คัมภีร์วิถีเซียน 1567-1568

ตอนที่ 1567 ถุงยุ่งเหยิงกับน้ำเต้า

 

หานลี่ซ่อนตัวอยู่ในเขตอาคมกระบี่ เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันรู้สึกจิตใจหนักอึ้ง


 


 


อีกฝ่ายคู่ควรกับที่เป็นสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ ตัวอยู่ในเขตอาคมกระบี่แต่ก็ยังสามารถเชื่อมต่อกับพลังปราณฟ้าดินได้สร้างแรงกดที่แข็งแกร่งให้เขตอาคมกระบี่ได้


 


 


ทว่านี่เป็นเพราะระดับพลังยุทธ์ของเขาห่างชั้นกับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก


 


 


มิเช่นนั้นหากอยู่ในระดับเดียวกัน เขาก็สามารถอาศัยพลังของเขตแดน โจมตีพลังปราณฟ้าดินให้สลายหายไปได้อย่างง่ายดาย


 


 


ถึงอย่างไรเสียการโจมตีให้สลายหายไปก็ง่ายกว่าการเรียกพลังปราณฟ้าดินเป็นอย่างมาก


 


 


นี่เป็นสาเหตุที่การต่อสู้ของระดับหลอมสุญตาขึ้นไป มักจะไม่ค่อยใช้พลังปราณฟ้าดินมาโจมตีอีกฝ่าย แม้ว่าจะทำเช่นนั้นจริง ก็ต้องสูญเสียพลังรวบรวมพลังปราณฟ้าดินมาอย่างยากลำบาก เพราะว่าระดับต่างกันเกินไป จึงถูกอีกฝ่ายแย่งชิงอำนาจการควบคุมได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นจึงได้ไม่คุ้มเสีย


 


 


แม้ว่าในบางครั้งการต่อสู้จะเกิดเหตุการณ์การใช้พลังปราณฟ้าดิน แต่กว่าครึ่งล้วนเป็นเพราะอยากสำแดงอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ ลมปราณในร่างไม่อาจควบคุมได้ ดังนั้นจึงจำใจต้องเรียกใช้พลังปราณฟ้าดินมาชดเชยสิ่งที่ตนสำแดงออกไป


 


 


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากไม่มีใครคอยช่วยเหลือ อิทธิฤทธิ์ที่จะสำแดงออกมาก็ต้องเป็นเคล็ดวิชาเฉพาะที่สามารถเรียกพลังปราณฟ้าดินไม่ถูกอีกฝ่ายแย่งชิงไปได้ง่ายๆ


 


 


ทว่าการเรียกใช้พลังปราณฟ้าดินมาต่อกรกับศัตรูโดยไม่สนใจสิ่งใดนั้น เดิมทีก็สามารถเรียกได้แค่ร้อยลี้หรือพันลี้เท่านั้น บ่อยครั้งที่มักจะเป็นการเรียกใช้แค่ในระยะยี่สิบสามสิบลี้ เพื่อเป็นการรักษาระดับความมั่นคงในการควบคุมระหว่างที่สำแดงออกมา


 


 


เมื่อเห็นว่าชายชราเห็นว่าหานลี่ระดับแตกต่างกับตนเอง ถึงได้กล้าเรียกพลังปราณฟ้าดินจำนวนมากออกมาโจมตีเขตอาคมกระบี่อย่างกำแหงเช่นนี้


 


 


เมื่อเผชิญหน้ากับวิธีการนี้ หานลี่ย่อมรู้สึกกลัดกลุ้ม


 


 


ทว่าตอนแรกชิงหยวนจื่อใช้พลังยุทธ์ระดับหลอมสุญตาก็สามารถต้านทานศัตรูระดับผสานอินทรีย์ได้ เมื่อต่อกรกับการโจมตีจากพลังปราณฟ้าดินที่แข็งแกร่งก็ต้องหาวิธีการรับมือเอง


 


 


หานลี่พ่นลมหายใจออกมา นิ้วทั้งสิบร่ายไปมาอย่างรวดเร็ว อาคมสายแล้วสายเล่าพุ่งเข้าไปในเขตอาคมกระบี่ราวกับไม่ต้องใช้ลมปราณ


 


 


ส่วนเสาเพลิงที่อยู่ด้านในเขตอาคมกระบี่และแรงกดจากพลังฟ้าดินที่ด้านนอก ม่านลำแสงสีเขียวพลันกะพริบวาบๆ กระบี่ลำแสงในส่วนลึกของปราณแท้ด้านนอกเขตอาคมกระบี่พลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปในเวลาเดียวกัน


 


 


จากนั้นม่านลำแสงที่ถูกพลังวิญญาณฟ้าดินกดเอาไว้ พลันขยายใหญ่และหดเล็กลง กลีบดอกบัวสีเขียวเหล่านั้นบานออกพร้อมกัน หมุนคว้างอยู่กลางอากาศ


 


 


พริบตาลำแสงต่างๆ ก็เปล่งแสงสว่างวาบกลายเป็นระลอกคลื่นสีเขียว ปรากฏขึ้นบนผิวของม่านลำแสง


 


 


พลังปราณฟ้าดินที่เหนียวข้นเป็นอย่างยิ่งเหล่านั้น ทยอยกันจมหายเข้าไปในระลอกคลื่นเหล่านั้น


 


 


ชั่วพริบตาพลังปราณฟ้าดินที่กดลงมาพลันถูกเขตอาคมกระบี่ดูดซับไปจนเกลี้ยง


 


 


ม่านลำแสงที่แต่เดิมเริ่มสั่นไหว พลันกลับมาหนาแน่นขึ้นอีกครั้ง


 


 


ชายชราในเขตอาคมกระบี่ที่เดิมกำลังกระตุ้นเสาเพลิงวายุ ให้ทะลวงขึ้นมาจากม่านลำแสง


 


 


พลังปราณฟ้าดินด้านนอกเปลี่ยนแปลงไป แน่นอนว่าย่อมถูกค้นพบเป็นคนแรกทันที


 


 


ชายชราพลันตะลึงงัน คิดไม่ถึงเลยว่าเขตอาคมกระบี่นี้จะมีอิทธิฤทธิ์ที่ลึกลับเช่นนี้


 


 


เช่นนั้นละก็เขารวบรวมพลังปราณฟ้าดิน ไม่เป็นการเสริมอานุภาพของเขตอาคมกระบี่หรือ


 


 


ภายใต้อารามตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว ชายชราพลันร้องตะโกนออกมาอย่างไม่ต้องขบคิด


 


 


เขตอาคมกระบี่พลันเปล่งเสียงอึกทึก


 


 


พลังปราณฟ้าดินที่รวมตัวกันอยู่ด้านนอกเขตอาคมกระบี่เปล่งเสียงเปรี้ยงราวกับอัสนีฟ้าฟาด ถูกพายุประหลาดที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศพัดผ่านจนแตกกระจายตัวออกไป


 


 


หลังจากที่พลังปราณฟ้าดินถูกเขตอาคมกระบี่ดูดซับไปแล้ว ม่านลำแสงสีเขียวก็แทบจะเป็นสีเขียวมรกต ระดับความหนามากกว่าเดิมตั้งไม่รู้กี่เท่า


 


 


ตนเองเรียกพลังปราณฟ้าดินออกมา กลับไปช่วยอีกฝ่ายโดยไม่ทันระวัง หากเรื่องที่ตนปล่อยไก่แพร่ออกไป จะไม่ทำให้คนในเผ่าหัวเราะจนฟันร่วงหรือ


 


 


ชายชราแซ่ถูรู้สึกโกรธเกรี้ยวเหลือคณา แต่กลับหัวเราะอย่างเยือกเย็นออกมาสามครั้ง


 


 


จากนั้นเขาพลันใช้มือหนึ่งตบไปที่หน้าผากของตนเอง ชั่วขณะนั้นทำให้ลำแสงวิญญาณสีแดงเหลืองสองสีบินพุ่งออกมา พลิ้วไหวเล็กน้อย เผยเงาร่างลวงตาขนาดยักษ์ที่มีเครื่องหน้าไม่ชัดเจนออกมา


 


 


ไม่รอให้หานลี่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเงาลวงตานี้ เงาลวงตาพลันกระโจนไปหาชายชรา ชั่วขณะนั้นพลันสิงร่างของเขา


 


 


ชายชราแซ่ถูเงยหน้ากู่ร้องคำราม นับว่าหน้าตางดงาม ชั่วครู่ก็เปล่งแสงสว่างวาบเปลี่ยนเป็นหน้าตาโหดเ**้ยม ร่างกายสูงใหญ่หกเจ็ดจั้ง หว่างคิ้วมีเขาสีแดงขนาดเล็ก ยาวออกมาครึ่งฉื่อ ผิวหนังมีเกล็ดสีแดงสดปรากฏขึ้น


 


 


ชั่วพริบตานั้นชายชราพลันเปลี่ยนเป็นดั่งมารปีศาจที่น่ากลัว


 


 


เขาหัวเราะอย่างเ**้ยมเกรียมออกมา พลิกฝ่ามือทั้งสอง


 


 


ในมือมีธงสีทองอ่อนปรากฏขึ้น ด้านบนมีหมอกเพลิงพลันรัดอยู่


 


 


อีกมือหนึ่งมีถุงประหลาดสีฟ้าเข้มปรากฏขึ้น


 


 


ทั้งสองถูกโยนขึ้นไปกลางอากาศอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ชั่วขณะนั้นหลังจากที่ชายชราแปลงร่างแล้วก็เปล่งเสียงบริกรรมคาถาประหลาดที่หานลี่ฟังไม่เข้าใจออกมา


 


 


ธงด้ามเล็กปลิวสะบัด พ่นเปลวเพลิงสีทองอ่อนกลุ่มหนึ่งออกมา หลังจากที่ถุงผ้าตุงนูนแล้ว กลับพ่นพายุทรายสีฟ้าออกมากลุ่มหนึ่ง


 


 


ชายชราพลันอ้าปากออก พ่นเมฆเพลิงสีแดงราวกับโลหิตออกมา


 


 


เมื่อทั้งสามม้วนเข้าด้วยกัน คาดไม่ถึงว่าจะผสมรวมตัวกันกับเสาเพลิงในเขตอาคมกระบี่


 


 


พริบตานั้นลำแสงสีแดง ฟ้า ทอง สามสีก็ตัดสลับกันไปมา จากนั้นกลายเป็นพายุเพลิงสามสี อานุภาพที่สามารถสั่นสะเทือนยุทธภพได้อย่างน่าตกตะลึงพลันระเบิดออกมาจากเขตอาคม


 


 


หานลี่เห็นท่าไม่ดีแล้ว พลันกระตุ้นเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ให้เปลี่ยนรูปไปอย่างต่อเนื่อง เคล็ดวิชาลวงตาที่มีอานุภาพไม่ธรรมดาถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง


 


 


แต่ไม่อาจจะแปลงเป็นสิ่งใด ล้วนถูกพลังพายุเพลิงสามสีม้วนเข้าไป ทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป


 


 


อานุภาพของเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ ไม่อาจต้านทานสิ่งนี้ได้


 


 


ม่านลำแสงสีเขียวถูกพลังพายุเพลิงชนิดนี้โจมตีมาไม่หยุด ทันใดนั้นก็เริ่มหม่นแสง


 


 


หานลี่สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง


 


 


ทว่าเขาตื่นตกใจเช่นนี้ กว่าครึ่งเป็นเพราะพลังของพายุเพลิงสามสี อีกครึ่งกลับเป็นเพราะถุงหน้าสีฟ้าที่ชายชราควักออกมาหลังจากแปลงกายเสร็จแล้ว


 


 


เขารู้สึกคุ้นตากับสมบัติชิ้นนี้เป็นอย่างมาก ดูเหมือนจะเป็น ‘ถุงยุ่งเหยิง’ หนึ่งในสมบัติวิญญาณโกลาหลในตำนาน แม้ว่าสมบัติชิ้นนี้จะถูกจัดอยู่ในอันดับกรางๆ ของสมบัติวิญญาณหุ้นตุ้น แต่กลับมีความสามารถอันน่าเหลือเชื่อที่สมบัติชิ้นอื่นไม่มี ดังนั้นจึงมีชื่อเสียงไม่น้อย


 


 


หลายปีก่อนสมบัติชิ้นนี้เคยตกอยู่ในมือของผู้ที่มีความสามารถคนหนึ่ง แต่สุดท้ายผู้นี้ก็เกิดอุบัติเหตุเพลี่ยงพล้ำไป สมบัติชิ้นนี้ก็หายสาบสูญไป ตอนนั้นมีผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงจำนวนมากพลิกเผ่ามนุษย์และปีศาจทั้งสองเผ่าตามหาสมบัติชิ้นนี้ไปรอบหนึ่ง แต่ก็ไร้ร่องรอย


 


 


ยามนี้ไปตกอยู่ในมือของเผ่าแมลงมีเขาในแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีได้อย่างไร?


 


 


หานลี่รู้สึกหนักใจ แต่หลังจากขบคิดอย่างรวดเร็วแล้ว พลันร้องอุทานออกมาเบาๆ ใบหน้าเผยสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัยออกมา


 


 


ตามในตำนานถุงยุ่งเหยิงใบนี้ไม่ได้มีอานุภาพแค่ที่สำแดงในเขตอาคมกระบี่


 


 


หรือว่าเป็นของลอกเลียนแบบ? หรือว่าตนเองมองผิดไป เป็นสมบัติชนิดอื่นที่คล้ายคลึงกันหรือ!


 


 


หานลี่ไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นแบบใด แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาขบคิดเรื่องนี้


 


 


เมื่อเห็นเขตอาคมกระบี่ต้านทานไม่ไหว หานลี่พลันหรี่ตาลง ประกายเย็นเยียบฉายแวบผ่าน


 


 


ในตำนานที่ชิงหยวนจื่อใช้เขตอาคมกระบี่นี้ต่อกรกับสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์นั้น แม้จะเป็นความจริง แต่กว่าครึ่งล้วนเป็นเพราะชิงหยวนจื่อฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่มรกตดั้งเดิมขั้นสุดท้ายไปสองสามขั้นแล้ว ดังนั้นถึงได้กระตุ้นอานุภาพของเขตอาคมกระบี่ได้เต็มอัตรา แล้วทำเรื่องเช่นนั้นได้


 


 


แม้ว่าเขาจะใช้กระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาที่ฝึกฝนมาเช่นกัน แต่เคล็ดวิชาการฝึกฝนกลับไม่ได้เตรียมมาเพื่อเขตอาคมกระบี่นี้โดยเฉพาะ จึงไม่อาจสำแดงอิทธิฤทธิ์สังหารบางชนิดออกมาได้


 


 


ดังนั้นหลังจากที่กักชายชราตรงหน้าได้แล้ว ชั่วขณะนั้นเขตอาคมกระบี่ก็อยู่ในสภาวะไร้เทียมทาน


 


 


ทว่าหลังจากที่ดูดซับพลังปราณฟ้าดินไปจำนวนมาก ก็ดูเหมือนว่าจะพอสำแดงความสามารถที่ไม่ธรรมดาของเขตอาคมกระบี่ออกมาได้


 


 


หานลี่แววตาเปล่งประกาย ชั่วครู่พลันนึกอะไรขึ้นมาได้


 


 


อิทธิฤทธิ์ที่ร้ายกาจนี้ เมื่อสำแดงออกไปไม่ว่าจะมีผลหรือไม่ เกรงว่าตัวเขตอาคมกระบี่คงจะสลายหายไปในทันที


 


 


แต่สถานการณ์เบื้องหน้านี้ดูเหมือนว่ามีเพียงต้องลองดูเท่านั้น


 


 


หากไร้ผลละก็ ก็มีเพียงต้องใช้วิชาตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้ง สู้กับอีกฝ่ายสักตั้งแล้ว หากไม่ไหวจริงๆ เขาก็ยังมีไพ่ตายอย่างยันต์วิเศษสองสามชนิดและแมลงกลืนทองอยู่


 


 


ดังนั้นแม้ว่าจะสู้รบกับชายชราระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นมาถึงครานี้ ก็ยังคงเผยท่าทีเยือกเย็นออกมา


 


 


ครู่ต่อมาปากของหานลี่จึงบริกรรมคาถา


 


 


ชั่วขณะนั้นฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น


 


 


เห็นเพียงม่านลำแสงสีเขียวบนท้องฟ้ารางเลือน พืชรูปร่างคล้ายเถาวัลย์ปรากฏออกมา แทงเข้าไปในม่านลำแสง และเครือเถาวัลย์พลันห้อยลงมา


 


 


ยามที่มันปรากฏตัวออกมานั้นมีขนาดแค่สองสามชุ่น แต่พริบตานั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นสองสามจั้งด้วยความเร็วที่สัมผัสได้ด้วยตาเนื้อ


 


 


เถาวัลย์บิดเบี้ยวเป็นวงอย่างรวดเร็ว แล้วผลิดอกออกผล ท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของชายชราพลันเรียกน้ำเต้าสีเขียวมรกตออกมาทันที


 


 


น้ำเต้ามีขนาดแค่ฝ่ามือ ท่าทางดูธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง


 


 


แต่ครู่ต่อมาดอกบัวสีเขียวในม่านลำแสงพลันสั่นเทา พ่นเงากระบี่ยาวสองสามชุ่นออกมาสองสามสาย เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วจมหายเข้าไปในน้ำเต้าอย่างไร้ร่องรอย


 


 


จากนั้นผิวของน้ำเต้าพลันมีสัญลักษณ์กระบี่สีเขียวสายหนึ่งปรากฏขึ้น!


 


 


ยามแรกนั้นรางเลือนจนแทบมองไม่เห็น


 


 


แต่หลังจากที่หมอกลำแสงห้าสีเลื้อยไปตามเถาวัลย์เข้าไปในน้ำเต้าแล้ว สัญลักษณ์กระบี่ก็แจ่มชัดขึ้น และเปล่งแสงห้าสีระยิบระยับ


 


 


แม้ว่าชายชราแซ่ถูจะไม่รู้ว่าคืออิทธิฤทธิ์ชนิดใด แต่น้ำเต้าปรากฏความแปลกประหลาดนี้ แน่นอนว่าย่อมรู้สึกไม่สบายใจ


 


 


ทันใดนั้นพลันใช้มือหนึ่งตะปบไปทางน้ำเต้าอย่างไม่ต้องขบคิด


 


 


ชั่วขณะนั้นพายุเพลิงสามสีในเขตอาคมพลันหมุนวน กลายเป็นมือยักษ์สามสี ตะปบไปทางน้ำเต้าอย่างดุดัน


 


 


หากน้ำเต้าเป็นสมบัติธรรมดาๆ จากพลังที่น่ากลัวของพายุเพลิงสามสีก่อนหน้า เกรงว่ามือยักษ์คงไม่จำเป็นต้องสัมผัส ก็สามารถทำให้น้ำเต้าเถาวัลย์หายไปในพริบตาได้แล้ว


 


 


แต่ชั่วพริบตานั้นพลันมีเสียงคำว่า “สับ” ของหานลี่ดังขึ้นกลางอากาศ


 


 


น้ำเต้าหมุนคว้าง ฉับพลันนั้นพลันคว่ำหัวลง ลำแสงไหลทะลักออกมา เปล่งแสงสว่างวาบ พ่นกระบี่ลำแสงยาวสองสามฉื่อออกมา


 


 


กระบี่ลำแสงห้าสีเปล่งแสงระยิบระยับ อักขระน้อยใหญ่ลอยพลิ้วไสวอยู่บนกระบี่ลำแสง


 


 


น้ำเต้าลูกนั้นและเถาวัลย์พ่นกระบี่ลำแสงออกมาในเวลาเดียวกัน กลายเป็นดวงลำแสงแล้วสลายหายไป


 


 


กระบี่ลำแสงแค่กะพริบวาบ ก็มีขนาดสองสามจั้ง


 


 


จากนั้นกระบี่ยักษ์ก็พุ่งเข้าไปสับมือยักษ์สามสี


 


 


ไร้สุ้มเสียง ดูเหมือนไม่มีพลานุภาพอย่างไรอย่างนั้น


 


 


แต่มือยักษ์สามสีกลับแยกออกเป็นสองส่วนอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน และเปล่งเสียงระเบิดดัง “ปัง” ขึ้น


 


 


จากนั้นกระบี่ยักษ์พลันเปลี่ยนทิศทาง ชี้ไปทางชายชราที่แปลงร่างซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก


 


 


ชายชราแซ่ถูเห็นเช่นนั้น ชั่วขณะนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี! 

 

 

 


ตอนที่ 1568 ปราณแท้ของกระบี่

 

ไม่รู้เพราะเหตุใด ชายชรามองกระบี่ลำแสงห้าสีที่ดูธรรมดา คาดไม่ถึงว่าจะสัมผัสได้ถึงอันตรายในทันใด


 


 


เขาอ้าปากออกอย่างไม่ต้องขบคิด คาดไม่ถึงว่าจะพ่นกระบี่บินสีแดงเป็นประกายออกมา ความยาวสามฉื่อ เปล่งแสงแวววาว ราวกับสร้างมาจากผลึกวารีครึ่งหนึ่ง


 


 


กระบี่บินเล่มนี้แค่เปล่งประกาย ก็กลายเป็นสายรุ้งสีแดงสดสายหนึ่งสับออกไป


 


 


เป้าหมายก็คือกระบี่ลำแสงห้าสี!


 


 


เสียงแค่นหัวเราะเบาๆ ดังออกมาจากกลางอากาศ!


 


 


กระบี่ลำแสงห้าสีพลันพลิ้วไหว สับลงมาอีกครั้ง


 


 


ชั่วขณะนั้นสายรุ้งพลันสั่นเทา ชั่วครู่ก็กลับคืนเป็นกระบี่เล่มเล็กสีแดงสดเล่มหนึ่ง หมุนวนแล้วร่อนลงมา


 


 


กระบี่เล่มเล็กมีความยาวแค่สองสามชุ่น แค่กระบี่ปรากฏขึ้นก็เผยบาดแผลไม่น้อยออกมา


 


 


แม้นว่าจะไม่ถูกกระบี่ลำแสงสับออกเป็นสองส่วน แต่ก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย


 


 


ในเวลาเดียวกันที่ชายชราบาดเจ็บด้วยกระบี่บิน ก็หน้าซีดเผือด จิตสัมผัสที่เชื่อมโยงกัน ก็ดูเหมือนว่าจะได้บาดเจ็บเล็กน้อยเช่นกัน


 


 


ทว่ากระบี่ลำแสงห้าสีพลันสับลงมาสองครั้ง เดิมลำแสงที่เปล่งแสงเจิดจ้าพลันหม่นหมอง ในเวลาเดียวกันอักขระรอบตัวกระบี่ก็สลายหายไปไม่น้อย


 


 


ชายชราพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม ฉับพลันนั้นพลันอ้าปากออกเปล่งเสียงหวีดร้องออกมา


 


 


รอบด้านมีพลังเพลิงวายุที่รุนแรง ชั่วครู่ก็ม้วนวนร่างของเขาไป


 


 


ลำแสงสามสีเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นเกราะสงครามโบราณสามสีพลันปรากฏขึ้นบนร่างของชายชรา


 


 


เกราะสงครามนี้ไม่เพียงดูเหมือนไม่ใช่ทองคำและไม่ใช่พฤกษา และยิ่งไปกว่านั้นยันห่อหุ้มเอาไว้อย่างแน่นหนาตั้งแต่หัวจรดเท้า แค่ทิ้งรูโปร่งแสงสองรูเอาไว้ตรงดวงตาทั้งสองข้างเท่านั้น


 


 


มองจากไกลๆ ชายชราดูเหมือนนักรบชุดเกราะที่สวมเกราะอยู่ทั่วเรือนร่าง


 


 


จากนั้นสองมือพลันพลิ้วไหว ลำแสงสามสีเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่ยักษ์โบราณที่ดูเหมือนบานประตูพลันปรากฏขึ้นในมือ


 


 


ชายชราประสานมือทั้งสองข้างลงบนกระบี่ แล้วขวางกระบี่อยู่เบื้องหน้า


 


 


ชั่วขณะนั้นไอทมิฬกลุ่มหนึ่งก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า!


 


 


ถุงที่กำลังพ่นพายุทรายสีฟ้าออกมากลางอากาศและธงสีทองด้ามนั้นก็พุ่งออกไป แยกกันกลายเป็นลำแสงสีทองและฟ้าสองสีหมุนโคจรอยู่รอบตัวชายชรา


 


 


หานลี่ที่ซ่อนตัวอยู่ในม่านลำแสงเห็นฉากนี้ หางตาอดที่จะกระตุกไม่ได้


 


 


เขาอาศัยเขตอาคมกระบี่ดูดซับพลังปราณฟ้าดินไปก่อนหน้า ถึงจะพอฝืนสำแดงอิทธิฤทธิ์ของเขตอาคมกระบี่ที่ชิงหยวนจื่อเรียกว่า ‘กระบี่น้ำเต้าปราณแท้’ ได้ อิทธิฤทธิ์นี้สร้างภาพน้ำเต้าลวงตาขึ้น โดยมีไอกระบี่อันแหลมคมของกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาเจ็ดสิบสองเล่มเป็นศูนย์กลาง อาศัยพลังปราณฟ้าดินบ่มเพาะจนมีพลังปราณแท้ที่ไร้ขีดจำกัด


 


 


อิทธิฤทธิ์นี้ร้ายกาจอย่างหาที่เปรียบ แต่พลังปราณฟ้าดินที่ต้องการก็น่าตกใจจริงๆ


 


 


การสับลงไปสองครั้งก่อนหน้าก็ดูดซับพลังปราณแท้ไปกว่าครึ่งแล้ว


 


 


ทว่าหากเคล็ดวิชากระบี่น้ำเต้าของอีกฝ่ายมีอิทธิฤทธิ์แค่เท่าก่อนหน้า ก็เป็นการรนหาที่ตายแล้ว ใช้อิทธิฤทธิ์นี้กระตุ้นอานุภาพของปราณแท้กระบี่ แต่ต้องดูว่าจะใช้พลังปราณฟ้าดินและบรรจุพลังวิญญาณเข้าไปเท่าไหร่


 


 


การโจมตีครั้งต่อไป เขาพลันเตรียมการโจมตีแบบรวดเดียว!


 


 


เมื่อขบคิดเช่นนี้ มุมปากของหานลี่พลันฉีกยิ้มเย็นชาออกมา มือหนึ่งพลันร่ายอาคม กระตุ้นเขตอาคมกระบี่


 


 


ชั่วขณะนั้นม่านลำแสงสีเขียวรอบด้านพลันเปล่งแสงสว่างวาบ หลังจากดอกบัวสีเขียวหมุนวน พลันกลายเป็นเสาลำแสงพุ่งออกไปหากระบี่ลำแสงยักษ์


 


 


ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงระยิบระยับทั่วท้องฟ้า ม่านลำแสงสีเขียวเริ่มบางตาลง และสุดท้ายพลันเปล่งเสียงหวีดร้องแล้วสลายหายไป


 


 


ชั่วพริบตาอากาศรอบตัวพลันเหลือเพียงกระบี่สีเขียวเจ็ดสิบสองเล่ม ปรากฎขึ้นกลางอากาศรางๆ


 


 


หานลี่พลันตัดสินใจ คาดไม่ถึงว่าจะนำพลังวิญญาณทั้งหมดในเขตอาคมกระบี่ใส่เข้าไปในปราณแท้ของกระบี่


 


 


และเมื่อไม่มีเขตอาคมกระบี่คุ้มกัน ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ


 


 


หลังจากที่กระบี่ลำแสงดูดซับพลังวิญญาณไปจำนวนมากขนาดนี้ ร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า ตัวกระบี่ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าสีจะยังคงเป็นห้าสี แต่ความเข้มของสีเขียวก็มีมากกว่าอีกสี่สี


 


 


“สับ”


 


 


หานลี่ใช้มือหนึ่งชี้ไปที่ชายชราซึ่งอยู่ด้านล่าง ปากก็เปล่งเสียงเฉียบขาดออกมา


 


 


กระบี่ลำแสงยักษ์ยกขึ้นอย่างเนิบช้า แล้วสับลงมากลางอากาศ


 


 


กลายเป็นชายชรานักรบเกราะยักษ์ และตะโกนออกมาในเวลาเดียวกัน กระบี่ยักษ์โบราณในมือสับไปทางเดียวกับกระบี่ลำแสงเช่นกัน


 


 


หลังจากเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้น เส้นลำแสงแวววาวสายหนึ่งและไอกระบี่หนาสามสีก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นตรงกลาง แต่เมื่อทั้งสองสัมผัสกันกลับเงียบเชียบ


 


 


เห็นเพียงลำแสงแวววาวเปล่งแสงสว่างวาบ ผิวของไอกระบี่สามสีเปล่งแสงสว่างวาบ ทันใดนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


ส่วนไอกระบี่สามสีสายนั้น พลันเปล่งเสียง “ปัง” ออกมาเบาๆ แล้วสลายหายไป


 


 


เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ชายชราที่อยู่ด้านล่างพลันใช้กระบี่ยักษ์ในมือขวางเอาไว้เบื้องหน้าอย่างไม่ต้องขบคิด


 


 


เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น


 


 


ชายชรายืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง


 


 


แต่ครู่ต่อมาดาบยักษ์ที่ทำหน้าที่เป็นโล่ พลันมีลำแสงสีเขียวสายหนึ่งปรากฏขึ้นเอียงๆ ที่ผิว จากนั้นตัวกระบี่ครึ่งท่อนก็ร่อนลงมาอย่างเงียบเชียบ


 


 


และส่วนปลายของกระบี่ยักษ์ที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน กลับมีธงเล็กสีทองปรากฏขึ้นด้ามหนึ่ง


 


 


แต่เมื่อธงด้ามนี้สั่นเทา ก็ระเบิดลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมาที่ด้าม กลายเป็นสองท่อนแล้วร่อนลงมาจากกลางอากาศเช่นกัน กลับเป็นถุงที่อยู่ในหมอกสีฟ้าด้านข้าง ที่ยังคงนิ่งสงบไร้อันตราย


 


 


ส่วนชายชราที่มีเกราะสงครามห่อหุ้มร่างกายอยู่ มองไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เกราะสงครามสามสีบนร่างดูเหมือนจะไม่ได้รับความเสียหาย ไม่เผยร่องรอยบาดเจ็บออกมาเลยสักนิด


 


 


หานลี่มองเห็นสถานการณ์เช่นนี้ รูม่านตาพลันหดเล็กลง มองไปยังศัตรูตัวฉกาจด้วยความเย็นชา


 


 


เขาชักมือข้างหนึ่งเข้ามาในแขนเสื้อ แล้วเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ ร่อนลงใจกลางฝ่ามือ


 


 


“การโจมตีนี้มีชื่อเรียกอย่างไร!” เสียงอู้อี้ของชายชราดังออกมาจากเกราะสงคราม แต่เนื้อหาที่ถามมาทั้งหมดทำให้หานลี่ตกตะลึง


 


 


“แน่นอนว่ามี! รสชาติปราณแท้ของกระบี่ ไม่ค่อยน่าภิรมย์สินะ” หานลี่เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา


 


 


“หึ มีอิทธิฤทธิ์อยู่บ้างจริงๆ แม้แต่ตาเฒ่าก็ไม่อาจต้านทานได้หมด!” ชายชราแค่นเสียง


 


 


เมื่อสิ้นเสียง ใจกลางของเกราะสงครามสามสีพลันมีเส้นสีเขียวอ่อนสายหนึ่งปรากฏขึ้น


 


 


จากนั้นเกราะสงครามที่ดูไม่มีรอยแตก พลันแยกออกจากเส้นสีเขียว รอยแยกมีลำแสงพุ่งออกมาราวกับกระจก ตกลงสู่พื้นดังสนั่น


 


 


เกราะสงครามที่ตกลงมาตามกัน แขนข้างหนึ่งร่อนลงมาที่พื้นตามมาเช่นกัน


 


 


โลหิตสดๆ พ่นออกมาจากไหล่ กลิ่นคาวโชยออกมา


 


 


แต่ชายชราแค่หันหน้าไปมองแขนที่ขาดด้วนของตนเองแวบหนึ่ง ขมวดไหล่พลิ้วไหวโดยไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว


 


 


แขนข้างที่ขาดข้างนั้นส่งเสียง “พรึ่บ” ออกมา แล้วบินมาที่บาดแผลโดยอัตโนมัติ


 


 


ลำแสงสีขาวเปล่งแสงเจิดจ้า แล้วต่อประสานกันได้อย่างง่ายดาย


 


 


ทันใดนั้นชายชราพลันโคจรพลังปราณ มือข้างหนึ่งร่ายอาคม ลำแสงสีแดงเจิดจ้าเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง


 


 


บรรยากาศรอบๆ พลันร้อนระอุขึ้น


 


 


หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงพลางมองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย และไม่ได้ลงมือโจมตีในทันที กลับแววตาเปล่งประกาย มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา


 


 


“นายท่านคิดว่าจะหายเป็นปกติจากบาดแผลของปราณแท้กระบี่อย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ?”


 


 


“อันใด เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ชายชราแซ่ถูพลันตะลึงงัน ทันใดนั้นก็มองไปที่บาดแผลบนแขนอีกครั้ง


 


 


ผลคือสีหน้าเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้


 


 


เห็นเพียงแขนที่เดิมดูเหมือนประสานกันเป็นปกติแล้ว เปื้อนโลหิตสีแดงฉานเพราะเหตุใดไม่รู้ โลหิตสีแดงฉานไหลพุ่งออกมาอีกครั้ง


 


 


“หึๆ ขอแค่นายท่านใช้พลังลมปราณ บาดแผลก็จะไม่สมานกันในทันที นี่ถึงจะเป็นจุดที่น่ากลัวอย่างแท้จริงของปราณแท้กระบี่! ไม่รู้ว่า จากนี้หากนายท่านคิดจะกดพลังปราณกว่าครึ่งเอาไว้ต่อสู้กับข้าน้อยหรือไม่ แต่การตัดสินใจเช่นนี้มันจะทำให้โลหิตไหลออกมาจนหมดตัว” หานลี่หัวเราะหึๆ จากนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ


 


 


เสียงหวีดร้องดังขึ้น!


 


 


ดอกไม้สีทองยี่สิบสามสิบดอกบินออกมาจากแขนเสื้อ หลังจากบินออกมาจากแขนเสื้อ พลันมีขนาดครึ่งฉื่อ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแมลงเกาะยักษ์หน้าตาโหดเ**้ยมยี่สิบกว่าตัว


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของหานลี่ ชายชราพลันมีใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก แต่ในใจกลับโกรธเกรี้ยวอย่างสุดแสน เมื่อเห็นรูปร่างของแมลงเกาะเหล่านี้อย่างชัดเจน ก็ไม่อาจรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้อีก พลันร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง


 


 


“แมลงกลืนทอง! คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีแมลงชนิดนี้ที่โตเต็มวัย!” ชายชราสีหน้าเปลี่ยนสีไปสองสามครั้ง สายตาเผยแววหวาดผวาออกมาเป็นครั้งแรก


 


 


หานลี่กลับไม่ได้เอ่ยอะไรอีก แค่ใช้สองมือร่ายอาคม แมลงกลืนทองเหล่านั้นพลันกรูกันเข้าไปหาชายชรา


 


 


แต่เขาเองก็เปล่งแสงสีทองสว่างวาบ บนผิวมีเกล็ดสีทองเรืองรองปรากฏขึ้น หว่างคิ้วมีลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ ตาปีศาจสีดำสนิทข้างหนึ่งปรากฏขึ้น


 


 


ในเวลาเดียวกันวงรัศมีสีทองก็บินออกมาจากด้านหลัง


 


 


ในวงรัศมีมีเทวรูปมารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรปรากฏขึ้น!


 


 


ร่างของหานลี่มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นบนร่าง จากนั้นสองแขนก็ร่ายอาคมพร้อมกัน


 


 


บนฝ่ามือข้างหนึ่งมีลำแสงสีทองสว่างวาบ ภูเขาเทวะดูดปราณสีดำสนิทปรากฏขึ้นอีกครั้ง


 


 


มืออีกข้างหนึ่งกวักเรียกกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆารอบด้าน ชั่วขณะนั้นกระบี่เล่มเล็กทั้งหมดพลันพุ่งออกมา คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวเป็นกระบี่ยักษ์สีเขียวความยาวสองสามจั้งเอาไว้ แล้วร่อนลงในมือเขา


 


 


หานลี่ถึงได้สาวเท้ายาวๆ ออกไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น คาดไม่ถึงว่าจะห่างออกไปสิบจั้งเศษ ตรงไปยังชายชราที่อยู่ด้านล่าง


 


 


แน่นอนว่าชายชราย่อมมองเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน หน้าเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวคล้ำไปเล็กน้อย สายตากวาดไปยังแขนที่ไม่อาจห้ามโลหิตได้อีกครั้ง แล้วเหลือบมองแมลงยักษ์สีทองยี่สิบกว่าตัวที่เข้ามาประชิดตน


 


 


เขากัดฟัน พลันอ้าปากออก พ่นยันต์วิเศษสีม่วงออกมาแผ่นหนึ่ง


 


 


หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น ยันต์วิเศษพลันระเบิดออก


 


 


หมอกสีม่วงกลุ่มหนึ่งคลี่ขยายไป ห่อหุ้มเงาร่างของชายชราเอาไว้


 


 


เมื่อเห็นฉากที่คุ้นเคยนี้ ร่างของหานลี่พลันกระตุก คาดไม่ถึงว่าจะหยุดลงกลางอากาศ ขมวดคิ้วเล็กน้อย


 


 


ทว่าแมลงกลืนทองยี่สิบสามสิบตัวนั้นกลับกรูกันเข้ามาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ชั่วพริบตา ก็ถูกหมอกสีม่วงกลืนกินเข้าไป


 


 


หานลี่สะบัดแขนเสื้อไปทางหมอกสีม่วง พายุสีขาวทะลักออกมา


 


 


เมื่อพายุหมุนวน ชั่วขณะนั้นพลันกวาดหมอกสีม่วงไปจนเกลี้ยง


 


 


เหมือนกับที่เขาคาดการณ์เอาไว้ มันว่างเปล่า


 


 


แววตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ กวาดไปบนพื้นอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้นพลันเปล่งเสียงร้องไพเราะราวกับวิหคออกมา


 


 


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ บนพื้นดินพลันมีลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ แมลงกลืนทองยี่สิบกว่าตัวเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นมาจากดินแล้วบินออกมา หลังจากบินวนล้อมรอบหานลี่แล้วก็ทยอยกันจมหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขาอย่างไร้ร่องรอย


 


 


 แค่การควบคุมช่วงประเดี๋ยว หานลี่ก็สัมผัสได้ว่าตนเองสูญเสียพลังจิตสัมผัสไปกว่าครึ่ง นี้ยังโชคดีที่เขาอยู่ในระดับหลอมสุญตา จิตสัมผัสของเขาจึงขยายขึ้น มิเช่นนั้นคงไม่กล้าปล่อยแมลงกลืนทองออกมาจำนวนมากอย่างง่ายดายเช่นนี้


 


 


ทว่าภายใต้การกวาดมองด้วยเนตรวิญญาณของเขา


 


 


ชายชราเผ่าแมลงมีเขาผู้นั้นกลับกลายเป็นเงาสีม่วงกลุ่มหนึ่ง บินหนีเตลิดออกไปสิบกว่าลี้


 


 


มองเห็นว่าเขาไม่แม้แต่จะหันหัวกลับมา ดูเหมือนว่าจะถูกเขาไล่จนหนีเตลิดเปิดเปิงไปจริงๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)