเหลียนชิงโบกมือให้เขาอย่างใจดี แต่โฉ่วโฉ่วไม่แม้แต่จะสนใจเขาเลือกวิ่งตรงดิ่งไปตรงหน้าเหมยเหมยพร้อมส่ายหางไปมาอย่างมีความสุข
เจ้านาย เจ้านาย มีของอร่อย ๆไหม?
เฮ่อเหลียนชิงหน้าเสียหน่อย ๆ กระแอมไอหลายทีแล้วกู้หน้าให้ตัวเอง “เจ้าตัวเล็กขี้อายไปหน่อย ปกติอย่าให้ต้องพูดเลยว่าสนิทกับฉันขนาดไหน”
เสี่ยวเมิ่งหัวเราะเยาะเสียงเบา นายท่าน มันเคยสนิทกับท่านตั้งแต่เมื่อไร?
โดนเชิดหน้าเบะปากใส่บ่อยจะตายไป
ทุกคนถึงเข้าใจทันทีว่าที่แท้คุณชายโฉ่วคือเจ้าลูกม้าตัวหนึ่งนี่เอง!
เหอเหอ คนในเมืองก็เข้าใจเล่นนะเนี่ย!
ทุกคนเก็บความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นไว้แล้วเริ่มทานอาหารรสเด็ดอย่างใจจดใจจ่อ อาหารในสวนฟาร์มต้องอร่อยรสเลิศอยู่แล้ว กินฟรีดื่มฟรีทั้งยังไม่ต้องเสียเงินซองแดงอีกด้วย ทุกคนจึงทานอย่างมีความสุขถือว่ามาเที่ยวแล้วกัน
เหมยเหมยล้วงยาออกมาสองเม็ดป้อนโฉ่วโฉ่ว เจ้าตัวเล็กกินอย่างเอร็ดอร่อย หนึ่งเดือนผ่านไปโตขึ้นมาก ขนเงามันวาวที่แม้จะยังเด็กแต่พอจินตนาการถึงความสง่าตอนโตเต็มวัยของมันออก
แม้เฮ่อเหลียนชิงค่อนข้างเลือดเย็นและไร้หัวใจต่อมนุษย์ด้วยกันแต่กลับแสนดีกับสัตว์ตัวน้อยเหล่านี้พอสมควร มีอาหารดี ๆให้กิน มีที่ให้นอน ต่อให้เป็นผลพวงจากความเจ้าชู้ของต้าหวงถึงจะด่าก็เถอะแต่สุดท้ายก็ดูแลเป็นอย่างดี
เฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้มาเพราะเหมยซูหาน เขาทำตัวห่างเหินกับหนิงเฉินเซวียนจากเดิมมากไม่ได้ไปมาหาสู่กันประจำเหมือนแต่ก่อน
แต่หนิงเฉินเซวียนมาร่วมงานด้วย แม้จะพยายามแสดงท่าทีไม่สนใจโฉ่วโฉ่วแต่หลังจากเขาได้เห็นความสง่าของโฉ่วโฉ่วแล้วจะยังยับยั้งความอิจฉาริษยาในใจได้ไหวเสียที่ไหน จ้องจนลูกตาแทบหลุดออกจากเบ้าอยู่รอมร่อ
นั่นเป็นถึงม้าเร็วพันลี้ที่มีหนึ่งในหมื่นตัวเชียวนะ!
แล้วจะให้ไอ้สารเลวเฮ่อเหลียนชิงช่วงชิงไปได้อย่างไรกัน?
คับแค้นใจนัก!
“เหล่าหนิงเอ้ย แกเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเลี้ยงม้า แกดูโฉ่วโฉ่วของฉันให้หน่อยสิว่าเป็นไงบ้าง?” เฮ่อเหลียนชิงเรียกอย่างสนิทสนมทำท่าเหมือนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาหลายปี
หนิงเฉินเซวียนพยายามระงับไฟโทสะไว้ส่งยิ้มบางไปให้แล้วพูดเสียงเอื่อย “ม้าไม่ถือว่าแย่หรอก เป็นม้าเร็วพันลี้ที่นาน ๆทีจะได้เห็น แต่ว่า…”
เฮ่อเหลียนชิงรีบถามขึ้น “แต่ว่าอะไร?”
หนิงเฉินเซวียนปรายตามองเขาอย่างไม่ใส่ใจแวบหนึ่ง “แต่คนเลี้ยงม้าน่ะไม่เท่าไร เสียดายม้าดี ๆจังเลยนะ ช่างเหมือนไก่ได้พลอยจริง ๆ!”
“เหลวไหล!” เฮ่อเหลียนชิงตวาดด่าด้วยความโกรธไปทีหนึ่งแต่ไม่นานก็ได้ใจเลยหัวเราะชอบใจเป็นพิเศษ “หนิงเฉินเซวียน คนอย่างแกมันจิตใจคับแคบอยู่แล้ว ก็แค่แย่งม้ามาไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ใครใช้ให้แกมีลูกชายไม่ได้เรื่องกันล่ะ!”
หนิงเฉินเซวียนใบหน้าบูดบึ้ง สิบนิ้วจิกเบาะหลังเก้าอี้ไว้แน่นด้วยความรู้สึกอัดอั้นใจแทบแย่!
จ้าวอิงหัวก็มาร่วมงานเลี้ยงเช่นกันซึ่งเขาไม่มีอารมณ์ทานอะไรนัก มัวแต่กวาดตามองประเมินเหมยเหมยด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ และสีหน้าดูแย่ลงเรื่อย ๆเช่นกัน!
ตอนที่ 1590 แม่ยายสุดยอดไปเลย
เหมยเหมยไปทุ่งหญ้าไม่กี่วันจ้าวอิงหัวก็ไปสัมมนางานที่ต่างประเทศและเพิ่งกลับมาเมื่อวาน พอถามภรรยาถึงรู้ว่าลูกสาวไม่อยู่บ้านมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว อย่างงี้ก็ได้เหรอ?
จ้าวอิงหัวมาทานข้าวก็เพื่อพูดคุยเรื่องชีวิตกับเหมยเหมย แต่เขายิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกแปลก ๆ ลูกสาวตัวเองโดนเจ้าลูกหมาป่าคาบไปกินแล้วชัด ๆ!
ชักจะเหิมเกริมใหญ่แล้ว!
เหมยเหมยรู้สึกได้ถึงสายตาเยือกเย็นราวกับดาบน้ำแข็งจากพ่อตัวเองเลยก้มหน้าต่ำลงเรื่อย ๆจนแทบมุดไปอยู่ใต้โต๊ะ
อย่าเห็นว่าคืนนั้นเธอใจกล้าวางมาดเหมือนนางพญา แต่พอเวลานี้ความกล้าของเธอหายไปไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย!
เหยียนหมิงซุ่นตบหลังเธอแล้วพูดเสียงเบา “ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้พี่จัดการเอง!”
เขาเพิ่งกลับมาจากทุ่งหญ้าก็ไปสารภาพผิดกับแม่ยายด้วยความจริงใจทันที แม้ว่าเหยียนซินหย่าจะรู้สึกตกใจไปบ้างแต่ก็เป็นคนหัวสมัยใหม่ อีกทั้งเหยียนหมิงซุ่นก็บอกแล้วว่าหากถึงอายุยี่สิบเมื่อไรจะไปจดทะเบียนสมรสและจะจัดงานแต่งงานหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย
เหยียนซินหย่าพึงพอใจกับความคิดเขาอย่างมากก่อนจะรับปากว่าจะรีบจัดการจ้าวอิงหัวให้เร็วที่สุด
ฉะนั้นเมื่อมีความช่วยเหลือจากแม่ยาย จ้าวอิงหัวจะน่ากลัวตรงไหนอีก?
“เหมยเหมย คืนนี้กลับบ้าน พ่อมีเรื่องจะถามลูก!” เมื่องานเลี้ยงเลิกราจ้าวอิงหัวก็ไปดักรอเหมยเหมยที่คิดจะแอบหนีไว้ก่อน หน้าบูดบึ้งตึงที่ดูก็รู้ว่าคืนนี้กลับบ้านไปต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ค่ะ!”
เหมยเหมยใจเต้นระส่ำและตอบรับอย่างเชื่อฟัง จะกล้าปฏิเสธได้ที่ไหนกัน เหยียนหมิงซุ่นยิ้มบางเขี่ยฝ่ามือเธอ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เธอสบายใจในทันที ส่วนจ้าวอิงหัวกลับรู้สึกขัดตาเหลือเกิน
ไอ้ตัวดีผิดคำพูด!
ไว้ค่อยจัดการแกทีหลัง!
ตกดึกเหยียนหมิงซุ่นกลับบ้านพร้อมกับเหมยเหมย จ้าวอิงหัวที่เลิกงานเร็วก็มาดักรออยู่หน้าประตู พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นก็ชักสีหน้าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร “แกมาทำอะไร? ฉันไม่ได้เชิญแกมาบ้านของฉันนะ!”
“ฉันเชิญมาเอง คุณมีปัญหาอะไรไหมคะ?” เหยียนซินหย่าเดินออกมาจากห้องครัวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ แต่จ้าวอิงหัวกลับไม่กล้าโต้แย้ง
ช่วงนี้คุณภรรยาดุเหลือเกิน เขาจะเอาความกล้าที่ไหนมาบอกว่า ‘มี’ กันล่ะ?
จ้าวอิงหัวลูบจมูกปอย ๆแล้วพูดเสียงพึมพำ “จะกล้าได้ไง เรื่องที่บ้านคุณเป็นคนตัดสินใจเองหมดเลยไม่ใช่หรือไง ผมยังมีสิทธิ์มีเสียงอะไรอีก…”
“คุณพึมพำอะไรอยู่? ยังไม่รีบมาช่วยอีก!”
เหยียนซินหย่าตบหลังจ้าวอิงหัวฉาดหนึ่งก่อนกระชากเขาไปในครัว เหมยเหมยทำหน้าทะเล้นใส่เหยียนหมิงซุ่นทีหนึ่งก็พลันยิ่งสบายใจขึ้นกว่าเดิม
แม่ตัวเองสุดยอดไปเลย!
อาหารถูกเสิร์ฟตั้งโต๊ะทีละจาน ๆล้วนเป็นของโปรดของเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยทั้งสิ้น จ้าวอิงหัวเบะปากน้อย ๆ ไม่กล้าปริปากพูดอะไร
“ทานข้าวก่อน ทานข้าวเสร็จแล้วค่อยคุย หมิงซุ่น ทานเร็วเขาของโปรดเธอทั้งนั้นเลยนะ!” เหยียนซินหย่ายิ้มตาหยีคีบกับข้าวให้ลูกเขย หลังรู้ว่าลูกสาวกับเหยียนหมิงซุ่นเป็นทองปึกแผ่นเดียวกันแล้ว หัวใจของเธอลอยปลิวขึ้นฟ้าไปแล้ว
ไม่นานก็จะมีนางฟ้าตัวน้อย ๆมาอยู่ในบ้านแล้ว!
ความจริงเธอคิดว่าเด็กผู้หญิงมีลูกเร็วหน่อยถึงจะดี อายุยังน้อยจะได้ฟื้นตัวเร็วอีกทั้งยังมีพละกำลังดี
ทุกคนต่างมีเรื่องคิดอยู่ในใจทำให้อาหารมื้อเย็นนี้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางความเงียบ ในที่สุดจ้าวอิงหัวก็ได้โอกาสเลยกระแอมไอคิดจะเริ่มซักถาม แต่ จู่ ๆเหยียนซินหย่าก็ลุกเดินเข้าห้องนอนและไม่นานก็ออกมาพร้อมกระดาษที่ติดมือมาด้วย
“หมิงซุ่น กระดาษแผ่นนี้เธอเอากลับไปเถอะ อีกครึ่งปีเหมยเหมยก็จะอายุยี่สิบปีถ้วนแล้ว พวกเธอรีบหาเวลาไปจดทะเบียนสมรสซะ”
เหยียนซินหย่าส่งกระดาษในมือไปให้เหยียนหมิงซุ่น จ้าวอิงหัวที่อยู่ข้าง ๆกะพริบตาปริบ ๆ กระดาษแผ่นนี้ดูคุ้นตาจังนะ?
รอฟังเหยียนซินหย่าพูดจบจ้าวอิงหัวก็กระเด้งตัวลุกพรวดทันที คำรามด้วยความโกรธ “ไม่ได้ ฉันคัดค้าน!”
“เจ้าหมอนี่สัญญาด้วยลายลักษณ์อักษรแล้ว เหยียนหมิงซุ่น แกคิดจะกลับคำใช่ไหม?” อารมณ์โกรธของจ้าวอิงหัวพุ่งปรี๊ดทะลุปรอท
………………………..
ตอนที่ 1591 หนูเองที่กินพี่หมิงซุ่น
เหยียนหมิงซุ่นปรายตามองจ้าวอิงหัวแล้วชูกระดาษในมือขึ้นอย่างใจเย็น รอจ้าวอิงหัวเห็นชัดแล้วเขาถึงล้วงไฟแช็กจากกระเป๋าออกมาจุดไฟเผาจนกลายเป็นเศษขี้เถ้าภายในพริบตา
“ที่แกเผาคืออะไร?”
จ้าวอิงหัวจับจ้องมองกองขี้เถ้าเล็ก ๆอย่างไม่ละสายตา ทำไมยิ่งดูยิ่งคุ้นตานักนะ?
เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างเห็นใจ อายุเพิ่มขึ้นสมองก็เริ่มทำงานช้าลงแล้ว!
“คำสัญญาที่ผมเคยเขียนไว้เมื่อก่อนไงครับ แม่เอากระดาษคืนให้ผมแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นแก้สรรพนามอย่างลื่นไหล เหยียนซินหย่ายิ้มอย่างพึงพอใจพลางมองคู่หนุ่มสาวราวกับกิ่งทองใบหยกตรงหน้าด้วยสายตาที่อิ่มเอมใจขึ้นเรื่อย ๆ
ลูกเขยที่เสมือนเป็นลูกชายครึ่งหนึ่ง!
ลูกเขยดีเด่นอย่างเหยียนหมิงซุ่นต่อให้มีแค่ครึ่งตัวก็แข็งแกร่งกว่าลูกชายครอบครัวอื่นเป็นร้อยเท่า!
จ้าวอิงหัวกระเด้งตัวลุกพรวดตวาดเสียงหลง “คืนกระดาษให้แก? แกอย่าคิดหาเศษกระดาษอื่นมาหลอกตบตาฉัน เหอะ!”
กระดาษสัญญาถูกเขาเอาไปซ่อนไว้ในที่ลึกลับแห่งหนึ่งที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ คนอื่นไม่ว่าใครก็หาไม่เจอหรอก!
เหยียนหมิงซุ่นคิดจะหลอกเขา ไม่มีทาง!
เหยียนซินหย่าล้วงสมุดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋าโยนไปตรงหน้าจ้าวอิงหัว ยิ้มกล่าว “ตอนนี้คุณเก่งขึ้นนะ ออมเงินห้าพันหยวนได้เงียบดีนี่!”
จ้าวอิงหัวตัวสั่นสะท้านเฮือกเหลือบมองสมุดเล่มเล็กบนโต๊ะ จากนั้นก็พบว่าเป็นขุมทรัพย์อันน้อยนิดของเขานั่นเอง ที่รักหาเจอได้อย่างไรกันนี่?
ถ้าเช่นนั้นแล้วกระดาษแผ่นนั้นคือกระดาษคำสัญญาจริง ๆแล้วสิ?
“ที่รัก คุณอย่าไปโดนคำพูดหวาน ๆของเจ้าหมอนี่หลอกเข้าให้นะ เหมยเหมยของเรายังเด็กขนาดนี้ ยังไม่สนุกกับชีวิตให้เต็มที่เลยทำไมต้องรีบแต่งงานด้วย? ใช่ว่าเราเลี้ยงลูกสาวไม่ไหวสักหน่อย…”
จ้าวอิงหัวพร่ำบ่นยาวเหยียดคิดแต่จะเกลี้ยกล่อมภรรยาตัวเอง ส่วนเงินที่แอบซ่อนนั่นเมื่อกี้ถูกเขาแอบยัดเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไปแล้ว
เหยียนซินหย่าคีบตูดไก่ยัดใส่ปากสามีตนอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเท่าไร “ลูกสาวเป็นคนของหมิงซุ่นไปแล้วคุณเก็บไว้จะมีความหมายอะไรอีก?”
“อึก…”
จ้าวอิงหัวสะอึกเสียงประหลาดขึ้นมาทีหนึ่งก่อนจะคายตูดไก่ออกมาด้วยสีหน้าสะพรึง
ต่อให้เตรียมใจมาอย่างดีแต่พอได้ยินคำตอบจากภรรยาอย่างชัดเจนเขาก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี
ลูกสาวสุดรักของเขา ทั้งที่ยังเด็กขนาดนั้นกลับโดนเจ้าหมาป่าคาบไปแล้ว?
“ไอ้สารเลวเหยียนหมิงซุ่น กระดาษสัญญาเพิ่งเผาไปวันนี้แปลว่าก่อนหน้านี้ยังมีผลอยู่ ที่แกพูดมาแค่ลมปากเหรอ?” จ้าวอิงหัวตะโกนคำรามด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์จนสะท้านฟ้าแผ่นดินแยก
เหมยเหมยเอ่ยเสียงแผ่ว “พ่อ หนูเองที่กินพี่หมิงซุ่น หนูต้องรับผิดชอบเขาสิ!”
“เอิ้ก…”
จ้าวอิงหัวสะอึกอีกครั้งทำเขาโกรธจนยกน้ำชาแก้วใหญ่มาซดให้หมดแก้วในครั้งเดียว เอานิ้วแคะหูไปด้วยความคิดที่ว่าอาจจะเพราะตนอายุมากแล้วหูคงเพี้ยน!
“คุณอาจ้าว เมื่อคืนเป็นความผิดของผมก็จริง ผมไม่ได้รักษาคำสัญญาที่เขียนไว้ ผมยอมโดนลงโทษแต่ผมต้องได้แต่งงานกับเหมยเหมยนะครับ!” เหยียนหมิงซุ่นแสดงความจริงใจออกมา เขาไม่มีทางหนีความรับผิดชอบที่ตนควรรับผิดชอบหรอก
ให้คนรักของตนเป็นฝ่ายออกหน้ารับ!
นี่ต่างหากถึงจะเป็นสิ่งที่ผู้ชายอ่อนแอทำกัน!
“ไม่ใช่นะ พ่อ ไม่ใช่พี่หมิงซุ่นทำจริง ๆ หนูเองที่เป็นฝ่ายกินเขาก่อน ในสัญญาของพ่อบอกแค่ว่าห้ามเขากินหนู แต่ไม่ได้บอกว่าไม่อนุญาตให้หนูกินพี่หมิงซุ่นสักหน่อย ไม่นับว่าผิดกฎ!”
เหมยเหมยรีบพูดขึ้นอย่างไม่นึกเขินอาย เธอไม่อยากเห็นเหยียนหมิงซุ่นโดนทำโทษ ไม่รู้ว่าจ้าวอิงหัวจะคิดแผนพิเรนทร์อะไรอีก!
จ้าวอิงหัวโกรธกรอกน้ำลงไปอีกหนึ่งแก้วใหญ่ มิน่าถึงพูดกันว่าลูกสาวเลี้ยงไว้เพื่อคนอื่น ดูความลำเอียงนี่สิ!
กลับยังมีหน้ามาบอกว่าเธอเป็นฝ่ายเขมือบเจ้าหมอนี่เอง?
จ้าวอิงหัวถลึงตามองคู่รักตรงหน้าอย่างอารมณ์เสีย เหนื่อยใจเหลือเกิน!
แต่ละคนใจกล้าอาจหาญเหลือเกิน แล้วความน่าเกรงขามของเขายังหลงเหลืออยู่อีกหรือ?
ตอนที่ 1592 ยอมแพ้
เพราะได้รับการสนับสนุนหลักจากเหยียนซินหย่าจึงทำให้จ้าวอิงหัวยากจะยืนหยัดไหวด้วยตัวคนเดียว หนึ่งคนจะสู้สามคนได้อย่างไร อีกอย่างเรื่องมันก็เลยเถิดมาจนถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะทำอย่างไรได้อีก?
“พอถึงเวลาก็แต่งงาน ก่อนแต่งงานอย่าให้พลาดมีลูกขึ้นมาเชียว พวกแกไม่ขายขี้หน้าแต่ฉันอาย!” จ้าวอิงหัวหน้าบูดบึ้งและยอมแพ้ไปในที่สุด
เหมยเหมยเขินหน้าแดงงุดหน้าลงไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
จ้าวอิงหัวเห็นแล้วก็ยิ่งโกรธ ทีนี้รู้จักกลัวอับอายขึ้นมาแล้วเหรอ
ก่อนหน้านี้มัวไปทำอะไรอยู่?
เป็นฝ่ายเริ่มก่อนด้วยนี่สิ?
ดีแล้วที่เป็นลูกสาวแท้ ๆของเขา หากเปลี่ยนเป็นหลานสาวคนโตคงเจอเขาใช้ไม้ไล่ฟาดแล้ว!
“แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง งานแต่งต้องจัดอย่างใหญ่โตจะจัดง่ายๆไม่ได้ ของชำร่วยก็ต้องเยอะ น้อยไปไม่ได้เด็ดขาด…” จ้าวอิงหัวพูดร่ายเสียงงึมงำอีกยาวเหยียดที่ฟังดูแล้วค่อนข้างเข้มงวดพอสมควร เหยียนซินหย่ากลับพึงพอใจอย่างมากและพยักหน้าตามรัว ๆ
เงื่อนไขที่ทางฝ่ายหญิงเสนอมากแค่ไหนก็จะยิ่งสะท้อนถึงฐานะของเจ้าสาวได้มากเท่านั้น จะไม่ถูกครอบครัวฝั่งเจ้าบ่าวดูถูกดูแคลนและแน่นอนว่าต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าบ่าวถึงจะกล้าเสนอ สิ่งที่จ้าวอิงหัวเสนอมาแม้ฟังดูเข้มงวดแต่สำหรับเหยียนหมิงซุ่นแล้วกลับไม่ยากเลยแม้แต่น้อย
เหมยเหมยฟังแล้วก็นึกปวดศีรษะ เธอกับเหยียนหมิงซุ่นไม่เคยแบ่งของใครเป็นของใครอยู่แล้ว อันที่จริงของเหยียนหมิงซุ่นก็คือของเธอ ของเธอก็คือของเหยียนหมิงซุ่น ไม่จำเป็นต้องแยกชัดเจนขนาดนั้น
เธออ้าปากอยากขัดจ้าวอิงหัวแต่เหยียนหมิงซุ่นตบมือเธอเบา ๆส่ายศีรษะน้อย ๆ
“ไม่มีปัญหาครับ เรื่องพวกนี้ผมจัดการได้อยู่แล้วครับ” เหยียนหมิงซุ่นรับปากเสียงหนักแน่นไม่แม้แต่กะพริบตา จ้าวอิงหัวนึกเสียใจภายหลังอีกแล้ว เขาเสนอเงื่อนไขง่ายไปหรือเปล่า?
เห็นเจ้าหมอนี่ไม่รู้สึกลำบากใจสักนิดก็บ่งบอกว่าสามารถทำมันสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ไม่ได้การ เขาต้องคิดอีกว่าตกหล่นตรงไหนไปหรือเปล่า?
เหยียนซินหย่าตบหลังเขาทีหนึ่งเป็นการเตือนให้เขาพอประมาณ จ้าวอิงหัวจำต้องหุบปากอย่างนึกเสียดาย สบายเจ้าหมอนี่ล่ะ!
เรื่องแอบขโมยกินก็จบลงอย่างบริบูรณ์ ก็พอจะถือว่าผ่านพ้นไปอย่างปลื้มปิติดีอยู่หรอก
เหมยเหมยใจจดใจจ่อนับถอยหลังเฝ้ารอวันเกิดครบยี่สิบปีทุกวี่วัน เช่นนี้เธอก็เป็นคุณนายเหยียนอย่างเป็นทางการแล้ว แค่คิดก็มีความสุขแล้ว!
ฤดูหนาวผ่านพ้นไปฤดูใบไม้ผลิแวะเวียนมา สรรพสิ่งฟื้นคืนชีพ ต้นไม้ข้างทางเริ่มออกดอกออกผลรวมถึงดอกไม้สีสันสวยงาม แค่เห็นก็รู้สึกสบายใจให้ความรู้สึกเหมือนได้ถูกกดปุ่มเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง
เหยียนหมิงซุ่นเริ่มวุ่นกับงานอีกครั้งที่ขณะเดียวกันยังมีจ้าวอิงหัววิ่งเต้นกับงานที่ภายในหนึ่งเดือนคงบินอยู่เหนือฟ้าไปยี่สิบวันได้ เลยไม่มีเวลาเหลือเฟือมาตามคุมลูกสาว!
ผู้ชายทำงานอยู่นอกบ้าน ส่วนผู้หญิงก็ทำได้เพียงนอนเฝ้าห้องอันอ้างว้างลำพัง เหมยเหมยเลยตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่บ้านเป็นเพื่อนเหยียนซินหย่า
“แม่ เจิ้งซื่อหลินกับหร่วนไฉ่หวายังลิงโลดอยู่อีกไหม?” เหมยเหมยถาม
เหยียนซินหย่ายิ้มกล่าว “ในวงการศิลปะพวกเขาชื่อเสียงป่นปี้ไปหมดแล้ว ช่วงนี้คุณปู่เซียวของลูกมีชีวิตชีวาดี พอนึกขึ้นได้ก็จะเขียนบทความด่าพวกเขา อีกอย่างเพื่อนเก่าของคุณตาลูกก็ออกมาตำหนิเหมือนกัน ไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเขาแล้ว”
“สะใจจริง ๆกับคนประเภทนี้ต้องใช้วิธีรุนแรงแบบนี้แหละ!” เหมยเหมยปรบมืออย่างสะใจ
เหยียนซินหย่ากลับไม่มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น “เจิ้งซื่อหลินกับหร่วนไฉ่หวารู้จักคนกว้างขวาง แม่ได้ยินมาว่าตอนนี้พวกเขาไปสร้างเรื่องหลอกลวงพวกคนในวงการเก็บสะสมของเก่าอีกแล้ว ทางนั้นแม่ไม่มีคนรู้จักเลยทำอะไรพวกเขาไม่ได้”
โลกสะสมของเก่า?
เหมยเหมยขมวดคิ้วแล้วกดปุ่มรีโมทไปพลางเปลี่ยนช่องแล้วช่องเล่า จู่ ๆก็มีใบหน้าอันคุ้นเคยโผล่มานั่นก็คือตาแก่จอมหลอกลวงเจิ้งซื่อหลินนั่นเอง
เจ้าตัวสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวท่าทางดูดีนั่งอยู่ตรงประจำตำแหน่งของผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำผลงานเขียนพู่กันจีนชิ้นหนึ่งเป็นตุเป็นตะ
เป็นรายการพิสูจน์ของเก่าที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มาวิพากษ์วิจารณ์ของรักของหวงที่ชาวบ้านเอามาในรายการ ซึ่งเจิ้งซื่อหลินก็คือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญ
“ก็คือรายการนี้ เจิ้งซื่อหลินถึงได้พลิกชีวิตกลับมาได้อีกครั้ง มีมหาวิทยาลัยมากมายเชิญเขาไปสัมมนา” เหยียนซินหย่าพูดเสียงหงอย
เหมยเหมยก็นึกโกรธเช่นกัน นี่มันเป็นแมลงที่ฆ่าไม่ตายจริง ๆ ต้องหาทางกำจัดเจ้าแมงหวี่สองคนนี้ให้สิ้นซากให้ได้!
……………………….
ตอนที่ 1593 รายการพิสูจน์ของเก่า
ขณะที่เหมยเหมยคิดจะจ้างคนไปตามสืบเรื่องของพวกเจิ้งซื่อหลิน เหยียนซินหย่าก็ได้รับคำเชิญจากทางรายการพิสูจน์ของเก่าบอกว่าอยากเชิญเธอไปร่วมรายการตอนหน้าซึ่งมีหัวข้อเกี่ยวกับของประเภทศิลปะการวาดรูป อีกทั้งเจิ้งซื่อหลินก็อยู่ด้วย
“แม่ ตอบรับทางช่องไปเลย ใช่ว่าแม่ไม่รู้เรื่องศิลปะวาดรูปสักหน่อยจะกลัวอะไร!”
เหยียนซินหย่าลังเลอยู่บ้างแต่เหมยเหมยกลับสนับสนุนให้เธอไป เธอเชื่อในความสามารถแม่ของตัวเองว่าต้องเก่งกว่าตาแก่สองคนนั้นแน่นอน
“ได้ แม่จะไป!” เหยียนซินหย่าตัดสินใจแล้ว
รายการพิสูจน์ของเก่าในหนึ่งสัปดาห์จะมีหนึ่งตอนที่มีการอัดรายการก่อนล่วงหน้าแล้วค่อยนำมาเปิดฉายทีหลัง ซึ่งแน่นอนว่ายามอัดรายการต้องมีผู้ชมอยู่ด้วย
เหมยเหมยก็ไปเข้าร่วมรายการในฐานะผู้ชม เธอลากฉีฉีเก๋อกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปด้วยเพื่อเป็นกำลังใจให้เหยียนซินหย่า
รายการเริ่มขึ้นแล้ว เจิ้งซื่อหลินนั่งลงที่ประจำตำแหน่ง ส่วนด้านข้างเขามีเหยียนซินหย่ารวมถึงผู้เชี่ยวชาญของแวดวงสะสมของเก่าอีกสองท่านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเจิ้งซื่อหลิน เหตุผลที่เจิ้งซื่อหลินพลิกชีวิตขึ้นมาใหม่ได้ก็ไม่พ้นคุณงามความดีจากสองคนนี้แหละ
“สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ศาสตราจารย์เหยียนหนึ่งต่อสาม เกรงว่าจะเสียเปรียบได้!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกระซิบกระซาบเสียงเบา เธอมีประสบการณ์โชกโชนที่แค่เห็นสายตาของสองคนนั้นกับเจิ้งซื่อหลินก็รู้ได้ทันทีว่าสามคนนี้มีเจตนาร้ายแอบแฝง
“แล้วจะทำยังไง? หรือว่าเราเองก็ขึ้นไปช่วย?” ฉีฉีเก๋อถลกแขนเสื้อขึ้น
“เธอไปแล้วทำอะไรได้? เธอรู้เรื่องของเก่าเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพ่นลมออกทางจมูกอย่างนึกดูถูกทีหนึ่ง ฉีฉีเก๋อพลันหมดกำลังใจในทันที
เหมยเหมยกังวลยิ่งกว่าใครจนเธอเริ่มเสียใจที่สนับสนุนให้เหยียนซินหย่ามาร่วมรายการนี้แล้ว สามต่อหนึ่ง เหยียนซินหย่าต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน ประเด็นสำคัญก็คือต้องมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของเธอ
เจิ้งซื่อหลินกับหร่วนไฉ่หวาจะต้องเอาเรื่องนี้มาสร้างข่าวลือเสีย ๆหาย ๆอย่างแน่นอน!
เหยียนซินหย่าที่อยู่บนเวทีเหมือนรู้สึกได้ถึงความกังวลใจของลูกสาวเลยส่งยิ้มให้เหมยเหมยเป็นเชิงให้เธออย่าได้กังวลไปเลย!
เหมยเหมยกลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้นและเป็นดังที่คิดเมื่อรายการเพิ่งเริ่มต้นขึ้น เจิ้งซื่อหลินกับเพื่อนชั่วช้าอีกสองคนก็พูดบี้ไล่ต้อน ซึ่งไม่ว่าจะความหมายโดยตรงหรือความหมายแอบแฝงล้วนแล้วแต่เหน็บแนมเหยียนซินหย่า บอกว่าเธอไม่รู้แต่แสร้งรู้หลอกลวงผู้คนเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตน
สิ่งที่น่าแค้นใจมากกว่านี้คือทั้งสามคนผลัดกันพูดกันคนละประโยคสองประโยคขัดพิธีกรบ่อยครั้ง ไม่ให้โอกาสเหยียนซินหย่าได้พูดเลยสักนิด
“ให้ตาย แก่แล้วยังไร้คุณธรรมอีก!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนโกรธอย่างมาก นาน ๆจะหลุดประโยคสุภาษิตออกมาสักที
เหมยเหมยเองก็โกรธมากแต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งคอยสังเกตการณ์ไปเรื่อย ๆ
ครึ่งช่วงแรกจบไปก่อนจะตัดเข้าสู่ช่วงพักเบรก ครึ่งแรงเหยียนซินหย่าไม่ได้พูดเลยสักประโยคเดียวคอยนั่งอยู่บนเวทีเหมือนท่อนไม้ที่ดูออกจะอึดอัดหน่อย ๆ เหยียนซินหย่าเองก็ไม่ถือสาอะไรได้แต่แย้มยิ้มจาง ๆ เผยให้ดูงดงามวางตัวดี
สามคนเจิ้งซื่อหลินสุมหัวหัวเราะคิกคักอย่างได้ใจ ทั้งยังชี้นิ้วตำหนิว่ากล่าวเหยียนซินหย่าเป็นพัก ๆ
“เหอะ ไม่เจียมตัวที่กล้ามาในแวดวงโบราณวัตถุ รนหาที่ตายชัด ๆ!” เจิ้งซื่อหลินทำสีหน้าเย็นยะเยือกและนึกเกลียดเหยียนซินหย่าฝังเข้ากระดูก
“พี่เจิ้งสบายใจได้ แวดวงศิลปะเราอาจช่วยอะไรไม่ได้แต่ในแวดวงของโบราณวัตถุ ผู้หญิงคนนี้ต้องคอยฟังคำสั่งเราอย่างเดียว!”
สามคนยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างไม่คิดที่จะปกปิดจนเหมยเหมยที่มองอยู่ควันออกหู
“หืม ตาแก่นั่นรู้จักเจ้าหมอนั่นด้วยเหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพึมพำเองด้วยความสงสัย
เหมยเหมยหันมองไปยังทิศทางสายตาของเธอเลยพบว่าพวกเจิ้งซื่อหลินกำลังพูดคุยกับชายวัยกลางคนที่หน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์คนหนึ่งอย่างออกรส ดูท่าทางสนิทกันไม่น้อย
“ผู้ชายคนนั้นคือใคร? เชี่ยนเชี่ยนเธอรู้จักเหรอ?” เหมยเหมยถามอย่างฉงน
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า “คนคนนั้นสกุลจ้าว ทุกคนเรียกกันจ้าวซานเอ๋อร์ อย่าเห็นว่าเขาหน้าตาดีแบบนี้นะความจริงก็เป็นพวกชอบโกหกหลอกลวงเหมือนกัน ไม่ใช่คนดีอะไร”
เหมยเหมยใจหล่นวูบ เจิ้งซื่อหลินกำลังคุยอะไรกับจ้าวซานเอ๋อร์คนนี้อยู่นะ?
ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ!
เธอตบกระเป๋ากทีก่อนที่ฉิวฉิวจะไต่ขึ้นบนเพดานอย่างว่องไวแล้วแอบฟังอย่างเปิดเผย ไม่นานเขาก็กลับมาพูดเสียงเจื้อยแจ้วยกใหญ่จนทำให้เหมยเหมยหน้านิ่งขรึม
ชั่วช้าเข้ากระดูกจริง ๆ ไม่ว่าจะไปไหนก็ทำแต่เรื่องเลว ๆ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น