ท่านเทพมาแล้ว 157-160

บทที่ 157 ข้าถูกมนต์มาร

โดย

Ink Stone_Romance

มู่จิ่วรีบตามไป “อ๋าวเจียง!”


แต่พลังของเขาล้ำลึกมากกว่านาง พริบตาเดียวก็ไม่เห็นเงาแล้ว…


รอจนในที่สุดนางกลับถึงวังมังกรแล้ว รอบด้านสงบไร้คลื่นลม ครั้นเข้าไปดูในวังเทียมบูรพา ประตูปิดแน่น ถามเหล่าทหารกุ้งบนระเบียงทางเดิน พวกเขากลับไม่รู้ว่าอ๋าวเจียงออกไปแต่แรก!


แม้แต่ออกไปยังไม่รู้ เป็นธรรมดาว่าต้องไม่รู้ว่าเขากลับมา มู่จิ่วอ้อมไปด้านหลังที่ไม่มีคนแล้วขึ้นบนยอดหลังคา จากนั้นกระโดดลงมาและเข้าไปทางหน้าต่าง เห็นอ๋าวเจียงบีบคออวิ๋นซีไม่รู้พูดอะไร เห็นนางเข้ามาก็มองอย่างโกรธแค้น


“เจ้าอยากสังหารเขา?” นางถาม


“ไม่เกี่ยวกับเจ้า! ไปซะ!” อ๋าวเจียงดุร้าย


มู่จิ่วชี้เขา “หากเจ้าสังหารเขา ข้าจะไปบอกพ่อเจ้าทันที!”


อ๋าวเจียงโกรธจนกระโดดขึ้นมา “เขาเป็นอะไรกับเจ้า เจ้าถึงปกป้องเขาแบบนี้!”


“ทำไมข้าต้องปกป้องเขา? ข้าปกป้องตัวข้าเองต่างหาก!” มู่จิ่วยิ้มเยาะ “หากรู้แต่แรกว่าเจ้าจะจับคนกลับมาจริง เมื่อครู่ข้าคงไม่ช่วยเจ้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำแบบนี้จะลากข้ามาเกี่ยวข้องด้วย? พ่อเจ้ากำลังลับมีดรอ ไม่รู้จะจัดการข้าอย่างไร หากรู้ว่าข้ากลับช่วยเจ้าจับน้องชายของภรรยาน้อย เขาต้องเฉือนข้าทั้งเป็นแน่!”


“เจ้ากลัวอะไร? ข้าไม่โทษเจ้าหรอก!” อ๋าวเจียงไม่รู้ว่านางเครียดอะไร แต่เดิมก็ไม่เกี่ยวกับนางอยู่แล้ว!


“พูดง่ายนัก!”


มู่จิ่วเหลือบสายตาเย็นเยียบไปมอง พูดพลางเดินไปเพื่อปล่อยอวิ๋นซี


นางไม่สนใจจะยุ่งเรื่องยุ่งเหยิงอะไรระหว่างพวกเขา แต่มีนางเข้าร่วมด้วย นางไม่อาจให้เขาทำเรื่องถึงชีวิตได้


อ๋าวเจียงเข้ามาดึงนางออกอย่างรวดเร็ว เขาหายใจขัดยืนขวางอยู่หน้าอวิ๋นซี แล้วพูด “ใครบอกว่าต้องการสังหารเขา? ข้าบอกว่าแค่จับเขากลับมา ฟังไม่เข้าใจหรือ?! หากเจ้ากล้าปล่อยเขา ข้าจะไปฟ้องว่าเจ้ายุยงให้ข้าไปหาเรื่องเขา!” หากต้องการข่มขู่ใครเล่าจะทำไม่เป็น ที่นั่งตรงบัลลังก์ด้านหน้านั่นเป็นพ่อแท้ๆ ของเขา!


คราวนี้มู่จิ่วโกรธแล้วจริงๆ!


เจ้านี่กลับยังเล่นตุกติกกับนางอีก


“หากเจ้าไม่ได้จับเขามาเพื่อสังหารล้างแค้น แบบนั้นเจ้าจับเขามาทำอะไร?!”


“ข้ามีเรื่องของข้า!” อ๋าวเจียงพูดอย่างโกรธเกรี้ยว


มู่จิ่วเข้าใจ เพียงแต่ไม่เชื่อ


สองคนจ้องตาคุมเชิงกันอยู่ราวกับไก่ชน


อวิ๋นซีที่อยู่บนพื้นกลับพลันหัวเราะขึ้นมา ก่อนพูด “เขาไม่สังหารข้าแน่นอน”


ดวงตาทั้งสองของมู่จิ่วเหมือนโคมสาดส่องไปยังเขา และเขาไม่ได้พูดเล่นจริงๆ ถึงแม้มุมปากยกขึ้น แต่ท่าทางกลับจริงจังนัก!


เขารู้ได้อย่างไรว่าอ๋าวเจียงไม่สังหารเขา?


นางมองนี่แล้วก็มองนั่น ความสงสัยเกิดขึ้นมาอีก


แต่ในเมื่อตัวเขาเองพูดแบบนี้แล้ว นางยืนกรานต่อไปก็ออกจะเกินความจำเป็นไปหน่อย


อ๋าวเจียงเม้มปากถลึงตาใส่นาง ราวกับผ่อนคลายขึ้นหน่อย ส่วนนางก็ไม่ได้พูดอะไรอีก กลับออกไปทางเดิม


นางหยุดอยู่บนระเบียงทางเดิน คิดจะแอบกลับไปฟัง แต่กลับชนเข้ากับผนังอย่างจัง…เจ้าคนแซ่อ๋าวกลับสร้างเขตพลังกั้นไว้!


คืนนี้ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร ยังไงจนถึงตอนฟ้าสว่างก็ยังมีเสียงเคลื่อนไหวดังออกมา


ถึงแม้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาง แต่ใครจะรู้ว่าอ๋าวเชินขุดหลุมอะไรดักนางไว้? อย่างไรเรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว นางได้แต่หวังว่าอ๋าวเจียงจะทำเรื่องที่เขาควรทำได้อย่างมิดชิด ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องราวถูกเปิดเผย ก่อนเลิกงานนางจึงยังไปเคาะประตูบอกเขา อ๋าวเจียงไร้สีหน้า ฟังจบก็ปิดประตูไป


ตอนเจี๋ยเจี่ยมารับช่วงงานต่อ มู่จิ่วยังคงส่งงานให้เขาจนเสร็จแล้วค่อยกลับค่ายบัญชาการ


ลู่ยากลับไม่ได้ออกไปไหน นั่งเงียบอยู่บนเตียงนางเพียงลำพัง และตอนนี้เขาควรไปปฏิบัติงานที่วังประจิมไสวได้แล้ว


“เจ้าลาพัก?” มู่จิ่วปลดกระบี่ลงพลางถามเขา


ลู่ยากลับไม่ตอบ ถามนางตรงๆ ว่า “เมื่อคืนเจ้าออกไปไหนกับอ๋าวเจียง?”


มู่จิ่วกำลังหายใจติดขัด คิดจะพูดกับเขา ได้ยินเขายกเรื่องนี้ขึ้นมา จึงรีบเอ่ย “พูดไปเรื่องก็ยาว” พูดจบจึงนั่งลงไป แล้วนำเรื่องที่อ๋าวเจียงลากนางไปจับอวิ๋นซีบอกเขา จากนั้นพลันนึกขึ้นมาได้ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าตามเขาออกไป?”


ลู่ยาเหลือบมองนาง หันมองไปทางอื่นก่อนพูด “มีอะไรที่ข้าไม่รู้บ้าง”


มู่จิ่วได้ยินคำนี้ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล นางมองสีหน้าเขาอย่างละเอียด พลันรู้สึกเหมือนเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น จึงอดไม่ได้เข้าไปใกล้สักหน่อย “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หรืออ๋าวเชินก็รู้เรื่องนี้? ไม่ก็คนตระกูลอวิ๋นมาหาถึงประตู? แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของเขา


“ไม่มีเรื่องอะไร” ลู่ยามองความเครียดบนใบหน้านางพลางคลายสีหน้าลง ก่อนพูด “แค่คราวต่อไปไม่อนุญาตให้ออกไปกับบุรุษโดยส่วนตัวอีก โดยเฉพาะตอนกลางคืน”


สวรรค์คงรู้ว่าตอนหากลิ่นอายของนางไม่เจอ เขาร้อนใจและโกรธเคืองขนาดไหน หากไม่ออกไปนอกทะเลสาบแล้วรู้ว่าพวกเขาไปขวางหงส์เพลิง เขาก็เกือบจะไปจับนางกลับมาโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น


มู่จิ่วอึ้ง “หากข้ามีเรื่องเร่งด่วนล่ะ?”


จะจำกัดอิสระของนางได้อย่างไร? ช่วงนี้มิใช่เขาคบหาเป็นเพื่อนอยู่กับอ๋าวเยวี่ยหรือ ทำไมถึงมีใจมาสนใจว่านางจะออกไปกับใคร?


“ถ้าเช่นนั้นต้องบอกข้า” ลู่ยาเหลือบมองนาง “ยิ่งไปกว่านั้นมีเรื่องอะไรเร่งด่วนที่ข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรือ?”


นี่ก็ใช่ มู่จิ่วพยักหน้า แต่นางยังรู้สึกว่าไร้เหตุผลอยู่ “ยังไงข้าก็ยังมีเรื่องบางเรื่องที่ไม่สะดวกพาเจ้าไป”


“เรื่องอะไร?” ลู่ยาลากสายตาคมกริบมองผ่านไป นอกจากนัดพบกับเด็กหนุ่มแล้ว ยังมีเรื่องอะไรไม่สะดวกพาเขาไปอีก? และหากอยากนัดพบ บอกเขาตรงๆ ก็พอแล้วมิใช่หรือ? นางอยากขึ้นฟ้าเขาสามารถพานางขึ้นไปได้ อยากลงดินเขาก็พานางลงดินได้ อยากไปช่วงเวลาไหนเขาก็สามารถพานางไปช่วงเวลานั้น คนอื่นทำได้หรือ? ใครทำได้?


“อย่างเช่นไปปฏิบัติงาน ยังมีเรื่องเมื่อคืน แต่เดิมข้าก็ไม่ได้ไปทำอะไรกับอ๋าวเจียงอยู่แล้ว” มู่จิ่วหักข้อนิ้วอธิบาย นางก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องอธิบาย แต่เพียงรู้สึกว่าต้องพูดให้ชัดเจนถึงจะดี เพื่อเรื่องนี้เขาถึงกับชักสีหน้าใส่นาง ทำให้นางรู้สึกว่าตนเองสุดจะไม่มีหัวจิตหัวใจ


ลู่ยามองสายตาวาดหวังคู่นั้น สีหน้ามีท่าทางผ่อนคลายขึ้น


เขาลากเสียงพูด “เจ้ารู้สึกว่าอ๋าวเจียงเป็นอย่างไร?”


มู่จิ่วทำหน้าเคร่งอยู่สักครู่ ก่อนตอบ “ไม่เท่าไหร่” เจ้าเด็กเวรที่ในหัวไม่รู้คิดอะไรอยู่จะดีได้อย่างไร?


ลู่ยาจ้องนางอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นมา


“ที่จริงช่วงนี้มังกรสาวน้อยนั่นก็ไม่ได้มาพบข้า” เขายื่นหน้ามาข้างหูนางจากด้านหลัง พูดเจือความรู้สึกได้ใจอยู่เล็กน้อย อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่านางย้ายเวลางานเพราะอะไร นางโง่ขนาดนี้ เขาก็ยินยอมขัดเกลานาง แต่พอแล้ว อย่างไรเสียคนที่ตอนนี้สนใจว่าพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ก็คือเขา ไม่ใช่นาง


“จริงหรือ?”


มู่จิ่วพลันใจเต้นเพราะเสียงของเขา เอนศีรษะไปข้างๆ โดยไม่รู้ตัว


ลู่ยากลับจับหัวนางเข้ามา แก้มทั้งสองที่อยู่กลางฝ่ามือเขาถูกบีบจนเสียรูป


“แน่นอนว่าใช่” ลู่ยาชักมือกลับ สีหน้าไม่สามารถจริงจังกว่านี้ได้อีกแล้ว “ถ้าเป็นพลังเซียนสายตรงของเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้ ดังนั้นข้าต้องถูกมนต์มารของเจ้าแล้ว เจ้าดูสิ ตั้งแต่รู้จักเจ้า แม้แต่พูดคุยกับหญิงคนอื่นข้าก็ไม่สนใจแล้ว เจ้าทำแบบนี้ทำให้ต่อไปข้าแต่งภรรยาไม่ได้ จะเป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว”


มู่จิ่วหน้าร้อนเห่อ จับเสื้อไว้ ศีรษะเงยไม่ขึ้นราวกับหนักพันจิน



บทที่ 158 เจ้าเป็นหญิง?

โดย

Ink Stone_Romance

แต่งไม่ได้ก็แต่งไม่ได้ นี่เกี่ยวอะไรกับนาง? หลายแสนปีก่อนเขาก็ไม่ได้แต่งมิใช่หรือ?


ใจของนางเต้นเหมือนกับรัวกลอง คำพูดนี้ของเขาทำให้ยิ่งอายจนควบคุมตนเองไม่ได้ พอยื่นมือออกไปผลักมือเขา กลับถูกเขาพลิกมือมาจับอย่างหน้าไม่อาย! ดวงตาทั้งคู่นั้นราวกับมีความรู้สึกไหลออกมา มู่จิ่วไม่กล้าดู ดึงมือกลับ อึดอัดไม่กล้าส่งเสียง จึงเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อคลุมในฉากกั้นลม


ลู่ยามองนางตลอด มุมปากนั้นอ่อนโยนราวกับประกอบไปด้วยลมฤดูใบไม้ผลิบนโลก


มู่จิ่วอยู่ที่ฉากกั้นลมกลับใจลอยลูบเสื้อคลุม


ช่วงนี้อาการใจเต้นของนางนี้ยิ่งไม่ปกติ ทุกครั้งคิดอยากพูดกับเขาดีๆ ทำไมภายหลังถึงได้หน้าแดงหูแดงอย่างนี้?


เล็บของนางขีดไปขีดมาอยู่บนเสื้อ ยุ่งเหยิงจนแม้แต่ตนเองยังดูไม่ชัดว่าเขียนอะไร


กลางวันนอนหลับเต็มอิ่ม ถึงกลางดึกตื่นขึ้นมา ลู่ยาก็ไปปฏิบัติงานแล้ว


เกราะเทาอะไรก็ตามล้วนไม่อยู่ บนโต๊ะกลับมีถาดหยกสองสามใบปิดเรียบร้อยวางไว้


เปิดออกมาดูกลับเป็นอาหารที่นางชอบกินเป็นประจำ ชัดเจนว่าเขาเตรียมไว้อย่างดี เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาเอามาจากไหน?


ถึงแม้ไม่มีหัวจิตหัวใจยิ่งกว่านี้ ในใจนางก็อดแผ่ซ่านไปด้วยความอบอุ่นไม่ได้ ตั้งแต่มาถึงวังมังกรไม่ได้กินอาหารอย่างสงบ มีเพียงไม่กี่มื้อนี้ซึ่งล้วนเป็นเขาทำมา ไม่ว่าพูดอย่างไร เขาที่เป็นมหาเทพตำแหน่งสูงใหญ่ขนาดนั้น สามารถทำเรื่องแบบนี้นับว่ามีน้ำใจแล้วกระมัง


กินดื่มอิ่มพอแล้วจึงกลับไปยังวังเทียมบูรพา เจี๋ยเจี่ยรีบเดินเข้ามารับอย่างเร่งร้อน ดึงนางเข้าไปยังต้นไม้ด้านข้างก่อนพูด “พลทหารกัวรู้หรือไม่ว่าหลายวันมานี้องค์ชายเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”


มู่จิ่วต้องแกล้งงุนงงเป็นธรรมดา กะพริบตาพูด “ไม่รู้ ทำไมหรือ?”


เจี๋ยเจี่ยพูดอย่างร้อนรน “หลายวันมานี้ตอนข้าเข้างาน ไม่เห็นองค์ชายโผล่หน้าออกมาไม่ว่า แต่วันนี้กลางวันได้ยินเสียงคร่ำครวญดังออกมาจากตำหนักหลัง ราวกับมีคนกำลังแบกรับความเจ็บปวดอยู่ ข้าไปเคาะประตูก็ไม่เปิด ช่างทำให้คนร้อนใจนัก ไม่รู้ว่าควรไปรายงานราชาหรือไม่?”


มู่จิ่วเห็นเขาเป็นแบบนี้ คิดดูแล้วตอนเช้าหากไม่มีคำกำชับของนาง แน่นอนว่าต้องไปบอกอ๋าวเชินนานแล้ว จึงพูดอย่างสนิทสนมว่า “ทหารเจี๋ยเจี่ยกังวลไปแล้ว เมื่อคืนข้าเข้าเวรยังเห็นองค์ชายอยู่เลย องค์ชายสบายดีมาก ยังคุยกับข้าอยู่ที่ระเบียงทางเดิน เรื่องนี้ต้องมีทหารกุ้งเห็นอยู่เช่นกัน ในเมื่อองค์ชายสั่งไว้แล้วว่าห้ามเข้าข้างใน แบบนั้นพวกเราฟังคำสั่งก็พอแล้ว”


เจี๋ยเจี่ยชัดเจนว่าถูกนางโน้มน้าวแล้ว หลังจากก้มหน้าคิดก็พยักหน้า ส่งต่อเวรให้นาง


ที่จริงวังเทียมบูรพาแห่งนี้มีพวกเขาสองคนรับผิดชอบ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ก็ไม่สามารถให้เขาแบกรับคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เขาได้ยินอ๋าวเจียงตอบกลับก็ไม่เหมือนไม่มีเรื่องอะไร


ถึงแม้มู่จิ่วไม่รู้ว่าอ๋าวเจียงทำอะไร แต่ก็กลัวว่าเขาจะทำให้อวิ๋นซีเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ดังนั้นจึงไปเคาะประตู


ครั้งนี้ประตูเปิดออก อ๋าวเจียงกลับให้นางเข้าไป


“อวิ๋นซีล่ะ?” นางเปิดเรื่องเอ่ยถาม


อ๋าวเจียงเฮอะเยาะเย้ยเสียงหนึ่ง สะบัดให้นางเข้าไปด้านใน


มู่จิ่วรีบตามเข้าไป เห็นเพียงในตำหนักของกระจายเต็มพื้น อวิ๋นซีนอนเลือดกำเดาไหลอยู่กลางห้อง เชือกรัดเซียนยังอยู่บนร่าง สองมือยังถูกไพล่อยู่ข้างหลัง เห็นมู่จิ่วเดินเข้ามา ดวงตาของเขาขยับ ราวกับแสดงออกว่าเขายังไม่ตาย เขากลับอารมณ์ดีอย่างมาก!


มู่จิ่วดูอาการบาดเจ็บของเขา กลับไม่หนักหนาเท่าไร แต่ยังคงถาม “เจ้าตีเขา? แท้จริงแล้วเจ้ามีความแค้นใดกับเขา?”


อ๋าวเจียงไม่พูด เพียงส่งสายตาให้นางพูดไร้สาระให้น้อยหน่อย แล้วจึงหันหน้าไปทางหน้าต่าง


แน่นอนว่าหน้าต่างปิดอยู่ ไม่เพียงปิดแน่น ยังสร้างเขตพลังไว้อีกด้วย นี่สามารถกั้นไม่ให้เสียงออกไปได้


มู่จิ่วคร้านจะสนใจเขา เห็นคนไม่ตายก็เตรียมออกไป


ไหนเลยจะรู้ว่าอ๋าวเจียงจะพูด “เจ้าอย่าไป!”


มู่จิ่วหันกลับมา เขาหน้าเคร่งพูด “เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ คืนนี้เป็นวันรวมตัวกินมื้อค่ำที่วังมังกร ข้าต้องไปร่วมงานเลี้ยงที่วังงามวิจิตร”


มิน่าล่ะ นางเคาะประตูก็เปิดออกแล้ว ที่แท้มีเรื่องให้ทำ!


ช่างสามารถจริงๆ!


ทางนี้เพิ่งอยากจะเอ่ย เขากลับพูดเองเออเอง “แต่เจ้าต้องดูให้ข้าดีๆ! หากให้คนพบเข้าหรือให้เขาหนีไปได้ ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่!”


หลังปล่อยคำพูดร้ายนี้ออกมา อ๋าวเจียงจ้องอวิ๋นซีอย่างโกรธแค้น ก่อนก้าวใหญ่ๆ ออกไป


มู่จิ่วทำหน้าผีใส่แผ่นหลังเขา ยื่นเท้าออกไปเกี่ยวเก้าอี้ และนั่งลงเผชิญหน้ากับอวิ๋นซี


ภายใต้แสงไฟมืดทึม แยกแยะสิ่งของออกไม่ชัดเจน ผ่านไปชั่วครู่ สายตาของนางจึงแยกเงาร่างของเขาออก ถึงแม้ถูกมัดอยู่หนึ่งวัน แต่สีหน้าของเขาดูไปแล้วยังไม่เลวนัก ไม่ขาวซีดหรือเหลือง และไม่มีความโกรธหรืออับอาย ยิ่งแม้แต่ความแปลกแยกก็ไม่มี เหมือนกับยามอยู่ที่บ้านเขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว


“เจ้าเป็นผู้หญิง?” นางยังไม่ทันพูด เขากลับกล่าวขึ้นมาก่อน


พูดไร้สาระ! นางไม่ใช่ผู้หญิงหรือจะเป็นผู้ชาย? นางไม่คิดจะสนใจคำถามตื้นเขินพรรค์นี้ มองเขาบนลงล่างสองรอบอย่างสงบ เลียนแบบท่าทางปกติของหลิวจวิ้นแล้วถามอย่างละเอียดว่า “เจ้ากับอ๋าวเจียงที่แท้มีเรื่องแค้นเคืองอะไรกัน?”


อวิ๋นซียิ้มขึ้นมา ไหล่ถูๆ อยู่กับพื้น จากนั้นก็พิงกำแพงนั่งขึ้นมา


“อ๋าวเจียงให้เจ้าเป็นคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้แล้ว หรือแม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่บอกเจ้า?”


“เขาบอกหรือไม่บอกข้าเจ้าไม่ต้องสน ข้าอยากฟังว่าเจ้าจะพูดอย่างไร” มู่จิ่วทำหน้าตึงพลางกอดอก เคร่งขรึมอย่างมาก


อวิ๋นซีจ้องนางมองอยู่สักครู่ ก่อนพูด “พูดอย่างหมดเปลือกคือข้าไม่มีความแค้นอะไรโดยตรงกับเขา การที่เขาต่อกรกับข้า ทั้งหมดเพื่อของสิ่งหนึ่ง แต่ของชิ้นนั้นสำคัญอย่างมาก ข้าให้เขาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเลือกใช้วิธีต่ำช้าแบบนี้ ที่จริงก็ไม่ค่อยดีใช่หรือไม่? ถูกขนานนามเป็นองค์ชายแห่งทะเลสาบน้ำแข็ง กลับกลายเป็นโจรปล้นขโมย”


อยากได้ของสิ่งหนึ่งเท่านั้น?


มู่จิ่วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อ๋าวเจียงคนนั้นทำเพื่อเอาของจริงๆ หรือ? แต่เพื่อของอะไร เขาถึงได้ก่อเรื่องถึงชีวิตแบบนี้? นอกเสียจากว่าของสิ่งนี้จะเป็นของล้ำค่าพอสมควร


คำพูดของคนแซ่อวิ๋นสามารถเชื่อได้ครึ่งเดียว นางตัดสินใจปล่อยผ่านไป จากนั้นถามต่อ “เช่นนั้นอ๋าวเจียงกับเฉินผิงสุดท้ายแล้วเป็นมาอย่างไร?”


“เจ้าก็รู้จักเฉินผิง?” อวิ๋นซีชะงักไปครู่


มู่จิ่วเชิดปาก “ข้าไม่เพียงรู้จักเฉินผิง ยังรู้เรื่องพี่สาวของเจ้ากับราชามังกรด้วย”


ไม่เคยได้ยินหรือว่า เรื่องดีไม่ออกจากบ้าน เรื่องร้ายปลิวว่อนไปพันลี้[1]? พวกเซียนชราในโลกเซียนทั้งวันไม่มีอะไรทำ นอกจากนินทาแล้วยังจะทำอะไรได้อีก? เรื่องนี้แม้แต่ลู่ยาก็รู้มิใช่หรือ!


อวิ๋นซีรู้สึกอับอายอยู่บ้าง แต่ก็ยังดี เขาพูด “อ๋าวเจียงกับเฉินผิงดีต่อกันมาก”


ดีต่อกันมาก?


มู่จิ่วจ้องหน้าเขาอยู่นานไม่ขยับ สงสัยว่าตนเองฟังผิด อ๋าวเจียงกับเฉินผิงดีต่อกันมาก นี่ไม่มีเหตุผลเลย! ราชินีมังกรแม้แต่ประตูก็ไม่ให้อวิ๋นเฉี่ยนเข้า จะอนุญาตให้บุตรชายกับบุตรนอกสมรสของอ๋าวเชินมีสัมพันธ์ต่อกันหรือ? อ๋าวเจียงอาศัยอะไร?


นางรู้สึกว่าเขากำลังพูดมั่วซั่ว “เจ้าเห็นข้าเป็นเด็กสามขวบหรือ?”


“ข้าไม่ได้หลอกเจ้า” อวิ๋นซีไม่ยิ้ม บนหน้ายังคงจริงจัง “ตอนเฉินผิงอายุห้าร้อยปี อวิ๋นเฉี่ยนพาเขามาอยู่ที่วังมังกรหลายเดือน ราชินีพลันโกรธเคือง นับตั้งแต่แรกก็ไม่ยอมรับพวกเขาแม่ลูก แต่เฉินผิงที่เพิ่งรู้ความตอนนั้นสนิทกับอ๋าวเจียงมาก ตอนแรกอ๋าวเจียงก็ไม่ชอบเขา โทษว่าเขาน่าเกลียด แต่ภายหลังเขาดีกับเฉินผิงยิ่งกว่าอ๋าวเชินเสียอีก”


………………………………………………


[1] หมายถึง ผู้คนมักจะรู้เรื่องไม่ดีโดยง่าย เรื่องร้ายแพร่กระจายไปได้ไกลอย่างรวดเร็ว



บทที่ 159 จะถูกเปิดเผยแล้ว!

โดย

Ink Stone_Romance

มู่จิ่วตาเบิกกว้างอ้าปากค้าง


อวิ๋นซีพูดต่อ “ดังนั้นภายหลังตอนอวิ๋นเฉี่ยนจากไป เฉินผิงจึงอยู่ต่อ ราชินีจะทำอะไรกับเฉินผิง อ๋าวเจียงก็จะปกป้องจนราชินีไร้หนทาง แต่นิสัยของเฉินผิงดุร้ายมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งตีอ๋าวเจียงไป ดังนั้นจึงถูกส่งไปเป่ยอี๋ สุดท้ายก็โดนเจ้าสังหาร”


มู่จิ่วได้ยินท่อนแรกก็ทอดถอนใจอย่างไม่รู้ตัว เมื่อพลันได้ยินประโยคสุดท้ายก็อดไม่ได้ใจ กระตุกขึ้นมา!


เจ้าเด็กคนนี้ที่แท้ก็รู้ไม่น้อย กลับทายถูกว่านางเป็นคนสังหารเฉินผิง


“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นคนสังหารเขา?” นางถาม


อวิ๋นซียิ้ม “เรื่องที่ก่อนหน้านี้อ๋าวเชินไปสวรรค์ไม่ใช่ข้าไม่รู้ อีกอย่างเขามีข้อความส่งมาที่ทิวเขาริ้วหยกบ่อยๆ เรื่องที่อวี้ตี้ส่งคนที่สังหารเฉินผิงมาเป็นพลอารักขาที่วังมังกรข้าก็ได้ยินมาบ้าง อีกอย่าง หลังเฉินผิงตายอ๋าวเจียงเศร้าอยู่นาน อ๋าวเชินจะไม่ส่งเจ้ามาที่นี่ก่อนเพื่อจัดการได้อย่างไร?”


มู่จิ่วใบหน้าสะบัดร้อนสะบัดหนาว อยากหาที่แทรกตัวเข้าไปใจจะขาดแล้ว


แต่เดิมนางเข้าใจว่านางจัดการเอาอยู่หมดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างกลับถูกควบคุมอยู่ในมือเขา!


คนแซ่อวิ๋นผู้นี้ แน่ชัดดังคาดว่าไม่ใช่คนที่น่าต่อกรด้วย มิน่า อ๋าวเจียงพลังบำเพ็ญสูงกว่ายังเพลี่ยงพล้ำในเงื้อมมือเขา


นางเหลือบมองเขาสองครา ถอยไปสองก้าวอย่างตื่นตัวเพื่อรักษาระยะที่ปลอดภัย


แบบนี้นางจึงจะมีเวลาจัดการที่มาที่ไป


ไม่สนว่าอ๋าวเจียงกับเฉินผิงสร้างมิตรภาพต่อกันอย่างไร และไม่สนว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอก ก่อนอื่นอย่างน้อยคำพูดของอวิ๋นซีก็สอดคล้องกับเหตุผล หากอ๋าวเจียงกับเฉินผิงความสัมพันธ์ไม่ดี ตอนเขารู้ว่านางเป็นคนสังหารเฉินผิง ทำไมถึงเปลี่ยนสีหน้าทันที? แท้จริงมีเพียงตอนเผชิญหน้ากับคู่แค้นที่สังหารพี่น้องที่รักใคร่เท่านั้นถึงจะแสดงออกมาได้


ที่แท้ก็เป็นแบบนี้


หากคำพูดของอวิ๋นซีไม่ใช่เรื่องโกหก ของที่อ๋าวเจียงต้องการได้จากมือเขาคืออะไร? ที่สำคัญคือวิธีใช้ เขาจะเอาไปทำอะไร? จะเกี่ยวข้องกับเฉินผิงหรือไม่?


“เขาอยู่ที่ไหน?!”


ทางนี้กำลังครุ่นคิด นอกประตูกลับพลันมีเสียงโกรธแค้นราวฟ้าผ่าลอยเข้ามา ฟังอีกที กลับเป็นเสียงของอ๋าวเชิน!


เขามาได้อย่างไร? ไม่ใช่มีงานเลี้ยงครอบครัวหรือ?!


มู่จิ่วตกใจ ก้าวเท้าอย่างเร็วรี่ไปดูที่ริมหน้าต่าง เป็นเขาจริง! ไม่เพียงแต่เขาที่มา อ๋าวเยวี่ย อ๋าวเจียว และชายที่สวมเสื้อสูงศักดิ์หลายคนก็มาด้วยกัน! ผู้ที่เดินมากับเขาคือภรรยาผู้แต่งกายงดงาม ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าตระกูลอ๋าวมาทั้งหมด! สำคัญคืออ๋าวเจียงยังถูกอ๋าวเชินลากมาทางนี้ด้วย!


…เกิดเรื่องแล้ว?


อ๋าวเจียงเจ้าคนสมควรตาย บอกไปงานเลี้ยงครอบครัว ผลคือกลับถูกพ่อเขาขวางทาง จากนั้นก็มาขวางนางถึงที่นี่?! ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี?


นางหันหน้าไปดูอวิ๋นซีที่ยังไม่ขยับ…มิน่าล่ะ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาล้วนไม่ร้อนใจ ที่แท้เขารู้แต่แรกแล้วว่าอ๋าวเจียงหนีไม่พ้น แต่ข่าวนี้เล็ดลอดออกไปได้อย่างไร? …ไม่ นางยุ่งกับเรื่องมากมายขนาดนั้นไม่ไหวแล้ว นางต้องคิดหาทางหนีถึงจะถูก! มิฉะนั้นต้องหนีไม่พ้นถูกอ๋าวเจียงลากออกมาเป็นแพะรับบาปแน่!


มู่จิ่วกำลังจะหยิบชุดซ่อนเซียนออกมา พลันมีกลิ่นไม้กฤษณาที่คุ้นเคยลอยเข้ามาในจมูก ต่อมาเอวนางถูกรัดไว้แน่น ถูกคนพาไปยังมุมห้องด้านในสุดอย่างเบาหวิวและมั่นคง!


“ลู่ยา!” นางจับแขนเสื้อเขาด้วยความดีใจ และอดไม่ได้กระโดดขึ้นมา ดียิ่งนัก เขามาแล้ว แม้แต่ชุดซ่อนเซียนนางก็ไม่ต้องดึงออกมาแล้ว!


ลู่ยายกนิ้วขึ้นส่งเสียงปรามแล้วชี้ออกไปที่ประตู จากนั้นอำพรางร่างกับนางอยู่ด้านข้าง


ประตูตำหนักถูกเปิดดังตึง


เหล่าผู้ติดตามจุดโคมเข้ามาตามลำดับ ไม่นานในห้องโถงก็สว่างดุจกลางวัน


“น้องสี่!”


ในกลุ่มคนพลันมีผู้หนึ่งถลันเข้าไปหาอวิ๋นซีอย่างโศกเศร้า ทั้งร่างสวมชุดแดงสว่างราวกับเปลวเพลิง นางเรียกน้องสี่ หรือนางจะเป็นอวิ๋นเฉี่ยนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอ๋าวเชิน?


อวิ๋นซีพูดอะไรกับนาง นางที่หันหลังให้แสงสว่างก้มศีรษะลง จึงมองไม่เห็นหน้าตา


มู่จิ่วอดไม่ได้ มองไปยังพวกของอ๋าวเชินเหล่านี้ เห็นเพียงสายตาอ๋าวเชินมองอยู่ที่หญิงชุดแดงตลอดเวลา ความกังวลในสายตาเกือบส่งเสียงมาแล้ว ส่วนบนหน้าราชินีมังกรแม้จะนิ่งสงบ แต่ในสายตาที่มองอ๋าวเชินกลับเต็มไปด้วยความโกรธและไม่ยินยอม เหล่าลูกชายลูกสาวมังกรหลายคนไม่ได้พูด แต่ความสนใจกลับอยู่บนร่างของพวกเขาทั้งสามมาตั้งแต่ต้น


มีเพียงอ๋าวเจียงผู้หวาดกลัวอยู่ภายใต้มือของบริวารอ๋าวเชินที่มองไปรอบด้าน ไม่รู้กำลังหาอะไร


มีภรรยาของอ๋าวเชินอยู่ด้วย ฐานะของหญิงชุดแดงคนนี้ถูกเปิดเผยแล้ว


“องค์ราชา ท่านคงไม่ออกหน้าแทนข้า?” อวิ๋นเฉี่ยนยืนขึ้นมา ปาดน้ำตาเดินไปตรงหน้าอ๋าวเชิน “อวิ๋นซีทำผิดอะไร คราวก่อนถูกอ๋าวเจียงทำร้ายจนกลายเป็นแบบนั้น นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน กลับถูกเขาหลอกลงเขาลักพากลับมา? ลูกชายของพวกเราตายแล้ว หรือว่าท่านยังอยากให้อวิ๋นซีสิ้นชีพเพราะข้าอีก?”


สายตาของอ๋าวเชินตกลงบนหน้านาง ละอายใจอย่างล้ำลึก และอดไม่ได้พูดออกมา “อาเฉี่ยน…”


มู่จิ่วหันไปถามลู่ยา “นี่เกิดอะไรขึ้น?”


ลู่ยาพูด “ในคืนนี้วังมังกรมีงานเลี้ยงครอบครัว ครึ่งทางอวิ๋นเฉี่ยนพลันพุ่งเข้ามาในวังมังกร ฟ้องว่าอ๋าวเจียงลักพาอวิ๋นคนที่สี่ไป ราชินีมังกรโกรธกริ้วมาก ตอนทะเลาะกันอวิ๋นเฉี่ยนหยิบหลักฐานขึ้นมา อ๋าวเจียงถูกกดดันจนต้องยอมรับผิด ดังนั้นจึงพาคนมา เพราะข้าได้ยินเรื่องนี้เลยเดาว่าต้องพัวพันถึงเจ้า จึงตามมาด้วย”


เขาพูดพลางบีบมือนาง จากนั้นมองไปในห้องอย่างสนใจ


มู่จิ่วใบหน้าร้อนขึ้นมาเล็กน้อย ลองชักมือกลับมา แต่เขากลับบีบแน่นยิ่งขึ้น จึงล้มเลิกไปแล้ว


อ๋าวเชินปลอบอวิ๋นเฉี่ยนสองประโยค อวิ๋นเฉี่ยนค่อยๆ ถอยสองก้าวไปยืนอยู่ด้านข้าง


นางเป็นหญิงที่มีความงามข่มผู้คนจริงๆ ไม่สามารถพูดได้ว่าสาว แต่ก็ไม่มีคนพูดว่านางแก่ได้แน่นอน นางเหมือนกับอิงเถา (เชอรี่) นิ่มที่สุกแล้ว เหมือนกุหลาบที่บานเต็มที่ ริมฝีปากอิ่มพอเหมาะพอเจาะ ดวงตาหากอ่อนโยนมากไปส่วนหนึ่งเรียกว่ามากไป น้อยลงส่วนหนึ่งก็น้อยไป ทั้งหมดเป็นการจัดวางที่งดงามที่สุด


ผู้หญิงแบบนี้ มิน่าล่ะ แม้แต่ราชินีมังกรผู้สูงศักดิ์งดงามยังดิ้นรนเอาชนะไม่ได้ ราชินีให้กำเนิดบุตรธิดายิ่งมาก ในสายตาของผู้ชายแล้ว บางทียังเทียบไม่ได้กับสายตาเดียวอันบาดคมของอวิ๋นเฉี่ยน สามารถทำให้เขาวางอาวุธยอมจำนนในพริบตาเดียว


มีคนก้าวไปข้างหน้าเพื่อปล่อยอวิ๋นซี พยุงเขาขึ้นนั่ง


อ๋าวเชินพูด “กัวมู่จิ่วล่ะ!”


มู่จิ่วใจกระตุก เจ้าคนเลวผู้นี้ไม่ลืมลากนางไปด้วย!


“รีบพูด!” อ๋าวเชินผลักอ๋าวเจียงให้คุกเข่าลงกับพื้น


อ๋าวเจียงก้มศีรษะลงกับพื้น ก่อนพูด “ข้า ข้าให้นางไปทำธุระ”


มู่จิ่วพลันนิ่งอึ้ง เจ้าคนนี้กลับยังช่วยนางแก้ตัว?


“เป็นไปได้อย่างไร?” อวิ๋นเฉี่ยนเอ่ย “เมื่อครู่ทหารข้างนอกยังบอกว่านางอยู่ในห้องนี้! เจ้าคนนี้สังหารเฉินผิงของพวกเรา ตอนนี้ยังทำให้พระบัญชาของอวี้ตี้เป็นงิ้วฉากหนึ่งอีกหรือ!”


“ข้าพูดว่าไม่มีก็ไม่มี! เรื่องนี้ข้าเป็นคนทำทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับนาง!” อ๋าวเจียงจ้องนางอย่างไม่สบอารมณ์



บทที่ 160 อนุภาพของภรรยาหลัก

โดย

Ink Stone_Romance

อวิ๋นเฉี่ยนเดินไปตรงหน้าอวิ๋นซี “เจ้าพูดมา นางไปไหน?”


อวิ๋นซีเหลือบมองไปทางที่พวกมู่จิ่วอำพรางตัวอยู่ ก่อนพูด “นางไม่อยู่จริงๆ”


มู่จิ่วนิ่งอึ้งอีกครั้ง สองคนนี้น่าสนใจนัก คิดไม่ถึงว่าจะช่วยนางปกปิดในเวลาเดียวกัน นี่กำลังทำอะไรพิกลอยู่หรือไม่?


สำคัญคือลู่ยาที่อยู่ด้านหลังพลันมีกระแสความเย็นเยียบไหลมา จับมือนางบีบแน่น นี่ทำให้นางยิ่งไม่สงบอย่างมาก


“ในเมื่อเจ้ารับผิดเอง ราชาเตรียมจะจัดการให้ข้าอย่างไร?”


อวิ๋นเฉี่ยนเบ้าตาแดงก่ำ หยดน้ำตาสองหยดหลั่งริน เสียงเศร้าโศกจนแม้แต่มู่จิ่วฟังแล้วยังรู้สึกใจฝาดเฝื่อนอย่างมาก “ท่านรู้ดี พี่น้องข้ามีไม่มาก แต่พวกเราเผ่าหงส์เพลิงฐานะไม่ได้ต่ำต้อยกว่าเผ่ามังกรเลย ราชาติดค้างลูกข้าคนหนึ่งแล้ว คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ความยุติธรรมแก่ข้า! มิฉะนั้น แม้แต่ที่ให้พักพิงข้าคงไม่มี!”


อ๋าวเชินเจ็บปวดใจอย่างมาก พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ทำไมจะไม่มีที่พักพิง? วังมังกรใหญ่ขนาดนี้ จะขาดที่อยู่เจ้าไปได้อย่างไร”


“ท่านหมายความว่าอย่างไร!”


ราชินีได้ยินถึงตรงนี้ก็ทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว นางหน้านิ่งเดินขึ้นมาถลึงตาใส่อวิ๋นเฉี่ยน “ไม่รู้ว่าเจ้าตั้งใจลงโทษอ๋าวเจียงของข้าอย่างไร พูดออกมา มีเพียงพวกเจ้าชดใช้หนี้ที่ตอนนั้นอ๋าวเจียงปกป้องเฉินผิงหมดสิ้นแล้ว ข้าถึงจะมอบชีวิตเขาให้พวกเจ้า!”


อวิ๋นเฉี่ยนมองนางทั้งน้ำตา กลับไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น “พี่หญิงจะอาศัยเรื่องที่ต่อให้นานแค่ไหนก็ทำไม่ได้มาเป็นข้ออ้างหรือ? ปีนั้นท่านไม่ยอมรับข้า ต้องแยกข้ากับองค์ราชาออกจากกัน แบบนี้ข้าก็ยอมแล้ว แต่เฉินผิงเป็นลูกของราชา เขาผิดอะไร? พี่หญิงกลับไม่ยอมรับเขา วันนี้เห็นชัดเจนว่าเป็นอ๋าวเจียงที่ลักพาตัวอวิ๋นซีมาทรมาน ท่านกลับเอ่ยถึงเรื่องอ๋าวเจียงปฏิบัติต่อเฉินผิงอย่างไรกับข้า ท่านเป็นแบบนี้ จะให้ราชาให้เกียรติท่านได้อย่างไร?”


มู่จิ่วทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว!


มือที่สามคนหนึ่งกลับโอหังได้ถึงเพียงนี้ ช่างทนไม่ได้จริงๆ!


แต่นางขยับไม่ได้ เพราะลู่ยาไม่ยอม


“เจ้าออกจากวังมังกรไปซะ!”


ฟากนางไม่คิดห่วงหน้าพะวงหลังแล้ว อ๋าวเจียงกลับกระโดดขึ้นมา “เจ้าอาศัยอะไรมาโทษท่านแม่ข้า? หากไม่เป็นเพราะเจ้า เฉินผิงจะมีจุดจบแบบนี้หรือ? ตอนเขายังมีชีวิตอยู่ไม่เห็นเจ้าสนใจเขา ตอนเขาตายก็ไม่เห็นเจ้าใส่ใจ แต่เดิมเจ้าก็เป็นแม่ที่เห็นแก่ตัว เจ้าไม่มีคุณสมบัติมาว่ากล่าวส่งเดช!”


เขาเพิ่งตะโกนเสร็จ อ๋าวเชินก็สะบัดมือลงบนใบหน้าเขา


อ๋าวเยวี่ย อ๋าวเจียว และเหล่าองค์ชายมังกรรีบขึ้นไปประคอง เขาที่โดนฝ่ามือไปสงบเงียบดังคาด แต่ราชินีกลับทนไม่ได้อีกต่อไป ถอดกำไลมังกรทองจากข้อมือออกมา แล้วโยนเข้าไปหาอวิ๋นเฉี่ยน!


“ไป!”


ลู่ยาพูดอยู่ข้างหูนาง จากนั้นรวบตัวนางออกประตูไป


กำไลทองวงนั้นของราชินีมังกรคงน่าเกรงขามอย่างมาก ด้านหลังมีเสียงเอะอะโวยวายดังตามมาทันที ยังมีเสียงร้องแหลมของอวิ๋นเฉี่ยน ขุนนางเต่าเร่งรุดนำคนมาที่นี่ องค์ชายองค์หญิงพากันร้องตะโกน สำหรับเผ่าเทพที่มีชื่อเสียงแล้ว นี่ช่างเป็นภาพที่ไม่น่าดูจริงๆ


มู่จิ่วมาถึงนอกตำหนัก คิดแล้วจึงพูดกับลู่ยา “ข้ายังเข้าเวรงานอยู่ ไปไม่ได้ เจ้ากลับไปก่อน”


อ๋าวเชินจับจ้องนางอยู่แล้ว และอวิ๋นเฉี่ยนก็ชี้ชื่อนาง ต้องการให้นางโผล่หน้า นางไม่อาจหลบซ่อนได้ตลอดไป ตอนนี้มีคำให้การของอ๋าวเจียงกับอวิ๋นซีอยู่ อย่างมากอ๋าวเชินก็จับนางด้วยโทษละเลยหน้าที่ จะสามารถทำอะไรได้? แต่หากนางไปผลก็ไม่เหมือนกันแล้ว นางไม่สามารถให้อ๋าวเชินนำมันมาเป็นข้ออ้างได้


ลู่ยาคิดก็รู้สึกว่าหนีไม่พ้นจริง จึงพูด “มีเรื่องอะไรเรียกชื่อข้าก็พอแล้ว”


อ๋าวเชินคนนี้พลังบำเพ็ญไม่อ่อน เขาอยู่มานาน ต้องคิดก่อเรื่องอื่นขึ้นมาแน่ แต่หากเขากล้าทำให้นางลำบาก ยังไงเขาต้องไม่ได้รับผลดีแน่


มู่จิ่วรับปาก ส่งเขาออกจากประตูด้วยสายตา จากนั้นซ่อนอยู่หลังต้นซานหูเพื่อดูลาดเลา ตอนเห็นโอกาสเหมาะเจาะจึงเผยตัวออกมา นำเหล่าทหารไปอารักขาอยู่นอกวังอย่างเงียบๆ


เรื่องที่นางไปลักพาอวิ๋นซีกับอ๋าวเจียงกลับไม่ต้องกังวล ในเมื่ออ๋าวเจียงปกปิดให้นาง แสดงว่าเขาไม่มีความคิดจะเปิดโปงนาง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเคยสาบานอีก ตอนนี้เรื่องที่นางปวดหัวกลับเป็นเรื่องที่อ๋าวเจียงบังคับนางอยู่เฝ้าอวิ๋นซีที่นี่ ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งสองเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า? เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของอ๋าวเชินกับอวิ๋นเฉี่ยนหญิงชายชู้คู่นี้ หากไม่พุ่งเป้ามาทางนางเป็นไปไม่ได้


แต่หากตัวนางไม่อยู่ตอนเข้าเวร แน่นอนว่าต้องทำให้อ๋าวเชินกับอวิ๋นเฉี่ยนคนเลวนั่นพุ่งเป้ามาที่นาง ดังนั้นชั่งน้ำหนักดูแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือแกล้งทำเป็นคนไม่รู้เรื่องราวอารักขาอยู่ด้านนอก ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่จับนางได้คาหนังคาเขา!


“กัวมู่จิ่ว?!”


ทางนี้เพิ่งยืนขึ้นได้ ประตูวังด้านหลังก็มีเสียงตะโกนหนักดังเข้ามา “เมื่อครู่เจ้าไปอยู่ไหนมา?!”


แต่เดิมอ๋าวเชินถูกไอสังหารของหญิงสองคนในห้องกดดันจนต้องออกมา ครั้นมาถึงระเบียงทางเดินแล้วเห็นนางจึงอดโกรธไม่ได้


มู่จิ่วค้อมตัวประสานมือ “ตอบท่านราชามังกร เมื่อครู่ข้าน้อยรับคำสั่งขององค์ชายสามไปทำธุระเล็กน้อย”


มือที่กำหมัดแน่นของอ๋าวเจียงซึ่งยืนอยู่ตรงประตูคลายออก


อ๋าวเชินไหนเลยจะปล่อยนางไปง่ายๆ แบบนั้น “คุณชายสี่แห่งตระกูลอวิ๋น เป็นเจ้ายุยงให้องค์ชายสามไปลักพาตัวมาใช่หรือไม่?!”


“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?” มู่จิ่วยักไหล่แบมือ “แม้แต่คุณชายสี่แห่งตระกูลอวิ๋นคือใครข้ายังไม่รู้จัก จะยุยงองค์ชายสามให้ไปจับเขามาได้อย่างไร? ราชามังกรคิดจะใช้โอกาสป้ายสี ก็ขอให้คิดเรื่องที่มีเหตุผลหน่อยดีหรือไม่? ข้าไม่เพียงแต่ไม่ได้ยุยง แต่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ราชามังกรทำไมถึงมากล่าวโทษข้า”


“นางไม่รู้จริงๆ” นางเพิ่งพูดจบ อ๋าวเจียงก็ช่วยพูดอีกแรง


อ๋าวเชินสะบัดมือใส่หลังศีรษะเขา มือไปครึ่งทางกลับถูกราชินีมังกรรับไว้พอดี แล้วผลักเขาออกไปห้าหกก้าว “เจ้าอาศัยอะไรลงมือกับลูกข้า!” ที่แท้ตอนนี้ทั้งสองคนในห้องทะเลาะกันเสร็จแล้ว ราชินีมังกรกับอวิ๋นเฉี่ยนเดินตามกันออกมา


“เจียงซื่อ! (นางสกุลเจียง) เจ้าอย่ากำเริบเสิบสานให้มากนัก!”


อ๋าวเชินที่ถูกผลักไปชนภูเขาจำลองโดยไม่ทันระวังโกรธจนด่าทอราชินีมังกร


ราชินีมังกรใบหน้าเย็นชาจ้องกลับไป “ข้าไม่ได้ตอนของๆ ท่านก็ไม่นับว่าล่วงเกิน! คนแซ่อวิ๋นทำร้ายข้าจนถึงขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าลูกข้าเพียงจับเขามา ถึงแม้สังหารเขาจะมีอะไร! ท่านมันขยะไร้ประโยชน์ ถ้ามีน้ำยาทำไมถึงไม่ทิ้งข้าแล้วไปกับนางสารเลวแซ่อวิ๋นเสีย!”


อ๋าวเชินโกรธจนหน้าเดี๋ยวขาวเดี๋ยวเขียว อยากจะกระอักเลือด


“ราชา…” อวิ๋นเฉี่ยนเหมือนกับเมฆวนก้าวเร็วๆ เข้ามา ยื่นมืออันนุ่มนวลลูบหน้าอกเขาเบาๆ “ท่านอย่าโกรธ ร่างกายสำคัญ”


อ๋าวเชินจับมือนาง สีหน้าค่อยๆ ดีขึ้น


มู่จิ่วเห็นท่าทางเขาแบบนี้ แทบกระอักออกมาแล้ว!


อะไรเรียกไร้ยางอาย ตรงหน้าคือสามคำที่ปรากฏชัดแจ้ง!


“อ๋าวเจียง! ตามข้ากลับไป!” ราชินีมังกรจ้องสุนัขชายหญิงทั้งคู่อย่างโกรธแค้น ขณะพูดเสียงหนักกับอ๋าวเจียง


อวิ๋นเฉี่ยนกลับก้าวขึ้นมาขวางไว้ข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่ให้ไป! เรื่องอวิ๋นซี เขากับกัวมู่จิ่วไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ความยุติธรรมกับข้า!”


มู่จิ่วใจเต้นขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้ช่างกัดไม่ปล่อยเสียจริง? ยังมีแก่ใจคิดเล่นบทคู่ผัวตัวเมียกับอ๋าวเชิน? ในเมื่อสามารถทำให้คนรังเกียจได้ ความเจ็บปวดเรื่องลูกตายคงดีขึ้นมาแล้ว ทำไมถึงยังคิดจะจับนางเพื่อระบายความโกรธ?


…………………………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)