คัมภีร์วิถีเซียน 1564-1566
ตอนที่ 1564 ไล่ล่า
ในตอนที่ชายวัยกลางคนสำแดงอิทธิฤทธิ์นั้น อีกด้านหนึ่งชายผิวสีเขียวกลายเป็นเงาเลือนรางกลุ่มหนึ่ง อำพรางกายกระโดดหนีไปบนพื้นดินราวกับกำลังเหาะเหิน
เพราะเขาไม่อาจบินหนีได้ จึงยังคงอยู่ในระยะสองสามร้อยลี้ของเมืองแสงมรกต
ทว่าใบหน้าของชายผิวสีเขียวไม่เผยสีหน้าเป็นกังวลออกมาเท่าใดนัก รู้สึกมั่นใจกับพรสวรรค์ในการอำพรางตัวของเผ่าตัวเองเป็นอย่างมาก
นอกเสียจากจะอยู่ในระดับเผ่าศักดิ์สิทธิ์ มิเช่นนั้นเผ่าแมลงมีเขาก็ไม่มีทางหาเขาพบอย่างแน่นอน
ดังนั้นหลังจากที่ชายผิวสีเขียวดำผู้นี้แยกจากหานลี่และพวก ก็เอาแต่ขบคิดถึงกล่องหยกที่ชายหัวโตแบ่งให้คนอื่นๆ ไม่หยุด เขาคาดเดาว่าในกล่องมีอะไรกันแน่ไม่หยุด คิดไม่ถึงว่าจะสามารถนำไปแลกกับ ‘ยาลูกกลอนมหัศจรรย์’ ที่เขาใฝ่ฝันถึงได้ ในเวลาเดียวกันก็แอบขบคิดว่าหากสามารถเปิดกล่องหยกได้ล่ะก็ จะได้ประโยชน์มากกว่าหรือไม่
ชายผิวสีเขียวไม่รู้สึกว่าใต้ดินด้านหลังเขา มีเงาสีม่วงกลุ่มหนึ่งไล่ตามเขามาอย่างเงียบเชียบ ด้านในมีดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งจ้องมองการเคลื่อนไหวของเขาด้วยตาที่ไม่กะพริบ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เงาสีม่วงก็ดูเหมือนว่าจะสังเกตการณ์เสร็จแล้ว ร่างกายบิดเบี้ยว กลายเป็นเส้นสีม่วงหลบซ่อนอยู่ใต้ร่างชายผิวสีเขียว
ยามนี้ชายผิวสีเขียวทะยานขึ้นไป สองเท้าแตะลงที่พื้นอีกครั้งพอดี
เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น พื้นดินระเบิดออกทันที!
มือยักษ์คู่หนึ่งเปล่งแสงสีแดงสดสว่างวาบ ชั่วครู่ก็กำข้อเท้าของชายผิวสีเขียวเอาไว้
แน่นอนว่าชาวเผ่าผิวสีเขียวเข้มผู้นี้พลันตะลึงงัน แต่ปฏิกิริยาตอบสนองก็ไม่เชื่องช้า เปล่งแสงสว่างวาบ ร่างกายบิดเบี้ยว คิดจะขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีไปให้หลุดพ้น
แต่ฝ่ามือที่คว้าขาทั้งสองเอาไว้นั้นดูธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่กลับแข็งแกร่งดุจห่วงเหล็ก
ชายผิวสีเขียวรู้สึกเพียงว่าสองเท้ามีความเจ็บปวดแล่นขึ้นมา ไม่อาจขยับได้เลยสักกระผีก
ยามนี้ในที่สุดเขาพลันหน้าเปลี่ยนสี อ้าปากออกในทันใด ลำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงบนข้อมือ
แต่ได้ยินเพียงเสียง “เกร๊ง” ของทองคำกระทบกัน ลำแสงสีขาวหม่นแสง กระบี่เล่มเล็กขนาดสองสามชุ่นดีดตัวออก
คิดไม่ถึงว่ากระบี่บินจะทำอันตรายต่อมือคู่นี้ไม่ได้เลยสักกระผีกริ้น
ชาวผิวสีเขียวสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกตะลึง แต่ทันใดนั้นสองมือพลันร่ายอาคม ดูเหมือนอยากจะสำแดงเคล็ดวิชาที่ทรงพลังอะไรสักอย่าง
แต่ยามนี้กลับสายไปเสียแล้ว
เสียงแค่นเสียงอันเย็นชาที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ลำแสงสีแดงประหลาดเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนมือ ชั่วพริบตาก็ห่อหุ้มชายผิวสีเขียวเอาไว้
ทุกจุดที่ลำแสงสีแดงกวาดผ่าน พื้นดินรอบด้านจะหลอมละลายกลายเป็นสีแดงท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนฉ่า กลายเป็นดินแดนลาวา!
ชั่วขณะนั้นเสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้น
ลำแสงคุ้มครองร่างของชายผิวสีเขียวดำผู้นี้กะพริบวาบ ลุกไหม้ท่ามกลางลำแสงสีแดง…
แทบจะในเวลาเดียวกัน ในปากลึกอีกแห่งหนึ่ง เผ่าแมลงมีเขาระดับหลอมสุญตาสองคนก็หยุดอยู่กลางอากาศ พลางซุบซิบอะไรกันด้วยเสียงแผ่วเบา
มังกรวารีขนนกสี่ตัวอยู่ห่างออกไป กำลังหมุนวนโคจรไปมา ค้นหาอะไรสักอย่างอยู่
“คนผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก พวกเราเพิ่งจะเข้าใกล้ที่นี่ กลิ่นอายของเขาก็หายไป แม้แต่มังกรวารีขนนกก็ไม่อาจหาตำแหน่งของเขาได้ เช่นนั้นก็ยุ่งยากหน่อยแล้ว” หนึ่งในนั้นเห็นมังกรวารีขนนกหาอะไรไม่พบ ใบหน้าก็เผยสีหน้า้รอนใจออกมา
“ไม่ต้องกังวล คนผู้นั้นอยู่ในระดับเดียวกับเจ้าและข้าเท่านั้น อำพรางกลิ่นอายโดยไม่เหลือร่องรอยเลยเช่นนี้ จะต้องซ่อนตัวอยู่แถวๆ นี้แน่ หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็เสียเวลากับเขาสักหน่อย รอให้อีกสองท่านมาถึง แล้วค่อยดูว่าเขาจะไปซ่อนตัวที่ใด” อีกคนหนึ่งกลับเยือกเย็นสุขุม พลางเอ่ยแล้วฉีกยิ้มบางๆ
“เกรงว่าจะทำได้เพียงเช่นนี้!” คนแรกรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้า
และภายในต้นไม้ใหญ่กลางป่าลึกล้ำที่ไม่สะดุดตาต้นหนึ่ง ชายหัวโตกำลังขมวดคิ้วแน่นอยู่ด้านใน ร่างกายมีผ้าคลุมสีเทาคลุมอยู่ กลบกลิ่นอายของเขาไว้อย่างมิดชิด
……
ณ จุดอื่นบนภูเขาชีพจรวิญญาณ สายรุ้งจางๆ สายหนึ่งกำลังบินตรงไปข้างหน้า
ท่ามกลางลำแสงหลีกหนี ชนต่างเผ่าร่างกายมีเกล็ดมัจฉา ศีรษะเหมือนจระเข้กำลังขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีเต็มอัตรา
ด้านหลังของเขาห่างออกไปสองสามลี้ เผ่าแมลงมีเขาระดับหลอมสุญตาอีกสองคน นั่งอยู่บนรถเหาะความยาวสองสามจั้งคันหนึ่ง ลดระดับลงมาจากที่ไกลออกไปขณะอำพรางกาย
ด้านหลังรถเหาะไกลออกไป มังกรวารีขนนกสี่ตัวกำลังลดระดับลงมาอยู่ด้านหลังอย่างระมัดระวัง
……
ทั้งสี่ทิศจากใจกลางของเมืองแสงมรกต ชนต่างเผ่าระดับหลอมสุญตากำลังถูกชนชั้นสูงของเผ่าแมลงมีเขาไล่สังหารและสะกดรอยอยู่แทบจะในเวลาเดียวกัน
หานลี่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน
ยามนี้เขาลอยตัวอยู่กลางอากาศ จ้องเขม็งไปยังจุดที่ต่ำกว่าด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
มังกรวารีขนนกสองตัวกำลังบินวนไปมาห่างออกไปยี่สิบกว่าจั้ง
เขาเพิ่งเคยเห็นมังกรวารีขนนกประหลาดสองตัวนี้เป็นครั้งแรก และยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจะรู้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆ มันกำลังค้นหาอะไรสักอย่างไปรอบด้าน
ทว่าร่างของหานลี่ในยามนี้ยังคงอยู่ในยันต์ชำระพิสุทธิ์ มังกรวารีประหลาดทั้งสองจึงไม่อาจค้นหาตำแหน่งของเขาได้
ทำได้เพียงบินวนไปมาอยู่รอบๆ ราวกับแมลงวันไร้หัว
หานลี่ลูบใต้คาง สายตาสอดส่ายไปทั่ว ไม่พบทหารไล่ล่าคนอื่นๆ ของเผ่าแมลงมีเขา ใบหน้าพลันฉายแววโหดเ**้ยม ขบคิดว่าจะลงมือกำจัดตัวยุ่งยากทั้งสองตัวนี้หรือไม่โดยไม่ทันตั้งตัว
มังกรวารีขนนกสองตัวอยู่ในระดับเทพแปลงเท่านั้น ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเขาในตอนนี้ได้
แต่เขาในตอนนี้เพิ่งจะบินออกมาจากเมืองแสงมรกตได้แค่พันกว่าลี้ หากในเผ่าแมลงมีเขามีสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์จริงๆ และยังคงใช้จิตสัมผัสตรวจสอบมาทางนี้ หากลงมือเกรงว่าคงจะเสี่ยงเผยร่องรอยออกมา
หลังจากที่หานลี่ขบคิดซ้ำไปซ้ำมาแล้ว สุดท้ายก็ยังสั่นศีรษะกำจัดความคิดนี้ออกไป
เขาเคลื่อนไหวกาย หมายจะหายไปอย่างไม่สนใจสิ่งใดอีก
แต่ฉากที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายพลันปรากฏขึ้น
เมื่อหานลี่บินออกมาได้สิบจั้งเศษ ผิวพลันมีลำแสงสีม่วงเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างกายที่ถูกอำพรางอยู่ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิม เผยร่างออกมา
คาดไม่ถึงว่ายันต์ชำระพิสุทธิ์ที่ใช้จะหมดประสิทธิภาพในยามนี้
เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น ทำให้หานลี่ตะลึงงัน
ในเวลาเดียวกันที่หานลี่ปรากฏตัว ชั่วขณะนั้นมังกรวารีขนนกทั้งสองก็มองมาทางนี้ตามสัญชาตญาณพร้อมกัน มองเห็นหานลี่ทุกกระเบียดนิ้ว
ทันใดนั้นทั้งสองก็เปล่งเสียงร้องยาวๆ ด้วยความยินดีออกมา กระพือปีกทั้งสอง กระโจนเข้ามาหาหานลี่อย่างดุดัน
หานลี่รู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย แต่พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งร่ายอาคม แผ่นหลังมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น เผยปีกขนนกแวววาวคู่หนึ่งออกมา
จากนั้นพลันจ้องเขม็งไปยังมังกรวารีประหลาดสองตัวด้านล่าง แค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชาออกมา
เสียงแค่นเสียงดูเหมือนจะธรรมดา แต่เมื่อเข้าหูของมังกรวารีขนนกทั้งสอง กลับราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ก็ไม่ปาน
ทันใดนั้นในหัวดูเหมือนจะมีความเจ็บปวดที่สามารถผ่าออกเป็นสองส่วนได้แล่นขึ้นมา เปล่งเสียงร้องอย่างน่าอนาถออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างกายหมุนคว้างตกลงสู่เบื้องล่าง
และหานลี่ในยามนี้ ปีกที่แผ่นหลังกลับกระพือ ชั่วขณะพลันกลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งหายวับไปจากจุดที่ไกลออกไป
ครู่ต่อมาด้านล่างมังกรวารีขนนกตัวหนึ่ง ระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ร่างของหานลี่ปรากฏออกมา เห็นเพียงมือข้างหนึ่งของเขาโบกสะบัดไปทางมังกรวารีขนนก
ชั่วขณะนั้นกระบี่ลำแสงสีเขียวเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ วนล้อมรอบมังกรวารีขนนก สับมันออกเป็นสองส่วน แม้แต่จิตวิญญาณบริสุทธิ์ก็ยังหายไปท่ามกลางกระบี่ลำแสง!
ร่างของหานลี่บิดเบี้ยว กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวสายหนึ่งแล้วหายวับไปอีกครั้ง
ครู่ต่อมามังกรวารีขนนกอีกตัวหนึ่งและระลอกคลื่นข้างกายพลันรวมตัวกัน หานลี่แทบจะปรากฏตัวติดๆ กับอสูรตัวนั้น
ฝ่ามือสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกข้างหนึ่งกดลงไปบนร่างของมังกรวารีประหลาด ชั่วขณะนั้นเปลวลำแสงห้าสีกลุ่มหนึ่งพลันหมุนวน พริบตาก็กลายเป็นน้ำแข็งยักษ์ห้าสีก้อนหนึ่ง
จากนั้นนิ้วทั้งห้าของหานลี่พลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ประจุไฟฟ้าสีทองสองสามสายพุ่งออกไปติดๆ ชั่วครู่ก็ห่อหุ้มก้อนน้ำแข็งเอาไว้ข้างใน
มังกรวารีขนนกและน้ำแข็งเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ แล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ซากศพที่แหลกละเอียดในลำแสงสีเขียวพยายามจะอาศัยโอกาสนี้หนีไป กลับถูกประจุไฟฟ้าสีทองสายหนึ่งโจมตีไปอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วสลายหายไป
เช่นนั้นหานลี่ก็สังหารมังกรวารีขนนกสองตัวนั้นได้ในชั่วอึดใจ
จากนั้นร่างกายพลันไม่หยุดพัก กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งไปยังขอบฟ้า ไม่มีเจตนาจะอำพรางกายอีก
ในความคิดของเขาหากเผ่าแมลงมีเขาไม่มีผู้ที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์อยู่ ก็ไม่อาจพบร่องรอยของเขาได้ แน่นอนว่าจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร
หากมีแม้ว่าการลงมือเมื่อครู่จะรวดเร็วขนาดไหน เกรงว่าก็ไปรบกวนสิ่งมีชีวิตระดับนั้นแล้ว ต่อให้ใช้ยันต์ชำระพิสุทธิ์อีกก็ไร้ประโยชน์ ไม่สู้หนีไปด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นจะดีกว่า
ยามที่มังกรวารีขนนกตกลงสู่พื้นนั้น ชายชราและชายวัยกลางคนเผ่าแมลงมีเขาที่แยกกันไป ก็มองไปทางตำแหน่งของหานลี่พร้อมกันตามความรู้สึก
ใต้เท้าของชายชรามีกองสิ่งของกองอยู่อย่างระเกะระกะ มือข้างหนึ่งคว้ากล่องหยกเอาไว้
ชายชราหรี่ตาทั้งสองข้างลง เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมาขณะมองไปยังทิศทางของหานลี่
แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นกองสิ่งของใต้ฝ่าเท้าและกล่องหยกในมือหายวับไปท่ามกลางหมอกลำแสง
จากนั้นเขาพลันหมุนตัวพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ กลายเป็นลำแสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งตรงไปยังทิศทางของหานลี่
ส่วนชายวัยกลางคนที่อยู่อีกด้านเป็นเพราะจัดการได้ค่อนข้างรวดเร็ว จึงพุ่งไปอีกทาง
แม้ว่าเขาในยามนี้จะหันไปมองทิศทางของหานลี่ไม่หยุด แต่สุดท้ายก็ยังสั่นศีรษะ ยังคงพุ่งตรงไปยังทิศทางเดิม แต่ความเร็วพลันเพิ่มขึ้นกว่าครึ่งอย่างไม่รู้ตัว
ตอนนี้เขาใกล้จะถึงอีกเป้าหมายแล้ว แน่นอนว่าจึงไม่มีทางปล่อยมือกลับไปทางหานลี่ คิดจะจัดการเป้าหมายตรงหน้าให้เสร็จก่อน แล้วค่อยกลับไปก็ยังไม่สาย
ดังนั้นทหารไล่ล่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าแมลงมีเขาสองคน จึงมีเพียงคนเดียวที่ไล่ตามหานลี่ไป
ภายใต้ความเร็วเต็มอัตราของสิ่งมีชีวิตระดับนี้ ความเร็วของมันจึงน่าเหลือเชื่อ
เมื่อหานลี่สังหารมังกรวารีขนนกเสร็จ พลันกลายเป็นสายรุ้งสายหนึ่งหนีไปไม่ถึงครึ่งเค่อ ก็หันกลับไปตามความรู้สึก ใบหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
เห็นเพียงตรงขอบฟ้าที่ไกลออกไปมีลำแสงสีแดงสว่างวาบ ลำแสงหลีกหนีสีแดงสดสายหนึ่งพุ่งไล่ตามตนมา
ลำแสงสีแดงนี้ดูเหมือนภูตผีก็ไม่ปาน เปล่งแสงสว่างวาบก็มาปรากฏตัวห่างออกไปร้อยจั้งเศษ กะพริบระยิบระยับ ความเร็วเหนือกว่าหานลี่ในตอนนี้สองสามเท่า
แววตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ มองเห็นเงาร่างคนรางๆ ด้านในอย่างชัดเจน
ชั่วพริบตานั้นก็แผ่จิตสัมผัสไป ใจหายวาบอย่างอดไม่ไหว
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นระดับผสานอินทรีย์ผู้หนึ่ง! โชคดีที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้น แม้ว่าจะไม่อาจต่อสู้ได้ แต่ก็หนีได้อย่างไม่มีปัญหา
หานลี่ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตานั้นสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติ
ตอนที่ 1565 แรงกดดันระดับผสานอินทรีย์
ทว่าหานลี่ไม่ได้มีเจตนาจะประมือกับระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นผู้นี้ที่นี่ สองปีกกระพือออกอย่างไม่ลังเล ลำแสงวิญญาณเปล่งประกาย กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป
ความเร็วในการหลบหนีเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ไม่ด้อยไปกว่าลำแสงสีแดงที่ไล่อยู่ด้านหลังเท่าใดนัก
ทั้งสองพุ่งออกไป แค่สองสามอึดใจ ก็หายลับไปจากขอบฟ้า
เงาร่างคนในลำแสงสีแดงด้านหลัง แน่นอนว่าย่อมเป็นชายชราแซ่ถูของเผ่าแมลงมีเขาผู้นั้น
เขาอาศัยพลังจานตาข่ายสวรรค์ทมิฬ หาตำแหน่งของหานลี่ได้อย่างง่ายดาย แต่คิดไม่ถึงว่าคนไม่ทันเข้าใกล้ อีกฝ่ายก็เพิ่มความเร็วหนีไปทันที
นี่จึงทำให้ชายชราตะลึงงัน ทันใดนั้นก็รู้สึกยินดี
อีกฝ่ายดูเหมือนจะมีอิทธิฤทธิ์ไม่อ่อนแอ ในตัวอาจจะมีสิ่งที่ตัวเองอยากแย่งชิง
ทันใดนั้นพลันกระตุ้นละแสงสีแดงบนร่าง ไล่ตามไปอย่างไม่ลดละเช่นกัน
ทั้งสองดูเหมือนดาวตกบนท้องฟ้าก็ไม่ปาน ไล่ตามไปอย่างไม่ปิดบัง บินไล่กันไปเป็นพันลี้
ลำแสงสีแดงด้านหลังไม่อาจไล่ตามเส้นไหมสีเขียวด้านหน้าได้เลยแม้สักกระผีก
ชายชราที่อยู่ในลำแสงสีแดงพลันชักสีหน้า!
แม้ว่าเขาจะไม่เชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาหลีกหนี แต่ใช้จิตสัมผัสกวาดไปทางอีกฝ่ายแล้ว เขาเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเผ่าเบื้องบนขั้นที่เจ็ดคนหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้คาดไม่ถึงว่าจะตนเองบินมาไกลขนาดนี้จะยังจับอีกฝ่ายไม่ได้
ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก!
ทว่าถึงอย่างไรเสียเท้าครึ่งหนึ่งของชายชราก็เหยียบย่ำอยู่ในระดับผสานอินทรีย์แล้ว แน่นอนว่าประสบการณ์การต่อสู้จึงเฟื่องฟูเป็นพิเศษ
ลำแสงหลีกหนีสีแดงหยุดลง จากนั้นพลันหม่นแสง เผยร่างของชายชราออกมา
เขาพลิกมือหนึ่งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ในมือมียันต์สีม่วงแผ่นหนึ่งปรากฏออกมา
โบกไปมาเล็กน้อย หมอกเมฆาสีม่วงกลุ่มหนึ่งพลันระเบิดออก พริบตาก็แผ่ขยายไปสิบจั้งเศษ ห่อหุ้มชายชราแซ่ถูไว้ทั้งหมด
หานลี่ที่จับจ้องการเคลื่อนไหวของศัตรูที่อยู่ด้านหลังมาโดยตลอด เห็นฉากนั้นก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
ลำแสงหลีกหนีของเขาพลันหยุดชะงักอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ปรากฏร่างของตนเองขึ้นในลำแสงสีเขียวเช่นกัน จากนั้นสองตาพลันหรี่ลงมองกลับไป
เขากลับรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ อีกฝ่ายจะทำอะไรกันแน่!
เห็นเพียงหมอกเมฆาสีม่วงหมุนวน พริบตาก็สลายหายไป ผลคือเงาร่างชายชราที่ยืนอยู่ในเมฆาสีม่วงพลันหายไป เหลือแต่ความว่างเปล่า
หานลี่หน้าเปลี่ยนสี ชั่วพริบตานั้นพลันปล่อยจิตสัมผัสออกไปในระยะสิบลี้อย่างไม่ต้องขบคิด
ผลคือชายชราแซ่ถูยังคงหายไปไร้เงา ราวกับว่าหายไปจากบริเวณรอบอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นพลันใช้อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณวารีกระจ่าง
ผลคือสายตากวาดออกไปอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้านั้นว่างเปล่า ไม่พบเงาร่างของชายชราผู้นั้น
ยามนี้หานลี่พลันรู้สึกจิตใจหนักอึ้งแล้วจริงๆ
ระดับผสานอินทรีย์เดิมทีก็เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว ตอนนี้ยังอำพรางกายจนไม่อาจเห็นร่องรอยได้ จะไม่อันตรายถึงชีวิตหรือ
แต่หานลี่ก็ไม่ใช่คนธรรมดา ความคิดเคลื่อนไหว ทันใดนั้นลำแสงหลีกหนีพลันเปล่งแสงสว่างวาบอย่างไม่ลังเลอีก กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวสายหนึ่งหักเลี้ยวหนีไป
แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหลบอยู่ที่ใด แต่หากหยุดอยู่เป็นเวลานานล่ะก็ แน่นอนว่าย่อมเป็นสิ่งที่อันตราย
ทว่าถ้าหากอีกฝ่ายไล่ตามมาต่อ เขาก็ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายยังคงรักษาสภาพไร้ร่องรอยต่อไปได้
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น ชั่วอึดใจเส้นไหมสีเขียวก็พุ่งออกไปร้อยจั้ง ไปถึงขอบฟ้าอีกด้าน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
หานลี่บินหนีไปพลาง ใช้เนตรวิญญาณตรวจสอบด้านหลังเป็นครั้งคราวไปพลาง
หลังจากผ่านไปเพียงชั่วครู่ เขาพลันขมวดคิ้ว พบแล้ว
หลังเขาห่างออกไปสองสามลี้ที่ใต้ดิน เงาร่างคนสีม่วงกลุ่มหนึ่งกำลังพุ่งมาจากใต้ดินอย่างไม่มีสิ่งใดขัดขวางได้เลยสักนิด
นั่นก็คือชายชราเผ่าแมลงมีเขาที่หายไปก่อนหน้า
ไม่รู้ว่าคนผู้นี้สำแดงอิทธิฤทธิ์ชนิดใด คาดไม่ถึงว่าจะอาศัยหมอกสีม่วงอำพรางกายแล้วเคลื่อนย้ายอยู่ใต้ดินลึกลงไปยี่สิบสามสิบจั้งได้ นั่นทำให้หานลี่ในยามนั้นรู้สึกชะล่าใจ คาดไม่ถึงว่าจะเผยร่องรอยออกมา
ทว่าแม้ว่าอีกฝ่ายจะใช้เนตรวิญญาณวารีกระจ่าง ร่างกายก็ยังคงเผยออกมารางๆ เห็นได้ชัดว่าวิชาการอำพรางกายไม่ธรรมดา และยิ่งไปกว่านั้นลี้ธรณีของคนผู้นี้ก็เป็นเคล็ดวิชาหลีกหนีที่ไม่ธรรมดา ความเร็วที่อยู่ใต้ดินเร็วกว่าอยู่กลางอากาศเท่าหนึ่ง
เมื่อลำแสงสีแดงกวาดผ่านไป ดินเหล่านั้นไม่เพียงจะไม่ขัดขวาง กลับมีลำแสงสีเหลืองปลิวไสวจมเข้าไปในลำแสงสีแดง ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
หานลี่เหาะเต็มอัตรา ก็ยังคงถูกเขาเข้ามาประชิดจากใต้ดิน
หานลี่รู้สึกตะลึงงันไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไม่มีเจตนาจะหยุดพัก
ชายชราแซ่ถูที่สำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีประหลาดด้านล่าง กลับรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก
เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะร้อนรนทำตัวไม่ถูกเมื่อตนเองหายไป หรือไม่ก็ยังหนีต่อไปอย่างไม่สนใจ แต่หลังจากบินมาได้ระยะหนึ่งก็จะเริ่มลดความเร็วลง แม้กระทั่งหยุดลงในบางครั้ง
แต่หานลี่ไม่เพียงจะหักหนีอย่างไม่ลังเล หลังจากบินมาได้พักหนึ่งก็ยังคงไม่มีท่าทีจะช้าลงเลยสักนิด
นี่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาเป็นอย่างมาก
แต่ชายชราก็มั่นอกมั่นใจในอิทธิฤทธิ์การอำพรางกายของตนเองเป็นอย่างมาก
สำหรับเขาแล้วหากใช้อิทธิฤทธิ์นี้ต่อกับผู้ที่มีพลังยุทธ์สูงกว่าหรือระดับเดียวกันนั้นก็พูดยาก บางทีอาจจะถูกอีกฝ่ายที่มีจิตสัมผัสแข็งแกร่งดูออก แต่ผู้ที่มีพลังยุทธ์ด้อยกว่าตนเองอย่างระดับเผ่าเบื้องบนนั้น โดยปกติแล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้
นอกเสียจากว่าอีกฝ่ายจะใช้เนตรวิญญาณอะไรสักอย่างในตำนาน แต่อัตราความเป็นไปได้มันเล็กจนแทบมองข้ามไปได้
ยามนี้เห็นหานลี่ไม่ติดกับ ชายชราจึงทำได้เพียงใช้เคล็ดวิชาหลีกหนีไล่ตามเขาไปติดๆ ด้วยความจนปัญญา
แน่นอนว่าเขาย่อมดูออกว่า ความเร็วของตนเองที่อยู่ใต้ดินนั้นเร็วกว่าหานลี่เล็กน้อย
แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางหลุดมือไปง่ายๆ!
ดังนั้นทั้งสองคนหนึ่งมีความมุ่งมั่น คนหนึ่งฉงนสงสัย คาดไม่ถึงว่าหนีไปไกลเป็นหมื่นลี้
หานลี่เห็นเงาสีม่วงใต้ดินไล่ตามเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สีหน้าอดที่จะเคร่งขรึมไม่ได้ สายตาเริ่มมองไปทางซ้ายทีขวาทีไม่หยุด!
ฉับพลันนั้นเบื้องหน้าพลันมีภูเขาสูงใหญ่สองลูกตั้งขนาบข้างกัน ผิวเป็นสีเขียวขจี ยอดเขาสูงชันเป็นอย่างมาก
ตรงใจกลางภูเขาทั้งสองลูกเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นป่ารกทึบ
หานลี่เห็นที่นี่พลันใจเต้น ทันใดนั้นแววตาพลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบพลางมองไปด้านล่างแวบหนึ่ง
เห็นเพียงเงาสีม่วงกลุ่มนั้นมาอยู่ห่างจากเขาไปไม่ถึงร้อยจั้งเศษแล้ว เกรงว่าขอแค่เขาสะเพร่าเล็กน้อย ก็จะถูกอีกฝ่ายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วไล่ตามมาทัน
หานลี่สูดลมหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง ฉับพลันนั้นลำแสงหลีกหนีพลันเปลี่ยนไป ตรงไปหาผืนป่า
เห็นเพียงเสียงแหวกอากาศหยุดลง เส้นไหมสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ จมหายเข้าไปในผืนป่า
ลำแสงหลีกหนีหม่นแสงลง ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้น แต่ครู่ต่อมา ก็สะบัดแขนเสื้อ กระบี่เล่มเล็กยี่สิบกว่าเล่มเปล่งเสียงกรีดร้องแล้วบินออกมา
มือหนึ่งพลันร่ายอาคม กระบี่เล่มเล็กทั้งหมดสั่นระริก กลายเป็นเส้นไหมสีเขียวยี่สิบกว่าสายพุ่งไปด้านล่าง
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น เส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพลันเริงระบำ ด้านหลังที่เป็นผืนป่ารกทึบ มีลำแสงสีเขียวตัดออกเป็นระยะๆ
ชั่วพริบตากลางอากาศในระยะสองสามร้อยลี้ก็ปรากฏความว่างเปล่าขึ้น
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ร่างของหานลี่พลันพลิ้วไหว ปรากฏตัวบนต้นไม้สูงสองสามจั้งต้นหนึ่งที่ด้านล่าง ในเวลาเดียวกันพลันดีดนิ้วด้วยสีหน้าราบเรียบ
ลำแสงสีเขียวหายวับไป เส้นไหมสีเขียวทั้งหมดทยอยกันจมหายไปกลางอากาศอย่างไร้เงา
หานลี่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ชั่วขณะนั้นเสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองเงินบางๆ จำนวนนับไม่ถ้วนพลันดีดตัวออก จากนั้นพลันรวมตัวกันกลายเป็นชุดคลุมยาวสีทองเงินชุดหนึ่งคลุมอยู่บนเรือนร่าง
จากนั้นไอสีดำพลันหมุนติ้วๆ ในชุดคลุมยาวมีเกราะทมิฬสีดำสนิทชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น
สุดท้ายหานลี่พลันอ้าปากออกอีกครั้ง โล่ใบเล็กสีสันแวววาวพุ่งออกมา วนล้อมรอบเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น หานลี่พลันเอาสองมือไพล่หลัง เงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งไปบนท้องฟ้า ร่างกายนิ่งค้าง
ลึกลงไปใต้ดินด้านล่างต้นไม้ที่หานลี่ยืนอยู่ ชายชราแซ่ถูจับจ้องการกระทำของหานลี่ด้วยสีหน้าแปลกประหลาด แววตาฉายแววโหดเ**้ยมออกมาเล็กน้อย
ยามนี้เขาไล่ตามหานลี่จนมาอยู่ใกล้แค่คืบแล้ว แต่กลับไม่ได้รีบร้อนลงมือ
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ระดับแทบจะต่างกับเขามากกว่าสามเท่า ชายชราก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้อีก
เขากวาดจิตสัมผัสไปรอบๆ เมื่อมั่นใจว่าที่นี่มีหานลี่อยู่เพียงคนเดียว และไม่มีกับดักอะไร ชายชราพลันมีสีหน้าโหดเ**้ยม ร่างกายบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่าจะสลายหายไปกลางดินโคลน
ครู่ต่อมาฉากที่เหมือนกันก็ปรากฏขึ้นตรงที่หานลี่อยู่
หลังจากที่เสียงสั่นคลอนสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ต้นไม้ที่หานลี่ยืนอยู่ก็ระเบิดออก มือยักษ์สีแดงสดคู่หนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกมาจากใต้ดิน ตะปบสองเท้าของหานลี่เอาไว้
คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่แยแสเกราะป้องกันสามชั้นที่หานลี่วางไว้ ท่าทางดุดันสะเทือนเลื่อนลั่น!
หานลี่ดูเหมือนว่าจะคาดเดาการโจมตีนี้เอาไว้ตั้งนานแล้ว ร่างกายรางเลือนอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน เปล่งแสงสว่างวาบแล้ว คนก็มาปรากฏอีกแห่งห่างออกไปสิบจั้งเศษ
เสียงแค่นเสียงด้วยความเย็นชาดังขึ้น ร่างของหานลี่เพิ่งปรากฏตัว ด้านล่างพลันมีลำแสงสีแดงสว่างวาบ ชายชราแซ่ถูเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน
ชายชรามีสีหน้าโหดเ**้ยมฉายแวบผ่าน สองแขนขยับ เงากำปั้นสีแดงสดสองกลุ่มปรากฏขึ้น โจมตีไปยังหานลี่พร้อมกับอุณหภูมิที่ร้อนระอุ
คิดไม่ถึงว่าชนชั้นสูงของเผ่าแมลงมีเขาผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นผู้ฝึกตนคู่บำเพ็ญเพียรเช่นกัน
หานลี่แววฉายแววตกตะลึง ฝ่ามือสีดำสนิทข้างหนึ่งยื่นออกมาอย่างเงียบเชียบ กดลงไปกลางอากาศด้านล่าง
เงาสีดำจุดหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบบินออกมาจากฝ่ามือ จากนั้นพลันหมุนคว้าง กลายเป็นภูเขาขนาดสองสามจั้งลูกหนึ่ง กดลงมาอย่างเงียบเชียบ
โจมตีไปยังกำปั้นเงาสีแดงด้านล่าง
ชายชราแซ่ถูเห็นเช่นนั้น มุมปากกระตุก ไม่เพียงไม่เปลี่ยนการโจมตี กลับเผยสีหน้าเยาะเย้ยออกมา ในเวลาเดียวกันก็ขบคิดพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชาในใจ
กำปั้นคู่นั้นของเขาแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ เกรงว่ามีเพียงตอนที่อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ถึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้
เมื่อครุ่นคิดเช่นนี้ ชายชราพลันร่ายคาถา เงากำปั้นขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่าท่ามกลางลำแสงสีแดง จนมีขนาดเท่าศีรษะ ส่วนผิวสีแดงของเงากำปั้นพลันเจิดจ้าแผดเผาขึ้นราวกับลาวา แม้แต่บรรยากาศรอบด้านก็ดูเหมือนจะถูกย้อมจนเป็นสีแดง อุณหภูมิที่แผ่ออกมาทำให้อากาศบิดเบี้ยวผิดรูป
คาดไม่ถึงว่าเขาจะตัดสินใจใช้กำปั้นคู่หนึ่งโจมตีภูเขาเทวะดูดปราณจนแหลกละเอียด
หานลี่เห็นฉากนี้ แววตากลับเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
และในตอนนั้นเอง เงากำปั้นและตีนเขาสีดำพลันปะทะกัน
เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน คาดไม่ถึงว่าจะเงียบเชียบไร้เสียง! เงากำปั้นและภูเขาขนาดเล็กสั่นคลอน ราวกับเวลาหยุดค้างอยู่กลางอากาศ แต่ทันใดนั้นดวงอาทิตย์สีเทาแดงที่ตัดสลับกันไปมาปรากฏขึ้น จากนั้นพลันกลายเป็นคลื่นลำแสงพุ่งออกทั้งสี่ทิศ
หานลี่รู้สึกเพียงว่าหูทั้งสองข้างสั่นคลอน เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าถล่มดินทลายดังเข้ามาในโสตประสาท ต้นไม้เตี้ยแคระในบริเวณนั้นและระลอกคลื่นสัมผัสกัน ชั่วพริบตาพลันกลายเป็นฝุ่นไม้แล้วสลายหายไป พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง คาดไม่ถึงว่าจะมีหลุมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยี่สิบสามสิบจั้ง ลึกลงไปสองสามจั้งปรากฏขึ้น
หานลี่พลันตื่นตะลึง ลำแสงสีฟ้าสว่างวาบในแววตาพลางจ้องเขม็งไปเบื้องล่าง
เห็นเพียงภูเขาเทวะดูดปราณยังคงลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ แต่เงากำปั้นยักษ์ที่อยู่ด้านล่างกลับแตกละเอียดออก แต่พลันมีกำปั้นที่ดูเหมือนธรรมดาซึ่งกำลังรองภูเขาขนาดย่อมเอาไว้ไม่ให้มันตกลงมาได้คู่นั้นเพิ่มขึ้นมา
ส่วนเจ้าของฝ่ามือคู่นั้น นั่นก็คือชายชราแซ่ถู
แขนของเขาในยามนี้บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย สีหน้าแดงก่ำดุจโลหิต คาดไม่ถึงว่าจะใช้ฝ่ามือคู่หนึ่งรับภูเขาเทวะดูดปราณเอาไว้ได้จริงๆ
ตอนที่ 1566 ไฟข่มไม้
หานลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่แววตาพลันเปล่งประกาย จากนั้นร่างกายพลิ้วไหว คนมาปรากฏตัวบนยอดเขา และใช้ปลายเท้าแตะลงไปอย่างแผ่วเบา
ชั่วขณะนั้นภูเขาสีดำพลันมีลำแสงสีเทาขาวไหลโคจรไปมา ขยายขนาดขึ้น จนมีขนาดสามร้อยจั้ง
ชายชราแซ่ถูที่แต่เดิมยังพอฝืนรับภูเขาขนาดย่อมเอาไว้ พลันหน้าเปลี่ยนสี สองเท้าสั่นเทา ชั่วครู่ก็จมลงไปบนพื้นดินกลบสองเท้าเอาไว้
นั่นก็คือชายชราที่อาศัยเพียงพลังมหาศาลรับยอดเขาลูกนี้เอาไว้ จึงจำใจต้องนำพลังมาโคจรบนพื้นดิน
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันมีสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่เท้าข้างหนึ่งพลันยกขึ้นอีกครั้ง เหยียบลงไปบนภูเขาลูกเล็ก
ยอดเขาสีดำสั่นไหวอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นพลันตกลงสู่ด้านล่างอีกครั้งพร้อมเสียงอึกทึก ชั่วครู่ก็กดร่างของชายชราเอาไว้ด้านล่าง
มองไม่เห็นเงาร่างของชายชราอีก
หานลี่เห็นเช่นนั้น พลันรู้สึกดีใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะสังหารผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์คนหนึ่งได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นจริงๆ
มือหนึ่งร่ายอาคมโดยไม่ปริปาก ฝ่ามือสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกอีกข้างหนึ่งปรบไปด้านล่างเบาๆ
ยอดเขาสีดำมีลำแสงสีเทาสว่างวาบ ขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกันเปลวเพลิงห้าสีก็ทะลักออกมาจากนิ้วสีขาวบริสุทธิ์ โจมตีไปยังยอดเขาด้านล่าง
ทุกแห่งที่เปลวเพลิงลำแสงห้าสีกวาดผ่าน น้ำแข็งห้าสีพลันขยายออกไปตามตีนเขา ชั่วครู่พื้นดินในรัศมียี่สิบสามสิบจั้งก็กลายเป็นธารน้ำแข็ง
ส่วนยอดเขาสีดำที่ขยายขนาดจนมีความสูงพันจั้งเศษ ไม่ต่างอะไรกับยอดเขาที่แท้จริงเท่าใดนัก
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หานลี่ก็ยังไม่มีเจตนาจะยั้งมือ ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไปอีกด้าน
ด้านนั้นมีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ลำแสงหลีกหนีจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย
จากใจกลางของยอดเขาสีดำ บรรยากาศรอบด้านมีเสียงทุ้มต่ำดังออกมา กระบี่สีเขียวปรากฏขึ้นกลางอากาศในเวลาเดียวกัน แต่ทันใดนั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นดอกบัวสีเขียวขนาดเท่าฝ่ามือ
ดอกบัวเหล่านั้นหมุนติ้วๆ ชั่วขณะนั้นรอบด้านพลันมีเงาดอกบัวรางๆ ปรากฏขึ้นและค่อยๆ เปลี่ยนจากเงาเป็นของจริง
ยามนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดอกบัวเปล่งแสงระยิบระยับ แสงที่สาดออกมาพลันผสานกัน กลายเป็นม่านลำแสงยักษ์ผืนหนึ่ง ปกคลุมชายชราเอาไว้
คิดไม่ถึงว่าหานลี่จะถือโอกาสงามๆ นี้ กระตุ้นเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์
และในยามนั้นเองเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวพลันดังออกมาจากตีนเขา จากนั้นเสียงร่ายคาถาลึกลับพลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บรรยากาศรอบๆ พลันมีหมอกลำแสงสีแดงสดปรากฏขึ้น ยามแรกมีแค่สิบกว่ากลุ่ม แต่เมื่อเสียงร่ายคาถารวดเร็วขึ้น หมอกสีแดงก็มากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ พลันเนืองแน่นเต็มท้องฟ้า ราวกับว่าทั้งท้องฟ้าถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน
และแทบจะในเวลาเดียวกัน อุณหภูมิของที่นี่ก็สูงขึ้นอย่างหาที่เปรียบมิได้ ร้อนระอุแผดเผา เพียงพอจะเผาคนธรรมดาให้ไหม้เกรียมในพริบตา
แต่ฉับพลันนั้นเสียงร่ายคาถาพลันหยุดลง หมอกสีแดงทยอยกันจมหายเข้าไปในชั้นน้ำแข็งบนพื้น
เสียงอึกทึกราวกับอัสนีฟาดดังออกมาจากใต้ดินอย่างต่อเนื่อง!
จากนั้นเสียง “ครืนๆ” พลันดังขึ้น เสาลำแสงสีแดงสดขนาดเท่าปากชามพุ่งออกมาจากน้ำแข็ง
เสาลำแสงเหล่านี้กะพริบวาบ ชั้นน้ำแข็งก็หลอมละลายอย่างรวดเร็ว พื้นดินในบริเวณรอบละลายกลายเป็นของเหลวสีแดงสดท่ามกลางลำแสงสีแดงในพริบตา
เพียงสองสามชั่วลมหายใจ พื้นดินขนาดใหญ่ก็กลายเป็นบ่อลาวาขนาดยักษ์
ยอดเขาสีดำที่อยู่กลางลาวาคุกรุ่นค่อยๆ หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ พริบตาก็จมหายเข้าไปในลาวากว่าครึ่ง
“แค่ใช้พลังมหาศาลนั้นไม่อาจทำร้ายนายท่านได้จริงๆ ด้วย!”เสียงของหานลี่ดังออกมาจากสี่ทิศแปดด้าน
จากนั้นยอดเขาสีดำในลาวาก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จนมีขนาดสองสามฉื่อ จากนั้นพลันสั่นเทา กลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งออกไป
แต่เมื่อบินออกมาจากลาวาได้สองสามลี้ กลางลาวาพลันมีเสียงพูดอันเย็นชาของชายชราแซ่ถูดังขึ้น
“ถ้ำพำนักของตาเฒ่าขาดของประจำถ้ำพอดี สมบัติชิ้นนี้ไม่เลว ทิ้งให้ข้าก็แล้วกัน”
สิ้นเสียงในลาวาพลันมีคลื่นลาวาปะทุขึ้นสิบจั้งเศษ จากนั้นลำแสงสีแดงพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นฝ่ามือสีแดงสดข้างหนึ่ง คว้าภูเขาสีดำเอาไว้ในมือ
มือยักษ์เปล่งแสงสีแดงสว่างวาบ คิดจะดึงสมบัติชิ้นนี้กลับเข้าไปในลาวา
แต่แม้ว่าหานลี่จะเก็บอานุภาพกว่าครึ่งของภูเขาลูกนี้มาแล้ว แต่น้ำหนักของภูเขาเทวะดูดปราณก็ยังไม่ใช่สิ่งที่มือลวงตาข้างหนึ่งจะเคลื่อนย้ายได้ง่ายๆ
ภูเขาสีดำแค่กะพริบเรืองๆ ไม่ขยับเลยสักนิด แต่เมื่อถูกดึง ก็ไม่อาจลอยไปทางม่านลำแสงสีเขียวที่อยู่ใกล้กันได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
แต่หานลี่พลันแค่นเสียงด้วยความเย็นชา จากนั้นมือยักษ์สีแดงก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นรอบด้าน จากนั้นเส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
พวกมันแค่กะพริบวาบก็วนรัดมือยักษ์ลาวาอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างจ้า ลาวาที่กลายเป็นมือยักษ์พลันถูกฟันเป็นเจ็ดแปดส่วน ภูเขาสีดำถือโอกาสนี้เปล่งเสียงคำรามแล้วพุ่งหนีไปอีกครั้ง เห็นเพียงลำแสงสีดำกะพริบวาบๆ แล้วจมหายเข้าไปในม่านลำแสงอย่างไร้ร่องรอย
เส้นไหมสีเขียวที่ปรากฏขึ้นเหล่านั้นพลันเลือนรางไปกลางอากาศ ราวกับว่าไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
“มีอิทธิฤทธิ์อยู่บ้างดังคาด มิน่าล่ะถึงกล้าเผชิญหน้ากับตาเฒ่าตรง!” ชายชราดูเหมือนว่าจะไม่ได้โกรธขึ้ง แต่น้ำเสียงกลับอึมครึมมาก
แทบจะในเวลาเดียวกัน ลาวาในบ่อลาวาพลันแยกตัวออก รอบกายชายชรามีลำแสงสีแดงเปล่งแสงระยิบระยับ พุ่งขึ้นไปด้านบนสิบจั้งเศษ แล้วถึงได้หยุดกาย
เขามีสีหน้าระวังภัย สายตากวาดไปรอบๆ อย่างเคร่งขรึม
“เขตอาคมกระบี่!” ชายชราหน้าเปลี่ยนสี มองปราดเดียวก็มองออกสองสามส่วน
ทว่าในเวลาเดียวกันที่ชายชราปรากฏตัว ดอกบัวลำแสงสีเขียวรอบด้านพลันขยายใหญ่ขึ้น ฉับพลันนั้นกลีบดอกบัวจำนวนนับไม่ถ้วนพลันพุ่งออกมา
พวกมันกะพริบวาบระหว่างทาง แล้วกลายเป็นมีดวายุสีเขียวเป็นสายๆ ในพริบตา พุ่งไปหาชายชราอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่รอให้เขาได้ร่ายอาคมใดๆ ลำแสงสีแดงบนผิวกายก็ขยายออกมา กลายเป็นม่านลำแสงสีแดงสดห่อหุ้มตัวเองเอาไว้ข้างใน
เสียง “ครืนๆ” ดังสนั่นขึ้น มีดวายุจมหายเข้าไปในลำแสงสีแดงราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ แต่ครู่ต่อมากลับแล่นเปรี้ยงปร้างกลายเป็นลูกบอลเพลิงเปล่งแสงเจิดจ้า ชั่วพริบตาก็หายวับไป
ไม่รู้ว่าชนชั้นสูงของเผ่าแมลงมีเขาผู้นี้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเพลิงชนิดใด คาดไม่ถึงว่าจะบ้าคลั่งถึงเพียงนี้
แม้แต่การโจมตีจากภาพลวงตาก็สามารถเผาไหม้ได้จริง
แต่ในเมื่อชายชราอยู่ในเขตอาคมกระบี่ แน่นอนว่าขั้นตอนการโจมตีของหานลี่ไม่ได้มีแค่นี้
พริบตาที่มีดวายุไร้ผล ท้องฟ้ามีแสงสีเขียวเจิดจ้า ไม้ยักษ์สีเขียวขนาดเท่าถังน้ำปรากฏขึ้น จากนั้นก็กระทุ้งลงใส่หัวและหน้าดังโครมๆ
เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดจะพบว่า ไม้ยักษ์ทุกท่อนมีสีดำแต้มอยู่ในสีเขียว ดูเหมือนหนักอึ้งไร้ที่เปรียบ
ชายชรากลับแสยะยิ้มเย็นชา ลำแสงสีแดงบนผิวพลิ้วไหวอยู่บนแขนเสื้อของเขา แล้วพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ทุกแห่งที่ลำแสงสีแดงกวาดผ่านไป ไม้ยักษ์สีเขียวเหล่านั้นไม่ทันได้ตกลงมาถึงสิบจั้งเศษ ก็จะกลายเป็นควันสีเขียวทยอยกันสลายหายไป
“เด็กเอ๋ย อย่าเสียเวลาเปล่าเลย หากเขตอาคมกระบี่เป็นเขตอาคมธาตุอื่น ก็อาจจะสร้างความยุ่งยากให้ตาเฒ่าได้ แต่เขตอาคมธาตุไม้บริสุทธิ์นั้น มันไม่มีผล ตาเฒ่าทำลายเขตอาคมนี้ได้แค่พลิกฝ่ามือเท่านั้น” ชายชราตะโกนเสียงเ**้ยม
จากนั้นสองมือพลันร่ายอาคม ลำแสงสีแดงบนผิวสั่นคลอน ฉับพลันนั้นเสาลำแสงสีแดงสดเป็นสายๆ ก็พุ่งออกไปสี่ทิศแปดด้าน
เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป พวกมันทยอยกันโจมตีไปยังม่านลำแสงสีเขียว
ชั่วครู่ความร้อนระอุก็แผ่ไปทั้งท้องฟ้า
ชายชราเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
ในความคิดของเขาใช้เคล็ดวิชาธาตุไฟที่บ้าคลั่งเผชิญหน้ากับเขตอาคมต้องห้ามธาตุไม้ย่อมทำลายลงได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้จึงทำลายเขตอาคมกระบี่ จากนั้นก็อาศัยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่ง สังหารคู่ต่อสู้ที่ยุ่งยากอยู่นอกเหนือความคาดหมายตรงหน้าในบันดล
เสียง “ปังๆๆ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนแรกม่านลำแสงรอบด้านราวกับจะเป็นอย่างที่ชายชราคิดเอาไว้ ถูกเสาลำแสงทะลวงจนเป็นรูโบ๋ได้อย่างง่ายดาย ดอกบัวสีเขียวเหล่านั้นพลันสลายหายไปในทันที
แต่ในยามนั้นเองฉับพลันนั้นชายชราพลันรู้สึกว่าทัศนียภาพรอบด้านรางเลือน ม่านลำแสงดอกบัวสีเขียวรอบด้านหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา ตนกลับอยู่ในแดนที่ไม่คุ้นเคย รอบด้านล้วนเป็นต้นไม้สูงระฟ้าความสูงยี่สิบสามสิบจั้ง
“เคล็ดวิชาลวงตา!” แม้ว่าชายชราจะมีประสบการณ์มากมาย ครั้งนี้ก็ยังตะลึงงัน
เคล็ดวิชาลวงตาไม่ได้มหัศจรรย์อะไรนักสำหรับเขตอาคมต้องห้ามอื่นๆ แต่กลับเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากสำหรับเขตอาคมกระบี่ที่เสาะหาพลังบริสุทธิ์มาโดยตลอด อย่างน้อยที่สุดชายชราเองก็เพิ่งเคยเห็นเขตอาคมกระบี่แฝงเคล็ดวิชาลวงตาเป็นครั้งแรก
ทว่าชายชราแซ่ถูก็กลับมามีสีหน้าเคร่งขรึมในทันใด มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวมีแสงสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบ เสาเปลวเพลิงสีแดงสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าดัง “พรึ่บ”
ชายชราอ้าปากพ่นยันต์วิเศษสีขาวออกมาแผ่นหนึ่ง
ยันต์แผ่นนี้เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป กลายเป็นพายุหมุนสีขาวกลุ่มหนึ่งจมหายเข้าไปในเสาเพลิง
พริบตานั้นเพลิงวายุพลันผสมพัวพันกัน เดิมทีเสาเพลิงมีความหนาแค่สองสามจั้งพลันกรีดร้องแล้วมีขนาดหนาถึงสิบจั้งเศษ อานุภาพยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง
ชายชราอยู่ตรงใจกลางเสาเพลิง คิดไม่ถึงว่านั่งสมาธิลง ในเวลาเดียวกันเหนือหัวพลันมีแสงสีแดงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะมีเงาลวงตายักษ์เรือนกายมีเกล็ดสีแดงสด หน้าตาดุดันเขี้ยวงอกปรากฏขึ้น
พริบตาที่เงาลวงตาปรากฏขึ้น พลังปราณฟ้าดินในละแวกนั้นต่างก็เริงระบำถูกเรียกใช้
ลำแสงห้าสีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ทยอยกันปรากฏออกมาในรัศมียี่สิบสามสิบลี้ของยอดเขา ป่ารก ต้นไม้ใบหญ้า
พวกมันดูเหมือนจะถูกอะไรร้องเรียกสักอย่าง เขตอาคมกระบี่ทั้งหมดทะลักออกมาจากทุกตำแหน่งอย่างบ้าคลั่ง ร่อนลงมาจากบนท้องฟ้าอย่างเนืองแน่น แต่เมื่อเข้าใกล้เขตอาคมกระบี่ ก็ถูกกระบี่ลำแสงสีเขียวต้านทานไว้ภายนอก
ลำแสงหลากสีสันเหล่านี้ทำให้กระบี่ลำแสงเริงระบำ แล้วทยอยกันระเบิดออก กลายเป็นหมอกห้าสีเป็นกลุ่มๆ
แต่จำนวนของดวงลำแสงมันมากเกินไป มากมายจนนับไม่ถ้วน!
ชั่วครู่หลังจากระเบิดออกกลายเป็นหมอกควันพลันเปลี่ยนของข้นเหนียวราวกับของเหลว ทำให้กระบี่ลำแสงสีเขียวค่อยๆ เริงระบำช้าลง เปลี่ยนเป็นเฉื่อยชา
และแทบจะในเวลาเดียวกัน ชายชราแซ่ถูพลันกระตุ้นเสาเพลิงขนาดยักษ์ เริ่มกำเริบเสิบสานทำร้ายทุกอย่างตามอำเภอใจกลางเคล็ดวิชาลวงตาในเขตอาคมกระบี่!
เคล็ดวิชาลวงตากลายเป็นไม้ยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วน หมุนวนไปทางเสาเพลิง ทยอยกันปลิวว่อนไป ไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด
แม้ว่าต้นไม้เหล่านี้จะเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น แต่ลมปราณที่สร้างพวกมันกลับเป็นกระบี่บินที่มีพลังไม้บริสุทธิ์แฝงอยู่
ไม่ว่าต้นไม้เหล่านั้นจะเป็นของจริงหรือไม่ แต่ภายใต้การโจมตีด้วยพลังเพลิงที่แข็งแกร่ง แน่นอนว่าย่อมทยอยกันเผาไหม้แล้วสลายหายไป
ชั่วขณะนั้นทัศนียภาพรอบด้านของชายชราพลันรางเลือน สถานที่จริงปรากฏออกมาอีกครั้ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น