เทพปีศาจหวนคืน 1580-1587

 เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1580 อนุญาตให้ยอมจํานน


 


ช่วงเวลาที่จักรพรรดินีอสูรสายฟ้ากลับสู่สนามรบการแสดงออกของทั้งสองฝ่ายเปลี่ยนแปลง


 


ผู้อมตะวังสวรรค์มีความสุขมากขณะที่ฝายของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งขรึม


 


ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างเท่าเทียมแต่การเพิ่มขึ้นของพลังการต่อสู้ระดับแปดทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


 


แต่รายงานของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้ากลับทําให้สายตาของเทพธิดาอเว่ยกลายเป็นมืดมน “กระไรนะ!? ท่านไม่พบวิญญาณสติปัญญาเช่นนั้นหรือ?”


 


วิญญาณสติปัญญาเคยเป็นของเทพอมตะกลุ่มดาวมาก่อน วิธีการปรับแต่งมันถูกบันทึกไว้ในมรดกที่แท้จริงของนาง นั่นทําให้เทพธิดาอเว่ยได้รับข้อมูลนี้ แต่เทพธิดาอเว่ยไม่รู้ว่าวิญญาณสติปัญญามีนิสัยชอบอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลและถูกย้ายออกไปแล้ว


 


“วิญญาณสติปัญญาดุร้ายมาก พวกเขาปรับแต่งมันหรือทําลายมัน เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขามีวิธีต่อต้านแสงแห่งปัญญาและย้ายที่อยู่ของมัน?”


 


ความคิดมากมายพุ่งผ่านจิตใจของเทพธิดาจื่อเว่ยอย่างรวดเร็ว


 


นางมองไปยังยักษ์สวรรค์กับฟางหยวนและตะโกน “มอบวิญญาณสติปัญญามา แล้วข้าจะอนุญาตให้พวกเจ้ายอมจํานน!”


 


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุผลหลักในการบุกโจมตีของวังสวรรค์คือวิญญาณสติปัญญาระ ดับเก้าสําหรับฟางหยวน เขาเป็นเหตุผลรองเท่านั้น


 


วิญญาณอมตะทุกดวงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นของตัวเองและยากที่จะปรับแต่ง วิญญาณอมตะระดับเก้าคือจุดสูงสุดของปิรามิดในปัจจุบัน สําหรับวิญญาณระดับสิบ มันเป็นเพียงตํานานเท่านั้น


 


วิญญาณสติปัญญาระดับเก้ามีความสําคัญมากเกินไปสําหรับการเติบโตของวังสวรรค์ มันถือเป็นอันดับสองรองจากวิญญาณชะตากรรม โดยยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด หากเทพธิดาจื่อเว่ยได้รับ มัน นางจะใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวปรับแต่งมั่นและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของโลกใบนี้ นางจะเข้าใจความลึกซึ้งของจักรวาล นางจะยืนอยู่บนจุดที่สูงที่สุดบุคคลที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองรองจากนางจะถูกทิ้งไว้ไกลมาก นางจะมีความสามารถในการอนุมานที่คาดไม่ถึง


 


กระทั่งฟางหยวนจะมีราชันภูตหรือท่าไม้ตายอมตะระดับแปดใดๆเขาก็ไม่สามารถปิดกั้นการอนุมานของเทพธิดาจอเว่ย มีเพียงท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้


 


แต่ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้ามีกี่ท่า? อย่างน้อยในมรดกที่แท้จริงของฟางหยวน นิกายหลางหยาหรือนิกายเงาก็ไม่มีบันทึกดังกล่าว


 


“ยอมจํานนงั้นหรือ?” ร่างของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสั่นสะท้านขึ้น


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนด้วยความโกรธ “เลียตูดข้าเถอะ! แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะมีเพียงมนุษย์ขนที่ตายในสนามรบ เราจะไม่คุกเข่าเป็นทาส!”


 


ฟางหยวนกล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ข้าเป็นปีศาจต่างโลก เพื่อให้ได้รับวิญญาณสติปัญญาวังสวรรค์ของเจ้าจะไว้ชีวิตข้างั้นหรือ?”


 


เทพธิดาจอเว่ยเผยรอยยิ้มเย่อหยิ่ง “เจ้าเป็นปีศาจต่างโลกแล้วอย่างไร? บรรพชนของเรารู้เรื่องปีศาจต่างโลกมานานแล้ว เรากระทั่งเคยรับพวกเขาเข้าร่วมมาก่อน จ้าวเหลียนหยุนเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด”


 


“ฟางหยวน วังสวรรค์มีความเมตตาและเปิดรับมากกว่าที่เจ้าคิด แม้เจ้าจะเป็นปีศาจต่างโลกที่ครอบครองมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงและเทพปีศาจจิตวิญญาณ ตราบเท่าที่เจ้าผลัดใบและบริจาคมติช่องว่างของเจ้าให้วังสวรรค์ เจ้าจะกลายเป็นหนึ่งในพวกเราตามกฏของวัง สวรรค์ เราจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างเท่าเทียม!”


 


แม้จะได้ยินถ้อยคําเหล่านี้ แต่การแสดงออกของฟางหยวนก็ไม่เปลี่ยน เขายังเผยรอยยิ้มเย็นชาแต่เฉินอี้มีการแสดงออกที่ซับซ้อน ปรากฎความสงสัยและความอิจฉาอยู่ในสายตาของเขา


 


เฉินอี้เพื่อสิ่งที่เทพธิดาจ๋อเว่ยกล่าว เพราะกฏของวังสวรรค์เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าคนผู้หนึ่งจะเคยเป็นผู้ใดมาก่อนในอดีต หลังจากเข้าร่วมกับวังสวรรค์และเลิกใช้มิติช่องว่างของตนเองคนผู้นั้น จะกลายเป็นสมาชิกของวังสวรรค์และจะไม่มีการแบกแยกหรือได้รับการปฏิบัติที่แตกต่าง


 


“แต่มันยากมากที่จะเข้าเป็นสมาชิกของวังสวรรค์ ข้า เฉินอี้ ทํางานหนักมาทั้งชีวิต แต่ข้าสามารถเข้าสู่วังสวรรค์เพียงเพราะความจริงที่ว่าข้าได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ฟางหยวนฟังบ่มเพาะมาเพียงกี่ปี? เขาฆ่าคนและสร้างหายนะไปทั่ว แต่หากเขากลับใจตอนนี้ เขาจะกลายเป็นสมาชิกฝ่ายธรรมะของวังสวรรค์!


 


เฉินอี้รู้สึกถึงความอยุติธรรมอย่างรุนแรงเขากระทั่งรู้สึกคับข้องใจ


 


แต่การแสดงออกของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากวังสวรรค์เคยเชิญบางคนที่เลวร้ายยิ่งกว่าฟางหยวนให้เข้าร่วมมาแล้ว


 


คนผู้นั้นก็คือเทพปีศาจจิตวิญญาณ!


 


ก่อนที่เทพปีศาจจิตวิญญาณจะก้าวเข้าสู่ระดับเก้า วังสวรรค์พยายามเชิญชวนเขาหลายครั้ง กระทั่งเขากลายเป็นเทพปีศาจที่แท้จริง วังสวรรค์ก็ยังพยายามโน้มน้าวเขา


 


“วังสวรรค์เป็นผู้ปกครองมนุษยชาติ! ฟางหยวน เจ้ามีความสามารถมาก เจ้าสามารถท่องเที่ยวไปอย่างอิสระในฐานะผู้อมตะระดับเจ็ดและหลบหนีจากการไล่ล่าของวังสวรรค์มาเป็นเวลา นานนั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมกับพวกเรา ข้าสาบานด้วยชีวิตของข้าหลังจากเข้าสู่วังสวรรค์ ไม่เพียงเจ้าจะสามารถรักษาชีวิต แต่เจ้าจะสามารถบ่มเพาะและยังสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระต่อไป” จักรพรรดินีอสูรสายฟ้ากล่าว


 


“ท่านฟางหยวน…” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมองฟางหยวนด้วยความกังวล


 


กระทั่งผมที่หกก็เช่นกัน


 


ฟางหยวนหัวเราะอย่างเต็มที่ “เพื่อให้ได้รับวิญญาณสติปัญญา พวกเจ้ายินดีปล่อยข้าไปและ เชิญข้าเข้าร่วมนี่แสดงให้เห็นว่าวิญญาณสติปัญญาระดับเก้ามีความสําคัญกับพวกเจ้ามากเพียงใด! หากวันนี้พวกเจ้าไม่ปล่อยพวกเราไปวันนี้ ข้าจะทําลายวิญญาณสติปัญญาต่อหน้าทุกคน ความพยายามของพวกเจ้าจะกลายเป็นสูญเปล่า! ฮ่าฮ่าฮ่า”


 


“อืม ไม่สามารถแก้ไขได้จริงๆ! คนเช่นเจ้าจะเป็นภัยคุกคามต่อฝ่ายธรรมะของเราได้อย่าง ไร? เมื่อเจ้าต้องการตายข้าก็จะทําตามความปรารถนาของเจ้า!” จักรพรรดินอสูรสายฟ้าพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความโกรธ


 


“บีม บีม บีม”


 


ฟางหยวนต่อสู้กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าอย่างดุเดือด


 


“โอ้ นั่นหมายความว่าวิญญาณสติปัญญาอยู่กับเจ้างั้นหรือ?” ดวงตาของเทพธิดาจือเว่ยส่องประกายขึ้นและเริ่มโจมตีฟางหยวนเช่นกัน


 


ด้วยความร่วมมือระหว่างเทพธิดาจอเว่ยและจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า ฟางหยวนแทบจะไม่สามารถตอบโต้


 


เขาถ่ายทอดเสียงไปยังจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง นี่เป็นเหตุฉุกเฉิน หากท่านมีวิธีการใดเหลืออยู่ ใช้มันออกมาตอนนี้ มิฉะนั้นจะไม่มีเวลาแม้แต่จะเสียใจ!”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนตอบ “เช่นนั้นข้าจะแสดงพลังอํานาจที่แท้จริงของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาให้เป็นที่ประจักษ์!”


 


หลังกล่าวจบคํา ฟองอากาศจํานวนนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมาจากพื้นผิวมหาสมุทรทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา มันดูราวกับมหาสมุทรกําลังเดือดพล่าน


 


ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจํานวนนับไม่ถ้วนส่อง ประกายขึ้นไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะหรือมนุษย์ธรรมดา พวกเขาสามารถมองเห็นแสงเหล่านี้ได้ด้วยตาเปล่า


 


กลิ่นอายของท่าไม้ตายอมตะระเบิดออกมาและอาละวาดไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไม่มีผู้อมตะจากวงสวรรค์คนใดสามารถหลบหนีจากสิ่งนี้


 


“มันคือสิ่งใด?” การแสดงออกของเฉินอี้และคนอื่นๆเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาถูกบังคับให้ปกป้องตนเองด้วยทุกสิ่ง


 


ท่าไม้ตายลึกลับทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ กระทั่งฟางหยวนยังถูกโจมตีและเกิดระลอกคลื่นมากมายขึ้นบนเกราะหวนคืน


 


“เร็วเข้า เข้ามา!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาบังคับยักษ์สวรรค์พุ่งเข้าไปหาฟางหยวน


 


ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการเข้าไปในค่ายกลวิญญาณสายการต่อสู้โบราณยักษ์สวรรค์ในที่สุด


 


“มันคือสิ่งใด?” ความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางหยวน


 


ท่าไม้ตายอมตะของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทรงพลังมาก กระทั่งผู้อมตะของวังสวรรค์ยังไม่สามารถทําสิ่งใด


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเผยรอยยิ้มขมขึ้น “นี่คือผลประโยชน์ที่ร่างหลักของข้าได้รับหลังจากสังหารผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งวารีที่ยิ่งใหญ่ในอดีต มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่แข็งแกร่งที่สุด หลอมรวมสมหาสมุทร! ท่าไม้ตายนี้พึ่งพานําทะลเว้นเพียง พวกเราจะหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด มิฉะนั้นพวกเราจะไม่ใช้งานมันแต่ตอนนี้เราไม่มี ทางเลือก อย่างไรก็ตามมันสามารถใช้ได้เพียงไม่กี่สิบลมหายใจเท่านั้น”


 


ฟางหยวนสังเกตและพบว่าระดับน้ําทะเลค่อยๆลดลง


 


ฟางหยวนเข้าใจบางสิ่ง “ดังนั้นภูมิประเทศของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก็ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ทั้งสามทวีปลอยอยู่บนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ แต่น้ําทะเลเหล่านี้กลับไม่เรียบง่ายเดังที่เห็น ในความเป็นจริงมันเป็นรากฐานอันล้ําลึกของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามันคือสมบัติ ล้ําค่าที่แท้จริง”


 


ฟางหยวนมองผู้อมตะวังสวรรค์และถอนหายใจ น่าเสียดายที่ท่าไม้ตายนี้ไม่สามารถแยกแยะมิตรกับศัตรูมิฉะนั้นหากเราสามารถโจมตีพวกเขาในเวลานี้ เราจะได้เปรียบ!”


 


แท้จริงแล้วมหาสมุทรทั้งหมดมีค่ายกลวิญญาณอมตะจัดตั้งอยู่ มันเป็นสิ่งที่ดึงพลังของท่าไม้ตายอมตะนี้ออกมา


 


แน่นอนว่าค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากค่ายกลวิญญาณอมตะของบรรพชนผมยาวที่ใช้ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนให้กับฟางหยวน


 


อย่างไรก็ตามในสถานการณ์คับขัน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้ท่าไม้ตายนี้อย่างเต็มกําลังเพื่อต่อต้านศัตรูที่แข็งแกร่ง


 


แต่ด้วยวิธีนี้ ค่ายกลวิญญาณอมตะที่ฟางหยวนจัดตั้งไว้จะถูกโจมตีไปพร้อมกัน โชคดีที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเตรียมพร้อมสําหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว เขาสามารถนําวิญญาณอมตะรวมถึงผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ออกมาจากค่ายกลวิญญาณอมตะได้อย่างรวดเร็ว


 


“เราจะทําอย่างไรต่อไป?” ฟางหยวนถามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


เขารู้สึกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยายังมีไพ่ตายใบอื่นซ่อนอยู่


 


และการต่อสู้ครั้งนี้จะถูกตัดสินด้วยไพ่ตายใบนี้!


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1581 ความตายของจักรพรรดินี


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกปวดใจ


 


เมื่อเขามองระดับน้ําทะเลที่ลดลง คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นและรู้สึกถึงความสูญเสียครั้งใหญ่


 


น้ําทะเลอาจดูธรรมดาแต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ บรรพชนผมยาวทุ่มเทความพยายามอย่างมาก เพื่อสร้างมันขึ้นมาในช่วงหลายปีสุดท้ายของชีวิตหากปริมาณน้ําทะเลมีมากพอ เขาจะสามารถใช้วิธีพิเศษเพื่อเปลี่ยนมันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ!


 


เพื่อเป้าหมายนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจึงถูกวางไว้ที่ทะเลสาบจันทร์เสี้ยวมาอย่างยาวนานโดยพึ่งพาสภาพแวดล้อมและท่าไม้ตายเปลี่ยนภัยพิบัติให้เป็นภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งวารีเพื่อเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


แต่ตอนนี้เพื่อต่อต้านศัตรูที่แข็งแกร่ง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องใช้การสะสมทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาหลังการต่อสู้ครั้งนี้มันจะหมดลงอย่างแน่นอน


 


“อ๊าก!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคํารามและใช้ยักษ์สวรรค์โจมตีผู้อมตะวังสวรรค์ด้วยท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลัง


 


การโจมตีครั้งนี้รุนแรงมาก กระทั่งผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ก็ยังไม่สามารถตอบโต้ เกราะของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าถูกทําลายเกือบทั้งหมด ขณะที่เฉินอี้กับเทพธิดาอเว่ยกระอักเลือดคําโตออกมา สําหรับฟงจิวเก้อ สถานการณ์ของเขายิ่งเลวร้ายกว่า ใบหน้าของเขาซีตราวกับกระดาษขณะที่เขากัดฟันรับมือด้วยเกราะโชคชะตา


 


หลอมรวมสี่มหาสมุทรเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่ใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาที่บรรพชนผมยาวสะสมมาตลอดชีวิต


 


เมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาใช้ท่าไม้ตายนี้ในการโจมตี มันจะมีพลังทําลายล้างระดับแปด


 


สําหรับยักษ์สวรรค์ มันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเนื่องจากมันเป็นค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ ตอนนี้เมื่อมันถูกใช้งานโดยผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ยักษ์สวรรค์จึงถือเป็นการคงอยู่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและไม่ได้รับผลกระทบจากท่าไม้ตายดังกล่าว


 


นี่เป็นสาเหตุที่ฟางหยวนและผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อีกสามเผ่าพันธุ์ไม่สามารถเข้าร่วม


 


หากพวกเขาเคลื่อนไหว พวกเขาจะถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะหลอมรวมสี่มหาสมุทรเช่นกัน


 


“ฆ่าพวกมันให้หมด!”


 


“รากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาลึกเกินหยั่งถึงจริงๆ”


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสามเผ่าพันธุ์อ้าปากค้าง แต่ฟางหยวนกลับขมวดคิ้วลึก เขากล่าวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง แม้การโจมตีนี้จะทรงพลัง มันก็ยังไม่สามารถตัดสินชัยชนะ เรามีเวลาจํากัด หากท่าไมใช้วิธีที่เหลืออยู่”


 


“ข้ารู้แล้ว หุบปาก!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคําราม


 


ดวงตาของเขากลายเป็นแดงก่ํา เขากัดฟันแน่นและแสดงออกด้วยความดุร้าย หัวใจของเขา เต็มไปด้วยควมกังวลบนพื้นผิว พวกเขาอาจมีข้อได้เปรียบ แต่สี่ผู้อมตะวังสวรรค์จะไม่ตายเพราะ สิ่งนี้พวกเขาเหมือนก้อนหินที่อยู่ริมทะเล ไม่ว่าคลื่นจะซัดสาดเข้าหาพวกมันรุนแรงเพียงใด พวกมันก็ยังนิ่งเฉย


 


หลังจากผ่านไปหลายสิบลมหายใจแม้ยักษ์สวรรค์จะระเบิดพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา แต่สี่ผู้อม ตะวังสวรรค์ก็ยังมีชีวิตอยู่ในทางตรงข้ามน้ําทะเลในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยากลับแห้งเหือดไปแล้วมันไม่เหลือน้ําแม้แต่หยดเดียว!


 


“ถึงเวลาโต้กลับแล้ว!” จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าสูดหายใจลึก การแสดงออกของนางกลายเป็นน่ากลัว


 


“สมกับเป็นมรดกของบรรพชนผมยาว” เฉินอี้ถอนหายใจขณะรักษาอาการบาดเจ็บของตนอย่างรวดเร็ว


 


ผู้อมตะของวังสวรรค์ต่างมีรากฐานที่แข็งแกร่ง แม้จะถูกโจมตีอย่างหนัก แต่พวกเขากลับได้รับความเสียหายไม่มาก


 


“พวกเจ้าบังคับข้า!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้อง “เข้ามาหากพวกเจ้าต้องการตาย!”


 


ท่าไม้ตายอมตะหลอมรวมสี่มหาสมุทรไม่สามารถเอาชนะศัตรู แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังมีไพ่ตายใบอื่น


 


“เปรี้ยง!”


 


เสียงสายฟ้าดังขึ้นพร้อมกับสายฟ้าสีแดงที่แลบลั่นขึ้นทั่วทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


“นี่คือ!?” การแสดงออกของสี่ผู้อมตะวังสวรรค์เปลี่ยนไปทันที ไม่ว่าจะเป็นเทพธิดาอเว่ยจอมวางแผน จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าที่ทรงพลัง เฉินอี้ผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ หรือฟงจิวเก้อที่มีพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ทั้งสี่ต่างสูญเสียความสงบไปในเวลานี้


 


ฟางหยวนมึนงง ความทรงจําบางอย่างพุ่งเข้าสู่สมองของเขาอย่างรวดเร็ยว “ขโมยชีวิต?”


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาไม่รู้จักไพ่ใบนี้


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองฟางหยวนด้วยความประหลาดใจ “ถูกต้อง นี่คือวิญญาณอมตะขโมยชีวิตระดับแปดของเทพปีศาจปล้นสวรรค์! เจ้ารู้จักมั่นงั้นหรือ?”


 


ฟางหยวนตกตะลึง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีวิญญาณอมตะขโมยชีวิตระดับแปดอยู่ในมือ


 


ฟางหยวนรู้เรื่องวิญญาณอมตะขโมยชีวิตมาจากอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ แต่ผู้ใดจะคิดว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์จะทิ้งวิญญาณอมตะดวงนี้ไว้กับบรรพชนผมยาว


 


ป้องกัน!


 


สี่ผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์พยามยามป้องกันตัวเอง


 


ตอนนี้พวกเขารู้สึกประหม่ามาก


 


เพราะพวกเขาสามารถบอกได้เช่นกันว่านี่คือพลังอํานาจของวิญญาณอมตะขโมยชีวิต


 


ทันใดนั้นแสงสีแดงก็ควบแน่นและกลายเป็นลูกศรแสงจํานวนนับไม่ถ้วนยิงออกไปทุกหนทุกแห่งก่อนที่มันจะย้อนกลับไปราวกับเวลาเดินถเอยหลัง


 


แสงสีแดงขโมยอายุขัยของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด


 


ฟงจิวเก้อเปลี่ยนจากหนุ่มรูปงามกลายเป็นชายชราที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นทันที


 


เทพธิดาอเว่ยฟนเลือดคําโตออกมาจากปากและปรากฏรอยเหี่ยวย่นขึ้นบนใบหน้าของนางเช่นกัน


 


แต่เฉินอี้น่าสงสารกว่า เส้นผมทั้งหมดของเขาปลิวไปตามสายลม


 


จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าที่เคยอยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กสาวกลายเป็นหญิงชราไปอย่างสมบูรณ์ ผมของนางเปลี่ยนเป็นสีขาว ดวงตาพร่ามัว นางอ้าปากค้างด้วยความอ่อนแรงและแทบไม่เหลือฟันอยู่ในปากของนาง ขณะเดียวกันนางก็พยายามหายใจอย่างอยากลําบาก


 


“ดี!” เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฟางหยวนจึงสามารถเผยรอยยิ้ม


 


ผู้อมตะของวังสวรรค์ทรงพลังมาก แต่ส่วนใหญ่พวกเขาจะจําศีลอยู่ในสุสานอมตะ เว้นเพียงพวกเขาจะไม่มีทางเลือก พวกเขาจึงจะตื่นขึ้น เนื่องจากอายุขัยที่มีอยู่อย่างจํากัดพวกเขาจึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานนัก


 


และตอนนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตที่เป็นการโจมตีจุดอ่อนของพวกเขาโดยตรง ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก


 


อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาใช้เพียงวิญญาณอมตะขโมยชีวิตเท่านั้น มันไม่ใช่ท่าไม้ตายอมตะและไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ผู้อมตะวังสวรรค์จะใช้วิธีการลับของพวกเขาอย่างเร่งด่วน


 


“การโจมตีของวิญญาณอมตะขโมยชีวิตไม่แยกแยะมิตรหรือศัตรู แม้ยักษ์สวรรค์จะไม่เป็นไร แต่ผู้อมตะของเราก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน” ฟางหยวนมองดูเส้นผมสีขาวและรอยเหี่ยวย่นบนร่างกายของตนเอง


 


แต่นั่นไม่ใช่ปัญญา เขามีวิญญาณอายุยืนสี่พันปี เขาสามารถใช้วิญญาณอายุยืนไม่กี่ร้อยปีเพื่อกลับสู่วัยหนุ่มอีกครั้ง


 


สําหรับผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ เดิมที่พวกเขาก็มีอายุขัยยืนยาวกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่แล้วแม้จะไม่ใช้วิญญาณอายุยืน พวกเขาก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้


 


นี่เป็นเหตุผลที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเก็บวิญญาณอมตะขโมยชีวิตมาจนถึงตอนนี้


 


“แม้ผู้อมตะวังสวรรค์จะแข็งแกร่ง แล้วอย่างไร? เราสามารถแข่งขันกับพวกเขาด้านอายุขัย! ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งโปรดใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตอีกครั้ง!” ดวงตาของฟางหยวนกลายเป็นโหดเหี้ยมขณะกระตุ้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเผยรอยยิ้มขมขึ้น “ในอดีตเทพปีศาจปล้นสวรรค์เกรงว่า วิญญาณอมตะขโมยชีวิตจะสร้างความโกลาหลให้กับโลกนี้ แม้เขาจะมอบมันให้กับร่างหลักของข้าแต่เขายังตั้งค่าให้มันสามารถใช้งานได้เพียงสามครั้งเท่านั้นก่อนที่มันจะระเบิดตัวเอง”


 


“กระไรนะ!? เทพปีศาจปล้นสวรรค์เป็นคนดีงั้นหรือ?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ต่างรู้สึกประหลาดใจ


 


สําหรับฟางหยวน เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เขาก็เข้าใจเหตุผลทั้งหมด


 


“ผู้ใดจะสนว่ามันใช้ได้กี่ครั้ง แต่เราควรใช้เมื่อต้องใช้มัน!” ฟางหยวนกระตุ้นอีกครั้ง


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพยักหน้าและใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตอีกครั้ง


 


ศรแสงสีแดงพุ่งออกมาก่อนจะย้อนกลับไปอีกหน


 


“อา…” จักรพรรรดินีอสูรสายฟ้าถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ําเสียงที่อ่อนแรง “ผู้ใดจะคิดว่าข้าจึงหลาน…จะตายอยู่ที่นี่…”


 


นางพยายามลืมตาแต่นางอ่อนแอเกินไปและต้องปิดเปลือกตาลงในที่สุด


 


จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจิ้งหลานเสียชีวิตด้วยความชรา


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1582 ถึงเวลาถอนตัว


 


“ผู้อาวุโสจิ้งหลาน!” เทพธิดาจื่อเว่ยกรีดร้องออกมาด้วยความโศกเศร้า


 


เฉินอี้และฟงจิวเก้อแสดงออกด้วยความเสียใจความเกลียดชังความโกรธและอีกหลากหลายอารมณ์


 


“ไม่ใช่ว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์กังวลว่าวิญญาณอมตะขโมยชีวิตจะสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ดังนั้นเขาจึงทําลายมันรวมถึงเคล็ดลับการหลอมรวมมันไปแล้วนั้นหรือ?” เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้ว


 


เห็นได้ชัดว่านี่เป็นข้อมูลเท็จแต่วังสวรรค์คิดว่มันเป็นเรื่องจริง


 


หากเทพธิดาจื่อเว่ยต้องการทราบรายละเอียดนางต้องสอบปากคําจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเท่านั้น


 


ในอดีตเทพปีศาจปล้นสวรรค์ขอให้บรรพชนผมยาวช่วยหลอมรวมวิญญาณอมตะให้เขาไม่ว่าพวกเขาจะทําธุรกรรมส่วนตัวอย่างไรหรือปล่อยข้อมูลออกมาเพื่อหลอกลวงวังสวรรค์อย่างไรทุกอย่างก็มีเพียงคนทั้งสองเท่านั้นที่รู้


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะอย่างเต็มที่ “พวกเจ้าคิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาสามารถรังแกได้โดยง่ายงั้นหรือ? ครั้งนี้พวกเจ้าต้องตายทั้งหมด!”


 


“ระวัง!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนตะโกนเดือน


 


“อันใด!?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอ้าปากค้าง


 


แม้จึงหลานจะเสียชีวิตแต่หัวใจของนางยังปลดปล่อยสายฟ้าออกมาในไม่ช้าร่างกายที่แก่ชราของนางก็สูญสลายไปเพราะพลังงานสายฟ้าที่ปะทุออกมาจากหัวใจของนาง


 


มันปลดปล่อยกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ที่สามารถสั่นคลอนสวรรค์พิภพออกมา


 


“นางยังไม่ตายอีกงั้นหรือ?”


 


“ไม่ดีแล้ว!”


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อ้าปากค้างด้วยความกลัวและตกใจ


 


ฟางหยวนแสดงออกอย่างเคร่งขรึม เขากล่าว “จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเสียชีวิตไปแล้ว แต่เก ราะสีดําของนางคล้ายเจตจํานงสิ่งสําคัญที่สุดคือหัวใจของนางดูเหมือนจะเป็นไพ่ตายสุดท้ายที่ นางทิ้งไว้ มันมีพลังมหาศาล เราต้องระวังมัน!”


 


ทันใดนั้นเกราะสีดําของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าก็ระเบิดและส่งดาวตกสายฟ้าพุ่งเข้าโจมตียักษ์ สวรรค์


 


รวดเร็วมาก!


 


แม้ฟางหยวนจะกล่าวเตือนไปแล้ว แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลาพวกเขาไม่สามารถหลบเลี่ยงหรือใช้ท่าไม้ตายใดๆ


 


เพราะมันเร็วเกินไป!


 


จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนไหวมากที่สุด พลังทําลายล้างของนางอยู่ใน ระดับมาตรฐานของระดับแปดแต่ความเร็วของนางอยู่บนจุดสูงสุดของระดับแปด


 


อย่างไรก็ตามดาวตกสายฟ้ากลับพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าจุดสูงสุดของระดับ แปด มันเทียบเท่ากับระดับเก้า!


 


ยักษ์สวรรค์ไม่สามารถหลบการโจมตีนี้


 


“เราจะถอนตัว!” เปลือกตาของเทพธิดาอเว่ยกระตุกนางต้องการหลบหนีแต่มันสายเกินไป


 


“บึม!”


 


เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง


 


สายฟ้าระเบิดออกไปทุกหนทุกแห่ง


 


โลกกลายเป็นสีขาว แสงสว่างทําให้สายตาของทุกคนพร่ามัวผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าถึงกับหลั่งน้ําตาก่อนจะกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น มันทําให้พวกเขาตาบอดด้วยการชําเลืองมองเพียงครั้งเดียว!


 


เมื่อแสงจางหายคลื่นกระแทกก็ระเบิดออกไปทุกทิศทาง


 


กระทั่งกลุ่มของเทพธิดาจื่อเว่ยยังถูกผลักออกไป พวกนางไม่สามารถช่วยเหลือตนเองพวกนางเหมือนแพที่ลอยอยู่ท่ามกลางคลื่นยักษ์


 


ทวีปเมฆาทั้งหมดถูกเป่าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


 


แดนศักดิ์สิทธ์หลางหยาเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เดิมทีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมยังส่องแสงอยู่อย่างหนาแน่น แต่ตอนนี้ภายใต้แรงระเบิดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมในบริเวณที่เกิดการระเบิดถูกทําลายเกือบทั้งหมด


 


พื้นที่ใจกลางของการระเบิดกลายเป็นความว่างเปล่า มีเพียงผู้อมตะไม่กี่คนที่ยังเหลือรอด


 


“แค่ก แค่ก” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ระดับเจ็ดทั้งหมดกระอักเลือดและตกอยู่ในสภาพที่ น่าสมเพช


 


ร่างของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นโปร่งแสง เขาเกือบเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ


 


มีเพียงฟางหยวนที่ไม่ได้รับอันตราย แต่การแสดงออกของเขายังมืดมนมาก เกราะหวนคืนใกล้ถึงขีดจํากัดแล้วแม่น้ําหวนคืนที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเหลือมวลน้ําเพียงสิบส่วนหลังจากการโจมตีครั้งนี้


 


“สมบกับเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ครั้งหนึ่งเคยต่อต้านเทพปีศาจจิตวิญญาณ! แม้ตาย นางก็ยังสามารถตอบโต้ได้ในระดับนี้”


 


ท่าไม้ตายนี้เป็นการกระตุ้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งสายฟ้าที่นางเก็บไว้ในหัวใจให้เกิดการระเบิดในครั้งเดียวพลังทําลายล้างของมันจึงน่าสะพรึงกลัวมาก


 


“หลังจากการระเบิด ไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งสายฟ้าเหลืออยู่นี่แสดงให้เห็นว่าความสําเร็จบนเส้นทางแห่งสายฟ้าของนางต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์เอก!”


 


ความคิดมากมายปะทุขึ้นในใจของฟางหยวน


 


แม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่การสูญเสียของเขาก็รุนแรงมาก


 


ยักษ์สวรรค์พังทลายลงจากการระเบิดขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ครึ่งหนึ่งเสียชีวิตศพของพวกเขาถูกทําลายกระทั่งดวงวิญญาณยังแตกสลาย มีเพียงมิติช่องว่างของพวกเขาเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง


 


ผู้อมตะที่รอดชีวิตต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนแสดงออกด้วยความตกใจ บางคนไร้อารมณ์ บางคนกลายเป็นผืนงง


 


การระเบิดครั้งสุดท้ายของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ต่อพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมด


 


“ปกป้องจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา! เรายังมีวิญญาณอมตะขโมยชีวิต เรายังสู้ได้!” ฟางหยวนตะโกน ขณะเดียวกันเขาก็บินไปอยู่ด้านหน้าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อปกป้องฝ่ายหลังในช่วงเวลาสําคัญฟางหยวนต้องเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์


 


“ถูกต้อง เรายังมีวิญญาณอมตะขโมยชีวิต!” ตอนนี้เป็นช่วงเวลาอันตราย จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้ว่าเขาไม่สามารถแสดงความโกรธหรือเสียใจออกมาในเวลานี้


 


“ลงมือเร็ว!” เทพธิดาจอเว่ยและเฉินอี้รีบเคลื่อนไหว


 


เมื่อเห็นวิญญาณอมตะขโมยชีวิตกําลังจะถูกใช้งานอีกครั้ง แล้วพวกเขาจะไม่กังวลได้อย่างไร?


 


ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม!


 


ร่างของเฉินอี้สั่นสะท้านขึ้นก่อนที่ควันสีเขียวจะก่อตัวเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่


 


ในเวลาเดียวกันเทพธิดาอเว่ยก็โจมตีอย่างดุเดือด


 


ท่าไม้ตายอมตะความตายจากความโศกเศร้า!


 


นางใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของนางออกมาโดยตรง ความรู้สึกโศกเศร้ากระจายออกไปโดยปราศจากรูปลักษณ์และทําให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ปกป้องจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา อยู่เริ่มชักกระตุก พวกเขายกมือขึ้นกุมหัวใจของตนเองเอาไว้ก่อนที่พวกเขาจะล้มลงเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุอย่างลึกลับ


 


“ผมที่หก!” ฟางหยวนกรีดร้อง การโจมตีของเทพธิดาจื่อเว่ยไม่สามารถป้อง กันได้ ผมที่หกแทบจะไม่สามารถรักษาชีวิตจากการระเบิดครั้งก่อนหน้าเขาอยู่ในสภาพปาน ตายดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของเทพธิดาจอเว่ยอีกครั้งเขาจึงไม่สามารถอดทนและเสียชี วิตในที่สุด


 


การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป แม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แม่น้ําหวนคืนก็สูญเสียมวลน้ําไปอีกมาก นี่แสดงให้เห็นว่าท่าไม้ตายของเทพธิดาจ๋อเว่ยไม่ด้อยกว่าการระเบิดครั้งสุดท้ายของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า!


 


“ไม่! ช่วยข้าด้วย!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคว้าแขนของฟางหยวนขณะที่เขาใช้ท่าไม้ตายสายป้องกันต่อต้านการโจมตีของเทพธิดาจื่อเว่ย


 


ฟางหยวนมองจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาด้วยความขมขึ้น


 


เนื่องจากเกราะหวนคืนสามารถปกป้องตัวเขาเองเท่านั้น มันไม่สามารถปกป้องจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


“ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง ท่านไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตได้ในสถานการณ์นี้วิที่เดียวในตอนนี้คือย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเข้ามาในมิติช่องว่างของข้านั่นคือทางเดียวที่เหลืออยู่!” ฟางหยวนกระตุ้นด้วยการแสดงออกที่จริงจัง


 


แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธ เขามองฟางหยวนด้วยความโกรธ “ไม่ วิธีนี้ทํา ไม่ได้! ข้ายังสู้ไหว!”


 


“บึม!”


 


อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลับถึงขีดจํากัดในเวลานี้ ท่าไม้ตายสายป้องกันของเขาถูกทําลาย ร่างกายของเขาระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


 


เขาตายแล้ว!


 


“ฆ่าเขา!” เทพธิดาอเว่ยรู้สึกผ่อนคลายลงและเกือบหมดสติทันที


 


ท่าไม้ตายอมตะความตายจากความโศกเศร้าจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานเช่นกัน นั่นทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกขมขื่นอยู่ในหัวใจหลังจากใช้มันครั้งนี้นางต้องพักฟื้นอีกนาน


 


“จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา บัดซบ!” ฟางหยวนขมวดคิ้วสาปแช่ง “แต่มันยังไม่จบ บางที่…”


 


ในเวลาต่อมาจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น


 


เขามีเส้นผม เครา และคิ้วสีขาว มันก็คือจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวคนก่อนหน้านั้นเอง


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีสองเจตจํานง นั่นทําให้มันมีสองบุคลิก หนึ่งขาว หนึ่ง เมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมดําเสียชีวิตจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวก็ปรากฏตัวขึ้นอีก


 


“อันใด! จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอีกร่างหนึ่งนั้นหรือ?” เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้ว นางรู้ความลับนี้ แต่นางมั่นใจว่าท่าไม้ตายอมตะความตายจากความโศกเศร้าสามารถกําจัดจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทั้งสองคน


 


แต่ความจริงก็คือจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาลึกลับกว่าที่นางคิด


 


แม้เทพธิดาอเว่ยจะสามรถใช้ท่าไม้ตายอมตะความตายจากความโศกเศร้าได้อีกครั้งแต่นางไม่มีเวลาแล้วนอกจากนั้นวิธีทั่วไปก็ไม่สามารถสังหารจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่ได้รับการปกป้องจากฟางหยวน


 


เทพธิดาจื่อเว่ยไม่หงุดหงิด ตรงข้าม ริมฝีปากของนางม้วนตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม นางเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นป้องกันตัวเองและสหายร่วมศึก


 


สหายที่กล่าวถึงก็คือเฉินอี้


 


ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมของเฉินอี้สร้างผลไม้ขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้ว


 


“มีเหตุย่อมมีผล ผลสามารถกําจัดเหตุ!” เฉินอี้ตะโกนขณะยื่นมือขวาออกไปคว้าผลไม้ผลนี้และบีบทําลายมัน


 


“ผัวะ!”


 


ผลไม้ที่ถูกบีบระเบิดน้ําผลไม้สาดกระเซ็นลงบนใบหน้าและร่างกายของเฉินอี้ราวกับยาพิษ


 


“ซี่ ซี่  ชี่”


 


น้ําผลไม้กัดกร่อนร่างกายของเฉินอี้และทําให้เขารู้สึกเจ็บปวด เนื้อและชั้นผิวหนังของเขาเน่าเปื่อยและเผยให้เห็นกระดูกที่อยู่ภายใน


 


เฉินอี้จ่ายด้วยราคามหาศาลเพราะเขามีแรงจูงใจ


 


การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไปขณะที่เขากล่าวด้วยความเคร่งขรึม“พวกเขาทําลายวิญญาณอมตะขโมยชีวิต!”


 


“เห้อ…” ฟางหยวนถอนหายใจและกระตุ้นอีกครั้ง “ตอนนี้ท่านสามารถรวมแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเข้ากับ…”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวขัดจังหวะก่อนที่ฟางหยวนจะกล่าวจบประ โยค “ไม่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยายังมีไพ่ตายเหลืออยู่! ในอดีตร่างหลักของข้าเคยทําข้อตก ลงกับเทพอมตะตะวันเดือดหากเราเผชิญหน้ากับอันตรายจากการทําลายล้างเราสามารถขอค วามช่วยเหลือจากถ้ําสวรรค์นิรันดรหลังจากนั้นเราจะหลอมรวมแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเข้ากับถ้ําสวรรค์นิรันดรและอยู่ในสถานะที่เท่าเทียม!”


 


หลังกล่าวจบคํา ประตูบานหนึ่งก็ถูกเปิดออก


 


ไม่กี่ลมหายใจต่อมา สัตว์อสูรแรกกําเนิดในตํานานเหมาลีชิวก็ปรากฏตัวขึ้น


 


ด้านหลังมันยังมีผู้อมตะระดับแปดอีกหลายคนที่เต็มไปด้วยเจตจํานงแห่งการต่อสู้


 


“ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธ์หลางหยาเป็นเขตปกครองของถ้ําสวรรค์นิรันดรแล้ว!”


 


“วังสวรรค์! กรงเล็บของพวกเจ้ายาวกว่าข้าเหมาลีชิว วันนี้ข้าจะช่วยตัดมัน ฮ่าฮ่าฮ่า”


 


“ฟางหยวนอยู่ที่นี้เช่นกัน ฆ่าเขา! เราจะแก้แค้นการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงและทวงคืนมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชค!”


 


เมื่อกําลังเสริมที่แข็งแกร่งมาถึง สถานการณ์พลิกกลับทันที


 


“เห้อ… ฟางหยวนสอบถอนหานยใจอยู่ภายใน ถึงเวลาถอนตัวแล้ว”


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1583 ปีศาจวัวและท่านหญิงดอกไม้


 


“ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง ท่านกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร?” ฟางหยวนล่าถอยขณะเดียวกันก็ต หนิจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากันเสียงเย็นโดยไม่แสดงความเมตตาใดๆต่อฟางหยวน “ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้า! เจ้ามีแรงจูงใจซ้อนเร้นและผลักผมดําไปสู่การทําลายล้างไม่ใช่ว่าเจ้าได้รับผล ประโยชน์มากมายก่อนหน้านี้งั้นหรือ!?”


 


การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นน่ากลัว “ท่านไม่กลัวข้อตกลงพันธมิตรสั้นหรือ?”


 


“ผมเป็นคนทําข้อตกลงกับเจ้า ไม่ใช่ข้า!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวตอบ


 


“ดังคาด ฟางหยวนลอบถอนหายใจอยู่ภายใน การตัดสินใจของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีปัญหาฟางหยวนสามารถคาดเดา เขาเพียงต้องการยืนยันความจริงเท่านั้น


 


“ ฟางหยวน เจ้าจะหนี้ไปที่ใด?” เหมาสี่ชิวกระโจมเข้าหาฟางหยวน


 


“บึม!”


 


แรงปะทะส่งฟางหยวนพุ่งลงสู่พื้นราวกับดาวตก


 


แม้ฟางหยวนจะดูน่าสมเพช แต่เขาไม่ได้รับอันตราย ขณะที่เหมาชิวยักไหล่และกล่าวด้วยความโกรธ “แม่น้ําหวนคืนช่างน่ารําคาญนัก!”


 


“ผู้อมตะวังสวรรค์ มาสู้กับเรา!” ผู้อมตะที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อและดูดุร้ายตะโกนเสียงดังพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา


 


ผู้อมตะอีกคนเป็นเด็กหญิงตัวเล็กที่มีดอกไม้อยู่บนศีรษะนั่งอยู่บนไหล่ของชายมัดกล้ามและหัวเราะคิกคักขณะมองไปที่เทพธิดาคือเว่ย


 


ผู้อมตะทั้งสองมีการบ่มเพาะระดับแปด พวกเขาไม่ได้โจมตีฟางหยวนแต่พุ่งเข้าไปหา เทพธิดาอเว่ย


 


เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ถ้ําสวรรค์นิรันดรต้องกําจัดนางเป็นคนแรก!


 


“ปีศาจวัวและท่านหญิงดอกไม้ พวกเจ้าอยู่ที่นี่” เทพธิดาจอเว่ยหรี่ตามอง นางจําคนทั้งสอง


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ามาได้ เหตุใดพวกเราจะมาไม่ได้!” ปีศาจวัวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง


 


“ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม…”


 


การโจมตีของปีศาจวัวและท่านหญิงดอกไม้บังคับให้เทพธิดาจอเว่ยต้องล่าถอยซ้ําแล้วซ้ําอีก


 


เดิมที่เทพธิดาจื่อเว่ยก็เหลืออายุขัยไม่มาก นางโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากกระดานหมากรุกกลุ่มดาวแต่หลังจากเผชิญหน้ากับวิญญาณอมตะขโมยชีวิตถึงสองครั้งตอนนี้นางอยู่ในสภาพที่ น่าสงสารในทางตรงข้ามถ้ําสวรรค์นิรันดรปลุกปีศาจวัวและท่านหญิงดอกไม้ขึ้นมาจากการจําศีลในสภาพที่สมบูรณ์ ดังนั้นพวกเขาจึงมีข้อได้เปรียบ


 


เทพธิดาอเว่ยป้องกันการโจมตีของทั้งสองขณะสังเกตสนามรบไปพร้อมกัน


 


เมื่อนางเห็นเหมาสี่ชิวโจมตีฟางหยวน นางเร่งเตือน “ระวัง ฟางหยวนมีวิญญาณท่องแดนอม ตะระดับเจ็ด อย่าปล่อยเขาไป!”


 


แม้ถ้ําสวรรค์นิรันดรต้องการให้ตายนาง แต่นางยังเยือกเย็นเหมือนน้ําแข็ง ความตั้งใจฆ่าของนางที่มีต่อฟางหยวนไม่เคยสั่นไหว


 


เหมาชิวขมวดคิ้วทันที


 


พวกเขานําผู้อมตะระดับแปดมาสามคน สัตว์อสูรแรกกําเนิดในตํานานอีกหนึ่งรวมถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะ แต่พวกเขาไม่มีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ


 


วิญญาณท่องแดนอมตะเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ มีเพียงผู้อมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติเท่านั้นที่สามารถตอบโต้มัน


 


เหมาสี่ชิวเปลี่ยนความคิดที่จะโจมตีฟางหยวนและหันหน้าไปทางจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “เจ้าแก่รีบจัดการฟางหยวนแล้วเราจะมอบผลประโยชน์ให้เจ้ามากขึ้น!”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาลังเลแต่เขายังตอบกลับ “หุบปาก! เหมาชิว หากฟางหยวนต้องการจากไปเพียงปล่อยเขาไปเจ้าเอาสิทธิ์ใดมาสั่งข้า! แม้ข้าจะขอความช่วยเหลือจากถ้ําสวรรค์นิรันดรแต่ตามข้อตกลงสถานะของเราเท่าเทียมกัน!”


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเคยคิดฆ่าฟางหยวนแต่ในไม่ช้าเขาก็คิดว่าเมื่อวังสวรรค์และถ้ําสวรรค์นิรันดรล้มเหลวในการฆ่าฟางหยวนหลังจากไล่ล่ามาเป็นเวลานาน แล้วเขาจะประสบความ สําเร็จได้อย่างไร?


 


ฟางหยวนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขามีมือปีศาจปล้นวิญญาณ เก ราะหวนคืนวิญญาณทองแดนอมตะ และวิธีการที่ไร้ยางอายอีกนับไม่ถ้วน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ต้องการยั่วยุปีศาจตนนี้


 


“เจ้า!” เหมาชิวตะโกนด้วยความโกรธ


 


จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่เหลือ “พวกเจ้าเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ผมดําตาย ข้าไม่ถูกจํากัดด้วยข้อตกลง แต่อย่ากังวล ตราบเท่าที่พวกเจ้าเข้าร่วมกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาของข้า ข้าจะรับรองความปลอดภัยของพวกเจ้า!”


 


การแสดงออกของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์กลายเป็นน่าเกลียด พวกเขามองหน้ากับก่อนพยักหน้า


 


ไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาถูกเปิดเผยแล้วและอยู่ภายใต้ข้อตกลงพันธมิตร จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวรู้เรื่องนี้เช่นกัน หากพวกเขาไม่อยากตาย พวกเขาต้องยอมจํานนเท่านั้น


 


ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล!


 


ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!


 


ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย


 


ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะสามท่าพร้อมกัน ด้วยวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเหมาลีชิวต้องการเข้าใกล้เขามันต้องเผชิญหน้ากับกองทัพมังกรดาบบรรพกาลเป็นอันดับแรก


 


เหมาสี่ชิวคํารามและใช้ท่าไม้ตายเรียกลม น้ําแข็ง และสายฟ้าสังหารร่างแยกมังกรดาบบรรพกาลจํานวนมาก


 


แต่ในเวลานี้ร่างจริงของฟางหยวนกลับลอบเข้าใกล้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา


 


“ระวัง เขาอยู่ที่นั่น!” ปรมาจารย์ห้าธาตุตะโกนบอกตําแหน่งของฟางหยวน


 


ปรมาจารย์ห้าธาตุลอบเข้าไปในถ้ําสวรรค์นิรันดรแต่ติดอยู่ในแท่นบูชาแห่งโชค หลังจากถูกค์นพ และพยายามต่อต้านอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายเขาตระหนักว่าไม่สามารถหลบหนีและทําได้เพี ยงก้มศีรษะและเข้าร่วมกับถ้ําสวรรค์นิรันดรเท่านั้น


 


เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาขอความช่วยเหลือ เขาเป็นหนึ่งในกําลังเสริมที่เดินทางมา


 


“เขาพบข้าจริงๆ แต่มันสายไปแล้ว” ฟางหยวนในร่างมังกรดาบบรรพกาลคําราม


 


“ฟางหยวน เจ้าพยายามทําสิ่งใด?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนด้วยความตกใจเขารีบใช้ท่าไม้ตายอมตะปกป้องตนเอง


 


“แน่นอนว่าฆ่าเจ้า! บุตรแห่งภูตแรกกําเนิด ระเบิดวิญญาณ!”


 


“บึม!”


 


ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดปะทุขึ้น ควันสีดําระเบิดออกไปทุกทิศทุกทาง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดํา


 


“ไม่!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ตะโกน


 


“หยุดเขา เราเป็นพันธมิตรผ่านการแต่งงาน…” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะปิงหยวนกรีดร้อง


 


แต่ในเวลานี้ฟางหยวนไม่สนใจชีวิตของพวกเขาอีกต่อไปจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้มากเกินไปหากไม่ใช่ฝ่ายเดียวกัน เขาก็ต้องตาย!


 


“ช่วยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา อย่าให้เขาตาย!” เหมาลีชิวตกใจมาก มันต่อ ต้านควันสีดําขณะพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน


 


“แท่นบูชาแห่งโชค!” ปรมาจารย์ห้าธาตุนําคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ออกมาโดยตรง


 


แท่นบูชาแห่งโชคเป็นหนึ่งในรากฐานสําคัญของถ้ําสวรรค์นิรันดร แต่พวกเขากลับนํามันออกมาเพื่อช่วยแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


“อืม! เขาหนี้ไปได้!” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ


 


เขาไม่สามารถกําจัดจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ในช่วงเวลาสําคัญจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถูกเคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตา


 


หากปรมาจารย์ห้าธาตุไม่เตือน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา


 


“มันไม่ง่ายที่จะเอาชีวิตข้า ทุกคน แล้วพบกันใหม่” ฟางหยวนกวาดตามองรอบๆและกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ


 


เขาอยู่ใจกลางกลุ่มควันของท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณ มันเหมือนกับตาพายุที่ทําให้เขาปลอดภัย เพื่อเข้าประชิดตัวฟางหยวน คนอื่นๆต้องทะลวงผ่านระเบิดวิญญาณที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ด้วยสิ่งนี้การเคลื่อนไหวของพวกเขาจะถูกจํากัด


 


วิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ด!


 


แสงสีเขียวหยกส่องประกายขึ้นและนําฟางหยวนหายไปจากจุดนั้นทันที


 


เขาประสบความสําเร็จในการล่าถอย!


 


“เราไม่สามารถกําจัดปีศาจตนนี้!” เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกเสียดาย


 


เหมาชิวคํารามด้วยความโกรธแต่มันก็หันหน้าไปทางเทพธิดาอเว่ยอย่างรวดเร็ว


 


เมื่อไม่มีฟางหยวน แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแห่งนี้ก็เหลือเพียงสมาชิกถ้ําสวรรค์นิรันดรกับวังสวรรค์เท่านั้น


 


“ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม!”


 


เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้มาถึงจุดสําคัญตั้งแต่เริ่มต้น


 


“หยุด! หยุด! อย่าทําลายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาของข้า บัดซบ!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากระทืบเท้าด้วยความโกรธ เขาเคลื่อนที่ไปรอบๆ และพยายามรวบรวมมนุษย์ขนที่โชคดีรอดชีวิตจากสามทวีป


 


วิสัยทัศน์ของฟางหยวนเปลี่ยนไป เมื่อเขามองเห็นอีกครั้งเขาก็อยู่ในถ้ําใต้ดินแห่งหนึ่งแล้ว


 


“วิญญาณท่องแดนอมตะช่างสะดวกนัก” ฟางหยวนถอนหายใจ


 


หลังจากวิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดถูกขโมยมา เขาวางมันไว้บนภูเขาผนึกสวรรค์เพื่อปรับแต่งเมื่อเวลาผ่านไปมันจึงกลายเป็นของเขา


 


หลังจากยืนยันว่าไม่มีกับดัก ฟางหยวนก็ใช้มันและเดินทางออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา


 


แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยากลายเป็นสนามรบระหว่างผู้อมตะระดับแปด ขณะที่ด้านนอกยังมีองค์ชายฟงเซี่ยซุ่มโจมตีอยู่ ฟางหยวนเป็นคนที่ทั้งสองกองกําลังเกลียดชัง เขาไม่สามารถอยู่ ต่อหากเขาถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายพิเศษใดๆและไม่สามารถหลบหนีได้ มันคงกลายเป็นเรื่องน่าขัน


 


“ผู้ใด?”


 


“อา…ผู้อาวุโสฟางหยวน!”


 


ผู้อมตะระดับหกหลายคนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฟางหยวนและรีบวิ่งเข้ามา หลังจากเห็นฟางหยวนพวกเขาก็โค้งคํานับและสอบถาม “ผู้อาวุโสฟางหยวน สถานการณ์ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นอย่างไรบ้าง?”


 


ฟางหยวนเผยรอยยิมชั่วร้ายเขาไม่ตอบแต่กางแขนออก


 


ท่าไม้ตายอมตะสนามรบราชันภูต!


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1584 สังหารหมู่


 


“เกิดสิ่งใดขึ้น?”


 


“เขตแดนอมตะ…นี่ไม่ใช่เรื่องตลก!”


 


“ท่านฟางหยวน เราอยู่ฝ่ายเดียวกัน!”


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก


 


ในโลกยุคปัจจุบัน มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอํานาจเหนือเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ เผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะเหล่านี้อาศัยอยู่ในแดนน้ําแข็งอย่างสิ้นหวัง พวกเขามีแรงกดดันมหาศาลในการเอาชีวิตรอด ท่ามกลางสภาพแวดล้อมนี้มนุษย์กลายพันธุ์ที่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะถือว่าไม่ใช่คนไร้ประโยชน์


 


หากไม่ใช่เพราะกลิ่นอายระดับเจ็ดและพลังการต่อสู้ระดับแปดของฟางหยวนผู้อมตะ เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ระดับหกเหล่านี้อาจโจมตีไปแล้ว


 


การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป เขามองผู้อมตะระดับเจ็ดคนเดียวที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มมนุษย์กลายพันธุ์และถอนหายใจ “อย่าตกใจ ข้าเป็นพันธมิตรของพวกเจ้า ข้าจะทําร้ายพวกเจ้าได้อย่างไร? แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแพ้การต่อสู้ มีเพียงข้าที่สามารถหลบหนี เราแพ้เพราะมีคนทรยศในหมู่พวกเรา!”


 


“กระไรนะ!? เราแพ้!?”


 


“แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกวังสวรรค์ยึดครองงั้นหรือ?”


 


“เรามีคนทรยศงั้นหรือ?”


 


คํากล่าวของฟางหยวนทําให้กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ตกตะลึง


 


ผู้อมตะระดับเจ็ดเผ่ามนุษย์หิมะขมวดคิ้วลึก “ท่านฟางหยวน โปรดเปิดเขตแดนอมตะให้พวกเราสื่อสารกับเผ่าของเรา!”


 


แต่ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้น เขากรีดร้อง “วิญญาณอมตะของข้า!”


 


มันเป็นมือปีศาจปล้นวิญญาณของฟางหยวนอีกครั้ง


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์คนอื่นๆรู้สึกสับสน พวกเขาถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านปิงเจา เกิดสิ่งใดขึ้น?”


 


ถูกต้อง ผู้อมตะระดับเจ็ดเผ่ามนุษย์หิมะที่อยู่ดูแลฐานทัพของพวกเขาก็คือปิงเจา เขามีความสัมพันธุ์ที่ค่อนข้างดีกับฟางหยวน ครั้งหนึ่งเขาเคยเชิญฟางหยวนดื่มสุราหมาป่าน้ําแข็งของเขา


 


ปิงเจามองฟางหยวนด้วยความโกรธ เขากําลังจะกรีดร้องแต่ฟางหยวนกลับชี้นิ้วมาที่เขาและกล่าวด้วยน้ําเสียงที่จริงจัง “เจ้าคือคนทรยศ!”


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์รู้สึกตกใจอีกครั้ง


 


“ข้าไม่ใช่คนทรยศ! ฟางหยวน เจ้าขโมยวิญญาณอมตะของข้าและกล่าวหาข้า เจ้ามีเจตนาใด?” ปิงเจาโกรธจัด เขาคว้าอากาศและสร้างหอกน้ําแข็งเอาไว้ในมือ


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาและกล่าวด้วยความโกรธและโศกเศร้า “ข้ากล่าวความจริง พวกเจ้าได้ยินถูกต้องแล้ว ดูข้อตกลงพันธมิตรไม่ได้ทําสิ่งใดข้า ปิงเจาผู้นี้คือสายลับของวังสวรรค์! ปิงเจาตัวจริงเสียชีวิตไปนานแล้ว!”


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์คนอื่นๆมองหน้ากัน เซี่ยเอ๋อคู่หมั้นของฟางหยวนถาม “มีเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่? ท่านปิงเจาอยู่กับเรามาตลอด”


 


“ข้าไม่ใช่คนทรยศ! ต้องมีเรื่องเข้าใจผิด ท่านฟางหยวน ท่านอาจตกลงสู่หลุมพรางของศัตรู รีบคืนวิญญาณอมตะให้ข้า!” ปิงเจากล่าวด้วยการแสดงออกที่เย็นชา


 


แต่ในเวลาต่อมาร่างของเซี่ยเอ๋อก็สั่นสะท้านขึ้นขณะที่นางแสดงออกด้วยความหวาดกลัว “วิญญาณอมตะของข้า!”


 


ปิงเจาป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี มือปีศาจปล้นวิญญาณไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้อีก ขณะที่เซียเอ๋อเป็นเป้าหมายที่ง่ายกว่า


 


“ฟางหยวน!” เชี่ยเอ้อมองฟางหยวนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ


 


ปิงเจาพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนและตะโกนด้วยความโกรธ “ข้ารู้ว่ามนุษย์เช่นเจ้าไม่สามารถเชื่อถือ!”


 


ฟางหยวนเย้ยหยัน “น่าขัน”


 


หลังกล่าวจบคํา กองทัพบุตรแห่งภูตก็ปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีปิงเปารวมถึงผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดทันที


 


ฟางหยวนเผยเจตนาร้ายออกมาในที่สุด ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ไม่ลังเลอีกต่อไป พวกเขาพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนหลังจากหายตกใจ


 


แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเปรียบเทียบกับบุตรแห่งภูตที่มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ดได้อย่างไร?


 


หลังการปะทะครั้งแรก กองกําลังผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ก็แตกพ่ายและถูกบังคับให้ตกสู่ความสิ้นหวังไปแล้ว


 


ฟางหยวนในร่างราชันภูตยืนควบคุมสถานการณ์อยู่ห่างๆและปล่อยให้กองทัพบุตรแห่งภูต โจมตีฝ่ายตรงข้าม


 


บุตรแห่งภูตไร้ประโยชน์ต่อฟังจิวเก้อและผู้อมตะวังสวรรค์ แต่สําหรับผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ มันเพียงพอแล้ว


 


หากไม่ใช่เพราะฟางหยวนตั้งใจถ่วงเวลา ผู้อมตะระดับหกเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์คงตายไปนานแล้ว


 


มีเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดปิงเจาที่ยังดิ้นรนต่อสู้อย่างยากลําบากแต่เขาก็ไม่สามารถหลบหนี


 


มือปีศาจปล้นวิญญาณ!


 


มือปีศาจปล้นวิญญาณ!


 


มือปีศาจปล้นวิญญาณ!


 


ฟางหยวนใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณอย่างต่อเนื่องและค่อยๆขโมยวิญญาณอมตะของฝ่ายตรงข้ามที่ละดวง


 


นี่คือเหตุผลที่ฟางหยวนถ่วงเวลาเอาไว้ หากเขาบังคับศัตรูมากเกินไป พวกเขาอาจสิ้นหวังและทําลายวิญญาณอมตะรวมถึงทรัพยากรทั้งหมดของตนเอง หากเป็นเช่นนั้นฟางหยวนจะสูญเสียผลประโยชน์


 


แต่ตอนนี้พวกเขายังมีความหวัง ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ต้องการต่อสู้จนถึงที่สุด มีเพียงไม่กี่คนที่จะมีความเด็ดเดี่ยวและระเบิดตัวเองเช่นเฉิงตู


 


นอกจากนี้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ยังใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษ พวกเขามีประสบการณ์การต่อสู้เพียงเล็กน้อยและไม่ได้ข้อมรบมากนัก


 


ในฐานะผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญา ฟางหยวนเข้าใจความคิดของพวกเขาเป็นอย่างดี แม้กลยุทธ์ของเขาจะเรียบง่าย แต่มันมีประสิทธิภาพอย่างน่าเหลือเชื่อ


 


เมื่อวิญญาณอมตะของพวกเขาถูกขโมย ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยิ่งลดลง


 


“ฟางหยวน ข้าคิดผิดเกี่ยวกับเจ้า! เหตุใดเจ้าจึงไร้ยางอายถึงเพียงนี้ เจ้าทําร้ายพันธมิตรของเจ้าเอง!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินตะโกนด้วยความโกรธ


 


ปิงเจาเผยรอยยิ้มเย็นชา “เจ้าไม่รู้งั้นหรือว่าคนผู้นี้กําจัดข้อตกลงพันธมิตรไปแล้ว เขาไม่ใช่พันธมิตร เขาเป็นศัตรู!”


 


“เห้อ…พวกเจ้าช่างพูดมากนัก” ฟางหยวนถอนหายใจเบาๆและทําให้บุตรแห่งภูตระเบิดตัวเอง


 


ท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณ!


 


ปิงเจาเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด แต่บุตรแห่งภูตมีมากเกินไป เขาไม่สามารถหลบเลี่ยง หลังจากถูกโจมตี เขาก็กลายเป็นซากศพไปในที่สุด


 


“ท่านปิงเจา!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น


 


เซี่ยเอ้อเกือบเป็นลม


 


ฟางหยวนแสดงออกอย่างเย็นชา เขาขโมยวิญญาณอมตะของฝ่ายตรงข้ามได้เกือบทั้งหมด แล้วสําหรับบางคนที่มีวิธีป้องกันที่ดี มือปีศาจปล้นวิญญาณไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขา ขณะเดียวกันฟางหยวนก็มีเวลาจํากัด เขาไม่สามารถยื้อเวลานานเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องเริ่มต้นการสังหารหมู่


 


ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เสียชีวิตทีละคน มีเพียงเซี่ยเอ๋อเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้เป็นคนสุดท้าย


 


“เจ้าปีศาจ ข้าจะไม่ยอมจํานนต่อเจ้าแม้จะกลายเป็นผี!” เชี่ยเอ๋อกล่าวประโยคสุดท้ายของนางด้วยความเกลียดชัง


 


ทันใดนั้นกองทัพบุตรแห่งภูตก็พุ่งเข้าฉีกกระชากร่างของนางออกเป็นชิ้นๆ


 


สําหรับดวงวิญญาณของนาง มันถูกเก็บรักษาไว้ในสนามรบราชันภูตรวมกับดวงวิญญาณของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์คนอื่นๆ


 


คันวิญญาณ!


 


ด้วยการค้นวิญญาณ ฟางหยวนจึงเข้าใจรายละเอียดต่างๆของเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะ


 


ฟางหยวนเก็บเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตก่อนจะไปยังแดนน้ําแข็ง


 


การสังหารหมู่ครั้งนี้ใช้เวลาพอสมควร แต่กระบวนการนี้ไม่ถูกขัดขวางโดยกองกําลังภายนอก ไม่มีการอนุมานหรือการโจมตีสนามรบราชันภูต สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านั้นคือผู้อมตะกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ที่นี่


 


ฟางหยวนเดินทางไปยังที่อยู่อาศัยของเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะ


 


ต่อมาเขาก็ย้ายเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะทั้งหมดเข้าไปในมิติของว่างของเขา


 


เขายังขุดค้นคลังสมบัติของทั้งสองเผ่าและเก็บพวกมันไว้เช่นกัน


 


ทรัพยากรเหล่านี้ต่างเป็นสมบัติล้ําค่าจากยุคโบราณ กระทั่งสวรรค์สีเหลืองก็ไม่มีขาย


 


สําหรับมิติช่องว่างของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ตายแล้ว ฟางหยวนปิดผนึกพวกมันไว้ชั่วคราว เขาไม่ต้องการวางพวกมันลงที่นี่


 


วิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ด!


 


ด้วยการใช้วิญญาณอมตะดวงนี้ ฟางหยวนทิ้งบ้านเดิมของเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะที่ถูกทําลายเอาไว้เบื้องหลัง


 


ในเวลาต่อมาเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ภาคใต้


 


“ผู้ใด?” ผู้อมตะภาคใต้สองคนตะโกนขณะที่ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะราชันภูต


 


เขาชี้นิ้วออกไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา


 


ระเบิดวิญญาณ!


 


ระเบิดวิญญาณ!


 


ระเบิดวิญญาณ!


 


หลังจากระเบิดวิญญาณถึงหกครั้ง ผู้อมตะภาคใต้ทั้งสองก็วิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไม่รู้ว่าคนบ้าผู้นี้เป็นผู้ใดแต่เขาโจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดอย่างต่อเนื่อง


 


ผู้อมตะภาคใต้สองคนจากไปด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกลวิญญาณอมตะ ฟางหยวนไม่ได้ขัดขวางพวกเขา


 


หลังจากนั้นเขาก็ทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะดังกล่าวลงอย่างง่ายดาย


 


เมื่อค่ายกลวิญญาณอมตะถูกทําลาย สิ่งที่อยู่ภายในก็เผยตัวออกมา


 


ฟางหยวนยิ้มเมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มหมอกควันที่ส่องประกายระยิบระยับ


 


อาณาจักรแห่งความฝัน!


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1585 ระดับความสําเร็จของฟางหยวน


 


มันเป็นอาณาจักรแห่งความฝันที่ไม่ใหญ่มาก


 


เหตุผลที่ฟางหยวนสามารถค้นพบมั่นเพราะนี่คืออาณาจักรแห่งความฝันที่เขาเคยโยนทิ้งไปก่อนหน้านี้


 


ย้อนกลับไปเขาปลอมตัวเป็นวไห่และลอบเข้าไปในอาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้เพื่อยกระดับความสําเร็จ เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น วังสวรรค์เข้าแทรกแซงขณะที่ราชันภูเขาม่วงเสียชีวิต ฟางหยวนกลายเป็นผู้นํานิกายเงาและนํากายาแห่งความฝันหลบหนี


 


ระหว่างทางเขาใช้กายาแห่งความฝันเพื่อต่อต้านศัตรูและสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัย 


 


แต่เขาใช้กายาแห่งความฝันทั้งหมดไปในกระบวนการนี้


 


สถานที่แห่งนี้คือสนามรบที่ฟางหยวนเคยต่อสู้กับผู้อมตะตระกูลอี้ เขาจุดระเบิดกายาแห่งความฝันสองร่างและบังคับให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลอี้ล่าถอย


 


แน่นอนว่าเมื่อกายาแห่งความฝันกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝัน ผู้อมตะภาคใต้ย่อมไม่ปล่อยมันไป หลังจากแข่งขัน สองเผ่าชนะและสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะเอาไว้เพื่อปกป้องอาณาจักรแห่งความฝันนี้


 


ฟางหยวนใช้วิญญาณท่องแดนอมตะมาที่นี่และส่งผู้อมตะที่คุ้มกันมันออกไปก่อนที่จะทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ


 


แม้มือปีศาจปล้นวิญญาณจะสามารถขโมยวิญญาณอมตะ แต่มันไม่สามารถกําหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง ด้วยวิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมากที่อยู่ที่นี่ มีโอกาสสูงที่มือปีศาจปล้นวิญญาณจะขโมยวิญญาณระดับมนุษย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง


 


เพื่อป้องกันไม่ให้ค่ายกลวิญญาณอมตะส่งกําลังเสริมหรือระเบิดตัวเอง ฟางหยวนตัดสินใจโจมตีก่อนและทําลายมัน


 


แม้วิญญาณอมตะแต่ละดวงจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแต่ตอนนี้ฟางหยวนไม่สนใจพวกมัน


 


เขามีวิญญาณอมตะจํานวนมากอยู่แล้ว หลังจากสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะ เขายังได้รับวิญญาณอมตะระดับหกและระดับเจ็ดเพิ่มขึ้นอีกมากมาย


 


สิ่งที่ฟางหยวนขาดคือวิญญาณอมตะที่เหมาะสมกับเขา อันดับแรกพวกมันต้องเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด วิญญาณอมตะระดับหกไม่เหมาะสมกับเขาอีกต่อไป นอกจากนั้นพวกมันยังต้องเป็นหนึ่งในเส้นทางที่เขาเชี่ยวชาญอีกด้วย


 


ด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุด ฟางหยวนสามารถเปลี่ยนทุกเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะให้เป็นท่าไม้ตายอมตะ หากเขาต้องการท่าไม้ตายอมตะที่เฉพาะเจาะจง เขาสามารถใช้วิญญาณอมตะบางดวงเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะที่เขาต้องการ โดยใช้เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเป็นข้อมูลอ้างอิง


 


“หือ อาณาจักรแห่งความฝันหดตัวลงเล็กน้อย” ฟางหยวนสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง


 


อาณาจักรแห่งความฝันนี้ถูกสร้างขึ้นจากกายาแห่งความฝันสองร่าง แต่ตอนนี้ปริมาณของมันลงน้อยลง


 


“บางคนคลี่คลายมันงั้นหรือ?”


 


ผู้อมตะคนอื่นๆไม่มีวิธีคลี่คลายความฝันที่มีประสิทธิภาพเหมือนฟางหยวน แต่พวกเขาสามารถสํารวจมันเพื่อเก็บเกี่ยวทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝัน ในความเป็นจริงทรัพยากรเหล่านี้สามารถเก็บเกี่ยวได้ในอาณาจักรแห่งความฝันของตนเอง คุณค่าที่แท้จริงของอาณาจักรแห่งความฝันคือความหมายที่แท้จริงที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง


 


ผู้อมตะภาคใต้ขุดค้นได้เพียงเศษเหล็กแต่มันก็ทําให้พวกเขามีความสุขมากแล้ว


 


“หากข้าจําไม่ผิด อาณาจักรแห่งความฝันทั้งสองนี้เป็นอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งน้ําแข็งและเส้นทางแห่งห้วงมิติ


 


อาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้มีต้นกําเนิดมาจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาเป็นปรมาจารย์เอกในทุกเส้นทาง อาณาจักรแห่งความฝันของเขาครอบครองทุกเส้นทางที่ทุกคนรู้จักในปัจจุบัน


 


ฟางหยวนเลือกกายาแห่งความฝันเหล่านี้มาเป็นพิเศษ แต่เนื่องจากเขาต้องหลบหนี เขาจึงต้องยอมแพ้และละทิ้งผลประโยชน์เหล่านี้


 


แต่นั่นคือก่อนหน้า ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว


 


ฟางหยวนต้องการระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งหัวงมิติเพราะมันจะทําให้เขาสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะที่ใช้กับวิญญาณท่องแดนอมตะ


 


ฟางหยวนต้องการระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งน้ําแข็งและหิมะมากขึ้นเพราะเขาเพิ่งสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จํานวนมาก มิติช่องว่างที่ถูกทิ้งไว้ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางแห่งน้ําแข็งและหิมะ ดังนั้นเขาจึงต้องการความสําเร็จบนเส้นทางสายนี้เพื่อกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น


 


“ตอนนี้ท่ามกลางเส้นทางต่างๆ ข้ามีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมสูงที่สุด มันอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุด


 


“ ตามมาด้วยเส้นทางแห่งการโจรกรรมที่อยู่ระดับปรมาจารย์เอก”


 


อันดับสามคือเส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งดวงดาว เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เส้นทางแห่งเลือด เส้นทางแห่งความมืด เส้นทางแห่งค่ายกล และเส้นทางแห่งวารี พวกมันอยู่ในระดับปรมาจารย์


 


“อันดับสี่คือเส้นทางแห่งโชค เส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เส้นทางแห่งทาส และเส้นทางแห่งปฐพี พวกมันอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญ


 


“ถัดลงมาอีกคือเส้นทางแห่งดาบ เส้นทางแห่งห้วงมิติ เส้นทางแห่งกาลเวลา เส้นทางแห่ง ความฝัน เส้นทางแห่งพิษ เส้นทางแห่งไฟ เส้นทางแห่งโลหะ และเส้นทางสายอื่นๆ พวกมันอยู่ใน ระดับสามัญ


 


สุดท้าย เส้นทางแห่งข้อมูล เส้นทางแห่งน้ําแข็งและหิมะ เส้นทางแห่งพลังปราณ เส้นทางแห่ งแสง เส้นทางแห่งเสียง เส้นทางแห่งภูตผี เส้นทางแห่งกฏ และอีกหลายเส้นทาง ข้าไม่มีความเข้า ใจเกี่ยวกับพวกมันเลย”


 


ท่ามกลางเส้นทางทั้งหมดของฟางหยวน เขาต้องการยกระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่ งกาลเวลามากที่สุด


 


ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาอยู่ในระดับสามัญ ฟางหยวนต้องการยกระดับความสําเร็จบนเส้นทางสายนี้ อย่างน้อยที่สุดเขาก็ต้องการเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งกาลเวลา


 


“วังสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญจําศีลอยู่นับไม่ถ้วน ครั้งนี้เทพธิดาจื่อเว่ยผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญานํากลุ่มของเฉินอี้ออกมาและสามารถบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา โดยที่ราชันมังกรไม่จําเป็นต้องปรากฏตัว


 


“หากไม่ใช่เพราะข้อตกลงระหว่างบรรพชนผมยาวกับเทพอมตะตะวันเดือด แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาคงพังทลายไปแล้ว


 


ฟางหยวนไม่ใช่คนที่ไม่รู้ขีดจํากัดของตนเอง เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าแม้เขาจะมีเกราะหวนคืนและราชนภูตหรือกระทั่งเขาจะสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปได้สําเร็จ เขาก็ยังถูกนับเป็นผู้อมตะระดับแปดผู้หนึ่งเท่านั้น เปรียบเทียบกับวังสวรรค์ ความแข็งแกร่งของเขาในฐานะคนผู้หนึ่งถือว่าไร้ประโยชน์


 


ในชีวิตก่อนหน้า เทพปีศาจจิตวิญญาณประสบความสําเร็จในการท้าทายสวรรค์ แต่เขายังต้องแทรกซึมเข้าสู่วังสวรรค์และปกปิดตัวตนเพื่อสร้างหายนะให้กับภูมิภาคทั้งห้า เขาลอบสนับสนุนหม่าหงหยุนและตระกูลถังของทะเลทรายตะวันตก กระทั่งทําให้ฟงจิวเก้อตกตายอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟงจินฮวงถูกฆ่าโดยฟางหยวนทั้งหมดล้วนมีนิกายเงาอยู่เบื้องหลังทั้ง


 


แต่หลังจากเจตจํานงสวรรค์ใช้ฟางหยวนเป็นตัวหมากเบี้ยเพื่อเปลี่ยนอดีต นิกายเงาพ่ายแพ้ขณะที่วังสวรรค์ได้เปรียบ


 


ฟางหยวนใช้มรดกที่แท้จริงของนิกายเงาเพื่อรักษาเสถียรภาพของตนเอง แต่มันยังยากเกินไปที่จะจัดการวงสวรรค์ การสูญเสียแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด


 


“ความหวังเดียวของข้าในการเอาชนะวังสวรรค์คือมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ด้วยการพึ่งพามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ข้าจะสามารถต่อต้านวังสวรรค์และทําลายวิญญาณชะตากรรม!


 


“แต่เพื่อรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ข้าต้องเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลา ขณะที่วังสวรรค์เตรียมกองกําลังรอข้าอยู่ที่นั้นแล้ว!”


 


แม้เทพธิดาจื่อเว่ยและคนอื่นๆจะติดอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและกําลังต่อสู้กับผู้อมตะจากถ้ําสวรรค์นิรันดร แต่ฟางหยวนก็ไม่คิดที่จะเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาในเวลานี้


 


เทพธิดาจื่อเว่ยจะทิ้งช่องโหว่ขนาดใหญ่เช่นนี้ไว้ได้อย่างไร?


 


สายธารแห่งกาลเวลามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งกาลเวลาจํานวนนับไม่ถ้วน แม้ร่างทารกอมตะจะไม่ถูกกดดันจากมัน แต่เมื่อฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางสายอื่น มันจะอ่อนแอลงอย่างมาก พลังอํานาจของท่าไม้ตายอมตะระดับหกจะตกลงสู่ระดับมนุษย์


 


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนสามารถเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาเพราะเขามีอสูรปีวอกแร กกําเนิดรวมถึงความช่วยเหลือจากเกาะบัวหินที่ถูกยึดครองโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ ในครั้งนั้น เขาไม่ได้ต่อสู้ด้วยตนเอง


 


ตอนนี้หากฟางหยวนต้องการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงที่เหลือ เขาต้องหาเกาะบัวหินเกาะใหม่ อสูรปีวอกแรกกําเนิดตายไปแล้วในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ขณะที่เกราะหวนคืน ราชันภูต และท่าไม้ตายอื่นๆของเขาจะอ่อนแอลงที่นั่น


 


ในสายธารแห่งกาลเวลา วิธีที่เหมาะสมที่สุดคือท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา


 


“แม้ข้าจะมีมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานและมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่มีข้อมูล เกี่ยวกับเส้นทางแห่งกาลเวลามากมาย แต่ข้าขาดท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปด แม้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ําจะเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด แต่พลังอํานาจของมันคือการสร้างวิญญาณปีและใช้สร้างท่าไม้ตายอมตะสายป้องกัน สําหรับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แม้มันจะกล่าวถึงท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีมากมายรวมถึงท่าไม้ตายอมตะระดับแปด แต่ข้ายังขาดวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่จําเป็น


 


ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องการเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งกาลเวลา ด้วยระดับความสําเร็จและแสงแห่งปัญญา เขาจะสามารถอนุมานท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของตนเอง สิ่งนี้จะทําให้เขาสามารถต่อต้านวังสวรรค์ในสายธารแห่งกาลเวลา


 


ท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจํานงสวรรค์!


 


ขณะที่เขากําลังคิดเรื่องเหล่านี้ เขาก็ปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะออกมาพร้อมกัน


 


แสงสีเทาขาวปรากฏขึ้นบนร่างของเขาก่อนจะแผ่พุ่งเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน


 


เพียงไม่นานอาณาจักรแห่งความฝันก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีเทาขาว


 


ดวงตาหลากหลายสีสันปรากฏขึ้น พวกมันจะเปลี่ยนสีทุกครั้งที่กะพริบตา


 


จํานวนดวงตาหลากสีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจดวงตาหลากสีก็มีนับหมื่นดวงแล้ว


 


ดวงตาหลากสีกะพริบอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มันกะพริบตา มันจะโจมตีเจตจํานงสวรรค์


 


ในที่สุดดวงตาหลากสีก็ลดจํานวนลงและหายไปในที่สุด


 


ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นกายาแห่งความฝัน!


 


ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายที่สองเพื่อเปลี่ยนอาณาจักรแห่งความฝันให้เป็นกายาแห่งความฝันสองร่าง ร่างหนึ่งไม่บุบสลายขณะที่อีกร่างพิการ


 


ฟางหยวนเปิดทางเข้ามิติช่องว่างจักรพรรดิและส่งพวกมันเข้าไป


 


ด้วยการใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ เขาหายตัวไปจากจุดนั้นและทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1586 ค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็ง


 


กายาแห่งความฝันทั้งสองเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิและพักอยู่ที่สวรรค์สีเขียวน้อย


 


มิติช่องว่างจักรพรรดิมีห้าภูมิภาคและเก้าสวรรค์ ท่ามกลางสวรรค์ทั้งเก้า สวรรค์สีเขียวน้อยได้รับการพัฒนาน้อยที่สุด ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้มันเป็นสถานที่เก็บอาณาจักรแห่งความฝัน


 


สมาชิกนิกายเงา อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน เทพธิดากระต่ายขาว เทพธิดาเมี่ยวหยิน และไป่หนิงปิงฝึกฝนอยู่ในสวรรค์สีเหลือง


 


การต่อสู้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีระดับสูงเกินไป ศัตรูล้วนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด กระทั่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ยังต้องอาศัยค่ายกลวิญญาณในการต่อสู้ เมื่อมันถูกทําลาย พวกเขาก็ไม่สามารถสู้ต่อ


 


ในช่วงเวลาสําคัญฟางหยวนอาจต้องพึ่งพาสมาชิกนิกายเงาเพื่อใช้ค่ายกลวิญญาณทองรอบทิศ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้


 


สําหรับร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน เขาอยู่ทางเหนือสุดของภาคเหนือน้อย


 


ด้วยหนึ่งความคิด ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจัดวางวิญญาณระดับมนุษย์ดวงสุดท้ายและกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะ


 


ค่ายกลวิญญาณนี้ครอบคลุมพื้นที่หลายสิบตารางกิโลเมตร มีวิญญาณระดับมนุษย์ตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงระดับห้าจากทุกเส้นทางแต่วิญญาณส่วนใหญ่เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะ แกนกลางของมันเป็นวิญญาณอมตะสองดวงบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งที่ฟางหยวนขโมยมาจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ


 


หนึ่งในแกนกลางของค่ายกลวิญญาณนี้ยังมีทรัพยากรอมตะระดับแปดจํานวนสามชิ้นและผลึกแก่นแท้น้ำแข็งอยู่ด้วย


 


ผลึกแก่นแท้น้ำแข็งแต่ละชิ้นมีขนาดเท่าภูเขา


 


ผลึกแก่นแท้น้ำแข็งจะปลดปล่อยมวลความเย็นออกมาอย่างไม่ต่อเนื่อง


 


เมื่ออากาศเย็นจัด ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะจะถูกสลักไว้รอบๆ มันจะปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและทําให้สถานที่แห่งนี้เหมาะสมสําหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์หิมะและอสูรหิมะ


 


แผนเดิมของฟางหยวนคือใช้ผลึกแก่นแท้น้ำแข็งเพื่อผลิตอสูรหิมะและสร้างแหล่งรายได้ใหม่


 


ก่อนหน้านี้ฟางหยวนได้รับผลึกแก่นแท้น้ำแข็งหนึ่งชิ้นมาจากการหมั้นหมายกับเซี่ยเอ๋อต่อมา เมื่อเขาสังหารหมู่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ เขาได้รับผลึกแก่นแท้น้ำแข็งเพิ่มอีกสองชิ้น


 


“ด้วยผลึกแก่นแท้น้ำแข็งทั้งสามชิ้น ขาสามารถผลิตอสูรหิมะได้อย่างง่ายดาย”


 


“ข้าจะตั้งชื่อค่ายกลวิญญาณนี้ว่าค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็ง”


 


ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนสังเกตอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ


 


ร่างหลักกับร่างแยกของฟางหยวนสามารถแบ่งปันระดับความสําเร็จ เมื่อร่างหลักของฟางหยวนกลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล ร่างแยกของเขาก็จะบรรลุระดับเดียวกัน


 


สิ่งนี้แตกต่างจากนิกายเงา ในอดีตเพื่อหลอกลวงเจตจํานงสวรรค์ เทพปีศาจจิตวิญญาณจึงไม่แบ่งปันระดับความสําเร็จทุกเส้นทางให้กับร่างแยกของเขาและมุ่งเน้นไปที่เส้นทางสายใดสายหนึ่งเท่านั้น


 


เมื่อสมาชิกนิกายเงาต่อสู้กับวังสวรรค์ พวกเขาจะไม่ถูกค้นพบว่าเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ นี่เป็นเหตุผลที่นิกายเงาสามารถส่งสายลับเข้าสู่วังสวรรค์


 


สําหรับร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน มันง่ายที่จะถูกเปิดเผย แต่ฟางหยวนไม่ต้องการให้ร่างแยกของเขาออกไปข้างนอกและต่อสู้ แรงจูงใจของเขาแตกต่างจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลามีไว้เพื่อใช้แสงแห่งปัญญาเป็นหลัก


 


ในการอนุมานเรื่องต่างๆ จําเป็นต้องมีความสําเร็จบนเส้นทางสายนั้นๆ ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด


 


ค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็งถูกสร้างขึ้นโดยร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลา จุดประสงค์หลักของมันคือการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม


 


แน่นอนว่ามันสามารถเฝ้ามองและควบคุมพื้นที่


 


“น่าเสียดายที่ข้าเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลไม่ใช่ปรมาจารย์เอก ปรมาจารย์สามารถเลียนแบบเส้นทางสายอื่นขณะที่ปรมาจารย์เอกสามารถใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าตามธรรมชาติ หากข้าเป็นปรมาจารย์เอก ข้าไม่จําเป็นต้องพึ่งพาวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งเพื่อสร้างค่ายกล ข้าสามารถใช้เพียงผลึกแก่นแท้น้ำแข็งเพียงอย่างเดียว”


 


ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะสามารถนําวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งทั้งสองดวงไปใช้ในงานอื่น


 


แน่นอนว่าฟางหยวนไม่ขาดแคลนวิญญาณอมตะ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญญา แต่โดยทั่วไปผู้อมตะมักมีวิญญาณอมตะอยู่อย่างจํากัด หากพวกเขาใช้วิญญาณอมตะเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ พวกเขาจะไม่สามารถนํามันไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ด้วยเหตุนี้ระดับความสําเร็จจึงมีความสําคัญ


 


หลังจากสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็ง ร่างแยกของฟางหยวนก็บินจากไป


 


แม้เขาจะไม่ใช่จิตวิญญาณแผ่นดินที่สามารถเคลื่อนย้ายสถานที่ได้ในพริบตา แต่เขายังสามารถบิน


 


ผ่านไปชั่วครู่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาก็ข้ามผ่านระยะทางหลายร้อยลี้ เขาปกปิดตนเองและมองลงไปบนพื้น


 


กลุ่มมนุษย์หิมะหลายพันคนเคลื่อนที่อยู่ที่นั่น


 


ท่ามกลางพวกเขามีทั้งผู้ใช้วิญญาณและมนุษย์หิมะทั่วไป พวกเขาถูกจับมาจากแดนน้ำแข็งของภาคเหนือโดยฟางหยวน


 


ทาสมนุษย์หิมะนับพันชีวิตที่จะทําตามคําสั่งของเจ้านายหาได้ยากในสวรรค์สีเหลือง อย่างไรก็ตามมนุษย์หิมะกลุ่มนี้มีมาตรฐานสูงกว่าทาสมนุษย์หิมะที่ถูกขายในท้องตลาด โดยเฉพาะเมื่อพวกเขามีสัดส่วนของผู้ใช้วิญญาณมากกว่ามนุษย์หิมะธรรมดา ไม่ใช่เรื่องปกติ หากนําพวกเขาไปขายในสวรรค์สีเหลือง ราคาของพวกเขาจะสูงกว่าทาสมนุษย์หิมะหลายสิบเท่า


 


มนุษย์หิมะเหล่านี้พึ่งย้ายมาอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ พวกเขาทั้งหวาดกลัวและไม่คุ้นเคย


 


ตอนนี้ตัวตนระดับสูงของเผ่ากําลังหารือกันอย่างเข้มข้น


 


ฟางหยวนสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินในเขตแดนอมตะ ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกซ่อนเอาไว้ เมื่อเขาจับมนุษย์หิมะเหล่านี้ เขาปลอมตัวเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ ด้วยเหตุนี้สมาชิกเผ่ามนุษย์หิมะจึงไม่ทราบความจริง


 


ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย


 


ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนกลายเป็นปิงเจาและบินลงมาจากท้องฟ้า


 


ด้วยการใช้วิญญาณบางดวง เขาสร้างพายุหิมะขึ้นบนท้องฟ้าและทําให้หิมะโปรยปรายลงมาอย่างช้าๆ


 


“อา…ผู้อมตะของเผ่าเรา!”


 


“คุกเข่าลงเร็วเข้า! คุกเข่าลงและทักทายนายท่านผู้อมตะ!”


 


“ยินดีต้อนรับนายท่านปิงเจา”


 


มนุษย์หิมะทั้งหมดเร่งคุกเข่าลงและแสดงความเคารพต่อฟางหยวน


 


ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึก “โลกกําลังวุ่นวาย แต่เราอยู่ในสวรรค์ ภูเขาทสามมีหมอกอมตะ เผ่ามนุษย์หิมะของเราไม่จําเป็นต้องเกรงกลัวสิ่งใด”


 


เสียงของเขาไม่ตั้งแต่ทุกคนสามารถได้ยินอย่างชัดเจน


 


“ฟิ้ว”


 


สายลมกรรโชกแรงก่อนที่พายุหิมะจะหยุดลง กลุ่มมนุษย์หิมะเงยหน้าขึ้นและมองเห็นเพียงท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ขณะเดียวกันร่างของปิงเขาก็เลือนหายไปพร้อมกับสายลม


 


กลุ่มมนุษย์หิมะตกตะลึง หลังจากตระหนักว่ายิงเจาจากไปแล้ว พวกเขาก็ลุกขึ้นอย่างมีความสุขขณะทบทวนคํากล่าวของเขา


 


ผู้นําเผ่ามนุษย์หิมะคิดก่อนกล่าวกับกลุ่มผู้อาวุโส “ก่อนหน้านี้เรามาที่นี้เนื่องจากคําแนะนําที่คลุมเครือของนายท่านปิงเจา ท่านต้องการให้เรามาที่นี่ ตอนนี้ท่านแสดงตัวออกมาอีกครั้งเพื่อบอกเราว่าภูเขาสามลูกที่อยู่ข้างหน้าสามารถอาศัยอยู่ได้อย่างสงบสุขงั้นหรือ?”


 


หลังจากหารือ ทุกคนเห็นด้วยและเริ่มออกเดินทาง พวกเขาไม่ลังเลอีกต่อไป แม้พวกเขาจะมีเด็กและคนชรารวมอยู่ด้วย แต่การเดินทางของพวกเขาก็เร็วกว่าก่อนหน้า


 


ในการสร้างอสูรหิมะไม่จําเป็นต้องใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็ง เพียงผลึกแก่นแท้น้ำแข็งก็เพียงพอที่จะให้กําเนิดพวกมันแล้ว


 


แต่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนทุ่มเทความพยายามสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็งขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่ามนุษย์หิมะ


 


“ด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็ง อสูรหิมะและมนุษย์หิมะสามารถอาศัยรวมกันอยู่ที่นี่ ข้าจะไม่แยกทั้งสองเผ่าพันธุ์ออกจากกัน ข้าต้องการให้พวกเขาเผชิญหน้าและต่อสู้เพื่อพัฒนาตนเอง”


 


“การดูแลค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็งไม่ใช่ปัญหาสําหรับวิธีการบนเส้นทางอาหาร แต่ผลึกแก่นแท้น้ำแข็งสามชิ้นจะถูกใช้ไปเรื่อยๆและหมดลงในที่สุด”


 


พลังงานความเย็นที่ผลึกแก่นแท้น้ำแข็งปลดปล่อยออกมาประกอบด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต้าเหล่านี้จะถูกย้ายไปยังสภาพแวดล้อม สุดท้ายผลึกแก่นแท้น้ำแข็งจะสลายไปอย่างสมบูรณ์


 


อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ปัญหาที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ยังมีเวลาอีกนานก่อนที่ผลึกแก่นแท้น้ำแข็งจะสลายไปจนหมด


 


หลังจากจัดการเรื่องเผ่ามนุษย์หิมะ ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนก็ไปพบเผ่ามนุษย์หิมะที่ภาคใต้น้อย


 


ท่ามกลางภูมิภาคทั้งห้า ภาคใต้น้อยมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งปฐพี่หนาแน่นที่สุด มันเหมาะสมที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่ามนุษย์หิน


 


กระบวนการลงหลักปักฐานของเผ่ามนุษย์หินง่ายมาก ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาใช้วิธีเกือบเหมือนในอดีต


 


ขณะที่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนกําลังจัดการมิตช่องว่างจักรพรรดิ ร่างหลักของเขาอยู่ที่มุมหนึ่งของภาคใต้


 


ที่นี่คือร่องลึกใต้พิภพขนาดใหญ่ มันทั้งลึกและมืดมิด แม้จะเป็นเวลากลางวันแต่มันก็ยังถูกปกคลุมด้วยความมืด


 


มั่นเต็มไปด้วยเงาปีศาจเพราะมันก็คือรอยแยกปล้นเงา


 


ย้อนกลับไปข้าเรียนรู้ค่ายกลวิญญาณทองรอบทิศที่นี้ ข้าใช้กายาแห่งความฝันจํานวนมากเพื่อหยุดการบุกโจมตีของฝ่ายธรรมะ…”


 


ฟางหยวนสังเกตเห็นความเคลื่อนไหว “ฝ่ายธรรมะของภาคใต้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะไว้ที่นี่เช่นกันและมันก็ไม่อ่อนแอ


 


“ผู้ใด? นี่เป็นสถานที่สําคัญของฝ่ายธรรมะ ผู้บ่มเพาะสันโดษไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา ไปก่อนที่จะเสียใจ!” เสียงของผู้อมตะภาคใต้ดังออกมาจากค่ายกลวิญญาณอมตะ


 


“โอ้?” ริมฝีปากของฟางหยวนม้วนตัวขึ้น เจตนาสังหารพุ่งพล่านอยู่ในดวงตาของเขา “ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะทําให้ข้าเสียใจได้อย่างไร?”


 


“บึม!”


 


ด้วยเสียงระเบิดที่ดังสนั่น เขาเริ่มโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างรุนแรง


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1587 ตายในมือปีศาจ


 


“บึม บึม บึม!”


 


ด้วยการระเบิดเป็นลูกโซ่ แสงหลากสีส่องประกายขึ้นราวกับดอกไม้ไฟ โลหะ ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งไม้ วารี ปฐพี เพลิง ความแข็งแกร่ง จิตวิญญาณ พิษ ดวงดาว และเส้นทางอื่นๆอีกมากมาย


 


ภายใต้การโจมตีดังกล่าว รูปลักษณ์ที่แท้จริงของค่ายกลวิญญาณอมตะเผยตัวออกมาในที่สุด มันเหมือนปราสาทหินที่แข็งแกร่ง แสงสีขาวปกป้องมั่นจากการโจมตีของฟางหยวน


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า การโจมตีที่เต็มไปด้วยสีสันแต่มีพลังเพียงเล็กน้อย วิธีการของเจ้าฉุดฉาดเกินไปและไม่สามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะของเรา!” เสียงหัวเราะของผู้อมตะหยางซานมู่แห่งตระกูลหยางดังขึ้น


 


ปัจจุบันฟางหยวนอยู่ในร่างราชันภูต ผู้อมตะภาคใต้ไม่สามารถระบุตัวตนของเขา


 


“ไม่ ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของคนผู้นี้ไม่ต่ำต้อย เขาใช้ทุกวิธีเพื่อตรวจสอบค่ายกลวิญญาณอมตะของเรา!” ผู้อมตะซื้อชิวกล่าวเสียงต่ำ


 


นี่เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะที่ถูกจัดตั้งขึ้นโดยตระกูลจือ จ่อชิวได้รับมอบหมายให้ปกป้องสถานที่แห่งนี้ ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกล คํากล่าวของเขาจึงมีน้ำหนัก


 


หยางซานมู่ขมวดคิ้วถาม “แล้วเราจะปล่อยให้เขาทดสอบต่อไปงั้นหรือ?”


 


จื่อชิวส่ายศีรษะ “ค่ายกลของเรามีวิธีการโจมตีเช่นกัน เมื่อวิญญาณถูกทําลายไประดับหนึ่ง มันจะปล่อยการโจมตีออกมา อย่ามองข้า ข้าไม่สามารถควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ พวกเจ้ารู้ว่ามีเหตุผลอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ข้าแน่ใจว่าข้าไม่จําเป็นต้องอธิบาย”


 


กลุ่มผู้อมตะมองหน้ากับอย่างช่วยไม่ได้


 


สาเหตุหลักคือครั้งหนึ่งฟางหยวนเคยปลอมตัวเป็นวอี้ไห่และแทรกซึมเข้าสู่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ในช่วงเวลาสําคัญ เขาควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะก่อนจะจากไปพร้อมกับผลประโยชน์มหาศาล นั่นทําให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้สูญเสียใบหน้าเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นพวกเขาเริ่มวางกลยุทธ์ใหม่ ค่ายกลวิญญาณอมตะของตระกูลจือจะไม่ถูกควบคุมโดยคนนอกอีกต่อไป พวกเขาต้องดําเนินการด้วยตนเองเพื่อป้องกันคนทรยศเช่นฟางหยวน


 


หยางซานมู่หันหน้าไปทางผู้อมตะเซี่ยฟานจากตระกูลเซี่ย


 


เซี่ยฟานเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เมื่อเห็นหยางซานฟูหันหน้ามา เขาส่ายศีรษะตอบ “ฝ่ายตรงข้ามมีวิธีป้องกันการอนุมานบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ทรงพลังมาก ข้าไม่สามารถอนุมานสิ่งใดเลย เว้นเพียงเราจะได้รับข้อมูลสําคัญบางอย่างในภายหลัง”


 


หยางซานม่รู้สึกผิดหวัง


 


ต่อมาเขาก็ตะโกนออกไป “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าวายร้าย เหตุใดถึงใช้พลังเพียงน้อยนิด? เจ้ามาที่นี่เพื่อเกาหลังให้ข้างั้นหรือ?”


 


หยางซาน จอชิว และเซี่ยฟานต่างเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเขายังได้รับการปกป้องจากค่ายกลวิญญาณอมตะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เกรงกลัวผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นฟางหยวน


 


ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย้ยหยันและเพิกเฉยต่อหยางซานมู่อย่างสิ้นเชิง เขายังตรวจสอบค่ายกลวิญญาณอมตะต่อไป


 


“ค่ายกลนี้ค่อนข้างซับซ้อนและแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคาดไว้


 


หยางซานมุ่ยังยั่วยุต่อไปแต่ฟางหยวนไม่สนใจเขา


 


หยางซานมู่ขมวดคิ้ว “เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ขณะที่พวกเรามีคนมากกว่าและยังมีค่ายกลวิญญาณอมตะ หากเราซ่อนตัวอยู่ที่นี่และปล่อยให้เขาโจมตีได้อย่างอิสระ เราจะไม่ทําให้ฝ่ายธรรมะสูญเสียใบหน้างั้นหรือ? ผู้อมตะคนใดสามารถสังหารวายร้ายผู้นี้ นั่นจะเป็นเรื่องที่ดี!”


 


เขากล่าวแต่ไม่มีผู้ใดตอบรับ


 


ผู้อมตะเกือบทั้งหมดไม่ใช่คนใจร้อน มันอาจดูง่ายที่จะจัดการฟางหยวนที่อยู่เพียงลําพัง แต่นั่นคือปัญหา เหตุใดผู้อมตะระดับเจ็ดถึงกล้าบุกโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะที่ทรงพลังนี้เพียงผู้เดียว?


 


พวกเขาคิดว่าอาจมีการซุ่มโจมตี ดังนั้นพวกเขาจะไม่เสี่ยง


 


เมื่อไม่มีผู้ใดตอบสนอง มันจึงช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าของหยางซานมู่จะกลายเป็นมีดคม


 


หยางซานมู่เป็นผู้นําชั่วคราวของคนกลุ่มนี้ หากเขาหลีกเลี่ยงการต่อสู้ เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ผู้คนจะตําหนิเขาและทําให้เขาสูญเสียชื่อเสียง


 


“ตอนนี้เส้นโลหิตปฐพีของภาคใต้กําลังเคลื่อนไหว ทรัพยากรอมตะและวิญญาณอมตะปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงกระนั้นข้าก็ยังต้องอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องอาณาจักรแห่งความฝัน


 


ข้าต้องการออกไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์และทิ้งสิ่งนี้ไว้ข้างหลัง หลังจากวางแผนมานานและกําลังจะประสบความสําเร็จ เจ้าวายร้ายผู้นี้กลับปรากฏตัวขึ้น หากข้าหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ตระกูลจะมีข้ออ้างและหลักฐานเพื่อหยุดข้า ข้าจะไม่สามารถออกเดินทาง


 


เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยางซานมู่ก็กัดฟันกล่าว “ศัตรูค่อนข้างลึกลับ ในฐานะสมาชิกฝ่ายธรรมะ ข้าจะปล่อยเขาไปไม่ได้ ทุกคน ดูแลค่ายกลวิญญาณ ข้าจะออกไปสู้กับเขา”


 


ผู้อมตะที่ได้ยินเรื่องนี้มีการแสดงออกที่แตกต่างกัน


 


บางคนขอให้เขาระวังตัว บางคนปรบมือและยกย่องความกล้าหาญของเขา บางคนยืนยันว่าหยางซานม่ควรจะปกป้องค่ายกลวิญญาณอมตะอยู่ภายในอย่างสงบ


 


หยางซานมู่ลอบเย้ยหยันอยู่ภายใน แต่ในฐานะสมาชิกฝ่ายธรรมะ ชื่อเสียงสําคัญที่สุด เขาต้องออกไปต่อสู้กับฟางหยวน


 


ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นหยางซานมู่ออกมาแต่เขาก็สามารถทําความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว


 


ระเบิดวิญญาณ!


 


ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาทันที


 


หยางซานมู่ต่อสู้กับฟางหยวนหลายรอบแต่เขากลับไม่สามารถทําสิ่งใดนอกจากนั้นยังรู้สึกตื่นตระหนก เขาคิด “คนผู้นี้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณงั้นหรือ!? แม้การโจมตีของเขาจะเรียบง่ายแต่มันทรงพลังมาก ขณะเดียวกันวิธีป้องกันของเขาก็ลึกลับมาก ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา และจะแพ้ในไม่ช้า หากข้าถอนตัวในเวลานี้มันยังไม่น่าเกลียด ข้าได้รับข้อมูลบางอย่างของเขาแล้ว ข้าสามารถอธิบายตัวเองในภายหลัง!”


 


หยางซานม่ต้องการถอย แต่ฟางหยวนคือผู้ใด? เขามีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย หลังจากเห็นหลางซานม่ตั้งใจล่าถอย เขาก็กระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตทันที


 


วิสัยทัศน์ของหยางซานม่เปลี่ยนไป เขาติดอยู่ในสนารบราชันภูตและไม่สามารถหลบหนี


 


หยางซานม่ตกใจมาก เขตแดนอมตะ! นี่เป็นไปได้อย่างไร? มีเขตแดนอมตะที่สามารถใช้งานได้รวดเร็วถึงระดับนี้อยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไร!?”


 


เขาตื่นตระหนกมากแต่ยังพยายามสงบจิตใจ “อย่าสับสน เขตแดนอมตะนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว มันต้องมีข้อบกพร่อง บางทีมันอาจง่ายที่จะอนุมานและทําลาย ข้ามีผู้อมตะคนอื่นๆ อยู่เคียงข้าง เมื่อพวกเขาเห็นเขตแดนอมตะนี้ปรากฏขึ้น พวกเขาจะช่วยข้าออกไปอย่างแน่นอน!


 


ฟางหยวนชี้นิ้วออกไปขณะที่บุตรแห่งภูตสามตนพุ่งเข้าโจมตีหยางซานมู่


 


หัวใจของหยางซานม่กระตุก เขาพยายามถ่วงเวลาด้วยการต่อสู้และล่าถอย


 


ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ


 


ทันใดนั้นร่างของหยางซานก็สั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงขณะที่ดวงตาแทบหลุดออกมาจากเบ้า เขาตะโกน “วิญญาณอมตะของข้า!”


 


ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการขโมยวิญญาณอมตะ เขาโยนมันเข้าไปในมิติของว่างจักรพรรดิโดยไม่แม้แต่จะชําเลืองตามอง


 


หยางซานมู่ฟนเลือดออกมาจากปาก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที


 


ปรากฏว่าฟางหยวนขโมยวิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะที่เขากําลังใช้งาน การสูญเสียวิญญาณอมตะทําให้ท่าไม้ตายอมตะล้มเหลวขณะที่ผู้ใช้งานจะได้รับผลกระทบ ย้อนกลับ


 


“ดูเหมือนโชคของข้าจะดีกว่าเจ้ามาก ข้าไม่สามารถขโมยวิญญาณอมตะที่สําคัญของฟงจิวเก้อแต่สามารถขโมยวิญญาณอมตะที่สําคัญของเจ้า” ฟางหยวนหัวเราะเย้ยหยัน


 


“ฟงจิวเก้อ? เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”


 


มือปีศาจปล้นวิญญาณ!


 


ฟางหยวนประสบความสําเร็จอีกครั้ง


 


“พรวด!”


 


หยางซานมู่ฟนเลือดคําโตออกมาอีกหน ท่าไม้ตายอมตะของเขาล้มเหลว ด้วยผลกระทบย้อนกลับสองครั้ง มันทําให้เขาเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ


 


มือปีศาจปล้นวิญญาณฆ่าคนได้จริงๆ!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)