คัมภีร์วิถีเซียน 1571-1573

ตอนที่ 1571 หายนะมาสู่ปลาในบ่อ

 

 


 


ไม่ต่างอะไรจากที่หานลี่คิดเอาไว้นัก เมื่อหุ่นเชิดระดับหลอมสุญตาสองตัวสำแดงอิทธิฤทธิ์ นักรบชุดเกราะที่อยู่ในบริเวณรอบและอินทรีสองหัวก็ไม่อาจต้านทานได้ ไม่กลายเป็นซากศพสองสามส่วน ก็เปล่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาไม่หยุดท่ามกลางเปลวเพลิงที่โหมไหม้แล้วร่วงลงจากท้องฟ้า


 


 


ส่วนหุ่นเชิดสองตัวนั้นไม่รู้ว่าสร้างขึ้นจากวัตถุดิบอะไร ไม่ว่ากรงเล็บของอินทรียักษ์สองหัวที่เคยตะปบออกมา หรือว่าลำแสงต่างๆ บนนั้น ก็ทยอยกันดีดกลับมา


 


 


ต่อให้ระดับเทพแปลงสองสามคนปล่อยสมบัติสองสามชิ้นออกมา ก็ทิ้งร่องรอยตื้นๆ เอาไว้เพียงรอยเดียวเท่านั้น


 


 


ทว่าคนของเผ่าแมลงมีเขาเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะคาดการณ์สิ่งเหล่านี้เอาไว้แล้ว ไม่ได้เผยสีหน้าหวาดผวาออกมา กลับมีนักรบชุดเกราะจำนวนไม่น้อยที่ตบไปที่บั้นเอว ลำแสงห้าสีม้วนไปทางชนต่างเผ่าผมยาวผู้นั้น


 


 


ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ชนต่างเผ่า ก็ทยอยกลายเป็นตาข่ายผืนใหญ่คลี่ลงมา


 


 


คิดไม่ถึงว่าเผ่าแมลงมีเขาคิดจะจับเป็นชนต่างเผ่าผู้นี้


 


 


หานลี่มองเห็นฉากนี้ก็อดที่จะรู้สึกตื่นตะลึงไม่ได้


 


 


แต่ในยามนั้นเอง ชนต่างเผ่าผมยาวพลันแค่นเสียงอย่างเย็นชา ฉับพลันนั้นเท้าข้างหนึ่งพลันตบไปบนเรือเหาะใต้ฝ่าเท้า ชั่วขณะนั้นสมบัติชิ้นนี้พลันเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นพลันมีรัศมีสีทองหนาปรากฏขึ้น จากนั้นสองมือพลันร่ายอาคมอีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะกระตุ้นเคล็ดวิชาอะไรสักอย่าง


 


 


ชั่วขณะนั้นในรัศมีลำแสงพลันมีเสียง “เปรี๊ยะๆ” ดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีขาวอ่อนปรากฏขึ้น


 


 


เมื่อตาข่ายยักษ์เหล่านั้นตกลงมา ก็ถูกประจุไฟฟ้าเหล่านี้ดีดออกไป กลายเป็นดวงลำแสงแล้วปริแตกระเบิดออก


 


 


ไม่รอให้นักรบชุดเกราะเหล่านี้ได้ลงมืออันใดอีก ชนต่างเผ่าผมยาวก็พลิกฝ่ามือทั้งสอง ยุทธภัณฑ์สีทองเรืองรองราวกับโล่ทรงกลมปรากฏขึ้นสองด้าน และโยนขึ้นไปกลางอากาศ


 


 


ยุทธภัณฑ์ทั้งสองด้านเปล่งเสียงหวีดร้องแล้วพุ่งออกไป


 


 


นักรบชุดเกราะรอบด้านพลันตะลึงงัน รีบร้อนจ้องเขม็งไปยังสิ่งนั้น ลำแสงสีทองสองด้านหมุนวน แต่กลับพุ่งไปทางชนต่างเผ่าอีกครั้ง


 


 


นี่จึงทำให้ทุกคนพลันตะลึงงัน


 


 


เสียง “ปัง” ดังอึกทึก โล่สองด้านโจมตีไปบนร่างของชนต่างเผ่าผมยาว และระเบิดลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมา


 


 


จากนั้นร่างของชนต่างเผ่าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ที่เดิมกลับมีลูกบอลสีทองเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้งปรากฏขึ้น


 


 


ลูกบอลสีทองนี้เปล่งระยิบระยับ ราวกับสร้างขึ้นจากทองคำก็ไม่ปาน ผิวมีอักขระปรากฏขึ้นอย่างหนาแน่น ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง


 


 


ได้ยินเพียงเสียง “กึกๆ” ประหลาดๆ ผิวของลูกบอลสีทองมีมีดแหลมยาวสองสามฉื่อปรากฏขึ้นอย่างหนาแน่น จากนั้นลูกบอลลูกนี้พลันเคลื่อนไหว พาเงาสายหนึ่งม้วนวนเข้าไปในฝูงชน


 


 


และไม่เห็นบนพื้นผิวมีความผิดปกติใดๆ แต่นักรบชุดเกราะที่ถูกลูกบอลสีทองพุ่งเข้าชนหรือว่าแฉลบผ่าน ล้วนทยอยกันร่างกายระเบิดออกเป็นสี่ห้าส่วน ไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด


 


 


ถึงแม้ว่าการโจมตีเหล่านี้จะอยู่บนลูกบอลสีทอง แต่ก็ถูกลูกบอลนี้หมุนวนอย่างรวดเร็ว แล้วถูกดีดออก


 


 


ชั่วพริบตาลูกบอลสีทองก็ผสานเข้ากับหุ่นเชิดร่างอาชา แล้วพุ่งตรงไปยังทิศทางเดียวกัน


 


 


ส่วนหุ่นเชิดหัวสิงโตตัวนั้น ก็ไล่ตามมาอยู่ด้านหลังติดๆ พลางพ่นลูกบอลเพลิงออกมาไม่หยุด กว่าครึ่งล้วนตรงไปยังอินทรียักษ์สองหัวที่อยู่สูงขึ้นไป ทำให้พวกมันไม่อาจโฉบลงมาได้ง่ายๆ


 


 


เมื่อทั้งสามร่วมมือกัน ก็เฉียบแหลมเป็นอย่างมาก


 


 


นักรบชุดเกราะและอินทรียักษ์ที่อยู่รอบด้านพลันถูกสังหารไปเกือบร้อยตนในพริบตา นี่จึงทำให้ทั้งสามที่ไปอยู่ตรงขอบ ใกล้จะฝ่าวงล้อมออกมาและหนีเตลิดไปได้


 


 


ผู้นำระดับเทพแปลงของเผ่าแมลงมีเขาคนหนึ่ง พลันเอ่ยปากตะโกนขึ้น


 


 


นักรบชุดเกราะที่แต่เดิมล้อมชนต่างเผ่าผมยาวและหุ่นเชิดเอาไว้ พลันร่างกายหยุดชะงัก ไม่เข้ามาใกล้กลับถอยออกไปแล้วแตกฮือออก


 


 


ลูกบอลสีทองและหุ่นเชิดสองตัวในละแวกนั้นหายวับไปในระยะร้อยตั้ง


 


 


ชนต่างเผ่าผมยาวที่ซ่อนตัวอยู่ในลูกบอลสีทองพลันตกตะลึง


 


 


และในยามนั้นเองเรือสงครามกลางอากาศพลันเคลื่อนไหว


 


 


เสาผลึกนับร้อยต้นที่อยู่ด้านล่างเรือสงครามพลันเปล่งแสงออกมาพร้อมกัน พ่นเสาลำแสงสีขาวนวลออกมาอย่างเนืองแน่น


 


 


พริบตานั้นลำแสงสีขาวก็ปกคลุมที่ว่างกลางอากาศทั้งหมดเอาไว้ เสียงระเบิดดังเสียดแก้วหูขึ้น


 


 


ยามนั้นลูกบอลสีทองรวมทั้งหุ่นเชิดสองตัวที่อยู่ท่ามกลางการโจมตีพลันถูกลำแสงสีขาวกลืนกินลงไป


 


 


นักรบชุดเกราะและอินทรียักษ์รอบด้านพลันถือโอกาสนี้วางกำลังการต่อสู้ใหม่ ล้อมที่นี่เอาไว้อีกครั้ง


 


 


การโจมตีด้วยเรือสงครามทั้งสองลำไม่ได้ดำเนินต่อไปนานนัก หลังจากผ่านไปชั่วครู่การโจมตีก็หยุดชะงักลง


 


 


หลังจากที่ลำแสงสีขาวซึ่งล้อมรอบอยู่หม่นแสง ก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง


 


 


หานลี่ที่อยู่ด้านล่างเองก็หรี่ตาทั้งสองข้างลงเช่นกัน และจ้องเขม็งมองไป


 


 


เห็นเพียงตรงใจกลางมีร่มยักษ์สีฟ้าปรากฏขึ้นคันหนึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลางสิบจั้งเศษ กำลังเปล่งแสงระยิบระยับ


 


 


และด้านล่างร่มยักษ์คันนี้ ผิวของลูกบอลยักษ์สีทองมีร่างครึ่งท่อนของชนต่างเผ่าผมยาวงอกออกมา


 


 


เขาขมวดคิ้ว สายตากวาดค้นหารอบๆ ไม่หยุด หว่างคิ้วมีรอยไหม้เกรียมปรากฏขึ้น ส่วนหุ่นเชิดอีกสองตัวก็อยู่ติดกับลูกบอลสีทอง คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักกระผีกเช่นกัน


 


 


ครั้งนี้ชนต่างเผ่าผมยาวดูเหมือนว่าจะไม่ยอมยืดเนื้ออะไรอีก


 


 


หลังจากเขาร้องตะโกนออกมา ก็ยกมือขึ้นกวักไปกลางอากาศ


 


 


ชั่วขณะนั้นร่มยักษ์พลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหดเล็กลง จนมีขนาดสองสามชุ่น ร่อนลงกลางฝ่ามือของเขา จากนั้นร่างกายพลันบิดเบี้ยว กายท่อนบนหายวับไปจากกลางอากาศ หดเข้าไปอยู่ในลูกบอลสีทอง


 


 


ส่วนร่างอาชาและหุ่นเชิดหัวสิงโตที่อยู่ข้างกาย พลันพลิ้วกาย กระโจนออกมาอีกครั้ง


 


 


ชั่วขณะนั้นการต่อสู้พลันปะทุขึ้นอีกครั้ง


 


 


สถานการณ์แทบจะไม่ต่างกับก่อนหน้า นักรบชุดเกราะและอินทรียักษ์รอบด้านยังคงไม่อาจต้านทานหุ่นเชิดทั้งสองและลูกบอลสีทองที่ปะทะเข้ามาได้


 


 


ชั่วครู่ก็เพลี่ยงพล้ำตายไปกว่าครึ่ง


 


 


มองเห็นชนต่างเผ่าผมยาวจะฝ่าวงล้อมออกมาอีกครั้ง แต่ฉับพลันนั้นลูกบอลไฟที่พ่นออกมาจากปากของหุ่นเชิดหัวสิงโตพลันหยุดชะงัก คิดไม่ถึงว่าจะไม่อาจพ่นออกมาได้อีก จากนั้นร่างของมันก็มีแสงสีแดงกะพริบวาบๆ หัวทั้งเจ็ดตกลงมาพร้อมกัน นิ่งงันอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน


 


 


นักรบชุดเกราะรอบด้านเห็นเช่นนั้น พลันตะลึงงัน ทันใดนั้นพลันรู้สึกยินดีขึ้นมา


 


 


ฉับพลันนั้นก็มีคนชูมือขึ้นสองสามคน หมอกลำแสงม้วนวนไป ชั่วพริบตาก็กลายเป็นตาข่ายสองสามผืน ห่อหุ้มหุ่นเชิดสิงโตเอาไว้


 


 


จากนั้นนักรบชุดเกราะสงสามคนก็ออกแรงดึง กวาดต้อนหุ่นเชิดทั้งตัวไป


 


 


เมื่อลดการปกป้องจากหุ่นเชิดหัวสิงโตไป อินทรียักษ์กลางอากาศก็กรูกันเข้ามาอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัวอีกครั้ง ปีกทั้งสองข้างสยายออกไม่หยุด


 


 


มีดวายุหนาเป็นสายๆ พุ่งแหวกอากาศออกมา โจมตีไปยังลูกบอลสีทอง ทำให้ลำแสงสีทองสั่นเทาไปมาอย่างต่อเนื่อง ความเร็วในการหมุนวนผ่อนลง


 


 


ชนต่างเผ่าผมยาวตกอยู่ในวงล้อมอีกครั้ง สูญเสียโอกาสงามๆ ในการหลบหนีไป


 


 


สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าก็คือหุ่นเชิดตัวอาชาก็ต้านทานได้มากกว่าหุ่นเชิดก่อนหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียพลังในการเคลื่อนไหวเพราะเหตุใดก็มิอาจรู้ได้เช่นกัน ถูกเผ่าแมลงมีเขาเหล่านั้นแย่งชิงไป


 


 


ชั่วพริบตานั้นแม้ว่าลูกบอลสีทองที่ตกอยู่ในอันตรายจะมีพลังการป้องกันตัวที่น่าตกตะลึง แต่การโจมตีด้วยมีดลำแสงไอกระบี่ต่างๆ รวมทั้งการสับของมีดวายุของนักรบชุดเกราะรอบๆ ด้าน ลำแสงสีทองกะพริบเรืองๆ ท่าทีต้านทานไม่อยู่


 


 


หานลี่มองจนมาถึงยามนี้พลันถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


 


 


ชนต่างเผ่าผมยาวสามารถควบคุมหุ่นเชิดอสูรที่ระดับสูงกว่าตนเองสองสามเท่าใด และสามารถยืนหยัดกับการถูกล้อมด้วยคนจำนวนมากมานานเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา


 


 


ทว่าดูจากสถานการณ์นี้ เขาก็ไร้หนทางไปจริงๆ ถูกจับเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วเท่านั้น


 


 


แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดชาวเผ่าแมลงมีเขาเหล่านั้นถึงอยากจับเป็นคนผู้นี้ แต่เขาเปิดเผยตัวออกมาด้วยความไม่ได้ตั้งใจ จึงก่อให้เกิดปัญหา ทันใดนั้นร่างกายพลันเคลื่อนไหว คิดจะจากไปอย่างเงียบเชียบ


 


 


แต่ในยามนั้นเองฉับพลันนั้นทางลูกบอลสีทองพลันมีเสียงไพเราะเสนาะหูของชนต่างเผ่าผมยาวดังขึ้น “ท่านอาวุโสที่อยู่ด้านล่าง ข้าน้อยคือจย่าเทียนมู่ของเผ่าหมื่นโบราณ! หากท่านอาวุโสยอมลงมือช่วย ข้าน้อยกลับไปยังเผ่าจะยอมมอบหุ่นเชิดสะท้านฟ้าให้!”


 


 


ชนต่างเผ่าผมยาวไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาถ่ายทอดเสียง ในน้ำเสียงแฝงเอาไว้ด้วยพลังวิญญาณ จึงทำให้ผู้ที่อยู่ในรัศมีสองสามลี้ได้ยินอย่างชัดเจน!


 


 


เมื่อได้ยินหานลี่พลันตะลึงงัน ทันใดนั้นในใจพลันอดที่จะอยากด่ากราดออกไปไม่ได้


 


 


แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชนต่างเผ่าตรวจพบการดำรงอยู่ของเขาได้อย่างไร แต่เปิดเผยร่องรอยของเขาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่มีเจตนาดี


 


 


ส่วนเรื่องก็เป็นดังที่คิดไว้ เผ่าแมลงมีเขาที่อยู่กลางอากาศได้ยิน ทันใดนั้นผู้ที่เป็นหัวหน้าก็โบกมือ ทันใดนั้นนักรบชุดเกราะสองสามคนและอินทรียักษ์สองหัวสิบกว่าตัวก็มาค้นหาบนภูเขาที่เขาซ่อนตัวอยู่


 


 


ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ใช้วิธีการใด พริบตานั้นก็มาตามหาตามต้นไม้ใกล้ๆ กับเขา มองไปรอบๆ จากกลางอากาศไม่หยุด


 


 


หานลี่มุมปากกระตุก มองเห็นว่าไม่อาจซ่อนตัวได้ แต่ในใจกลับไม่มีความหวาดกลัวเท่าใดนัก


 


 


คนเผ่าแมลงมีเขาและอินทรียักษ์เหล่านี้พลังยุทธ์ต่ำต้อย จะคุกคามอะไรเขาได้ ปัญหาเดียวก็น่าจะเป็นเรือสงครามสองลำนั้น


 


 


ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น ถูกชนต่างเผ่าผมยาวผู้นั้นเปิดเผยร่องรอย แน่นอนว่าย่อมทำให้เขารู้สึกโกรธแค้น


 


 


หลังจากที่จิตสังหารฉายวาบผ่าน ฉับพลันนั้นเขาพลันสะบัดแขนเสื้อ กระบี่เล่มเล็กยาวสองสามชุ่นยี่สิบกว่าเล่มพุ่งออกไป


 


 


เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นเส้นไหมสีเงิน จมหายไปกลางอากาศแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


ครู่ต่อมาเสียง “กึกๆ” ก็ดังสนั่นขึ้น


 


 


เส้นไหมสีเขียวสองสามสายปรากฏขึ้นกลางอากาศใกล้กับนักรบชุดเกราะเผ่าแมลงมีเขาและอินทรียักษ์ ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ


 


 


ร่างของนักรบชุดเกราะเหล่านี้และอินทรียักษ์สองหัวแหลกออกเป็นชิ้นๆ ในชั่วพริบตา ซากศพกลายเป็นห่าฝนสาดลงมา


 


 


ทันใดนั้นร่างของหานลี่ก็ปรากฏตัวใต้ต้นไม้ใหญ่ แผ่นหลังมีเสียงฟ้าฟาดดังขึ้น ปีกคู่หนึ่งปรากฏออกมา


 


 


เมื่อปีกทั้งสองกระพือ หานลี่ก็หายวับไปตามสายลม


 


 


ครู่ต่อมานักรบชุดเกราะเผ่าแมลงมีเขาที่ล้อมรอบชนต่างเผ่าผมยาวอยู่ตรงหน้า มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น


 


 


ประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวเปล่งประกาย ร่างของหานลี่เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น


 


 


สองมือของเขาร่ายอาคม เส้นไหมสีเขียวเจ็ดสิบสองเส้นพุ่งออกมาจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย สองมือร่ายอาคมอีกครั้ง


 


 


ชั่วขณะนั้นเส้นไหมสีเขียวทั้งหมดพลันรางเลือน แบ่งจากหนึ่งเส้นเป็นสองเส้น สองเส้นเป็นสี่เส้น


 


 


พริบตานั้นทั่วท้องฟ้าก็มีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ เสียงแหวกอากาศดังออกไปในรัศมีร้อยจั้ง


 


 


ส่วนนักรบชุดเกราะสามสิบกว่าคนและอินทรียักษ์สองหัวที่อยู่ในบริเวณนี้ พลันกรีดร้องอย่างน่าเวทนาออกมาอย่างต่อเนื่อง แค่สองสามชั่วลมหายใจ ก็ทยอยกันตกลงมาจากท้องฟ้า


 


 


คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานการโจมตีจากเส้นไหมกระบี่ของหานลี่ได้


 


 


ชั่วครู่รอบด้านของหานลี่ก็ไม่มีศัตรูแม้แต่คนเดียวอีก


 


 


ส่วนนักรบชุดเกราะเผ่าแมลงมีเขาคนอื่นๆ ในบริเวณรอบที่เพิ่งได้สติขึ้นมา ก็เผยสีหน้าตื่นตกใจออกมา ทยอยกันถอยร่นออกไปไกลตามจิตสำนึก


 


 


แต่หานลี่กลับไม่ได้เจตนาจะหยุดมือ สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นเงาร่างสีดำสองกลุ่มก็บินออกมาจากปาก


 


 


หลังจากลำแสงสีทองและดำสองสีเปล่งแสงสว่างวาบ กลางอากาศพลันมีอสูรน้อยรูปร่างเหมือนเสือดาวและวานรน้อยสีดำสูงสองสามฉื่อปรากฏขึ้น


 


 


“ลงมือ ฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือ!” หานลี่ตะโกนออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

 

 


ตอนที่ 1572 เงาศัตรูปรากฏกายอีกครั้ง

 

เมื่อสิ้นเสียงของหานลี่ ชั่วขณะนั้นร่างของอสูรน้อยพลันพลิ้วไหว กลายเป็นเงาลวงตาสิบกว่าเงา พุ่งเข้าไปหาฝูงชน


 


 


กรงเล็บลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ไม่ว่าเกราะสงครามสีเงินที่นักรบชุดเกราะสวมอยู่หรือใบมีดในมือ ก็ทยอยกันถูกสับจนแหลกราวกับกระดาษ


 


 


กรงเล็บคู่นี้ดูราวกับอสูรกินเลนเสือดาว ราวกับคมใบของอาวุธวิเศษ


 


 


ส่วนวานรน้อยสีดำแค่เปล่งแสงสีดำ ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นยี่สิบสามสิบเท่า กลายเป็นวานรยักษ์สีดำสูงยี่สิบจั้งเศษ


 


 


สองมือของวานรน้อยตัวนี้ทุบไปที่ทรวงอกของตัวเอง แค่นเสียงขึ้นจมูก


 


 


ชั่วขณะนั้นหมอกลำแสงสีเหลืองพลันพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ


 


 


เมื่ออินทรียักษ์สองหัวเหล่านั้นถูกลำแสงกวาดออกไป ก็ทยอยกันร่วงลงมาจากท้องฟ้าราวกับร่ำสุราจนเมามาย


 


 


แขนใหญ่ยักษ์ทั้งสองข้างของวานรยักษ์ร่ายรำราวกับกงล้อ ฝ่ามือหนึ่งตบไปอินทรียักษ์สองหัวจนแหลกราวกับตบแมลง


 


 


ส่วนทางด้านหานลี่ ก็กระตุ้นกระบี่บินสับลงมาอีกครั้ง ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ แน่นอนว่าต้องมีนักรบชุดเกราะและอินทรียักษ์ถูกสับออกเป็นสองส่วน ไม่อาจต้านทานได้


 


 


นักรบชุดเกราะนับร้อยคนและอินทรีสองหัวของเผ่าแมลงมีเขาถูกหานลี่และอสูรวิญญาณทั้งสองตัวฆ่าไปเจ็ดแปดส่วนได้ในภายในพริบตา


 


 


ในที่สุดนักรบชุดเกราะที่เหลืออยู่ไม่ถึงร้อยคนก็เผยสีหน้าหวาดผวาออกมา ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้นำ พากันแตกกระเจิงออก ทยอยกันบินหนีเอาชีวิตรอดไปทางเรือสงครามสองลำที่อยู่กลางอากาศ


 


 


หานลี่กลายเป็นลำแสงหลีกหนีอย่างไม่ลังเล กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งไล่รุดตามไป


 


 


กระบี่ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบอย่างต่อเนื่อง ซากศพเกลื่อนกลาด


 


 


ฉับพลันนั้นบนท้องฟ้าพลันมีเสียงหวีดร้องดังขึ้น


 


 


หานลี่ใจหายวาบ เงยหน้าขึ้นด้วยความร้อนรน


 


 


เห็นเพียงเสาผลึกด้านล่างเรือสงครามสีเงินสองลำเปล่งแสงเจิดจ้า พ่นเสาลำแสงร้อยกว่าต้นออกมา


 


 


คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไม่สนใจนักรบชุดเกราะเผ่าแมลงมีเขาคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงเลยสักนิด


 


 


หานลี่แค่นเสียงด้วยความเย็นชา สองปีกที่แผ่นหลังกระพือออก หลังจากเสียงฟ้าฟาดดังขึ้น ก็หายวับไปจากที่เดิม


 


 


แม้ว่าเสาลำแสงจะปกคลุมเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ แต่การโจมตีทั้งหมดก็สูญเปล่า


 


 


ครู่ต่อมาด้านบนเรือสงครามสีเงินลำหนึ่ง พลันมีเงาร่างของหานลี่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง


 


 


มองลงไปที่เกาะสีเงินด้านล่าง หานลี่ตะปบมือข้างหนึ่งไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก


 


 


ฝ่ามือสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกยื่นออกมาจากแขนเสื้อ กดไปที่อากาศด้านล่างอย่างแผ่วเบา ภูเขาสีดำหมุนติ้วๆ พ่นออกมาจากใจกลางฝ่ามือ


 


 


จากนั้นภูเขาก็ขยายขนาดขึ้นไม่หยุด จนมีขนาดสิบจั้งเศษ ทุบลงไปที่เรือสงครามด้านล่างอย่างแรง


 


 


ภูเขาเทวะดูดปราณมีขนาดใหญ่กว่าเรือสงครามสองสามส่วน หลังจากสิ่งมหึมาตกลงมา สีดำทะมึนกดทับลงไป ชั่วขณะนั้นก็ห่อหุ้มเรือสงครามเอาไว้


 


 


ชั่วขณะนั้นชาวแมลงมีเขาที่รักษาการณ์อยู่ด้านในเรือสงครามพลันตกใจจนหน้าถอดสี แม้ว่าจะอยากควบคุมเรือสงครามให้หลบหลีก แต่ไหนเลยจะหลบหลีกทัน!


 


 


ได้ยินเพียงเสียงตูมๆ ดังสนั่นขึ้น


 


 


ตีนยอดเขายักษ์และเรือสงครามปะทะกัน ในเวลาเดียวกันพลันพลิ้วไหว ยอดเขาถูกพลังมหาศาลดีดกลับไป


 


 


ท่ามกลางแรงสั่นสะเทือน ผิวของเรือสงครามพลันบุบเข้าไปกว่าครึ่ง และถูกทุบจังๆ เข้ากลางอากาศ ตกลงมาที่พื้นดังสนั่น


 


 


เรือกว่าครึ่งจมอยู่ในพื้นดิน มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่อาจบินขึ้นมาได้อีก


 


 


หานลี่เห็นฉากนี้ แววตาพลันฉายแววประหลาดใจออกมา


 


 


คิดไม่ถึงว่าเรือสงครามนี้จะไม่ถูกภูเขาเทวะดูดปราณโจมตีจนระเบิด เห็นได้ชัดว่าวัตถุดิบที่ใช้สร้างนั้นแข็งแกร่งมาก เกรงว่าไม่ต่างอะไรกับวัตถุดิบของสมบัติธรรมดาเท่าใดนัก


 


 


ส่วนเรือสงครามลำใหญ่เช่นนี้ ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบไปขนาดไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว เมื่อนึกถึง ‘เกาะยักษ์’ ที่ใหญ่ยิ่งกว่าซึ่งเห็นที่เมืองแสงมรกตในวันนั้น หานลี่ก็อดที่จะสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปไม่ได้


 


 


ในที่สุดก็พอเข้าใจความมั่งคั่งของเผ่าแมลงมีเขาอยู่บ้าง


 


 


เผ่านี้คู่ควรกับที่เป็นเผ่าอันยิ่งใหญ่อันดับต้นๆ ของแดนวิญญาณจริงๆ


 


 


รู้สึกตื่นตะลึง แต่หานลี่กลับไม่มีเจตนาจะหยุดยั้งเลยสักนิด กลับใช้มือหนึ่งชี้ไปที่ยอดเขาสีดำกลางอากาศ


 


 


ชั่วขณะนั้นภูเขาเทวะดูดปราณพลันเปล่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา กรีดร้องแล้วทับลงมาอีกครั้ง


 


 


พริบตานั้นได้ยินเพียงเสียงอึกทึกสะเทือนเลื่อนลั่นดังอย่างต่อเนื่อง


 


 


คิดไม่ถึงว่าเรือสงครามสีเงินลำนั้นจะแบนราบเพราะถูกยอดเขากดทับลงมา และถูกทับจนกลายเป็น ‘เศษเหล็ก’ กองหนึ่ง


 


 


แม้ว่าเผ่าแมลงมีเขาที่ควบคุมอยู่ด้านในจะยังไม่ถึงคราวตาย แต่ก็คงไม่ต่างกันเท่าใดนัก


 


 


แต่สิ่งที่ทำให้น่าตกตะลึงก็คือ ผิวของเรือสงครามเปล่งแสงสีเงินระยิบระยับ คาดไม่ถึงว่าจะกลับมานูนขึ้นทีละนิดๆ ดูเหมือนว่าจะฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิม


 


 


หานลี่เห็นการโจมตีสองสามหนนี้ไม่อาจกำจัดเรือลำนี้ทิ้งได้ ทันใดนั้นพลันขมวดคิ้วมุ่น ตะปบมือไปกลางอากาศ


 


 


เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น!


 


 


เส้นไหมสีเขียวยี่สิบกว่าสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไปกลางอากาศ ล้วนรวมตัวกันอยู่บนฝ่ามือของหานลี่


 


 


ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงเจิดจ้า กลายเป็นกระบี่ยักษ์ความยาวสองสามจั้ง แต่ผิวของมันเปล่งแสงสีเขียว ราวกับไม่มีร่างจริงก็ไม่ปาน


 


 


หานลี่คว้าไปที่ด้ามกระบี่โดยไม่ปริปาก ตวัดไปทางเรือสงครามด้านล่างที่ไม่อาจขยับตัวได้ แล้วสับลงมา


 


 


แต่ในยามนั้นฉับพลันนั้นหานลี่พลันได้ยินเสียงหวีดร้องของชนต่างเผ่าผมยาวดังขึ้น


 


 


“ท่านอาวุโสโปรดระวัง!”


 


 


หลังจากที่เขาตะลึงงัน ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งระเบิดอยู่ด้านข้างของตน


 


 


หานลี่ขวางกระบี่ยักษ์ในมือออกไปอย่างไม่ต้องขบคิด ฟันไปทางพลังวิญญาณที่โหมเข้ามา


 


 


ชั่วขณะนั้นไอกระบี่สีเขียวยาวสิบจั้งเศษสายหนึ่งสับออกไป โจมตีไปยังพลังวิญญาณกลุ่มนั้นอย่างพอดิบพอดี


 


 


ทั้งสองอยู่ห่างจากหานลี่ไปสามสิบจั้งเศษ แล้วพลันระเบิดออก กลายเป็นเสาพายุสีเขียวดำพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


 


มองจากที่ไกลๆ ช่างน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!


 


 


หานลี่กวาดสายตาไปฝั่งตรงข้าม สองตากลับหรี่ลงเล็กน้อย


 


 


เห็นเพียงกลางอากาศเหนือเรือยักษ์สีเงินอีกลำหนึ่ง มีคนหน้าตาแตกต่างกันสี่คนปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


 


 


หนึ่งในนั้นเป็นคนประหลาดหน้าขาวซีด สองเท้าเปลือยเปล่าเบื้องหน้ามีมีดประหลาดกึ่งโปร่งใสลอยอยู่เล่มหนึ่ง กำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด


 


 


ดูแล้วการลอบโจมตีเมื่อครู่ จะมาจากคนผู้นี้


 


 


อีกสามคนคือหญิงชราคนหนึ่ง คนแคระคนหนึ่ง และชายร่างใหญ่สวมชุดคลุมหนังอสูรที่ดูเหมือนคนป่าอย่างไรอย่างนั้น


 


 


หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง แผ่จิตสัมผัสไป ชั่วขณะนั้นพลันพบว่าคนประหลาดที่ลงมือผู้นั้นอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นกลาง อีกสามคนอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นต้น


 


 


ทว่าเมื่อครู่เขาตรวจสอบแล้วแท้ๆ ว่าเดิมทีไม่มีสี่คนนี้ พวกเขามาจากไหนกัน


 


 


แค่ระดับหลอมสุญตา แม้ว่าจะรับมือยาก แต่หานลี่ก็ยังคงไม่ค่อยสนใจนัก แต่กลับสงสัยกับการปรากฏตัวของทั้งสี่คนอยู่หลายส่วน


 


 


“บังอาจไม่น้อย คาดไม่ถึงว่าจะกล้าทำลายเรือสงครามของเผ่าแมลงมีเขาของพวกเรา ดูจากท่าทางเจ้าแล้ว คงไม่ใช่คนของสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์ ทว่าก็ไม่สำคัญ อีกเดี๋ยวจับเป็นกลับไป ย่อมต้องซักถามอยู่แล้ว” คนประหลาดหน้าซีดขาวเอ่ยอย่างเย็นชา


 


 


จากนั้นพลันกวาดสายตาไป คาดไม่ถึงว่าจะมองไปอีกด้าน


 


 


ตรงนั้นชนต่างเผ่าผมยาวผู้นั้นปรากฏตัวออกมาจากลูกบอลสีทองอีกครั้ง หน้าเปลี่ยนสีเป็นดูไม่ได้หลังจากเห็นระดับหลอมสุญตาทั้งสี่คนนี้


 


 


“ท่านจย่า ได้ยินว่าท่านไม่ใช่ชาวเผ่าหมื่นโบราณสายเลือดบริสุทธิ์ เช่นนั้นเหตุใดต้องออกแรงเพื่อสามสิบเผ่าเมฆาสวรรค์ถึงเพียงนั้น ตอนที่พวกเราออกมา อาวุโสในเผ่าได้เอ่ยถึงชื่อท่านเป็นพิเศษ ชื่นชมเคล็ดวิชาหุ่นเชิดของท่านไม่ขาดปาก และยิ่งไปกว่านั้นยังเคยพูดว่า ขอแค่ท่านยอมจำนนต่อเผ่าแมลงมีเขา เหล่าอาวุโสจะยอมเสียสิ่งมีค่าทั้งหมด ล้างไขกระดูกให้ท่าน ทำให้ท่านมีโลหิตของเผ่าเรา และยิ่งไปกว่านั้นยังกล้ายอมเก็บข้าวของ ถึงอย่างไรก็ต้องช่วยท่านให้บรรลุระดับเผ่าเบื้องบนขั้นสูงสุดให้ได้ เช่นนั้นหากท่านมีวาสนา อาจจะกลายเป็นแม้กระทั่งระดับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้” น้ำเสียงของคนประหลาดหน้าซีดขาวผ่อนลงขณะเอ่ยกับชนต่างเผ่าผมยาว ท่าทางนอบน้อมเป็นอย่างมาก


 


 


“ยอมจำนนต่อพวกเจ้า! ผู้แซ่จย่าไม่สนใจ แม้ว่าสายเลือดของข้าน้อยจะไม่บริสุทธิ์ แต่อาวุโสในเผ่าก็มีบุญคุณต่อข้า ข้าไม่มีทางเปลี่ยนไปอยู่เผ่าเจ้าได้ เจตนาที่พวกเจ้าจับเป็นข้าไป กว่าครึ่งคงเป็นเพราะเคล็ดวิชาหลอมหุ่นเชิดของข้า อีกครึ่งคงเพราะข่าวคราวความลับของสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์สินะ” จย่าเทียนมู่ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วสั่นศีรษะด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก


 


 


“ท่านจย่า เจ้าคิดว่ายังมีโอกาสหนีไปจากที่นี่อีกหรือ? แม้หุ่นเชิดที่คุ้มครองเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่ศิลาวิญญาณที่ใช้ฝ่าวงล้อมออกไปในครั้งที่แล้วคงใกล้หมดแล้วสินะ ส่วนพลังยุทธ์ของท่านจย่าเอง ก็ไม่มีพลังคุกคามต่อพวกเราเลยสักนิด พวกเราไม่อยากลงมือ ท่านจย่ายอมให้จับเสียดีๆ เถิด” คนประหลาดเผชิญหน้ากับคำปฏิเสธของจย่าเทียนมู่ ก็ไม่ได้โกรธขึ้ง กลับเอ่ยพร้อมหัวเราะน้อยๆ ออกมา


 


 


จย่าเทียนมู่ได้ยินคำนี้ สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเท่าใดนัก แต่กลับมองไปทางหานลี่ที่อยู่ด้านข้าง แล้วมองปราดไปแวบหนึ่ง


 


 


“อันใด ท่านหวังว่าคนผู้นี้จะช่วยชีวิตได้หรือ ก็ดี พวกเราสี่คนจะจัดการผู้ที่ขวางมือขวางเท้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน” คนประหลาดหน้าขาวเห็นสีหน้าของจย่าเทียนมู่ ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบออกมา


 


 


ทันใดนั้นเขาพลันปั้นหน้าบึ้งตึ้ง มองมาทางหานลี่อีกครั้ง


 


 


“เจ้าจะยอมให้จับเสียดีๆ หรือว่าจะให้พวกเราทำลายกายเนื้อ แล้วพาจิตวิญญาณดั้งเดิมของเจ้ากลับไป” คนประหลาดเอ่ยอย่างเย็นชา


 


 


หานลี่ได้ยินคำถามนี้รูม่านตาพลันหดเล็กลง แต่ทันใดนั้นก็ฉีกยิ้มออกมา


 


 


“คำพูดของพวกท่านช่างอาจหาญไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าอิทธิฤทธิ์ของทั้งสี่จะยิ่งใหญ่เหมือนคำพูดของพวกท่านหรือไม่” หานลี่เอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่ดวงตามิได้ฉีกยิ้มไปด้วย


 


 


คนประหลาดได้ยินพลันรู้สึกประหลาดใจ จ้องเขม็งไปยังหานลี่สองแวบ ฉับพลันนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ฉับพลันนั้นพลันหันหน้าไปหาหญิงชราแล้วเอ่ยถามว่า


 


 


“ข้าว่าคนผู้นี้หน้าคุ้นๆ นะ ใช่คนที่ทูตถูบอกให้พวกเราตามจับเมื่อสองสามวันก่อนหรือไม่”


 


 


“พี่ซินกล่าวเช่นนี้ ก็เป็นเช่นนี้จริงๆ เหมือนกับในภาพวาดไม่มีผิดเพี้ยน! ระวังหน่อย ในเมื่อคนผู้นี้หนีออกจากเงื้อมมือของทูตถูได้ อิทธิฤทธิ์ต้องไม่น้อยอย่างแน่นอน” หญิงชราเองก็มองไปที่หานลี่สองสามแวบ แววตาฉายแววเย็นชา พลางพยักหน้าอย่างเชื่องช้า


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหญิงชรา คนที่เหลืออีกสองคนก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา


 


 


“ฮ่าๆ เป็นคนผู้นี้จริงๆ หรือ? หากเป็นเช่นนั้นละก็ กลุ่มของพวกเราก็มาถูกทางแล้ว ตกรางวัลใหญ่ได้ตั้งสองคราว! จะว่าไปแล้วต้องชมคนผู้นั้นที่โจมตีเรือสงครามอีกลำ มิเช่นนั้นหากอีกกลุ่มส่งตัวมาละก็ ความดีความชอบก็จะต้องแบ่งให้พวกเขาไปเปล่าครึ่งหนึ่ง” ชายร่างยักษ์สวมชุดคลุมหนังอสูรเปล่งเสียงหัวเราะอย่างโหดเ**้ยมออกมา


 


 


“หึ สหายหลีพูดจามั่นอกมั่นใจนัก คนผู้นี้ไม่ใช่ดินโคลน อิทธิฤทธิ์ไม่ด้อยไปกว่าพวกเรา อีกเดี๋ยวอย่าประมาท จะเสียเปรียบยกใหญ่” คนแคระที่มีส่วนสูงไม่ถึงสามฉื่อ กลับเอ่ยเตือนพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา


 


 


“หึๆ ต่อให้เขามีอิทธิฤทธิ์ขนาดไหน คนเดียวจะต่อกรกับพวกเราสี่คนได้หรือ?” ชายร่างใหญ่หัวเราะหึๆ ออกมา ท่าทางไม่ใส่ใจเลยสักนิด


 


 


“หากปะทะตรงๆ ย่อมไม่ใช่คู่มือของพวกเราสี่คน แต่หากจงใจหนี เจ้าจะต้องขวางคนผู้นี้เอาไว้ให้ได้!” คนแคระเบะปาก แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

 


ตอนที่ 1573 แปลงร่างเป็นวิหค

 

คนเหล่านี้พูดกันคนละหนึ่งประโยค น้ำเสียงดูตามอำเภอใจเป็นอย่างมาก ดูราวกับว่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวต่อกัน


 


 


“ส่งตัว?”


 


 


หานลี่กลับจับจุดสำคัญในบทสนทนานี้ออก สายตากวาดไปยังเรือสงครามทั้งสองลำ ในที่สุดก็คลายข้อสงสัยการปรากฏตัวของคนเหล่านี้ได้


 


 


เรือสงครามเหล่านี้คาดไม่ถึงว่าจะมีเขตอาคมส่งตัวอยู่ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ


 


 


ทว่าเขตอาคมส่งตัวประเภทนี้ ย่อมแตกต่างกับเขตอาคมส่งตัวธรรมดาๆ เกรงว่าราคาในการส่งตัวคงไม่น้อย


 


 


และยิ่งไปกว่านั้นฟังจากน้ำเสียงของคนเหล่านี้ เดิมทีน่าจะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งถูกส่งตัวมา แต่เป็นเพราะเรืออีกลำถูกทำลาย จึงมีเพียงพวกเขาที่ถูกส่งตัวมาที่นี่


 


 


เพื่อผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงคนหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะใช้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตามากมายขนาดนี้ ดูแล้วชนต่างเผ่าที่ควบคุมหุ่นเชิดผู้นี้ คงจะเป็นบุคคลที่สำคัญมากจริงๆ


 


 


ทว่าคนเหล่านี้มองปราดเดียวก็รู้ที่มาที่ไปของเขา ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!


 


 


ระดับผสานอินทรีย์ผู้นั้นของเมืองแสงมรกต ยังไม่ยอมเลิกละ ไม่ ต้องกล่าวว่ายังไม่ยอมแพ้ต่อกล่องหยกสองใบในกำไลเก็บของของเขา


 


 


ดูแล้วของที่อยู่ในกล่องคงจะไม่ธรรมดาเช่นกัน ชายหัวโตผู้นั้นไม่ได้พูดเกินจริง


 


 


ส่วนหานลี่พลันมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ชั่วพริบตาก็นึกเรื่องราวทั้งหมดได้


 


 


ยามนี้อสูรมิคาทนและวิญญาณครวญเองก็เลิกไล่ล่านักรบชุดเกราะเผ่าแมลงมีเขาแล้ว มันบินกลับมาข้างกายของหานลี่อย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็จ้องเขม็งไปยังทั้งสี่คนด้วยสายตาโหดเ**้ยม


 


 


พวกมันรู้ดีว่าคนเหล่านี้ไม่เหมือนกับผู้ที่มันสังหารมาทั้งหมด จึงไม่ได้บุ่มบ่ามเข้าโจมตี


 


 


เมื่อชายประหลาดเท้าเปลือยเปล่าที่อยู่ตรงข้าม ได้ฟังคำพูดของสหายตน แววตาก็เปล่งประกายอย่างต่อเนื่อง อ้าปากออก ดูเหมือนว่าจะอยากเอ่ยอะไรกับหานลี่


 


 


แต่ในยามนั้นเองหานลี่กลับสะบัดแขนเสื้อไปทางทั้งสี่คน


 


 


เสียงแหวกอากาศดังขึ้น เส้นไหมสีเขียวยี่สิบกว่าสายแยกกันเป็นสี่กลุ่มพุ่งออกไปหาทั้งสี่คน


 


 


ความเร็วของมันเรียกได้ว่าศิลาเพลิงสายฟ้า แค่กระพริบวาบก็มาอยู่ตรงหน้าทั้งสี่คน


 


 


ชั่วขณะนั้นระดับหลอมสุญตาของเผ่าแมลงมีเขาทั้งสี่คนรวมทั้งชายประหลาดเท้าเปลือยเปล่าพลันตกใจจนสะดุ้งโหยง


 


 


ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่หานลี่ควบคุมกระบี่เส้นไหมสังหารนักรบชุดเกราะคนอื่นๆ ล้วนตกอยู่ในครรลองสายตาของคนเหล่านั้น แต่ความเร็วของกระบี่เส้นไหมในยามนั้นยังไม่เท่าตอนนี้ ไม่อาจเทียบกับตอนนี้ได้เลย


 


 


ผลคือทั้งสองคนพลันตกตะลึงระคนโกรธขึ้ง ทยอยกันเบี่ยงตัวหลบหลีกต้านทาน


 


 


ร่างของคนประหลาดเท้าเปลือยผิวไหว ควันสีขาวทะลักออกมาจากที่เดิมแล้วหายวับไป


 


 


หญิงชรากลับมีลำแสงสว่างวาบขึ้นบนเรือนร่าง กลายเป็นภาพลวงตาสองสามสายที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว หลังจากที่เส้นไหมสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ เงาลวงตาก็ปริแตกออก แต่กลับไม่เห็นเงาร่างของหญิงชรา


 


 


ชั่วพริบตาที่เส้นไหมสีเขียวพุ่งมาหาคนแคระผู้นั้น เขาพลันหน้าเปลี่ยนสี สองมือพลันร่ายอาคม ชั่วขณะนั้นใต้ฝ่าเท้าพลันมีแสงสีเงินสว่างวาบ หมอกเมฆาสีเงินกลุ่มหนึ่งปรากฏออกมา


 


 


เมื่อเมฆาก้อนนี้เคลื่อนไหว ชั่วขณะนั้นพลันรองคนแคระเอาไว้ กลายเป็นลำแสงกลุ่มหนึ่งพุ่งถอยร่นไป


 


 


คิดไม่ถึงว่าความเร็วจะไม่ต่างอะไรกับเส้นไหมสีเขียวมากนัก


 


 


มีเพียงชายร่างใหญ่ที่สวมผ้าคลุมหนังอสูรผู้นั้น มือหนึ่งมีลำแสงสีแดงสว่างวาบอย่างไม่ต้องขบคิด ขวานยักษ์เปลวเพลิงสีแดงสดปรากฏขึ้นในมือ จับไปที่ด้ามอย่างหนักแน่น


 


 


แขนขยับ ขวานยักษ์ต้านทานอยู่เบื้องหน้า ราวกับโล่ยักษ์อย่างไรอย่างนั้น!


 


 


ขวานนี้สร้างขึ้นจากวัตถุดิบธาตุเพลิงหลากหลายชนิด อานุภาพนั้นยังไม่ต้องพูดถึง ความแข็งแกร่งของขวานไม่ด้อยไปกว่าสมบัติป้องกันตัวระดับสุดยอดเลยสักนิด ดังนั้นแม้ว่าชายร่างใหญ่จะเห็นว่าเมื่อครู่หานลี่ใช้กระบี่เส้นไหมสับนักรบชุดเกราะออกเป็นหลายส่วนราวกับหั่นผัก ก็ยังคงใช้สมบัติชิ้นนี้ออกมาต้านทานเส้นไหมสีเขียวอย่างไม่ใส่ใจเลยสักนิด


 


 


แต่เมื่อชายร่างใหญ่ชูขวานยักษ์ขึ้น ก็รู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้ามีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ จากนั้นในมือพลันเบาโหวงลง


 


 


คาดไม่ถึงว่าขวานยักษ์จะถูกสับออกเป็นเจ็ดแปดส่วนในพริบตา


 


 


ส่วนชายร่างใหญ่นั้นไม่ทันแม้กระทั่งจะเปล่งเสียงร้องออกมา ก็กลายเป็นชิ้นเนื้อกองหนึ่ง แม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมก็ไม่อาจหนีทัน เปล่งแสงสว่างวาบพร้อมเส้นไหมสีเขียวแล้วกลายเป็นฝุ่นควัน


 


 


“หา! สหายหลี…” เงาร่างคนประหลาดเท้าเปลือยปรากฏตัวห่างออกไปสามสิบจั้งเศษ มองปราดเดียวก็เห็นวินาทีที่ชายร่างใหญ่ถูกสับ จึงร้องตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว


 


 


จุดที่เหลือล้วนเผยร่างของหญิงสาวและคนแคระออกมา เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสีเช่นกัน


 


 


แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าหานลี่มีอิทธิฤทธิ์ไม่น้อย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าสหายร่วมวิถีของตนเองจะถูกสังหารเพียงปะหน้าเท่านั้น


 


 


แต่ทั้งสามคนก็ไม่ทันได้ลงมือช่วยแก้แค้นแทนชายร่างใหญ่ เส้นไหมสีเขียวก็เปล่งแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง แล้วพุ่งตัวไล่ตามทั้งสามคนมา


 


 


ส่วนคนประหลาดเท้าเปลือยและพวกมองเห็นความแหลมคมของเส้นไหมสีเขียวเหล่านี้ด้วยตาของตนเอง ไหนเลยจะกล้าใช้สมบัติอะไรมาตั้งรับอีก ทำได้เพียงทยอยกันสำแดงอิทธิฤทธิ์หลบหลีกด้วยความจนปัญญาอีกครั้ง


 


 


ยามนี้สิ่งมีชีวิตระดับหลอมสุญตาเดียวกันกับหานลี่ กลับทำได้เพียงพยายามหลบหนีกระเจิดกระเจิงเต็มท้องฟ้า ดูเหมือนว่าแม้แต่พลังในการเอาคืนก็ไม่มี


 


 


หานลี่ยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม แค่กระตุ้นกระบี่เส้นไหมให้ไล่สังหารคู่ต่อสู้อีกสามคนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกไม่หยุด


 


 


ในยามนั้นกลางอากาศพลันมีเสียงอึกทึกดังขึ้น


 


 


จากนั้นหานลี่พลันรู้สึกว่าเหนือศีรษะมีลำแสงสีขาวสว่างวาบ เสาลำแสงนับร้อยนับพันต้นลดระดับลงมาจากท้องฟ้า


 


 


คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเรือสงครามที่ไม่ได้รับความเสียหายลำนั้น เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ของทั้งสามคนไม่สู้ดี ก็ทำการโจมตีช่วยเหลือ


 


 


หานลี่ยืดคอขึ้น มองเสาลำแสงด้วยดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อย ร่างกายไร้ซึ่งเจตนาจะหลบหลีก


 


 


ผลคือเสียงหวีดร้องดังขึ้น ร่างของหานลี่หายวับไปจากลำแสงสีขาว


 


 


ส่วนเส้นไหมสีเขียวที่กำลังไล่ตามทั้งสามคนนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบบางอย่าง ฉับพลันนั้นพลันหยุดพุ่งตรงไป


 


 


คนประหลาดเท้าเปลือยและหญิงชราและพวกพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วร่างกายถึงได้กลับมามั่นคงอีกครั้ง ทยอยกันสำแดงสมบัติสองสามชิ้นออกมาอย่างร้อนรน


 


 


หญิงชราชูมือขึ้น ปล่อยภาพประประหลาดเปล่งแสงสีทองเรืองรองออกมา มีภาพเขตอาคมสีทองที่ดูลึกลับซับซ้อนสลักอยู่


 


 


คนแคระกลับอ้าปากออกพ่นชามไม้สีเขียวมรกตออกมา อีกมือหนึ่งพลันตวัดไป หอกซัดสีเหลืองพลันบินโฉบออกมาสิบกว่าด้าม วนโคจรไปมาอยู่รอบกาย


 


 


ส่วนคนประหลาดเท้าเปลือยกลับใช้สองมือถูกันไปมา บนแขนมีปลอกแขนเปล่งแสงสีดำเป็นมันเงาปรากฏขึ้นคู่หนึ่ง ผิวของมันมีลายดอกไม้อยู่แน่นขนัด ไม่รู้ว่ามีความลึกลับด้านใด


 


 


สมบัติทั้งสามเปล่งประกาย ยังคงไม่มีสีหน้าผ่อนคลายเลยสักนิด ต่างฝ่ายต่างยืนมองลำแสงสีขาวอยู่ไกลๆ


 


 


พวกเขาไม่เชื่อว่าหานลี่จะถูกสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้จริงๆ


 


 


กลางลำแสงสีขาวมีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นขึ้น จากนั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นวิหคยักษ์ตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากลำแสงสีขาว


 


 


ตอนแรกมีขนาดแค่สองสามตั้ง แต่ระหว่างทางพลันมีลำแสงวิญญาณไหลวนโคจร ชั่วพริบตานั้นร่างกายพลันขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นร่างมหึมาขนาดเจ็ดสิบแปดสิบจั้ง


 


 


จากนั้นปีกทั้งสองแค่กระพือ ก็กลายเป็นพายุบ้าคลั่งเหนือศีรษะของหญิงชรา แล้วปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง


 


 


เสียงฟ้าผ่าพลันดังสนั่นขึ้น!


 


 


ผิวของวิหคยักษ์มีประจุไฟฟ้าสีขาวหนาเท่าปากชามสองสามสายปรากฏขึ้น กรงเล็บยักษ์ขนาดเท่าบ้านตะปบลงมาพร้อมกับสายฟ้า


 


 


กรงเล็บยักษ์ยังไม่ทันได้ตะปบลงมาจริงๆ พลังแรงกดงมหาศาลราวกับภูเขาไท่ซานก็ชิงกดลงมาก่อน


 


 


“ระวัง!”


 


 


คนประหลาดเท้าเปลือยและคนแคระที่อยู่ไกลออกไปเห็นสถานการณ์เช่นนี้ล้วนตกตะลึง แทบจะร้องอุทานออกมาในเวลาเดียวกัน


 


 


ชั่วขณะนั้นสองแขนของคนประหลาดพลันโจมตีไปกลางอากาศ ผิวของปลอกแขนมีเสียงภูตผีหวีดร้องดังขึ้น เสาลำแสงสีดำสองสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกพ่นออกไป


 


 


ส่วนเบื้องหน้าของคนแคระพลันมีหอกซัดสีเหลืองสิบกว่าด้ามลอยวนเวียนอยู่ กลายเป็นลำแสงสิบกว่าสายพุ่งออกไป


 


 


ทั้งสองคิดจะยับยั้งการโจมตีของหานลี่ที่กลายเป็นวิหคยักษ์


 


 


ยามนี้พวกเขาล้วนสัมผัสได้ว่า อิทธิฤทธิ์ของหานลี่เหนือกว่าระดับพลังยุทธ์ของพวกเขา ไม่ใช่ผู้ที่พวกเขาจะต่อสู้เพียงลำพังได้


 


 


ขณะที่พวกเขากำลังรู้หวาดผวา ก็ไม่ยอมให้หานลี่โจมตีทะลวงเข้ามาอีก


 


 


ร่างของหญิงชราสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของพลังแรงกดที่แฝงมาจากกรงเล็บยักษ์ สีหน้าพลันซีดเผือดไร้สีโลหิต


 


 


วิหคยักษ์มีท่าทางเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไป อยากหลบก็ไม่อาจหลบทัน


 


 


ภายใต้ความจนปัญญานั้น หญิงชราพลันทำได้เพียงกัดฟัน อ้าปากออกพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมาใส่ม้วนภาพเบื้องหน้า


 


 


ชั่วขณะนั้นเสียง “ปัง” พลันดังขึ้น หมอกโลหิตกลุ่มหนึ่งระเบิดออก ชั่วพริบตาพลันถูกม้วนภาพดูดซับเข้าไป


 


 


และแทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ม้วนภาพก็ปล่อยลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมา จากนั้นเขตอาคมสีทองที่สลักอยู่บนม้วนภาพก็พุ่งออกมา หลังจากหมุนคว้าง ก็มีขนาดสิบจั้งเศษ พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


 


วิหคยักษ์ดูเหมือนจะไม่สนใจการโจมตีจากเสาลำแสงสีดำและลำแสงสีเหลืองสิบกว่าสายเลยสักนิด ครู่ต่อมากรงเล็บยักษ์ข้างหนึ่งก็ตะปบไปบนเขตอาคมสีทอง


 


 


หลังจากเสียง “ตูมๆ” ดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีขาวและลำแสงสีทองก็ตัดสลับกันไปมา และระเบิดลำแสงที่น่าตกตะลึงออก บรรยากาศรอบด้านระเบิดออก แล้วเริ่มรางเลือนบิดเบี้ยว


 


 


หานลี่ที่กลายเป็นเป็นวิหคยักษ์ยังคงมีท่าทางไม่แยแส แต่พริบตานั้นหญิงชราที่อยู่ใต้เขตอาคมส่งตัวพลันแค่นเสียงอย่างเ**้ยมเกรียม จากนั้นพลันหน้าซีดขาว กระอักโลหิตสดๆ ออกมาจากปาก


 


 


แต่คาดไม่ถึงว่าเขตอาคมสีทองจะฝืนต้านทานกรงเล็บยักษ์ที่ตะปบลงมาข้างนั้นได้


 


 


แต่ใบหน้าของหญิงชรากลับไม่ได้เผยรอยยิ้มออกมา แววตาของวิหคยักษ์ฉายแววเย็นชา กรงเล็บยักษ์อีกข้างหนึ่งตะปบมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด


 


 


“แย่แล้ว” หญิงชราเห็นสถานการณ์เช่นนั้น จิตใจพลันตกลงไปถึงตาตุ่ม แต่ภายใต้ความจนปัญญา ก็ทำได้เพียงอ้าปากออก พ่นโลหิตบริสุทธิ์อีกกลุ่มหนึ่งออกมาจมหายเข้าไปในเขตอาคมสีทองกลางอากาศ


 


 


ทำให้เขตอาคมขยายใหญ่ขึ้นหลายส่วน


 


 


นางทำได้เพียงหวังว่าสมบัติชิ้นนี้จะแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานการโจมตีนี้ได้ ขอแค่ชั่วครู่สหายร่วมวิถีคนอื่นๆ ก็จะมาเสริมทัพ นางก็สามารถถอนตัวและมารวมตัวกับพวกเขาได้


 


 


แม้ว่าคู่ต่อสู้เบื้องหน้าจะมีอิทธิฤทธิ์หน้าตกตะลึง แต่หากทั้งสามคนร่วมมือกันแน่นอนว่าย่อมมีหวังในการสังหารอีกฝ่าย


 


 


ชั่วพริบตาหญิงชราพลันตัดสินความได้เปรียบเสียเปรียบได้ในพริบตา


 


 


แต่หญิงชราประเมินคาถาตื่นจากจำศีล ‘วิหคคุนเผิงแปรเปลี่ยน’ ของหานลี่ต่ำเกินไป


 


 


ต้องเข้าใจว่าการแปลงกายนี้ห้าชนิดนี้ หานลี่เรียนรู้อย่างถ่องแท้มาหนึ่งชนิด ประกอบกับที่ดูดซับโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ที่เหลืออีกสี่ชนิดไป และยังมีการฝึกฝนการแปลงกายที่เหลืออีกสี่ชนิดเพิ่มเติม


 


 


เกรงว่าอานุภาพการแปลงกายเป็นวิหคคุนเผิงของหานลี่ จะไม่ต่างอะไรกับวิหควิญญาณที่สืบทอดโลหิตของวิหคคุนเผิงมาโดยตรงเท่าใดนัก


 


 


ประกอบกับกายเนื้อของหานลี่แข็งแกร่งจนถึงขีดสุด ทั้งสองผนวกกันจึงกลายเป็นเหมือนเสือติดปีก!


 


 


มองเห็นกรงเล็บยักษ์ทั้งสองตะปบไปบนเขตอาคมสีทองพร้อมกัน แววตาของวิหคยักษ์ฉายแววเย็นเยียบ อ้าปากออก ประจุไฟฟ้าหนาสายหนึ่งโจมตีไปยังเขตอาคมติดๆ


 


 


ทำให้เขตอาคมสีทองสั่นคลอนอย่างหนัก และในยามนั้นเองกรงเล็บยักษ์อีกข้างหนึ่งก็ตะปบไปที่ลำแสงสีทองอย่างรุนแรง


 


 


เสียงพื้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น!


 


 


ลำแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากเขตอาคมแค่กะพริบวาบสองสามครั้ง ก็ดูเหมือนว่าจะถูกกรงเล็บยักษ์สองข้างฉีกออกจากซ้ายและขวาราวกับผ้าขาดๆ


 


 


ชั่วขณะนั้นหญิงชราพลันตกใจจนขวัญกระเจิง แต่ไม่รอให้นางคิดจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ใดๆ อีก กรงเล็บยักษ์ข้างหนึ่งก็ตะปบผ่านไป ชั่วขณะนั้นกรงเล็บลำแสงพลันเปล่งประกาย ร่างของหญิงชรากลายเป็นสองสามส่วน หมอกโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)